กุญแจดอกที่ 14
“ปี้ก้าน หนูกลับมาแย้ว คิดถึนหนูมั้ย”
เสียงทักทายของนายน้อยทำให้ก้านอดยิ้มตามไม่ได้ เด็กน้อยวิ่งเข้ามาหาก้านโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของใคร ทั้งที่ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเจ้าตัวเล็กผู้ร่าเริงยังงอแงไม่ยอมขึ้นเครื่องบินอยู่เลย พญากับเทียมฟ้าปลอบก็แล้วหาของเล่นมาล่อก็แล้วแต่ก็ยังไม่ได้ผล จนกระทั่งโอบอุ้มช่วยหว่านล้อมอยู่นานหนูด้วงถึงได้ยอม พอขึ้นไปอยู่บนเครื่องก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วชวนคุยไม่หยุด ทุกคนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหนูด้วงถึงมีอาการงอแงก่อนขึ้นเครื่องบินทุกทีแต่เมื่อขึ้นไปแล้วก็ไม่มีอาการกลัวหรืองอแงให้เห็นเลยสักครั้ง
“คิดถึงนายน้อยที่สุดเลยครับ โอ้โห...ไปอยู่เมืองกรุงไม่กี่วันตัวหนักขึ้นมาเลยนะครับ” ก้านช้อนตัวหนูด้วงขึ้นมาอุ้ม อยากจะหอมให้หายคิดถึงแต่ก็ไม่กล้ากลัวว่าแก้มของเจ้านายตัวน้อยจะเปื้อนเหงื่อของตัวเอง
“สวัสดีครับพี่ก้าน” โอบอุ้มยกมือสวัสดีก้าน
“สวัสดีครับคุณโอบ สวัสดีครับนาย สวัสดีครับคุณชายน้อง” ก้านรับไหว้โอบอุ้มก่อนจะหันไปทักทายเจ้านายของตัวเองและเทียมฟ้า
“ทำไมไม่บอกกูว่ามึงถูกลอบยิง แล้วก้อนมันเป็นยังไงบ้าง” พญาถามเสียงเข้มจนก้านต้องหันไปทำตาดุใส่ถนอม ก้านใช้ให้มันไปรับนายจากสนามบิน คิดว่ามันคงรายงานให้นายพญาฟังเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่นายไม่อยู่เรียบร้อยแล้ว
“ก้อนมันหายดีแล้วครับ”
“เดี๋ยวมึงพาน้องกับเด็กๆ กลับไปค้างที่บ้านพ่อกูก่อน ไปส่งเสร็จแล้วมึงมาคุยกับกูที่บ้านตลาด”
“บ้านพักที่ตลาดยังไม่เสร็จเหรอครับ” เทียมฟ้าถามก้าน
“เอ่อ...ยังไม่เสร็จดีครับ” ก้อนได้รับคำสั่งจากนายพญามาก่อนแล้วว่าให้ปิดเทียมฟ้าเรื่องบ้านพักที่ตลาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายบอกมันว่ายังมีอะไรบางอย่างที่นายต้องทำก่อน ก้านเลยจำเป็นต้องโกหกคุณชายน้องไปแบบนั้น
“แต่น้องอยากเห็น ไปที่ตลาดก่อนไม่ได้เหรอครับ” เทียมฟ้าอ้อนพญา
“เอาไว้ให้เสร็จก่อนค่อยเห็นทีเดียว” พญาโยกศีรษะเทียมฟ้าเบาๆ
“นายหัวพยนต์ก็เพิ่งกลับลงมาจากวัด ท่านรอหนูด้วงอยู่ที่บ้านครับ ให้แม่บ้านเตรียมอาหารเอาไว้เต็มเลย คุณพเยียก็กลับมาแล้ว อยากเจอคุณโอบเหมือนกัน” ก้านรายงานให้เจ้านายของมันทราบ
“แล้วทำไมพี่ไม่กลับบ้านไปด้วยกันก่อน” เทียมฟ้าหันไปอ้อนพญาอีกครั้ง
“พี่ขอไปทำธุระก่อน”
“อาน้อนไม่ดื้อนะ ยุงพะยาต้อนทำงาน มามา ไปกะหนูนะ ไปเย่นฉะน้ำที่บ้านคุณตากันนะ” หนูด้วงเห็นเทียมฟ้างอแงเลยทั้งดุทั้งปลอบ
“ฮ่าๆ หลานคนนี้ได้ดั่งใจน้าจริงๆ” พญาหัวเราะชอบใจ
“อาน้องรับทราบแล้วครับ” เทียมฟ้าขำที่โดนหนูด้วงดุเลยต้องรีบหายงอแงกับพญา
“นาย! นายกลับมาแล้ว ผมคิดถึงนายจังเลย”
“พี่พญา!”
