ตอนที่8
“แดริล…อ้า…ดี…เหลือเกิน”
จัสมินซึ่งนอนใต้ร่างครวญครางเรียกชื่อของเด็กหนุ่มร่างสูงที่สอดประสานความเป็นชายเข้ากับร่างของเธออย่างถี่กระชั้น ตลอดเวลาหนึ่งปีมานี้ความสัมพันธ์สวาทกับคนรูปงามยิ่งกว่าเทพบุตรผู้นี้ ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะทำให้เธอไม่พอใจ
“แดริล…อื้อ…”
เธอครวญครางไม่เป็นภาษา ยิ่งเมื่อถูกความเป็นชายกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างมีชั้นเชิง ถูกยั่วเย้าด้วยวิธีการต่างๆนานา การถูกคนที่ทาบทับเหนือร่างกลั่นแกล้งบางครั้งก็ทำให้เธอตัวสั่นระริกด้วยความอดสูและยินดี ไม่ใช่ว่าชอบถูกแกล้ง แต่ถ้าหากการกระทำและรอยยิ้มของเธอจะทำให้ชายผู้ที่เธอทั้งรักและบูชาเอ็นดูคลั่งไคล้เธอยิ่งขึ้นจัสมินก็ยินดี
แน่นอนจัสมินค่อนข้างพึงพอใจกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแดริล ถึงแม้จะไม่สามารถอ้างตัวเป็นเจ้าของเทพบุตรผู้นี้ได้ หากแต่กับคนอย่างแดริลที่บางครั้งก็มีความสัมพันธ์สวาทกับคนถูกใจอย่างง่ายๆ ในบรรดาคนที่ชายคนนี้นอนด้วยเป็นครั้งที่สองมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น ความจริงข้อนี้ทำให้จัสมินไม่สงสัยความคิดที่ว่าเธอเป็นผู้หญิงซึ่งเข้าใกล้คำว่า’คู่ชีวิต’ของแดริลมากที่สุด
“คิดอะไรอยู่หรือน้องแดริล”
คนถูกถามปลายมองจัสมินที่เบียดตัวเข้ามาออดอ้อนอิงแอบ เมื่อถูกออเซาะราวกับแมว เด็กหนุ่มใช้มือใหญ่ลูบหัวเด็กสาวแล้วส่งยิ้มบางๆให้ รอยยิ้มของเขากระตุ้นให้อีกฝ่ายจู่โจมประกบจูบเขาด้วยความเคลิบเคลิ้ม แดริลจูบตอบอีกฝ่ายทั้งที่ยังลืมตา ดวงตาสีฟ้าใสมองดูเด็กสาวซึ่งหลับตาพริ้มรับจูบของเขาด้วยความเอ็นดู
เอ็นดู เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวเขาอย่างน่าเวทนา แต่ถึงเอ็นดูแค่ไหน การที่เขาใช้จัสมินเป็นเครื่องระบายความใคร่ก็ยังไม่เปลี่ยน หนึ่งปีที่ผ่านมาเขาในตอนนี้อายุสิบห้า ในขณะซึ่งเอลียาห์เทวทูตของเขามีอายุได้สิบสองปี
ยิ่งนานวันผ่านไป เทวทูตก็ยิ่งทวีความงดงามมากยิ่งขึ้น จนบางครั้งเขาคิดประณามอีกฝ่ายในใจว่าฝ่ายนั้นน่าจะเป็นปีศาจ หนึ่งปีที่ผ่านมาอะไรหลายๆอย่าง ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาและเอลียาห์ เคยคิด บางทีความใสซื่อบริสุทธิ์ของเทวทูตจะค่อยๆหายไปตามกาลเวลา ทว่ายิ่งทวีความงดงามมากยิ่งขึ้นจิตใจก็งดงามมากขึ้นตามลำดับ ยังคงความใสซื่ออย่างเด็กไม่รู้ประสาถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะการเลี้ยงดูด้วยความเข้มงวดของเขาก็ตาม
