พิมพ์หน้านี้ - Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่าย้ายได้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Silvan ที่ 14-07-2015 07:25:14

หัวข้อ: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่าย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 14-07-2015 07:25:14
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ด กรุณาอ่านทุกคน
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วย

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

คุยกันสักนิด

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองที่ลงในเล่าเป็ดค่ะ

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมุติทั้งหมด

อาจมีบางอย่างที่นำมาจากเรื่องจริงบ้างเล็กน้อย

เราไม่ใช้คำราชาศัพย์ในเรื่องเพราะไม่ถนัด

และคิดว่าอาจจะอ่านยาก

เรื่องนี้ชื่อเรื่องแปลว่ารักต้องห้าม

จะต้องห้ามแบบไหนขออุบไว้ก่อน

ตามอ่านตามเม้นด้วยนะคะ

รักคนอ่านค่ะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46572.0

อันนี้นิยายอีกเรื่องของเรา amante del diablo แวะไปอ่านได้นะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 1 <14/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 14-07-2015 07:27:57
Forbidden  dashuria รักต้องห้าม

ตอนที่1

บ้าเอ้ยจะจบแค่นี้อย่างนั้นเหรอ?

ถึงจะหนีจากพ่อค้าทาสได้

แต่ทั้งเจ็บทั้งหิวเพราะหนีหัวซุกหัวซุนแบบไม่หลับไม่นอนถึงสี่วัน

ถึงตอนนี้จะนั่งพักอยู่ก็จริงแต่สภาพร่างกายของเขาก็ถึงขีดจำกัด

จะหลับไปทั้งอย่างนี้เลยดีไหมนะ?

แดริลเด็กชายวัยเก้าขวบคิดขณะปรือตามองท้องฟ้าอย่างอ่อนล้า เขานั่งพิงกำแพงในสภาพเปรอะเปื้อนด้วยโคลนสกปรก แถมไม่มีส่วนไหนเลยที่จะปราศจากรอยเปื้อนสีดำ

ดวงตาพร่าเลื่อนเหม่อมองเบื้องบนโดยไม่ได้สนใจเหล่าผู้คนจำนวนมากซึ่งคุกเข่าลงแสดงความเคารพกษัตริย์และทหารจำนวนมากที่เคลื่อนขบวนผ่าน

ต่อให้กษัตริย์สิ้นชีวิตตรงหน้ามันก็ไม่ใช่เรื่องของเขา

พริบตาที่คิดแบบนั้นดวงตาซึ่งใกล้ปิดก็มองเห็นเทวทูตตัวเล็กๆยื่นผ้าเช็ดหน้าขาวสะอาดเช็ดคราบโคลนออกจากใบหน้าของเขาก่อนที่จะสลบไปทั้งอย่างนั้น

ท่านแม่

แดริลยิ้ม เด็กชายรู้ตัวว่ากำลังอยู่ในความฝัน  ภาพแม่ซึ่งกำลังเย็บเสื้อผ้าให้ เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
แต่ถึงเป็นแค่ฝันก็ยังดี เพราะในความเป็นจริง เขาไม่อาจสัมผัสกับความอบอุ่นของแม่เช่นนี้ได้อีกในโลกของความเป็นจริง
ขณะที่แดริลนั่งมองดูแม่อย่างมีความสุข จู่จู่ก็รู้สึกเหมือนมีมือของใครกำลังวุ่นวายกับเส้นผมของเขา ยิ่งรู้สึกถึงมือซึ่งไร้ตัวตนชัดเจนเท่าไหร่ ภาพของแม่อันเป็นที่รักก็ค่อยๆห่างไกลออกไปในความมืด

บ้าเอ้ย

แดริลตะโกนอย่างไร้เสียง เด็กชายคว้าเอามือที่มองไม่เห็นแล้วลืมตาตื่นขึ้น พอกลับมาในโลกแห่งความจริง เด็กชายก็บีบมือซึ่งตนจับอยู่แน่นแล้วพรวดพราดลุกขึ้น มองดูเจ้าคนเลวที่ทำให้เขาต้องตื่นในเวลาที่กำลังฝันดี

“เจ็บนะเบาเบาหน่อยสิ”

เด็กชายอายุน้อยกว่า ผู้มีเส้นผมและนัยน์ตาสีรัตติกาล ใบหน้าที่ทั้งน่ารักงดงาม และผิวอันขาวผุดผาดผิดรูปลักษณ์คนในอาณาจักรบาดียา ชวนให้นึกถึงเทวทูตตามตำนานในอาณาจักรทางตะวันตก ใบหน้านี้คลับคล้ายว่าเห็นครั้งสุดท้ายก่อนสลบไป
หลังจากตัดสินใจละสายตาจากใบหน้าที่ชื่นชอบได้ แดริลมองไปรอบห้องซึ่งแม้ไม่ใหญ่โตมากแต่ของทุกชิ้นในห้องล้วนบอกถึงระดับฐานะ

“ที่นี่ที่ไหน”

แดริลถามเสียงกร้าว แต่ต้องผงะเมื่อเด็กชายอายุน้อยกว่าตะกายขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วใช้มืออีกข้างซึ่งไม่ได้ถูกเขาจับ ลูบไล้เส้นผมของเขาอย่างชื่นชมและถนุถนอม

“สีทองเป็นประกายสวยจริงๆ ตอนเจอกันครั้งแรกถูกโคลนย้อมจนดูไม่ออก ดีจังเลยที่แอบหนี้ท่านครูมาเยี่ยมเจ้า”
คนถูกชมหรี่ตามองเทวทูตพูดไปยิ้มไปเล่นผมของตัวเองไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว พอถูกชมด้วยคำว่า’สวย’ก็อดนึกถึงอดีตอันน่าสะอิดสะเอียนไม่ได้

เสียงพวกผู้ชายชั้นต่ำซึ่งเป็นแขกของแม่พร่ำชมเส้นผมอันงดงามขณะทำเรื่องอย่างว่า รวมถึงสายตาของหญิงแพศยาในสลัมที่มองเขาด้วยสายตาสื่อความใน

“ตาเป็นสีฟ้าใสด้วย”
เทวทูตยื่นหน้าเข้ามาประชิดเพื่อจะดูดวงตาของแดริล

“ที่ชมนี่เพราะเห็นเป็นของแปลกสินะ”
แดริลเอ่ยเสียงเย็นชา ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เด็กจนแทบละสายตาไม่ได้ส่อเค้าอันตรายหากแต่เทวทูตตัวน้อยกลับไม่ใส่ใจ

“อืมใช่ เจ้าแปลกตาจริงๆนั้นแหละ”
คนถูกหาว่าแปลกดวงตาวาวโรจน์ เด็กชายตั้งใจจะทำอะไรซักอย่างกับเทวทูตตรงหน้าเพื่อระบายความหงุดหงิดในใจ หากถ้าอีกฝ่ายไม่พูดคำนั้นออกมาเสียก่อนด้วยรอยยิ้มอันบริสุทธิ์

“ทั้งเส้นผมสีทองดั่งดวงตะวัน ตาสีฟ้าใสราวกับแม่น้ำในทะเลสาบ เพราะว่าเจ้าแตกต่างอย่างน่าอัศจรรย์ข้าถึงได้ชมว่าเจ้าสวยยังไงล่ะ”

“พูดจาไร้สาระ”

แดริลปล่อยมือของเทวทูตที่จับอยู่แล้วเมินหนี คำพูดอันคล้ายคลึงกับคำพูดของมารดา ทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีกับเทวทูตตรงหน้ามากกว่าจะแค่ชื่นชอบใบหน้าและรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายเฉยๆ

เพราะลูกของแม่ช่างแตกต่างอย่างน่าอัศจรรย์ คนรอบตัวถึงได้หลงใหลในตัวลูก จะในทางดีทางร้าย นั่นหมายถึงลูกของแม่เป็นคนพิเศษยังไงล่ะ

แดริลแค่นยิ้มเมื่อนึกเปรียบเทียบคำพูดของแม่กับเทวทูต

“บอกไว้ก่อนนะ สีผมกับตาของข้า ถ้าเป็นดินแดนทางตะวันตกถือเป็นเรื่องปกติ”

“อืม…เรารู้อยู่แล้ว เพราะท่านแม่เองก็มีสีตากับเส้นผมสีเดียวกับเจ้านี่แหละ ท่านแม่เป็นลูกขุนนางจากดินแดนตะวันตก ท่านเล่าเรื่องบ้านเกิดของท่านให้เราฟังบ่อยๆ”

อย่างนี้นี่เอง

ถึงว่าผิวพรรณรูปร่างหน้าตาถึงแต่งต่างจากคนในอาณาจักร

แดริลคิดแล้วก็ถอนหายใจ เทวทูตยังวุ่นวายกับเส้นผมบนหัวเขาอย่างไม่รู้เบื่อ

“ถ้าเจ้าบอกว่าข้าผมสีเดียวกับแม่ของเจ้า ทำไมเจ้าไม่ไปหาแม่แล้วชื่นชมความงามเสียล่ะ มาวุ่นวายกับข้าทำไม”

ฉีกยิ้มกว้าง แดริลดีใจที่สามารถหาข้ออ้างให้คนอายุน้อยกว่าเลิกยุ่งกับตนได้เสียที ในหัวเริ่มวางแผนเรื่องจะหนีไปโดยเอาของติดตัวไปด้วยดีหรือจะรอให้ผู้ใหญ่เข้ามาแล้วปั้นหน้าแสร้งร้องไห้ของานทำแทน ขณะกำลังครุ่นคิดตาเจ้ากรรมก็ลอบมองดูเทวทูตที่น่ารักไปด้วย พอเห็นเด็กน้อยก้มหน้านิ่งนานจนผิดสังเกต แดริลก็ยุ่งยากใจอย่างหาคำอธิบายไม่ได้

“เป็นอะไรไปล่ะ”
แดริลถามพลางใช้มือแตะไปยังแผ่นหลังของเด็กตรงหน้า ทันทีที่สัมผัสถูก ร่างเล็กก็สั่นเทาด้วยแรงสะอื้น

“เป็นอะไรของเจ้า”
หงุดหงิดจนน้ำเสียงกร้าวนิดๆ แดริลใช้มือประคองหน้าของเทวทูตให้เงยขึ้นมองตนเอง หยาดน้ำใสไหลจากดวงตากลมโต

“ร้องไห้ทำไมหยุดเดี๋ยวนี้นะ”
แดริลออกคำสั่ง เทวทูตเมื่อถูกเอ็ดด้วยใบหน้าดุดันก็สะดุ้งเฮือกและร้องไห้หนักกว่าเก่าจนเขาทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายจึงตัดสินใจโอบกอดคนอายุน้อยกว่า ใช้มือลูบหลัง ปลอบโยนจนอีกฝ่ายจนหยุดสะอื้น

“จะบอกได้หรือยังว่าร้องไห้ทำไม” แดริลใช้ผ้าห่มขาวสะอาดซับน้ำตาให้เทวทูต

“เราคิดถึงท่านแม่”

“คิดถึงก็ไปหาสิ”
คนโต้ตอบยิ้มอ่อนใจ หากแต่ฉุกคิดได้ในทันทีพร้อมกับที่เทวทูตเอ่ยประโยคถัดไป

“ท่านแม่เสียชีวิตแล้วเมื่อสามวันก่อน”

“แย่จังนะ”
แดริลตีหน้าขรึม เด็กชายพยายามไม่นึกถึงความเจ็บปวดตอนที่เห็นแม่ของเขาค่อยๆตายไปเพราะโรคร้าย

“แต่ก็ไม่แย่เท่าไหร่นะ เรามีเจ้าเป็นตัวแทนแล้ว ทั้งสีผมทั้งสีตาเหมือนท่านแม่เลย”
เทวทูตยิ้มน้อยๆ

“อย่ามาตลกถึงจะสีผมสีตาเหมือนกัน ใช่ว่าข้าจะต้องอยู่กับเจ้าเสียหน่อย”
ปฏิเสธอย่างเย็นชาแต่ก็อดยิ้มด้วยความพึงพอใจไม่ได้เมื่อเห็นเทวทูตหน้าเผือดสีแถมยังลนลาน

“ทำไมล่ะก็ท่านพ่ออนุญาตให้เจ้าเป็นผู้ติดตามของเรา คำสั่งกษัตริย์ขัดไม่ได้นะ”

แดริลแทบจะไม่ได้ฟังประโยคสุดท้าย เพราะก่อนหน้านั้นเล็กน้อย เด็กชายใช้มือคลำหาสร้อยคอที่มีแหวนทองคล้องเอาไว้ไม่เจอ สิ่งนั้นแม่ของแดริลให้เขาติดตัวตั้งแต่เด็กเป็นของสำคัญดูต่างหน้า

“หายไปไหน”

แดริลร้องถามขณะที่เลือดขึ้นหน้าและใจหายวาบไปพร้อมกัน เ ด็กชายกระโจนออกจากเตียงแล้วรื้อค้นไปทั่วห้องจนรก พอหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ความโกรธและไม่สบายใจทำให้เขาเดินไปกระชากคอเสื้อเทวทูต

“สร้อยคอกับแหวนของข้าไปไหน”
เทวทูตกระพริบตาปริบๆ เด็กน้อยไม่เข้าใจเรื่องที่แดริลกำลังโกรธ มือเล็กๆค่อยๆล้วงเอาของซึ่งอีกฝ่ายถามออกมาจากกระเป๋าที่คาดเอว

“เราตั้งใจจะคืนให้เจ้าตอนตื่นแต่ มัวสนใจกับสีผมสีตาของเจ้าจนลืม”
แดริลปล่อยมือจากคอเสื้อ แล้วคว้าเอาสิ่งสำคัญของตนจากมือเล็ก เด็กชายสำรวจตัวแหวนทองอย่างถี่ถ้วน

“ ด้านในมีอักษรสลักไว้ด้วยนะ เอ….อ่านว่าอะไรนะ แด่…”

“แด่ผู้หญิงของซามาน” แดริลเอ่ยเสียงเย็นชา

“เก่งจังอ่านออกด้วย สมกับที่เป็นคนอายุมากกว่า” เทวทูตชม

“แม่ของข้าสอนให้ จะตื่นเต้นทำไม”
แดริลพูดขณะสวมสร้อยแล้วซ่อนมันเอาไว้ใต้เสื้อ

“ท่านแม่ของเจ้าคงจะเป็นบุตรขุนนางสินะ”

“ทำไมคิดอย่างนั้น”

“ก็ท่านครูบอกข้า หญิงสาวที่อ่านออกเขียนได้มีน้อย ดังนั้นเราเลยคิดว่าท่านแม่ของเจ้าคงเป็นบุตรขุนนางหรือไม่ก็คหบดีร่ำรวย”

เทวทูตฉีกยิ้มมั่นใจ รอยยิ้มใสซื่อบริสุทธ์กวนเอาความโกรธอันขุ่นมัวจนอัดแน่น แดริลหายใจไม่ออก อยากจะอาละวาด อยากร้องตะโกนให้รู้  เรื่องเกี่ยวกับแม่ของเขามันไม่ได้สวยงามอย่างที่คนตรงหน้าคิด แต่ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นได้แสดงสีหน้าออกไปเช่นไร เทวทูตถึงได้มองดูเขาด้วยแววตาเจ็บปวดไม่ใช่สงสาร

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า เจ้าทำสีหน้าเจ็บปวดเหมือนจะร้องไห้ เราเรียกหมอให้เจ้าได้นะ”

เทวทูตเข้ามาสำรวจลูบคลำแดริลก่อนจะใช้มือทาบลงบนหน้าผากของเขา เด็กชายรู้สึกอุ่นวาบในใจอย่างไม่มีเหตุผล
ในระหว่างนั้นพวกผู้ใหญ่หลายคนก็เดินเข้ามาในห้อง ตอนนี้เองถึงได้รู้ฐานะที่แท้จริงอันสูงส่งของเทวทูต  แดริลที่จู่ๆก็ถูกดึงออกมาสู่แสงสว่าง ความหวาดระแวงต่อคนมากมายถูกฝ่ามือเล็กที่เกาะกุมมือของเขาปัดเป่าออกไป

“ไม่เป็นไรนะ”

คำพูดและรอยยิ้มของเทวทูตทำให้แดริลตัดสินใจทำสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตวิถีของเขาไปอย่างสิ้นเชิง


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

เม้นกันบ้างน้า


หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 1 <14/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 14-07-2015 12:47:15
 :katai2-1: มาตามเรื่องใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 1 <14/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 15-07-2015 06:39:26
Forbidden  dashuria รักต้องห้าม

ตอนที่2

หลังจากถูกยัดเยียดให้รับตำแหน่งผู้ติดตามของเอลียาห์ องค์รัชทายาทผู้มีรูปลักษณ์ดั่งเทวทูต แดริลที่ไม่อาจปฏิเสธก็ถูกกำหนดให้เรียนรู้มารยาทในวังมาตลอดจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาสามเดือน

 ท่านครูที่มาสอน เป็นอดีตผู้ติดตามกษัตริย์องค์ปัจจุบันซึ่งชราภาพแล้ว และถึงแม้จะเกษียนไปอยู่นอกพระราชวัง ก็ยังสามารถเข้าออกพระราชวังได้ตามใจชอบ แถมได้รับพระราชทานเงินทองมากมายจากกษัตริย์บาดี

อนึ่ง ท่านครูชราภาพหรือท่านมูอัน นอกจากจะฉลาดและเต็มไปด้วยความยุติธรรม การที่อีกฝ่ายให้ความเมตตาเอ็นดูเขา ทำให้แดริลค่อนข้างชื่นชอบท่านครูชราคนนี้ หากแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชื่นชอบคนอื่นๆภายในพระราชวัง  ในทางกลับกันคนในพระราชวังจำนวนไม่น้อยก็ไม่ชอบหน้าเขาอย่างชัดแจ้ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้ามหาดเล็กประจำพระราชวังคาดิล ซึ่งเป็นพระราชวังหลังอันเป็นที่พำนักของเจ้าชายเอลียาห์ หลายครั้งที่แดริลรู้สึกถึงการมาเยือนของอีกฝ่ายขณะที่เขาเล่าเรียนมารยาทในวัง และถูกมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

แดริลรู้ดีถึงความหมายของแววตานั้น  ริษยา ดูถูก ชิงชัง ถึงเขาจะอายุเพียงเก้าขวบ แต่ชีวิตในสลัมทำให้ต้องเจอผู้คนหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นจึงไม่ยี่หระกับแววตาของหัวหน้ามหาดเล็ก
ไอ้กระเทยแก่

แดริลลอบยิ้ม หลังจากเข้ามาอาศัยในพระราชวัง  สามเดือนมานี้ ได้เรียนรู้มารยาทและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง พระราชวังคาดิลเคยเป็นของราชินีมารียาห์ พระราชมารดาของเอลียาห์มาก่อน พอสิ้นใจไปสถานที่นี้และข้ารับใช้จึงกลายเป็นของเจ้าชายโดยปริยาย

ดังนั้นข้ารับใช้ชายหรือมหาดเล็กในวังนี้ทั้งหมดจึงถูกตอน ไม่เว้นแม้แต่ทหารองค์รักษ์ จะมีก็แต่พวกที่เข้ามาทำงานแบบไปกลับหรือพวกที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในพระราชวังหลังเท่านั้นจึงเป็นชายสมบูรณ์
กฎข้อนี้ ถูกกำหนดให้ต้องทำในพระราชวังของเหล่าพระสนม และเจ้าหญิง ส่วนพระราชวังของกษัตริย์และเจ้าชายพวกเขาเหล่านั้นจะได้รับการยกเว้น ดูเหมือนว่าจะเข้มงวดกับสถานที่อยู่ของพวกผู้หญิงมากเป็นพิเศษ
นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งซึ่งทำให้หัวหน้ามหาดเล็กและเหล่าชายที่ไม่เป็นชายอีกหลายคนไม่ชอบหน้าเขา นั่นเพราะหากเขาเข้ามารับตำแหน่งในตอนที่ราชินีมารีย่าห์ยังมีชีวิตอยู่ เห็นทีคงไม่พ้นต้องถูกตอนเช่นกัน

เขาคงไม่มีวันเข้าใจความอิจฉาอันวิปลาสของคนเหล่านั้น หากแต่รู้ดี เพศชายยามหมกมุ่นในกามตัณหานั้นเป็นอย่างไร เขาได้เห็นมามาก ชายเหล่านั้นปฏิบัติกับหญิงโสเภณีในสลัมอย่างไร ทว่า สาเหตุที่ทำให้เขาเข้ากันไม่ได้กับคนจำนวนมากในวังไม่ได้มีแค่เพียงเรื่องเดียว

อาจเป็นเพราะการเอ่ยปากเพียงคำเดียวของเอลียาห์  ผู้ติดตามคนเก่าซึ่งรับหน้าที่เพียงไม่กี่เดือนจึงต้องออกจากตำแหน่ง เด็กหนุ่มอายุสิบหกคนนั้นบังเอิญเป็นหลานชายของหัวหน้ามหาดเล็ก หลานชายผู้โชคร้ายจำเป็นต้องตอนตัวเองเพื่อความก้าวหน้า เพราะรัชทายาทนายเหนือหัวยังเด็กและยังอาศัยอยู่ในพระราชวังของพระราชมารดาในเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่นอกจากจะถูกแย่งตำแหน่งจากเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ความเป็นชายอันแสนภาคภูมิยังสูญสิ้นไปอย่างไร้ประโยชน์

เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องสงสาร เพราะถึงสงสารอีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะทำดีกับเขาเสียเมื่อไหร่
เมื่อตัวตั้งตัวตีเป็นหัวหน้ามหาดเล็กและอดีตคนสนิทของเจ้าชายเอลียาห์ พวกมหาดเล็กส่วนใหญ่จึงตั้งตนเป็นศัตรูกับเขาไม่เว้นแม้แต่หญิงรับใช้

จริงๆแล้วอาจเป็นเรื่องน่าหดหู่อยู่สักหน่อย เพราะหญิงรับใช้ในพระราชวังเมื่อถูกเกณเข้ามาจะต้องอยู่ทำงานให้นายเหนือหัวไปจนกว่าจะตาย มีบางครั้งถ้าแต่งงานอาจได้รับอนุญาตให้กลับไปใช้ชีวิตข้างนอกด้วยทรัพย์สินตามความเมตตา หรือต่อให้แต่งงานมีลูกก็อาจจะยังต้องอยู่ในพระราชวังต่อไป

ทว่าหญิงรับใช้เหล่านี้ต้องอุดอู้รับใช้นายเหนือหัวตลอดเวลา น้อยครั้งที่จะได้รับอนุญาตให้ออกไปด้านนอกไปเยี่ยมครอบครัว เพราะเหตุนั้นหญิงรับใช้จำนวนมากจึงตกลงปลงใจกับทหารองค์รักษ์ หากแต่ไม่ใช่กับหญิงรับใช้ประจำพระราชวังที่เหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์อาศัยอยู่

หญิงรับใช้ในพระราชวังเหล่านี้ถูกวางกฎอย่างเข้มงวดกว่าหลายเท่า เหล่าหญิงสาวในวัยเจริญพันธ์จะระบายออกทางเพศอย่างไรกับชายซึ่งไม่ใช่ชาย น่าแปลกที่นั่นไม่ใช่ปัญหาเลยซักนิด ต่อให้ไม่มีความเป็นชาย พวกกระเทยเหล่านั้นยังคงมีลิ้นและมือคอยสนองตัณหาของอิสตรีได้

ดังนั้นมหาดเล็ก ทหารองครักษ์ที่ล้วนถูกตอน จึงจับคู่กับหญิงรับใช้เป็นคู่ผัวตัวเมียกระทำเรื่องบัดสีลับหลังผู้เป็นนายราวกับเป็นค่านิยมที่พึงกระทำ และดำดิ่งลงสู่ความหยาบช้าด้วยตัณหาอันวิปริตซึ่งมากกว่าชายหญิงปกติหลายเท่า
เมื่อชายไม่ใช่ชายผู้เป็นสามีรังเกียจเขา หญิงรับใช้ผู้เป็นภรรยาจึงพลอยไม่ชอบหน้าเขาไปด้วย

เจ้าพวกน่าสมเพช

แดริลคิดดูถูก รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าของเขาก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นว่างเปล่าเย็นชาเมื่อนึกถึงภาพพวกชายชั้นต่ำบางคนที่ลูบหัวเขาอย่างเอ็นดูบ้าง พูดจาดูถูกบ้าง บางครั้งหัวเราะเยาะเย้ย หลังจากได้ครอบครองเรือนร่างแม่ของเขาแล้วออกมาพบแดริลซึ่งรออยู่ด้านนอก

ออกจากบ่อโคลนมาได้ก็เจอบ่อโคลนอันใหม่สินะ

คิดพลางแสดงความเคารพแล้วเอ่ยคำลาท่านครู รู้สึกหิวตั้งใจจะไปหาอะไรกินในครัวเสียหน่อย แต่ก็ถูกเรียกด้วยเสียงเจื้อยแจ้วจากด้านหลัง

“แดริล”
แดริลหันกลับไปมองเจ้าของเสียงซึ่งวิ่งมาหยุดยืนตรงหน้าเขาแล้วหอบแฮ่ก

“มีอะไรหรือพี่ฟาติมา”

แดริลเอ่ยเสียงอ่อนโยน เขามองดูเด็กสาวอายุสิบสองขวบหัวเราะแฮะๆ ฟาติมาคนนี้เป็นคนคนเดียวที่นับได้ว่าเป็นมิตรตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ ฟาติมาเป็นเด็กสาวซึ่งถูกเกณเข้ามาเป็นหญิงรับใช้ตอนอายุสิบเอ็ด ถูกอบรมอย่างเข้มงวดเป็นเวลาหนึ่งปีก่อนจะส่งมาให้ทำงานใกล้ชิดคู่กับเขาเพื่อรับใช้เอลียาห์

เธอเป็นคนเปิดเผยและเป็นมิตร นอกจากนั้นแล้วการที่เขากับฟาติมาสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว เพราะเขาทั้งคู่ยังเป็นเด็กที่อายุไม่ต่างกันมากนัก

“ฝ่าบาทเอลียาห์ไปรอเจ้าที่ห้องแล้วนะ”

อีกแล้วเรอะ

แดริลเลิกคิ้ว อยากจะเดาะลิ้นด้วยความหงุดหงิดเสียเหลือเกิน

เด็กชายเดินนำฟาติมาซึ่งพูดไม่หยุด ในหัวของเขาคิดภาพตัวเองดุด่าเอลียาห์ซึ่งทำให้เขาเดือดร้อน

กี่ครั้งแล้วนะที่อีกฝ่ายแอบลอบเข้ามาในห้องของเขาแล้วชวนเล่นไร้สาระ เสียงแหลมแหลมนั้นทำเอาเขาทั้งปวดหัวและรำคาญ

นี่ถ้าหากว่าการเรียนมารยาทของเขาสิ้นสุดลง เมื่อได้รับตำแหน่งเป็นทางการ เขาจะต้องย้ายไปอยู่ข้างห้องของเอลียาห์
ขนาดห้องของเขาอยู่หากจากเจ้านั่นถึงเพียงนี้ยังแอบเข้ามาวุ่นวาย ไม่อยากจะคิดถ้าย้ายไปอยู่ใกล้ๆจะต้องปวดหัวถึงขนาดไหน แต่น่าแปลกทั้งๆที่หงุดหงิดมาก แต่กลับไม่เคยเอ่ยปากไล่เจ้าชายที่น่าปวดหัวซักครั้ง

“อารมณ์ดีอะไรเหรอจ๊ะ”

“เอ๊ะ” แดริลอุทานอย่างแปลกใจ

“มีเรื่องดีดีอะไรอยู่สินะยิ้มไม่หุบเลย”

“ไม่มีอะไรนี่”

“อ้าวปั้นหน้าขรึมซะละ คิดมานานแล้วล่ะ แดริลเป็นคนขี้อายสินะ”

ฟาติมาหัวเราะร่วน แดริลที่ทั้งขายหน้าและสับสน เดาะลิ้นอย่างหัวเสีย แต่ไม่คิดจะแก้ตัวหรือตอบโต้ เด็กชายเปิดประตูเข้าไปในห้องโดยมีฟาติมาเดินตามเข้ามา ในห้อง บนเตียงของเขา เอลียาห์ผู้มีรูปลักษณ์ประดุจเทวทูต นั่งรออยู่บนเตียงโดยมีกล่องไม้สลักซึ่งทำมาอย่างปราณีตอยู่ในมือ

“เจ้ามาได้ซักที”
เอลียาห์ลงจากเตียง วิ่งเข้ามาหาแล้วเปิดกล่องไม้ออก ภายในมีขนมรูปร่างแปลกตาอยู่ในนั้น

“นี่คือ เลบคุกเค่น<lebkuchen> เป็นขนมทางตะวันตกที่คนครัวของท่านพ่อที่มาจากตะวันตกปรุงขึ้นมา เรายังไม่ได้ทานหรอก แต่คิดว่าน่าจะอร่อย ฟาติมายังไม่เคยได้กิน และเราคิดว่า แดริลเป็นคนทางตะวันตกอาจจะชอบ”

นี่หรือเลบคุกเค่น?

แดริลมองขนมในกล่องไม้ด้วยอารมณ์หลากหลาย ในบรรดาขนมจากตะวันตกที่แม่ของเขาเล่าให้ฟัง เลบคุกเค่นเป็นขนมที่เขาอยากเห็นเป็นที่สุด

สมัยเป็นเด็กพอถึงวันขอบคุณพระเจ้า ถึงบ้านคุณตาคุณยายจะไม่รวยนัก ท่านก็จะทำเลบคุกเค่นให้แม่ทาน เพราะว่าไม่ได้ทานบ่อย แม่ถึงเฝ้ารอวันเฉลิมฉลองอย่างใจจดใจจ่อ

ช่วงเวลาที่แม่พูดถึงขนมชนิดนี้และหวนนึกถึงอดีต แม่มีสีหน้าเป็นสุขมากกว่าปกติหลายเท่า จนเขาอดปลาบปลื้มกับขนมชนิดนี้ไม่ได้

เป็นอย่างนี้เองหรือเจ้าขนมนี่

แดริลหยิบขนมชึ้นมาพินิศก่อนจะค่อยๆกัดชิมรส หลังจากรสหวานแผ่ซ่านในปาก แดริลก็ไม่รอช้าที่จะกัดคำต่อไป เขาหยิบขนมชิ้นใหม่มากินทันทีหลังจากชิ้นแรกหมด เอลียาห์เห็นแบบนั้นจึงชักชวนฟาติมาให้กิน ทั้งสามคนร่วมกันทานขนมอย่างเอร็ดอร่อย ถึงในสายตาเอลียาห์และฟาติมา แดริลดูจะหมกมุ่นในการกินอย่างแปลกๆ

บังเอิญสินะ

แดริลลอบมองหน้าเอลียาห์ขณะกัดกินขนม

แน่ล่ะต้องบังเอิญ ก็เขาไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเองให้ฟังเสียหน่อยนี่นา

“อร่อยไหม” เอลียาห์ส่งยิ้มกว้างมาให้เมื่อรู้สึกว่าถูกมอง

“ก็…อร่อยมั้ง ก็กำลังหิวอยู่นี่ครับ”

แดริลตอบด้วยเสียงเย็นชาพร้อมกับมองเมินไปอีกทาง คำว่า’ขอบคุณ’ผุดขึ้นในความคิดของแดริลอย่างไม่อาจปฏิเสธ ดวงตาสีฟ้าใสจ้องดูเอลียาห์ซึ่งพูดคุยและหัวเราะกับฟาติมา

ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน

รู้สึกเหมือนมีจุดแสงเล็กๆสว่างอยู่ภายในใจที่เต็มไปด้วยความมืด

ไม่ ไม่ใช่หรอก แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
จะคิดว่าอีกฝ่ายทำกับเขาเหมือนเป็นคนพิเศษไม่ได้

ทั้งเรื่องที่เก็บเขามา ทั้งเรื่องที่ทำดีด้วย

เป็นเพราะ เขามีเส้นผมกับสีตาเหมือนแม่ของอีกฝ่ายเท่านั้น

ต่อให้เอลียาห์จะเป็นเทวทูตที่ใจดีงดงามแค่ไหน สำหรับคนซึ่งอยู่สูงกว่า ความใจดีที่มีให้เขาคงไม่ต่างจากการโปรยอาหารให้สุนัขข้างถนน

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น

แดริลที่ได้รับการรับรองจากท่านครู ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นทางการต่อหน้าเหล่าข้ารับใช้ในพระราชวัง ไม่ใช่จะมีการมอบตราสารหรืออะไร แต่แค่เป็นการแจ้งในตำแหน่งให้รู้ทั่วกัน

แดริลมองไปยังผู้คนซึ่งรวมตัวกัน ผู้คนที่มองมาด้วยความริษยา ผู้คนที่เฉยเมย เขาไม่สนใจตราบเท่าที่ไม่มีใครลงมือทำร้ายหรือรังแก จะนินทาว่าร้ายยังไงก็ช่าง ในบรรดาคนทั้งหมดนั้น ยูซูฟหัวหน้ามหาดเล็กและซาลามหลานชายคนที่เขาแย่งตำแหน่ง มองดูมาประหนึ่งเขาเป็นศัตรูที่ต้องกำจัด

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ตอนที่สองแล้วนะคะ

ไม่มีคนเม้นเลย อยากร้องไห้

เม้นกันบ้างน้า :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 2 <15/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 15-07-2015 10:49:59
น่าติดตามมากกค่ะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 2 <15/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 15-07-2015 12:34:18
ตอนแรกเราเฉยๆ แต่ตอน2 ชอบมากกกกกกกกกกกก

เจ๋งอ่ะ เริ่มขมวดปมชีวิตในวังแล้ว รอว่าชีวิตจะเป็นยังไงต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 2 <15/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-07-2015 19:10:36
เคลียด
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 2 <15/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-07-2015 20:37:06
อยู่ในวัง ชีวิตมันไม่ง่ายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 2 <15/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 15-07-2015 21:23:07
ภาาษาดีนะคะ รออ่านค่ะ เป็นกำลังใจนะ ;>

หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 2 <15/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 16-07-2015 07:18:41
ตอนที่3

หลังจากเริ่มทำหน้าที่ในฐานะผู้ติดตามประจำตัว แดริลก็ย้ายมาอยู่ข้างห้องของเอลียาห์ เด็กชายคอยรับใช้เทวทูตทุกอย่างโดยมีฟาติมาคอยช่วย ตั้งแต่อาบน้ำแต่งตัว ไปจนถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆ  เขาตามติด แม้กระทั่งในเวลาเรียนก็ยังต้องคอยนั่งอยู่ใกล้ๆ วันแล้ววันเล่าผ่านไปนับเดือน การใช้ชีวิตซ้ำซากทำให้เบื่ออยู่บ้าง แต่เฉพาะตอนที่ไปนั่งเฝ้าเอลียาห์ศึกษาความรู้กับท่านครูเท่านั้นที่ทำให้กระตือรือร้น  สำหรับแดริล ถึงแม้จะไม่ได้ถูกสอนโดยตรง เขากลับซึมซับความรู้ที่ได้ฟังและได้เห็นอย่างรวดเร็ว

“ทำยังไงดีเราปวดหัวจัง”

แดริลปลายมองเทวทูตใช้มือขยี้หัวตัวเองไปมา เอลียาห์นั้นได้รับการบ้านจากท่านครูก่อนที่ท่านจะออกไปแล้วทิ้งท้ายว่าจะกลับมาเอาคำตอบ

“แดริลช่วยเราคิดหน่อยสิ”
เอลียาห์แสร้งทำน้ำตาไหล บางครั้งเอลียาห์ที่ใสซื่อก็จะแสดงความเจ้าเล่ห์แบบเด็กเกเรออกมา

“จะดีหรือครับให้ข้าทำหากถูกจับได้ล่ะ”
แดริลพูดขู่ แทนที่เอลียาห์จะสำนึกกลับส่ายหน้ารัวๆ ยืนยันแล้วบอกว่า’ หากเขาไม่พูด ตนเองไม่พูด ยังไงก็ไม่มีใครรู้’

“เถอะนะ แดริลช่วยคิดหน่อย เดี๋ยวเราเขียนด้วยลายมือของเราเอง ไม่มีทางมีใครรู้แน่ๆ”

“แค่ช่วยคิดนะครับ”

ตอบตกลงพร้อมกับรับม้วนกระดาษจากเอลียาห์ไปเริ่มอ่านโจทย์ แดริลขมวดคิ้วกับคำถามแล้วใช้เวลาครุ่นคิดอยู่หลายนาทีก่อนจะเริ่มพูดให้เอลียาห์จดคำตอบลงในม้วนกระดาษ จากนั้นเมื่อเวลาครบหนึ่งชั่วโมงท่านครูก็กลับเข้ามาในห้อง เอลียาห์ยื่นม้วนกระดาษคำตอบให้ท่านครู

รู้สึกตื่นเต้นแบบแปลกๆ รู้อยู่มันไม่ใช่คำถามที่มีไว้เพื่อเขา แต่ในเมื่อได้เป็นคนตอบ จึงใช้ประสบการณ์ที่พอจะมีอยู่บ้างกับความรู้ที่ได้ยินได้ฟังมาตลอดเวลายามนั่งเฝ้าในชั่วโมงเรียนของเอลียาห์

“ใครเป็นคนตอบคำถามนี้ท่านเอลียาห์”
ท่านครูชราเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มพร้อมลูบคลำหนวดสีขาวไปมา

“ก็ต้องเราสิท่านครู”
เอลียาห์ยืนยันด้วยใบหน้าอันใสซื่อบริสุทธิ์ ถ้าแดริลไม่ได้รู้มาก่อนและไม่ได้เป็นคนร่วมทำผิด คงเชื่อในมารยาของเทวทูตอย่างสนิทใจ

“ไม่ท่านเอลียาห์ไม่น่าตอบได้ ถึงข้าจะเคยสอนเรื่องพื้นฐานไปบ้าง แต่ด้วยอายุก็ไม่น่าจะตอบคำถามนี้ได้ อันที่จริงข้าไม่ได้คิดจะได้คำตอบจากท่านตั้งแต่แรก เพราะถ้าไม่สอนอย่างละเอียดท่านจะตอบคำถามนี้ได้อย่างไร”

“อ้าว อย่างนั้นท่านครูตั้งคำถามที่เราตอบไม่ได้ทำไม ท่านครูใจร้าย”
เอลียาห์ทำหน้ากระเง้ากระงอด แต่ท่านครูหาได้ใส่ใจ

“ที่สำคัญกว่าใครเป็นคนตอบคำถามนี้”
ถึงจะตั้งคำถาม หากแต่สายตาของท่านที่ครูมองมายังแดริล ทำให้เด็กชายรู้ตัวในทันทีเรื่องที่อีกฝ่ายคงรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนตอบคำถาม

“ข้าเองครับ”
แดริลยอมรับผิดง่ายๆ เมื่ออีกฝ่ายรู้ตัวแล้ว จะดึงดันโกหกต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา

“คำถามนี้ข้าถามถึงการปกครองบริหารชนชั้นต่างๆของอาณาจักรในเชิงปฏิบัติ คำตอบของผู้ติดตามน้อย ถ้าให้พูด ยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องและดีเยี่ยม แต่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ คือการปฏิบัติกับพวกทาส น่าสนใจมาก ข้าไม่เคยคิดถึงการล้มระบอบทาสมาก่อน จุดนี้แหละที่ทำให้รู้ว่าท่านเอลียาห์ไม่น่าจะใช่คนตอบคำถาม”

“ทำไมล่ะก็แค่เรื่องของพวกทาสเอง เราก็รู้จักนะ”
เอลียาห์ท้วงติง ดูจากท่าทาง เจ้าตัวมั่นอกมั่นใจและรู้ลึกในเรื่องเกี่ยวกับพวกทาสน่าดู

“อย่างนั้นท่านเอลียาห์คิดว่าทาสน่าสงสารไหม”
ท่านครูชราถามด้วยรอยยิ้ม เอลียาห์นิ่งคิดหลายนาที

“ไม่เลย พวกเขาทำงานแลกอาหารแลกที่อยู่ไม่ใช่เหรอ”

“นี่แหละนี่แหละ เพราะท่านเอลียาห์ยังเล็กและถูกเลี้ยงดูมาแบบชนชั้นสูง จึงไม่มีทางมีมุมมองเหมือนอย่างผู้ติดตาม”
ท่านครูหัวเราะเสียงกังวานก่อนจะตวัดสายตาดุดันไปยังแดริล

“เจ้าคิดจริงๆหรือว่ายกเลิกระบบทาสเป็นสิ่งที่ดี”
แดริลนิ่งคิด สำหรับกับเขาที่เห็นความทุกข์และน่าเวทนาของพวกทาสมามาก ไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่นเลย และยิ่งเมื่อตนเองมีประสบการณ์ถูกไล่ล่าจากพ่อค้าทาสด้วย แดริลมองตอบประสานสายตาอันวาวโรจน์ของท่านครูแล้วตอบคำถามอย่างหนักแน่น

“ครับ”

“แล้วเจ้ารู้ไหม การเลิกระบบทาสจะส่งผลกระทบอะไรกับชนชั้นและระบบเศรษฐกิจของอาณาจักรบ้าง”

“ไม่ทราบครับ”
แดริลตอบคำถามโดยไม่กล้าสบตา

เขาจะรู้ได้ยังไงล่ะ ก็ในเมื่อเพิ่งจะเคยเรียนเรื่องพวกนี้อย่างจริงจังแค่สองเดือน แถมยังเป็นแบบครูพักลักจำ

โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม

แดริลรู้สึกถึงด้านลบในใจตัวเองไปพร้อมๆกับคิดอยากเรียนรู้ให้มากกว่านี้’ การได้ยืนอยู่เหนือผู้คนมันเป็นความรู้สึกแบบไหนกัน’ เขาก็ได้แต่ตั้งคำถามแบบนี้อยู่ในใจ

“น่าเสียดายจริงๆ  หากเจ้าเป็นบุตรขุนนางหรือชนชั้นสูงคงจะได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้ การจินตนาการว่าเจ้าจะตอบคำถามแบบไหน
เมื่อเรียนรู้อย่างช่ำชองและเป็นระบบ มันทำให้ข้าตื่นเต้น…เสียดาย…เสียดาย”

เด็กชายกำหมัดแน่น คำพูดในเชิงผิดหวังเห็นใจทำเอาเดือดพล่าน อยากจะตะโกนตอบโต้กลับไปอย่างหยาบคาย’ เขาไม่ต้องการความเห็นใจและสงสาร’ แต่ทว่าน้ำเสียงร่าเริงไร้เดียงสาของเอลียาห์ทำให้ความคิดด้านลบที่รวมตัวกันอยู่ กระจัดกระจายกลับมาแจ่มใสอีกครั้ง แดริลมองดูเทวทูตอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

“ท่านว่าอย่างไรนะท่านเอลียาห์”
ท่านครูชราถามพลางขยับแว่นตา

“เราบอกว่าเราจะไปขอท่านพ่อให้แดริลมาเรียนเป็นเพื่อนเรา”
กล่าวจบมือเล็กก็คว้ามือแดริลยื้อยุดให้ลุกขึ้น

“จะทำอะไรน่ะครับท่านเอลียาห์”
แดริลตื่นตกใจกับการกระทำอันฉุกละหุก เขางงไปหมดในการตัดสินใจอย่างกะทันหัน แต่กระนั้นก็ยังมีสติไม่ให้เอลียาห์ชักจูงความคิดไปได้ง่ายๆ

“เราจะพาเจ้าไปหาท่านพ่อด้วยกัน”

“เรื่องแบบนั้น…”

แดริลเอ่ยอย่างตื่นตระหนก ภายในใจกำลังพลุ่งพล่านด้วยความคาดหวัง ยินดี ปนเปสับสนไปหมด

เรื่องแบบนี้เป็นไปได้เหรอ

มันเป็นไปได้จริงๆนะเหรอ

คนที่อาศัยอยู่ในบ่อโคลนอย่างเขาแค่มีที่ซุกหัวนอนมีอาหารให้กินก็รู้สึกขอบคุณแล้ว

แต่ลึกลงไปในใจ แดริลมีความกระหายอยากไม่สิ้นสุด ฝั่งรากลึกรอวันปลดปล่อย แต่ก็ยังมีความเจียมตัวอยู่บ้าง หากแม้ว่าไม่ได้ร่วมเรียนหนังสือกับเอลียาห์ เขาก็ไม่ได้สูญเสียอะไรไป แต่ถ้าได้สิ่งที่คาดหวังมา มันก็ราวกับจะได้รับการเติมเต็มอะไรบางอย่าง

แดริลคล้ายกับได้มองเห็นแสงสว่าง  ในแสงนั้น มีภาพของท่านแม่ ท่านแม่ที่ตั้งใจสอนภาษาการเขียนการอ่าน แดริลนั้น โดยที่ไม่
มีใครรู้ เขาอ่านออกเขียนได้ถึงสามภาษา ภาษาของประเทศนี้  ภาษาทางตะวันตก และ ภาษาของพวกทาส

ถึงแม้ว่าลูกจะไม่ได้เรียนหนังสืออย่างที่แม่หวัง แต่แค่การอ่านเขียนแม่ก็สอนลูกได้ แม่ขอโทษจริงๆที่มอบสิ่งดีดีให้ลูกได้แค่นี้

แดริลหวนนึกถึงอดีต เหตุการณ์ในคืนนั้น ท่านแม่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย แต่เพียงครู่เดียวรอยยิ้มของแม่ก็ดูเจิดจ้า ส่องสว่างราวแสงตะวัน ภาพของแม่ในแสงสว่างอันพร่าตา ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มของเทวทูตตรงหน้า เทวทูตที่ประทานพรศักดิ์สิทธิ์ให้เขาสมหวังทั้งๆที่ไม่ได้ขอ

“ไม่ต้องกลัว ท่านพ่อต้องอนุญาตแน่นอน แดริลฉลาดจะตาย ท่านพ่อต้องเห็นด้วยที่เจ้าจะมาเรียนเป็นเพื่อนเรา”

หลังจากนั้นก็ถูกลากให้วิ่งตามโดยมีทั้งมหาดเล็กและหญิงรับใช้เดินตามอย่างแตกตื่น คนเหล่านั้นพอทราบเรื่องต่างก็มีสีหน้าจืดเจื่อน หัวหน้ามหาดเล็กผู้จงเกลียดจงชังเขา ชักแม่น้ำทั้งห้าให้เอลียาห์เปลี่ยนใจ แต่กลับไม่ได้ผล เอลียาห์เมื่อรู้ว่ากษัตริย์บาดีกำลังอยู่กับพระสนมในสวน ก็พาเขาและคนกลุ่มใหญ่ เข้าพบซึ่งได้รับอนุญาตอย่างง่ายดาย