พญาถอนหายใจออกมาทันทีที่เห็นโจ้กับเบล ทั้งสองคนพยายามวิ่งเบียดกันมาหาเขาแบบไม่มีใครยอมใคร เมื่อมาถึงตัวเขาต่างก็สวมกอดแขนของเขาเอาไว้คนละข้าง พญารีบหันไปมองเทียมฟ้าแต่ก็เห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่มีอาการหงุดหงิดให้เห็น
“ปล่อยแขนกู” พญาสั่งโจ้กับเบลแต่ทั้งคู่ยังไม่ยอมทำตาม
“ผมคิดถึงนาย โทรไปนายก็ไม่รับสาย” โจ้อ้อนพญาโดยไม่สนใจเลยว่าเทียมฟ้ายืนอยู่ด้วย
“พี่พญาเขาไปเที่ยวแล้วแกจะโทรไปกวนใจเขาทำไม จำไม่ได้รึไงว่าพี่พญาไม่ชอบให้วุ่นวาย” เบลหันมาต่อว่าโจ้
“อย่าเสือก” โจ้ถลึงตาใส่เบล
“ปล่อยแขนกูทั้งคู่ มึงจะทำอะไรก็เกรงใจแฟนกูบ้าง” พญาอยากจะตวาดทั้งโจ้และเบลแต่กลัวว่าหนูด้วงจะตกใจเลยได้แต่ทำเสียงเข้มๆ ให้ทั้งคู่รู้ว่าเขาเริ่มไม่พอใจ
“ขอโทษครับ” เบลรีบปล่อยมือแขนของพญาออกแล้วหันไปขอโทษเทียมฟ้าด้วยสีหน้าจ๋อยๆ
“ขอโทษมันทำไม พวกเรามาก่อน ถึงมันจะเป็นแฟนนายตอนนี้แต่พวกเราเคยเป็นมากกว่านั้น” โจ้เบ้ปากใส่เทียมฟ้า
“ไอ้โจ้ มึงอยากถูกกูถีบตกน้ำไหม” ก้านเห็นโจ้แสดงอาการไม่ดีใส่เทียมฟ้าจึงทนไม่ได้
“เฉือกคืออะได” หนูด้วงฟังอยู่นานพอได้ยินคำแปลกหูเลยอดสงสัยไม่ได้
“เสือกก็แปลว่าสาระแ...” โจ้กำลังจะอธิบายให้หนูด้วงฟังแต่พูดไม่จบประโยคก็ต้องหยุดเมื่อเห็นสายตาของเทียมฟ้า โจ้เคยโดนเทียมฟ้าสั่งสอนจนสลบไปครั้งหนึ่งเลยไม่กล้าปากดีอีกเมื่อเห็นสายตาดุดันของเทียมฟ้าอีกครั้ง
“นึกว่าจะแน่” เบลหันไปขำโจ้ก่อนจะหันไปส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เทียมฟ้า
“พี่พญา”
“ใครเรียกกูอีกวะ...เฮ้อ” พญาได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อตัวเองอีกก็นึกรำคาญใจ ถ้ารู้ว่าการใช้ชีวิตแบบเสเพลในอดีตจะทำความยุ่งยากมาถึงอนาคตพญาก็คงจะไม่ทำมัน ยิ่งเห็นเจ้ากระต่ายเริ่มหงุดหงิดก็สังหรณ์ใจว่าวันนี้งานจะเข้าตัวเองแน่ๆ
“ผมบอกให้คุณตวงรอก่อนแล้วจะพามาเอง ทำไมถึงดื้อนัก” ก้านเห็นตะวันก็ตกใจ ไม่รู้ว่าตะวันรู้ได้ยังไงว่านายพญาจะกลับมาวันนี้ ก้านอุตส่าห์หนีออกมาจากบ้านก่อนแต่ตะวันก็ยังตามมาได้
“ตวง...มาที่นี่ได้ยังไง แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้” พญาเห็นตะวันก็นึกแปลกใจเพราะนายหัวสุริยาเคยลั่นวาจาว่าจะไม่ให้ตะวันมาเหยียบที่เกาะใบไม้ครามอีก พอเห็นการสภาพร่างกายที่ผ่ายผอมของอีกฝ่ายก็รู้สึกสงสาร
“พี่พญา” ตะวันเดินเข้ามาสวมกอดพญาแล้วร้องไห้ออกมาทันที พญานิ่งอึ้งไปแต่สุดท้ายก็ยกมือขึ้นมาลูบที่แผ่นหลังของตะวันเบาๆ