“จริงสิน้องแดริล หมู่นี้มีเรื่องซุบซิบน่าสนใจอยู่หลายอย่าง รู้หรือไม่ พวกคนในวังกำลังสนใจความสัมพันธ์ที่ชิดเชื้อของท่านซาฟิลกับท่านเอลียาห์ที่ดูจะซับซ้อนน่าดู”
“ซับซ้อนยังไง” แดริลอมยิ้มน้อยๆ
“ก็เรื่องท่านซาฟิลแสดงอาการใกล้ชิดหรือชอบสัมผัสร่างกายของท่านเอลียาห์มากเกินไปนะสิ พวกมหาดเล็กในวังบอกว่าท่านอาจจะไม่รู้ตัว แต่ใครๆก็ทราบดีท่านซาฟิลคลั่งไคล้ท่านเอลียาห์มากแค่ไหน ดูสิคนในวังนินทากันสนุกปากเชียว”
“ได้ใช้อำนาจของเจ้าห้ามปรามไปหรือเปล่า”
“แน่นอนข้าเป็นผู้ช่วยของหัวหน้าหญิงรับใช้นะ ออกปากคำเดียวผู้หญิงพวกนั้นก็ต้องสงบปาก นอกจากนี้ข้ายังให้ซาลามผู้ช่วยหัวหน้ามหาดเล็กออกคำสั่งห้ามพวกมหาดเล็กอีกด้วย”
จัสมินเล่าสิ่งที่ตนเองทำด้วยท่าทางน่ารักฉอเลาะ ถึงแม้สำหรับเธอพวกเชื้อพระวงศ์จะมีความสัมพันธ์ลับๆยังไงเธอก็ไม่เห็นสน แต่เธอรู้ดี ชายคนที่เธอรักและบูชาให้ความสำคัญต่อนายเหนือหัวมากแค่ไหน
ดังนั้นสิ่งที่เธอทำไม่ได้ทำเพื่อเจ้าชายตัวน้อยแต่หากต้องการเอาใจแดริล ชายที่ถึงแม้พวกชนชั้นสูงจะเห็นว่าต่ำต้อย แต่คนอย่างเธอไม่เคยมองคนพลาด เทพบุตรผู้มีผมสีดังดวงตะวันและตาสีฟ้าใสคนนี้ เธอมองเห็นแรงผลักดันและความทะเยอทะยานซึ่งซ่อนอยู่ภายใน ลางสังหรณ์ของเธอบอก คนอย่างแดริลจะไม่จบชีวิตอยู่แค่ผู้ติดตามอย่างแน่นอน
ทั้งรูปโฉมอันงดงามอย่างหาเปรียบไม่ได้ ความคิดความอ่านที่ชาญฉลาด ทักษะการต่อสู้ไม่ธรรมดา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งซึ่งควรมีอยู่ในผู้มีชาติกำเนิดสูงส่ง แต่ทว่าชายผู้มีกำพืดต่ำต้อยกลับมีคุณสมบัติพวกนี้ สิ่งนั้นทำให้เธอคาดหวังอนาคตของคนตรงหน้า รวมทั้งเฝ้าฝันว่าอนาคตของคนคนนี้จะต้องมีเธออยู่เคียงข้าง
จัสมินหลับตาพริ้มเมื่อมือใหญ่ลูบไล้แก้มของเธอ เด็กสาวจับมือของแดริลซบแก้มลงบนฝ่ามือนั้นก่อนจะลืมตาเมื่อนึกขึ้นได้
“จริงสิน้องแดริล เรื่องที่ข้าสั่งซาลามให้ทำตามได้ก็อย่าเข้าใจผิดไป ข้ากับซาลามบังเอิญเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน เราสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก เรื่องของเราข้าก็ไม่ได้เล่าให้ซาลามรู้เพราะซาลามไม่ค่อยชอบน้องแดริล”