“เจ้าเงยหน้าขึ้นมาสิ”

กษัตริย์บาดีออกคำสั่งหลังจากฟังคำขอของราชบุตร แดริลซึ่งคุกเข่าก้มหน้าโดยตลอดด้วยความตื่นเต้นและสับสน พอถูกสั่ง จิตใจที่กระวนการะวายกลับสงบลงอย่างน่าประหลาด เขาเงยหน้าขึ้น พอกษัตริย์เห็นใบหน้าของเขาก็มีสีหน้าขมึงทึงจนทุกคนตกใจ

“เป็นอะไรไปคะฝ่าบาท”
พระสนมซึ่งนั่งอยู่เคียงข้างเอ่ยถาม กษัตริย์บาดีนอกจากไม่ตอบคำยังซบหน้าลงกับฝ่ามือคล้ายกับต้องการปกปิดไม่ให้ใครเห็นสีหน้าในยามนี้

“เจ้ามีส่วนคล้ายกับคนที่เรารู้จักมาก”
กษัตริย์บาดีเอ่ยหลังจากควบคุมอารมณ์ได้

“เราอนุญาตให้เจ้าเรียนรู้ทุกอย่างร่วมกับบุตรของเราได้”
เอลียาห์ยิ้มแก้มปริเด็กน้อยจับมือแดริลเขย่าขึ้นลงเป็นจังหวะเดียวกับที่กษัตริย์บาดีลุกขึ้นยืน

“ฝ่าบาทจะกลับแล้วหรือคะ”
พระสนมถามด้วยความเสียดาย กษัตริย์ที่รักเพิ่งมาอยู่กับนางได้แค่สองชั่วโมงเท่านั้น

“จริงสิแดริลถ้ามีเวลาว่างเราอาจจะให้บุตรชายเราพาเจ้ามาสนทนาเรื่องครอบครัวของเจ้า”
กษัตริย์เอ่ยอย่างเลื่อนลอยก่อนจะเดินจากไป

เมื่อได้สมหวัง เอลียาห์ที่อารมณ์ดีสุดๆ เดินจูงมือแดริลไปฮัมเพลงไป

คิดไปเองหรือเปล่านะ เขาเองก็กำลังยิ้มอยู่

แดริลไม่อยากจะเชื่อ ในระยะไม่กี่เดือน เรื่องดีดีจะเกิดขึ้นกับเขามากจนแทบไม่คาดฝัน ราวกับถูกอำนวยพรด้วยเทวทูต
แดริลถูกเอลียาห์ผู้มีรูปลักษณ์ประดุจเทวทูตพาวิ่งไป เด็กชายวิ่งตามหลังไปด้วยสีหน้าแช่มชื่น

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

พรุ่งนี้จะเอาตอนใหม่มาลงนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเม้นมากเลยค่ะ

ตอนหน้าจะมีตัวละครสำคัญตัวใหม่โผล่แล้วนะคะ

อย่าลืมเม้นกันด้วยน้า

เค้าขอร้อง :hao5:

หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 3 <16/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 16-07-2015 12:39:03
กษัตริย์ต้องรู้จักแม่แน่เลย  :katai3:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 3 <16/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 16-07-2015 15:47:26
 :-[ น่ารักจัง มาต่อเร็วๆ น้า
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 3 <16/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 16-07-2015 16:14:50
ขนลุกวาบๆ ตอนกษัตริย์เห็นหน้าแดริลเลย
สังเห่าสังหอนไม่ดีโคตรๆ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 3 <16/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 17-07-2015 08:42:09
ตอนที่4

ผ่านมาหนึ่งปีแล้วนับตั้งแต่รับหน้าที่เป็นผู้ติดตามของเอลียาห์ แดริลดูแลความเป็นอยู่ของเอลียาห์ไปพร้อมๆกับเรียนรู้ ภาษาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และการปกครอง เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับเอลียาห์ทั้งหมด รวมไปถึงศิลปะการต่อสู้ การใช้อาวุธ เรียกได้ว่าทุกวันเขายุ่งจนแทบไม่มีเวลาทำตัวไร้สาระ

หนึ่งปีที่ผ่านมาเขาผูกพันกับเอลียาห์จนบางครั้งอดคิดอย่างหยิ่งผยองไม่ได้ว่าตนเองเป็นเสมือนเพื่อนและพี่ชายของเทวทูตตัวน้อยที่เขาดูแล และคิดไปเองในเรื่องที่สามารถทำอะไรได้ตามใจชอบประหนึ่งสัตว์ป่าซึ่งอยู่ในโลกกว้างก่อนจะถูกทำให้สำนึกตัวเกี่ยวกับความเป็นจริง

“ท่านพี่ซาฟิล”
เอลียาห์โผเข้ากอดเด็กชายวัยสิบขวบ ซาฟิลมีใบหน้าดูดีพูดได้ว่าเติบโตขึ้นไปต้องเป็นคนที่หน้าตาหล่อเหลามากคนหนึ่ง

“ไม่ได้เจอกันตั้งนานคิดถึงท่านพี่ที่สุด เราอยากฟังเรื่องของอาณาจักรทางตะวันตกที่ท่านอาพาท่านพี่ไป เล่าให้เราฟังนะ”

ซาฟิลเป็นบุตรของอับหมัดน้องชายของกษัตริย์บาดี หนึ่งปีก่อนหน้านั้นได้เดินทางตามอับหมัดซึ่งเป็นทูตไปยังดินแดนตะวันตก ท่าทางสนิทสนมออดอ้อนที่เอลียาห์มีต่อซาฟิล แดริลเห็นแล้วอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัว เด็กชายไม่รู้ซักนิด ทำไมตนเองถึงคิดแบบนั้น กระนั้นก็อดตัดพ้อเอลียาห์ในใจ เรื่องที่ก่อนหน้านั้นเอาแต่ตามเขาไปทุกๆที่ พอเจอซาฟิลอยู่ๆก็ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน

ซาฟิลมาหาเอลียาห์ทุกวัน ระหว่างที่ลูกพี่ลูกน้องคนนี้มา เขาจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ จะทำอะไรก็ได้ ด้วยซาฟิลอยากจะใช้เวลากับเอลียาห์เล่นสนุกกันโดยไม่มีคนอื่นมายุ่งวุ่นวาย และพูดในทำนองว่าแดริลยังเป็นแค่เด็กตัวกระเปี๊ยกจะดูแลตอบสนองอะไรคงไม่ทันใจไม่จำเป็นต้องมานั่งเฝ้าให้เสียเวลา

อายุสิบขวบเท่ากันแท้ๆ

ถ้าเขายังเด็ก ฝ่ายนั้นก็เด็กเหมือนกัน

ไม่สิต่างกันแน่ เพราะเขาเชื่อ ตัวเขาเองนั้น ทำอะไรได้มากกว่าที่อีกฝ่ายทำได้อย่างแน่นอน

ทุกครั้งหลังจากซาฟิลกลับไปเมื่ออยู่กับเอลียาห์ เทวทูตจะเล่าสิ่งที่ซาฟิลเล่าหรือเรื่องสนุกซึ่งไปทำกันมาให้เขาฟัง
หงุดหงิดจนต้องเบือนหน้าหนี ทั้งที่มีเวลาว่างส่วนตัว กลับไม่มีกะใจจะทำอะไรสนุกๆ แถมบางครั้งยังเผลอระบายความขุ่นข้องใส่พี่ฟาติมาจนเธอยิ้มแหยๆ

“นั่งสิ”

ซาฟิลสั่งแดริลให้นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทางเขื่องโขเกินวัย เขานั่งลงตามคำสั่งพร้อมกับประหลาดใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับอนุญาตให้มาอยู่ด้วยยามที่ซาฟิลเล่นสนุกกับเอลียาห์ แดริลปลายมองเทวทูตซึ่งนั่งบนเก้าอีข้างๆ เอลียาห์ยิ้มกว้างให้เขา

“เราเล่นฌาตรัญจ์ <shatranj หมากรุกอาหรับ> แพ้เจ้าพี่ซาฟิลตลอด เราเลยคิดจะให้แดริลล้างแค้นให้เรา”

เอลียาห์วัยเจ็ดขวบส่งสายตาวิบวับมาให้ แดริลพอจะเข้าใจสถานการณ์ แต่พอคิดถึงเรื่องที่ตนเองถูกทิ้งให้เหงาเป็นเวลานาน เด็กชายก็กระหยิ่มในใจ

จะแกล้งแพ้ซะ

การที่ได้เห็นเอลียาห์ผิดหวังซักครั้งอาจทำให้อารมณ์ขุ่นคลักจากหายไป

“เอลียาห์บอกว่าเจ้าเล่นฌาตรัญจ์เก่ง เราก็อยากรู้เหมือนกัน แค่ผู้ติดตามจะเล่นได้ซักแค่ไหน”
ซาฟิลเริ่มเรียงหมากของตนไปพร้อมๆกับแดริล

“เจ้าเดินก่อนได้เลย”
ซาฟิลเสนอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แดริลเดินปิยาดา<ทหารเท้า> เป็นการเปิดกระดาน

“เราได้รู้จากเอลียาห์เรื่องเจ้าได้รับอนุญาตให้เรียนหนังสือแล้วก็อะไรหลายๆอย่างแบบเดียวกับเอลียาห์”

“ครับ”
ระหว่างตอบคำถามฟาราส<faras ตัวม้า>ของซาฟิลก็คร่าชีวิตตัวปิยาดาของแดริลไปสองตัว

“บางทีเราก็คิดนะ พวกคนรับใช้นี่ควรจะได้รับการอบรมให้เจียมเนื้อเจียมตัวบ้าง เห็นด้วยไหมชาคา”

ซาฟิลขอความเห็นผู้ติดตามวัยเยาว์ของตนเอง ขณะคร่าชีวิตปิยาดาของแดริลไปอีกหนึ่งตัว พอแดริลเสียปิยาดาไปถึงสามตัว เอลียาห์ก็กระวนกระวายจนนั่งไม่ติดที่ หากแต่ไม่ได้ร้องโวยวายออกมา

“แม่ของเจ้าเป็นโสเภณีในสลัมสินะ”
ซาฟิลยิ้มขณะที่เอลียาห์อุทานอย่างตกใจ

“น้องเอลียาห์ไม่รู้สินะว่าหญิงโสเภณีคืออะไร เป็นอาชีพที่สำคัญในอาณาจักรเชียวนา ไม่เชื่อน้องลองถามแดริลดูสิ”

“ท่านพี่รู้ได้อย่างไรเรื่องแม่ของแดริล”
เอลียาห์ขมวดคิ้วถาม

“หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง  พอเห็นน้องเอลียาห์สนใจ แค่เราออกปาก ก็จะมีคนสืบหาความจริงให้เราเยอะแยะ”

พูดพลางขยับวาเซียร์<wazir ปุโรหิต>ไปประชิดปิยาดาของแดริลอีกตัว หารู้ไม่ว่า แดริลที่ทำหน้าไม่ยินดียินร้าย
 กำลังคุกรุ่นด้วยไฟแค้นซึ่งแต่แรกตั้งใจจะแกล้งแพ้ แต่ตัดสินใจแล้ว

 ถึงเป็นแค่เรื่องฌาตรัญจ์เขาจะต้องชนะให้ได้

อีกฝ่ายจะทำหน้าแบบไหนกันนะหากพ่ายแพ้ให้กับข้ารับใช้ลูกโสเภณี

จากนั้นไม่ว่าจะถูกพูดจาร้ายๆเรื่องกำพืดหรือเหยียดหยามยังไง แดริลก็ไม่สะทกสะท้าน  ตัวหมากของทั้งคู่ลดลงไปเรื่อยๆ ต่างคนต่างผลัดกันคร่าชีวิตตัวหมากของกันและกัน แดริลเข้าใจว่าซาฟิลไม่ได้ดีแต่ปาก

ทำไมนะ ทำไมเทพเจ้าต้องประทานฐานะและความฉลาดให้กับคนใจสกปรกพวกนี้ด้วย

ขณะที่คิดเช่นนั้นวาเซียของแดริลก็พิชิต ชา<shah พระราชา.>ของฝ่ายตรงข้าม เอลียาห์ปรบมือโห่ร้องด้วยความดีใจ ซาฟิลถึงกับรับไม่ได้ เด็กชายผู้สูงศักดิ์กัดฟันกรอด ดวงตาเรียวรีมองดูรอยยิ้มยะเยือกของแดริลที่เจ้าตัวตั้งใจจะให้เห็น โดยไม่คาดคิดผู้สูงศักดิ์อาละวาดล้มโต๊ะแล้วโผเข้าหาผู้ชนะอย่างเอาเรื่อง

“แก…ไอ้ลูกโสเภณีชั้นต่ำ ไอ้เด็กร้อยพ่อ ข้าจะสั่งสอนแกหากกล้าหือกับเชื้อพระวงศ์จะต้องโดนยังไง”

ทั้งเอลียาห์ทั้งชาคาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รู้ตัวอีกทีซาฟิลก็ถูกแดริลเหวี่ยงกลิ้งลงไปกองกับพื้น คนถูกเหวี่ยงถึงกับตาเหลือกค้าง พอตั้งสติได้ก็ตะโกนร้องโวยวาย

“ชาคาจับมันลงโทษที่ทำให้เราต้องเสื่อมเสีย”
ชาคาเดินเข้าหาคนผิดตามคำสั่ง ในตอนนั้นประกายไฟในดวงตาของแดริลลุกโชน เขาในตอนนี้ก็เลือดขึ้นหน้าไม่ต่างกัน

“หยุดนะ”
เอลียาห์ตวาดเสียงดัง ชาคาและแดริลหันไปมองผู้มีรูปลักษณ์ดั่งเทวทูต

“ท่านพี่ซาฟิลแพ้แล้วไม่ใช่หรือ แถมเจ้าท่านพี่ยังเป็นคนผิด แพ้แล้วอาละวาดทำร้ายแดริลก่อน”
เอลียาห์พูดโดยไม่ยอมมองหน้าใครเห็นได้ชัดว่ากำลังลำบากใจ

“แต่มันทำร้ายเชื้อพระวงศ์นะครับท่านเอลียาห์”
ชาคาท้วงติงอย่างนอบน้อม

“ใช่มันทำร้ายข้า ข้าจะให้มันถูกกุดหัว”
ซาฟิลโวยวายทั้งยังนั่งกองอยู่บนพื้น ท่าทางอย่างนั้น ทำเอาแดริลอยากจะเดินเข้าไปกระทืบซ้ำให้อีกฝ่ายหุบปาก

“เราจะให้ท่านพ่อตัดสินเรื่องนี้”
เอลียาห์พูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองใคร

“อะไรนะ”
ซาฟิลร้องตะโกนเสียงดัง หากแต่พอชาคากระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหู แดริลรู้สึกเหมือนเชื้อพระวงศ์ตัวร้ายมองมาที่เขาอย่างพินิจพิเคราะห์

“ช่างเถอะๆ” ซาฟิลลุกขึ้นยืนโดยมีชาคาช่วยพยุง

“เราไม่อยากให้เรื่องราวมันลุกลามใหญ่โตเห็นแก่หน้าน้องเอลียาห์ แต่ว่า…”
ซาฟิลเว้นระยะคำพร้อมกับกวาดดูแดริลที่ยังกรุ่นโกรธขึ้นลงแล้วเหยียดยิ้มเย้ยหยัน รอยยิ้มนั้นยิ่งกระตุ้นและขับไล่เหตุผลไปจากสมองของแดริล

เป็นรอยยิ้มแบบเดียวกับลูกค้าของท่านแม่ในสลัม

แดริลกำหมัดแน่น

“เราจะให้อภัยก็ได้ ถ้าเจ้าข้ารับใช้ยอมก้มลงกราบขอโทษเรา น้องเอลียาห์ว่ายังไง”

“แค่ก้มกราบเองครับ ท่านเอลียาห์ดีกว่าถูกลงโทษเฆี่ยนตีนะครับ”

ชาคาเอ่ยสนับสนุนความคิดของซาฟิล
แดริลกัดฟันกรอด เขามองดูเอลียาห์นิ่งคิด ในใจที่คุกรุ่น ไม่มีทางยอมก้มกราบไอ้สารเลวนี้เด็ดขาดและคิดอยู่ลึกๆว่าเอลียาห์น่าจะเข้าใจ

“แดริลเราขอสั่งให้เจ้ากราบขอโทษท่านพี่ซาฟิล”

เหมือนถูกฟ้าผ่าลงบนกลางศีรษะ แดริลกำหมัดแน่น  เขาโกรธจนตัวสั่น ความเสียใจน้อยใจพลุ่งพล่านออกมาจนทำลายความมีเหตุผลทั้งหมด

“ไม่ครับ”แดริลเมินหน้าหนีจากเอลียาห์

“ข้ายอมโดนเฆี่ยนตีดีกว่าจะก้มกราบ”

“อะไรนะ” ซาฟิลที่รอคอยการกราบอย่างยิ้มย่องยังอดตกใจในความดื้อรั้นของแดริลไม่ได้

“งั้นแกก็ต้องถูกเฆี่ยน”
ซาฟิลชักเลือดขึ้นหน้า ในขณะที่คำสั่งเฆี่ยนดูจะไปกระตุ้นเอลียาห์ให้หวาดวิตก เทวทูตเริ่มออกคำสั่งกับแดริลอย่างขาดสติ

“ก้มกราบสิแดริลเราสั่งเจ้าอยู่นะ”

“ไม่ครับ”

“ก้มลงกราบ”

ไม่ครับและก้มลงกราบ แดริลกับเอลียาห์ทุ่มเถียงกัน อีกฝ่ายเดือดดาลดื้อแพ่ง ส่วนอีกคนหวาดหวั่นและเสียใจ เอลียาห์นั้นถึงกับร้องไห้เมื่อไม่สามารถสั่งให้คนที่ดื้อด้านอย่างแดริลทำตามได้เลย

“ไม่อยากก้มกราบข้านักใช่ไหม”
ซาฟิลแสยะยิ้มร้ายอย่างไม่สมกับเป็นเด็ก

“ทหารใครก็ได้ช่วยจับมันกดลงกราบขอขมาข้าที”
ในตอนนั้นทหารมากมายก็พากันเข้ามาจับแดริลที่อาลาวาดก้มลงกราบซาฟิลกับพื้น
แดริลไม่ร้องไห้ แต่ศักดิ์ศรีถูกทำลายจนบอบช้ำ ซาฟิลเมื่อสมปรารถนาก็พาชาคาจากไปทิ้งให้เอลียาห์อยู่กับเขาตามลำพัง

“ลุกขึ้นเถอะ”
เอลียาห์ยื่นมือมาให้จับทั้งน้ำตา

“ไม่เป็นไรครับข้ายืนเองได้”

แดริลยืนขึ้นโดยไม่สนใจจะจับมือของเทวทูตเป็นครั้งแรกที่เขาแสร้งยิ้มประจบประแจงเอลียาห์ แวบหนึ่งเขาเห็นผู้เป็นนายทำสีหน้าเจ็บปวด

ทำไมนะสัตว์ร้ายในตัวเขาหวีดร้องด้วยความยินดี

“ข้าขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ”
แดริลกล่าวลาก่อนจะเดินหนีโดยที่เอลียาห์ก็ไม่ได้เดินตามหลังมาแต่อย่างใด

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ตอนนี้เราต้องเริ่มทำงานพิเศษแล้วค่ะ

วันที่21หรือ22จะเอาตอนต่อไปมาลงนะคะ

ถ้าหากคิดว่านิยายเราใช้ได้ก็เม้นกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 4<17/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 17-07-2015 08:54:36
เฮ้อ อ่านแล้วปวดใจ สงสารเซฟิล

เชื้อพระวงศ์นิสัยเสีย
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 4<17/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 17-07-2015 09:57:38
อ่านแล้วตื่นเต้นมากอะ แบบมีอารมณ์ร่วมไปกับแดริลมาก อยากรู้ว่าแดริลจะทำอะไรต่อไป
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 4<17/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: netthip ที่ 17-07-2015 19:40:04
อยากให้แดริลหนีออกจากบ้าน(?)เป็นการประชด
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 4<17/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 17-07-2015 22:32:37
อัพเร็วๆนะคะ อยากอ่านต่อมากๆเลย
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 4<17/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 18-07-2015 08:34:13
ตอนที่5

“แดริล…เรา”

“อะไรครับ”
แดริลเงยหน้าขึ้นมองเอลียาห์ขณะช่วยแต่งตัวให้อีกฝ่าย เด็กชายส่งยิ้มให้เทวทูต รอยยิ้มซึ่งดูกลวงโบ๋และเสแสร้ง เขาใช้สิ่งนี้ปกป้องตัวเองมาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

“เรา”
มือเล็กๆของเทวทูตกำชายเสื้อของเจ้าตัวแน่น ถึงแม้แดริลจะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเจ็บปวด เขาก็ทำเป็นไม่เห็นไม่รับรู้

เขาไม่ยอมให้อภัยง่ายๆหรอก

ไม่สิ เพราะถูกทำให้ตื่นจากความฝันแล้วมากกว่า

เขาเป็นแค่สัตว์เลี้ยงของเอลียาห์ การที่ฝ่ายนั้นจะเอ็นดูก็ไม่แปลก

ถ้าให้เลือกระหว่างสัตว์เลี้ยงกับญาติสนิทซึ่งเป็นคนเหมือนกัน

เอลียาห์แสดงให้เห็นแล้วว่าได้เลือกใคร

แน่นอน สัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้รับการโปรดปราณจากเจ้าของแล้วย่อมถูกรังแก เขาโดนเยาะเย้ยถากถางจากผู้คนในพระราชวัง แต่ไม่สนใจซักนิด ไม่สนใจเลย ไม่สนแม้กระทั่ง อนาคตต่อไปจะเป็นอย่างไร
ยังไงก็แค่สัตว์เลี้ยง จะถูกเจ้าของทำอะไรยังไง หรือโดนโยนทิ้งไป ก็ไม่สามารถเลือกได้

ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน เขากับเอลียาห์แทบไม่มองหน้ากัน อยู่ด้วยกันก็ทำประหนึ่งเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตน ในที่สุดทั้งคู่ก็ต่างหลบหน้า เพราะมั่วแต่หมกมุ่นด้วยความแค้นอย่างคนเห็นแก่ตัวจนลืมนึกถึงฟาติมา ในวันหนึ่งเมื่อบังเอิญไปเจอเหตุการณ์นั้นเข้าแดริลจึงเกลียดชังตัวเองยิ่งนัก

“ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ”
ฟาติมาอ้อนวอนซาลามที่พยายามแนบจูบซุกไซร้ไปบนลำคอขาวผ่องของเธอ แดริลซึ่งบังเอิญมาพบ ถึงแม้จะเคยเจอเรื่องแบบนี้มามากในสลัม แต่พอเป็นพี่สาวที่สนิทกับตัวเองโดนทำก็ยังอดตกใจจนยืนแข็งค้างทำอะไรไม่ถูก

“เจ้าเองก็โตจนเกือบจะเป็นสาวแล้ว อายุสิบสามแล้วนะ คราวก่อนข้าก็บอกแล้ว จะช่วยทำให้เจ้าเป็นผู้หญิงเต็มตัว”
ซาลามพูดไปซุกไซ้ฟาติมาไป เด็กหญิงร้องไห้คร่ำครวญขอความเมตตา

ไอ้กระเทยระยำนี่

แดริลกำหมัด

มันกล้าทำทั้งที่ตรงนี้เป็นบริเวณใกล้กับห้องส่วนตัวของเอลียาห์แถมยังหน้าห้องนอนของเขา
เจ็บใจตัวเอง เขาลืมสังเกตท่าทีอันแปลกไปของฟาติมา รู้ทั้งรู้ เธอดูไม่ร่าเริงเหมือนเคย บางครั้งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เวลาเจอหน้าเขา บางครั้งอยากจะพูดแต่ไม่กล้าพูด

ไม่สิ ไม่ใช่ไม่ได้สังเกต แต่เขามันนึกถึงแต่ตัวเอง จึงเมินเฉยความทุกข์ที่ฉายชัดบนใบหน้าของพี่สาวแสนดี
โดนลวนลามแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ นานแค่ไหนที่เธอต้องทนทรมาน

โกรธ เกลียด เสียใจ รู้สึกผิด
ความคิดอันสับสนปนเปบวกกับความเยาว์ส่งผลให้แดริลขาดสติ เด็กชายคว้าแจกันใกล้มือแล้ว เดินตรงเข้าหาซาลามจากด้านหลังด้วยฝีเท้าเบากริบ ไม่มีความคิดลังเลหรือรู้สึกผิดแม้แต่น้อย แดริลใช้แจกันฟาดหัวคนเลว 
แจกันไม่ได้แตก ซาลามที่ถูกทำร้ายร้องด้วยความเจ็บปวดและผละจากฟาติมาหันมามองดูผู้ลงมือทำ ฟาติมานั่งตัวสั่นงันงก เธอสะอึกสะอื้นกอดตัวเองที่ตรงบริเวณกำแพง

แดริลมองภาพนี้ด้วยความเวทนา สภาพนั้นของพี่สาวที่ดีกับเขามาโดยตลอด จุดเพลิงอำมหิตในใจ แจกันที่ถึงแม้จะใช้ฟาดหัวอีกฝ่ายไปครั้งหนึ่งแต่ยังไม่แตก

ดีเลย จะได้ไม่ต้องหาอาวุธใหม่

ขณะเงื้อแจกันจะทุบลงไปบนตัวซาลามที่ตกใจ จู่จู่ก็ถูกตะครุบด้วยคนสองคน แดริลต้อสู้ดิ้นรนจนสุดท้ายก็หมดแรง เขาถูกหมาดเล็กสองคนกดให้หมอบลงกับพื้น

“หวาดเสียวจริงๆ”
เสียงยูซุฟหัวหน้ามหาดเล็กดังบนเหนือศีรษะ แดริลเงยหน้าขึ้นมองทั้งถูกกดให้หมอบต่ำ

“ท่านอา…ท่านอา”
ซาลามร้องครวญคราง เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดคลานเข้าหายูซุฟแล้วกอดเข่าผู้เป็นอาด้วยความตกใจผสมกับดีใจ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ยูซุฟตะคอกถามฟาติมา ถลึงตาราวกับจะฆ่าคนได้ เด็กสาวสะดุ้งด้วยความกลัวแล้วเริ่มร้องไห้ เธอชี้นิ้วไปยังซาลาม ปากสั่นระริกจนไม่อาจเปล่งคำพูดออกมาเป็นคำ

ยูซุฟมองดูอาการฟาติมาสลับกับซาลามหลานของตนที่กอดรัดขาตนพูดพร่ำราวกับคำสาปว่าตนไม่ผิดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่นาที

“เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เห็นๆกันอยู่แล้ว ใครเป็นคนทำร้ายใคร ข้าเห็นเองกับตา พวกเจ้าก็ด้วยใช่ไหม”
ยูซุฟขอความเห็นจากมหาดเล็กอีกสองคนซึ่งจับแดริลไว้

“แต่…แต่ว่า”
ฟาติมาพูด เธอพยายามสงบใจพูดให้เป็นคำ สำหรับเด็กสาวนอกจากจะถูกล่วงเกิน การที่ได้เห็นน้อยชายคนสนิทกระทำเรื่องโหดร้าย มันทำให้เธอหวาดกลัว โดยเฉพาะแววตาของแดริลที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เธอกลัวมันจับใจ

“หุบปาก” ยูซุฟตะคอกฟาติมา

“ปกป้องคนผิดก็ต้องโดนลงโทษด้วย แถมต้องโดนลงโทษหนักกว่า”
ยูซุฟพูดด้วยเสียงยะเยือก

“โทษฐานของการพยายามฆ่าโทษเท่าฆ่าคนจะเป็นเด็กก็ไม่เว้น จะให้ลงโทษใช้ไม่โบยตีจนตาย”

“จะตีใครให้ตายกัน”
สายตาทุกคู่มองไปยังเอลียาห์ผู้ตั้งคำถาม ด้านหลังของเทวทูต มีซาฟิลยืนยิ้มอย่างสบใจ

“ปล่อยแดริลซะ”

คำประกาศิตของเอลียาห์ ทำให้ดวงตาของแดริลเบิกกว้าง ทั้งดีใจและแปลกใจ หากแต่ถ้าเอลียาห์ไม่ออกอาการลังเลเสียก่อนเมื่อยูซุฟและมหาดเล็กรวมถึงซาลาม เริ่มต้นเล่าเหตุการณ์บิดเบือน ถึงแม้ว่าความจริง เขาจะลงมือทำร้ายซาลามกับมือ แต่เพราะอีกฝ่ายมันสารเลว ทว่ายิ่งฟังคนพวกนี้เล่าความเท็จ แดริลก็เริ่มเดือดดาล เอลียาห์ซึ่งนิ่งฟังคนพูดกรอกหูซ้ายทีขวาทียิ่งฟังยิ่งมีสีหน้าลังเลจนคนถูกใส่ร้ายทนไม่ไหวอีกต่อไป

“ข้าไม่ได้ผิด ท่านเชื่อข้าสิ”
แดริลตะโกนเสียงแตกพร่า ดวงตาสีฟ้ามองประสานสายตาเอลียาห์อย่างดุดัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเว้าวอนวิงวอนขอให้เชื่ออย่างน่าสงสาร

เชื่อข้าสิได้โปรด

“ท่านจะลำเอียงเพราะมันเป็นข้ารับใช้คนสนิทไม่ได้นะครับ”
ยูซุฟพูด เอลียาห์ละสายตาจากแดริลไปมองยูซุฟ

อย่าละสายตาไปมองดูข้าสิ เชื่อถือข้าเข้าข้างข้าสิ

 “ฝ่าบาทเอ็นดูก็ส่วนเอ็นดู การไม่ลงโทษคนผิดอาจทำให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีนะครับ”
หนึ่งในมหาดเล็กซึ่งจับแดริลพูด เอลียาห์ละสายตาจากยูซุฟไปยังมหาดเล็กผู้พูด

มองข้าสิ ได้โปรดขอร้องล่ะ อย่าทำให้ข้าผิดหวังไปมากกว่านี้เลย

แดริลร่ำร้องภายในใจอย่างบ้าคลั่ง ทุกครั้งที่เอลียาห์มองไปทางอื่น เขาปวดใจเหมือนถูกเข็มทิ่ม

“ข้าโดนทำร้ายจริงๆนะครับ ดูเลือดบนหัวข้าสิครับ”

ซาลามเปิดเผยให้เห็นบาดแผล เทวทูตหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นบาดแผลกับท่าทางหวาดกลัวของซาลาม

ขอร้องล่ะ เข้าข้างข้า แล้วข้าจะให้อภัยท่านเรื่องที่ข้าเคยโกรธ แล้วจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้ท่านทำข้าเจ็บแค่ไหนข้าก็จะให้อภัย

แดริลร้องตะโกนในใจ ดวงตาสีฟ้าจ้องมองเอลียาห์เพียงผู้เดียวอย่างไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา

“เด็กจากสลัมที่มีแม่เป็นโสเภณีก็อย่างนี้แหละเลี้ยงไม่เชื่อง”

เอลียาห์หันไปมองซาฟิลที่กระหยิ่มยิ้มย่อง พอหันกลับมาสบตากลับแดริล แววตาของเทวทูตเต็มไปด้วยความสับสนและคลางแคลงใจ แดริลรู้สึกคล้ายกับพื้นที่ตนหมอบอยู่พังทลาย ตัวเขากำลังล่วงหล่นลงสู่หุบเหวแห่งความมืดอันไร้แสง

“ท่านเอลียาห์ถ้าตัดใจลงโทษตามกฎที่แท้จริงไม่ได้ อย่างนั้นลงโทษมันเบาะๆ โบยมันร้อยทีด้วยไม้ยังดีกว่าไม่ลงโทษมันนะ” ยูซุฟเสนอ

“ข้าผิดเองแหละครับ”

แดริลที่ซ่อนใบหน้าด้วยการก้มลงพูดเสียงแผ่ว เขาในตอนนี้แทบจะสิ้นหวังและไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ถึงแม้เอลียาห์จะเรียกชื่อด้วยเสียงเศร้าร้อย เขาก็ไม่รับรู้

เด็กชายถูกลากไปยังลานกว้างแล้วถูกโบยต่อหน้าผู้คนในพระราชวัง ดวงตาเลื่อนลอยลอบมองดูใบหน้าผู้คนรอบตัวที่มีทั้งสะใจ สงสาร รวมทั้งสมเพช ในบรรดาคนทั้งหมด เขาไม่เห็นเทวทูตอยู่ในกลุ่ม

ถึงเขาจะโดยตีจนตายอีกฝ่ายก็คงจะไม่ใส่ใจสินะ

แดริลกัดฟันกรอดทุกครั้งที่ถูกโบย เด็กชายไม่ยอมปริปากร้องซักแอะ พอครบร้อยครั้ง ฟาติมาที่บ่อน้ำตาแตกก็โผเข้าหาเขา แดริลหมดสติไปด้วยไม่อาจทนต่อความเจ็บปวด

แม่

แดริลร้องเรียกสตรีผู้ยืนอยู่เบื้องหน้า เด็กชายรู้ตัวว่ากำลังฝัน ตรงหน้าของเขาแม่ผู้งดงามและใจดีส่งยิ้มเศร้าสร้อยมาให้
เขาร้องไห้ พรั่งพรูความอยุติธรรมที่ได้รับ พรั่งพรูความน้อยใจที่มีต่อเอลียาห์ ขณะร้องสะอึกสะอื้นนั้นไม่รู้เป็นความจริงหรือฝัน เขาถูกลูบหัวด้วยฝ่ามืออันอบอุ่น ยิ่งเขาระบายความอัดอั้นไปเท่าไหร่ เสียงอันไพเราะประหนึ่งพระวจนะของพระเจ้า ก็เอ่ยปลอบโยน ทั้งตอบรับ ขอโทษ สะอื้นไห้

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองหาคนที่กำลังปลอบโยน เขาเห็นท่านแม่กำลังร้องไห้ขณะลูบหัวเขา เบื้องหลังของแม่มีรัศมีแห่งแสงเรืองรอง ใบหน้าของแม่ถูกแทนที่ด้วยเอลียาห์ เทวทูตที่มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขา ชีวิตใหม่และความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใคร เทวทูตลูบหัวเขาพร้อมกับร้องไห้ ปากพร่ำพูดคำขอโทษ

เจ็บไปทั้งตัว เขากำลังนอนอยู่เหรอ? ขยับตัวไม่ได้เลย

แดริลหลับตาลง จิตใจสงบขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
 
แปลกแม้แต่ในความฝันเขาก็ยังหลับ แต่สัมผัสมืออันอบอุ่นกับน้ำตาของเทวทูต เขาคงไม่มีวันลืมไปได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือความฝัน

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

เอามาลงให้อีกตอนค่ะ

จะหายไปอีกถึงวันที่23นะคะ

ต้องเอาเวลาไปปั่นงานพิเศษบ้างแล้ว

คนอ่านช่วยเม้นกันหน่อนนะคะหากว่าถูกใจ :hao5:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 5<18/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 18-07-2015 08:55:05
อึดอัดมากค่ะ อ่านแล้วกลั้นหายใจเลย
มองแนวแล้วรู้สึกทุเรศทุรังแทนแดริล จะรังเกียจคนรอบๆ ตัวก็ไม่แปลกใจเลย
แดริลฉลาดมากแต่ก็ยังเด็กมากเกินกว่าจะทันเล่ห์ของคนรอบตัวๆ
ตอนนี้เราเกลียดเอลียาห์นะ รู้สึกเป็นเด็กงี่เง่าเหลือจะเอ่ย ถึงจะรู้ว่าก็แค่เด็กไม่มีความสามารถอะไรจะตัดสินเรื่องได้ถูกต้อง
แต่จะวิ่งเล่นในทุ่งดอกไม้อีกนานป่ะ -*- โตได้แล้ว
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 5<18/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 18-07-2015 08:57:05
อยากให้แดริล...แบบแค้นเอลียาห์และทุกคนไรเงี่ย แล้วแบบ...หนีไป แล้วกลับมาล้างแค้นทุกคน จับเอลียาห์มาเป็นทาสบำเรอ ว่ะฮ่าฮ่า :laugh:

 :hao6:

อยากรู้มากว่าจะเป็นไงต่อไป แดริลจะยิ่งเจ็บแค้นเอลียาห์ หรือเพราะความฝ่ามืออันอบอุ่นในความฝันนั้น จะทำให้แดริลอภัยให้เอลียาห์

แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เราก็เชียร์แดริลนะ สู้ๆแดริล #fcแดริล

 o13
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 5<18/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 18-07-2015 09:03:21
เนื้อเรื่องเดินดีมากค่ะ.  ลงเลื่อยๆเลยนะคะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 5<18/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 18-07-2015 10:40:16
เพิ่งตามมาอ่าน
สงสารแดนเนี่ยลมากอาาาาา
เอลียาร์ก็เข้าใจว่าเด็ก ช่วยอะไรมากไม่ได้ แต่ก็อานะ :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 5<18/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 18-07-2015 11:08:38
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกดีอ่ะ ชอบๆ
สงสารแดริล TT แต่ตอนแรกสุดเลย เรานึกว่าเป็นเคะ พอเจอเอลียาห์เราก็บรรลุ อ่อออ

ก็รู้นะว่าเอลียาห์ยังเด็ก แต่มันก็อดขัดใจไม่ได้ อย่าหูเบานักเลย! หัดเชื่อคนของตัวเองบ้างดิ วู้ว! -_-^
ที่บอกว่ารักต้องห้ามนี่ คงไม่ใช่ว่าทั้งสองเป็นลูกคนละแม่อะไรเทือกนั้นหรอกนะ =O=; แล้วซามานนี่ใคร? น่าจะเป็นพ่อของแดริลนะ จะใช่กษัตริย์บาดีรึเปล่าน้อ?
รอๆ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 5<18/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 18-07-2015 20:26:29
 :katai3: มาต่อเร็วๆน้าาา กะลังลื่นไหลเลย
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 5<18/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-07-2015 20:40:45
เพิ่งจะได้อ่าน ก็ทำเราติดใจซะแล้ว
รอลุ้นต่อไปว่าต้องห้ามเพราะอะไร
เพราะเพศ ชนชั้น หรือสายเลือด
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 5<18/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 21-07-2015 09:01:51

ตอนที่6

แดริลลุกขึ้นนั่งบนเตียงเมื่อลืมตาตื่นขึ้น  เด็กชายยังคงเจ็บบริเวณที่ถูกตีอยู่จนร้าวไปทั้งตัว รวมทั้งปวดหนึบบริเวณศีรษะ เหมือนมีใครเอาไม้มาทุบ หลังจากสงบใจได้และเริ่มชินกับอาการปวดร้าว แดริลก็สำรวจร่างกายของตนก่อนจะเหลียวมองไปยังโต๊ะข้างเตียงแล้วเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชัก ปรากฏว่าแหวนที่ห้อยเอาไว้กับสร้อยคอของดูต่างหน้าของแม่ยังคงนอนนิ่งอยู่ในนั้น เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก เป็นจังหวะเดียวกับที่ฟาติมาเปิดประตูเข้ามา

“ในที่สุดก็ตื่นได้ซักที”
ฟาติมายิ้มทั้งน้ำตา ในมือของเธอถือถาดอาหาร เธอสาวเท้ารัวเร็วมายังหัวเตียง วางถาดอาหารลง เด็กสาวเตรียมจะโผเข้ากอดแดริลแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นรอยแดงตามเนื้อตัวของน้องชายคนโปรด

“ท่านอาหารเสียหน่อยนะ”
เธอลากเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง ยกถาดมาวางบนตักก่อนจะบรรจงป้อนอาหารให้แดริล เด็กชายอ้าปากกินอย่างว่าง่ายพอเคี้ยวแล้วกลืนจนหมด แดริลยิ้มแล้วเอ่ยปากขอทานด้วยตัวเอง ฟาติมายื่นถาดอาหารให้ด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ดีใจจริงที่เจ้ายอมทาน…ข้า…คิดว่า…”
เธออ้ำอึ้งน้ำตาคลอก่อนจะใช้นิ้วปาดน้ำตา พยายามสกัดกั้นอารมณ์สะเทือนใจ

“เจ้าอาจจะเกลียดข้าที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าเจ็บตัวแถมยังไม่ช่วยพูดแก้ต่างให้เจ้าอีก มันกลัวไปหมด”
ฟาติมาก้มหน้านิ่ง ยิ่งแดริลเอาแต่ตักอาหารกินโดยไม่พูดเธอยิ่งรู้สึกผิด

“พี่ฟาติมาไม่ผิดหรอกทั้งพี่และข้าต่างยังเด็ก จะทำอะไรสู้กับพวกผู้ใหญ่ได้”
ใช่ พวกเขายังเด็ก อันที่จริงเอลียาห์ก็ยังเด็ก การที่ฝ่ายนั้นจะลังเลไม่เข้าข้างเขาหรือตัดสินใจไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ความจริงคือต่อให้เอลียาห์มีฐานะใหญ่โตแค่ไหนอีกฝ่ายก็ปกป้องเขาไม่ได้

“หึหึ”
แดริลหัวเราะ

เขาเกลียดตัวเองจริงๆที่นึกอยากให้เอลียาห์ปกป้อง แต่ไหนแต่ไรเขาต้องปกป้องตัวเองมาโดยตลอด เอลียาห์ไม่ใช่แม่ของเขาทำไมฝ่ายนั้นจะต้องมาปกป้องเขาด้วย

“เอ่อ…คือ…” ฟาติมากล่าวอึกอัก แดริลเงยหน้าขึ้นมองฟาติมา

“เจ้าสลบไปสามวันระหว่างนั้นท่านเอลียาห์มาเฝ้าเจ้าทุกวันเลยนะ”

แดริลเบิกตากว้าง ภาพของเอลียาห์ซึ่งมีรัศมีเรืองรองและปลอบโยนเขาทั้งน้ำตาผุดวาบ

ภาพที่ได้เห็นเป็นความจริงเหรอ?