“ทีแบบนี้ทำไมไม่หึง” โจ้เห็นตะวันก็ตกใจมากกว่าใคร มันไม่คิดว่าจะเห็นตะวันบนเกาะแห่งนี้อีก แต่พอเห็นพญาอ่อนโยนกับตะวันก็ไม่พอใจจึงพาลไปตวาดใส่เทียมฟ้า
“ขอโทษครับ” ตะวันนึกขึ้นได้ว่าพญามีคนที่จริงจังด้วยแล้วก็รีบผละตัวออกจากพญา รีบเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วมองไปที่เทียมฟ้าก่อนจะกล่าวคำว่าขอโทษ
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ น้องขอตัวพาเด็กๆ กลับบ้านก่อนนะครับ” เทียมฟ้ายิ้มให้ตะวันก่อนจะเดินผ่านพญาไปแบบไม่มองหน้า
“เดี๋ยวผมอธิบายให้คุณชายฟังเองครับนาย” ก้านบอกกับเจ้านายของมันก่อนจะรีบเดินตาเทียมฟ้าไป
“สวัสดีครับคุณตวง สบายดีนะครับ” เบลทักตะวันแต่ตะวันไม่ทักตอบเพราะไม่เคยชอบอดีตของพญาเลยสักคน
“หึ..ไงล่ะ อยากจะเป็นคนดีเป็นมิตรกับคนไปทั่ว แม้แต่เงามึงเขายังไม่มองเลย พวกที่คิดว่าตัวเองสูงส่งแต่จริงๆ แล้วก็ต่ำ” โจ้ยิ้มเยาะเบลก่อนจะปลายตามองเมื่อเดินผ่านตะวันไป นึกหงุดหงิดที่อดีตของพญากลับมารวมตัวกันบนเกาะอีกครั้ง
“เบลขอตัวก่อนนะครับ” เบลหน้าเสียที่ตะวันไม่ยอมมองหน้าตัวเองเลยเดินตามโจ้ออกไปอีกคน
“ตวงขอโทษถ้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาโกรธพี่” ตะวันน้ำคลออีกครั้ง แม้จะรู้แล้วว่าพญากำลังคบเทียมฟ้าอยู่แต่พอถึงเวลาจริงก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์
“เขาไม่โกรธพี่หรอก น้องเขาเป็นคนมีเหตุผล แล้วตวงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“พ่อไล่ตวงออกจากบ้าน ตวงไม่รู้จะไปไหนเลยมาหาพี่ ตวงขอโทษนะครับที่ไม่เคยเชื่อพี่เรื่องของพ่อ”
“ช่างมันเถอะ ไปที่สำนักงานของพี่ก่อน” พญาเห็นอดีตคนรักในชุดเสื้อผ้าเก่าๆ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ถึงพญาจะไม่ได้รักตะวันแต่ตะวันก็เป็นคนที่จริงใจกับพญามาโดยตลอด ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องที่ตะวันนอกใจไปมั่วกับคนอื่นทั้งที่เขาคิดว่าตะวันเป็นคนที่รักเขาจากใจ พญาเคยคิดที่จะยอมทิ้งกฎเหล็กของตัวเองเรื่องที่จะไม่ยอมมีพันธะผูกพันกับใคร จะยอมเลิกยุ่งกับคนอื่นเพื่อตะวันอยู่แล้วแท้ๆ แต่ตะวันกลับเป็นคนทำให้กำแพงของพญาสูงขึ้นกว่าเดิม
พญาเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เคยซื้อเก็บเอาไว้มาให้ตะวันเปลี่ยนหลังจากที่มาถึงห้องพักแล้ว ตะวันเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าพญาเพราะคุ้นชิน จนเห็นว่าพญาหันไปมองทางอื่นถึงได้หน้าเจื่อนไป ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว ทุกอย่างมันจบไปแล้ว พญาดูเปลี่ยนไป ไม่พูดจาโผงผางเสียงดังเหมือนแต่ก่อน การแต่งการหรือบุคลิกก็ดูแตกต่างไปจากเดิม ตะวันคิดว่าตัวเองก็ไม่เหมือนเดิมเช่นกัน คนที่แปดเปื้อนไปแล้วคงไม่มีวันสะอาดอีกแล้วสำหรับพญา
“ทำไมปล่อยตัวเองให้ผอมขนาดนี้” พญาถามเมื่อตะวันมานั่งลงข้างๆ
“พี่ตกแต่งที่นี่ใหม่เพื่อเขาใช่ไหมครับ สวยจัง” ตะวันไม่ได้ตอบคำถามของพญาแต่มองไปรอบๆ ห้องแทน
“ถ้าพี่ตอบว่าใช่ ตวงก็ต้องเจ็บ จะถามทำไม”
“คงไม่มีอะไรให้เจ็บไปกว่าวันนั้นแล้วครับ” ตะวันยิ้มให้พญาแต่เป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้าหมองที่สุด
“ตวงอยากให้พี่ลืมแล้วทำไมตัวเองยังจำ เราทุกคนมีอดีตที่เปลี่ยนไม่ได้แต่เรามีอนาคตที่เลือกได้ เดินหน้าต่อไปได้แล้ว”
“ทางเดินของตวงไม่มีวันจะมีพี่อีกแล้วใช่ไหม” ตะวันพยายามจะกลั้นน้ำตาแต่ว่ามันก็ทะลักออกมาอยู่ดี
“มีได้แต่คงไม่ใช่แบบที่ตวงต้องการ”
“เขาทำให้พี่เปลี่ยนไปมากเลยนะครับ พี่คงรักเขามาก”
“เขาไม่ได้ทำให้พี่เปลี่ยนไป แต่พี่อยากเปลี่ยนไปเพราะเขา เขาเริ่มต้นเท่ากับทุกคนที่พี่เคยคบ แต่เขาใช้ความจริงใจเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเองจนกลายมาเป็นคนสำคัญ พี่ไม่อยากให้ตวงเกลียดหรือคิดไม่ดีกับเขาเพียงเพราะพี่รักเขา เขาเป็นคนดี ตวงไม่อยากให้พี่เจอคนดีๆ เหรอ” พญาพูดตรงๆ กับตะวัน เพราะไม่อยากให้ตะวันยังหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีก อยากให้ตะวันได้คิดและก้าวเดินต่อไป
ตะวันได้แต่พยักหน้าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด แม้จะเจ็บเจียนตายแต่ก็อดทนเพราะตัวเองเป็นคนทำลายโอกาสที่เคยมีเอง ตะวันดีใจที่พญาได้เจอคนดีแต่ก็เสียใจที่ตัวเองดีไม่พอให้พญารัก อยากจะขอกอดพญาอีกครั้งแต่ก็ไม่กล้า ตอนนี้ได้แต่คิดว่าตัวเองควรไปอยู่ที่ไหนเพราะที่นี่ไม่ใช่ที่ของตัวเองอีกแล้ว
“ตวงรู้ว่ามันอาจเปล่าประโยชน์หากจะพูดไป แต่พี่ฟังตวงสักครั้งนะครับ วันนั้นตวงไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นจริงๆ ตวงยอมรับว่างอนพี่เลยจะขับเรือออกไป แต่พอเข้าไปในเรือมันก็เริ่มมึนงง แล้วทุกอย่างมันก็เกิดขึ้น ตวงไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมถึง...”