พอกล่าวจบจัสมินก็ถูกแดริลประทับจูบ อยากจะยืดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้ หากแต่แดริลมีหน้าที่ต้องคอยตามรับใช้ผู้เป็นนายแทบตลอด ดังนั้นจึงต้องปล่อยผู้เป็นยอดปรารถนาของเธอจากไปอย่างเสียดาย
“ท่านเอลียาห์ไม่อยู่หรอกนะจ๊ะแดริล”
ฟาติมาเมื่อเห็นแดริลเคาะห้องของเอลียาห์โดยบังเอิญบอกกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านเอลียาห์ไปไหนหรือครับ”
“ไปเฝ้าฝ่าบาทบาดีจ้า จริงสิท่านซาฟิลเองก็มารอท่านเอลียาห์นานแล้วไม่รู้จะหงุดหงิดหรือเปล่า”
ฟาติมายิ้มแหยๆ “จากที่ได้ฟังคนในพระราชวังซึ่งได้พบกับท่านซาฟิล ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเชื้อพระวงศ์ผู้นี้ช่างเจ้าอารมณ์ มีเพียงต่อหน้าท่านเอลียาห์เท่านั้นที่จะแสดงความอ่อนโยนและใจกว้าง”
“แล้วท่านซาฟิลตอนนี้อยู่ที่ไหน”
แดริลถาม พอได้คำตอบ เด็กหนุ่มร่างสูงก็ตรงไปที่นั่นทันทีอย่างลับๆ
แดริลมอลมองซาฟิลกับชาคาผู้ติดตามจากระเบียงเหนือหัวของคนทั้งคู่ เชื้อพระวงศ์ผู้ไม่เกรงกลัวใครพูดตามสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาด้วยเสียงอันดัง
“เจ้ารู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้เราตื่นเต้นชาคา”
ซาฟิลที่อายุสิบห้าพูดกับคนสนิทด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ใบหน้าหล่อเหลาอย่างขุนนางเคลิ้มฝันขณะนึกถึงสิ่งที่จะพูด
“น้องเอลียาห์พอถูกเราถามว่าเคยเห็นร่างเปลือยของผู้หญิงหรือไม่ ใบหน้ายามเขินอายทำเอาเราเกิดอารมณ์”
ซาฟิลหัวเราะร่วนในขณะเดียวกันแดริลที่อยู่บนระเบียงด้านบนก็กระตุกยิ้มเช่นกัน เด็กหนุ่มยืนกอดอกพิงเสาด้านข้างซึ่งถูกสลักอย่างสวยงาม คอยฟังความในใจของอีกฝ่ายต่อไปเรื่อยๆ
“ที่นี่พอถามต่อไปว่าน้องเอลียาห์เคยช่วยตัวเองไหม เท่านั้นแหละ สีหน้าไร้เดียงสาแปลกใจมันทำให้ข้าตัดสินใจจะทำหน้าที่ของพี่ชายที่ดี แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะเราพยายามโน้มน้าวหลอกล่อยังไงเอลียาห์ก็ปฏิเสธหมด”
ซาฟิลที่อารมณ์ดีเว้นจังหวะคล้ายจะปล่อยให้ชาคาคิดตาม
“ในตอนนั้นมันสมองอันชาญฉลาดของเราก็คิดอะไรบางอย่างได้ เมื่อวานเราเลยเสนอเกมส์พนันให้เอลียาห์ บอกว่าใครชนะจะขออะไรจากอีกฝ่ายได้หนึ่งอย่าง เหมือนน้องเอลียาห์จะลังเลแต่พอเราบอกไปแค่ขำๆ ยังไงพวกเราก็พี่น้องกันไม่มีทางขอในสิ่งที่เป็นการทำร้ายกันอยู่แล้ว เอลียาห์ผู้น่ารักก็ตอบตกลงทันที”