ไม่ไม่มีทาง เอลียาห์จะร้องไห้เพื่อเขาทำไม ขนาดจะเข้าข้างเขายังทำไม่ได้เลย

“เอ๊ะ”
แดริลอุทาน เด็กชายมองหน้าฟาติมาที่เล่าด้วยท่าทางไม่สบายใจ

“ท่านเอลียาห์เสียใจมาก ท่านเป็นห่วงเจ้าถึงขั้นไปขอยาขี้ผึ้งที่หายากมากจากฝ่าบาทบาดีเชียวนะ กับเราที่เป็นข้ารับใช้ได้รับเมตตาถึงขนาดนี้…”

“ข้าอยากไปอาบน้ำพี่ฟาติมา”

แดริลผุดลุกจากเตียง เขาปวดแปล๊บอยู่บ้างแต่ก็ปฏิเสธฟาติมาที่อาสาช่วยพยุง พอฝืนตัวมาถึงห้องอาบน้ำรวม แดริลก็คิดว่าตัวเองยังดวงดีอยู่ ในห้องอาบน้ำไม่มีใครอยู่เลยซักคน เด็กชายเริ่มต้นชำระล้างสิ่งสกปรกอย่างเหม่อลอย เขานึกถึงช่วงเวลาที่สนุกสนานกับเอลียาห์

หากอย่างมีชีวิตอยู่ก็ต้องเข้มแข็ง

เขาคิดแบบนี้มาโดยตลอดนับตั้งแต่ท่านแม่ตาย คิดจนกระทั่งหนีพ่อค้าทาสหัวซุกหัวซุน แต่เขาในตอนนี้กลับรู้สึกว่าแท้ที่จริงแล้วตนเองช่างเปราะบางเหลือเกิน

สิ่งที่เรียกว่าความรักความไว้ใจ เมื่อได้รับมาจนเคยชินแล้ว ก็อยากจะได้รับไปเรื่อยๆ และอยากได้มากขึ้น เพราะแบบนี้ถึงได้รู้สึกผิดหวังกับการกระทำของเทวทูต

“หายไปไหน”

แดริลคำรามเมื่อของดูต่างหน้าที่แอบเอาไว้ในลิ้นชักหายไป เขาค้นหาเสียทั่วจนห้องมีสภาพเละเทะแล้วก็ยังหาไม่เจอ

ขโมยเหรอ ไม่น่าใช่ เขาไม่เคยให้ใครเห็นสิ่งนั้นมาก่อนนอกจากเอลียาห์กับฟาติมา

บัดซบ ถ้าจับได้ว่าใครขโมยไปล่ะก็เขาจะฆ่ามัน  ของเพียงอย่างเดียวที่แม่เหลือเอาไว้ให้ ของสำคัญของเขา

“แดริล”
ฟาติมาที่เปิดประตูเข้ามาพอเห็นสภาพห้องซึ่งเละเทะก็อุทานด้วยความแปลกใจ แดริลพุ่งเข้าหาเด็กสาวคว้าข้อมือเธอกุมเอาไว้แน่นจนเธอเจ็บแล้วหวีดร้องออกมา

“แหวนทองคล้องสร้อยอยู่ที่ไหน”
แดริลถามอย่างดุดัน ดวงตาวาวโรจน์เหมือนสัตว์ป่าทำเอาฟาติมาหวาดกลัวจนตัวสั่น

“มันไม่ได้อยู่ที่เดิมหรือ…อ๊ะ…”

“มันหายไป” แดริลกดเสียงต่ำ

“ไม่จริงน่า…หรือว่า…”  ฟาติมาครางออกมาเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้

“อะไร” แดริลถามเสียงกร้าวนึกหงุดหงิดกับท่าทางอึกอักของฟาติมา

“ก่อนหน้านี้เล็กน้อยข้าตั้งใจจะทำความสะอาดห้องให้เจ้า แต่จู่จู่พี่ทาน่าก็บอกว่าหัวหน้ามหาดเล็กเรียก ก่อนจะไปนางอาสากับข้าจะทำความสะอาดแทน ตอนแรกข้าลังเลแต่พี่ทาน่าเคยดีกับข้า ข้าไม่นึกว่านางจะ…นางจะเข้ามาขโมยของ”

พอสรุปได้แดริลก็หมดความสนใจในตัวฟาติมา เขาเปิดประตูออกไปนอกห้องโดยมีเด็กสาวตามติด ที่เบื้องหน้า ทหารองครักษ์หลายคนเข้ามาล้อมจับทันที่ที่เด็กชายก้าวเท้าออกจากห้อง

“ไปกับเราแต่โดยดีเถอะท่านผู้ติดตาม”
หนึ่งในทหารองครักษ์พูด แดริลจำต้องเดินไปอย่างไม่อาจขัดขืน

“หมอบลง”
แดริลถูกสั่งให้หมอบลงต่อหน้าคนจำนวนหนึ่ง คนพวกนั้นประกอบด้วยหัวหน้ามหาดเล็กยูซุฟ หัวหน้าหญิงรับใช้ผู้ชรา
เซาะบาร์กับมหาดเล็กและหญิงรับใช้อีกสี่ห้าคน

“ไม่ทราบว่าจับข้ามาทำไมครับ”
แดริลถามเสียงเย็นชาทั้งยังไม่ยอมหมอบตามคำสั่งของยูซุฟ

“ยังมีหน้ามาถามอีกนะเจ้าขโมย ทำให้มันคุกเข่าลง กับพวกขโมยไม่ต้องปฏิบัติกับมันเหมือนมนุษย์”
ทหารองครักษ์สองคนช่วยกันกดแดริลซึ่งแข็งขืนให้คุกเข่า เด็กชายกัดฟันกรอด เขาพยายามสะกดกลั้นความโกรธแล้วพูดกับยูซุฟด้วยเสียงกดต่ำ

“ท่านมีสิทธิอะไรมากล่าวหาข้าเป็นขโมย”

“สิทธินะหรือ…หลักฐานมันเห็นกันอยู่ชัดๆ ทาน่าเจ้าบอกมันสิว่าเจ้าเจออะไรในห้องของมัน”
หญิงรับใช้ทาน่าที่ยืนข้างหลังยูซุฟก้าวออกมา แดริลหรี่ตามองดูหญิงผู้นั้นด้วยแววตาประสงค์ร้าย

“อย่ามามองข้าแบบนั้นนะเจ้าขโมย”
ทาน่าตะคอกแดริล ทั้งที่เจ้าหล่อนหวาดกลัวสายตาคู่นั้น

แต่มันถูกจับอยู่จะทำไรเธอได้

“ข้าพบแหวนทองในห้องของมันค่ะ ข้าพบเพราะข้าอาสาช่วยน้องฟาติมาทำความสะอาดห้องให้มัน”

“แหวนทองนี่สินะที่มันขโมย”
ยูซุฟหยิบแหวนที่คล้องอยู่กับสร้อยคอออกมาแสดงให้เห็นทั่วกัน แดริลเมื่อเห็นสิ่งนั้น ร่างทั้งร่างก็ประหนึ่งถูกเผาผลาญด้วยไฟแห่งความโกรธ

“นั่นมันของของข้า” แดริลตวาด

“ของของเจ้าหรือ เจ้าสวะ ลูกโสเภณีอย่างแกจะมีแหวนทองได้อย่างไร ตั้งแต่เจ้าเข้ามาไม่เห็นเคยได้ยินว่ามีเชื่อพระวงศ์ที่ไหนประทานของมีค่าเช่นนี้ให้แก่เจ้า”
ยูซุฟพูดพลางส่งหลักฐานให้หัวหน้าหญิงรับใช้เซาะบาร์ดู

“เจ้ารู้ไหมเด็กน้อยทำไมข้าถึงเชื่อว่าเจ้าขโมย”
เซาะบาร์สำรวจดูแหวนอย่างละเอียด

“พระนามที่ถูกสลักที่แหวนเป็นนามลับที่มีข้ากับคนจำนวนไม่มากในวังซึ่งอยู่มานานเท่านั้นที่จะรู้ ถึงไม่สามารถเฉลยเบื้องลึกของสิ่งนี้ได้ แต่มั่นใจว่าเจ้าต้องขโมยมาจากท่านเอลียาห์

บ้าไปกันใหญ่แล้ว

นอกจากบ้าแล้วพวกมันยังพูดอะไรไม่รู้เรื่อง

ไร้เหตุผล ไร้เหตุผลสิ้นดี สิ่งนั้นมันเป็นของเขาชัดๆ

โกรธจนพูดอะไรไม่ออก ถ้าทำได้อยากจะฆ่าพวกมันเสียให้หมด

“ท่าเซาะบาร์เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ก็จริง แต่แค่ขโมย โดยปกติเราตัดสินพวกขี้ข้าที่ชอบขโมยกันแค่พวกเราสองคนย่อมได้อยู่แล้ว ท่านจะเอายังไงครับ”
ยูซุฟถามหัวหน้าหญิงรับใช้ที่มองดูแดริลด้วยแววตาเวทนา

“เฮ้อ…ข้าจะเกษียนไปอยู่กับหลานวันนี้แล้วแท้ๆ เด็กนี้อายุเท่าหลานข้าเลยนะ ตัดสินลงโทษแบบนี้ข้ารู้สึกไม่ดีเลย”

“แต่ก็ต้องลงโทษครับ”
ยูซุฟทำหน้าประหนึ่งเข้าใจความรู้สึกของเซาะบาร์ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจังเมื่อพูดจบประโยค

“ทำตามกฎของพระราชสำนักเถอะ”
เซาะบาร์พูด ยูซุฟยิ้มกว้างในทันที หัวหน้ามหาดเล็กผู้นี้อารมณ์ดีราวกับมีงานเฉลิมฉลอง

“ตามกฎพระราชสำนักขโมยต้องตัดมือแล้วขับไล่ออกไป”

ยูซุฟประกาศ หัวหน้ามหาดเล็กหวังจะเห็นสีหน้าหวาดกลัวและเสียงร่ำไห้ของแดริล ทว่าเด็กชายวัยสิบขวบกลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จนคนในห้องตกตะลึงด้วยไม่เข้าใจการกระทำของแดริล ในที่สุดเสียงหัวเราะก็เงียบไป เด็กชายก้มหน้ามองพื้น เขาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองใครอีกเลย

มาได้แค่นี้เองหรือ

ช่างเถอะถูกตัดมือแล้วเป็นไง อย่างน้อยก็ยังไม่ถึงกับตาย ก็แค่กลับไปใช้ชีวิตอย่างหมาข้างถนน

บ้าเอ้ย นี่เขาต้องกลายเป็นคนพิการหรือนี่

คิดอย่างเลื่อนลอยขณะถูกบังคับให้ยื่นมือไปข้างหน้าข้างหนึ่ง

พอกันที ช่างมัน

“หยุดนะ”
เสียงห้ามของเอลียาห์ดังขึ้นหลังจากเสียงเปิดประตู แดริลกระตุกไหล่เล็กน้อย แต่นอกจากจะไม่หันไปมอง ดวงตาว่างเปล่ายังจับจ้องไปบนพื้นอย่างไม่ยินดียินร้าย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฟาติมาไปตามเรามา บอกเหตุผลมาหน่อยสิว่าทำไมจับแดริลที่นี่”

เอลียาห์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล ท่าทางสง่าและสงบกว่าทุกครั้ง ทำเอาข้ารับใช้รู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่ใช่แค่เด็กเจ็ดขวบหากแต่เป็นเจ้าชีวิตที่ต้องเคารพและนอบน้อม มีเพียงแค่แดริลซึ่งก้มหน้าไม่ยินดียินร้ายเท่านั้นที่ไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง เด็กชายจมอยู่กับความคิดด้านลบของตนจนปฏิเสธการรับรู้ทุกสิ่ง แต่กระนั้นก็ยังเข้าใจที่คนรอบข้างพูดคุยกันอยู่

“เราจับได้ว่าผู้ติดตามขโมยครับท่านเอลียาห์ เราตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้ว ตามกฎพระราชสำนักคือตัดมือแล้วเนรเทศออกนอกวัง”

“เราไม่เชื่อว่าแดริลขโมย”

ดวงตาของแดริลวูบไหวเมื่อได้ยินคำพูดของเอลียาห์ แปลกใจว่าทำไมครั้งนี้อีกฝ่ายถึงเข้าข้างเขา

ต้องการแก้ตัวอย่างนั้นเหรอ หรือว่าแค่ทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น

แดริลยิ้มหยันโดยที่ยังก้มหน้านิ่ง

“น้องเอลียาห์พี่พูดตรงๆนะ มันทำผิดเป็นครั้งที่สาม ยังไงดีล่ะ พี่เชื่อนะว่ามันขโมย มันเป็นลูกโสเภณีในสลัมนะจะเป็นคนดีได้ยังไง”

ซาฟิลเอ่ยอย่างอ่อนโยน แดริลอดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้
ถึงแม้จะเอ่ยปากเชื่อเขา แต่อีกเดี๋ยวพอถูกโน้มน้าวเอลียาห์ก็จะทอดทิ้งไปอีก

“ท่านพี่ซาฟิล”
เอลียาห์เรียกชื่อญาติผู้พี่อย่างนิ่มนวล เทวทูตเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดกับอีกฝ่ายด้วยเสียงที่เข้มงวดเย็นชา

“เราถามท่านพ่อแล้วว่าโสเภณีหมายถึงอะไร ท่านพ่ออธิบายให้เราเข้าใจ และท่านยังบอกอีกว่าเพราะท่านพี่ยังเด็กจึงพูดจาออกมาแบบไม่คิด ถึงครั้งนี้เราจะให้อภัย แต่ครั้งหน้าหากยังดูหมิ่นแดริลอีกเราจะไม่พูดกับท่านอีกเลย”
แดริลได้ยินเต็มสองหู เด็กชายค่อยๆเงยหน้ามองดูเทวทูต

“ถ้าทุกคนยังยืนยันว่าแดริลเป็นขโมยเราจะขอดูหลักฐาน”
เอลียาห์ประกาศด้วยเสียงทรงอำนาจ แดริลมองดูเอลียาห์ด้วยสายตาประหนึ่งเหมือนเพิ่งรู้จักกันเป็นครั้งแรก

“น..นี่ครับ” ยุซุฟยื่นส่งของให้อย่างนอบน้อม

“มันขโมยแน่ๆสวะ..เอ้ยข้ารับใช้อย่างเราถึงได้เงินเดือน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะซื้อแหวนทองได้ง่ายๆ”

จะจำได้หรือเปล่านะว่าสิ่งนั้นคือของของเขา

แดริลมองดูเอลียาห์ ดวงตาสีฟ้าวูบไหวด้วยความกลัวและกังวล

ถ้าจำไม่ได้ ถ้าจำไม่ได้แล้วล่ะก็ อีกฝ่ายจะทอดทิ้งไปอีก ถึงตอนนั้นเขาคง

“นี่เป็นของแดริล” เอลียาห์ตอบทั้งรอยยิ้มเมื่อได้หลักฐานไปอยู่ในมือ

“จะเป็นไปได้ยังไงนี่มันแหวนทองนะ” ซาฟิลโวยวาย

“ใช่ครับมันเพิ่งเข้ามาในวังแค่ปีเดียวไม่น่ามีเงินถึงขนาดซื้อแหวนทองได้”ยุซุฟก็โวยวายเช่นกัน

“เราเป็นคนให้แดริลด้วยตัวเองเจ้าสิ่งนี้เราให้เขากับมือ พวกเจ้าได้ยินแล้วนะ”
เอลียาห์กล่าวหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำ

“ฝ่าบาทเอลียาห์ไม่ได้นะครับต่อให้ท่านเอ็นดูมันแค่ไหนแต่ถึงกับโกหก ท่านจะถูกข้ารับใช้มองยังไง ท่านยังเด็ก อย่าให้ความชอบแบบเด็กๆมาบดบังความจริงสิครับ”

ยูซุฟหว่านล้อมหากแต่เอลียาห์ไม่มีท่าทีลังเลใดใด ท่ามกลางเสียงคัดค้านการกระทำของเอลียาห์ เทวทูตที่เคยถูกชักจูงได้ง่ายในสายตาของแดริล ตอนนี้กลับดูเข้มแข็งและมั่นคงยิ่งนัก

“ยูซุฟเราได้ฟังฟาติมาเล่าหมดแล้ว เราไม่อยากปรักปรำใคร แต่เราถามหญิงรับใช้กับมหาดเล็กอื่นๆถึงได้รู้ว่าก่อนหน้านั้นซาลามไล่ตื้อฟาติมาอย่างชัดแจ้งมาโดยตลอดดังนั้นเราจึงเชื่อที่ฟาติมาพูด”

“ฝ..ฝ่าบาท”
ยุซุฟเหงื่อแตก ตอนนี้หัวหน้ามหาดเล็กยืนตัวเกร็งพูดไม่เป็นภาษา

“สำหรับเรื่องที่เจ้าทำตัวไม่เป็นธรรม เรื่องจะลงโทษยังไงเราปรึกษาท่านพ่อแล้ว แต่ว่า…สำหรับเราตอนนี้…”
เอลียาห์นิ่งครุ่นคิด

“ทุกคนฟังให้ดี นอกจากฟังคนที่นี่ยังต้องบอกเรื่องที่เราพูดให้คนในพระราชวังได้รู้ทั่วกัน ท่านพ่อบอกเราว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนต้องกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่เรารู้สึกถึงความเกลียดชังที่มีต่อแดริลมากเป็นพิเศษ”
เอลียาห์เว้นระยะคำพูด เทวทูตกวาดมองผู้คนในห้องก่อนจะหยุดสายตาที่แดริล แดริลประสานสายตากับเอลียาห๋ เทวทูตส่งยิ้มให้ รอยยิ้มบริสุทธิ์ที่เขาได้เห็นมาตลอดยามได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน

“แดริลเป็นคนของเราเ ป็นของของเรา นับจากนี้ไปใครกล้ารังแกหรือใส่ร้ายเขาอีกเราจะไม่ไห้อภัย”

“ฝ่าบาทพูดจาแบบนี้มัน”
ผุ้คนในพระราชวังต่างพยายามห้ามปรามและแสดงท่าทางกังวลหากแต่เอลียาห์ไม่สนใจ แดริลมองดูเทวทูตเดินตรงเข้ามาหาเขา เอลียาห์ออกคำสั่งให้องครักษ์ปล่อยตัวให้เขาเป็นอิสระ

“ลุกขึ้นไหวไหม?”
แดริลมองดูมือเล็กๆที่ยื่นมาตรงหน้า รู้สึกได้ถึงความร้อนระอุในอก ทั้งดีใจ ปลาบปลื้ม และคาดไม่ถึงไปพร้อมๆกัน ที่เบื้องหน้าเทวทูตมองมาที่เขาด้วยใบหน้าเหมือนจะร้องไห้

อา….

เขาก็ร้องไห้เหมือนกัน

เทวทูตใช้มือเช็ดน้ำตาให้เขา ใบหน้าที่ช่างแสนอ่อนโยนคล้ายกับใบหน้าของท่านแม่ในความฝัน

อย่างนี้นี่เองมันไม่ใช่ความฝัน

คนเลวร้าย ทรยศ และเย็นชาอย่างร้ายกาจ ก็คือเขาเอง เขาเองเป็นคนทอดทิ้งเทวทูต

“ไปจากที่นี่กันเถอะ”
เอลียาห์พูด หลังจากที่แดริลยื่นมือไปจับมือเล็กๆ ทั้งคู่พากันเดินออกไปจากที่ตรงนั้นโดยมีฟาติมาที่อยู่ร่วมเหตุการณ์อยู่ตลอดวิ่งตามหลังไป

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ตอนหน้าอาจจะอีกสักห้าหกวันจะเอามาลงนะคะ

กำลังรีบปั่นงานพิเศษอยู่
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 6<21/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 21-07-2015 09:40:55
จิ้มมม
มันต้องยังงี้สิเอลียาห์!
พวกมหาดเล็กกะคนรับใช้นี่น่ากระทืบจริงๆ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 6<21/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 21-07-2015 11:11:19
เป็นการปรับเปลี่ยนแบบก้าวกระโดดมากเลย เอลียาห์


ปรบมือๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 6<21/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 21-07-2015 14:37:38
มาต่อเร็วๆน้าาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 6<21/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: netthip ที่ 21-07-2015 15:18:22
รู้สึกแดริลให้อภัยง่ายไปนะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 6<21/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 21-07-2015 18:21:12
แดริลก็ทำไมปากหนักไม่บอกว่าเป็นของแม่ที่ให้มาล่ะ? ชื่อที่สลักไว้ก็อ่านออก ขัดใจมากกกกกก :ling1:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 6<21/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: lucifermafis ที่ 22-07-2015 01:28:55
โฮรรรรรรรร สงสารแดริลอ่ะ ชีวิตรันทดมากมาย  :z3:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 6<21/7/58>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 26-07-2015 23:29:28
ตอนทึ่7

“ได้โปรดเถอะแดริล”
เสียงวอนขอที่เอ่ยออกมาอย่าเผลอไผลเย้ายวน  ใบหน้างดงามของเทวทูตทั้งประหม่าและลังเลยามเอือนเอ่ยคำนั้น หากแต่แววตาฉ่ำเยิ้มที่ประสายสายตากับเขา บอกความต้องการชัดเจนว่าเทวทูตที่นอนระทวยใต้ร่างกำลังต้องการสิ่งใด

“ท่านช่างใจร้ายนัก”
แดริลกระซิบพร้อมกับกัดฟันกรอด ด้วยรู้ว่าตนเองนั้นเพียงแค่ฝันอยู่ เทวทูตที่นอนยั่วยวนนี่ก็ไม่ใช่ตัวจริง แต่กระนั้นก็ไม่อาจหยุดคำต่อว่าเทวทูตที่มักเข้ามาในฝันทุกค่ำคืนนับตั้งแต่เขาอายุได้สิบสามปี เอลียาห์ที่ปรากฏในความฝันครั้งแรกมีอายุสิบขวบ เทวทูตซึ่งไร้เดียงสาเปลือยกายเชื้อเชิญเขา แต่กระนั้นความไร้เดียงสาก็ยังแฝงไว้ด้วยความหยาบโลน

“เจ้าไม่รักเราแล้วหรือแดริล”
เทวทูตในความฝันตอนนี้มีอายุสิบเอ็ดขวบ รูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากตัวจริงเลยแม้แต่นิดเดียว รูปร่างผอมบาง ผิวกายขาวผุดผาด ใบหน้าอันงดงามชวนตะลึง ยามนี้บิดเบี้ยวด้วยความต้องการและกำลังยั่วยวนเขาจนแทบหมดความอดทน

“ข้ารักท่านเทวทูตของข้า”

เขาแนบจูบลงบนเท้าเล็กๆของเทวทูตเป็นการแสดงความรักความภักดีอย่างสุดซึ้ง ก่อนจะใช้ปลายลิ้นไล้เลียนิ้วเท้าขาวสะอาด เสียงครางเย้ายวนของเทวทูตกระตุ้นให้แดริลลากลิ้นจากปลายเท้าขึ้นไปจนถึงเรียวขา ขณะไล้เลีย บางครั้งก็สลับกับขบกัด เด็กหนุ่มลามเลียไปจนถึงขาอ่อนด้านใน เล้าโลมอย่างหยาบโลนหากแต่นุ่มนวล แล้วเบนสายตาไปยังเครื่องเพศของเทวทูต ความน่ารักและสีสันอันงดงามไม่ต่างจากตัวจริงซึ่งเขาได้เห็นทุกเมื่อ ไม่รู้มันเป็นคำอวยพรหรือคำสาป เขาที่เป็นผู้ติดตาม ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลทุกเรื่องไม้เว้นแม้แต่การชำระล้างร่างกายและการแต่งตัว
ในความเป็นจริงเขาต้องทนทรมาน เก็บกดความต้องการที่พลุ่งพล่านยามได้เห็นร่างกายเปลือยเปล่านับครั้งไม่ถ้วน พอตกกลางคืน ก็ต้องเผชิญสภาพย่ำแย่ยิ่งกว่า เพราะถูกเย้ายวนและเชิญชวนทุกค่ำคืน บทรักซึ่งสามารถแสดงออกแค่ในความฝัน ทำให้แดริลที่ตอนนี้อายุย่างเข้าสิบสี่ทรมานอย่างยิ่งยวด จนแทบคิดสาปตัวเองให้กลายเป็นชายที่ไม่สมบูรณ์ เหมือนอย่างพวกมหาดเล็กและทหารองค์รักษ์ในพระราชวังแห่งนี้
หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้ต้องทนทุกข์เพราะความต้องการสักแค่ไหน เมื่อไม่มีอวัยวะเพศชายอยู่ ย่อมแน่ใจได้ เขาจะไม่มีทางทำเรื่องหยาบช้าบัดสีกับเทวทูตอย่างที่ตนทำในฝัน

ใช่แล้ว แดริลนั้นต้องหยุดยั้งสัตว์ร้ายที่เรียกว่าตัณหาซึ่งมีในเพศชายทุกคน
ต้องทำให้ได้ เพื่อไม่ให้ความคิดและการกระทำอันหยาบช้าเล็ดลอดออกไปให้เทวทูตเห็น

“หมู่นี้แดริลไม่ยอมอาบน้ำกับเราเลย”

เอลียาห์พูดหลังจากอาบน้ำเสร็จและกำลังแต่งตัวโดยมีแดริลช่วยเหลือ เด็กหนุ่มวัยสิบสี่ลอบแค่นยิ้ม สมเพชตัวเองไปพร้อมๆกับคิดว่ากล่าวความโหดร้ายของเทวทูตในใจ
เขาในตอนนี้แค่ปั้นหน้าปกติระงับความตื่นเต้นในยามที่ต้องขัดถูร่างกายนั้นให้สะอาดยังแทบเต็มกลืน หากต้องเปลือยเปล่าอาบน้ำด้วยกัน เครื่องเพศของเขาคงจะตื่นตัวโดยสมบูรณ์แบบ ถึงตอนนั้นไม่รู้จะถูกมองอย่างไร
 ถ้าต้องถูกมองด้วยสายตารังเกียจแค่คิดก็รู้สึกเจ็บ

“ข้าอายนะครับท่านเอลียาห์”
แดริลตอบแล้วแสร้งทำเขินอาย ท่าทางกระบิดกระบวนดัดจริตเกินจริงทำให้เอลียาห์หัวเราะร่วน

“ถ้าอายขนาดนั้นก็ไม่ต้องหรอก แดริลนี่เหมือนผู้หญิงเลย”

“จริงด้วยค่ะ”

ฟาติมาที่อายุสิบเจ็ดแล้วแสดงความคิดเห็นพ้องขณะกำลังจัดเก็บทำความสะอาดเตียงนอนของผู้เป็นนาย จากนั้นพอรับประทานอาหารเช้าด้วยกันสามคน แดริลก็ตามเอลียาห์ไปศึกษาเล่าเรียนอย่างที่เคยทำมาตลอด
แดริลทำได้อย่างสมบูรณ์แบบทุกอย่าง เด็กหนุ่มถูกชมจากบรรดาท่านครู บางคนถึงขั้นเสียดายที่เขาเกิดมามีชาติกำเนิดต่ำต้อย
แดริลยิ้มละไมกับคำพูดนั้น หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงคิดแบบเดียวกัน ทว่าตอนนี้การได้อยู่เคียงข้างเทวทูตที่รักยิ่งสำคัญกว่า ต่อให้ต้องใช้ชีวิตต้อยต่ำแค่ไหนขอแค่ให้ได้อยู่ข้างๆ ความทะเยอทะยานจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป

“เราอิจฉาแดริลจัง”
เอลียาห์ทรุดลงนั่งบนพื้นทั้งที่ยังถือดาบในมือ ได้ยินเช่นนั้นแดริลจึงหยุดซ้อมดาบกับทหารองค์รักษ์

“ทำไมล่ะครับ” แดริลถาม

“ก็เราทำได้ไม่ดีเท่าไหร่กับวิชาการต่อสู้ไม่ว่าจะมือเปล่าหรืออาวุธ ท่านครูบอกว่าเราใจอ่อนเกินไป”
เอลียาห์พูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

“ทำไมถึงคิดว่าความอ่อนโยนเป็นความใจอ่อนละครับ การที่ท่านไม่สามารถลงมือทำให้ใครเจ็บได้ ไม่ได้หมายถึงว่าท่านเป็นผู้ที่รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของผู้อื่นหรอกหรือครับ”

“เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆหรือ” เอลียาห์ถามทั้งที่ยังก้มมองลงพื้นอย่างเซื่องซึม

“ข้าไม่โกหกอยู่แล้วครับ”

แดริลยืนยัน จากนั้นเทวทูตก็ส่งรอยยิ้มที่ปลาบปลื้มเขินอายมาให้ แดริลอยากจะเมินหน้าหนีใจแทบขาด แต่ก็ทำไม่ได้ ช่วงหลังมานี้แม้แต่รอยยิ้มของเอลียาห์ยังกระตุ้นให้เขาเกิดตื่นตัว
รอยยิ้มที่ปลาบปลื้มและเขินอายของผู้เป็นนายตอนนี้ ราวกลับรอยยิ้มของเทวทูตแห่งตัณหาในความฝัน รอยยิ้มเช่นนั้นคล้ายกับยินดีที่สามารถเชิญชวนให้เขากกกอดตัวเองได้เป็นผลสำเร็จ
ช่างเป็นความฝันชั้นต่ำที่ตีความเข้าข้างตัวเองอะไรอย่างนี้
ในความเป็นจริงเทวทูตมองเขาและปฏิบัติด้วยอย่างเพื่อนอย่างพี่ชาย การกระทำของเทวทูตในความฝัน เป็นแค่ภาพลวงตาชั้นต่ำที่ตนสร้างขึ้นเองจากจิตสำนึกล้วนๆ แต่กระนั้นก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ว่ายินดีตื่นเต้นที่ได้ทำสิ่งนั้นกับผู้เป็นนายที่ตนทั้งรักและคลั่งไคล้

“ข้าขอตัวไปซ้อมดาบก่อนนะครับ”

แดริลแสร้งทำเป็นปกติให้มากที่สุด เพื่อขจัดภาพเทวทูตอันเย้ายวนออกจากห้วงความคิด เขามุ่งมั่นกับการซ้อมดาบ ออกแรงจู่โจมคู่ซ้อมอย่างดุดันเฉียบคมจนอีกฝ่ายแทบจะร้องไห้ออกมา

“ว้าย”

เสียงหวีดร้องดังขึ้น หลังจากที่ร่างอันโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อของแดริลถูกกระทบด้วยร่างที่แสนนุ่มนิ่ม ดวงตาสีฟ้ามองดูหญิงรับใช้ที่เดินชนเขา ซึ่งตอนนี้นั่งอยู่กับพื้นด้วยท่วงท่าที่น่าหวาดเสียว ท่าทางการล้มซึ่งเย้ายวนบวกกับเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย ชายกระโปรงถลกขึ้นจนเห็นเรียวขา หากเป็นชายอื่นคงแทบถลาเข้าไปประคองทว่าไม่ใช่กับแดริล

“ได้โปรดช่วยพยุงข้าหน่อยได้ไหมน้องแดริล”

หญิงรับใช้ช้อนตามองยั่วยวนแดริล จัสมินคนนี้เป็นหญิงรับใช้รุ่นราวคราวเดียวกับฟาติมา ถึงอายุน้อยกว่าหนึ่งปีแต่เข้ามาในวังพร้อมๆกัน ระยะหลังมานี้เจ้าตัวพยายามเข้าหาและยั่วยวนเขาทุกรูปแบบ
แดริลยื่นมือให้จัสมินจับ พอเด็กสาวลุกขึ้นได้ จู่ๆเธอก็เซถลาซบแผ่นอกของเขา เจ้าหล่อนปั้นหน้าเจ็บปวด แสดงออกอย่างชัดแจ้งว่าตนเองเดินไม่ไหว

“ไม่รู้จะรบกวนน้องแดริลหรือเปล่าแต่ช่วยพยุงข้าไปที่ห้องส่วนตัวของข้าที่เถอะ”
จัสมินช้อนตามองเว้าวอนทั้งยังเบียดตัวเข้าหาออดอ้อน จงใจให้อกอิ่มเบียดชิดกับแผ่นอกของแดริล

“ท่านคงเดินไม่ไหวหรอกมั้ง ให้ข้าอุ้มไปแล้วกัน”
แดริลอุ้มจัสมินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มนิดๆ รอยยิ้มที่ไม่เคยได้รับจากแดริลมาก่อน เด็กสาวดีใจจนเธอตั้งอกตั้งใจออดอ้อนและชวนคุยไปตลอดทางเดิน

“ถึงกับมีห้องพักส่วนตัวด้วย” แดริลถามขณะวางจัสมินลงบนเตียง

“ก็ข้าได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยหัวหน้าหญิงรับใช้แล้วนะสิ”
เธอตอบด้วยท่าทางภูมิใจ

“ท่านคงมีความสามรถมากถึงได้เลื่อนขั้นเร็งถึงเพียงนี้ ถ้าอย่างนั้นในเมื่อท่านถึงห้องพักแล้วข้าก็ขอตัวก่อน

“เอ๊ะ น้องแดริลจะไปแล้วหรือ ข้ารู้สึกปวดเท้ามากอยากให้เจ้าช่วยนวดให้ที”

“ไม่เหมาะหรอกครับ ข้าจะเรียกหญิงรับใช้คนอื่นมาช่วย เพื่อท่านนะครับ ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองตัวท่านจะเสียหาย”
พูดพลางหันหลังให้โดยไม่ใยดี คาดไม่ถึงว่าจัสมินที่เมื่อครู่ร้องโอดโอยจู่จู่จะลุกขึ้นมากอดเขาจากด้านหลัง

“น้องแดริลก็รู้อยู่แล้วว่าข้าชอบเจ้า”
จัสมินพูดพร้อมกับใช้มือลูบไล้ร่างกายของแดริลจากด้านหลังทั้งที่ยังโอบกอด

“ข้าอุตส่าห์แสดงออกถึงเพียงนี้ ได้โปรดอย่าใจดำกับข้าเลยได้ไหม”

“ท่านปล่อยข้า แล้วกรุณาสงบสติอารมณ์”

แดริลกดเสียงต่ำ ฝ่ามือที่ลูบไล้ร่างกายของเขาทำให้นึกถึงช่วงเวลาที่อาศัยอยู่ในสลัม แดริลไม่เคยแอบดูแม่ยามถูกชายอื่นกกกอด แต่กระนั้นด้วยความเยาว์ก็อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ ดังนั้นจึงไปแอบดูหญิงโสเภณีผู้อื่น  แน่นอนเขาถูกจับได้ ทว่าแทนที่จะถูกไล่ตีอย่างหมูหมา กลับถูกยื่นเงินมาให้แล้วสั่งให้นั่งดูการเสพสังวาลจนกว่าจะเสร็จสม
หลังจากนั้นไม่รู้ทำไม เขาถูกชายคนอื่นจ้างให้ไปทำอย่างเดียวกัน ตลกตรงที่พักหนึ่งการจ้างเด็กในสลัมให้ไปนั่งดู เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

แต่เรื่องนั้นจะเป็นยังไงไม่สำคัญ สำคัญตรงที่หลังจากแขกกลับไป หญิงโสเภณีบางคน เข้ามาแทะโลมลูบกอดเขาบอกว่าเขารูปหล่อบ้างล่ะ สีตาสวยบ้างล่ะ บางครั้งยังพูด ‘หากเขาเป็นหนุ่มแล้วจะขอเป็นผู้หญิงคนแรกของเขา’
เรื่องกอดผู้หญิงต้องทำยังไงเขารู้ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าให้พูดตามตรงเขายังไม่เคยทำจริงเลยซักครั้ง ก็เพราะรังเกียจน้ำเสียงฉอเลาะออดอ้อนประหนึ่งแมวติดสัตว์ ตอนนี้เองก็เหมือนกัน ถูกลูบไล้ตามร่างกายอย่างหยาบโลน ถูกหว่านล้อมใส่ด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยตัณหาจนคำว่า’แพศยา’ผุดขึ้นมาในความคิด พอสะบัดร่างออกจากการเกาะกุม ผู้หญิงน่ารำคาญก็เข้ามาขวางที่หน้าประตู ประกาศก้องว่า’จะไม่ยอมให้เขาออกจากห้อง’

รอยยิ้มยั่วเย้ากับน้ำเสียงหวานจนเอียนพยายามเกลี่ยกล่อมเขาขณะค่อยๆเปลืองผ้าที่ละชิ้นจนเปลือยเปล่า รู้สึกเส้นเลือดกำลังเต้นตุบๆบนขมับ อีกฝ่ายพูดอะไรมาล้วนไม่เข้าหัว

ทั้งที่พูดปฏิเสธด้วยดีดีแท้ๆแต่ก็ยังดึงดัน ถ้าตบให้คว่ำสักที ผู้หญิงแพศยาคนนี้จะหยุดบ้าหรือเปล่า

ทว่าร่างกายเปลือยเปล่าทำให้อดนึกถึงร่างผุดผาดของเทวทูตไม่ได้ ในตอนนั้นเอง ท่าทางยั่วยวนกับคำพูดเชิญชวนของจัสมินถูกซ้อนทับด้วยใบหน้าและน้ำเสียงของเทวทูต แดริลเดาะลิ้นอย่างหัวเสีย

ไม่ได้การ แค่จินตนาการว่าคนตรงหน้าคือเอลียาห์ เขาก็เกิดอารมณ์เสียแล้ว ดูเหมือนจัสมินก็จะรู้สึกได้เรื่องที่เขากำลังตื่นตัว

ความเข้าใจผิดว่าตนเองทำได้สำเร็จ ทำให้เด็กสาวทำสิ่งที่ทั้งหยาบโลนทั้งแพศยามากขึ้นกว่าเดิม เด็กสาวนั่งลงกับพื้นห้อง แยกเรียวขาทั้งสองข้างออกกว้างพูดจาเชิญชวนแล้วใช้มือเรียวเล็กแหวกกลับดอกไม้ของตนเพื่อให้แดริลเห็นช่องทางที่จะสอดใส่เข้าไปอย่างชัดเจน แดริลยกยิ้มละไมกับภาพนั้น

รอยยิ้มอ่อนหวานที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่มตาสีฟ้าผู้มีรูปโฉมหล่อเหลาจนใจสั่นสะท้าน ทำเอาจัสมินแทบจะกระโจนเข้าหากอดรัดร่างกายของเด็กหนุ่มที่ยังไม่โตเต็มวัยหากแต่ร่างกายสูงใหญ่เกินอายุจนใจแทบขาด แต่กระนั้นถ้ารู้ว่าแดริลกำลังคิดอะไรอยู่เธอคงกรีดร้องร่ำไห้อย่างเสียศักดิ์ศรีเป็นแน่

ในสายตาของแดริลเขาไม่ได้มองเด็กสาวเป็นตัวหล่อนเองเลยซักนิด เด็กหนุ่มมองภาพซ้อนทับของเทวทูตประหนึ่งคนตรงหน้าคือคนที่เขาฝันเฝ้าปรารถนาอยู่ทุกวัน
ใช่จะเป็นความเผลอไผลอย่างไม่รู้ตัว แต่เป็นการจงใจซ้อนภาพเทวทูตลงไป เพราะครุ่นคิดและวางแผนมาอย่างดี เพื่อให้เทวทูตผู้เป็นที่รักสะอาดและบริสุทธิ์ตลอดไป

แดริลที่เยื้องกายเข้าหาจัสมินด้วยรอยยิ้มหวานละมุน ตัดสินใจใช้เด็กสาวเป็นเครื่องระบายความใคร่ ภาพของเด็กสาวที่ยิ้มด้วยความดีใจเมื่อสามารถยั่วยวนเขาได้สำเร็จ แวบหนึ่งเขานึกสมเพช หากแต่ ถ้าเป็นรอยยิ้มของเอลียาห์แล้วก็รู้สึกรื่นรมย์และสนุกสนานอยู่ไม่น้อย

ในเมื่อนี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ต้องการอยู่แล้ว ก็จงแปดเปื้อนสกปรกเพื่อให้เทวทูตของเขาสะอาดบริสุทธิ์ต่อไปนานเท่าที่จะนานได้
จนกว่าไฟแห่งความคลั่งไคล้จะแผดเผาเขาจนไม่สามารถอดใจได้ ถึงตอนนั้นเทวทูตที่เขารัก คงร้องไห้หลั่งน้ำตาในความต่ำช้า ดังนั้นไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม อยากจะยืดเวลาแห่งความบริสุทธิ์สดใสอย่างนี้ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะมากได้

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

หายไปนานเลยตอนหน้าอีกสักห้าวันจะเอามาลงนะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 7<26/7/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 26-07-2015 23:32:35
เวรกรรม!
ตอนแรกนึกว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วนะ -*-
ถ้าเอลียาห์รู้จะเป็นยังไง คิดสิคิด!
รอตอนหน้า
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 7<26/7/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 27-07-2015 03:35:43
อีกตั้งห้าวัน ขอยาวๆน้าาาาา
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 7<26/7/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 27-07-2015 08:50:55
ยิ่งอ่านยิ่งชอบ รออ่านตลอดนะคะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 7<26/7/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 28-07-2015 14:21:46
 :hao6:มาต่อด่วนเลยน้าาาา
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 7<26/7/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 28-07-2015 18:24:19
ตอนที่8

“แดริล…อ้า…ดี…เหลือเกิน”
จัสมินซึ่งนอนใต้ร่างครวญครางเรียกชื่อของเด็กหนุ่มร่างสูงที่สอดประสานความเป็นชายเข้ากับร่างของเธออย่างถี่กระชั้น  ตลอดเวลาหนึ่งปีมานี้ความสัมพันธ์สวาทกับคนรูปงามยิ่งกว่าเทพบุตรผู้นี้ ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะทำให้เธอไม่พอใจ

“แดริล…อื้อ…”
เธอครวญครางไม่เป็นภาษา ยิ่งเมื่อถูกความเป็นชายกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างมีชั้นเชิง ถูกยั่วเย้าด้วยวิธีการต่างๆนานา การถูกคนที่ทาบทับเหนือร่างกลั่นแกล้งบางครั้งก็ทำให้เธอตัวสั่นระริกด้วยความอดสูและยินดี  ไม่ใช่ว่าชอบถูกแกล้ง แต่ถ้าหากการกระทำและรอยยิ้มของเธอจะทำให้ชายผู้ที่เธอทั้งรักและบูชาเอ็นดูคลั่งไคล้เธอยิ่งขึ้นจัสมินก็ยินดี
แน่นอนจัสมินค่อนข้างพึงพอใจกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแดริล ถึงแม้จะไม่สามารถอ้างตัวเป็นเจ้าของเทพบุตรผู้นี้ได้ หากแต่กับคนอย่างแดริลที่บางครั้งก็มีความสัมพันธ์สวาทกับคนถูกใจอย่างง่ายๆ ในบรรดาคนที่ชายคนนี้นอนด้วยเป็นครั้งที่สองมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น ความจริงข้อนี้ทำให้จัสมินไม่สงสัยความคิดที่ว่าเธอเป็นผู้หญิงซึ่งเข้าใกล้คำว่า’คู่ชีวิต’ของแดริลมากที่สุด

“คิดอะไรอยู่หรือน้องแดริล”
คนถูกถามปลายมองจัสมินที่เบียดตัวเข้ามาออดอ้อนอิงแอบ เมื่อถูกออเซาะราวกับแมว เด็กหนุ่มใช้มือใหญ่ลูบหัวเด็กสาวแล้วส่งยิ้มบางๆให้  รอยยิ้มของเขากระตุ้นให้อีกฝ่ายจู่โจมประกบจูบเขาด้วยความเคลิบเคลิ้ม แดริลจูบตอบอีกฝ่ายทั้งที่ยังลืมตา ดวงตาสีฟ้าใสมองดูเด็กสาวซึ่งหลับตาพริ้มรับจูบของเขาด้วยความเอ็นดู
เอ็นดู เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวเขาอย่างน่าเวทนา แต่ถึงเอ็นดูแค่ไหน การที่เขาใช้จัสมินเป็นเครื่องระบายความใคร่ก็ยังไม่เปลี่ยน หนึ่งปีที่ผ่านมาเขาในตอนนี้อายุสิบห้า ในขณะซึ่งเอลียาห์เทวทูตของเขามีอายุได้สิบสองปี
ยิ่งนานวันผ่านไป เทวทูตก็ยิ่งทวีความงดงามมากยิ่งขึ้น จนบางครั้งเขาคิดประณามอีกฝ่ายในใจว่าฝ่ายนั้นน่าจะเป็นปีศาจ หนึ่งปีที่ผ่านมาอะไรหลายๆอย่าง ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาและเอลียาห์ เคยคิด บางทีความใสซื่อบริสุทธิ์ของเทวทูตจะค่อยๆหายไปตามกาลเวลา ทว่ายิ่งทวีความงดงามมากยิ่งขึ้นจิตใจก็งดงามมากขึ้นตามลำดับ ยังคงความใสซื่ออย่างเด็กไม่รู้ประสาถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะการเลี้ยงดูด้วยความเข้มงวดของเขาก็ตาม

“จริงสิน้องแดริล หมู่นี้มีเรื่องซุบซิบน่าสนใจอยู่หลายอย่าง รู้หรือไม่ พวกคนในวังกำลังสนใจความสัมพันธ์ที่ชิดเชื้อของท่านซาฟิลกับท่านเอลียาห์ที่ดูจะซับซ้อนน่าดู”

“ซับซ้อนยังไง” แดริลอมยิ้มน้อยๆ 

“ก็เรื่องท่านซาฟิลแสดงอาการใกล้ชิดหรือชอบสัมผัสร่างกายของท่านเอลียาห์มากเกินไปนะสิ พวกมหาดเล็กในวังบอกว่าท่านอาจจะไม่รู้ตัว แต่ใครๆก็ทราบดีท่านซาฟิลคลั่งไคล้ท่านเอลียาห์มากแค่ไหน ดูสิคนในวังนินทากันสนุกปากเชียว”

“ได้ใช้อำนาจของเจ้าห้ามปรามไปหรือเปล่า”

“แน่นอนข้าเป็นผู้ช่วยของหัวหน้าหญิงรับใช้นะ ออกปากคำเดียวผู้หญิงพวกนั้นก็ต้องสงบปาก นอกจากนี้ข้ายังให้ซาลามผู้ช่วยหัวหน้ามหาดเล็กออกคำสั่งห้ามพวกมหาดเล็กอีกด้วย”

จัสมินเล่าสิ่งที่ตนเองทำด้วยท่าทางน่ารักฉอเลาะ ถึงแม้สำหรับเธอพวกเชื้อพระวงศ์จะมีความสัมพันธ์ลับๆยังไงเธอก็ไม่เห็นสน แต่เธอรู้ดี ชายคนที่เธอรักและบูชาให้ความสำคัญต่อนายเหนือหัวมากแค่ไหน
ดังนั้นสิ่งที่เธอทำไม่ได้ทำเพื่อเจ้าชายตัวน้อยแต่หากต้องการเอาใจแดริล ชายที่ถึงแม้พวกชนชั้นสูงจะเห็นว่าต่ำต้อย แต่คนอย่างเธอไม่เคยมองคนพลาด เทพบุตรผู้มีผมสีดังดวงตะวันและตาสีฟ้าใสคนนี้ เธอมองเห็นแรงผลักดันและความทะเยอทะยานซึ่งซ่อนอยู่ภายใน ลางสังหรณ์ของเธอบอก คนอย่างแดริลจะไม่จบชีวิตอยู่แค่ผู้ติดตามอย่างแน่นอน
ทั้งรูปโฉมอันงดงามอย่างหาเปรียบไม่ได้ ความคิดความอ่านที่ชาญฉลาด ทักษะการต่อสู้ไม่ธรรมดา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งซึ่งควรมีอยู่ในผู้มีชาติกำเนิดสูงส่ง แต่ทว่าชายผู้มีกำพืดต่ำต้อยกลับมีคุณสมบัติพวกนี้ สิ่งนั้นทำให้เธอคาดหวังอนาคตของคนตรงหน้า รวมทั้งเฝ้าฝันว่าอนาคตของคนคนนี้จะต้องมีเธออยู่เคียงข้าง
จัสมินหลับตาพริ้มเมื่อมือใหญ่ลูบไล้แก้มของเธอ เด็กสาวจับมือของแดริลซบแก้มลงบนฝ่ามือนั้นก่อนจะลืมตาเมื่อนึกขึ้นได้

“จริงสิน้องแดริล เรื่องที่ข้าสั่งซาลามให้ทำตามได้ก็อย่าเข้าใจผิดไป ข้ากับซาลามบังเอิญเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน เราสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก เรื่องของเราข้าก็ไม่ได้เล่าให้ซาลามรู้เพราะซาลามไม่ค่อยชอบน้องแดริล”
พอกล่าวจบจัสมินก็ถูกแดริลประทับจูบ อยากจะยืดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้ หากแต่แดริลมีหน้าที่ต้องคอยตามรับใช้ผู้เป็นนายแทบตลอด ดังนั้นจึงต้องปล่อยผู้เป็นยอดปรารถนาของเธอจากไปอย่างเสียดาย

“ท่านเอลียาห์ไม่อยู่หรอกนะจ๊ะแดริล”
ฟาติมาเมื่อเห็นแดริลเคาะห้องของเอลียาห์โดยบังเอิญบอกกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ท่านเอลียาห์ไปไหนหรือครับ”

“ไปเฝ้าฝ่าบาทบาดีจ้า จริงสิท่านซาฟิลเองก็มารอท่านเอลียาห์นานแล้วไม่รู้จะหงุดหงิดหรือเปล่า”
ฟาติมายิ้มแหยๆ “จากที่ได้ฟังคนในพระราชวังซึ่งได้พบกับท่านซาฟิล ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเชื้อพระวงศ์ผู้นี้ช่างเจ้าอารมณ์ มีเพียงต่อหน้าท่านเอลียาห์เท่านั้นที่จะแสดงความอ่อนโยนและใจกว้าง”

“แล้วท่านซาฟิลตอนนี้อยู่ที่ไหน”
แดริลถาม พอได้คำตอบ เด็กหนุ่มร่างสูงก็ตรงไปที่นั่นทันทีอย่างลับๆ
แดริลมอลมองซาฟิลกับชาคาผู้ติดตามจากระเบียงเหนือหัวของคนทั้งคู่ เชื้อพระวงศ์ผู้ไม่เกรงกลัวใครพูดตามสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาด้วยเสียงอันดัง

“เจ้ารู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้เราตื่นเต้นชาคา”
ซาฟิลที่อายุสิบห้าพูดกับคนสนิทด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ใบหน้าหล่อเหลาอย่างขุนนางเคลิ้มฝันขณะนึกถึงสิ่งที่จะพูด

“น้องเอลียาห์พอถูกเราถามว่าเคยเห็นร่างเปลือยของผู้หญิงหรือไม่ ใบหน้ายามเขินอายทำเอาเราเกิดอารมณ์”
ซาฟิลหัวเราะร่วนในขณะเดียวกันแดริลที่อยู่บนระเบียงด้านบนก็กระตุกยิ้มเช่นกัน เด็กหนุ่มยืนกอดอกพิงเสาด้านข้างซึ่งถูกสลักอย่างสวยงาม คอยฟังความในใจของอีกฝ่ายต่อไปเรื่อยๆ