“พี่ไม่ได้โกรธที่ตวงมีอะไรกับใครเพราะพี่เองก็มีคนอื่น สิ่งที่ทำให้พี่ผิดหวังคือตวงปล่อยตัวเองให้ไปเจอกับสถานการณ์แบบนั้น ตวงไม่เคยเชื่อคำพูดของพี่ ถ้าใครสักคนอยากจะมายืนเคียงข้างคนอย่างพี่ก็ต้องเป็นคนเหมาะสมกับที่ตรงนั้นจริงๆ ต่อให้เขาไม่ใช่คนดี ไม่ใช่คนบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ขอให้หนักแน่นพอที่จะไม่หวั่นไหวกับคำของคนอื่นที่มีต่อพี่และขอให้คำพูดของพี่หนักแน่นพอที่เขาจะเชื่อใจ”
ตะวันได้ยินแล้วก็รับรู้ได้ทันทีว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติที่ว่านั่นเลย ตะวันมักจะเชื่อคำยุยงของโจ้จนทำให้มีปัญหากับพญาบ่อยๆ เชื่อคำโกหกของพ่อแต่ไม่เคยเชื่อในสิ่งพญาพยายามเตือน ตะวันรู้แล้วว่าที่พญาปล่อยมือจากตะวันไม่ใช่เพราะตะวันแปดเปื้อนแต่เพราะตะวันไม่เคยทำให้พญาภูมิใจในตัวเองได้เท่ากับใครคนนั้น
“ตวงเข้าใจแล้ว” ตะวันเช็ดน้ำตาก่อนจะพรูลมหายใจออกมา อย่างน้อยก็ได้รู้แล้วว่าพญาไม่ได้รังเกียจตัวเอง
“ถ้ายังไม่อยากกลับบ้านก็อยู่ที่เกาะนี้ไปก่อน ไปอยู่ที่โรงแรมของพี่ พี่จะให้พเยียจัดการให้”
“ไม่เป็นไรครับ ตวงอยู่กับพี่ก้านก็ได้”
“ก้าน...ไอ้ก้านน่ะเหรอ นี่ตวงไปอยู่กับไอ้ก้านมาเหรอ” พญารู้สึกตกใจมากกว่าตอนเห็นตะวันที่นี่เสียอีกเพราะปกติแล้วก้านมันไม่เคยพาใครไปบ้าน ไม่ชอบให้ใครไปวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของมัน
“ครับ พี่ก้านมีน้ำใจกับตวงมาก แม่ของพี่ก้านกับก้อนก็ดีกับตวงมาก ตวงไม่อยากไปอยู่ที่โรงแรมของพี่ กลัวว่าพ่อจะมาหาเรื่องพ่อของพี่”
“แล้วตวงอยู่ได้เหรอ บ้านของก้านมันไม่สะดวกสบายแบบที่ตวงเคยอยู่”
“ได้ครับ ตวงไม่อยากสบายจากเงินเลวๆ ที่พ่อได้มา บ้านของพี่ก้านก็สบายดี”
“ยังไงเขาก็เป็นพ่อ”
“ครับ ยังไงเขาก็เป็นพ่อ ตวงรู้ว่าเขาทำแบบนั้นเพื่อตวง แต่ตวงไม่ต้องการให้พ่อเข้าไปยุ่งกับเรื่องไม่ดี ตวงมีเรื่องอยากให้พี่ช่วย”
“ว่ามาเลย ถ้าพี่ช่วยได้พี่จะช่วย”
แล้วตะวันก็บอกเรื่องที่มิสเตอร์คิมจะให้บิดาของตัวเองส่งยาให้กับลูกค้าที่มาพักอยู่ที่เกาะแห่งนี้ ตะวันเล่าให้ก้านฟังแล้วและก้านกำลังตามสืบอยู่ว่าลูกค้าของมิสเตอร์คิมเป็นใคร ตะวันไม่อยากให้บิดาทำงานนี้อีกแต่การขอร้องบิดาคงไม่ทำให้ฝ่ายนั้นเปลี่ยนใจได้ ตะวันคิดว่านายหัวสุริยาคงกลัวว่ามิสเตอร์คิมจะปิดปากตัวเองจึงไม่กล้าที่จะถอนตัว ตะวันเลยอยากขอความช่วยเหลือจากพญาว่าพอมีหนทางไหนบ้างที่จะทำให้นายหัวสุริยาปลอดภัย