“ท่านซาฟิลจะขออะไรครับ”
ชาคาคนสนิทเอ่ยถาม
“อืมนั่นสิถ้าได้สอนนั้นนี่ให้เอลียาห์ก็คงจะดี เราจะสอนให้น้องเรารู้จักความสุขสมทางเพศรส อยากจะรู้จริงว่าเวลาแบบนั้นน้องเอลียาห์จะแสดงสีหน้ายังไง”
……………………………………………………………………………………………………………………
“สบายดีเหรอผู้ติดตาม” ซาฟิลเอ่ยทักแดริลที่ยืนคอยรับคำสั่งของเอลียาห์
ผ่านมาห้าปีนับตั้งแต่ได้เจอเจ้าข้ารับใช้นี่เป็นครั้งแรก ไม่ชอบหน้ายังไง ตอนนี้ก็ยังไม่ชอบอยู่อย่างนั้น เป็นแค่ขี้ข้าแท้ๆแต่ทุกครั้งที่ได้พบกับน้องเอลียาห์ผู้น่ารัก ปากจิ้มลิ้มสีแดงก็เอาแต่พูดเล่าเรื่องของไอ่หมอนี่ทุกครั้งด้วยท่าทีปลาบปลื้ม
“น้องเอลียาห์เตรียมนักดาบที่จะใช้ประลองในการพนันกับพี่หรือยัง”
ซาฟิลหันไปพูดกับเอลียาห์ด้วยรอยยิ้มหลังจากทักทายแดริลสั้นๆ
“ท่านพี่บอกว่าตั้งใจจะใช้แค่มหาดเล็กในวัง เราเลยคิดว่าจะให้แดริลลงต่อสู้ในการพนัน”
เอลียาห์ฉีกยิ้ม เทวทูตหันไปส่งสัญญาณให้แดริล เด็กหนุ่มร่างสูงกระชับอาวุธก้าวขึ้นไปยังจุดที่จัดเอาไว้เพื่อให้ประลอง
“น้องเอลียาห์ช่างเจ้าเล่ห์ คงจะคิดว่าได้เปรียบสิท่าที่เอาผู้ติดตามซึ่งฝึกดาบอย่างเคร่งครัดมาประลองกับมหาดเล็กของพี่”
“แน่นอนเราไม่คิดจะแพ้ท่านพี่ซาฟิลเลยแม้แต่นิดเดียว”
เอลียาห์ฉีกยิ้มสดใส ทว่ารอยยิ้มได้จางหายไปเมื่อคู่ประลองของแดริลปรากฏตัว
“น้องเอลียาห์คิดว่ามหาดเล็กคนนี้เป็นยังไง มันชื่อนูร์เป็นทาสที่ใช้ในการต่อสู้ในสนามประลองใต้ดิน พี่ชายเพิ่งรับเข้ามาเป็นมหาดเล็กในวังเมื่อสามวันก่อน”
ซาฟิลกระหยิ่มยิ้มย่อง เอลียาห์ครางออกมาเมื่อเห็นรูปร่างหนาใหญ่ของมหาดเล็กคนใหม่
“ท่านพี่ซาฟิลการประลองจะหยุดลงเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอ่ยปากขอยอมแพ้สินะ” เอลียาห์ถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว แค่พนันกันสนุกๆทำไมจะต้องให้ถึงเลือดถึงเนื้อแต่ก็นั่นแหละถ้าไม่พูดยอมแพ้ก็ช่วยไม่ได้นะ” ซาฟิลหัวเราะร่วน
แดริลซึ่งเงียหูฟังอยู่ตลอดกระตุกยิ้ม ดวงตาสีฟ้าใสมองดูคู่ต่อสู้ที่หนาและใหญ่กว่าเขาอย่างละเอียด อาวุธที่อีกฝ่ายใช้คิอขวานซึ่งดูเข้ากับตัวดี