“ที่นี่พอถามต่อไปว่าน้องเอลียาห์เคยช่วยตัวเองไหม เท่านั้นแหละ สีหน้าไร้เดียงสาแปลกใจมันทำให้ข้าตัดสินใจจะทำหน้าที่ของพี่ชายที่ดี แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะเราพยายามโน้มน้าวหลอกล่อยังไงเอลียาห์ก็ปฏิเสธหมด”
ซาฟิลที่อารมณ์ดีเว้นจังหวะคล้ายจะปล่อยให้ชาคาคิดตาม

“ในตอนนั้นมันสมองอันชาญฉลาดของเราก็คิดอะไรบางอย่างได้ เมื่อวานเราเลยเสนอเกมส์พนันให้เอลียาห์ บอกว่าใครชนะจะขออะไรจากอีกฝ่ายได้หนึ่งอย่าง เหมือนน้องเอลียาห์จะลังเลแต่พอเราบอกไปแค่ขำๆ ยังไงพวกเราก็พี่น้องกันไม่มีทางขอในสิ่งที่เป็นการทำร้ายกันอยู่แล้ว เอลียาห์ผู้น่ารักก็ตอบตกลงทันที”

“ท่านซาฟิลจะขออะไรครับ”
ชาคาคนสนิทเอ่ยถาม

“อืมนั่นสิถ้าได้สอนนั้นนี่ให้เอลียาห์ก็คงจะดี เราจะสอนให้น้องเรารู้จักความสุขสมทางเพศรส อยากจะรู้จริงว่าเวลาแบบนั้นน้องเอลียาห์จะแสดงสีหน้ายังไง”
……………………………………………………………………………………………………………………

“สบายดีเหรอผู้ติดตาม”  ซาฟิลเอ่ยทักแดริลที่ยืนคอยรับคำสั่งของเอลียาห์
ผ่านมาห้าปีนับตั้งแต่ได้เจอเจ้าข้ารับใช้นี่เป็นครั้งแรก ไม่ชอบหน้ายังไง ตอนนี้ก็ยังไม่ชอบอยู่อย่างนั้น เป็นแค่ขี้ข้าแท้ๆแต่ทุกครั้งที่ได้พบกับน้องเอลียาห์ผู้น่ารัก ปากจิ้มลิ้มสีแดงก็เอาแต่พูดเล่าเรื่องของไอ่หมอนี่ทุกครั้งด้วยท่าทีปลาบปลื้ม

 “น้องเอลียาห์เตรียมนักดาบที่จะใช้ประลองในการพนันกับพี่หรือยัง”
ซาฟิลหันไปพูดกับเอลียาห์ด้วยรอยยิ้มหลังจากทักทายแดริลสั้นๆ

“ท่านพี่บอกว่าตั้งใจจะใช้แค่มหาดเล็กในวัง เราเลยคิดว่าจะให้แดริลลงต่อสู้ในการพนัน”
เอลียาห์ฉีกยิ้ม เทวทูตหันไปส่งสัญญาณให้แดริล เด็กหนุ่มร่างสูงกระชับอาวุธก้าวขึ้นไปยังจุดที่จัดเอาไว้เพื่อให้ประลอง

“น้องเอลียาห์ช่างเจ้าเล่ห์ คงจะคิดว่าได้เปรียบสิท่าที่เอาผู้ติดตามซึ่งฝึกดาบอย่างเคร่งครัดมาประลองกับมหาดเล็กของพี่”

“แน่นอนเราไม่คิดจะแพ้ท่านพี่ซาฟิลเลยแม้แต่นิดเดียว”
เอลียาห์ฉีกยิ้มสดใส ทว่ารอยยิ้มได้จางหายไปเมื่อคู่ประลองของแดริลปรากฏตัว

“น้องเอลียาห์คิดว่ามหาดเล็กคนนี้เป็นยังไง มันชื่อนูร์เป็นทาสที่ใช้ในการต่อสู้ในสนามประลองใต้ดิน พี่ชายเพิ่งรับเข้ามาเป็นมหาดเล็กในวังเมื่อสามวันก่อน”
ซาฟิลกระหยิ่มยิ้มย่อง เอลียาห์ครางออกมาเมื่อเห็นรูปร่างหนาใหญ่ของมหาดเล็กคนใหม่

“ท่านพี่ซาฟิลการประลองจะหยุดลงเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอ่ยปากขอยอมแพ้สินะ” เอลียาห์ถาม

“แน่นอนอยู่แล้ว แค่พนันกันสนุกๆทำไมจะต้องให้ถึงเลือดถึงเนื้อแต่ก็นั่นแหละถ้าไม่พูดยอมแพ้ก็ช่วยไม่ได้นะ” ซาฟิลหัวเราะร่วน
แดริลซึ่งเงียหูฟังอยู่ตลอดกระตุกยิ้ม ดวงตาสีฟ้าใสมองดูคู่ต่อสู้ที่หนาและใหญ่กว่าเขาอย่างละเอียด อาวุธที่อีกฝ่ายใช้คิอขวานซึ่งดูเข้ากับตัวดี

พอสัญญาณดังขึ้น นูร์ผู้ถือขวานก็เปิดฉากจู่โจมแดริลอย่างดุดันด้วยการจามขวานลงมาบริเวณที่เขายืนอยู่จนฝุ่นและดินลอยฟุ้งไปในอากาศบดบังสายตาของคนทุกคน ซาฟิลพึงพอใจกับการโจมตีอันรุนแรง ส่วนเอลียาห์ใจหาย เทวทูตหน้าซีดเผือดเพราะไม่รู้ว่าแดริลหลบพ้นหรือไม่ ดูเหมือนแดริลจะหลบพ้นอย่างฉิวเฉียด ท่ามกลางฝุ่นทรายลอยฟุ้ง นูร์ดึงขวานซึ่งจมลงกับพื้นจู่โจมเหวี่ยงใส่ถี่ยิบ

 แดริลกระตุกยิ้มชอบใจ ขณะหลบการโจมตีอันดุดันที่แฉลบผ่านไปมา หากดูจากสายตาของคนนอกคงเห็นอีกฝ่ายกำลังเป็นต่อ ทว่าเจ้ายักษ์ตรงหน้านอกจากแรงแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าชื่นชม หากมีสมองซักหน่อยคงไม่โหมโจมตีใส่โดยไม่วางแผนหรือถนอมแรงแบบนี้

เป็นการต่อสู้ที่ง่ายดายกว่าที่คิด สำหรับแดริลก็แค่รอให้อีกฝ่ายหมดแรง ในที่สุดการรอคอยก็สำฤทธิ์ผล นูร์หอบแฮ่กหลังจากเหวี่ยงขวานไปมาติดๆกันหลายนาที ยิ่งดึงดันจู่โจม ความเร็วและความเฉียบคมก็เริ่มตกลง
แดริลซึ่งรอจังหวะมานาน ตวัดดาบฟันลงไปอย่างรวดเร็วถี่ๆที่แขนซึ่งจับขวานซ้ำๆ  ไม่ตั้งใจจะตัดแขนอีกฝ่าย แต่แค่กระตุ้นให้เจ็บจนจับอาวุธไม่ได้ นูร์ปล่อยขวานลงกับพื้นแล้วทรุดลงด้วยความเจ็บปวด

“พูดสิว่าจะยอมแพ้”แดริลเอ่ยเสียงเรียบขณะจ่อคมดาบเข้าที่คอหอยของนูร์
ซาฟิลส่งเสียงโวยวายดังมาเป็นระลอก ท่าทางโหวกเหวกจนดูเพี้ยนทำเอาแดริลยิ้มละไมด้วยความรื่นรมย์ ยิ่งพอเอลียาห์มองดูท่าทางบ้าๆของซาฟิลด้วยแววตาคาดไม่ถึง ยิ่งทำให้เขาอารมณ์ดีสุดๆ ในตอนนั้นโดยไม่คาดคิดเชื้อพระวงศ์ที่กรุ่นโกรธและเสียหน้า ก็กระโจนเข้าเล่นงานนูร์ด้วยการเตะและทุบตีหลายครั้ง

“เอาดาบมาให้ข้าชาคา”
ชาคาส่งดาบให้ซาฟิลตามคำสั่ง

“ท่านพี่จะทำอะไร”
เอลียาห์ร้องถามเทวทูตเดินตรงมายังบริเวณที่แดริลกับซาฟิลยืนอยู่

“การประลองจบไปแล้วไม่ใช่หรือครับ”

“ใช่แต่คราวนี้พี่จะประลองเอง ไม่ได้จำกัดจำนวนการพนันไม่ใช่หรือ”

“แต่ว่า”

“น้องเอลียาห์แค่เล่นสนุกเองไม่เป็นไรน่า”

“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”

แดริลเอ่ยสนับสนุนความคิดของซาฟิล พอทั้งสองต่างเห็นพ้องต้องกัน เอลียาห์จึงปล่อยให้ทั้งคู่ประลองอย่างเสียไม่ได้
การประดาบของแดริลกับซาฟิลเริ่มขึ้น ทั้งคู่รุกรับสลับกันไปมา ในสายตาของแดริล การที่คนขี้โมโหขาดความยั้งคิดอย่างซาฟิลแสดงเชิงดาบที่สุขุมและรวดเร็วออกมาทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย

เทียบกับเขาที่มักจะโดนท่านครูสอนดาบวิจารย์ว่าเพลงดาบของเขาค่อนข้างรุนแรงดุดัน การแสดงออกทางนิสัยและเพลงดาบอันขัดแย้งกันของพวกเขา แดริลจึงมองซาฟิลอย่างสนอกสนใจ
เด็กหนุ่มนึกถึงตอนที่ประลองฌาตรัญจ์กับซาฟิลเมื่ออายุได้สิบขวบ ฝีมือของพวกเขาก้ำกึ่งกันมากเหมือนกับตอนนี้ หากแต่เขาชนะด้วยความดึงดันและแรงกระหายในชัยชนะที่มากกว่า ตอนนี้ก็ด้วย เขาจะชนะการประลองเช่นกัน

พริบตานั้นแดริลก็ตวัดดาบสร้างรอยแผลให้ซาฟิล ตั้งใจจะให้อีกฝ่ายเจ็บแล้วขอยอมแพ้ไปเสีย หากแต่กลับไปกระตุ้นความดิบเถื่อนในตัวซาฟิลจนฝ่ายนั้นเตรียมเข้าประทะดาบกับแดริลอย่างต่อเนื่อง การที่อีกฝ่ายทำสิ่งที่ผิดจากที่คาดทำให้แดริลต้องมองเชื้อพระวงศ์อย่างซาฟิลด้วยความคิดที่ต่างไปจากเดิม
ทว่าในตอนนั้นชาคาและทหารองครักษ์ก็เข้ามาขวางการประลอง นอกจากนั้นยังโวยวายเรียกร้องให้เอลียาห์ลงโทษที่เขาทำร้ายเชื้อพระวงศ์

“พวกเขาแค่ประลองกัน ดาบเป็นสิ่งมีคมการจะมีบาดแผลในการประลองบ้างก็ไม่เห็นแปลก”
เอลียาห์อธิบายให้ทุกคนฟังอย่างมีเหตุผลก่อนจะเอ่ยปากขอความเห็นจากซาฟิล

“ท่านพี่ซาฟิลเองก็เป็นคนขอประลองเองท่านน่าจะเข้าใจใช่ไหม”

“ข้าไม่สนใจ”
ซาฟิลพูดด้วยท่าทางแข็งกร้าว

“ถ้าหากว่าข้าไม่ได้ฟันมันซักแผลเหมือนที่มันทำกับข้า ข้าไม่หายแค้นแน่ๆ  มาประลองกันอีก อย่าหวังว่าแผลแค่นี้จะทำให้เจ้าชูคอเหนือกว่าข้าได้นะ”
ซาฟิลตะคอกเสียงแตกพร่า หากแต่พอชาคากระซิบบางอย่างให้ฟัง เด็กหนุ่มเชื้อพระวงศ์ก็มีสติขึ้นมาทันที

“จริงสิถ้าน้องเอลียาห์ยอมเป็นผู้แพ้พนันพี่จะยอมปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปก็ได้” ซาฟิลยื่นข้อเสนอด้วยรอยยิ้ม

“จะได้ยังไงเรื่องนี้กับเรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกัน”
เอลียาห์เริ่มจะกังวล ดูเหมือนเทวทูตจะไม่มีทางให้เลือกมากนัก

“เฮ้อพี่ไม่มีปัญหาอะไรนะ แค่น้องเอลียาห์บอกว่าจะเป็นผู้แพ้พนันในครั้งนี้ หรือจะให้ลงโทษเจ้าผู้ติดตามฐานทำร้ายเชื้อพระวงศ์ จริงๆพี่ก็ไม่อยากลงโทษนะ ตัวพี่เองก็ผิดเหมือนกัน แต่ท่านพ่อของพี่ น้องก็รู้ว่าท่านคงไม่ยอม” ซาฟิลทำท่าลำบากใจ

“ท่านอับหมัดต้องไม่ยอมอยู่แล้วครับ ท่านผู้นั้นคงไม่ให้อภัยแน่ๆหากไม่มีการลงโทษ”
ชาคาเอ่ยกระตุ้นให้เอลียาห์คิดในแง่ร้ายมากกว่าเดิม

“เข้าใจล่ะจะให้ลงโทษแดริลเราก็รู้สึกขัดแย้งและไม่ชอบเท่าไหร่ ดังนั้นท่านพี่ถือว่าเราแพ้พนันเถอะ”
เอลียาห์ตัดสินใจหลังจากนิ่งคิดอยู่นาน ทว่าคำพูดของแดริลกลับทำให้เอลียาห์มองดูฝ่ายนั้นอย่างไม่เข้าใจ ซาฟิลเองก็ทั้งหงุดหงิดทั้งแปลกใจเช่นกันกับคำเรียกร้องของแดริลที่ดูบ้าและไร้สาระ

“แกว่าอะไรนะ”
ซาฟิลถามอย่างไม่เชื่อหู เขามองดูแดริลย่อตัวลงคุกเข่ารอรับความผิด

“ข้าบอกว่าขอให้ลงโทษข้าเสียยังจะดีกว่าให้ท่านเอลียาห์ยอมรับการแพ้พนัน”
แดริลทวนคำพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“น้องเอลียาห์อย่าไปฟังคำพูดของไอ้บ้านี่เลย ไปที่พระราชวังของพี่ แล้วพี่จะบอกคำขอที่พี่ต้องการ”
ซาฟิลพูดพลางใช้มือแตะที่แขนเอลียาห์

“คำขอชั้นต่ำที่ตั้งใจจะสนองความต้องการของตัวเองนะหรือครับ”
แดริลพูด เขาเงยหน้าประสานสายตากับเอลียาห์แล้วเริ่มเล่าความคิดบัดสีที่เขาแอบฟังให้ผู้เป็นนายรับรู้

“ความคิดต่ำทรามแบบนี้หากท่านเอลียาห์เป็นผู้แพ้ก็ไม่รู้ว่าจะถูกขอให้ทำอะไรลงไปบ้าง แค่คิดข้าก็กลัวแล้วครับ”
แดริลมองดูใบหน้าของเทวทูตที่ตกใจและหวาดระแวง

“ไอ้คนโกหก”
เด็กหนุ่มละสายตาจากเอลียาห์หันไปมองซาฟิลที่ทั้งโกรธและอายเนื่องจากถูกเปิดโปง ฝ่ายนั้นชักดาบเงื้อจะฟันเขา แดริลกระชับดาบในมือไว้แน่น  ถ้าไม่เพียงเอลียาห์เข้ามาขวางตรงกลางเสียก่อนก็ไม่รู้เหตุการณ์จะเลวร้ายถึงเพียงไหน

“น้องเอลียาห์ถอยไป ไอ้ขี้ข้านี่นอกจากจะทำร้ายเชื้อพระวงศ์ยังพูดจาดูหมิ่นมีโทษสมควรตาย”
เสียงเรียกร้องให้ลงโทษดังกระหึ่มจากคนที่อยู่รอบตัว แดริลเห็นแผ่นหลังของเอลียาห์สั่นระริก ถึงจะไม่รู้ว่าเทวทูตกำลังแสดงสีหน้าแบบไหนแต่เดาได้เรื่องที่กำลังว้าวุ่นและลำบากใจ

“เราจะลงโทษแดริลด้วยมือของเราเอง”
เอลียาห์ตะคอกเสียงดังจนคนในบริเวณนั้นต้องเงียบเสียง แม้แต่ซาฟิลเองยังตกตะลึงเพราะน้อยครั้งมากที่เอลียาห์จะตะโกนด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวถึงขนาดนี้ ทว่าเอลียาห์แทบจะไม่ยอมให้ใครได้สติหรือมีสิทธิ์คิด

“ไปเอาไม้เรียวมาให้เรา” เอลียาห์สั่งเสียงต่ำ

“เดี๋ยวนี้”
เอลียาห์ตะคอกเร่งอย่างดุดัน เมื่อไม่มีใครมีท่าทีขยับ หลังจากนั้นไม่นานนักทหารองครักษ์ก็นำไม้เรียวมาให้ถึงมือ

“ถอดเสื้ออกแดริล”

แดริลถอดเสื้ออกตามคำสั่ง ที่เบื้องหน้าถึงแม้เอลียาห์จะมองเขาด้วยแววตากร้าวดุและพูดข่มขู่ด้วยเสียงเย็นชา หากแต่มือซึ่งจับไม้อยู่กลับสั่นเทา ไม่มีใครสังเกตเห็น ทุกคนถูกเอลียาห์หลอก ถึงแม้การลงโทษแค่ไม้เรียวโบยตีอาจจะดูน้อยไปแต่ท่าทางกราดเกรี้ยวเย็นชาทำให้ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นพอใจและรับได้

เสียงควับๆของไม้เรียวที่แหวกอากาศลงมานับครั้งไม่ถ้วน เอลียาห์ตีเขาด้วยไม้เรียวอย่างไม่ออมแรง แดริลไม่ร้องออกมาแม้แต่คำเดียว การถูกเฆี่ยนตีดำเนินไปอย่างยาวนาน ไม้ที่ใช้ตีหักไม่รู้กี่อัน แต่ซาฟิลยังไม่พอใจง่ายๆ
เทวทูตตีเขานับครั้งไม่ถ้วนจนอ่อนแรง แต่แม้จะอ่อนแรงก็ยังปฏิเสธที่จะให้คนอื่นลงมือ แดริลรู้สึกได้ถึงแผ่นหลังที่มีเลือดไหลซิบ เมื่อหลังของเขาเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล เอลียาห์ก็หยุดการเฆี่ยนตี น้ำเสียงเย็นชาประหนึ่งคนไร้หัวใจดังขึ้นที่เหนือศีรษะ

“ตอนนี้คงสาสมกับสิ่งที่เขาทำแล้วนะ”
แดริลที่ถูกมัดให้เฆี่ยนตีได้โดยง่ายมองดูใบหน้าซาฟิล เพราะไม่รู้ว่าสีหน้าของเทวทูตที่ด้านหลังเขาเป็นเช่นไร แดริลจึงเดาจากสีหน้าท่าทางของซาฟิล เด็กหนุ่มเชื้อพระวงศ์ทำหน้าลำบากใจทั้งที่ก่อนหน้านั้นเล็กน้อยดูสะใจสุดๆ
แดริลถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เขาถูกทหารองครักษ์ช่วยพยุง พอปะหน้ากับเอลียาห์ ใบหน้าที่งดงามของเทวทูตดูเย็นชาราวกับรูปสลัก มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่บ่งบอกความรู้สึกที่แท้จริง

หลังจากนั้นระหว่างที่เขาพักรักษาตัว เอลียาห์ที่มอบบทลงโทษให้แก่เขาหมั่นมาเยี่ยมและคอยดูแลทุกวัน สำหรับคนรอบตัวยังเข้าใจว่าระหว่างเขากับเอลียาห์เป็นนายบ่าวที่สนิทสนมกันดี
มีเพียงแต่แดริลเท่านั้นที่รู้ตัวเรื่องที่อีกฝ่ายมองเขาแตกต่างไปจากเดิม และเริ่มสร้างกำแพงบางๆที่เรียกว่าสำนึกเสียใจ ถึงแม้เขาจะพยายามแสดงให้เอลียาห์เข้าใจความรู้สึกของตน แต่เทวทูตกลัยไม่ยอมให้อภัยตัวเองง่ายๆ

ได้โปรดอย่าตีตัวเหินห่าง  อย่าทำให้ข้ารู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งอีกเลย

เสียงในใจของแดริลร่ำร้องระหว่างที่รับใช้เทวทูตอย่างใกล้ชิดทุกวัน แต่กลับมีช่องว่างหระว่างเขากับฝ่ายนั้น  ความทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็นไม่รู้มันจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานเท่าไหร่

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

จบพาร์ทของแดริลแล้วนะคะ

คราวหน้าจะดำเนินเรื่องโดยมุมมองของท่านเอลียาห์แล้ว

เม้นกันบ้างนะคะ หากคิดว่านิยายเราใช้ได้

ตอนต่อไปอีกซักสี่ห้าวันนะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 8<28/7/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 28-07-2015 19:13:00
เฮ่ยยยยยยยย อึดอัดมาก แต่ทำให้ลุ้นได้ทุกตอนเลย

แบบไม่รู้จะเมนท์อะไร มีแต่ความคิดอยากอ่านต่อๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 8<28/7/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 28-07-2015 19:22:12
อยากอ่านพาร์ทของเอลียาห์ไวๆ จัง
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 8<28/7/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 30-07-2015 14:12:41
 รออ่านพาร์ทเอลิยาห์จ้าาา
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 8<28/7/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 30-07-2015 14:17:03
ค้างหนักอัพด่วน :z3:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 8<28/7/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 03-08-2015 22:45:43
ตอนที่9

ดวงตากลมโตมองดูแดริลซึ่งนั่งคุกเข่าผูกสายรัดเอวให้ตน ตลอดหนึ่งปีมานี้นับจากวันที่ตนเองลงมือเฆี่ยนตีแดริลด้วยไม้เรียวกับมือ เอลียาห์ก็รู้สึกแย่กับการที่ไม่สามารถปกป้องแถมยังต้องลงโทษด้วยมือตนเองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

เอลียาห์โกรธตัวเองจนไม่สามารถทำตัวสนิทสนมกับแดริลได้เหมือนก่อน ถึงแม้อีกฝ่ายจะแสดงออกชัดแจ้งว่าไม่โกรธเขาแม้แต่น้อย แต่ถ้าลองคิดูให้ดี ตั้งแต่เข้ามาในพระราชวังการที่แดริลต้องเจ็บตัวส่วนใหญ่ล้วนมีสาเหตุมาจากเขาทั้งสิ้น

ดังนั้นจึงตัดสินใจจะปฏิบัติตัวกับแดริลเสียใหม่ แน่นอนเขามาสามารถทำตัวเย็นชาหรือหมางเมินได้ แต่ทว่าเรื่องไหนที่สามารถทำเองได้ ก็เริ่มทำด้วยตัวเอง รวมถึงเลิกเอาแต่ใจและงอแงแบบเด็กๆ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้แดริลต้องเดือดร้อน

เอลียาห์เม้มปากเข้าหากันแน่นขณะคิด เด็กชายมองดูแดริลที่ง่วนกับการแต่งตัวให้ตน ใจจริงแล้วไม่อยากปฏิบัติตัวเหินห่างกับแดริลแบบนี้ หนึ่งปีที่ผ่านมาเขาเหงาและอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก

ยิ่งบางครั้งหันไปเห็นแววตาเศร้าๆของแดริลยิ่งรู้สึกเจ็บนิดๆ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องทำให้ได้ ทั้งหมดเพื่อแดริล ถึงลึกๆแล้วมันจะเป็นแค่อัตตาหรือความยึดติด แบบเห็นแก่ตัวของตนที่พยายามหลีกเลี่ยงปัญหาซับซ้อน ระหว่างความยุติธรรมของคนส่วนมากและความปรารถนาที่อยากจะเข้าข้างแดริลให้ถึงที่สุด
ความหวาดกลัวในการลงมือทำร้ายแดริลยังคงอยู่ หนึ่งเดือนแรก หลังลงมือเฆี่ยนตี เขาฝันเห็นแดริลนอนจมกองเลือดแทบเท้าไปเสียทุกคืน

ฝันร้ายที่ทำให้เอลียาห์สะดุ้งตื่นกลางดึก ถึงเวลาจะผ่านไป บางครั้งบางคราว เขาจะฝันเห็นเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นการเตือนความจำว่าเขา ไม่สามารถปกป้องอีกฝ่ายได้เลย

ระยะหลังมานี้ แปลก

เอลียาห์ฝันเห็นตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของแดริล ถูกฝ่ายนั้นโอบกอดอย่างนุ่มนวลและอบอุ่น  ในความฝันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก พอลืมตาตื่นขึ้นก็สบายใจเสียจนสดชื่นอารมณ์ดีทั้งวัน

แต่กระนั้น พอเจอกับแดริลตัวจริงที่ต้องคอยทำงานรับใช้เขาอยู่ทุกวัน แค่นึกถึงเรื่องที่ตนเองพึงพอใจกับอ้อมกอดของแดริลในฝัน จู่จู่ก้มีอาการเห่อร้อนบนใบหน้าจนไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย
ถึงจะไม่เข้าใจว่ากำลังป่วยอะไร แต่เข้าใจดี มันแตกต่างจากการเมินหน้าหนีไม่ยอมสบตากับแดริลที่ทำมาโดยตลอดเพราะรู้สึกผิดแน่ๆ

เอลียาห์ลอบมองแดริลอย่างละเอียด ผู้ติดตามของเขาคนนี้ ปัจจุบันมีอายุสิบหก คนตรงหน้ามีรูปร่างสูงใหญ่อันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยงามสมส่วนจากการฝึกการต่อสู้อย่างสม่ำเสมอ ใบหน้าหล่อเหลาซึ่งหาที่ติไม่ได้ เมื่อประกอบกับผมสีทองและดวงตาสีฟ้าโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดอ่านอันชาญฉลาดที่ได้รับการบ่มเพาะมาอย่างชนชั้นสูง เด็กชายไม่แปลกใจถ้าใครๆจะมองผู้ติดตามของเขาด้วยแววตาชื่นชม

ในขณะที่ปลาบปลื้มกับความเปล่งประกายของแดริล ในใจลึกๆก็เกิดความคิดแปลกอันซับซ้อน ยากเกินกว่าที่เอลียาห์จะอธิบายเป็นคำพูด ยากเกินกว่าที่เด็กอายุสิบสามขวบอย่างเข้าจะเข้าใจ

"เลือกสิน้องเอลียาห์”
ซาฟิลยิ้มกว้าง หลังจากสั่งพ่อค้าผ้าจำนวนมากนำเสนอม้วนผ้าหลากชนิดหลากสีสันให้เอลียาห์ดูจนตาลาย

“ท่านพี่ซาฟิลไม่จำเป็นต้องเปลืองทรัพย์สินเพื่อเรา เรื่องเสื้อผ้าของเราพวกหญิงรับใช้ตัดให้เราใหม่อยู่สม่ำเสมอ”
เอลียาห์ปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม เอาจริงๆแล้วเพราะเขาเองก็แทบไม่เคยใส่ใจเรื่องรูปแบบของเสื้อผ้าเท่าไหร่ ดังนั้นรูปแบบทั้งหมดหรือการเลือกชุดในแต่ละวัน จะยกให้เป็นหน้าที่ของแดริลทั้งหมด เพราะอย่างนี้การถูกคะยั้นคะยอให้เลือกซื้อม้วนผ้า จึงเป็นเรื่องลำบากใจและไม่เห็นสำคัญที่ตรงไหน

“เอาเถอะน่า ถ้าน้องเอลียาห์ไม่อยากเลือกพี่จะเลือกให้เอง”
ซาฟิลเลือกเอาม้วนผ้าสีฟ้าใสทีมีลักษณะมันวาวและนุ่มลื่นออกมาม้วนหนึ่ง

“นี่เป็นไง” ซาฟิลยื่นม้วนผ้าให้เอลียาห์

“ผ้าใหมนี่สีสวยจัง”
เอลียาห์ลูบไล้เนื้อผ้าพร้อมกับคิดถึงสีตาของแดริลซึ่งเป็นสีเดียวกัน

“แต่ผ้าใหมเป็นผ้าที่พวกผู้หญิงใช้ บุรุษเขาไม่ใส่ผ้าชนิดนี้กันท่านพี่ก็ทราบ”
เอลียาห์ยิ้มแล้วยื่นม้วนผ้าส่งคืน

“ถ้าอย่างนั้นตัดเป็นชุดนอนเสียสิ เอาน่า ถ้าเป็นชุดนอนนอกจากข้ารับใช้คนสนิทใครจะมาเห็น”
ซาฟิลหัวเราะแล้วใช้มือโอบไหล่คลอเคลียเอลียาห์ด้วยความสนิทสนม

“พี่จะสั่งให้หญิงรับใช้ของพี่ตัดเย็บให้เจ้าภายในสามวัน”
เอลียาห์ยอมให้ซาฟิลจัดการอย่างเสียไม่ได้ ‘ถ้าแค่ชุดนอนคงไม่ผิดอะไร’ จากนั้นหลังจากที่ซาฟิลไล่พวกพ่อค้ากลับไป ญาติผู้พี่ก้ชวนเขาเล่นฌาตรัญจ์  ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี เด็กชายค่อนข้างสนุกผ่อนคลายกับกิจกรรมนี้ หากซาฟิลไม่เปิดประเด็นเกี่ยวกับเรื่องของแดริล

“หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเจ้าผู้ติดตาม พี่สงสัยว่าเจ้านั่นมันกำลังละเลยหน้าที่หรือเปล่า”

“ไม่หรอกท่านพี่ซาฟิล เราแค่อยากทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง แล้วก็อยากมีเวลาส่วนตัว การที่แดริลไม่คอยตามรับใช้เราตลอดเวลาเป็นเพราะเราออกคำสั่งกับเขาเอง”
เอลียาห์บอกข้อเท็จจริงให้ฟัง สำหรับเขาแล้ว แม้แต่ญาติผู้พี่ก็ไม่อยากให้รู้เรื่องที่เขาทำเย็นชาใส่แดริล

“แต่ว่านะเพราะอย่างนี้แหละพอมีเวลาว่างมากก็เปิดโอกาสให้ทำเรื่องบัดสีผิดกฎของพระราชสำนัก”
เอลียาห์อุทานดัง’เอ๊ะ’ แล้วมองดูซาฟิลที่ทำหน้าไม่สบายใจ

“บังเอิญได้ยินข่าวลือมานะ ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่พอเห็นกับตาตอนแม่หญิงรับใช้เสนอจูบให้ผู้ติดตามของน้องนี่สิ”

“เรื่องแบบนี้ท่านพี่จะล้อเล่นไม่ได้นะครับ”
เอลียาห์พยายามระงับความตกใจไม่ให้แสดงออกไปให้ซาฟิลเห็นทางสีหน้า

“พี่เคยโกหกน้องเอลียาห์เสียที่ไหน อันที่จริงเรื่องระหว่างหญิงชายมันก็ไม่แปลก ผู้หญิงคนนั้นพี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร”
ซาฟิลหยุดครุ่นคิดพลางใช้มือลูบคลำปลายคางไปมา

“พี่กลัวน้องเอลียาห์จะเสื่อมเสียชื่อเสียง อีกอย่างกฎพระราชสำนัก ข้ารับใช้ในวังจะมีสัมพันธ์ทางกายได้ต่อเมื่อแต่งงานอย่างเป็นทางการแล้วเท่านั้น  บอกตามตรงพี่เห็นพวกนั้นกอดรัดฟัดเหวี่ยงถึงอกถึงใจ ไม่แคล้วคงได้เสียกันไปแล้วแน่ๆ”

‘ได้เสียกันไปแล้ว’
คำพูดประโยคนี้เปรียบเสมือนค้อนที่ทุบหัวของเอลียาห์ พอจะรู้คร่าวๆว่าชายหญิงแสดงความรักกันเช่นไรจากหนังสือภาพที่ได้รับมาจากพระราชบิดา ทั้งนี้เนื่องจากเขาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ หลังจากได้รู้มาจากแดริลเรื่องที่ญาติผู้พี่ต้องการจะสอนเขาเกี่ยวกับทางเพศ

ในหนังสือภาพ รูปชายหญิงที่แสดงท่วงท่าการร่วมรักต่างๆ เขาแอบนั่งดูเพียงลำพังอย่างไม่เข้าใจนัก หากแต่ก็รับรู้แล้ว การร่วมเพศระหว่างชายหญิงเป็นเช่นไร
เพราะเป็นรูปภาพไม่ว่าจะเปิดดูกี่ครั้งเอลียาห์จึงไม่รู้สึกตื่นเต้นใดใด แต่เดิมก็ไม่ค่อยสนใจความแตกต่างทางร่างกายของเพศชายเพศหญิงอยู่แล้ว แต่พอคิดว่าแดริลกกกอดหญิงรับใช้ด้วยท่วงท่าต่างๆแบบเดียวกับในสมุดภาพอยู่ๆก็เกิดรับไม้ได้ขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

“ที่จริงจะได้กันหรือไม่ได้กันไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถึงตามกฎจะต้องถูกลงโทษ แต่ก็นะ ประเด็นสำคัญจริงๆคือถ้าหากมีเด็กโผล่มาคงวุ่นวายน่าดูละนะ”

เสียงหัวเราะขบขันของซาฟิลดังก้องในโสตประสาทของเอลียาห์ ที่ร้ายไปกว่านั้น ไอ้ความอัดอั้นหงุดหงิดที่หาสาเหตุไม่ได้ ทำให้กังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ

ทุกครั้งที่เจอหน้าแดริลก้ต้องอดทน ไม่ให้ออกปากถามเรื่องที่กำลังสงสัย เอลียาห์บอกตัวเองตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ เรื่องที่ญาติผู้พี่อาจจะเข้าใจผิด ขณะที่คิกแบบนั้นเด็กชายก็ไม่เข้าใจตัวเอง ‘มันจะสำคัญตรงไหนหากแดริลมีหญิงที่รักและตั้งใจจะแต่งงานด้วย เขาในฐานะผู้เป็นนายสมควรจะยินดี’

แต่ เสียงตะโกนในใจซึ่งอ้างตัวเป้นจิตฝ่ายคุณธรรมกลับบอกว่า การกระทำของแดริลกับหญิงคนนั้นไม่ถูกต้อง ทั้งผิดกฏราชสำนักและยังผิดจารีตประเพณี

‘ถ้ามีเด็กโผล่ขึ้นมาจะทำยังไง คงจะวุ่นวายน่าดู’
ประโยคคำพูดนี้วนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของเอลียาห์

‘กฎจารีตประเพณี กฎพระราชสำนัก การที่สตรีมีบุตรก่อนแต่งงานโดยไม่ได้ประกอบอาชีพโสเภนีจะต้องถูกลงโทษด้วยการแห่ประจานแล้วขว้างปาด้วยหิน’
เอลียาห์หน้าซีดเผือด

‘ถ้าหากเรื่องที่ท่านพี่ซาฟิลพูดเป็นเรื่องจริง จะต้องเรียกแดริลมาตักเตือน และต้องหยุดยั้งความสัมพันธ์อันผิดศีลธรรมนี้ให้จงได้’
เอลียาห์กำมือทั้งสองข้างแน่น หลังจากที่ได้บทสรุปและตัดสินใจลงไป ก็ลอบมองแดริลซึ่งสวมใส่รองเท้าให้ตน ยิ่งมองดูก็ยิ่งเหมือนมีอะไรอัดแน่นอยู่ในอกคล้ายกับจะระเบิดได้ตลอดเวลา

ช่วงเวลานั้น เสียงกระซิบของจิตฝ่ายคุณธรรมกำลังบอกว่า สิ่งที่ตัดสินใจทำเพื่อแดริลนั้นถูกต้องและเหมาะสมที่สุด แต่กระนั้นกลับได้ยินเสียงเตือนแผ่วหวิวจากจิตแห่งมารร้ายในตัวกล่าวคัดค้านด้วยเสียงเคร่งขรึมว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ถูกต้อง
และแล้วจะด้วยโชคชะตาที่เทพเจ้าขีดเขียนหรือการชักพาของปีศาจก็ไม่ทราบได้ เอลียาห์ซึ่งอาสาช่วยฟาติมาหาของที่ทำหล่นไว้ในห้องแดริลก็พบหลักฐานยืนยันสิ่งที่ซาฟิลได้เล่าให้ฟัง เด็กชายมองดูสิ่งนั้นด้วยความผิดหวังมากเสียจนตัวเองยังรู้สึกกลัว

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

หายไปนาน ตอนนี้มาสั้นๆ แถมเรายังพิมแบบไม่ได้ตรวจทาน อาจมีคำผิดเยอะหรือประโยคแปลกๆบ้าง

ก็อภัยให้เรานะคะ

ตอนหน้าจะเอามาลงให้เร็วที่สุดคะ ตอนนี้กำลังปั่นงานพิเศษอย่างคร่ำเคร่ง

หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 9<3/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 04-08-2015 04:39:25
เอลียาห์เจออะไรหว่า?
อยากตื้บอิซาฟิลจริงๆ นะเนี่ย -_-^
รอน้า
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 9<3/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 06-08-2015 07:24:50
มาต่อเร็วๆ น้าาา :katai1:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 9<3/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 09-08-2015 08:29:35
ตอนที่ 10
‘จะทำอย่างไรกับเจ้าสิ่งนี้ดีนะ’

เอลียาห์ซึ่งเตรียมตัวเข้านอนปลายมองชั้นในตัวจิ๋วของสตรีที่ถูกโยนแหมะลงไปบนพื้นอย่างนึกรังเกียจ เด็กชายเฝ้าครุ่นคิดไปพร้อมกับเดินวนไปมาในห้อง ตลอดตั้งแต่หัวค่ำจนเวลานี้ก็ดึกมาก เขาก็ยังตัดสินใจจัดการกับเจ้าสิ่งนี้ไม่ได้อยู่ดี

‘ควรใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้างเรียกแดริลมาตักเตือน’

จิตฝ่ายดีพร่ำเตือนคำพูดนี้ซ้ำไปซ้ำมาในหัว ขณะเดียวกันจิตฝ่ายร้ายก็ย้ำเตือนให้รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวและเข้าใจซักที ว่ากิจกรรมทางเพศของแดริลไม่ใช่เรื่องที่เขาจะก้าวก่าย

“จะทำยังไงดีนะ”
พึมพำอย่างนั้นไปมาจนเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“ฟาติมาบอกว่าท่านยังไม่นอน ข้าเลยเอานมร้อนมาให้ครับ”
เสียงของแดริลที่ดังจากหน้าห้องทำเอลียาห์สะดุ้ง หลังจากพยายามคุมสติเป็นผลสำเร็จ เด็กชายก็อนุญาติให้คนสนิทเดินถือถาดที่มีนมร้อนวางอยู่เข้ามาในห้อง

“ไม่เห็นต้องลำบากแดริลเลย”
เอลียาห์ยิ้มเจื่อนก่อนจะร้องเสียงประหลาด ทันที่ที่มองเห็นชั้นในสตรีตัวจิ๋วยังวางกองอยู่บนพื้นในห้อง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สายเกินไปเมื่อแดริลที่เอานมร้อนมาให้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบนพื้น

“นี่มัน…”
ดวงตาที่หรี่ลงเหมือนดวงตาเหยี่ยวของแดริลทำให้เอลียาห์ขนลุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ ร่างสูงซึ่งวางถาดและนมลงบนโต๊ะเล็กในห้องค่อยๆหยิบเอาชั้นในตัวจิ๋วขึ้นมาจากพื้น

“หญิงรับใช้คนไหนกันครับที่ท่านเอลียาห์เรียกให้มารับใช้”
ร่างเล็กงุนงงกับคำถามและยิ่งไม่เข้าใจมากยิ่งขึ้น ทำไมคนสนิทของเขาต้องแสดงท่าทางและนำเสียงเย็นชาจนดูผิดธรรมชาติ

“บอกมาสิครับ ข้าจะได้ ถามและสั่งสอนนางผู้นั้นเสียใหม่ ครั้งหน้าหากรับใช้ท่านอีกจะได้กระทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุด”
เอลียาห์ซึ่งถูกคาดคั้นเดินถอยหลังหนีแดริลที่ก้าวเท้าเข้าหาช้าๆ ทว่าเพราะก้าวถอยหลังอย่างไม่ระวัง เด็กชายจึงสะดุดหงายหลังลงไปนั่งหมดท่าอยู่บนขอบเตียง โดยมีคนสนิทหยุดเว้นระยะการรุกไล่อยู่ตรงเบื้องหน้าหนึ่งช่วงแขน

“พูดอะไรของเจ้า…”

เด็กชายเริ่มหายใจติดขัด เป้นครั้งแรกที่หวาดกลัวอึดอัดจนแทบหายใจหายคอไม่ออกเวลาที่อยู่ต่อหน้าแดริล ข้ารับใช้คนสนิทยามนี้ถึงจะตีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ใบหน้าเรียบเฉยจนผิดปกติกับประโยคคำถามซึ่งเต็มไปด้วยการคาดคั้นนี่แหละ ที่เอลียาห์ตีความว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัว

“ข้าเป็นห่วงท่านครับ เข้าใจว่าท่านเอลียาห์อายุสิบสามย่อมสนใจร่างกายของอิสตรีเป็นพิเศษ แต่เรื่องสกปรกต่ำทรามเช่นนั้นไม่เหมาะกับท่านในเวลานี้ ไม่สิ ถึงแม้จะอยู่ในวัยที่เหมาะสมก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะปล่อยให้ท่านมั่วสุมกับสตีชั้นต่ำตามใจชอบได้หรอกครับ”

‘มั่วสุม สกปรก ต่ำทราม’

คำพูดเหล่านี้ทำเอาเอลียาห์โกรธจนเลือดขึ้นหน้า


‘ใครกันล่ะที่เป็นคนทำเรื่องพวกนั้น ใครกันล่ะที่มั่วสุมสกปรกต่ำทราม’
เด็กชายเมื่อโกรธจนไม่สามารถระงับเอาไว้ได้ก็ตะโกนพ่นสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด

“เจ้าต่างหากสกปรกต่ำทราม ของสิ่งนี้มันเป็นของที่อยู่ในห้องซึ่งเจ้าใช้มั่วสุมกับสตรีไร้ยางอายนั่นแหละ”
เอลียาห์ที่หอบจนตัวโยนเพราะตะคอกสุดเสียงอย่างไม่เคยมีมาก่อนมองดูแดริลตะลึงงัน ร่างสูงย่อกายคุกเข่าลงตรงหน้าเขาแล้วกล่าวขอขมาแทบจะในทันที

“มีอะไรจะแก้ตัวหรือเปล่า เราพบเจ้าสิ่งสกปรกนี้ในห้องของเจ้าเมื่อตอนไปช่วยฟาติมาทำความสะอาด”
เอ่ยถามหลังจากกลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง

“ไม่มีข้อแก้ตัวครับ จากนี้ข้าจะให้หญิงผู้นั้นทำตัวให้เรียบร้อยและเก็บข้าวของของนางก่อนที่จะกลับไปทุกครั้ง”

คำพูดของแดริลสะท้อนไปมาในหัว ทีแรกเอลียาห์คิดว่าคนสนิทจะบอกเลิกความสัมพันธ์กับสตรีผู้นั้นต่อหน้าเขา แต่ในความเป็นจริงคนสนิทกลับทำแค่สัญญาจะเก็บกวาดเศษซากหลังจากทำเรื่องผิดจารีตให้เรียบร้อยเพียงเท่านั้น เด็กชายปวดแปลบในอกทรมานจนใบหน้าอันงดงามประหนึ่งเทวทูตบูดเบี้ยวจนผิดรูปลักษณ์

“ข้า…ต้องการให้เจ้าเลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น”

เอลียาห์เน้นย้ำทีละคำด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น เขาเริ่มไม่รู้แล้วว่าอะไรเป็นเรื่องถูกหรือผิด เพราะจิตฝ่ายดีสั่งให้เขาออกคำสั่งกดดันแดริลให้ทำตามที่ตนต้องการทุกรูปแบบ ในขณะที่จิตฝ่ายร้ายตะโกนบอกให้เลิกทำบ้าๆเสียที

“หมายความว่ายังไงครับ”
เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ถูกแดริลมองด้วยสายตาทิ่มแทงมา แววตานี้นับแต่สนิทสนมกันอย่างพี่น้องก็ไม่ได้เห็นมานานเล่นงานจนเอลียาห์หน้าเผือดสี แต่ก็ไม่สามารถหยุดการกระทำซึ่งจิตฝ่ายดีที่เสี้ยมสอนให้ปฏิบัติต่อแดริลได้เลยแม้แต่นิดเดียว

“ก็เจ้าทำเรื่องสกปรกผิดจารีต รู้ไหมหญิงสามที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนเข้าพิธีสมรสจะต้องถูกลงโทษอย่างไร เจ้าไม่เป็นห่วงนางบ้างหรือ”

“ท่านเอลียาห์จะนำไปฟ้องฝ่าบาทบาดีให้ลงโทษหรือครับ หรือว่าท่านจะลงโทษข้าด้วยตัวเอง”
แดริลใช้ดวงตาเหยี่ยวมองจ้องมาก่อนจะก้มหน้าครุ่นคิด เอลียาห์สูดหายใจเข้าอย่างตระหนกกับท่าทางเจ้าเล่ห์เจ้ากลซึ่งไม่เคยสัมผัสมาก่อนของคนทีนั่งคุกเข่าตรงหน้า

“ถ้าข้าไม่ทำตามทีท่านสั่งละครับ”
เอลียาห์ฉุนกึกกับร้อยยิ้มร้ายที่แสดงให้เห็นถึงความถือดี เป้นครั้งแรกอีกเหมือนกันที่เด็กหนุ่มอาละวาดขว้างปาข้าวของใส่ผู้อื่น คนตัวเล็กหยิบเอาหมอนใกล้ๆขว้างใส่คนสนิทไม่ยั้งจนไม่เหลือหมอนซักใบ

“ข้าบอกให้เจ้าเลิกยุ่งกับผู้หยิงพวกนั้นเจ้าก้ต้องทำตามที่ข้าสั่ง”
เอลียาห์ออกคำสั่งไปพร้อมกับหอบแฮ่ก สำหรับแดริลถึงจะถูกอาละวาดขว้างหมอนใส่หลายต่อหลายใบ ร่างสูงก็ยังปัดหลบรับได้ง่ายๆโดยไม่ขยับลุกจากพื้นที่คุกเข่าแม้แต่คืบเดียว

“ไม่ใช่สิ่งที่เด็กดีทำเลยนะครับ ท่านทำเหมือนกับกำลังหึงหวงข้าอย่างไรอย่างนั้น”
“พ…พูดอะไรของเจ้า”
เอลียาห์เอ่ยตะกุกตะกัก เด็กชายมองดุคนที่เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์แพรวพราวขยับกายเข้ามาใกล้พร้อมกับใช้มือใหญ่ยึดเรียวขาของเขาไว้แน่นจนต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ

“ป…ปล่อย…”

“บางทีถ้าทำให้ท่านเข้าใจว่าราคะเป็นสิ่งที่ห้ามปรามไม่ได้ท่านจะรู้ว่าทำไมข้าถึงเอ่ยปฏิเสธ”
แดริลลากปลายลิ้นไปยังปลายเท้าข้างขวาของเอลียาห์ ทันทีที่รู้สึกถึงความนุ่มนิ่มและเปียกแฉะ ความเสียวแปลบก็แล่นจี๊ดขึ้นไปจนถึงก้นกบ เด็กชายพยายามชักเท้ากลับแต่ก็ถูกคนสินทยึดจับเอาไว้ด้วยแรงที่มากมายมหาศาล

“อึก…หยุดเดี๋ยวนี้…นะ”
เอลียาห์ออกคำสั่งไปพร้อมกับสะกดกลั้นไม่ให้เสียงครางหลุดออกมาจากริมฝีปากอันแดงระเรื่อ เด็กชายถูกแดริลโลมเลียปลายเท้าไปจนทุกอนูเนื้อ ก่อนที่คนใต้บังคับบัญชาจะลากลิ้นเลียสูงขึ้นไปบนเรียวขาอย่างหยาบโลนจนร่างกายของเขาต้องสั่นระริกด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

“ไม่อย่า..ไม่”
ส่ายหน้าปฏิเสธไปมาทั้งน้ำตา วินาทีที่ถูกแดริลใช้ปากโลมเลียเครื่องเพศซึ่งไม่เคยให้ใครเห็นนอกจากคนกระทำ
ด้วยความรู้สึกดีอย่างไม่เคยพบเจอ แทนที่จะขยับกายหลีกหนี สะโพกบอบบางกลับขยับแอ่นเขาหาริมฝีปากของคนสินทราวกับจะออดอ้อนขอให้เล้าโลมให้มากยิ่งขึ้น

‘แพศยา น่ารังเกียจ’

คำคำนี้ผุดขึ้นในหัว ถึงจะรู้ว่าการตอบสนองอันหยาบโลนของตนช่างสุดแสนต่ำทรามจนไม่น่าให้อภัย แต่ร่างกายซึ่งละโมบในราคะกลับไม่ยอมทำตามที่ใจสั่ง เอลียาห์ยังแอนสะโพกเข้าหาริมฝีปากกับปลายลิ้นร้อนและยังบิดร่างกายไปมาด้วยความหฤหรรยินดีในกามกำหนัดที่แดริลปรนเปรอให้อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“อึก…อ้า”

ในที่สุดเอลียาห์ก็ปลดปล่อยออกมา ความรู้สึกในตอนนั้น ร่างกายเบาหวิวสบายตัวจนไม่ต่างกับนอนอยู่บนปุยเมฆ เด็กชายมองดูแดริลดื่มกินหยาดน้ำที่เขาปล่อยออกมาจนหมดด้วยสายตาปรือปรอย

“ท่านเอลียาห์คงเข้าใจแล้วสินะครับ ความรู้สึกเป็นสุขยามที่ได้ประกอบกิจกรรมที่ท่านว่าต่ำทราม ท่านรู้สึกดีถึงขนาดนี้จะมาห้ามไม่ให้ข้าทำเห็นทีคงจะไม่ได้ หรือว่านับจากนี้ท่านจะมาทำเช่นนี้กับข้าแทนผู้หญิงคนนั้นทุกทุกค่ำคืนดีละครับ”
ประโยคประชดประชันเสียดแทงใจจนเอลียาห์กลับมามีสติ ใบหน้างดงามแดงก่ำด้วยความอับอายและกรุ่นโกรธ

‘ให้อภัยไม่ได้ ทั้งที่ไว่ใจถึงขนาดนี้ แต่กลับมาทรยศความหวังดีของข้าอย่างร้ายกาจ ต้องทำให้สำนึก ต้องลงโทษ’

คิดเช่นนั้นวนไปวนมาจนเมื่ออารมณ์ที่อัดแน่นในอกแตกปะทุ เอลียาห์ตะโกนเรียกทหารที่ด้านนอกให้เขามาจัดการกับแดริลซึ่งเหยียดยิ้มอย่างไม่กลัวเกรง

“จับมันถอดเสื้อแล้วผูกโยงเอาไว้ เราจะลงโทษเฆี่ยนตีมัน”
เอลียาห์ออกคำสั่งเกรี้ยวกราด เขาลงโทษแดริลด้วยการเฆี่ยนตี ป่าเถื่อนรุนแรงจนแม้แต่ตัวเองก็ยังตกใจในภายหลังว่าตนลงมือทำเช่นนั้นกับคนสนิทที่สุดแบบนั้นไปได้ยังไง

“คงจะสำนึกเสียทีนะ”
เอลียาห์หลังจากเฆี่ยนตีไม่ยั้งโยนอาวุธทิ้ง เด็กชายพอสังเกตเห็นร่างกายที่ชุมโฉกไปด้วยเลือดและบาดแผลก็เบือนหน้าหนีด้วยไม่สามารถทนเห็นสภาพของร่างสูงไปได้มากกว่านี้  ทันทีที่สงบอารมณ์ลงได้ ก็สาวเท้าเดินหนีไปโดยไม่หันกลับไปมองซักนิด คนตัวเล็กกลัวที่จะเห็นแววตาของแดริล ไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตามเขาไม่อยากเห็นทั้งนั้น

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายค่ะกินยาแล้วมึนๆง่วงๆจนพิมนิยายไม่ไหวเลย

ถ้ากลับเป้นปกติเมื่อไหร่จะลงให้ทีเดียวสองตอนเลยค่ะ

เพราะช่วงนี้เขียนนิยายได้สั้นมากสั้นมากจริงๆ

เม้นเป็นกำลังใจให้เราบ้างนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 10<9/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 09-08-2015 08:42:38
หวาๆๆ จะเป็นยังไงต่อนี่
แต่เราก็ไม่ชอบเท่าไหรที่แดริลไปมีอะไรกับหญิงรับใช้น่ะนะ -_-*
คนแต่งสู้ๆ นะ หายป่วยไวๆ จ้า
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 10<9/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: sittawan ที่ 09-08-2015 09:39:55
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 10<9/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-08-2015 09:47:16
สนุกมากค่ะ
ปล. ไม่สบายหายไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 10<9/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 14-08-2015 07:44:59
ตอนที่11

เอลียาห์นั่งเหม่อลอยอ่านเอกสารรายรับรายจ่ายจำนวนมากซึ่งเป็นค่าใช้จำนวนมากซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดของพระราชวังคาดิล โดยมีหัวหน้ามหาดเล็กยูซูฟคอยแจกแจงอยู่ข้างๆ

เอลียาห์จัดการกับเอกสารมากมายเหล่านี้ทุกรูปแบบครั้งแรกเมื่อตอนเขาอายุได้สิบสองขวบเต็บ เด็กชายถึงจะคิดว่า
ยุ่งยาก แต่ในความเป็นจริงก็รู้ดีอยู่ หากต้องขึ้นครองราชย์ เขาจะต้องรับภาระหน้าที่หนักหนามากยิ่งขึ้นกว่านี้เสียอีก
 ทว่าในเวลานี้ เพราะครุ่นคิดเรื่องของแดริลวนเวียนไปมา เอลียาห์จึงไม่มีสมาธิอ่านเอกสารหรือคำนวณรายรับรายจ่ายให้ละเอียด

“มีสมาธิหน่อยเถอะครับ”

เอลียาห์กลับมามีสมาธิอีกครั้งเมื่อถูกยูซูฟเตือน เขาไม่คิดขุ่นเคืองซักนิดกับคำพูดของหัวหน้ามหาดเล็กจนวินาทีที่ข้ารับใช้เอ่ยถึงแดริลในทางเสียๆหายๆ

“ฝ่าบาทคงจะเป็นห่วงเจ้าคนสนิทที่ทำผิดกฎจารีตและพระราชสำนัก ข้าเห็นว่าการที่ฝ่าบาทลดตัวลงไปเฆี่ยนตีด้วยตัวเอง ออกจะใจดีกับมันมากเกินไปด้วยซ้ำ”

“เจ้าคิดแบบนั้นเหรอ?”
ใบหน้างดงามดังเทวทูตบูดบึ้ง หากแต่คู่สนทนายังไม่สังเกตอารมณ์ขุ่นมัวทางสีหน้า แถมยังพูดพล่ามต่อว่าแดริลไม่หยุดปาก

“ดูเหมือนเจ้าแดริลจะเจ็บหนักฝ่าบาท ถึงแม้มันจะไม่แสดงออกแต่ก็งดฝึกซ้อมดาบอย่างที่เคยทุกวัน”
คนฟังหน้าเผือดสี แค่คิดถึงบาดแผลลึกที่ทำลงไปนับไม่ถ้วน เด็กชายก็เกิดอาการวิงเวียนหน้ามืดจนเกือบจะเป็นลม

“ฝ่าบาท”
ยูซูฟถลาเข้ามาดูแล แต่เอลียาห์ที่หายดีแล้วยกมือห้ามเอาไว้ ทำให้หัวหน้ามหาดเล็กกลับไปยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานด้วยท่าทางงกๆเงินๆ

“อาการดีขึ้นแล้งจริงๆนะหรือฝ่าบาท”

ถูกถามผงกหัวหงึกๆ หลังจากที่ใช้เวลาจัดการกับเอกสารทั้งหมดจนเกือบค่ำ เอลียาห์ที่กลับมายังห้องนอนของตนก็เดินวนไปมาในห้องเป็นหนูติดจั่น เขาพยายามหาข้ออ้างที่ดีที่สุดในการโผล่หน้าเอายาขี้ผึ้งชั้นดีจากตะวันตกไปให้แดริลซึ่งกำลังบาดเจ็บหนักจากการเฆี่ยนตีด้วยมือของเขา

“ทำยังไงดี”

เอลียาห์พึมพำกับตัวเองไม่หยุด ก่อนจะตัดสินใจไปยืนรอแดริลในห้องของอีกฝ่ายเสียดื้อๆ เด็กชายคิดว่าต่อให้ชายหนุ่มทำมึนตึงใส่ตน ก็จะขอหน้าด้านลงมือทายาให้คนเจ็บด้วยมือตนเองแล้วยกยาขี้ผึ้งนี่ให้แดริลให้จงได้

เอลียาห์รอคอยการกลับมาของแดริลในห้องของชายหนุ่มเนินาน เมื่อมองออกไปยังด้านนอกหน้าต่างก็พบกับดวงจันทร์สีขาวที่ส่องแสงนวลตาจนเกิดความหงุดหงิดกับการที่ไม่เห็นคนสนิทโผล่หน้ามาเสียที
ในตอนนั้นเสียงอ้อร้อของหญิงสาวก็ดังที่หน้าประตู เอลียาห์ซึ่งยืนกลางห้องตกใจลนลานจนกลายเป็นต้องหนีเข้าไปแอบในตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ จังหวะที่ปิดตู้เสื้อผ้า ชายเสื้ออันกรุยการายก็ถูกหนีบทับไว้ที่ด้านนอกอย่างไม่ทันระวัง

‘ขออย่าให้สังเกตเห็นเลย’

ภาวนากับตัวเอง เอลียาห์เข้าข้างตัวเองนิดๆเพราะปลายเสื้อที่ถูกหนีบอยู่ด้านนอกเป็นแค่ชายผ้าเล็กๆจนแทบสังเกตได้ยาก
แต่เรื่องสำคัญกว่านั้นคือเสียงของคนที่กำลังสนทนากับหญิงสาวต่างหากซึ่งครอบงำเอลียาห์ให้จดจ่อจนแทบไม่มีอารมณ์จะคิเรื่องอื่น

“ทั้งที่ข้าอุตส่าห์ทายาให้น้องแดริลทุกวัน ไม่เข้าใจจริงๆว่าเจ้าจะอารมณ์เสียอะไร”
เสียงของหญิงสาวดังไปพร้อมกับเสียงเสียดสีของเสื้อผ้าซึ่งถูกถอดออก เอลียาห์ที่แอบในตู้เสื้อผ้า เดาว่าหญิงสาวกำลังถอดเสื้อให้แดริล

“เอาเถอะข้าไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว เดี๋ยวข้าจะค่อยๆทายาบนแผลให้น้องแดริลอีกหนแล้วกัน”

เอลียาห์กำตลับยาอันเล็กๆเอาไว้แน่น เสียงของหญิงสาวที่หัวเราะคิกคักกับเสียงครางต่ำเบาๆของแดริล เด็กชายจินตนาการได้ถึงปลายนิ้วเล็กๆซึ่งบรรจงป้ายยาบนบาดแผลของคนสนิท

‘รู้สึกไม่ดีเลย’

เด็กชายใช้มือข้างหนึ่งกุมท้องซึ่งกำลังปวดตุบๆและปั่นป่วนจนคลื่นไส้ ไม่เข้าใจว่าตัวเองเจ็บป่วยอะไร แต่ก็ยังอดทนรอให้หญิงสาวที่นึกรังเกียจทายาให้แดริลจนเสร็จแล้วกลับออกไปได้เสียที

“อยากกอดน้องแดริลเสียเดี๋ยวนี้เลย”

ประโยคคำพูดและเสียงหัวเราะคิกคักกวนสมาธิจนว้าวุ่นไปหมดทั้งกายและใจ ในตอนนั้นเสียงหนุบหนับสวบสาบของคนนอกตู้ก็ทำให้เอลียาห์นิ่งอึ้งด้วยไม่เข้าใจว่าคนด้านนอกกำลังทำอะไรกันอยู่

“อืม….น้องแดริลอย่าทรมานจัสมินอีกเลย”

เอลียาที่จดจำใบหน้าเจ้าของเสียงเย้ายวนได้กำตลับยาแน่นขึ้นกว่าเดิมจนเจ็บมือ แต่ทั้งอย่างนั้นก็ไม่สามารถคลายมือซึ่งบีบกำเอาไว้ได้อย่างที่ใจต้องการ

“อ้า…อึก…”

เสียงครวญครางร้อรร่านดังไปทั่วห้อง เอลียาห์ซึ่งแอบอยู่ในตู้คิดเปรียบเทียบสภาพของหญิงสาวกับตัวเขาเองในตอนที่ถูกแดริลล่วงเกิน ด้วยความอับอายอดสูและชิงชัง แต่กระนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธอารมณ์ดำกฤษณาที่ครอบงำร่างกายของเขาในเวลานี้ได้อย่างสมบูรณ์

‘แย่แล้ว’

เอลียาห์บิดตัวและเสียดสีเรียวขาทั้งสองข้างไปมา  เขารู้สึกได้ถึงแก่นกายซึ่งกำลังตื่นตัวจนตั้งชัน หากแต่เพราะไม่สามารถจัดการอะไรกับเจ้าสิ่งนั้นได้ เด็กชายจึงทำได้แต่เพียงเสียดสีเรียวขาไปมาเพื่อทุเลาอาการกระสันอยากที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เข้าใจดีพอ

“อ๊า…อ้า”

เขาขบริมฝีปากแน่น เสียงร้องของจัสมินเร่งเร้าอารมณ์จนถึงขีดสุด ทว่าการเสียดสีเรียวขาไปมาไม่ได้ช่วยให้ร่างกายอันเต็มไปด้วยราคะถึงฝั่งฝันได้ เด็กชายทรมานปั่นป่วนกับความอยากที่จะปลดปล่อย แต่ก็ใช่ว่าจะโง่งมจนไม่รู้ความเสียทีเดียว เมื่อนึกถึง
เหตุการณ์ร้อนรุ่มยามถูกปลายลิ้นของแดริลลากไล้ครอบครอง  ในตอนนั้นเสียงหวีดร้องแหลมสูงก็ดังขึ้น ที่ด้านนอกเสียงกระแทกกระทั้นแบบหยาบโลนค่อยๆหยุดลง ในที่สุดจัสมินก็เงียบเสียงลงได้อย่างแท้จริงเสียที

"ข้าต้องไปแล้วน้องแดริล”
จัสมินที่ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนแต่งตัวจนเสร็จแล้วผละออกจากห้องไป ขณะนั้นเอลียาห์ยังทรมานกับห้วงราคะซึ่งไม่สามารถดับลงได้

‘ม…ไม่ไหว’

ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวเหยเก จังหวะนั้นประตูตู้ซึ่งเอลียาห์ใช้เป็นที่หลบซ่อนก็เปิดออก ที่ตรงหน้าแดริลซึ่งยืนเปลื่อยเปล่ามองลงมาในระดับที่สูงกว่าด้วยแววตาตกตะลึงก่อนริมฝีปากได้รูปจะกระตุกยิ้มร้ายอย่างเสือตัวใหญ่ที่จับเหยื่อได้เป็นผลสำเร็จ

“อึก”

เอลียาห์สะอื้นเบาๆ เด็กชายหนีบขาทั้งสองข้างปิดบังเครื่องเพศซึ่งกำลังชูชันให้พ้นจากสายตาของแดริล แทนที่จะพ้นจากการจดจ้อง การกระทำอันดูชัดเจนแบบนั้นกลับทำให้คนสินทผู้แสนฉลาดเลิศรู้ทันทีเรื่องที่ร่างเล็กกำลังปิดบัง

“ช่วยตัวเองไม่เป็นหรือครับ”

แดริลคลี่ยิ้มอ่อนหวาน ในสายตาเอลียาห์ถึงรอยยิ้มจะดูงดงามอ่อนโยนหากแต่ดวงตาเจ้าเล่ห์บาดคมไม่ได้ส่ออารมณ์อย่างเดียวกันเลยซักนิด

แดริลในตอนนี้ ช่างน่ากลัวเสียจนเอลียาห์ตื่นกลัวไปทั่วร่าง แต่ถึงอย่างนั้น เรือนกายร้อนรุ่มยังคงลุกโชนด้วยไฟปรารถนาซึ่งไม่ยอมดับมอดไปง่ายๆ

“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ”

แดริลเอ่ยปลอบไปพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างแยกเรียวขาของเอลียาห์ออก ทั้งที่ควรต้องขัดขืน หากแต่ถูกใบหน้าและเสียงอันอ่อนโยนล่อหลอกจนยอมเปิดเผยส่วนอับอายที่ชูชันดุนดันกางเกงผ้าเนื้อดีด้วยพ่ายแพ้แก่ราคะและความไว้ใจ

“เป็นถึงขนาดนี้เชียว”

แดริลยิ้มละเมียดละไมก่อนจะจัดการถอดกางเกงของเอลียาห์ที่ตั้งตัวไม่ทันออกอย่างช้าๆ เด็กชายเมื่อท่อนล่างเปลือยเปล่าก็ผวาตัวนั่งกอดเข่าอยู่ในตู้เสื้อผ้าด้วยอัอายและสับสน

“ทรมานอยู่ไม่ใช่หรือครับ ถ้าไม่ยอมให้ข้าช่วยสอน ท่านเอลียาห์นั่นแหละที่จะทรมานไม่เลิก”

เอลียาห์ที่ยังนั่งกอดเข่าช้อนมองแดริล เขารู้ดีว่าอาจจะทนกับร่างกายที่กำลังละโมบได้อีกไม่นาน พอถูกตะล่อมล่อหลอกอย่างอ่อนหวานอีกครั้ง เด็กชายก็เอ่ยปากถามข้อเท็จจริงจากคนสนิทด้วยอาการลังเล

“จะช่วยได้จริงๆนะหรือ ไม่เอาแบบคราวก่อนนะ”

แดริลเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ ท่าทางแบบนั้นสร้างความกังขาให้เอลียาห์จนเก็บมาครุ่นคิดเป็นจริงเป็นจัง แต่คนสนิทก็ไม่ผ่อนผันเวลาให้เขาได้ขบคิดถึงปริศนานั่นเลยแม้แต่ชั่วเสี้ยววิ เด็กชายถูกดึงให้ลุกออกจากตู้ก่อนจะถูกจัดแจงให้นั่งลงบนตักของแดริลซึ่งนั่งรออยู่แล้วบนริมเตียง

“ทำอย่างนี้นะครับ”

แดริลไม่รอช้าใช้มือของตนกำเครื่องเพศของเอลียาห์ที่กำลังตื่นตัวเต็มที่ชักรูดขึ้นลงเป็นจังหวะให้ดูเป็นตัวอย่าง ทันทีที่ถูกทำเช่นนั้นความซาบซ่านอย่างสุดจะคาดเดาทำให้เด็กชายเพลิดไปกับการปรนเปรอจนแทบลืมตัว แต่ก็ถูกคนสนิทเอ่ยตำหนิให้เขาตั้งใจมองดูสิ่งที่ทำให้เห็นอย่างตั้งอกตั้งใจมากยิ่งขึ้น

“อึก”

เอลียาห์กัดริมฝีปากเพื่อไม่ให้หลุดเสียงคราง คราวนี้ถูกแดริลกล่าวเตือนเพิ่มอีก บอกว่าห้ามกลั้นเสียงเอาไว้เพราะมันจะทรมาน ดังนั้นเด็กชายจึงร้องครางอกมาแผ่วเบาด้วยความขัดเขิน แต่ก็ไม่กล้าจะต่อต้านคนซึ่งตั้งใจสอนสั่งอย่างเข้มงวด

“อือ…”

ใช้เวลาไม่นานนัก เอลียาห์ก็ปลดปล่อยความต้องการออกมา น้ำสีขาวขุ่นซึ่งเปรอะเปื้อนมือของแดริล คนสนิทบอกมันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสุขสมและพึงพอใจ ร่างเล็กพอจะเข้าใจในเรื่องนี้อยู่บ้างจากสมุดภาพซึ่งเคยได้ดูมาก่อน แต่ภาพที่ได้เห็นต่างจากประสบการณ์จริงในยามนี้ไปคนละเรื่อง

“คราวนี้ลองทำด้วยตัวเองดูนะครับ”

เอลียาห์ใช้ดวงตาฉ่ำเยิ้มมองดูแดริลที่คลี่ยิ้มคล้ายดอกไม้ เด็กชายยอมทำตามอาจารย์ผู้ฝึกสอนอย่างว่าง่ายเผลอไผล จากนั้นช่วงเวลาอันร้อนแรงดุจเปลวไฟก็ดำเนินไปจนเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ตอนหน้าจะถึงจุดผลิกผันของเรื่องอีกแล้วค่ะ

คนที่เดาได้แล้วอาจจะไม่ตื่นเต้นเพราะอันที่จริงมันก็เนิบๆอยู่

ตอนหน้าถ้าเป็นไปได้จะลงสองตอนรวดเลยค่ะ

เม้นเรากันบ้างนะคะ :hao5:

รักคนอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 11<14/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 14-08-2015 08:30:05
ชอบมากค่ะรอนะคะ :katai4:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 11<14/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 16-08-2015 17:08:51
แดริลนี่เจ้าเล่ห์ชะมัด ร้ายนักนะ! -_-*
เอลียาห์อุตส่าห์กะจะมาทำแผลให้  ฮึ่ยย!
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 11<14/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 20-08-2015 17:09:12
ตอนที่12

เป็นเวลาเกือบหนึ่งวันเต็มซึ่งเอลียาห์เอาแต่หลบเร้นอยู่ในห้องส่วนตัวด้วยความอับอาย หลังจากวันที่ถูกแดริลฝึกสอนให้รู้จักการช่วยตัวเอง เด็กชายเมื่อปลดปล่อยออกมาจนหมดเรี่ยวแรงก็ถูกคนสนิทพากลับมายังห้องนอนในสภาพสะลึมสะลือ

‘แดริลป่านนี้กำลังทำอะไรอยู่นะ?’

เอลิยาห์ฉุกคิดพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง เมื่อสามชั่วโมงก่อนคนนำอาหารเช้ามาให้คือฟาติมาสาวใช้ต้นห้องของเขาแทนที่จะเป็นแดริลซึ่งรับหน้าที่ประจำ

‘กำลังอายเราอยู่หรือเปล่านะ?’

ส่ายศีรษะไปมาแล้วพยายามคิดด้วยเหตุผล คนที่เป็นผู้ใหญ่อย่างแดริลคงไม่มีทางอับอายด้วยเรื่องแค่นี้แน่นอน  กลับกันเขาต่างหากที่เขินอายจนไม่กล้าออกจากห้อง นับจากคืนซึ่งถูกสอนสั่งก็ผ่านมาถึงสองวันแล้วที่เอลียาห์ไม่ได้พบใครนอกจากฟาติมา
เด็กชายสั่งฟาติมาให้บอกทุกคนว่าอยากพักผ่อน ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ารบกวนให้เขาอารมณ์เสียเลยแม้แต่คนเดียว

‘แดริลทำอะไรอยู่นะ?’

ไม่ชอบใจที่แดริลหายหน้าหายตาไป ถึงแม้ตัวเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายหลบหน้าอยู่

‘เขารักแดริล’  เด็กชายซึ่งรู้ตัวเองดีแล้วเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องผิดทำนองคลองธรรม ทว่าเพราะดันเข้าใจความต้องการของตัวเองเสียแล้ว ระหว่างที่ไม่ได้พบหน้า ก็ขบคิดอย่างตั้งใจ เรื่องการวางตัวหรือจะทำยังไงต่อไปกับหัวใจรักอันไม่ธรรมดา

‘ช่วยไม่ได้นี่นะก็มันรักไปแล้ว และเขาอยากจะเดินหน้าต่อไป’

ดังนั้นเอลียาห์จึงผลุนผลันออกจากห้องเป็นครั้งแรกหลังจากเก็บตัวมาสองวัน เด็กชายเมื่อออกมาด้านนอกก็ไปยืนเก้เก้กังกังอยู่หน้าห้องของแดริลในชุดนอนผ้าไหมซึ่งซาฟิลส่งมาให้แบบยัดเยียด

“เอาล่ะ”
เอลิยาห์ซูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูห้อง ในตอนนั้นฟาติมาที่บังเอิญมาพบก่งเสียงทักเข้าเสียก่อน

“แดริลไม่อยู่หรอกค่ะท่านเอลิยาห์”
เอลิยาห์ทวนคำพูดของฟาติมาในหัวถึงสองครั้งก่อนจะละร่ำละรักถาม

“แดริลไปไหน”

“เอ่อ…”
นึกรำคาญฟาติมาที่อ้ำอึ้ง เป็นครั้งแรกเลยกับการแสดงอาการหงุดหงิดไร้เหตุผลต่อหน้าข้ารับใช้โดยเฉพาะกับหญิงต้นห้องผู้นี้

“พูดออกมาเสียทีเถอะ เรารอเจ้าอยู่”

“ค่ะค่ะ”
ฟาติมารับคำก่อนจะเสียเวลาอ้ำอึ้งอีก

“คือแดริลย้ายออกไปตามคำสั่งของฝ่าบาทบาดีค่ะ”

“อะไรนะ”
เอลิยาห์ร้องเสียงดัง ภายในใจกระวนกระวายสับสนด้วยกลัวไปต่างๆนาๆ ท่านพ่ออาจจะรู้เรื่องไม่ดีไม่งามของเขากับแดริล

“ทำไมท่านพ่อถึงเรียกแดริลไป”

“ไม่แน่ใจค่ะ เรื่องนั้นอาจจะเกี่ยวกับที่ฝ่าบาทบังเอิญมาพบกับแดริลตอนที่ถูกขึงโยงทิ้งไว้หลังจากท่านเอลิยาห์เฆี่ยนก็ได้ค่ะ”

“อะไรกัน”
เอลิยาห์ร้องครางด้วยไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดมันคืออะไรกันแน่ เด็กชายพอฟังฟาติมาเล่าก็ยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก

“แดริลขนข้าวของออกไปเมื่อเช้าค่ะ”

“ทำไมไม่บอกเรา”

“เอ่อคือ…มันฉุกละหุกค่ะ…แดริลเพิ่งออกไปไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง”

“เราจะไปหาท่านพ่อ”
เอลิยาห์พูดก่อนจะออกวิ่งไปหากษัตริย์บาดีทั้งชุดนอน พอมาถึงเบื้องหน้าของพระราชบิดา เด็กชายก็เอ่ยประโยคเกี่ยวกับแดริลแทบจะในทันที

“ท่านพ่อพาแดริลคนสนิทของลูกไปไว้ที่ไหน”
ผู้ถูกถามเลิกคิ้วขณะใช้ดวงตาคมดั่งเหยี่ยวเพ่งพินิทบุตรชายโดยไม่เอ่ยพูด เอลิยาห์เมื่อเห็นชักช้าไม่ทันใจก็เอ่ยถามซ้ำพร้อมกับพยายามสงบสติอารมณ์พลุ่งพล่านของตน

“เรามีธุระที่ต้องสะสางกับแดริล”

“เรื่องอะไรกันครับ”
ผู้เป็นบุตรยังไม่ยอมแพ้ จากนั้นถึงจะเอ่บปากถามหรืออ้อนวอนซักกี่ครั้ง นอกจากจะทำนิ่งเฉย เด็กชายยังถูกพระราชบิดาว่ากล่าวตักเตือนกลับมาอีกด้วย

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เอลิยาห์พึมพำกับตัวเองหลังจากเดินคอตกกลับมาจากที่พักของพระราชบิดา จากนั้น เนื่องด้วยไร้เบาะแสใดใดเกี่ยวกับแดริลซึ่งถูกพาหายไปตลอดสามเดือน เด็กชายก็ใช้ชีวิตเสมือนกึ่งไร้วิญญาณหากแต่ใช่ว่าจะละเลยหน้าที่ซึ่งยังต้องทำอยู่ทุกวัน

“งามเหลือเกินค่ะท่านเอลิยาห์ เจ้าก็ว่าอย่างนั้นใช่ไหมซาลาม”

ฟาติมาถามด้วยรอยยิ้มหลังจากมองดูเอลิยาห์ที่แต่งองค์เต็มยศ จังหวะนั้นเอลิยาห์ปลายมองไปยังซาลามซึ่งเข้ามารับตำแหน่งแทนที่แดริล ถึงจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ แต่ซาลามเป็นคนที่เดิมถูกวางเอาไว้ให้อยู่รับใช้มาตั้งแต่ต้น แถมคนผู้นี้นอกจากต้องตอนตัวเองแล้ว ยังคอยดูแลรับใช้ทุกเรื่องได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และเหนือสิ่งอื่นใด ซาลามที่เคยลวนลามฟาติมาตอนนี้ดูจะเข้ากับหญิงสาวได้ดีราวกับเป็นคู่รักเสียอย่างนั้น

“สง่างามมากครับท่านเอลิยาห์”

ซาลามคลี่ยิ้มอันเต็มไปด้วยความจริงใจ อีกจุดที่เอลิยาห์ชอบข้ารับใช้ผู้นี้มากเป็นพิเศษ คือการไม่เสแสร้งนี่แหละที่ทำให้ประทับใจได้ไปเสียทุกครั้ง

“พวกเจ้าชอบก็ดี เราต้องไปร่วมงานที่หน้าพระที่นั่งแล้ว”

เอลิยาห์ไปร่วมงานเฉลิมฉลองโดยมีซาลามเป็นผู้ติดตาม เมื่อมาถึงพระที่นั่งบนจุดสูงสุดของพระราชวัง กษัตริย์บาดีก็กวักมือเรียกให้ไปยืนข้างๆ เอลิยาห์โบกมือทักทายประชาชนซึ่งโห่ร้องอยู่ตรงด้านล่างหน้าพระราชวัง

“ท่านพ่อมานานแล้วหรือครับ”

“มาได้ซักพักแล้ว”

บทสนทนาระหว่างพ่อลูกมีเพียงเท่านั้น เอลิยาห์แปลกใจกับท่าทางเงียบขรึมมากกว่าปกติของพระราชบิดาจนมีคำถามากมายหากแต่ทำได้แค่เพียงนิ่งเงียบ

ในตอนนั้นมหาดเล็กของกษัตริย์บาดีก็ประกาศเรื่องที่เอลิยาห์ไม่เคยคิดฝันว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เนื้อหาใจความว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าชายลำดับหนึ่งใหม่ โดยกษัตริย์บาดีได้ค้นหาเจาชายซึ่งเกิดจากพระสนมเอกพบหลังจากหายไปพร้อมกับผู้เป็นมารดา

เอลิยาห์รู้สึกเหมือนถูกตีแสกหน้า ถึงจะพยายามไถ่ถามผู้เป็นบิดาเท่าไหร่ อีกฝ่ายยังนิ่งขรึมจวบจนเจ้าชายลำดับที่หนึ่งองค์ใหม่ก้าวเท้ามายืนข้างๆกษัตริย์บาดี เปิดเผยตัวตนให้เอลิยาห์และเหล่าประชาชนรับทราบโดยทั่วกัน

“แดริล”

เอลิยาห์ตะลึงงันพึมพำกับตัวเอง คนตรงหน้าคือแดริลที่แต่งกายอย่างเชื้อพระวงศ์ ท่าทางการปฏิบัติตัวอันสง่างามสูงส่ง สำหรับคนที่เรียนรู้มันมาพร้อมกัน เขาไม่แปลกใจที่ชายหนุ่มจะทำทุกอย่างได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าคำพูด การเดิน ทุกๆสิ่งสมบูรณ์แบบอย่างน่าเหลือเชื่อราวกับเป็นเชื้อพระวงศ์มาแต่กำเนิด

เป็นเวลาเกือบยี่สิบนาทีซึ่งกษัตริย์บาดี ฉวยโอกาสแนะนำแดริลและมอบตำแหน่งให้ ตลอดเวลาที่ผ่านพ้นไป ทุกนาทีทุกวินาที เอลิยาห์ตั้งคำถามกับตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น อยากจะถามแดริลกับพระราชบิดาให้รู้เรื่อง

ทว่าก็ทำได้แค่คิด เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้เอ่ยถาม เพราะกษัตริย์บาดีประกาศให้แดริลไปปราบกบฏที่ชายแดนเสียตั้งแต่วันนั้น

“นี่มันอะไรกันครับท่านพ่อ”
เอลิยาห์เดินตามหลังกษัตริย์บาดีซึ่งเดินเคียงคู่แดริล บาดีหันกลับมาเผชิญหน้ากับบุตรชายอย่างสุขุม

“ก็อย่างที่ได้รู้กันทั่ว แดริลเป็นพี่ชายต่างมารดาของเจ้า”

“เรื่องนั้นมัน…”
เอลิยาห์มองดูพระราชบิดาสลับกับแดริล ทั้งคู่มีสีหน้าเคร่งขรึมเรียบเฉยเสียจนเขาเดาอารมณ์เหล่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ถูก

‘ทำไมกัน’

คำถามนี้ผุดในหัวเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน เอลิยาห์เริ่มไม่เข้าใจเรื่องราวในครั้งนี้มันคือเรื่องจริงหรือคือฝันกันแน่

‘พวกเขาเป็นพี่น้องกัน’

คำคำนี้ตอกย้ำชัดเจนจนต้องตัดใจจากแดริลให้เด็ดขาด ในเมื่อชายผู้เป็นรักแรกได้กลายมาเป็นพี่ชาย เด็กชายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกล่ำกลืนความเจ็บช้ำแล้วพยายามลืมเลือนความรักที่ผิดศีลธรรมไปจากใจโดยเร็วที่สุด

แต่ไม่ได้หมายความว่าอากาตกใจและสับสนจะหมดไป เรื่องที่มากับผู้ให้กำเนิดแดริลยังคงเป็นปริศนาที่เอลิยาห์อยากจะรู้ให้ได้ ทั้งอย่างนั้น ยังไม่ทันได้ซักถาม คนทั้งคู่ก็พากันจากไป ปล่อยให้เขารับหน้าเหล่าประชาชนและข้าราชบริภารที่แห่แหนเข้ามาทำความยินดีพร้อมกับเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องของแดริล

ค่ำคืนนั้นเอลิยาห์ผ่านมันไปด้วยความทรมาน เด็กชายรู้สึกว่าในอกของเขามันกลวงโบ๋ว่างเปล่า นอกจากนั้นยังปวดหนึบ ปั่นป่วนเสียจนต้องหยุดพักผ่อนในห้องอีกถึงสองสามวัน

ช่วงเวลานั้นกษัตริย์บาดีและแดริลไม่ได้มาเยี่ยมเขาเลยแม้แต่ซักครั้ง จนเอลิยาห์น้อยเนื้อต่ำใจ ด้วยนึกเปรียบเทียบแดริลกับตนเองว่าท่านพ่ออาจจะต้องการบุตรชายอันเพียบพร้อมอย่างแดริลมากกว่า

ทั้งคิดถึงทั้งอิจฉา

เอลิยาห์จมจ่อมกับความคิดเช่นนั้นเป็นเวลาหลายวัน ไม่กี่วันหลังจากที่ทำใจได้ แดริลก็จัดกองทัพมุ่งหน้าไปยังชายแดนประเทศเพื่อปราบกบฏ

การศึกในครั้งนี้กินระยะเวลายาวนานทั้งหมดเป็นจำนวนสี่ปี ช่วงระยะเวลายาวนานถึงเพียงนั้น เอลิยาห์ก็เริ่มตัดขาดจากความรักและลุ่มหลงที่มีต่อแดริลได้จนเกือบจะเป็นผลสำเร็จ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
จริงๆกะจะเอามาลงสองตอน

แต่งามหลวงรัดตัวหนัก ขออภัยนะคะที่เอามาลงตอนเดียว

ตอนต่อไปจะรีบเอามาลงแน่ๆค่ะ ไม่หายไปนาน
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 12<20/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 20-08-2015 18:35:11
เป็นพี่น้องกันจริงๆ ด้วย
แต่อาจมีเบื้องลึกเบื้องหลังซ่อนอยู่ก็ได้...
รอตอนหน้าน้า
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 12<20/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 26-08-2015 15:56:40
ตอนที่ 13

เสียงโห่ร้องของประชาชนดังเซ็งแซ่อยู่ที่หน้าประตูพระราชวัง บนพระที่นั่งกษัตริย์บาดีและเอลิยาห์ส่งยิ้มน้อยๆให้กับผู้คนที่เบื้องล่าง

“ไหวหรือเปล่าท่านพ่อ”
เอลิยาห์ในวัยสิบเจ็ดเอยถามกษัตริย์ที่ไอจนตัวโยน รอบข้างของกษัตริย์บาดีมีหญิงพยาบาลและหมอหลายคนเตรียมรับมืออาการป่วยที่อาจจะกำเริบได้

“ไม่เป็นไร”
กษัตริย์บาดีโบกมือห้ามไม่ให้เอลิยาห์เข้าไปช่วยพยุง เด็กหนุ่มจึงได้แต่ปลายมองเป็นระยะขณะโบกมือทักทายประชาชนที่ด้านล่าง

“ดีใจจริงๆที่อีกไม่นานแดริลจะกลับมา การปราบกบฏของเขาช่างยาวนานจนข้าต้องคอยเอาใจช่วยตลอดเวลา”

เอลิยาห์ขมวดคิ้วให้กับบาดีที่กำลังหัวเราะเบาๆ ใบหน้าปลื้มปิติเช่นนั้นทำเด็กหนุ่มปั่นป่วนด้วยความอิจฉาจนยากจะอดกลั้น
แดริล ชายผู้เป็นเจ้าของชื่อนี้เคยเป็นรักแรกของเขาและเป็นพี่ชายต่างมารดานับตั้งแต่สี่ปีก่อนที่ชายคนนั้นจากไปยังชายแดน ทุกทุกครั้งที่ทหารส่งข่าวกลับมา พระราชบิดาซึ่งปกติเงียบขรึม ก็จะอารมณ์ดีเบิกบานไปตลอดทั้งเดือน ท่าทางอันไม่ปกติเช่นนี้เอง ทำให้เอลิยาห์ขุ่นเคืองจนแทบอยากร้องไห้

อิจฉา

คำคำนี้ ไม่อยากจะยอมรับมัน เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ ที่ตัวตนอันสมบูรณ์พร้อมของแดริลในใจของเขาถูกเปลี่ยนจากหลงใหลกลายเป็นริษยา

เอลิยาห์ต้องทนเจ็บปวดบ่อยครั้งที่ถูกผู้อื่นและพระราชบิดามองมาด้วยสายตาครุ่นคิด เด็กหนุ่มรู้แจ้งเห็นชัด แววตาเช่นนั้นกำลังสังเกตเปรียบเทียบเขากับแดริลอยู่ไม่ผิดแน่ๆ นี่ขนาดตัวตนของชายหนุ่มยังไม่ปรากฏในที่นี้ ก็ยังสามารถทำให้เอลิยาห์กลายสภาพเป็นคนไม่เอาไหนไปได้ในพริบตา

รู้ตัวดี ตัวเขานั้นไม่อาจสู้แดริลได้เลยในเรื่องทักษะการสู้รบ มีเพียงแค่มันสมองเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับชายผู้ยืนอยู่เหนือกว่าในความคิดของผู้คนซึ่งรู้จักเขากับแดริล โดยเฉพาะกษัตริย์บาดีผู้เป็นบิดา

“ท่านพี่แดริลจะกลับมาเมื่อไหร่หรือครับ?”

“อีกประมาณหนึ่งเดือน เรารอให้ถึงวันนั้นอยู่เช่นกัน”
สิ้นคำพูดกษัตริย์บาดีก็ไอโขลกๆไม่หยุด เอลิยาห์เห็นดังนั้นก็ออกคำสั่งให้หมอและหญิงพยาบาลพาพระราชบิดากลับไปพักยังห้องส่วนตัว

“อยู่จัดการคนเดียวได้ใช่ไหม?”