พญาได้ฟังก็รับปากว่าจะหาทางช่วย แต่ก็บอกให้ตะวันเก็บตัวให้เงียบก่อนเพราะกลัวมิสเตอร์คิมจะไหวตัวทันและคิดปองร้ายตะวัน เมื่อก้านกลับมาจากไปส่งเทียมฟ้าแล้วพญาก็ซักถามเรื่องที่ก้านโดนลอบทำร้าย ก้านไม่ได้พูดออกมาว่าเป็นนายหัวสุริยาเพราะเห็นว่าตะวันนั่งอยู่ด้วยแต่ตะวันรีบบอกกับพญาและก้านว่าบิดาของตัวเองไม่มีส่วนรู้เห็นเพราะได้ยินมากับหูเรื่องที่บิดาโทรไปต่อว่ามิสเตอร์คิมที่ทำเรื่องนี้โดยพลการ ก้านรู้สึกดีขึ้นมาบ้างเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ฝีมือของนายหัวสุริยา
พญาหยิบเงินให้ก้านไปก้อนหนึ่งเพื่อเอาไว้ดูแลตะวันแต่ก้านปฏิเสธ มันบอกกับพญาว่าเงินเดือนที่ได้จากพญาเพียงพอที่จะดูแลตะวันแล้ว พญาลอบมองก้านสลับกับตะวันก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก พอก้านเห็นรอยยิ้มของเจ้านายก็ทำหน้าไม่ถูกรีบหลบสายตาทันที
“มึงมีอะไรจะบอกกูไหม” พญาถามก้านหลังจากที่บอกให้ตะวันไปล้างหน้าล้างตาให้ดีก่อนกลับ
“ยังไม่มีครับนาย”
“ยังไม่มีกับไม่มีมันต่างกันนะโว้ยไอ้ก้าน”
“โธ่นาย จะมาบังคับอะไรไอ้ก้านล่ะครับ” ก้านทำเสียงจ๋อยๆ เพราะยังไม่อยากพูดอะไร
“เออ ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก แต่มึงต้องรับเงินกูไป อันดับแรกคือเอาเงินนี่ไปติดแอร์ทั้งบ้านของมึง ร้อนจะตายห่าปล่อยให้แม่ให้น้องนอนเป็นปลาแดดเดียวอยู่ได้ มึงมันงกไม่เข้าเรื่อง อันดับต่อไปคือมึงไปซื้อของใช้ส่วนตัวให้ตวง ให้เขาใส่เสื้อผ้ามึงอย่างกับคนแคระในชุดยักษ์ ซื้อให้ใส่แต่ไม่ต้องไปใส่ให้เขาล่ะ”
“โธ่นาย พูดอะไรก็ไม่รู้”
“เห๊อะ ไอ้ก้าน กูกับมึงเหมือนพี่เหมือนน้อง แค่แวบแรกที่กูเห็นสายตาของมึงก็รู้หมดแล้ว”
“นาย...ผม...”
“กูกับเขาจบกันไปแล้ว มึงอย่ามาทำตัวเป็นคนขี้เกรงใจให้มากนัก อีกอย่างหนึ่งคือมึงจะไม่รับเงินช่วยเหลือจากกูก็ได้ แต่รอให้มึงเป็นอะไรกับเขาก่อน เข้าใจไหมไอ้พระเอก” พญานึกขำลูกน้อง มันเคยบ่นเรื่องที่เขาชอบมองหนุ่มหน้าตาดีๆ มันเคยบ่นว่าขนหัวลุกตอนที่เขาจู๋จี๋บรรดาเด็กในสังกัดต่อหน้ามัน นี่แหละที่บอกว่า ‘ว่าเขาอิเหนาเป็นเอง’
“โธ่...นาย ไอ้ก้านอุตส่าห์ช่วยพูดให้คุณชายเข้าใจในตัวนายแต่นายกลับมาแกล้งให้ไอ้ก้านอาย”
“เออ ขอบใจที่ช่วยพูดให้ แต่คุณชายของมึงถ้าลองงอนแล้วใครก็ช่วยไม่ได้ ต้องกูเองเท่านั้น ไปๆ มึงพาตวงกลับบ้านไปแล้วไปทำอย่างที่กูสั่งอย่าขัดใจกู กูมีอะไรที่ต้องรีบทำเหมือนกัน”
เมื่อก้านพาตะวันกลับไปแล้วพญาก็ลอบถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าก้านรู้สึกยังไงกับตะวันแต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ก็คือคนอย่างไอ้ก้านลองมันตัดสินใจที่จะดูแลใครมันก็จะดูแลเขาไปจนตัวมันตาย ถ้าสองคนนั้นมีใจต่อกันและรักกันได้จริงพญาก็ดีใจเพราะตะวันก็คือคนที่พญายังเป็นห่วงเสมอ ส่วนไอ้ก้านก็เป็นเหมือนแขนขาของพญาไปแล้ว พญานั่งยิ้มคนเดียวเมื่อคิดว่าร่างกายของพญาจะเป็นของใครไม่สำคัญเพราะหัวใจของพญาเป็นของหม่อมราชวงศ์เทียมฟ้าเท่านั้น...คนเดียวเท่านั้น
...