พอสัญญาณดังขึ้น นูร์ผู้ถือขวานก็เปิดฉากจู่โจมแดริลอย่างดุดันด้วยการจามขวานลงมาบริเวณที่เขายืนอยู่จนฝุ่นและดินลอยฟุ้งไปในอากาศบดบังสายตาของคนทุกคน ซาฟิลพึงพอใจกับการโจมตีอันรุนแรง ส่วนเอลียาห์ใจหาย เทวทูตหน้าซีดเผือดเพราะไม่รู้ว่าแดริลหลบพ้นหรือไม่ ดูเหมือนแดริลจะหลบพ้นอย่างฉิวเฉียด ท่ามกลางฝุ่นทรายลอยฟุ้ง นูร์ดึงขวานซึ่งจมลงกับพื้นจู่โจมเหวี่ยงใส่ถี่ยิบ
แดริลกระตุกยิ้มชอบใจ ขณะหลบการโจมตีอันดุดันที่แฉลบผ่านไปมา หากดูจากสายตาของคนนอกคงเห็นอีกฝ่ายกำลังเป็นต่อ ทว่าเจ้ายักษ์ตรงหน้านอกจากแรงแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าชื่นชม หากมีสมองซักหน่อยคงไม่โหมโจมตีใส่โดยไม่วางแผนหรือถนอมแรงแบบนี้
เป็นการต่อสู้ที่ง่ายดายกว่าที่คิด สำหรับแดริลก็แค่รอให้อีกฝ่ายหมดแรง ในที่สุดการรอคอยก็สำฤทธิ์ผล นูร์หอบแฮ่กหลังจากเหวี่ยงขวานไปมาติดๆกันหลายนาที ยิ่งดึงดันจู่โจม ความเร็วและความเฉียบคมก็เริ่มตกลง
แดริลซึ่งรอจังหวะมานาน ตวัดดาบฟันลงไปอย่างรวดเร็วถี่ๆที่แขนซึ่งจับขวานซ้ำๆ ไม่ตั้งใจจะตัดแขนอีกฝ่าย แต่แค่กระตุ้นให้เจ็บจนจับอาวุธไม่ได้ นูร์ปล่อยขวานลงกับพื้นแล้วทรุดลงด้วยความเจ็บปวด
“พูดสิว่าจะยอมแพ้”แดริลเอ่ยเสียงเรียบขณะจ่อคมดาบเข้าที่คอหอยของนูร์
ซาฟิลส่งเสียงโวยวายดังมาเป็นระลอก ท่าทางโหวกเหวกจนดูเพี้ยนทำเอาแดริลยิ้มละไมด้วยความรื่นรมย์ ยิ่งพอเอลียาห์มองดูท่าทางบ้าๆของซาฟิลด้วยแววตาคาดไม่ถึง ยิ่งทำให้เขาอารมณ์ดีสุดๆ ในตอนนั้นโดยไม่คาดคิดเชื้อพระวงศ์ที่กรุ่นโกรธและเสียหน้า ก็กระโจนเข้าเล่นงานนูร์ด้วยการเตะและทุบตีหลายครั้ง
“เอาดาบมาให้ข้าชาคา”
ชาคาส่งดาบให้ซาฟิลตามคำสั่ง
“ท่านพี่จะทำอะไร”
เอลียาห์ร้องถามเทวทูตเดินตรงมายังบริเวณที่แดริลกับซาฟิลยืนอยู่
“การประลองจบไปแล้วไม่ใช่หรือครับ”
“ใช่แต่คราวนี้พี่จะประลองเอง ไม่ได้จำกัดจำนวนการพนันไม่ใช่หรือ”
“แต่ว่า”
“น้องเอลียาห์แค่เล่นสนุกเองไม่เป็นไรน่า”
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”
แดริลเอ่ยสนับสนุนความคิดของซาฟิล พอทั้งสองต่างเห็นพ้องต้องกัน เอลียาห์จึงปล่อยให้ทั้งคู่ประลองอย่างเสียไม่ได้
การประดาบของแดริลกับซาฟิลเริ่มขึ้น ทั้งคู่รุกรับสลับกันไปมา ในสายตาของแดริล การที่คนขี้โมโหขาดความยั้งคิดอย่างซาฟิลแสดงเชิงดาบที่สุขุมและรวดเร็วออกมาทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย
เทียบกับเขาที่มักจะโดนท่านครูสอนดาบวิจารย์ว่าเพลงดาบของเขาค่อนข้างรุนแรงดุดัน การแสดงออกทางนิสัยและเพลงดาบอันขัดแย้งกันของพวกเขา แดริลจึงมองซาฟิลอย่างสนอกสนใจ
เด็กหนุ่มนึกถึงตอนที่ประลองฌาตรัญจ์กับซาฟิลเมื่ออายุได้สิบขวบ ฝีมือของพวกเขาก้ำกึ่งกันมากเหมือนกับตอนนี้ หากแต่เขาชนะด้วยความดึงดันและแรงกระหายในชัยชนะที่มากกว่า ตอนนี้ก็ด้วย เขาจะชนะการประลองเช่นกัน
พริบตานั้นแดริลก็ตวัดดาบสร้างรอยแผลให้ซาฟิล ตั้งใจจะให้อีกฝ่ายเจ็บแล้วขอยอมแพ้ไปเสีย หากแต่กลับไปกระตุ้นความดิบเถื่อนในตัวซาฟิลจนฝ่ายนั้นเตรียมเข้าประทะดาบกับแดริลอย่างต่อเนื่อง การที่อีกฝ่ายทำสิ่งที่ผิดจากที่คาดทำให้แดริลต้องมองเชื้อพระวงศ์อย่างซาฟิลด้วยความคิดที่ต่างไปจากเดิม
ทว่าในตอนนั้นชาคาและทหารองครักษ์ก็เข้ามาขวางการประลอง นอกจากนั้นยังโวยวายเรียกร้องให้เอลียาห์ลงโทษที่เขาทำร้ายเชื้อพระวงศ์
“พวกเขาแค่ประลองกัน ดาบเป็นสิ่งมีคมการจะมีบาดแผลในการประลองบ้างก็ไม่เห็นแปลก”
เอลียาห์อธิบายให้ทุกคนฟังอย่างมีเหตุผลก่อนจะเอ่ยปากขอความเห็นจากซาฟิล
“ท่านพี่ซาฟิลเองก็เป็นคนขอประลองเองท่านน่าจะเข้าใจใช่ไหม”
“ข้าไม่สนใจ”
ซาฟิลพูดด้วยท่าทางแข็งกร้าว
“ถ้าหากว่าข้าไม่ได้ฟันมันซักแผลเหมือนที่มันทำกับข้า ข้าไม่หายแค้นแน่ๆ มาประลองกันอีก อย่าหวังว่าแผลแค่นี้จะทำให้เจ้าชูคอเหนือกว่าข้าได้นะ”
ซาฟิลตะคอกเสียงแตกพร่า หากแต่พอชาคากระซิบบางอย่างให้ฟัง เด็กหนุ่มเชื้อพระวงศ์ก็มีสติขึ้นมาทันที
“จริงสิถ้าน้องเอลียาห์ยอมเป็นผู้แพ้พนันพี่จะยอมปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปก็ได้” ซาฟิลยื่นข้อเสนอด้วยรอยยิ้ม
“จะได้ยังไงเรื่องนี้กับเรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกัน”
เอลียาห์เริ่มจะกังวล ดูเหมือนเทวทูตจะไม่มีทางให้เลือกมากนัก
“เฮ้อพี่ไม่มีปัญหาอะไรนะ แค่น้องเอลียาห์บอกว่าจะเป็นผู้แพ้พนันในครั้งนี้ หรือจะให้ลงโทษเจ้าผู้ติดตามฐานทำร้ายเชื้อพระวงศ์ จริงๆพี่ก็ไม่อยากลงโทษนะ ตัวพี่เองก็ผิดเหมือนกัน แต่ท่านพ่อของพี่ น้องก็รู้ว่าท่านคงไม่ยอม” ซาฟิลทำท่าลำบากใจ
“ท่านอับหมัดต้องไม่ยอมอยู่แล้วครับ ท่านผู้นั้นคงไม่ให้อภัยแน่ๆหากไม่มีการลงโทษ”
ชาคาเอ่ยกระตุ้นให้เอลียาห์คิดในแง่ร้ายมากกว่าเดิม
“เข้าใจล่ะจะให้ลงโทษแดริลเราก็รู้สึกขัดแย้งและไม่ชอบเท่าไหร่ ดังนั้นท่านพี่ถือว่าเราแพ้พนันเถอะ”