“แน่นอนครับท่านพ่อ”
เอลิยาห์ค้อมกายตอบรับอย่างงดงาม หลังจากพระราชบิดาจากไป เด็กหนุ่มก็ทำหน้าที่ในงานเฉลิมฉลองชัยชนะล่วงหน้าของแดริลต่อไป

ค่ำวันนั้น เนื่องจากงานพิธีกินระยะเวลายาวนาน เอลิยาห์ที่เหนื่อยล้าบอกปัดคำเชิญของข้าราชบริภารมากมายที่ชวนไปร่วมงานสังสรรค์ หากแต่ไม่สามารถหลีกหนีท่านอาอับหมัดน้องชายของพระราชบิดาของเขาได้ ในงานเลี้ยงท่านอาอับหมัดเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบก่อนจะวกเข้าหาเรื่องของกษัตริย์บาดีผู้เป็นพี่ชาย

“ได้ข่าวว่าท่านพี่พิจจารณาเรื่องตั้งรัชทายาทใหม่”
ประโยคคำพูดนี้วนเวียนอยู่ในหัวเอลิยาห์ เด็กหนุ่มครุ่นคิดถึงความนัยของคำพูดนั้น จนไม่มีสมาธิจะฟังคำกล่าวต่อมาของผู้เป็นอา

“ได้ยินหรือเปล่าเอลิยาห์ เจ้ากำลังจะสูญเสียตำแหน่งกษัตริย์ไปนะ”
เอลิยาห์หลุดจากความฟุ้งซ่าน คำพูดของท่านอาเปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงมาบนกลางกระหม่อม เด็กหนุ่มตระหนกมึนงงจนทำอะไรไม่ถูก

“เพราะเจ้าอ่อนต่อโลกเช่นนี้นี่แหละอาถึงเป็นห่วง อย่าลืมนะ อาสนับสนุนเจ้าตลอดอย่ายอมแพ้เสียล่ะ”
ผู้เป็นอาตักเตือนก่อนจะเดินจากไป ในตอนนั้นซาฟิลกับชาคาที่รอจังหวะอยู่นานก็เข้ามาชักชวนให้ไปยังห้องรับแขกเล็กๆข้างห้องจัดงาน

“พี่ได้ยินหมดแล้วนะ”
เอลิยาห์มองดูร่างสูงโปร่ง ซาฟิลยิ่งเติบโตก็ยิ่งงามสง่า ใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องไม่ว่าจะมองดูเสียกี่ครั้งก็อดรู้สึกชื่นชมไม่ได้

“ท่านซาฟิล”

ชาคาพยายามเอ่ยเตือน ผู้ติดตามผู้นี้มีอายุมากกว่าเจ้านายถึงสามปี ทุกครั้งที่ได้พบ เอลิยาห์ต้องประทับใจในความหล่อเหลาและฉลาดเฉลียว ยิ่งนานวันผ่านไปเด็กหนุ่มยิ่งรู้สึกว่า สมแล้วที่เป็นถึงบุตรชายของหัวหน้าราชองค์รักษ์ของพระราชบิดา

น่าเสียดายนัก ที่ตำแหน่งหน้าที่ของเขาจะหยุดลงแค่ผู้ติดตามของท่านพี่ซาฟิล ไม่สิท่านพี่ซาฟิลต่างหากซึ่งโชคดีได้คนมีฝีมือมารับใช้ใกล้ชิด

ความคิดเช่นนี้ ทำให้เอลิยาห์หวนนึกถึงเมื่อครั้งแดริลยังเป็นคนสนิทของตน เด็กหนุ่มปวดแปล๊บบริเวณกระเพราะขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน

“น้องเอลิยาห์จะยอมให้ลูกของผู้หญิงชั้นต่ำมาแย่ง ตำแหน่งกษัตริย์ที่ควรเป็นของเจ้าไม่ได้นะ”
ซาฟิลที่ฮึดฮัดเอ่ยคำพูดเป็นคำสั่งกลายๆ ท่าทางอันแสนเอาแต่ใจของลูกพี่ลูกน้อง ถึงจะน่ารำคาญอยู่บ้าง แต่เข้าใจดีถึงความห่วงใยเสมอมาที่ชายหนุ่มมีต่อเขา

“ถ้าท่านพ่อตัดสินใจอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้”

เขาโกหก ถึงจะแย้มยิ้ม แต่รู้ดีอยู่ว่าตนเองยึดติดกับตำแหน่งกษัตริย์มากมายแค่ไหน เนื่องจากถูกเลี้ยงดูมาโดยพร่ำบอกจากรอบข้างเรื่องที่ต้องเตรียมตัวรับผิดชอบอาณาจักรมาโดยตลอด

เอลิยาห์จึงมีความคิดยึดติดกับการขึ้นครองราชย์มากยิ่งกว่าผู้ใดจนแม้แต่ตัวเองยังตกใจ เพราะฉะนั้นจึงทำได้แต่เชื่อใจในความรักและเมตตาของพระราชบิดา เขาเชื่อว่ากษัตริย์บาดีไม่มีทางทอดทิ้งตนเองโดยการเปลี่ยนรัชทายาทอย่างแน่นอน

ดังนั้นจึงสามารถอ่ยประโยคคำพูดที่คล้ายกับพ่อพระออกไปได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ เอลิยาห์รู้ตัวดีว่าตนเองช่างตื้นเขินและถือดีเสียจริงๆที่มั่นใจถึงเพียงนั้น

“น้อยไปสิไอ้ลูกสวะ…เอ้ย…เจ้าแดริลมันคว้าชัยจากชายแดนมาได้ เจ้ารู้ไหมประชาชนกับขุนนางชื่นชมมันมากแค่ไหน”
ซาฟิลเอ่ยแย้งอย่างหัวเสีย ชาคาที่อยู่เบื้องหลังร่างสูงโปร่งถอนหายใจกับการไม่สามารถห้ามปรามผู้เป็นายไม่ให้ทำกริยาไม่งามออกไปได้

“ก็มันเป็นเรื่องถูกต้องที่ต้องชื่นชม ขนาดเรายังชื่นชมเลยนะท่านพี่ซาฟิล”

เอลิยาห์ยิ้มน้อยๆให้กับท่าทางเป็นฟืนไฟของซาฟิล กับอาการเหนื่อยหนายและหงุดหงิดของชาคา เด็กหนุ่มยิ่งมองก็ยิ่งเข้าใจในความสนิทสนมของน่ายบ่าวคู่นี้จนปลาบปลื้มแทนคนทั้งคู่อย่างจริงใจ

“ท่านพี่อย่าคิดมาก เราเสียอีกที่ต้องคิดมากกว่า”

“ก็เจ้าไม่คิดมากไง ข้าถึงได้เสนอหน้ามาบอกให้เจ้าคิด เอลิยาห์ข้าห่วงเจ้ามากนะ”

ซาฟิลลูบไล้มือมาบนใบหน้าของเอลิยาห์ร่างโปร่งแนบหน้าผากลงบนหน้าผากของคนตัวเล็กกว่าด้วยใบหน้าปวดร้าว
เอลิยาห์ยินดีกับการที่ได้รับความห่วงใยจนยิ้มแก้มปริ ทว่ารู้ตัวดีว่าชาคามองมาด้วยแววตาที่ไม่ใคร่ชอบใจเท่าไหร่นัก

คนสนิทผู้นี้มองยังไงก็รู้ว่าแอบหลงรักผู้เป็นนายอยู่

เอลิยาห์ผละออกจากซาฟิล

เด็กหนุ่มรู้ความจริงข้อนี้เมื่อสองปีก่อนในตอนที่ชาคาแสดงอาการไม่พอใจบ่อยครั้ง ถึงขั้นขัดขวางไม่ให้ซาฟิลเข้าใกล้เขาในเวลาที่มาพบปะสุงสิงหรือนัวเนียด้วย

ชาคาแสดงออกชัดถึงเพียงนั้น ถึงชายหนุ่มจะพยายามเก็บอาการ แต่ผู้มีประสบการณ์ความรักมาแล้วอย่างเขา แม้จะแค่นิดเดียวและไม่สมหวัง หากแต่ไม่จำเป็นต้องคิดให้มากความยังสามารถเข้าใจได้ในความต้องการที่ซ่อนอยู่

น่ายินดีจริงๆที่ชาคาได้รับการยกเว้นการตัดอวัยวะเพศ เพราะว่า เขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของหัวหน้าราชองครักษ์และเข้ามารับใช้ในตอนที่ท่านแม่ของซาฟิลได้เสียชีวิตลงไป

“เอ้อดูสิ เจ้าไม่เครียดเรื่องนี้ซักหน่อยเหรอ”
ซาฟิลที่อิดเอือนจากการถูกเอลิยาห์ดันออกเบาๆเอ่ยถาม

“ตอนนี้ยังไม่คิด ท่านพี่อย่าไม่สบายใจไป เราอยากกลับไปพักผ่อนแล้ว”

เอลิยาห์เอ่ยปัดสั้นๆก่อนผละจากไป ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอึดอัดใจของซาฟิลทำให้เขากังวลนิดๆ หากแต่พอมองไปยังชาคาซึ่งกระตุกยิ้มมุมปาก เด็กหนุ่มก็อารมณ์ดีขึ้นมาจนแทบจะลืมเรื่องเครียดไปจนหมด
จากนั้นเวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ อาการของกษัตริย์บาดีทรุดหนักลงกะทันหัน หมอหลวงหลายคนต่างลงความเห็นว่าน่าเป็นห่วง

“ท่านพ่อ”
เอลิยาห์กลั้นเสียงสะอื้นขณะที่เฝ้าอาการอยู่ข้างเตียงของกษัตริย์บาดี แต่คนป่วยนอกจากจะไม่หวาดกลัวต่อความตาย ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความสุขุมงดงามประหนึ่งเทพบุตรผู้ไม่มีทางเสียชีวิตจากโรคภัยใดใด

“แดริลใกล้จะกลับมาหรือยัง”
เอลิยาห์ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจนัก ทว่าความเสียใจทำให้ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งขัดหูได้ตามใจต้องการ

“ทหารม้าส่งข่าวมาว่าอีกครึ่งเดือนก็จะมาถึงครับ”

“อย่างนั้นหรือ”
กษัตริย์บาดีระบายลมหายใจแล้วหลับตาพริ้มพักหนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นเอ่ยคำสั่งกับมหาดเล็กประจำตัว

“ไปตามอับหมัดมา”

“ขอรับ”
เอลิยาห์ปลายมองมหาดเล็กรับคำและผละจากไป เด็กหนุ่มทสงสัยเหลือเกิน พระราชบิดาต้องการจะคุยอะไรกับท่านอาทั้งที่กำลังป่วยหนัก

“ท่านพ่อ…”

“กลับไปได้แล้วเอลิยาห์”

เอลิยาห์เอ่ยลาอย่างอิดออด ขณะที่เดินกลับไปยังพระราชวังของตน ก็เกิดความไม่สบายใจจนแทบทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

เอลิยาห์น้อยใจที่ถูกกีดกัน เข้าใจว่ามีเรื่องต้องปกปิดเอาไว้ไม่ให้เขารู้ แต่ข่าวลือจากขุนนาง เกี่ยวกับเรื่องนี้ยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า ลูกพี่ลูกน้องอาจถูกท่านอาห้ามไม่ให้มาหาเขาแล้วพูดเกี่ยวกับเรื่องที่รู้มา

เขาถอนหายใจขณะนั่งตรวจรายรับรายจ่าย ที่ข้างๆยูซุฟเลิกคิ้วอย่างกังขา แต่ไม่ได้เอ่ยถามผู้เป็นนาย ซึ่งการทำเช่นนั้นเป็นเรื่องถูกต้องเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ชายผู้นี้คอยรับใช้เอลิยาห์มา

“ฝ่าบาท”

“อะไร”
เอลิยาห์ปลายตามองยูซุฟที่ทำท่าพินอบพิเทา

“จะไม่จัดการอะไรกับเจ้าแด…เอ่อ..ท่านพี่เลยหรือครับ”

“ให้จัดการอะไร?”

“ก็อย่างเช่น”
ยูซุฟใช้นิ้วปาดลำคอของตนบอกความนัย เอลิยาห์หงุดหงิดกับท่าทางเช่นนั้น หากแต่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าและท่าทาง

“อย่าไร้สาระน่า”

“ไม่ไร้สาระหรอกครับ พวกเรารับใช้ฝ่าบาทมานาน หากท่านไม่ได้ครองราชย์ เราก็เจ็บปวดไปกับท่าน หวงแหนสิ่งที่เป็นของท่านเถอะครับ”

ยูซุฟทำหน้าเศร้าๆก่อนจะคำนับแล้วขอตัวนำเอกสารไปเก็บ จากนั้นเอลิยาห์ก็ครุ่นคิดเพียงลำพังถึงอนาคตหากไม่ได้รับตำแหน่งกษัตริย์ ยิ่งคิดก็ยิ่งมองไม่ออก ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นจริงเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในฐานะอะไร

เป็นเชื้อพระวงศ์คอยเที่ยวเล่นไปวันวันอย่างนั้นหรือ

ไม่ ทำไม่ได้

เด็กหนุ่มถูกสอนมาให้ต้องรับผิดชอบผู้คนมากมายตั้งแต่ยังเด็กเพราะฉะนั้นจึงเชื่อมั่นในอนาคตที่ตนจะได้เป็นกษัตริย์ด้วยความตั้งใจอันไม่สั่นคลอน

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

นิยายช่วงหลังเราไม่มีดราม่านะคะ

หากใครอยากเสพคงต้องผิดหวัง55555

คนเม้นไม่ค่อยมีเลย เม้นเรากันบ้างนะคะ

เราของร้อง
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 13<26/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: toonnie11 ที่ 26-08-2015 19:36:16
ส่งกำลังใจจ้า รออ่านตอนต่อไป o13 o13
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 13<26/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 26-08-2015 21:06:44
เจ้าชายน้อยจะตัดสินใจยังไง แดริลกลับมาจะเปลี่ยนไปขนาดไหน
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 13<26/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 27-08-2015 07:18:31
ไม่มีดราม่าน่ะดีแล้วว
รอตอนหน้าา
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 13<26/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 27-08-2015 15:33:46
เอาละ ยาวหน่อยนะครับ...

เรื่องนี้เป็นวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์ ผมชอบนะ เพราะการหาวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์ที่มีพล็อตดีๆค่อนข้างหายาก

ข้อชมข้อแรกครับ คนเขียนหาข้อมูลมาดี ผมคิดว่าพื้นเรื่องน่าจะอยู่แถบตะวันออกกลาง ในแถบลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส ระยะเวลาน่าจะช่วงก่อนคริสตศักราช ซึ่งช่วงนั้นมีการก่อกบฏขึ้นมาด้วยค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี ต้องตินิดนึงว่าข้อมูลแบ็คกราวน์ยังมีไม่มาก ทำให้เห็นภาพได้ไม่ชัดเจนถึงวัฒนธรรมของสังคม (เรื่องที่น่าลองอ่านเป็นตัวอย่างคือ Journey of Nargal ในเล้าครับ เรื่องนี้มีการแทรกแบ็คกราวน์ที่ดี)

ที่อยากให้มีแบ็คกราวน์ข้อมูลด้านสังคม เพราะจะทำให้เราเห็นภาพของสังคมในยุคนั้นชัดเจนขึ้นครับ ส่วนตัวแล้ว ผมไม่อยากให้อิงประวัติศาสตร์มากนักในด้านเนื้อเรื่อง แต่อยากให้อิงในด้านของกรอบสังคม วัฒนธรรม และการดำเนินเรื่องเสียมากกว่า เพราะถ้าเราเอาตัวละครที่เราสร้างขึ้นเข้าไปป่วนในประวัติศาสตร์โลกจริงๆ มันจะดูไม่ดีในทางโบราณคดี เราจะถือว่าเป็นการหมิ่นประวัติศาสตร์และไม่ให้เกียรติชนชาตินั้นๆครับ

ที่ติไว้เพราะว่าชื่อของพระเอกค่อนข้างกำกวมครับ ดาริล ผมไม่ทราบว่าดาริลจะได้เป็นกษัตริย์จริงๆไหม แต่ถ้าได้เป็น ชื่อที่คุ้นหูผมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ตะวันออกกลางคือ ดาริอุสที่ 1 ผู้ที่ขึ้นครองราชย์จักรวรรดิเปอร์เซียต่อจากจักพรรดิองค์ก่อน พระเจ้าแคมบีซีส เนื่องจากพระเจ้าแคมบีซีสสวรรคตลงอย่าง 'เป็นปริศนา' ที่อียิปต์ ดาริอุสที่ 1 ได้รับการชื่นชมว่าเป็นนักปกครองที่ดีเยี่ยม ซึ่งไม่ตรงกับคาแรกเตอร์ของดาริลเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นผมจะไม่มองว่าสองคนนี้เป็นตัวละครเดียวกันนะครับ

ในด้านการบรรยายและการใช้ภาษา ผู้เขียนทำได้ดีมากแล้วนะครับ ใช้ภาษาเหมาะสม มีการแทรกความคิดของตัวละครลงไป ด้านคำบรรยายความรู้สึกอาจจะยังไม่ถึงใจ อาจต้องเพิ่มอรรถรสอีกนิด จุดที่จะติคือยังมีคำผิดนะครับ รบกวนตรวจเช็คด้วยเพื่อความลื่นไหลในการอ่าน นอกจากนี้ อยากให้ระวังการเว้นวรรคและเว้นบรรทัดด้วย ในช่วงบทแรกๆค่อนข้างมีบรรทัดที่ติดกันเยอะ (ช่วงอธิบายกฏเกณฑ์ในวัง) ทำให้บางส่วนที่น่าจะอ่านได้สบายตากว่านี้ กลับติดกันเป็นพรืดไปหมด ทำให้คนอ่านบางคนสายตาล้าครับ

ทีนี้มาถึงพล็อต ถ้าพิจารณากันเฉพาะในกรอบที่ตัดประวัติศาสตร์ทิ้ง ผมชอบเรื่องนี้มากนะครับ แต่จำเป็นต้องดูพล็อตต่อไป ในที่นี้จะขอพูดในด้านการวิเคราะห์เท่านั้น

พิจารณาจากชื่อเรื่อง ‘รักต้องห้าม’ ชื่อก็น่าสนใจดีมาก (สำหรับนักอ่านที่เพิ่งเริ่มอ่าน Dashuria เป็นภาษาอัลบาเนียนะครับ แปลว่าความรัก) แต่ทีนี้คือต้องห้ามยังไง? ใครรักกับใคร? อันนี้มีความละเอียดเชิงประวัติศาสตร์ที่คนเขียนจำเป็นต้องวางพล็อตให้ดีครับ เพราะถ้าทำออกมาแย่ ก็จะเป็นอย่างที่ผมบอกไปด้านบน จะเข้าข่ายหมิ่นประวัติศาสตร์ครับ

ตัวละครแรก ดาริล ดาริลเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง แถมแนวโน้มของเขามาแบบ Heroic มาก คือเริ่มต้นด้วยชาติกำเนิดต่ำต้อย แต่เนื้อเรื่องผลักดันให้เขาขึ้นเป็นวรรณะชั้นสูง ทุกอย่างอวยเขาเต็มที่ ดาริลจึงจะเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง ความเกลียดชัง พละกำลัง ความเด็ดขาดและไร้ปราณี ไร้เมตตา ถ้ามองในมุมผม เขาเป็นตัวแทนของบาป Wrath ได้เป็นอย่างดี เขาไม่เคยมองโลกสวยงาม เป็นพวกเหยียดโลกและคิดว่าข้าเก่งที่สุด ข้อดีของคนแบบนี้คือจะไม่ยอมแพ้ในชีวิตและอุปสรรคต่างๆครับ แต้ข้อเสียคือจะเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไปตลอดเวลา จะไม่เคยได้รับความสุขเพราะไม่มีคนรอบข้างทนอยู่กับเขาได้ เพราะดาริลถอยไม่เป็น ดาริลก้มหัวไม่เป็น เขามองภาพลักษณ์ระยะยาวไม่เห็น จึงเป็นสาเหตุที่ไม่มีทางที่จะเรียนรู้สันติภาพ

ตัวละครที่สอง คือเอลียาห์ ที่น่าสนใจคือเอลียาห์เป็นชื่อที่มีความหมายในทางศาสนาคริสต์ครับ คำว่าเอลียาห์ไม่มีคำแปลตรงตัว แต่มีความหมายว่าผู้เผยแพร่วัจนะของพระเจ้า หรือจะเรียกว่าเป็น ประกาศก(Prophet) ก็ได้ การตั้งชื่อแบบนี้ซ่อนนัยยะทางบุคลิกภาพค่อนข้างชัดเจนมาก และทำให้ผมคิดว่าผมชอบตัวละครนี้มากนะครับ การเรียกเอลียาห์ว่าเทวฑูตก็เหมาะสมดีกับบุคลิกของเขา เอลียาห์เป็นตัวแทนบุคลิกของความดีงาม ของการเปลี่ยนแปลงโลกที่โสมมขึ้นให้เป็นโลกที่ดีกว่าเก่า ในพระคัมภีร์ เอลียาห์เป็นเพียงหนึ่งในสามคนเท่านั้นที่พบกับพระพักตร์ของพระเจ้าตัวต่อตัว (ทั้งสามคือ โมเสส เอลียาห์ และเยซู) และมีความเด่นชัดที่สุดในด้านของความเมตตากรุณา

ทีนี้ มาถึงพล็อตเรื่อง เท่าที่ผมเห็น(ตอนที่ 13)ก็มาแนวประวัติศาสตร์ทั่วไป แต่คิดว่าผู้เขียนน่าจะมีมุมมองของพล็อตเรื่องที่มีมิติพอสมควร เพราะการอวยให้ดาริลขึ้นๆๆไปเป็นกษัตริย์ ผมว่ามันค่อนข้างไร้สาระเกินไปหน่อย และเอลียาห์ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินเรื่องเช่นกันครับ ดาริลมองเอลียาห์เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ แต่ดาริลเองนั่นแหละที่กำลังแปดเปื้อนเอลียาห์จากความทะเยอทะยานของตนเอง ที่เอลียาห์อิจฉา นั่นก็เพราะดาริล ที่เอลียาห์หึงหวง นั่นก็เพราะพฤติกรรมดาริล ดาริลมองอะไรไม่เห็นนอกจากความอยากของตนเอง อีกทั้งยังแก้ปัญหาโดยคำนึงถึงคนอื่นไม่เป็น จึงทำให้มองภาพรวมและความสุขของประชาชนไม่เห็น และเป็นผลให้สุดท้ายจะต้องเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไป เพราะดาริลเป็นคนที่ทรยศเอลียาห์เองตั้งแต่ต้น นี่เป็นท้องเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปตามประวัติศาสตร์ครับ เห็นได้ชัดที่สุดคือกรณีของมาร์คัส บรูตัส ที่ทรยศจูเลียส ซีซาร์ และสุดท้ายก็ต้องฆ่าตัวตาย

เอลียาห์มีคุณสมบัติที่ดีที่สุดในการขึ้นครองราชย์ เพราะเอลียาห์เข้าใจประชาชน เอลียาห์เข้าใจความสุขและความทุกข์ของมนุษย์ นี่เป็นบุคลิกที่สังเกตเห็นได้ตั้งแต่ตอนแรกที่เขาเก็บดาริลเข้ามา เอลียาห์เป็นเด็กที่มองเห็นภาพรวม เขามองจากมุมของชนชั้นสูงและเรียนรู้ว่าวิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนจะต้องทำอย่างไร แต่เรื่องนี้แบบนี้ทำคนเดียวไม่ได้ครับ เอลียาห์ขาดพละกำลัง และคนที่มีมันคือดาริล แต่ดาริลเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ไม่แตกต่างจากฟาซิมหรือหัวหน้ามหาดเล็ก เพียงแค่องค์ประกอบด้านร่างกายแตกต่างกันเท่านั้น ดาริลเป็นทหารที่ดี เป็นแม่ทัพที่ดี แต่จะไม่มีวันเป็นผู้ปกครองที่ดี

ถ้าถามว่าในประวัติศาสตร์จริงๆ ต่อให้ผู้ปกครองเก่งมากขนาดไหน แต่ถ้ามีสีผิว สีตา หรือสีผมแตกต่างจากประชาชน สังคมจะไม่ยอมรับกษัตริย์องค์นั้นอย่างแน่นอนครับ สมมุติว่าดาริลได้รับการแต่งตั้ง ต่อให้เป็นการแต่งตั้งจากกษัตริย์ จราจลจะลุกฮือ กบกฏจะเกิดขึ้นทุกหนแห่งและจะเข้ากับรัชทายาทที่ถูกต้องชอบธรรมในสายตาประชาชน (ในที่นี้คือเอลียาห์) ทั้งนี้เพราะมันเป็นพื้นฐานทางจิตวิทยาในการสร้างความแตกต่างของมนุษย์ครับ ถ้าแค่รูปลักษณ์แตกต่าง ประชาชนจะมองว่ากษัตริย์แตกต่าง เป็นคนที่ไม่เข้าใจและไม่มีทางเข้ากับพวกเขาได้ และเมื่อใดที่กษัตริย์ทำผิดพลาด จะเกิดการลุกฮือขึ้นตลอดเวลา สังคมจะไม่มีความสงบ และเป็นปัญหาให้อาณาจักรรอบข้างเข้ามารุกรานตลอดเวลา ยิ่งกับเอลียาห์ที่มีคุณสมบัติครบพร้อมทั้งหมด เอลียาห์จะยิ่งได้แรงหนุนจากประชาชนทั่วอาณาจักรมากขึ้น

โดยทั่วๆไปแล้วเรื่องนี้มีพื้นเรื่องที่น่าสนใจครับ และน่าติดตามมากว่าจะดำเนินเรื่องไปทางใด ส่วนตัวผมเชียร์เอลียาห์นะ เพราะเอลียาห์มีคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในการปกครองครับ เขามีความเสียสละ ความเมตตากรุณา เห็นถึงจิตใจที่ลึกที่สุดของมนุษย์และกล้าที่จะให้อภัย แต่เอลียาห์จำเป็นต้องมีแม่ทัพที่ดี ต้องมีเสนาธิการและที่ปรึกษาที่ดีครับ ไม่ฉะนั้นไม่สามารถปกครองรอดในสมัยนั้น (ในยุคโบราณ อาณานิคมที่รุ่งเรืองที่สุดคือสมาพันธ์กรีกครับ สามารถต่อต้านและสกัดการรุกรานของเปอร์เซียได้ทั้งหมด เพราะมีเอเธนส์เป็นหัวสมองและมีสปาร์ต้าเป็นมือเท้า แต่กลับล่มสลายเพราะตีกันเองครับ)
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 13<26/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: schommanee ที่ 01-09-2015 01:06:47
โดยส่วนตัวชอบการบรรยาย การใช้ภาษา และ คำผิดที่น้อยมากของนักเขียนคะ บางตอนอ่านแล้วเราหน่วงๆในใจชอบกล งานโดยรวมเราว่าเนื้อเรื่องมันก็ไม่ใช่ว่ามาม่า ปลากระป๋อง น้ำตานองอะไร แต่ไม่รู้ซิ เนื้อเรื่องมันหน่วงเหมือนติดค้างอยู่ในใจชอบกล เป็นงานที่อ่านได้เรื่อยๆ ชวนติดตามคะ

เข้ามาคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้นักเขียน เขียนต่อไปนะคะ เรารออ่าน และ ตามอยู่คะ :)
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 13<26/8/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 01-09-2015 19:03:50
ตอนที่ 14

ข่าวลือหนาหูทำให้เอลียาห์แทบไม่มีความสุข ตลอดหนึ่งเดือนที่เหลือ เด็กหนุ่มนับวันรอการกลับมาของแดริลอยู่ทุกวันคล้าบกับกำลังนับวันที่ตนเองจะต้องเข้าสู่หลักประหาร

ข่าวคราวที่ได้ยินมาล้วนแล้วแต่ทำให้เอลียาห์หวาดวิตก บ้างก็ว่าจะให้ปลดเขาออกจากตำแหน่งรัชทายาทแล้วแทนที่โดยแดริล บ้างก็ว่าจะให้อับหมัดเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไม่ว่าเรื่องไหนๆก็ทำให้ปวดเศียรปวดกระเพราะได้พอพอกัน

ทุกวันนี้ เด็กหนุ่มถูกความเครียดเล่นงานจนแทบจะกลืนอาหารลงคอไม่ได้ ร่างกายผ่ายผอมลงไปทุกวัน ทั้งอย่างนั้นผู้คนรอบตัว กลับชื่นชม ในความงามตราตรึงที่มากับความเศร้าโศกของเขาโดยไม่คิดจะเข้าใจที่มาที่ไปเลยซักนิด

“งดงามอะไรกัน อมโรคสิไม่ว่า”

เอลียาห์ที่นั่งเท้าคางอยู่ริมหน้าต่างถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ในตอนนั้นเสียงแตรอันเป็นสัญญาณทางทหารก็ดังกังวาลไปทั่วบริเวณ

เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนด้วยความสงสัย ขณะที่ก้าวเดินตามเสียงแตรไปยังพระราชวังซึ่งเป็นที่พำนักของพระราชบิดา ก็พบกับขุนนางและข้ารับใช้มากมาย คนเหล่านั้นถึงจะแสดงความเคารพนบนอบ แต่ก็มองด้วยสายตาสอดรู้และเวทนาอย่างเห็นได้ชัด

เอลียาห์กังวลและหดหู่จนแทบนึกไม่ออกว่าตนเองไล่ตามเสียงแตรมาเพื่ออะไร ไม่นานนัก เมื่อมาถึงที่หมาย เด็กหนุ่มเห็นทหารจำนวนมากถือธงอันมีสัญลักษณ์ไม่คุ้นตาเดินแถวเข้ามา ธงที่ปลิวไสวจำนวนมากมีรูปเทวทูตซึ่งแยกเพศไม่ได้ประดับอยู่ เขาเหม่อมองดูรูปบนธงด้วยความเผลอไผล จนพบกับแดริลซึ่งขี่ม้าผ่านหน้าไปอย่างเย็นชา

‘แดริลจะเห็นเขาหรือเปล่านะ’

ส่ายหน้ากับความคิดของตนไปมา ขณะเริ่มรู้สึกดีที่อีกฝ่ายไม่เข้ามาทักทายตามที่ใจต้องการแต่แรก

‘เจอหน้ากันตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร’

เหยียดยิ้มขมขื่นพร้อมกับครุ่นคิดเรื่องที่ทำไมถึงไม่รู้หมายกำหนดการกลับล่วงหน้าของแดริล ในเมื่อตนเองอยู่ในตำแหน่งที่น่าจะรู้เรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆ

‘มีใครสั่งให้ปิดบังเขาอย่างนั้นหรือเปล่า’

เอลียาห์คิดว่าคนที่ทำเช่นนั้นได้มีแต่กษัตริย์บาดี แต่จะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ พอตัดสินใจได้ก็หมุนตัวกลับ ตั้งใจจะไปพบพระราชบิดา ทว่ามหาดเล็กประจำตัวของกษัตริย์ก็นำคำสั่งเรียกตัวมาแจ้งให้ทราบเสียก่อน เด็กหนุ่มดีใจมากที่ได้เข้าพบโดยไม่ต้องหาข้ออ้างให้มากความ

“สบายดีหรือครับท่านพ่อ”

กษัตริย์บาดีพยักหน้าตอบเอลียาห์ซึ่งตอนนี้ยืนอยู่ข้างเตียง ก่อนจะหันหน้าไปพูดคุยกับพวกขุนนาง ช่วงเวลาแห่งการรอคอยนั้นยาวนานพอพอกับที่ต้องทนรับสายตาของขุนนางผู้ใหญ่ซึ่งยืนรายล้อม พระราชบิดาที่นอนสั่งงานบนเตียง

‘มองแบบนี้ทำไมกันนะ’

เอลียาห์พยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติ หากทว่าม่ามารถห้ามความรู้สึกลบของตนออกไปได้เสียที ยิ่งเวลาผ่านไป เด็กหนุ่มยิ่งอึดอัดกับสายตาทุกคู่ที่มองมา จนสุดท้ายกลายเป็นความหวั่นกลัวจนแทบอยากร้องตะโกนอย่างคนเสียสติ ในตอนนั้น มหาดเล็กของพระราชบิดาก็เอ่ยขานชื่อแดริลผู้มาขอพบต่อหน้าเหล่าขุนนาง

“ให้เข้ามาได้”

ท่าทางกระตือรือร้นของกษัตริย์บาดีทำให้เอลียาห์ริษยาจนแทบบ้า ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก เด็กหนุ่มเข้าใจดีถึงลักษณะนิสัยของพระราชบิดา

กษัตริย์บาดีชื่นชอบคนมีความสามารถ บ่อยครั้งที่มักเข้มงวดกับการศึกษาและทักษะของเขาจนเรียกได้ว่าจับจด นอกจากนั้นมีหลายครั้ง ที่มักพูดเปรยว่าเขามีจิตใจเมตตาแต่กลับอ่อนแอ คงเป็นเรื่องยากที่จะปกครองผู้คนท่ามกลางเล่ห์กลของราชสำนัก

เอลียาห์คิดค้านคำปรามาสของพระราชบิดาอย่างสุดกำลัง ในขณะที่ถูกบอกให้ลองทำตามที่คิดดูให้ถึงที่สุด กษัตริย์บาดีก็เอาแต่ยิ้มเศร้าๆไปด้วย

ด้วยคำพูดเช่นนั้น ทำให้เอลียาห์พยายามและยึดติดอย่างมากที่จะทำให้ได้เป็นที่ยอมรับ แน่นอนกษัตริย์บาดีมีรอยยิ้มยินดีทุกครั้งกับการที่เขาคืบหน้าเข้าหาความสมบูรณ์พร้อม หากแต่พอแดริลปรากฏตัวพระราชบิดาก็ผิดแผกไปอย่างเห็นได้ชัด

‘สิ้นหวังกับเขาเพราะมีตัวเลือกที่ดีกว่าอย่างนั้นหรือ? ท่านพ่อใจร้ายกับเราถึงเพียงนั้นเชียว’

เอลียาห์มีสีหน้าสลดลงเมื่อเห็ร่างสูงสง่ากำยำตรงเข้ามายืนข้างๆตนตามเสียงเรียกของกษัตริย์บาดี

“ไม่ได้พบกันเสียนานนะท่านเอ…เอ่อ..น้องเอลียาห์”

ยิ้มเจื่อนกับคำทักทายของแดริล ท่าทางของชายหนุ่มที่ประหม่าเล็กน้อยขณะพยายามแก้ไขประโยคคำพูด เด็กหนุ่มชื่นชมในความภักดีของคนเคยเป็นข้ารับใช้ ก่อนจะอึดอัดใจเล็กๆเมื่อเห็นแววตาและรอยยิ้มซึ่งแสดงถึงความเหนือกว่าของพี่ชายต่างมารดาที่คล้ายว่าจะมีให้แก่เขา

“เอ่อ…สบายดีหรือครับท่านพี่”

เอ่ยถามอึกอัก วินาทีนั้นแดริลมีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อยแล้วยิ้มกว้างอย่างผู้มีชัย จนเอลียาห์กัวลไปพร้อมๆกับไม่ชอบใจในรอยยิ้มที่ช่างยโสของคนตรงหน้า

“เราสบายดีน้องเอลียาห์”

แดริลโปรยยิ้มทรงเสน่ห์มาให้ หากเป็นเมื่อก่อน เอลียาห์คงใจเต้นตึกตัก แต่เมื่อผ่านไปถึงสี่ปี บวกกับภาพลักษณ์อันแสนโอหังเมื่อครู่ทำให้เขามองอีกฝ่ายในลักษณะติดลบ

“ทักทายกันพอแล้ว”

เอลียาห์กับแดริลยืนตัวตรงรับคำสั่งของพระราชบิดาซึ่งแย้มยิ้มไม่หุบ อารมณ์อันเบิกบานของกษัตริย์ เอลียาห์ผู้เป็นบุตรดีใจที่ได้เห็นหากแต่ก็น้อยใจพอพอกัน เมื่อรู้ว่าผู้เป็นพระราชบิดาดีใจเพราะเหตุใด

“เข้ามาใกล้ๆทั้งสองคน”

เอลียาห์กับแดริลขยับเข้าไปใกล้ เสียงหัวเราะน้อยๆของพระราชบิดา เด็กหนุ่มมีความสุขตามไปด้วยจนลืมเลือนความริษยาที่มีต่อแดริล

“ดีมาก เจ้าทำหน้าที่ได้ตามข้าหวังเอาไว้ได้ดีมากแดริล”

เอลียาห์ขมวดคิ้วเมื่อพระราชบิดาคว้ามือของแดริลไปกุมแล้วลูบเบาๆ ทันที่ที่กษัตริย์ปล่อยมือของคนที่ตนอิจฉา เด็กหนุ่มก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างลืมตัว โชคยังดีที่ไม่มีใครในนั้นสนใจเขาเลยซักคน

“ทุกคนฟัง”
กษัตริย์บาดีพูดด้วยเสียงดังที่สุดเท่าที่ร่างกายจะอำนวย

“นับจากนี้เราจะให้แดริลบุตรชายคนโตของเราเป็นผู้สืบทอดและเตรียมเข้าสู่พิธีครองราชย์ ระหว่างที่ข้ายังไม่ตาย ขอให้ขุนนาง
ทั้งหมดป่าวประกาศออกไปและเตรียมงานพิธีให้พร้อม”
เอลียาห์ตกใจจนแข็งค้าง หลังสิ้นคำพูดของกษัตริย์ ขุนนางรอบตัวก็คัดค้านแทบจะในทันที

“เงียบ”

เอลียาห์และทุกคนในห้องยกเว้นกษัตริย์กับแดริลสะดุ้งตกใจ อับหมัดผู้ออกคำสั่งกวาดมองดูเหล่าขุนนางด้วยแววตาคมกริบก่อนจะเอ่ยต่อไปด้วยเสียงนุ่มนวล

“นี่เป็นเรื่องที่ข้ากับท่านพี่เห็นพ้องต้องกัน พวกเจ้าทำตามคำสั่งก็พอแล้ว”

เมื่อเสาหลักอีกต้นของอาณาจักรเอ่ยสั่ง เหล่าขุนนางจึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับ หากมีแค่เอลียาห์เท่านั้นที่ไม่ยอมเข้าใจเรื่องซึ่งเกิดขึ้นอย่างกระทันหันนี้ง่ายๆ

“มันเรื่องอะไรกันครับท่านพ่อ”
เอลียาห์เค้นเสียงถาม กษัตริย์บาดีออกปากไล่พวกขุนนางให้กลับไปแล้วหันมาสบตากับผู้เป็นบุตรด้วยท่าทีเคร่งขรึม

“เจ้ามีเมตตาต่อประชาชนก็จริงนั่นเป็นข้อดี”
เอลียาห์สูดลมหายใจเข้าลึก เขาอัดอั้นตันใจระหว่างที่รอคอยให้พระราชบิดาเอ่ยคำพูดต่อ

“แต่เจ้าไร้เดียงสาเกินกว่าจะปกครองผู้คนที่ต่างคนต่างก็มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ในจุดนั้นแดริลเหมาะกว่าเจ้ามาก”
กษัตริย์บาดีเว้นระยะคำพูด ดวงตาคมสังเกตเห็นมือสองข้างที่กำเข้าหากันแน่นของเอลียาห์

“เราอยากให้เจ้ามีความสุขนะ”

เอลียาห์หลั่งน้ำตาออกมาในทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยคนั้น

‘พระราชบิดาอยากให้เขามีความสุข’

เอลียาห์รู้ดี การปกครองคนไม่ใช่เรื่องง่าย การได้เป็นเชื้อพระวงศ์ธรรมดา ใช้ชีวิตเหนือผู้คนโดยไม่ต้องรับผิดชอบมากมายนัก อาจเป็นความสุขอย่างแท้จริง ทว่าความต้องการสูงสุดของเขาคือการเป็นที่ยอมรับจากพระราชบิดา
ดังนั้นการถูกปฏิเสธและเลือกแดริลมาแทนที่ จึงทำให้ทุกข์ทรมาณเสียจนไม่แน่ใจว่าน้ำตาที่หลั่งออกมาเป็นน้ำตาแห่งความสุขหรือความผิดหวังกันแน่

“คอยช่วยเหลือเคียงข้างแดริลที่ครองราชย์รับเรื่องลำบากแทนเจ้าเถอะนะ”

กษัตริย์บาดีคว้ามือเอลียาห์ที่กำแน่นมาลูบปลอบโยน เด็กหนุ่มถึงแม้จะผงกหัวยอมรับว่าง่าย แต่ในใจก็ปฏิเสธไม่ได้เรื่องที่นึกชิงชังแดริลอยู่ในส่วนลึก

“อยู่ช่วยงานแดริลนะเอลียาห์”

“เข้าใจแล้วครับท่านพ่อ”
เอลียาห์ปาดน้ำตาบนใบหน้าก่อนจะมองดูพระราชบิดาฝากฝั่งตัวเขาเอาไว้กับแดริล

“ปกครองบ้านเมืองให้ดีแล้วดูแลน้องอย่าให้ลำบาก”

“ข้าให้คำมั่นสัญญาครับ ข้าจะดูแลน้องเอลียาห์อย่างดี”

ท้ายประโยคคำพูดแดริลหันมายิ้มให้เอลียาห์ เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มเกิดความคิดร้ายๆ อย่างเช่นอยากจะเล่นงานคนตรงหน้าให้เผยอยิ้มไม่ออก แต่ในความเป็นจริงก็ไม่ได้ลงมือทำ

เอลียาห์เมื่อรอจนพระราชบิดานอนหลับก็ขอตัวกลับไปยังที่พักของตนหากแต่ถูกแดริลเรียกเอาไว้เสียก่อนตรงหน้าห้องหลังจากที่ชายหนุ่มเดินไล่หลังมา

“มีอะไรหรือครับ”
เอลียาห์ที่ถูกเรียกยืนประจันหน้ากับแดริลซึ่งส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้

“แค่อยากดูหน้าน้องเอลียาห์ให้ชัดๆเท่านั้น”

“เห็นชัดพอหรือยังครับ เราจะกลับที่พัก”
เอลียาห์หมุนตัวกลับโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ ทันใดนั้นข้อมือของเขาก็ถูกกระตุก ร่างทั้งร่างถูกจับหมุนให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของแดริล

“ทำอะไรน่ะ? เราไม่ชอบนะ”

เอ็ดไปด้วยท่าทางลนลาน แต่ทั้งที่ถูกมองด้วยแววตาไม่ไว้วางใจถึงเพียงนี้ แดริลก็หาได้สนใจ เอลียาห์ถูกร่างสูงใหญ่ใช้มือเชยคางให้เงยหน้าขึ้น

“เจ้ายังงดงามเหมือนที่ข้าจำได้”
คนถูกชมหน้าแดงซ่าน ในตอนนั้นมหาดเล็กของพระราชบิดาก็เรียกตัวให้แดริลไปพบกับอับหมัดที่ยังไม่ออกมาจากห้อง

“เข้าใจแล้ว”

แดริลเอ่ยกับมหาดเล็ก มือใหญ่ยังคงลูบไล้แก้มเนียนของเอลียาห์อย่างไม่ยอมเลิกง่ายๆ จนเมื่อเด็กหนุ่มทนไม่ไหวก็เอ่ยตักเตือนชายหนุ่มให้รีบไป แดริลจึงค่อยๆผละกายจากลาด้วยรอยยิ้มอันงดงามจนเขาแทบใจเต้น

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

อ่าหายไปหลายวัน

อย่างที่บอกนิยายช่วงหลังเราไม่เน้นดราม่านะคะ

เราเน้นไปที่การสานสัมพันธ์ระหว่างแดริลกับเอลียาห์ค่ะ

ถ้ายังไงก็เม้นเรากันบ้างนะคะ

คนเขียนอยากได้เม้นใจแทบขาด :hao5:

รักคนอ่านค่ะ ถึงจะไม่สนุกไม่อยากเม้นแต่ติดตามอ่านนิยายเราไปจนจบทีนะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 14<1/9/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 01-09-2015 20:26:37
อยากรู้ว่าแดริลคิดจะทำอะไรกันแน่...
รอตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 14<1/9/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 01-09-2015 23:32:13
คือชอบเรื่องนี้มากอ่ะเป็นกำลังใจ. มาต่อเร็วๆนะ :L2:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 14<1/9/58><p 2>
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 02-09-2015 07:30:32
ใครบอกไม่ดร่าม่าคะคนเขียนนนนนนน เราเครียดจะแย่แล่ววววว
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 14<1/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 08-09-2015 09:09:54
ตอนที่ 15

ผ่านไปอีกถึงสองสัปดาห์ เพราะถูกกษัตริย์บาดีกับอับหมัดเร่งวันเร่งคืนทำให้อีกไม่กี่วันพิธีครองราชย์ของแดริลจะถูกจัดขึ้น ระหว่างนั้นเอลียาห์ก็บังเอิญได้พบหน้าของว่าที่กษัตริย์ไปเสียทุกที่จนเกิดความระแวงสงสัย

เอลียาห์อึดอัดใจทุกครั้งที่เจอหน้าแดริล แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเข้าหาด้วยไมตรีจิต การแสดงตัวเป็นพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวของชายหนุ่ม ร่างบางจึงจำเป็นต้องปั้นหน้าแย้มยิ้มยามที่ได้เจอกันตลอดเวลา

วันนี้ก็เช่นกัน เพราะถูกพระราชบิดาออกคำสั่ง จึงต้องมาร่วมซ้อมพิธีขึ้นครองราชกับแดริล ทั้งที่ในความเป็นจริง ตัวเขาก็แค่ยืนเฉยๆในตอนที่ชายหนุ่มประกอบพิธี แต่ใช่ว่าจุดนั้นจะเอามาอ้างกับกษัตริย์บาดี เด็กหนุ่มได้แต่ทำใจยอมตามคำสั่ง ตั้งแต่เช้ามาจนถึงเวลาบ่ายแก่ๆของวัน

“น้องเอลียาห์ดื่มชานี่เสียหน่อยเถอะ”

หลังพิธีซักซ้อมสิ้นสุด แดริลก็ยื่นถ้วยชาอุ่นร้อนซึ่งชายหนุ่มชงกับมือมาให้ เอลียาห์กระพริบตาปริบๆมองดูพี่ชายต่างมารดา ด้วยไม่เข้าใจว่าทำไม ต้องลงมือชงชาด้วยตัวเอง ถึงจะคิดเช่นนั้น แต่ในใจส่วนลึก ก็อดชื่นชมกับความละเอียดอ่อนและถ่อมตนของคนที่ก่อนหน้านี้ยิ้มยโสให้เขาไปเสียได้

ขอบคุณครับ”

เอลียาห์สูดกลิ่นใบชาอันหอมกรุ่นอยู่ชั่วครู่ อุณหภูมิที่พอเหมาะพอเจาะ ส่งผลให้เด็กหนุ่มดื่มด่ำไปกับกลิ่นและรสชาติจนรู้สึกผ่อนคลายเหมือนกับได้ขึ่นสวรรค์

‘อาจจะเป็นเพราะเขาเหนื่อยมาทั้งวัน’

เอลียาห์แก้ตัวให้กับความพอใจที่เกิดขึ้นของตน ทว่าไม่อาจปฏิเสธความจริงเรื่องฝีมือการชงชาอันล้ำเลิศของแดริลซึ่งผ่านไปสี่ปี แต่ฝีมือไม่ตกลงเลยจนเอลียาห์ตกตะลึง ในทางกลับกัน นั่นหมายความว่า อีกฝ่าย ยังคงชงชาด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอไม่ได้หยุดเลยแม้สักวันเดียว

“ท่านพี่ยังชงชาด้วยตัวเองอีกหรือครับ”

“ก็ไม่มีใครชงได้ถูกใจเท่ากับทำเองนี่นะ”

แดริลตอบคำถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข เอลียาห์ซึ่งเหม่อมองดูใบหน้าเปี่ยมสุข บางครั้งก็ไม่เข้าใจทั้งแดริลและตัวเอง ไม่เข้าใจแดริลเรื่องที่บ่อยครั้งอีกฝ่ายมักจะยิ้มหรือทำท่าทางโอหังเวลาอยู่ต่อหน้าเขา และไม่เข้าใจตนเอง ที่บางครั้งก็เกลียดบางครั้งก็พอใจยามได้เห็นหน้าของคนที่กำลังส่งยิ้มมาให้

“ท่านทำอะไรมาบ้างระหว่างไปปราบกบฏที่ชายแดน”

ถามด้วยความอยากรู้ที่มีแค่ครึ่ง อีกครึ่งหนึ่ง เขาไม่อยากจะเสียเวลาเสวนากับแดริลให้มากความ แต่เอลียาห์ได้เอ่ยถามออกไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องนั่งฟังเรื่องราวของแดริลเสียยืดยาวจนกษัตริย์บาดีเข้ามาร่วมวงพร้อมกับท่านอาอับหมัด

“เจ้าตัดสินใจได้ดีทีเดียว”

กษัตริย์บาดีเอ่ยชมแดริลหลังจากฟังเรื่องราวการปราบกบฏ เอลียาห์ที่นั่งฟังพระราชบิดากับท่านอาผลัดกันชมชายหนุ่ม รู้สึกเหมือนกินยาขม เด็กหนุ่มถึงจะรู้ว่าสิ่งที่คิดอยู่ในใจนั้นช่างจองหอง แต่ก็ไม่ปฏิเสธเรื่องที่เขาเองก็มั่นใจในแผนการปรากบฏของตนซึ่งดีไม่แพ้ผู้เป็นพี่ชายอย่างแน่นอน

จากนั้นเพราะพระราชบิดารู้สึกตัวกับความริษยาของเขาที่มีต่อแดริลหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ ตลอดเวลาที่แดริลเอ่ยถึงกลยุทธที่ใช้ กษัตริย์บาดีจะหันมาถามความเห็นกับวิธีการในแบบของเขาอยู่ตลอด จนในที่สุดเด็กหนุ่มก็รู้ข้อเสียในการจัดการกองทัพของเขาอย่างชัดแจ้ง

“ถึงเวลาลงโทษก็ต้องทำให้ชัดเจน จะมัวแต่คิดถึงคุณงามความดีแต่ครั้งก่อนไม่ได้”

กษัตริย์บาดีเอ่ยสั่งสองเอลียาห์ในขณะเดียวกันท่านอาอับหมัดก็ขานรับแล้วกล่าวตักเตือนเพิ่มเติมจนเด็กหนุ่มต้องเม้มปากก้มหน้าด้วยความสลด

“น้องเอลียาห์ยังเด็กอยู่ครับท่านพ่อท่านอาอย่าเข้มงวดนักเลย”
แทนที่จะดีใจที่ถูกแดริลช่วยแก้ต่างให้ เอลียาห์กลับตวัดสายตากรุ่นโกรธเข้าใส่ผู้เป็นพี่ชายซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขากำลังโกรธ

“ความจริงก็คือความจริง จะอ้างว่าเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลาไม่ได้”
กษัตริย์บาดีเอ่ยกับแดริลพร้อมปลายมองมายังเอลียาห์

“แต่น้องไม่จำเป็นต้องวุ่นวายเรื่องพวกนี้ครับ เพราะคนที่ครองราชย์คือข้า ดังนั้นการที่เขาจะไม่รู้ความก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน”

เอลียาห์กำมือเข้ามากันแน่น พร้อมกับก่นด่าแดริลในใจนับครั้งไม่ถ้วน

ไม่รู้ความอะไรกัน

ไม่ต้องจัดการกับผีนะสิ

เขาเองก็เป็นเชื้อพระวงศ์คนหนึ่งเหมือนกัน จะให้นั่งงอมือแบบคนไม่มีมือมีเท้าเขาทำได้เสียที่ไหน สนุกนักหรือที่เห็นเขาเป็นคนโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

“จริงอย่างที่เจ้าว่า เอลียาห์ยังอ่อนประสบการณ์ ให้เขาเที่ยวเล่นใช้ชีวิตอย่างสดชื่นโดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการเมืองจะดีกว่า”