เทียมฟ้าเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบเมื่อฟ้ามืดแล้วแต่พญายังไม่กลับบ้านเสียที เขาได้ฟังคำบอกเล่าจากก้านแล้วเรื่องของตะวัน เทียมฟ้านึกเห็นใจตะวันกับเรื่องที่ได้เจอมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เขายอมรับว่าไม่ได้หึงแต่หวงและเป็นห่วง โทรศัพท์ไปพญาก็ไม่ยอมรับสาย จนพเยียเดินเข้ามาหาเทียมฟ้าถึงได้เก็บความหงุดหงิดเอาไว้ในใจ
“คุณชายไม่ต้องรอพี่พญาหรอกค่ะ รายนั้นถ้าไม่กลับก่อนฟ้ามืดก็กลับเช้าเลย” พเยียพูดตรงๆ เพราะรู้จักนิสัยพี่ชายของตัวเองดี
“น้องว่าเดี๋ยวพี่พญาก็กลับมาครับ” เทียมฟ้ามั่นใจว่าพญาจะไม่ทำตัวเหมือนเมื่อก่อนเพียงแต่เป็นห่วงเพราะไม่ยอมรับโทรศัพท์ โทรหาก้านรายนั่นก็บอกว่าไม่ได้อยู่กับพญาแล้วแต่ก็พูดให้เทียมฟ้าสบายใจว่าพญาไม่ได้อยู่กับตะวันเช่นกัน
“อย่าหาว่าพเยียวุ่นวายเลยนะคะ ทำไมคุณชายถึงได้รักพี่พญา พเยียไม่ได้ดูถูกพี่ชายของตัวเองหรอกนะคะ แต่ไม่เคยเห็นใครทนนิสัยพี่ชายของพเยียได้สักคน”
“เพราะน้องไม่รู้สึกว่าต้องทนไงครับ คนส่วนใหญ่มักบอกว่าพี่พญาโชคดีที่น้องรัก แต่รู้ไหมน้องกลับคิดว่าน้องโชคดีมากกว่าที่พี่พญายอมรับรักของน้อง”
“คุณชายกำลังหลงพี่พญาหรือเปล่าคะถึงได้คิดแบบนั้น”
“ไม่ใช่หรอกครับพี่เยีย น้องไม่ใช่คนที่เพิ่งมีความรักครั้งแรก มันไม่ใช่พี่พญาคนเดียวที่มีปมเรื่องความรัก น้องไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองอยากจะอยู่กับใครไปตลอดชีวิตได้เท่าที่รู้สึกกับพี่พญา เขาเคยบอกว่าเกลียดรอยยิ้มของน้อง แต่คำพูดว่าเกลียดมันต่างจากการกระทำของเขา เขาแสดงออกว่ารักรอยยิ้มของน้องจนทำให้น้องรักรอยยิ้มของตัวเอง เขามักจะบอกว่าตัวเองเป็นผู้ร้าย แต่ผู้ร้ายคนนั้นดีกับน้องที่สุด เขาบอกว่าน้องสูงศักดิ์จนเหมือนเป็นปาฏิหาริย์ในชีวิตของเขา ถ้าน้องจะดูสูงส่งอย่างที่เขาบอกก็เพราะเขาให้เกียรติน้องมากกว่า เขาทำให้น้องรู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากกว่าการมีคำว่าหม่อมราชวงศ์นำหน้าชื่อเสียอีก พี่ชายของพี่เยียมีแต่คนรัก คนอื่นอาจจะมองว่าเพราะเขามีเงิน ตัวพี่พญาเองก็คงคิดแบบนั้น แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นโจ้ เบลหรือคุณตะวันต่างก็รักเขาเพราะเขาเป็นเขา” เทียมฟ้าสารภาพความในใจให้พเยียได้ฟัง เขาอยากให้คนในครอบครัวของพญาได้รู้ว่าความรักมันไม่ใช่ที่ใครจะตีค่าตีราคากันง่ายๆ