เอลียาห์ตัดสินใจหลังจากนิ่งคิดอยู่นาน ทว่าคำพูดของแดริลกลับทำให้เอลียาห์มองดูฝ่ายนั้นอย่างไม่เข้าใจ ซาฟิลเองก็ทั้งหงุดหงิดทั้งแปลกใจเช่นกันกับคำเรียกร้องของแดริลที่ดูบ้าและไร้สาระ
“แกว่าอะไรนะ”
ซาฟิลถามอย่างไม่เชื่อหู เขามองดูแดริลย่อตัวลงคุกเข่ารอรับความผิด
“ข้าบอกว่าขอให้ลงโทษข้าเสียยังจะดีกว่าให้ท่านเอลียาห์ยอมรับการแพ้พนัน”
แดริลทวนคำพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“น้องเอลียาห์อย่าไปฟังคำพูดของไอ้บ้านี่เลย ไปที่พระราชวังของพี่ แล้วพี่จะบอกคำขอที่พี่ต้องการ”
ซาฟิลพูดพลางใช้มือแตะที่แขนเอลียาห์
“คำขอชั้นต่ำที่ตั้งใจจะสนองความต้องการของตัวเองนะหรือครับ”
แดริลพูด เขาเงยหน้าประสานสายตากับเอลียาห์แล้วเริ่มเล่าความคิดบัดสีที่เขาแอบฟังให้ผู้เป็นนายรับรู้
“ความคิดต่ำทรามแบบนี้หากท่านเอลียาห์เป็นผู้แพ้ก็ไม่รู้ว่าจะถูกขอให้ทำอะไรลงไปบ้าง แค่คิดข้าก็กลัวแล้วครับ”
แดริลมองดูใบหน้าของเทวทูตที่ตกใจและหวาดระแวง
“ไอ้คนโกหก”
เด็กหนุ่มละสายตาจากเอลียาห์หันไปมองซาฟิลที่ทั้งโกรธและอายเนื่องจากถูกเปิดโปง ฝ่ายนั้นชักดาบเงื้อจะฟันเขา แดริลกระชับดาบในมือไว้แน่น ถ้าไม่เพียงเอลียาห์เข้ามาขวางตรงกลางเสียก่อนก็ไม่รู้เหตุการณ์จะเลวร้ายถึงเพียงไหน
“น้องเอลียาห์ถอยไป ไอ้ขี้ข้านี่นอกจากจะทำร้ายเชื้อพระวงศ์ยังพูดจาดูหมิ่นมีโทษสมควรตาย”
เสียงเรียกร้องให้ลงโทษดังกระหึ่มจากคนที่อยู่รอบตัว แดริลเห็นแผ่นหลังของเอลียาห์สั่นระริก ถึงจะไม่รู้ว่าเทวทูตกำลังแสดงสีหน้าแบบไหนแต่เดาได้เรื่องที่กำลังว้าวุ่นและลำบากใจ
“เราจะลงโทษแดริลด้วยมือของเราเอง”
เอลียาห์ตะคอกเสียงดังจนคนในบริเวณนั้นต้องเงียบเสียง แม้แต่ซาฟิลเองยังตกตะลึงเพราะน้อยครั้งมากที่เอลียาห์จะตะโกนด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวถึงขนาดนี้ ทว่าเอลียาห์แทบจะไม่ยอมให้ใครได้สติหรือมีสิทธิ์คิด
“ไปเอาไม้เรียวมาให้เรา” เอลียาห์สั่งเสียงต่ำ
“เดี๋ยวนี้”
เอลียาห์ตะคอกเร่งอย่างดุดัน เมื่อไม่มีใครมีท่าทีขยับ หลังจากนั้นไม่นานนักทหารองครักษ์ก็นำไม้เรียวมาให้ถึงมือ
“ถอดเสื้ออกแดริล”
แดริลถอดเสื้ออกตามคำสั่ง ที่เบื้องหน้าถึงแม้เอลียาห์จะมองเขาด้วยแววตากร้าวดุและพูดข่มขู่ด้วยเสียงเย็นชา หากแต่มือซึ่งจับไม้อยู่กลับสั่นเทา ไม่มีใครสังเกตเห็น ทุกคนถูกเอลียาห์หลอก ถึงแม้การลงโทษแค่ไม้เรียวโบยตีอาจจะดูน้อยไปแต่ท่าทางกราดเกรี้ยวเย็นชาทำให้ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นพอใจและรับได้