คำพูดของกษัตริย์เป็นดั่งคมมีดที่กรีดดวงใจของเขาจนยับเยิน เอลียาห์หลับตาลง พยายามสะกัดกั้นน้ำตาที่ทำท่าจะไหลออกมาก่อนจะลืมตาขึ้นเมื่อถูกแดริลเรียกชื่อ

“เป็นอะไรหรือเปล่าน้องเอลียาห์”

แดริลที่แสดงออกชัดว่าเป็นห่วง ไม่ได้ทำให้เอลียาห์ดีใจหรือตื้นตันแต่อย่างใด

‘เพราะเจ้านั่นแหละที่ทำให้เราดูน่าสมเพช’

คิดเช่นนั้นก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างกะทันหัน เอลียาห์ขอตัวกับกษัตริย์บาดีแล้วเดินหนีไปจากที่ตรงนั้น

“น้องเอลียาห์”

ข้อมือของเอลียาห์ถูกคนเรียกกระตุกกลับจนหันกลับไปเผชิญหน้า ที่บริเวณส่วนหน้าของพระราชวังซึ่งไร้ผู้คน แดริลที่มีสีหน้าตื่นตกใจคลายมือออกจาการจับกุมเอลียาห์เมื่อเห็นใบหน้างดงามดั่งเทวทูตบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

“ท่านพี่ต้องการอะไรกันแน่ครับ”
เอลียาห์ลูบข้อมือของตนไปมา ความร้อนวูบวาบบริเวณที่ถูกจับยังไม่จางหายไป

“พี่แค่เป็นห่วงน้องเอลียาห์เท่านั้น”

ดวงตาที่มองสบมาบอกชัดถึงความปวดร้าวและสับสน เอลียาห์ไม่เข้าใจว่าแดริลต้องการอะไร ถึงแม้จะเข้าใจเรื่องที่อีกฝ่ายกำลังเจ็บปวด แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องใส่ใจ ก็ในเมื่อเขาต่างหากที่ทั้งเจ็บใจทั้งอดสูจนเกินจะกลั้น

“ท่านพี่ไม่ต้องมาเป็นห่วงหรอกเราสบายดี”

“ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนี้นี่นะ”

แดริลมีสีหน้าเข้มขึ้น ดูเหมือนชายหนุ่มจะอารมณ์เสียขึ้นมาบ้างแล้ว หากแต่เอลียาห์ก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ทั้งสองพี่น้องต่างแผ่คลื่นความโกรธเข้าหากันจนบรรยากาศรอบตัวขมุกขมัว

“เราจะร้องไห้มันก็เป็นเรื่องของเรา ท่านพี่โปรดอย่าใส่ใจ”

เอลียาห์เชิดหน้ายโสอย่างไม่เคยทำมาก่อน เด็กหนุ่มพอรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังเป็นห่วง ก็เกิดความรู้สึกเหนือกว่าและอยากจะกลั่นแกล้งให้แดริลไม่สบายใจ

“นิสัยไม่ดีเลยนะ ทำไมถึงเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง ข้าไม่เคยจำได้ว่าสอนเจ้าให้เป็นคนไม่รักษาน้ำใจคนอื่นแบบนี้”

“เรื่องนั้น…”

เอลียาห์สะอึกเมื่อถูกต่อว่า ในใจนึกอยากเถียง แต่ด้วยยางอายที่มีอยู่ ทำให้ไม่สามารถเปล่งคำพูดโต้ตอบแดริลได้อย่างที่ใจคิด  ในตอนนั้นเองเสียงตะโกนเรียกของซาฟิลก็ดังขึ้นทางด้านหลัง ไม่นานนักเจ้าของเสียงก็มายืนร่วงวงโดยมีชาคาติดตามเป็นเงา

“อะไรกัน นี่ว่าที่กษัตริย์ว่างขนาดนี้เลยหรือ”

ซาฟิลทักทายแดริลด้วยใบหน้าหยามหยัน ถึงเอลียาห์จะไม่ชอบใจเท่าไหร่ แต่ก็พอใจที่ลูกพี่ลูกน้องพูดในสิ่งที่ตรงใจเข้าออกมา เด็กหนุ่มเห็นด้วยกับคำพูดของซาฟิลทุกประการ

“อ้อ หรือกำลังผ่อนคลายก่อนจะถูกงานราชการทับถม นี่ถ้าอยากทำอย่างนั้นก็ไปหาผู้หญิงขายตัวสิ หรือไม่ก็สร้างฮาเร็มของตัวเองดูเป็นไง”

‘ฮาเร็ม’

คำคำนี้ทำให้เอลียาห์ปวดแปลบในอก เด็กหนุ่มไม่สบายใจมี่ตนเองรู้สึกเจ็บกับคำพูดเพียงแค่นี้ หากแต่ไม่สามารถสั่งร่างกายให้ทำตามได้

‘หรือว่าเขาจะยังชอบคนคนนี้อยู่ ไม่สิแค่ความไม่ชอบใจเล็กๆอย่าเอามาเป็นเรื่องใหญ่สิ ‘

เอลียาห์พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ในตอนนั้นแดริลที่รื่รรมย์อย่างมากก็เปิดฉากโต้เถียงกับซาฟิลด้วยท่าทางนิ่มนวล

“ข้าไม่ว่างเท่าท่านหรอก ได้ข่าวจากท่านอาอับหมัดกำลังพยายามผลักดันท่านให้รับตำแหน่งเสนาบดีประจำกระทรวงยุติธรรมแต่ท่านก็มาปฏิเสธ ยังไงดีล่ะ เราคิดว่า การที่ท่านปฏิเสธเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด”
แดริลระบายยิ้มน้อยๆเว้นจังหวะคำพูด ในทางกลับกันเอลียาห์รู้สึกได้ถึงอารมณ์เดือดดาลของซาฟิลและความตึงเครียดของชาคาที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้เป็นนาย
“แม้แต่ตัวท่านเองยังปฏิบัติตัวให้ถูกทำนองครองธรรมหรือกฎราชสำนักไม่ได้ ให้ไปเป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม มีแต่จะทำให้ท่านอาขายหน้าแถมท่านเองคงลำบากใจน่าดู”

แดริลหัวเราะหึหึด้วยสีหน้าสนุกสนาน ดวงตาคมกริบมองดูซาฟิลฮึดฮัด หากแต่ถูกชาคายึดตัวเอาไว้แน่นหนาไม่ให้กระโจนเข้ามาเล่นงานอย่างใจคิด

เอลียาห์เม้มปากเข้าหากีนแน่น ฉวยจังหวะที่ไม่มีใครตั้งตัวลากจูงลูกพี่ลูกน้องที่โกรธจนหน้าดำทะมึนไปให้พ้นจากที่ตรงนั้น โดยมีชาคาของโทษแทนผู้เป็นนายกับแดริลอย่างนอบน้อม

“น้องเอลียาห์ปล่อยข้านะ”
เอลียาห์ปล่อยมือจากร่างสูงโปร่งซึ่งโวยวายมาตลอดทางด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นจนยิ้มแก้มปริ

“ทำไมน้องเอลียาห์ต้องมาขัดขวางด้วย ข้าเห็นมันลามปามเจ้าอยู่นานตั้งใจว่าจะแก้แค้นให้เสียหน่อย”

“ท่านทำให้เราแล้ว อีกอย่างแน่ใจเหรอว่าทนฟังคำพูดทิ่มแทงนั่นต่อไปได้”

“ทำไมต้องทน ข้าจะชกหน้ามันอยู่รอมร่อแล้ว”

เอลียาห์ระบายยิ้ม สำหรับเขาถึงแม้ว่าซาฟิลจะอารมณ์ร้อนบุ่มบ่ามไปหน่อย แต่ถ้าเป็นเรื่องของคนที่ลูกพี่ลูกน้องผู้นี้พึงใจ คนตรงหน้าจะต้องช่วยเหลืออย่างสุดกำลังทุกครั้ง ถึงวิธีช่วยจะไม่ถูกต้องและเจ้าเล่ห์เจ้ากลอยู่มากก็ตาม

“ท่านพี่ไม่ควรมีเรื่องกับแดริลนะ”
เอลียาห๋ตีหน้าขรึม แต่นอกจากจะไม่สนใจซาฟิลยังมีสีหน้าบูดบึ้ง พูดจากระเง้ากระงอดใส่ผู้เป็นน้องด้วยความไม่พอใจ

“อะไรกันเจ้าจะบอกว่าข้าสู้เจ้าสวะ…เอ้ย แดริลมันไม่ได้หรือ น้องเอลียาห์ดูถูกพี่เกินไปแล้วนะ”

“ท่านเอลียาห์พูดถูกแล้วนี่ครับ”
ชาคาซึ่งคอยโอกาสมานานเอ่ยตำหนิ

“ถ้าท่านจะเล่นงานใครก็ควรใช้สมองคิดเสียบ้างว่าคนคนนั้นเป็นว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไปหรือเปล่า”

“เจ้าด่าข้าว่าโง่หรือชาคา”

ซาฟิลผู้เดือดปุดๆออกหมัดตรงไปยังชาคา เอลียาห์หัวเราะคิกคักที่ลูกพี่ลูกน้อง เดือดผล่านหนักกว่าเก่า เมื่อคนรับใช้ปัดหมัดออกได้อย่างไม่ยี่หระแถมยังกล่าววาจาดูกถูกกลับมาเสียด้วย

“ท่านอ่อนซ้อมขนาดนี้คิดว่าอีกสิบปีคงชกข้าไม่โดน”
ชาคาเหยียดยิ้ม

“ก็เจ้าแก่กว่าข้านะโว้ย”

ซาฟิลเริ่มใช้คำหยาบคาย เอลียาห์เมื่อเห็นเหตุการณ์ชักจะบานปลายจึงเสนอตัวเข้าหยุดความขัดแย้งด้วยการชวนนายบ่าวไปดื่มชาที่พระราชวังอันเป็นที่พำนักของตน

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

หายไปหลายวันอีกแล้ว

อยากจะลงให้ได้เร็วๆกว่าเดิม แต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาพิม

งานหลักงานพิเศษรัดตัวจนมือเป็นระวิงเลยค่ะ

มาถึงตอนนี้ ก็ปาเข้าไปครึ่งเรื่องแล้ว

นิยายเรื่องนี้เราวางไว้ว่าจะเขียนประมาณยี่สิบถึงยี่สามตอนค่ะ

ก็ใกล้จะจบแล้วล่ะค่ะ[หัวเราะแฮะๆ]

เม้นกันบ้างนะคะ ไม่เม้นก็ไม่ว่าแต่ถ้าเข้ามาอ่านแล้วก็ช่วยตามจนจบด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 15<8/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 08-09-2015 10:33:57
พึ่งเข้ามาอ่าน สนุกดีฮะ แต่แอบขัดใจแดริลเบาๆ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 15<8/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 08-09-2015 13:08:00
อยากให้ซาฟิลเป็นเคะให้ชาคา กรั่กๆ 55555
รอตอนหน้าา
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 15<8/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: oumpatta ที่ 08-09-2015 14:08:33
บรรยายดี ดูเข้ากับแนวพวกราชวงศ์
แต่ตัวละครในเรื่องนี่ไม่ชอบซักคน
คนในวังนี่ดูทุเรศทุกคนอ่ะ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวละครหลัก
เอลียาห์ นี่ไม่ชอบตั้งแต่เด็ก ส่วนอีพระเอกเหมือนเข้มแข็งแต่ไม่อ่ะ
ใช้ภาษาบรรยายดี แต่เนื้อเรื่องกับตัวละครดูยังไงไม่รู้
ขอผ่านจ้า โดยเฉพาะพ่อ คือแบบ??
ตอนหลังๆนี่อ่านผ่านๆก็เดาออก
 จะโดนว่ามั้ย? ข้ามเม้นเราไปเถอะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 15<8/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 08-09-2015 14:55:30
ไม่เป็นไรค่ะ

ดีซะอีกที่มาเม้น

เราจะได้รู้ว่าคนอ่านคิดยังไงบ้าง
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 15<8/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 09-09-2015 08:30:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria <รักต้องห้าม> ตอนที่ 15<8/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 14-09-2015 10:53:36
ตอนที่ 16

บนกำแพงพระราชวัง เอลียาห์เข้าร่วมพิธีครองราชย์ของแดริลด้วยใจอันปวดร้าว มองดูว่าที่กษัตริย์ที่ส่งกลิ่นไอแห่งอำนาจสลับกับมองดูประชาชนซึ่งแห่แหนกันมาร่วมงานพิธีอย่างคับคั่ง

หลังจากที่การส่งมอบตำแหน่งสิ้นสุด เสียงโห่ร้องของประชาชนก็ดังกึกก้อง เสียงโห่ร้องนั้นทำให้เอลียาห์กระอักกระอ่วนใจ ด้วยคิดไม่ตก ควรจะยินดีหรืออิจฉาให้กับความปลาบปลื้มของประชาชนที่มีต่อแดริล

เอลียาห์ห้ามใจไม่ให้นึกเปรียบเทียบตัวเขากับพี่ชายต่างมารดาไม่ได้เลยแม้สักวินาทีเดียว นับตั้งแต่ก่อนงานพิธีจวบไปจนถึงงานเฉลิมฉลองที่มีขึ้นในพระราชวัง

“งามสง่าเข้มแข็งจนท่านเอลียาห์ดูกลายเป็นอิสตรีไปเลยทีเดียว”
พอตวัดสายตาเขม่นไปยังขุนนางที่หลุดความในใจออกมาเป็นคำพูด ขุนนางอีกคนที่ยืนเคียงข้างก็เอ็ดเบาๆจนขุนนางปากเสียรู้ตัวว่าถูกเอลียาห์มองด้วยแววตาไม่ค่อยจะชอบใจ

จากนั้น ไม่รู้ว่าตั้งใจดีพอหรือไม่ ถึงพวกขุนนางจะพยายามแอบซุบซิบเปรียบเทียบเขากับแดริล แต่เด็กหนุ่มก็บังเอิญได้ยินคำพูดเหล่านั้นไปเสียทุกครั้ง

บ้าที่สุด

ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น เอลียาห์เดินหลบไปยังมุมห้อง แอบซ่อนตัวจากผู้คนรอบข้างอย่างโดดเดี่ยว โชคดีที่ไม่มีขุนนางคนไหนเข้ามารบกวนสักนิด ดูเหมือนคนเหล่านั้นจะสนุกสนานกับการสังเกตุท่าทางของเขาไปพร้อมกับนินทากาเลมากกว่าจะเอ่ยถามว่าเขาคิดเห็นอย่างไรกับการครองราชของแดริล

ท่านพ่อดูมีความสุขเหลือเกิน

เอลียาห์ส่งสายตาละห้อยไปยังอดีตกษัตริย์ที่ยืนเคียงข้างกษัตริย์องค์ใหม่แล้วให้รู้สึกเหมือนมีหนามแหลมทิ้มแทงในใจ ใบหน้าอันชื่นมื่นยินดีของพระราชบิดา รอยยิ้มกว้างเช่นนั้น เด็กหนุ่มไม่ได้เห็นมานานนับตั้งแต่พระราชมารดาตั้งครรภ์บุตรคนที่สอง หากทว่ากลับเสียชีวิตไปในขณะคลอดพร้อมกับบุตรตัวเล็กๆในท้องอย่างน่าเศร้าเกินกว่าจะเอ่ย

พระราชบิดาผิดหวังที่ไม่ได้บุตรคนใหม่มาแทนที่คนไม่ได้เรื่องอย่างเขาหรือเปล่านะ ถ้าไม่อย่างนั้นพอแดริลปรากฏตัวถึงได้แย้มยิ้มพึงพอใจถึงเพียงนั้น การมีเขาเป็นบุตรมันน่าผิดหวังตรงไหนอย่างไรนะ

ถึงจะคิดน้อยใจแต่แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองบกพร่องที่ตรงไหน แต่เมื่อมองเปรียบเทียบด้วยตัวเองไปพร้อมๆกับรับฟังเสียงนินทา ก็เริ่มเข้าใจในข้อด้อยของตนมากขึ้นเรื่อยๆทั้งที่ใจไม่ยาก

เอลียาห์เข้าใจว่าไม่ใช่สติปัญญาของเขาที่มีปัญหา ประสบการณ์อันแต่งต่างนั่นต่างหากที่ทำให้เขาเสียเปรียบแดริลหลายขุม ไหนจะแง่คิดและแนวทางที่แสนจะโดดเด่นของชายหนุ่มอีก รูปกายอันงามสง่าล่ำสันและฝีมือการสู้รบนั่นก็ทำให้เขากลายเป็นเจ้าชายด้อยค่าไปโดยปริยาย

เอลียาห์หดหู่เกินกว่าจะรื่นเริงยินดีไปกับความสำเร็จของผู้อื่นอย่างที่เคยเป็น เขาในตอนนี้เอาแต่คิดในแง่ร้ายด้วยน้อยเนื้อต่ำใจในความรักและเมตตาที่พระราชบิดามีให้บุตรชายอย่างไม่เท่าเทียมกัน

ไม่สิ เขาควรจะทำใจให้ได้ ควรจะลุกขึ้นก้าวเดินแล้วเลิกอิจฉาผู้อื่นไปได้เสียที

คิดพร้อมกับสูดลมหายใจปลุกปลอบตัวเอง ขณะที่ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดว่าจะไม่อิจฉาแดริลอีก มหาดเล็กของพระราชบิดาก็เข้ามาเชิญเขาให้ร่วมวงสนทนากับญาติมิตรและกษัตริย์องค์ใหม่
“อะไรนะครับ”
เอลียาห์เอ่ยเสียงดังหลังจากได้ยินคำประกาศของพระราชบิดาต่อหน้าบรรดาเชื้อพระวงศ์

“เราบอกว่าจะเดินทางไปพักรักษาตัวในพระราชวังฤดูร้อนที่นอกเมือง เจ้ามีอะไรไม่เข้าใจหรือเอลียาห์”
อดีตกษัตริย์ตีหน้าขรึม เอลียาห์ที่ตื่นตกใจไม่หายได้แต่ระร่ำระรักขอติดตามพระราชบิดาไปเสียด้วยกันที่นั่นหากแต่ถูกปฏิเสธ

“ท่านพ่อทำไมถึงไม่ให้เราไปด้วย”

“เจ้าอยู่ช่วยงานแดริลเถอะ ปล่อยคนแก่อย่างเราให้พักผ่อนอย่างสบายใจดีกว่า หากว่ามีบุตรขี้ตกตื่นอย่างเจ้าไปด้วยเราก็ไม่ได้ผักผ่อนกันพอดี”

ใบหน้างดงามดั่งเทวทูตซีดเผือดด้วยนึกไม่ถึงว่าจะถูกบอกปัดอย่างเด็ดขาด ในอกปวดหนึบกว่าเก่าทั้งที่ก่อนหน้านั้นยังไม่หายจากอาการน้อยเนื้อต่ำใจดี ยิ่งตอนนี้ยิ่งพอกพูนความอัดอั้นมากขึ้นไปอีก

เหตุใดพระราชบิดาต้องผลักไสกันด้วย บอกว่าเราน่ารำคาญหมายความว่า ถ้าเป็นแดริลก็จะอนุญาตให้ไปด้วยได้อย่างนั้นหรือ เย็นชาเหลือเกิน

หลังจากพระราชบิดาปลีกตัวไปอย่างเงียบๆ เอลียาห์ที่ทุกทรมานใจก็เอาแต่ร่ำสุราจนแดริลซึ่งคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอดห้ามปราม เด็กหนุ่มนอกจากจะไม่สนใจยังเดินหนีไปเสียดื้อๆ โชคดีที่พวกขุนนางยื้อตัวกษัตริย์องค์ใหม่เอาไว้เสียก่อนจึงไม่มีใครมาต่อว่าการดื่มสุราอย่างไม่บันยะบันยัง

“เอลียาห์ดื่มมากไปแล้วนะ”
ซาฟิลพอผละจากบรรดาลูกสาวขุนนางได้ก็ตรงเข้ามาตำหนิเอลียาห์ที่ทำตัวผิดแผกไปจากเดิม

“เราไม่เห็นว่าจะดื่มมากไปตรงไหน ท่านพี่ซาฟิลมีธิดาขุนนางรออยู่อีกมากท่านไปหาพวกนางเถอะ”
เอลียาห์พูดก่อนจะเรียกข้ารับใช้ให้เทสุราเติมลงแก้มจนเต็ม ซาฟิลอดรนทนไม่ได้จึงถือวิสาสะพาคนที่เริ่มเมาเต็มที่ไปนั่งพักยังห้องข้างๆห้องโถงซึ่งจัดงานฉลอง

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เอลียาห์นิ่งเงียบเฉยเมินคำถามของซาฟิล ถึงแม้จะถูกถามอีกสักกี่หนเขาก็ไม่ยอมตอบอะไรออกไปเลยแม้สักคำเดียว

“อย่าทำให้เป็นห่วงนักสิ สำรับข้าเจ้าเป็นน้องชายคนสำคัญนะ”
เอลียาห์ช้อนตามองผู้พูดอย่างปวดร้าว ดวงตากลมบัดนนี้เอคลอด้วยหยาดน้ำ เด็กหนุ่มตื้นตันกับความอาทรที่ซาฟิลมีให้จนโผเข้ากอดคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ท่านพ่อไม่ยอมให้เราไปดูแลอาการป่วยที่พระราชวังฤดูร้อน”

“อ้าว เสียใจเรื่องแค่นี้หรือ ทำไมล่ะไม่ให้ไปอยู่ด้วยกันไม่ได้หมายความว่าไม่ให้ไปเยี่ยมเสียหน่อยนี่”
คนที่ร้องไห้จนตัวโยนนิ่งอึ้ง หลังจากคิดทบทวนถี่ถ้วน เอลียาห์ก็ตระหนักในข้อเท็จจริงอย่างมีสติ

“ท่านพี่พูดถูก”
เด็กหนุ่มคลายอ้อมกอดจากซาฟิล น้ำตาที่ไหลนองหน้าถูกลูกพี่ลูกน้องใช้มือช่วยปาดเช็ดอย่างเบามือ ในตอนนั้นแดริลก็เปิดประตูเข้ามาเห็นภาพซาฟิลช่วยปลอบโยนเอลียาห์เต็มสองตา

“ทำอะไรกันอยู่”
เอลียาห์ไม่แม้แต่จะหันไปมองคนถาม น้ำเสียงเย็นเยียบของแดริลถึงจะทำให้วิตกกังวลแต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมทำตามอย่างว่าง่าย

“ข้าถามว่าพวกเจ้าทำอะไรกันอยู่”
ถูกถามอีกครั้งด้วยเสียงกดต่ำ คราวนี้ซาฟิลสบถเสียงประชดประชันใส่แดริลด้วยอารมณ์ขึ้งโกรธ

“ก็ปลอบน้องเอลียาห์ที่กำลังเสียใจไง เจ้าไม่มีตาหรือ”

“แล้วหลังจากนั้นตั้งใจจะทำอะไร”

“อะไรน่ะหรือ ก็พาน้องเอลียาห์ไปส่งที่ห้องนอนไงถามาได้”
สิ้นคำพูดของซาฟิล เอลียาห์ก็ถูกแดริลกระชากให้ยืนขึ้น ดวงตากลมโตปะเข้ากับดวงตาของแดริลที่ลุกเป็นไฟราวกับจะเผาผลาญตนเองให้เป็นจุณ

“ทำบ้าอะไรของแกวะแดริล”
ซาฟิลผวาเข้าหาแดริลซึ่งยึดจับเอลียาห์เอาไว้ ทว่าชาคาที่โผล่มาก็ฉุดรั้งเอาไว้จนขยับกายไม่ได้ เอลียาห์ที่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บจากการถูกบีบจับมองดูลูกพี่ลูกน้องของตนอาละวาดในอ้อมแขนของชาคาอย่างเกรี้ยวกราด

“อย่าให้มารบกวนข้ากับเอลียาห์อีก”
แดริลออกคำสั่งกับชาคาก่อนจะลากเอลียาห์ให้เดินตามหลังไป

“ปล่อยเรานะใครก็ได้ช่วยเราที”
เด็กหนุ่มร้องตะโกนให้คนช่วย จังหวะที่ผลั้งเผลอ เขาก็ถูกแดริลช้อนตัวแบกบนบ่า ถึงแม้ว่าจะตะโกนโวยวายอย่างบ้าคลั่งหากแต่พอผู้พบเห็นปะเข้ากับสายตาคมประดุจคมดาบของชายหนุ่ม ผู้คนทั้งหมดก็พร้อมใจกันทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เอลียาห์ที่ต่อต้านไม่ได้ถูกพามาจนถึงห้องส่วนตัวของกษัตริย์

“ตุบ”
ร่างบางถูกโยนลงบนเตียงกว้าง เอลียาห์พอตั้งตัวได้ก็ขยับกายกระเสือกกระสน แต่กลับถูกแดริลซึ่งไวกว่ามากกระชากกลับมากองอยู่บนเตียงอีกครั้ง

“ทำอะไรของเจ้ากันหา”
เด็กหนุ่มตะคอกสุดเสียงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ดวงตากลมวาวโรจน์คล้ายดวงตาของแมวในยามค่ำคืน

“ข้าต่างหากที่อยากถามว่าเจ้าทำอะไรกับเจ้าสวะนั่น”
แดริลแผ่รัศมีคุกคาม เอลียาห์ไม่เข้าใจว่าแดริลต้องการอะไร นอกจากจะไม่ตอบคำถามยังร้องด่าด้วยความไม่พอใจที่ชายหนุ่มเรียกขานลูกพี่ลูกน้องคนสนิทเป็นพวกสวะ

“เจ้าไม่มีสิทธิมาว่าท่านพี่ซาฟิลเจ้าต่างหากที่ชาติกำเนิดต่ำตมไม่ต่างจากพวกที่อาศัยอยู่ในดิน”

“โฮ่”
แดริลร้องออกมาอย่างสบใจ เด็กหนุ่มเห็นคนตรงหน้าเหยียดยิ้ม แต่รอยยิ้มที่วาดแต่งช่างดูร้ายกาจเสียจนเขาเกิดความหวั่นเกรง

“เจ้าว่าข้าเป็นสวะอย่างนั้นหรือ”

“ป…เปล่า ข้าแค่ว่าเจ้าเป็นหนอนเท่านั้น”
เอลียาห์เอ่ยแก้ตัวอย่างมึนงงผสมกับลนลานก่อนจะนึกต่อว่าความตระหนกจนเกินงามจนไร้สาระของตนในใจด้วยความหงุดหงิด

“อ้อ ถ้าเช่นนั้นหนอนในดินตัวนี้จะสอนสั่งสิ่งที่ควรรู้ให้ท่านผู้สูงศักดิ์จดจำให้แล้วกัน”

“อะ อะไร”
เอลียาห์ปากคอสั่น บรรยากาศคุกคามที่แผ่ออกมาจากร่างสูงใหญ่ทำเอาเด็กหนุ่มตื่นกลัวจนขยับตัวไม่ได้ เขาไม่เคยเห็นแดริลมีท่าทางเช่นนี้มาก่อนคงจะโกรธที่ถูกต่อว่าอย่างรุนแรงสินะ

“ข้าจะสอนเจ้าให้รู้ว่าการอยู่ตามลำพังกับชายอื่นจะต้องโดนทำอะไรบ้าง เรียนรู้เสียแล้วจำให้ขึ้นใจ”
พริบตานั้นก็ถูกจู่โจมด้วยการจูบ แดริลตรึงร่างของเอลียาห์แน่นหนาจนขยับต่อต้านไม่ได้

“จะทำอะไร”

คนถูกยึดจับตะโกนต่อว่าทันที่ที่แดริลถอนจูบ ทว่ายังไม่ทันจะพูดจบประโยคก็ถูกแนบริมฝีปากอีกครั้ง คราวนี้ถูกสำรวจโพรงปากด้วยปลายลิ้นเสียเป็นนาน แถมยังถูกดูดลิ้นจนเกิดเสียงดังจ๊วบจ๊าบอย่างน่าละอาย เด็กหนุ่มแทนที่จะต่อต้านการกระทำอันจาบจ้วงกลับเผลอไผลไปกับรสสัมผัสอันเต็มไปด้วยราคะด้วยไม่อาจปฏิเสธ

“อื้อ”
เอลียาห์ครางเบาๆเมื่อคนที่ผละออกซุกไซ้ซอกคอของตน พอขยับดิ้นรนขัดขืน มือใหญ่ที่มีแรงมหาศาลก็ออกรงบีบจับรวบข้อมือมากยิ่งขึ้น

“อย่า”
ร้องห้ามเสียงแหบพร่าเมื่อถูกถลกเสื้อขึ้นเผยให้เห็นเนินอกสีหวาน โดยไม่รอช้า แดริลใช้ลิ้นและปากดูดไล้โลมเลียจนยอดอกทั้งสองข้างเปียกแฉะ เอลียาห์รู้สึกถึงความตึงแน่นตรงบริเวณซึ่งถูกโลมเลียอย่างต่อเนื่อง

“ทำแบบนี้ทำไม”
เอลียาห์เอ่ยถามทั้งน้ำตา แทนที่จะได้รับคำตอบกางเกงผ้าเนื้อดีที่ติดกายกลับถูกกระชากลง เด็กหนุ่มถูกจับแยกขาออกกว้าง แดริลไม่ปล่อยโอกาสใช้ปากครอบครองเครื่องเพศที่เริ่มตื่นตัว ปรนเปรอให้จนส่วนนั้นชูชันเพราะถูกกระตุ้นอย่างเต็มที่

“อึก…อ้า”
ถึงแม้จะถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้ว แต่เพราะถูกเล้าโลมด้วยความช่ำช่องจากริมฝีปากอุ่นร้อน มือทั้งสองข้างของเอลียาห์กลับยึดจับศีรษะของแดริล ทั้งผลักออกทั้งกดลง เด็กหนุ่มคุ้มคลั่งอย่างหฤหรรษ์จนยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด

“อา…อื้อ”
ไม่นานนักเขาก็ปลดปล่อยออกมาเมื่อถึงจุด ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อแดริลกลืนกินหยาดน้ำขาวขุ่นซึ่งอยู่ภายในกายของเขาไปจนหมด

“บทเรียนมันยังไม่จบหรอกนะท่านเอลียาห์”

เป็นดั่งที่แดริลพูด ชายหนุ่มใช้ลิ้นไล้เลียอวัยวะเพศของเอลียาห์อีกครั้ง คราวนี้เนิบนาบและใช้เวลาสำรวจทุกตารางนิ้วมากกว่าครั้งก่อน เด็กหนุ่มถูกทำให้ปลดปล่อยอีกถึงสามครั้งจนในที่สุดก็นอนสลบไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนแรง

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

เอามาลงโดยยังไม่ได้ตรวจคำผิดเลยค่ะ

ช่วงนี้เหงาๆเบื่อๆ แต่ก็ปั่นนิยายเรื่องนี้จนจบแล้วนะคะ

ถ้ามีเวลาว่างมากจะลงให้ถี่กว่าอาทิตย์ละครั้งค่ะ

แต่งานหลวงงานพิเศษเราเยอะอาจจะลงได้แค่อาทิตย์ละครั้งเหมือนเดิมทั้งที่เขียนนิยายในสมุดจนจบแล้ว

ต้องขออภัยท่านที่ยังรออ่านอยู่นะคะ

แต่ลงทุกอาทิตย์แน่นอนค่ะไม่หายไปไหน

รักคนอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 16<13/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 14-09-2015 19:49:51
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 16<13/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 14-09-2015 23:40:08
อยากอ่านต่อไวๆ แล้วอ่ะ
รออยู่น้า
เราลุ้นให้ซาฟิลถูกชาคากด กรั่กๆ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 16<13/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 15-09-2015 09:03:58


เหอะ เรื่องมันมาขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ


พูดกันดีๆแต่แรกก็จบป่ะ  :ling2:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 16<13/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: kirara147 ที่ 20-09-2015 21:13:07
ตามอ่านเรื่องเก่าเพิ่งจบไปก็มาอ่านเรื่องใหม่ต่อ สนุกมากเลย รอตอนต่อไปนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 16<13/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 23-09-2015 12:40:40
ตอนที่ 17
   ดวงตากลมโตกระพริบถี่ๆ ขณะมองดูเพดานของเตียงสี่เสา  ที่ไม่น่าจะเป็นเตียงนอนในห้องนอนของตนเพราะลักษณะและสีสันแตกต่างกันอย่างมาก

   “ที่นี่ที่ไหน” เด็กหนุ่มพึมพำพร้อมกับขยับกายลุกขึ้นนั่ง อาการมึนนิดๆ จากการที่ดื่มสุราเข้าไปอย่างไม่บันยะบันยังเมื่อวานยังคงเหลืออยู่นิดหน่อย เอลิยาห์ถึงจะดื่มไปมากแต่ก็ไม่ได้เกิดอาการเมาค้างมากอย่างที่คิด เขารู้แจ้งแก่ใจดีมานานแล้วว่าตัวเองนั้นคอแข็งมากกว่าคนปกติทั่วไปอยู่หลายเท่า
   
“ตื่นแล้วหรือครับ” ดวงตากลมโตตวัดมองไปยังข้ารับใช้ชายแปลกหน้าที่เปิดประตูเข้ามา ชายผู้นั้นถือถาดที่มีทั้งอาหารและน้ำดื่มตรงเข้ามาหาเขาซึ่งยังนั่งงงอยู่บนเตียง

   “ที่นี่ที่ไหน ไม่สิเจ้าเป็นใครกัน” ข้ารับใช้ยิ้มนิดๆให้กับอาการสับสนงงงวยของเอลิยาห์ก่อนจะเปิดปากตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ

   “ที่นี่เป็นฮาเร็มเก่าที่อดีตกษัตริย์ปล่อยร้างไว้ครับ แต่ท่านเอลิยาห์ไม่ต้องห่วง ตลอดหลายปีมีผู้ทำความสะอาดดูแลอยู่ ท่านสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน”

   ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ
   
เอลิยาห์ทวนคำในใจ เด็กหนุ่มไม่ใช่คนโง่จึงตีความคำพูดของคนตรงหน้าได้ทันที

   “เราจะกลับพระราชวังของเรา” เด็กหนุ่มผลุนผันลุกออกจากเตียงก่อนจะก่อนเท้าฉับๆ ไปยังประตูห้องโดยมีข้ารับใช้แปลกหน้าตามมาห้ามเอาไว้
   
“อย่ามายุ่งกับเรา” เอ็ดไปด้วยใบหน้ากรุ่นโกรธก่อนจะเปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปยังด้านนอก เอลิยาห์ก้าวเท้าออกไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกทหารยามเข้ามายืนขวางไม่ให้เดินต่อไปได้อย่างอิสระ

   “หลักทางให้เรา” รู้สึกหงุดหงิดแต่ก็คร้านที่จะต่อว่า พวกทหารยามตรงหน้า เมื่อเอลิยาห์ไม่ออกปากดุด่าจึงค่อยๆ ตีวงเข้าหากดดันให้เด็กหนุ่มถอยกลับเข้าไปในห้อง

   “ทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร”

   “เป็นคำสั่งของฝ่าบาทแดริลครับ” ยังไม่ทันจะเอ่ยปากถามถึงที่มาที่ไปก็ถูกบังคับให้กลับเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู เวลานี้เอลิยาห์อยู่ในห้องเพียงลำพัง ร่างกายและจิตใจของเขาปั่นป่วนด้วยความสับสนและขุ่นข้องจนสงบลงไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

   “โอ้...” เสียงครางของข้ารับใช้แปลกหน้าดังขึ้นทันทีที่เปิดประตูยกอาหารเย็นมาให้ เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่เอลิยาห์อาละวาดจนข้าวของในห้องกระจุยกระจาย

   “สงสัยว่าต้องให้คนมาช่วยทำความสะอาด” ข้ารับใช้คนเดิมพึมพำก่อนจะเรียกให้ทหารยามเข้ามาคุมตัวเด็กหนุ่มที่อาละวาดจนเละเทะไปหมดไปยังอีกห้องที่ใหญ่โตและหรูหรากว่าเดิม

   “ปล่อยเรานะ พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์มาทำกับเรากับเราแบบนี้” เอลิยาห์โวยวายทันทีที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ทหารยามว่างถาดอาหารและน้ำเอาไว้บนโต๊ะเล็กๆ ภายในห้องก่อนจะล่าถอยออกไป ปล่อยให้คนที่กำลังโกรธขึ้งอยู่กับตัวเองตามลำพัง
   
“บ้าที่สุด”

เขาหงุดหงิดจนอยากจะขวางปาอีกครั้ง มือเรียวฉวยจับเอาจานอาหารหมายจะขวางปาให้สาแก่ใจ ทว่าพอคิดได้ว่าอีกเดี๋ยวคงถูกย้ายห้องใหม่อีก นอกจากนั้นยังละอายแก่ใจที่จะทิ้งขวางอาหารจึงทำได้แต่นั่งรับประทานอาหารในจานไปอย่างเงียบๆ เอลิยาห์รอคอยแดริลที่เป็นต้นเหตุของเรื่องเลวร้ายนี้มาอธิบายให้เข้าใจด้วยอารมณ์ที่เยือกเย็นขึ้น
   
กี่วันแล้วนะที่มาอยู่ที่นี่

   เอลิยาห์นอนนับวันบนเตียงสี่เสาแล้วถอนหายใจ เกือบสองอาทิตย์แล้วที่ถูกกักขังเอาไว้ในห้องของฮาเร็มอย่างโดดเดี่ยว เด็กหนุ่มผ่านการร้องไห้อยู่สองสามวัน เวลานี้ถึงจะเริ่มทำใจได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ชิงชังแดริลผู้ซึ่งเป็นคนออกคำสั่งจองจำเขาเอาไว้อย่างนักโทษ
   
จะบอกว่าโกรธเรื่องที่เขาสุงสิงอยู่กับท่านพี่ซาฟิลอย่างนั้นหรือ เป็นไปไม่ได้

   เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมาช้าๆ ขอสรุปอันโน้มเอียงไปในทางชู้สาวถึงแม้จะทำให้ดวงใจที่เหี่ยวเฉาแย้มบาน หากเมื่อนึกถึงข้อเท็จจริงแดริลกับเขาเป็นพี่น้องกัน อีกอย่างชายคนนั้นไม่เคยบอกรักเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

   เอลิยาห์นึกถึงสัมพันธ์สวาทอันเกินเลยถึงสามครั้งระหว่างตนกับแดริล ครั้งแรกอีกฝ่ายทำไปเพราะถูกกดดัน ส่วนครั้งที่สองเพราะร่างกายที่เต็มไปด้วยราคะทำให้พี่ชายทนดูเฉยไม่ได้ และครั้งสุดท้ายคงทำไปเพราะสั่งสอนให้รู้สำนึกถึงความโง่เขลาของเขาเพียงเท่านั้น

   เรายังรักคนๆ นั้นอยู่ หยาดน้ำใสหลั่งรินรดใบหน้า เอลิยาห์กดใบหน้าซุกลงบนหมอนขนนกอันนุ่มนิ่ม

   ทำไมคนๆ นั้นต้องเป็นพี่ชายด้วย ทำไมไม่เป็นแดริลคนสนิทของเขาอย่างที่ควรเป็น

    ขณะที่สะอื้นอย่างไร้เสียง เสียงโครมครามโวยวายจากการกระแทกประตูก็ทำให้เอลิยาห์ขยับกายลุกขึ้นนั่ง ที่ตรงหน้าซาฟิลกับชาคาและทหารจำนวนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาเขาที่น้ำตายังไม่เหือดหาย

   “ไอ้เลวแดริล” ซาฟิลโอบกอดศีรษะของคนที่นั่งอยู่บนเตียงเอาไว้แนบแน่น เอลิยาห์เมื่อถูกมอบความห่วงใยให้แถมยังแสดงอาการโกรธเคืองแทนก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง

   “หยุดร้องก่อนน้องเอลิยาห์ เราต้องรีบออกไปจากที่นี่” เอลิยาห์ผละจากอ้อมแขนของซาฟิล ชั่วแวบหนึ่งเขาสังเกตเห็นสีหน้ายุ่งยากใจของชาคาที่อยู่ด้านหลังของลูกพี่ลูกน้อง

   “แดริลเป็นกษัตริย์ ทำแบบนี้ท่านพี่ซาฟิลจะเดือดร้อน”

   “ช่างหัวมันปะไร เจ้าเป็นน้องที่ข้ารักที่สุด แล้วก็... เอ่อ...ข้า....” ซาฟิลลังเลใจที่จะพูด ดวงตาคมสวยตวัดมองชาคาซึ่งตีหน้ากังวลใจ

   “ถ้าท่านจะบอกว่าท่านหลงรักท่านเอลิยาห์มานานแล้ว ข้าก็เข้าใจอยู่ แต่ยังไงข้าอยากให้ท่านปรึกษาหารือกับข้าก่อนที่จะเข้ามาช่วยท่านเอลิยาห์อย่างโง่ๆ” ชาคาแสยะยิ้มอย่างเสือร้าย เอลิยาห์เขาใจในทันที ในเรื่องที่ชายผู้หล่อเหลาคนนี้กำลังไม่พอใจ ใครๆ ก็ไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักห่วงใยคนอื่นเกินกว่าตัวเองทั้งนั้น

   “ท่านพี่ซาฟิลออกไปเถอะ เดี๋ยวท่านจะเดือดร้อน”
   “จะได้ยังไง ข้ามาถึงที่นี่แล้ว ยังไงเจ้าก็ต้องไปกับข้า” ซาฟิลคว้าจับมือ บังคับให้เอลิยาห์ที่ต่อต้านการช่วยเหลือและฉุดกระชากไปตามทาง

   “ท่านปล่อยข้าไว้ที่นี่เถอะท่านพี่” เอลิยาห์ต่อต้านไปพร้อมกับร้องขอ ด้วยกลัวแดริลจะพบเข้าเสียก่อนแล้วลงโทษซาฟิลเพราะรู้ดีว่าทั้งสองไม่ถูกกันมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย

   “อย่าชักช้าเลยครับ ยิ่งท่านลังเลยิ่งอาจถูกพบได้โดยง่าย” ทันทีที่ชาคาเอ่ยตำหนิ เอลิยาห์ก็เลิกโวยวาย ที่ด้านนอกทหารองครักษ์ของซาฟิลเล่นงานทหารยามจนหมอบและถูกจับมัดเอาไว้

   “นี่มันอะไรกัน” เสียงอันทรงอำนาจตวาดก้อง เอลิยาห์ ซาฟิลและชาคากับทหารจำนวนหนึ่งซึ่งเดินตามหยุดชะงักบนทางเดินด้านนอก

   “ก่อกบฏอย่างนั้นเหรอซาฟิล” แดริลกดเสียงต่ำ ที่ด้านลังมีองครักษ์จำนวนมากกับข้ารับใช้แปลกหน้าซึ่งคอยรับใช้เอลิยาห์อยู่ตลอดนับตั้งแต่ถูกจับมาขังเอาไว้

   “ฝ่าบาทเกิดอะไรขึ้นหรือคะ” สตรีที่ยืนอยู่ด้านข้าง เอลิยาห์จำได้ว่าหล่อนคือจัสมิน ที่ข้างของหญิงสาวมีเด็กชายวันสามถึงสี่ขวบยืนอยู่ข้างๆ เด็กชายผู้นั้นมีดวงตาสีเดียวกับแดริล

   “โอโหแฮะ ขึ้นเป็นกษัตริย์แค่ไม่กี่วันก็พาผู้หญิงเข้าฮาเร็มแล้วอย่างนั้นหรือ แถมยังเป็นสตรีที่มีลูกติดเสียด้วย ไม่สิเหมือนเจ้าออกขนาดนี้ลูกชายเจ้าสินะ” ซาฟิลประชดประชันแดริลที่ยืนตีหน้านิ่ง

   เอลิยาห์เมื่อประมวลผลได้ ในอกก็เหมือนถูกมีดคว้าน ลูกของแดริลอย่างนั้นหรือ ดวงตากลมมองสลับเปรียบแทบเด็กชายกับแดริล ทั้งสองเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก เอลิยาห์เจ็บปวดมากยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าแดริลซุกซ่อนหญิงสาวเอาไว้ในห้องเสียอีก เด็กหนุ่มปลายตามองดูจัสมิน หญิงสาวคนนี้คงเป็นผู้หญิงของแดริลเมื่อหลายปีก่อน นับว่าพี่ชายของเขาเป็นคนที่รักมั่นยิ่งนักที่รับตัวหล่อนมาไว้ในฮาเร็มพร้อมกับบุตรชาย

   “พาจัสมินกับลูกไปที่ห้องก่อน” แดริลเอ่ยคำสั่งกับข้ารับใช้ หลังจากที่จัสมินและลูกถูกพาไปกษัตริย์องค์ใหม่ก็ตวัดสายตากร้าวสาดใส่ซาฟิลกับเอลิยาห์

   “ออกไปแล้วจะไปกบดานพลอดรักที่ไหนกันอย่างนั้นหรือ”

   “โอย เจ้านะโง่นะ ถ้าอยากพลอดรักที่ไหนก็ทำได้ เจ้าเองก็เคยทำกับแม่สาวคนนั้นจนข้าเห็นมาแล้ว” ซาฟิลพูด
   แดริลแผ่รังสีคุกคามดวงตาคมดั่งดาบปลายมองมายังเอลิยาห์ เด็กหนุ่มเข้าใจเรื่องที่กำลังถูกถามด้วยดวงตาแต่ความรวดร้าวซึ่งฉายชัดในแววตาคู่นั้นเขาไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไร

   “เอลิยาห์ต้องการให้ซาฟิลถูกลงโทษเช่นไร” คำพูดของแดริลทำเอาคนที่ถูกถามหลุดจากภวังค์ รอยยิ้มมาดร้ายซึ่งถูกวาดลงบนใบหน้ายิ่งร้ายกาจมากขึ้นไปทุกขณะ เมื่อเอลิยาห์แสดงอาการตกตื่นด้วยความกลัว
   
“กบฏต้องถูกลงโทษอย่างไรนะ” เสียงขานรับบอกบทลงโทษจากทหารองครักษ์ดังไปทั่วบริเวณต่ซาฟิลหาได้กลัวไม่ ร่างโปร่งยืนกรานจะพาเอลิยาห์ไปหาอดีตกษัตริย์ให้ช่วยตัดสินให้จงได้แต่ผู้ได้รับความช่วยเหลือกลับผลักไสลูกพี่ลูกน้องให้ไปให้พ้นจากที่ตรงนั้นจนซาฟิลต้องจากไปอย่างไม่ค่อยจะชอบใจ