“มันก็จริงนะคะ ลำพังแค่เงินทุกคนก็ได้จากเขาอยู่แล้ว ที่ทุกคนต้องมาสู้รบปรบมือกันเพราะอยากอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีใครเคยได้ คุณชายพูดจนเยียต้องมองพี่พญาใหม่เสียแล้วนะคะ เยียเคยนึกสงสารพี่พญาที่ไม่ค่อยได้รับความอ่อนโยนจากใคร แต่ตอนนี้เยียว่าเยียต้องสงสารตัวเองแล้วค่ะที่หาคนรักตัวเองจริงๆ ไม่ได้อย่างพี่พญาสักคน” พเยียหัวเราะเมื่อนึกถึงตัวเอง พร้อมกับยอมรับว่าหม่อมราชวงศ์เทียมฟ้าคนนี้คือของขวัญที่วิเศษสุดสำหรับพี่พญาและคนในตระกูลภูมิเทพ
“น้องฝากหนูด้วงกับน้องโอบได้ไหมครับ น้องว่าจะไปตลาดสักหน่อย”
“สบายมากค่ะ อยากจะนอนกอดหนูด้วงจะแย่อยู่แล้ว เด็กอะไรขี้อ้อนแถมยังปากหวานมาก คุณชายเอารถเยียไปก็ได้ค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับพี่เยีย”
..
เทียมฟ้าขับรถของพเยียมาจนถึงตลาด เมื่อมาถึงหน้าสำนักงานก็เห็นว่าลูกน้องของพญาตั้งวงเหล้ากันอยู่ พอทุกคนเห็นเทียมฟ้าก็หน้าเสียและรีบลุกไปยืนบังหน้าประตูสำนักงานเอาไว้ เทียมฟ้าขมวดคิ้วก่อนจะพยายามมองเข้าไปข้างใน ไฟในส่วนที่เป็นสำนักงานถูกเปิดเอาไว้เพียงดวงเดียวแต่แสงไฟที่สว่างลอดออกมาให้เห็นนั้นมาจากทางบ้านพักที่ตั้งอยู่ด้านหลังของสำนักงานอีกที
“พี่หนอมจะขวางน้องทำไม” เทียมฟ้าถามถนอมที่ยืนทำหน้าล่อกแล่กอยู่
“คือมันยังไม่เสร็จครับ เข้าไม่ได้” ถนอมตอบเทียมฟ้าพลางเช็ดเหงื่อไปด้วย
“อะไรที่ไม่เสร็จ” เทียมฟ้าถามเสียงเข้ม
“นายยังไม่เสร็จ เอ้ย บ้านพักยังไม่เสร็จครับ” ความหลุกหลิกของถนอมทำให้เทียมฟ้าสงสัยหนักกว่าเดิม
“แล้วนั่นรองเท้าใคร” เทียมฟ้าเห็นรองเท้าแตะสีแดงถอดวางอยู่หน้าประตูสำนักงาน คุ้นตาว่าเป็นของเบลแต่ที่ถามถนอมเพราะไม่อยากคิดไปเอง
“ของเบลเองครับ” เบลเปิดประตูสำนักงานออกมาพอดีจึงเป็นฝ่ายตอบข้อสงสัยของเทียมฟ้า
“มึงเสร็จธุระแล้วก็รีบไปเลยเบล” ถนอมหันไปไล่เบล หันมาอีกทีเทียมฟ้าก็เบี่ยงตัวเข้าไปในสำนักงานเรียบร้อยแล้ว
“เวรแล้ว งานเข้ากูแน่” ถนอมทำหน้าเสียที่ปล่อยให้เทียมฟ้าเข้าไปด้านในได้ นึกบนบานศาลตายายในใจว่าถ้านายไม่ทำโทษตัวเองที่ปล่อยคุณชายให้เข้าไปได้จะถอดเสื้อว่ายน้ำรอบเรือยอร์ชของนายสักสิบรอบเป็นการแก้บน
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V