เสียงควับๆของไม้เรียวที่แหวกอากาศลงมานับครั้งไม่ถ้วน เอลียาห์ตีเขาด้วยไม้เรียวอย่างไม่ออมแรง แดริลไม่ร้องออกมาแม้แต่คำเดียว การถูกเฆี่ยนตีดำเนินไปอย่างยาวนาน ไม้ที่ใช้ตีหักไม่รู้กี่อัน แต่ซาฟิลยังไม่พอใจง่ายๆ
เทวทูตตีเขานับครั้งไม่ถ้วนจนอ่อนแรง แต่แม้จะอ่อนแรงก็ยังปฏิเสธที่จะให้คนอื่นลงมือ แดริลรู้สึกได้ถึงแผ่นหลังที่มีเลือดไหลซิบ เมื่อหลังของเขาเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล เอลียาห์ก็หยุดการเฆี่ยนตี น้ำเสียงเย็นชาประหนึ่งคนไร้หัวใจดังขึ้นที่เหนือศีรษะ
“ตอนนี้คงสาสมกับสิ่งที่เขาทำแล้วนะ”
แดริลที่ถูกมัดให้เฆี่ยนตีได้โดยง่ายมองดูใบหน้าซาฟิล เพราะไม่รู้ว่าสีหน้าของเทวทูตที่ด้านหลังเขาเป็นเช่นไร แดริลจึงเดาจากสีหน้าท่าทางของซาฟิล เด็กหนุ่มเชื้อพระวงศ์ทำหน้าลำบากใจทั้งที่ก่อนหน้านั้นเล็กน้อยดูสะใจสุดๆ
แดริลถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เขาถูกทหารองครักษ์ช่วยพยุง พอปะหน้ากับเอลียาห์ ใบหน้าที่งดงามของเทวทูตดูเย็นชาราวกับรูปสลัก มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่บ่งบอกความรู้สึกที่แท้จริง
หลังจากนั้นระหว่างที่เขาพักรักษาตัว เอลียาห์ที่มอบบทลงโทษให้แก่เขาหมั่นมาเยี่ยมและคอยดูแลทุกวัน สำหรับคนรอบตัวยังเข้าใจว่าระหว่างเขากับเอลียาห์เป็นนายบ่าวที่สนิทสนมกันดี
มีเพียงแต่แดริลเท่านั้นที่รู้ตัวเรื่องที่อีกฝ่ายมองเขาแตกต่างไปจากเดิม และเริ่มสร้างกำแพงบางๆที่เรียกว่าสำนึกเสียใจ ถึงแม้เขาจะพยายามแสดงให้เอลียาห์เข้าใจความรู้สึกของตน แต่เทวทูตกลัยไม่ยอมให้อภัยตัวเองง่ายๆ
ได้โปรดอย่าตีตัวเหินห่าง อย่าทำให้ข้ารู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งอีกเลย
เสียงในใจของแดริลร่ำร้องระหว่างที่รับใช้เทวทูตอย่างใกล้ชิดทุกวัน แต่กลับมีช่องว่างหระว่างเขากับฝ่ายนั้น ความทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็นไม่รู้มันจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานเท่าไหร่
จบพาร์ทของแดริลแล้วนะคะ
คราวหน้าจะดำเนินเรื่องโดยมุมมองของท่านเอลียาห์แล้ว
เม้นกันบ้างนะคะ หากคิดว่านิยายเราใช้ได้
ตอนต่อไปอีกซักสี่ห้าวันนะคะ