   “เจ้าเป็นอะไรไปน้องเอลิยาห์”ซาฟิลที่ทั้งโกรธทั้งสับสนถูกชาคาสั่งให้ทหารองครักษ์บัคับพากลับตะโกนเสียงดังไปตลอดทางเดินที่ห่างออกไป

   “รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำไมถูกสั่งกักบริเวณ”

   “เราไม่รู้” เอลิยาห์เขม่นมองสบสายตาอันเย็นเยียบ แต่ซ่อนเปลวเพลิงร้อนแรงเอาไว้ภายใน ในทางกลับกันแววตาของเขาก็แข็งขืนกรุ่นโกรธไม่แพ้กันเด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่าแดริลกำลังโกรธอะไร หากทว่าพริบตาต่อมาก็ถูกบังคับพากลับไปยังห้องอย่างไม่อาจต่อต้าน
   
“สรุปว่าตั้งใจจะหนีไปพลอดรักกับเจ้าสวะนั่นจริงๆ สินะ” เอลิยาห์ซึ่งยืนประจันหน้ากับแดริลโกรธจนปรอทแทบแตก เขาไม่ชอบใจที่ถูกเหมารวมว่ามีพฤติกรรมแบบเดียวกับคนที่ประณามเขาจนเผลอตะคอกเสียงดังออกไป

   “เจ้าต่างหาก ที่พาผู้หญิงเก่ามาพลอดรักในฮาเร็ม เจ้านั่นแหล่ะที่ทำผิดซ้ำซากนับครั้งไม่ถ้วนไม่มีสิทธิ์มาว่าเราเลยแม้แต่นิด เจ้าไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของเราเลยแม้แต่นิดเดียว” เอลิยาห์หอบจนตัวโยนเพราะต่อว่าออกไปเป็นชุด ในตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดใบหน้าอันขุ่นเคืองของแดริลกกลับมีรอยยิ้มพร่างพราวจนทำให้คนตรงหน้าสดใสหล่อเหลามากขึ้นอีกหลายเท่า แดริลคว้าร่างบางเข้าไปกอดรัดแล้วประทับจูบอ่อนหวานเนินนานจนคนถูกมอบความรักใจเต้นจนแทบระเบิดออกมาจากอก

   “เจ้าทำอะไร” เอลิยาห์ใช้หลังมือเช็ดน้ำลายที่เปรอะเปื้อนริมฝีปาก ใบหน้าของเขาแดงก่ำ หัวใจดวงน้อยๆ เต้นระส่ำจนหยุดเอไว้ไม่ได้

   “ปลอบโยนคนที่กำลังอารมณ์เสียอยู่อย่างไรเล่า”
   
“บ้าชัดๆ พี่น้องกันเขาไม่ปลอบโยนด้วยจูบแบบนี้”
   
“ไม่เคยคิดว่าเจ้าเป็นน้องชายเลยแม้แต่สักครั้งเดียว” แดริลยิ้มหวานหยดย้อยก่อนจะผละจากไป เอลิยาห์ถึงแม้จะถูกปล่อยเอาไว้ตามลำพังก็ยังใจเต้นกับรอยยิ้มอันน่าตื่นตาจนควบคุมร่างกายและจิตใจให้กลับเป็นปกติไม่ได้

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มาลงช้ากว่าปกติ แต่พรุ่งนี้จะลงให้อีกตอนนะคะ


หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 17<23/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 23-09-2015 21:07:52
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 17<23/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 24-09-2015 04:12:30
เด็กที่ไหนโผล่มาอีกละเนี่ย!? อย่าบอกว่าเป็นลูกแดริลจริงๆ นะ!
แต่แดริลก็ดีใจที่เอลิยาห์หึงสินะ -..- จับมาจูบเลย ร้ายนี่หว่า
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 17<23/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 24-09-2015 19:34:16
เรารอน้าาาาา รออยู่นะะะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 17<23/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 24-09-2015 22:28:27
เป็นเรื่องที่ดำเนินได้ว่องไวสุดๆ
อ่านแล้วทั้งเข้าใจ และไม่เข้าใจในตัวแดริลจิงๆ
(ดูขัดแย้งในความคิดตัวเองมากอ่ะ 5555)
คือเข้าใจที่แดริลทำตอนเป็นผู้ดูแลนะ โดนคนที่รัดเมินก้ออยากเรียกร้องความสนใจ (แต่ติดจะคุกคาทไปนิดนะ นั่นเอลียาห์ตอนสิบกง่ขวบเองนะ!!)
แต่พอมาเปนราชา ก้อผยองปนห่วงใย คือหมั่นไส้อ่ะนะว่ากันตรงๆ 55555555
ส่วนอาลียาห์อารมณ์เหมือนผู้หญิงตอนมีปนะจำเดือน ขึ่นๆลงๆสุดๆ 55555
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 17<23/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 24-09-2015 23:09:44
ตอนที่18

“ท่านเอลียาห์”

ฟาติมาโผเข้ากอดไปพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นจนคนโดนกอดตื้นตันใจมากเกินกว่าจะกล่าว นอกจากนั้นซาลามซึ้งถูกพามาด้วยกันก็ยังร้องไห้ด้วยเช่นกัน ทำให้เอลียาห์ที่คาดไม่ถึงดีใจจนยิ้มแก้มปริ

ไม่คิดมาก่อนว่าทั้งสองคนจะห่วงใยตนถึงเพียงนี้

เอลียาห์คิดขณะตอบคำถามสารทุกข์สุกดิบที่ฟาติมาเป็นคนป้อนไม่หยุด ขณะเดียวกันซาลามซึ่งรู้งานก็ปรณนิบัติรับใช้โดยการชงชามาให้แถมยังมีน้ำใจชงเผื่อฟาติมาเสียด้วย

“ดื่มชาก่อนเถอะ ซาลามก็ชงให้ตัวเองด้วยนะ”
ซาลามรับคำสั่งเอลียาห์ก่อนจะชงชาให้ตนเอง

“ฝ่าบาทแดริลไม่น่าทำแบบนี้เลย ทำไมถึงได้เปลี่ยนไป” ฟาติมารำพึงรำพัน

“คนเราเมื่อเติบโตขึ้นก็ต้องเปลี่ยนไปบ้างนั่นล่ะพี่ฟาติมา”
เอลียาห์ปลอบโยนพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้ฟาติมา

“พี่ฟาติมารู้เรื่องของจัสมินกับแดริลบ้างหรือไม่”
ฟาติมาส่ายหน้า ในตอนนั้นซาลามซึ่งนั่งเงียบอยู่นานก็ขานรับคำถามของเอลียาห์

“เจ้ารู้หรือซาลาม”

“รู้ดีเลยล่ะครับ จัสมินเป็นเพื่อนสมัยเด็กของข้า”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าช่วยเล่าให้ฟังทีสิ”

“ครับ”

เอลียาห์นั่งฟังอย่างกระตือรือร้น ซามลามเริ่มเล่าตั้งแต่พื้นฐานนิสัยอันทะเยอทะยานของจัสมิน ถึงแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของแดริลแต่เด็กหนุ่มก็ยังนิ่งฟัง

จัสมินนอกจากจะรูปสวย ความจริงแล้วเจ้าหล่อนไม่จำเป็นต้องเข้ามาเป็นข้ารับใช้เสียด้วยซ้ำ ทว่าเธอต้องการเข้าหาเอลียาห์ซึ่งเป็นเจ้าชาย ความฝันของเธอคือการได้สมรสกับชนชั้นสูง

แน่นอนคนในครอบครัวก็สนับสนุน ดังนั้นหน้าที่ตำแหน่งในพระราชวังของหล่อนจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็วด้วยเงินทองสินบนที่พ่อแม่ยัดเยียดให้ขุนนาง

เอลียาห์ตกใจจนเผลอกำมือเข้าหากันแน่น เมื่อรู้ว่าเป้าหมายจริงๆแล้วคือตนเอง ถึงแม้เธอจะอายุมากกว่าแต่ถ้าพึงใจขึ้นมา ไม่มีใครกล้าขัดขวางความต้องการของเขาแน่ๆ

แล้วทำไมเธอถึงไปวุ่นวายกับแดริล

เด็กหนุ่มตั้งคำถามนี้กับซาลาม

“จัสมินบอกว่าเธอมองคนไม่ผิด ฝ่าบาทแดริลทั้งรูปงามเฉลียวฉลาด นอกจากนั้นแม้แต่ข้าน้อยยังรู้สึกว่าท่านผู้นั้นมีสง่าราศีไม่เหมือนคนธรรมดา”

“เช่นนี้นางถึงตกลงปลงใจกับฝ่าบาทรึ นางไม่ธรรมดาจริงๆ”
ฟาติมาพูดขณะยกมือขึ้นทาบอก

“จัสมินประสบผลสำเร็จกับการลงทุนกับแดริลเสียด้วย นางมีลูกของแดริล”

ฟาติมาอุทานดังเอ๊ะ เธอลนลานพูดว่า เธอไม่รู้มาก่อนว่าเป็นลูกของแดริล เธอเข้าใจเพียงแค่จัสมินท้องก่อนแต่งและใช้เงินจำนวนมากยัดเยียดขุนนางให้ปกปิดแล้วกลับบ้านเกิดไป

“นางรอคอยเวลาอย่างเชื่อมั่นครับ นางมั่นใจว่าฝ่าบาทแดริลต้องไม่เมินเฉยต่อทายาทของตนเอง”

“นางมั่นใจได้อย่างไรกัน”
ฟาติมาทักท้วงซาลาม

“นางพูดว่าฝ่าบาทแดริลมีแผลในใจที่รักษาไม่หาย ท่านผู้นั้นจะไม่ทอดทิ้งบุตรชายของตน ถึงแม้ว่าจะไม่ตั้งใจให้กำเนิด สำหรับนางต่อให้ไม่ได้รับความรักจากฝ่าบาทอย่างแท้จริงแต่ซาอิดไม่สิเจ้าชายซาอิดมีคุณค่าที่จะช่วยให้นางได้สิ่งที่ต้องประสงค์”

“นางช่างร้ายกาจ นางไม่ได้รักลูกของนางเลยหรือ”

“รักสิ แต่คนทะเยอทะยานอย่างนางความรักไม่ใช่สิ่งสำคัญนัก”

เอลียาห์สูดลมหายใจเข้าปอดโดยแรง ขาบอกตนเองซ้ำไปซ้ำมาให้อย่าไปยุ่งเรื่องระหว่างแดริลกับจัสมิน คนสองคนจะรักกันหรือไม่ไม่เกี่ยวกับเขา หากแต่นึกถึงใบหน้าอันน่ารักหล่อเหลาตั้งแต่ยังเยาว์ของซาอิดเด็กหนุ่มก็นึกสงสารจับใจ
เด็กคนนั้นจะถูกพ่อกับแม่ใช้งานอะไรอีกเสียเท่าไหร่ จะทนรับเรื่องเลวร้ายที่พ่อแม่ยัดเยียดให้ได้หรือเปล่านะ

หลังจากนั้นไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ก็สลัดภาพเด็กชายตัวน้อยออกไปไม่ได้ ดังนั้นเอลียาห์จึงตัดสินใจออกไปเดินเล่น เมื่อถูกบอกกล่าวจากข้ารับใช้ของแดริลเรื่องที่ได้รับอนุญาตให้ออกมาเดินด้านนอกได้อย่างอิสระ

“อ๊ะ”
เอลียาห์อุทานเบาๆเมื่อถูกชนด้วยอะไรบางอย่างพอหันไปมองก็พบกับเด็กชายตัวน้อยซึ่งน่าจะเป็นซาอิด

“ไปหลบไปหลบเร็ว”
ถึงแม้จะพูดไม่ชัดเท่าไหร่นักแต่ก็ดูฉลาดเฉลียว ซาอิดกระตุกมือเอลียาห์ให้เดินตามไปหลบอยู่ในพุ่มไม้

“ชู่ชู่”
ซาอิดเอานิ้วชีจรดริมฝีปากแล้วส่งเสียงเตือนให้เงียบ เอลียาห์ซึ่งเข้ามาหลบในพุ่มไม้หนาเพ่งมองหญิงรับใช้ร่างท้วมที่มีท่าทางกรุ่นโกรธสาละวนค้นหาซาอิดไปพร้อมกับก่นด่า

“เจ้าเด็กบ้า”
หญิงร่างท้วมสบถ เมื่อหาไม่เจอ เจ้าหล่อนก็เดินไปค้นหาต่อยังที่อื่น

“นางปีศาจไปแล้ว”
ซาอิดยิ้มกว้างก่อนจะจูงมือของเอลียาห์ให้ออกไปนอกพุ่มไม้รก

“ทำไมเรียกเธอว่านางปีศาจ นางเป็นพี่เลี้ยงของเจ้าใช่หรือไม่”

“นางปีศาจนั่นน่ารำคาญ นางบอกว่าเราสู่รู้เกินเด็ก”
เอลียาห์ร้องอ้อ แล้วเริ่มซักถามต้นเหตุทั้งหมดจากซาอิดอย่างจริงจัง ซาอิดเริ่มเล่าถึงความไม่เอาใจใส่และไร้ระเบียบของนาดา

“นาดาหงุดหงิดง่าย อาจเป็นเพราะหาสามีไม่ได้สักที ท่านแม่บอกว่าทั้งชีวิตนางก็หาใครมาแต่งงานด้วยได้ยาก พอเราโมโหที่นางแกล้งเอาน้ำขมขมมาให้เราทานเราก็เลยว่านางไปแล้วก็โกรธจนอาละวาดใส่ทุบตีเราตอนท่านแม่ไม่ว่าง”

“แล้วทำไมไม่บอกท่านแม่ นาดาทำกับเจ้าอย่างนี้บ่อยไหม”
ซาอิดมีสีหน้าสลดเมื่อถูกถาม เด็กน้อยนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะตอบ

“ท่านแม่มีเรื่องมากมายต้องทำ ท่านจะมาหาเราแค่ตอนให้การศึกษาและฝึกมารยาทเท่านั้น วันหนึ่งเราพบหน้าท่านแม่ห้าถึงหกชัวโมงได้”

“ท่านแม่สอนเองหรือ”

“ไม่ ท่านแม่มาดูเรานั่งเรียนกับท่านครู”
เอลียาห์พยักหน้าเข้าอกเข้าใจ

“งั้นวันนี้ไม่เรียนหนังสือหรือ”

“เรียนพอแล้ว ท่านแม่ออกไปทำธุระข้างนอกจึงปล่อยให้เราอยู่กับนาดาเหมือนทุกวัน”

“ถ้าอย่างนั้นไปกินขนมกันดีกว่าไหม”

เอลียาห์ชักชวนด้วยรอยยิ้ม เพราะอะไรไม่ทราบท่าทางอันเฉลียวฉลาดและใบหน้าน่ารักคมคายทำให้เขาเกิดความเอ็นดูจนอยากจะนั่งพูดคุยเรื่องของซาอิดอีกสักหน่อย

เมื่อซาอิดตอบรับเด็กหนุ่มจึงพากลับไปยังห้องส่วนตัวของเขาหลังจากซักถามจนแน่ใจแล้ว ซาอิดบอกว่า ไม่มีปัญหาและสามารถไปกับเขาได้

“อะไรกันนี่อ่านหนังสือได้แล้วหรือ”
เอลียาห์แปลกใจมากเมื่อพบว่าซาอิดสามารถอ่านหนังสือที่ตนอ่านค้างไว้ได้

“เข้าใจหรือเปล่าที่อ่านออกมา”

“เข้าใจบ้างแค่บางอย่าง” ซาอิดตอบ

“แล้วเขียนตัวอักษรได้ไหม”
เอลียาห์สั่งให้ซาลามนำกระดาษกับดินสอมาให้เด็กหนุ่มยื่นส่งให้ซาอิด

“นี่ไง”
ซาอิดเขียนชื่อตนเองลงไปในม้วนกระดาษ ตัวอักษรของเด็กน้อยสวยงามจนเอลียาห์ยังถอดถอนหายใจ

“เก่งเหลือเกิน”
เมื่อได้รับคำชมซาอิดก็มีสีหน้าเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัดจนเอลียาห์เห็นว่าผิดท่า

“ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า”

“เราไม่อยากเก่งเลย”
เด็กน้อยก้มหน้าลง ความไม่สบายใจของซาอิดเอลียาห์รับรู้ได้โดยไม่ต้องสังเกตให้มากนัก

“มีเรื่องอะไรหรือบอกอามาเถอะ”
เด็กหนุ่มอุ้มซาอิดขึ้นมานั่งบนตักก่อนจะใช้มือลูบศีรษะเล็กไปมาปลอบโยน

“ท่านแม่ยิ่งชมว่าเราฉลาดก็ยิ่งเข้มงวดกับเรามาก ท่านแม่เอาแต่บอกว่าทั้งหมดเพื่อตัวเรา การเรียนมีเพื่อตัวเรา แต่ไม่เคยบอกว่าเราตั้งใจเรียนขนาดนี้จะมีความสุขที่ตรงไหน ท่านแม่เอาแต่บอกซ้ำๆและเข้มงวดจนเราแทบไม่มีเวลาไปเล่นสนุกกับใครเลย”

“อยากไปเล่นกับเด็กคนอื่นหรือ”
เอลียาห์ยิ้มเศร้าๆ เขาอดเปรียบเทียบเด็กน้อยกับตนเองในวัยเด็กไม่ได้

“ไม่มีใครเล่นกับเราหรอกทุกคนกลัวท่านแม่เอาเรื่อง”

อิดตอบด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยไม่แพ้กัน ตอนนี้ดวงตาเด็กน้อยชุ่มฉ่ำด้วยหยาดน้ำ เอลียาห์หวนนึกถึงวัยเด็กของตนที่พยายามให้พระราชบิดาปลาบปลื้มและยินดีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เขาโกหกตัวเองทุกครั้งที่ทำพลาดแล้วเห็นสีหน้าเศร้าๆของบาดี เด็กหนุ่มในตอนนั้นต้องแอบไปร้องไห้เพราะกลัวพระราชบิดาจะผิดหวังทุกครั้งไป

“รังเกียจการเรียนหรือเปล่า”

“ไม่เลย”
ซาอิดส่ายหน้าไปมา เอลียาห์ชื่นชอบเด็กน้อยมากยิ่งขึ้นไปอีก จนอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มจนซาลามและฟาติมายังตกใจ

“ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งใจต่อไปเพื่อตัวเองนะ อาเชื่อว่าท่านแม่ของซาอิดจะต้องมีความสุขไปด้วยแน่ๆ”

“จริงๆนะหรืออย่างนี้ดีจริงๆนะหรือ”
ซาอิดถามอย่างลังเล

“แน่นอนเชื่ออาสิ”

เมื่อถูกให้ความมั่นใจซาอิดที่ปลาบปลื้มอย่างที่สุดก็ฉีกยิ้มกว้าง จากนั้นเด็กน้อยก็อยู่เรียนหนังสือกับทานอาหารร่วมกับเอลียาห์ก่อนจะลากลับไปหลังจากนั้นอีกสองสามชั่วโมง

“เป็นเด็กดีจริงๆนะคะ”
ฟาติมาเอ่ยชม

“ไปส่งให้ถึงมือคนรับใช้ที่ชื่อนาดาหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ”
ฟาติมาส่ายหน้า

“ท่านซาอิดบอกไม่ต้องการให้ใครรู้ค่ะ ข้าแค่ไปส่งให้ถึงในสวนเท่านั้น อ้อท่านซิดยังบอกอีกด้วยในวันพรุ่งนี้เวลาเดิมจะมาหาท่านเอลียาห์อีกค่ะ”

เอลียาห์กับฟาติมายิ้มให้กัน ท่าทางมีความสุขของคนทั้งคู่ทำเอาซาลามหวาดวิตก ผู้เป็นนายอย่างเอลียาห์ลืมนึกถึงจัสมินไปเสียสนิทเรื่องที่อาจทำให้นางไม่พอใจที่ไปยุ่งวุ่นวายกับบุตรชายเพียงคนเดียว

“มีอะไรหรือซาลาม”

“เปล่าครับข้าคิดว่าจะชงชาให้ท่านอีกซักถ้วย”
เอลียาห์พยักหน้าจากนั้นเขาก็นั่งดื่มชาด้วยอารมณ์แช่มชื่น เด็กหนุ่มรอคอยให้วันพรุ่งนี้มาถึงอย่างใจจดใจจ่อ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มาลงต่อแล้วค่ะดึกไปหน่อยแฮะ

เราขำมากที่คนอ่านบอกเอลียาห์นางเหมือนผู้หญิงมีประจำเดือน

คือตอนเราเขียนขอสารภาพเรานึกถึงแต่สตรีสูงศักดิ์ง่ะ

เอลียาห์เลยออกมาเป็นเช่นนี้ ค่ะ

เป็นความผิดเราเอง คือไม่รู้ทำไมอยากเขียนอุเคะแนวนี้จริงๆให้ดิ้นตาย

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเม้นนะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 18<25/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 25-09-2015 07:09:26
เด็กน้อยน่ารักจิงเชียว
เหมือนเห็นอาลียาห์ ผสมกับแดริล เบาๆ ^^

ปล. ที่บอกว่าอาลียาห์เหมือน ผญ มีประจำเดือน นี่เราไม่ได้ว่านะ น่ารักดี เราก้อชอบ 555555
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 18<25/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 25-09-2015 07:26:37
อยากให้ซาอิดเป็นลูกเอลียาห์กะแดริลจัง T^T เด็กน่ารักไม่เห็นเหมือนแม่เลย
แดริลคิดอะไรอยู่กันแน่เนี่ย
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 18<25/9/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 02-10-2015 08:15:25
19

เป็นเวลาถึงสองวันติดกันที่ซาอิดแอบหนีมาพบกับเอลียาห์ วันนี้ก็เหมือนทุกวัน เด็กหนุ่มสอนซาอิดเล่นฌาตตรัญจ์
เป็นเวลาเกือบถึงสองชั่วโมงที่ถูกรบเร้าให้เล่นด้วยซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้เบื่อ

“ซักวันเราต้องชนะท่านอาให้ได้”
ซาอิดหมายมาดหลังจากที่ถูกพิชิตเป็นครั้งที่ห้าของวัน

“แต่อาว่าซาอิดเล่นเก่งมากนะ”
เอลียาห์พูดความจริง ซาอิดใช้เวลาเรียนรู้ฌาตตรัญจ์แค่สองวันเท่านั้นก็สามารถทำให้เขาเดินหมากได้ยากลำบาก และต้องวางกลยุทธในการเดินตั้งแต่ต้นในครั้งต่อต่อมา เด็กน้อยพัฒนาการรวดเร็ว จนในหัวของเอลียาห์มีคำว่า อัจฉริยะผุดขึ้น

“เคยมีใครชมว่าซาอิดเก่งหรือเปล่า”

“อาจารย์ชมบ่อย แม้แต่ท่านพ่อที่ฉลาดมากๆยังเอ่ยชมเราเลย”

“แดริลนะหรือ เขาชมเจ้าว่าอย่างไร”

“ท่านพ่อบอกว่าเราฉลาดแล้วก็ดีใจจริงๆที่มีเราเป็นบุตร”

ดีใจที่ได้ซาอิดเป็นบุตรอย่างนั้นหรือ

แดริลคงปลาบปลื้มกับลูกชายคนแรกผู้นี้มาก

ปวดในอกเหลือเกิน

เอลียาห์กุมมือที่หน้าอกแน่นก่อนจะสะบัดหน้าไปมา เด็กหนุ่มพยายามออกคำสั่งกับตัวเองให้อย่าอิจฉาแม้กระทั่งเด็กตัวน้อยๆ

เรากลายเป็นคนใจแคบอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

เด็กหนุ่มเล่นฌาตตรัญจ์ต่ออย่างใจลอย เผลอแผลบเดียวก็ถูกซาอิตพิชิตเกมส์กระดานเข้าจนได้

“เย้ชนะท่านอาแล้ว”
ซาอิดชูมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกับโห่ร้อง

“ท่านอาใจลอยแบบนี้บ่อยๆเราคงชนะได้หลายตา”
เอลียาห์ยิ้มเจื่อนก่อนจะพลุ่งพล่านขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มทะเล้นของซาอิด เด็กหนุ่มฮึกเหิมอยากจะเอาชนะจนถลกแขนเสื้อทั้งสองข้างไปพลางยิ้มไปพลาง

“คราวนี้เดี๋ยวรู้กันอาไม่ยอมแพ้แน่ๆ”
ฟาติมากับซาลามที่ยืนคอยรับใช้หัวเราะกับท่าทางอันน่าสนุกสนานของอาหลาน ในตอนนั้นเสียงหวานๆของจัสมินก็ดังที่หน้าประตู เอลียาห์สั่งให้ซาลามเชิญหล่อนเข้ามาในทันที

“ต้องขอบคุณท่านเอลียาห์จริงๆที่ช่วยดูแลบุตรชายของข้าค่ะ”
จัสมินนั่งเผชิญหน้ากับเขาพูดพลางใช้มือลูบศีรษะของซาอิด

“เพราะกลัวว่าจะเป็นการอัดความรู้มากเกินไปข้าก็เลยยังไม่เรียกท่านครูมาสอน ต้องขอบคุณอีกหลายๆครั้ง หากรู้ว่าซาอิดชอบถึงเพียงนี้จะหาท่านครูมาสอนให้และคงรบกวนท่านเอลียาห์แบบนี้ไม่ได้อีก”

เอลียาห์เตรียมตัวเอ่ยค้าน เขาอยากเจอหน้าซาอิดอีกหลายๆครั้ง การมาของเด็กน้อยช่วยให้ชีวิตที่ถูกกักบริเวณอย่างไร้เหตุผลมีสีสันและทำให้เขามีความสุข หากแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ซาอิดก็ร้องโวยวายขึ้นมา

“เราไม่เอาอาจารย์คนใหม่ เราจะให้ท่านอสอนเรานะท่านแม่”

ใบหน้าสวยงามของจัสมินปรากฎความไม่พอใจชั่วแวบก่อนจะแย้มยิ้มให้บุตรชาย

“ไม่ดีเลยนะซาอิด รบกวนคนอื่นแบบนี้อย่าลืมสิท่านเอลียาห์เป็นคนอื่น”

“คนอื่นเสียที่ไหนท่านแม่ ท่านอาเป็นน้องชายของท่านพ่อ เป็นญาติของเรา ทำไมเราจะสนิทสนมกับท่านอาไม่ได้”

“ซาอิด”
จัสมินเสียงกร้าวจนซาอิดมีสีหน้าตื่นตระหนก พอรู้สึกถึงสายตาของคนในห้องหญิงสาวก็เปลี่ยนท่าทีเป็นอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น

“เอาเถอะ ถ้าลูกอยากจะเอาอย่างนั้นก็ตามใจ”
ซาอิดยิ้มกว้างในขณะที่จัสมินหันมาพูดกับเอลียาห์

“ข้าต้องรบกวนท่านเอลียาห์นะคะ อีกอย่างระหว่างที่ซาอิดมาที่นี่ ข้าจะขอมานั่งดูแลลูกชายของข้านะคะ”
เอลียาห์ยิ้มฝืดเฝื่อน ดีใจที่ได้เจอซาอิดทุกวัน แต่หากมีจัสมินมาด้วยเขาคงอึดอัดแย่ ทว่าพอหันไปสบดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังของหลานตัวน้อย เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

“เราอนุญาต เราเข้าใจว่าเจ้าเป็นห่วงซาอิด”
จากนั้นผ่านไปอีกสามวัน ทุกทุกวันซาอิดจะมานั่งเล่นฌาตตรัญจ์และเรียนรู้เรื่องต่างๆกับเอลียาห์โดยมีจัสมินคอยนั่งสังเกตการณ์

“ท่านเอลียาห์คิดว่าซาอิดมีคุณสมบัติจะได้ครองราชย์ต่อจากฝ่าบาทหรือไม่คะ”
จัสมินเปิดประเด็นในขณะที่ซาอิดถูกฟาติมาพาไปอาบน้ำ

“เรื่องนั้น”
เอลียาห์อึกอัก ขณะที่พยายามครุ่นคิดก็ถูกจัสมินเอ่ยถามประโยคต่อไปโดยไม่ยอมเปิดโอกาสให้เขาคิดหรือตอบ

“ข้าเข้าใจว่าอีกหน่อย ฝ่าบาทจะต้องมีนางสนมหรือหญิงในฮาเร็มอีกมากมาย การที่ให้ข้ารับใช้เปิดฮาเร็มแบบนี้ยืนยันเรื่องนั้นได้ชัดเจน”

“เจ้ากลัวซาอิดมีคู่แข่งอย่างนั้นหรือ”
จัสมินแย้มยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย

“ข้าหวังว่าท่านเอลียาห์จะสนับสนุนซาอิด บางที่การทีท่านเอ็นดูลูกของข้า อาจทำให้เขากลายเป็นคนโปรดอันดับหนึ่งของฝ่าบาท”

“ทำไมคิดเช่นนั้น”
เอลียาห์ไม่เข้าใจสิ่งที่จัสมินพูด เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าการพึงพอใจของเขา จะทำให้ซาอิดได้รับความเมตตาจากแดริลมากกว่าใครๆได้อย่างไร

“ตลอดเวลาหลายปีที่ข้าคบหากับฝ่าบาท ท่านเอลียาห์ได้รับความรักความภักดีจากฝ่าบาทอย่างมากถึงข้าจะอิจฉาแต่แน่ใจว่าหากน้องชายที่ฝาบาทรักใคร่อย่างท่านสนับสนุน บัลลังค์กษัตริย์คงอยู่ไม่ไกลเกินซาอิดเอื้อม”

“ซาอิดเป็นเด็กฉลาด แดริลไม่มีทางมองข้ามอยู่แล้ว”

“ท่านไม่เข้าใจ อีกหน่อยจะมีหญิงงามมากมายคอยให้การสนับสนุนบุตรคนอื่นๆ แต่ว่าตัวข้า”
จัสมินหยุดชะงักครุ่นคิดแล้วเหยียดยิ้มออกมา การที่หล่อนไม่ยอมพูดให้จบประโยค ทำเอลียาห์กระวนกระวายใจมากกว่าที่คิด

“ท่านอาท่านแม่”

ซาอิดที่อาบน้ำจนหอมกรุ่นวิ่งเข้ามาโดยมีฟาติมากับซาลามเดินตามหลัง ในตอนนั้นจัสมินตัดสินว่าเป็นเวลาเย็นมากแล้ว เจ้าหล่อนก็ขอตัวลากลับ ขณะที่ลุกขึ้นยืน ร่างระหงเสล้มจนเอลียาห์ต้องโผเข้าไปรับ

“เป็นอะไรหรือเปล่า”
ใบหน้าของเอลียาห์ห่างจากจัสมินแค่เล็กน้อยจนแทบจะรู้สึกถึงลมหายใจ ระหว่างนั้นเสียงอันเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองก็ดังอยู่ที่ด้านหลัง ทั้งคู่หันไปมอง

“มาขัดจังหวะหรือเปล่า”
แดริลซึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูเอ่ยถามในมือของชายหนุ่มมีช่อดอกไม้กับกล่องใบหนึ่งอยู่ด้วย

“ท่านพ่อ”
ซาอิดยิ้มกว้างแล้ววิ่งเข้าไปคลอเคลียแดริลที่ก้าวเข้ามายืนเบื้องหน้าเอลียาห์และจัสมิน

“จะแยกจากกันได้หรือยัง”
ทั้งสองคนแยกออกจากกันแทบไม่ทัน เอลียาห์ดูตื่นตระหนก แต่จัสมินกลับไม่ยี่หระเท่าไหร่ เธอยังแย้มยิ้มได้อยู่

“ฝ่าบาทเอาอะไรมาหรือคะ”
จัสมินถามพลางใช้สายตาจ้องดูดอกแบล็คไอริสกับกล่องที่มีลวดลายสวยงาม

“แบล็คไอริสกับขนม”
แดริลเอ่ยเสียงขรึม ดวงตาคมที่มองมาอย่างแฝงความหมาย เอลียาห์ไม่เข้าใจว่ากำลังจะบอกอะไร แต่ทว่าถ้าแดริลเข้ามาในห้อง ย่อมหมายถึงต้องการนำของเหล่านี้มากำนัลให้เขา

“ขนมนี้คงจะนำมามอบให้ซาอิดใช่ไหมคะ”
เอลียาห์หันกลับไปมองดูแดริลที่ยังคงเขม่นมองตนเอง ดวงตาสีฟ้าบอกชัดถึงความไม่พอใจ

“ท่านเอลียาห์โตแล้วคงไม่ทานขนมละมั้งคะ”
จัสมินถามความเห็นเอลียาห์ด้วยรอยยิ้มกว้าง เด็กหนุ่มมองสลับไปมาระว่างคนที่ฉีกยิ้มและคนที่กรุ่นโกรธ ด้วยไม่รู้จะตอบออกไปเช่นไรดี จังหวะนั้นรอยยิ้มท้าทายจุดขึ้นบนริมฝีปากของแดริล

“นั่นสิ เอลียาห์โตแล้วคงไม่ทานขนมหรอกมั้ง”

ใจความประโยคบอกอยู่กลายๆเรื่องที่อีกฝ่ายต้องการนำของเหล่านั้นมาให้เขา สำหรับเอลียาห์ถึงแม้จะต้องสละขนมให้ซาอิดก็ไม่รู้สึกเสียดายอะไร หากแต่ช่อดอกไม้แดริลก็มอบมันให้จัสมินด้วย

“ตายจริงฝ่าบาทให้ข้าหรือนี่”
จัสมินหัวเราะพลางปลายมองเอลียาห์ แววตาที่สนุกสนาน ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า เจ้าหล่อนกำลังยินดีที่ได้แย่งของไปจากเขา อึดอัดใจจนแทบระเบิด

“เจ้ารับมันไปเถอะ”
แดริลถึงจะสนทนากับจัสมินแต่ก็ใช้ดวงตาจ้องมองมายังเอลียาห์อยู่ตลอดเวลา แววตาเย้ยหยันเช่นนั้นสร้างความผิดหวังจนอยากจะไล่แดริลและจัสมินออกไปให้พ้น

“ว้าวอร่อยจัง”
ซาอิดที่รับกล่องขนมไปแล้วหยิบกินเอ่ยชมเสียงดัง
จากนั้นเด็กน้อยก็วิ่งเข้ามาหาเอลียาห์ก่อนจะร้องเรียกให้ร่างบางกินขนมจากมือของตน

“อ้ำๆ”
ซาอิดเร่งเร้าเอลียาห์ เด็กหนุ่มดีใจจนหน้าแดง โน้มตัวลงไปทานขนมจากมือหลานชาย

“อร่อยใช่ไหม”

“อื้ม”
เอลียาห์พยักหน้าถี่รัว ในอกอุ่นซ่านด้วยความปลื้มปิติที่ได้รับความรักและรอยยิ้มจากซาอิด

“ซาอิดมารบกวนเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่”

เอลียาห์เงยหน้ามองแดริลขณะที่ถูกซาอิดป้อนขนมเป็นชิ้นที่สอง แต่ยังไม่ทันได้ตอบ จัสมินก็เอ่ยชวนให้คนตรงหน้าไปดื่มชาที่ห้องของตัวเองเสียก่อน คนถูกชวนดูรำคาญคำเชิญอย่างเปิดเผย

“ท่านพ่อไปเถอะ เรามีภาพวาดที่วาดต่อหน้าท่านครูให้ท่านพอชม”
ซาอิดยื่นกล่องขนมให้เอลียาห์แล้ววิ่งวนไปรอบๆแดริล เด็กน้อยคาดหวังเอาไว้สูงและไม่คิดที่จะได้ยินคำปฏิเสธจากผู้เป็นพ่อ

“ท่านพี่แดริลไปกับซาอิดเถอะครับข้าจะผักผ่อน”

เอลียาห์พูดกับแดริลก่อนจะหันไปขยิบตาให้ซาอิดซึ่งโห่ร้องชอบใจ จากนั้นเมื่อทุกคนพากันจากไป ถึงจะเจ็บปวดจากการถูกประชดประชันแต่คำสัญญาของซาอิดก็ทำให้แช่มชื่นในอก เด็กหนุ่มรอคอยการมาของหลานชายในวันพรุ่งนี้อย่างใจจดใจจ่อ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

อีกสองสามวันจะเอาตอนต่อไปมาลงนะคะ

หายไปยาวอีกแล้ว งานเยอะมากเลยจนไม่มีเวลาพิมส์เลยล่ะคะ

ตอนนี้กำลังเขียนเรื่องใหม่อยู่

คงต้องรอให้หลายๆตอนหน่อยถึงจะเอาลงน่ะคะ

รักคนอ่านค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 19<2/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 02-10-2015 08:36:10
เรารู้สึกว่าแดริลไม่ทำตัวให้ชัดเจนและไม่แมนเอาเสียเลย การกระทำกำกวม นี่รักกันแน่หรอ เราก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันจะยังไงต่อไป อ่านแล้วรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 19<2/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 02-10-2015 08:55:47
แง่ง เป็นคนซับซ้อนแต่เด็กพอโตมายิ่งอาการหนักมาก

จริงๆ ก็พอกันทั้งสองคน แถมยังมีตัวแปรแบบจัสมินที่แซะได้จังหวะตลอด - -"
ไหนจะซาอิด


ท่าทางจะอีกไกลกว่าจะลงเอย
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 19<2/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 02-10-2015 12:40:06
เบื่อจัสมิน  -_-" ที่เซๆ นี่เป็นโรคอะไรเปล่าเนี่ย
แต่ซาอิดน่ารักมากก
รอตอนหน้าน้า
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 19<2/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 02-10-2015 16:18:48
งงแดริลเป็นอันมาก กำกวมตลอดอ่ะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 19<2/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 05-10-2015 23:31:21
20

“ขนมของท่านแม่อร่อยใช่ไหมท่านอา”
ซาอิดซึ่งก่ายเกยบนหน้าตักของเอลียาห์ที่นั่งขัดสมาธิฉีกยิ้มหวาน วันนี้หลังจากสอนอะไรหลายๆอย่างให้หลานชาย เด็กหนุ่มก็ถูกจัสมินชักชวนให้ทานขนมที่เธอทำด้วยตัวเอง

“อร่อยมากๆ” เอลียาห์เอ่ยชม

“ดีใจที่ท่านเอลียาห์ชอบค่ะ ข้ามักจะตระเวนนำอาหารที่ทำเองไปแจกจ่ายเพื่อนและสามีของเพื่อนอยู่เสมอ ตอนนี้นับว่าโชคดีที่ท่านคอยช่วยชิมให้ก่อนที่จะนำไปให้ผู้อื่นทาน”

“เรื่องเล็กน้อย เราชอบทานขนมหวานมากอยู่แล้ว”

“ยังไงก็ต้องขอบคุณท่านเอลียาห์ค่ะที่อุตส่าห์มา”
ถึงจะเรียกว่ามาเยี่ยมเยียนแต่อันที่จริงก็แค่พบปะทานขนมกันที่ห้องโถงซึ่งมีผู้คนผ่านไปมาได้ตลอดเวลา ที่เป็นเช่นนั้นเพราะกฎจารีต ชายหญิงไม่สามารถอยู่ในที่รโหฐานตามลำพังได้

“ท่านจัสมินเจ้าคะ”
หญิงรับใช้เข้ามากระซิบยังข้างหูของผู้เป็นนาย จัสมินยิ้มแย้มเมื่อได้ฟังคำรายงาน

“ข้ามีแขกมาหาค่ะท่านเอลียาห์ เป็นเพื่อนสาวของข้าเอง”

“ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องกลับแล้วสินะ” เอลียาห์ผุดลุกขึ้น

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ คือมันอย่างนี้ ที่จริงแล้วข้าขอสารภาพว่าเพราะไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ข้าก็เลยเอาเรื่องที่ได้มีโอกาสสนิทสนมกับท่านไปเล่าให้อามีร่าฟัง นางกับข้าค่อนข้างไม่ถูกกัน นางจึงเย้ยหยันหาว่าข้าโกหก ก็เลยใช้อุบายล่อหลอกท่านให้มาพบหน้านางเพื่อตัวเองซักครั้งค่ะ”

“ทำอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ”
เอลียาห์ตำหนิ ถึงจะยุ่งยากใจเพียงไหนแต่เป็นกังวลแทนจัสมินที่อาจถูกต่อว่าทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของเขาเองอยู่บ้างเหมือนกัน

“ได้โปรดเถอะค่ะท่านเอลียาห์แค่อยู่ทานน้ำชากับขนมสักพัก นางพบกับข้าไม่นานหรอกค่ะ”
เด็กหนุ่มลังเลใจอยู่นาน พอได้ยินคำขอร้องของซาอิด เด็กน้อยเล่าถึงนิสัยสุดจะแย่ของอามีร่าให้ฟังหลายอย่าง เพราะสงสารหลานชายที่กลัวมารดาถูกรังแกเขาจึงตกปากรับคำไป

“ขอบพระคุณจริงๆค่ะท่านเอลียาห์ ซาอิดไปเดินเล่นกับท่านอาซาลามก่อนเถอะนะ”
ซาอิดร้องประท้วงคำตัดสินของแม่ แต่เมื่อไม่ได้รับความสนใจ เด็กน้อยก็ผละจากไปโดยไม่ลืมกล่าววาจาเป็นห่วงเป็นใยกับเอลียาห์

น่าเอ็นดูเหลือเกิน

เอลียาห์ยิ้มน้อยๆให้ซาอิดที่หันมาโบกมือไม้ไม่เลิก จากนั้นอามีร่าและสาวใช้ก็เข้ามาพบปะกับพวกเขาในเวลาถัดมา
อามีร่าเป็นหญิงสาวผู้มีรูปโฉมงดงามสูสีกับจัสมินเพียงได้พบกันครั้งแรก เด็กหนุ่มก็อดชมเชยในใจไม่ได้
อามีร่าเมื่อพบหน้าเอลียาห์ก็หยุดตะลึงงัน จนเขาขบขัน เจ้าหล่อนแสดงท่าทางกระตือรือล้นที่จะเสวณากับเขามากเป็นพิเศษ

“ท่านเอลียาห์รู้ไหมคะว่าตอนที่อยู่ในหมู่บ้านข้ากับจัสมินแข่งขันกันเสียทุกเรื่อง”

“เจ้าอย่าพูดเรื่องน่าอายของเราเลย”
จัสมินหัวเราะพร้อมกับขยิบตาให้เอลียาห์อย่างหยอกเย้า

“เราผลัดกันแพ้ชนะกันไปทุกๆเรื่อง แต่ว่าวันนี้นางถึงกับพาข้ามาพบปะเจ้าชายได้ ทั้งที่ข้าซึ่งเป็นภรรยาเอกของขุนนางผู้ใหญ่ยังแทบไม่มีโอกาส ยอมรับว่าข้าตกใจมากจริงๆ”

“สามีของเจ้าคือใครกันหรือ”
เอลียาห์พยายามปั้นยิ้ม ลึกๆแล้วเขารู้สึกได้ถึงความเป็นปรปักษ์อย่างชัดแจ้งที่อามีร่ามีต่อจัสมิน ในทางกลับกันเพื่อนสาวคู่แข่งกลับยิ้มแย้มสดใสทั้งที่ถูกเหน็บอยู่ตลอดได้จนเขานึกชื่นชม

“โอ้ เป็นเสนาบดีเฒ่าที่กำลังจะเกษียณนะคะท่านเอลียาห์”
อามีร่าหน้าเสียทันทีที่จัสมินชิงตอบคำถามพร้อมกับหัวเราะโฮะโฮะ เอลียาห์ถึงจะรู้ว่ามารดาของซาอิดจงใจตีกระทบ แต่ไม่ได้ตำหนิหล่อน กลับยังเอาใจช่วยอยู่ในใจแล้วเอ่ยปากถามคำถามก่อนที่คนถูกกระทบจะออกอาการจนห้ามไม่ได้

“ใช่ท่านชูกูรที่กำลังจะเกษียณหรือเปล่า ตอนนี้เสนาบดีที่กำลังเกษียณมีแต่ท่านชูกูรกับท่านนะบีล”

“ถูกแล้วค่ะท่านชูกูรคือสามีของข้า” อามีร่ายิ้ม

“ท่านชูกูรมีทายาทที่จะมารับตำแหน่งคือท่านรุสลัน คนผู้นี้เป็นบุตรชายที่เฉลียวฉลาดเหมาะสมกับตำแหน่งอย่างมาก”
พอเอ่ยถึงรุสลันอามีร่าก็ถลึงตามองจัสมินที่กระตุกยิ้ม เอลียาห์ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเท่าไหร่นัก แต่ก็เลือกที่จะเมินเฉยต่อมัน เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งกับความบาดหมางของเหล่าสตรีไปมากกว่านี้

“อุ๊ยตาย ลืมไปเลยว่าข้านำใบชาจากตะวันตกมาฝาก ละตีฟะฮ์นำมันไปชงมาให้พวกเราที”
อามีร่ายื่นห่อใบชาให้สาวใช้ส่วนตัวไม่นานนัก ชาซึ่งหอมกรุ่นก็ถูกนำมาวางยังตรงหน้า เอลียาห์สูดกลิ่นหอมแล้วให้รู้สึกพึงพอใจ

“นี่คือชาที่ได้มาจากทางตะวันตกหรือ”

“ใช่ค่ะ”
อามีร่าพูดกับเอลียาห์ เจ้าหล่อนดูพออกพอใจในตนเอง

“อ้าวดื่มเสียสิจัสมินข้าอุตส่าห์เอาของดีมาให้เชียวนะ”
จัสมินยังไม่ตอบคำ เจ้าหล่อนหมกมุ่นอยู่กับการสูดดมกลิ่นด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว เอลียาห์เดาว่าชาถ้วยนี้คงไม่ถูกรสนิยมของเจ้าหล่อน

“ข้าดมแล้วรู้สึกคลื่นไส้ คงจะดื่มชาลงไปไม่ได้แน่ๆ”

“อะไรกัน”
อามีร่าหัวเสียจนเกินกว่าเหตุ หญิงสาวทั้งขู่ทั้งปลอบให้จัสมินดื่มชาถ้วยนั้น แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเจ้าของถ้วยชาก็ไม่ยอมดื่ม

“เอาล่ะ เราจะดื่มแทนเองแล้วกัน”
เอลียาห์ขยับกายคว้าเอาถ้วยชาเจ้าปัญหาขึ้นยกดื่ม รสชาติถึงแม้จะขมกว่าถ้วยของเขานิดๆแต่กลิ่นหอมยังทำให้รื่นรมย์ได้เหมือนเดิม อามีร่าอ้าปากค้างจนเด็กหนุ่มนึกอยากหัวเราะเมื่อสังเกตเห็นอาการของเธอ

“ข ข้าว่าจะขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ”
อามีร่าเอ่ยตะกุกตะกัก หากแต่จัสมินที่ชงชาถ้วยใหม่ให้หล่อนกลับเอ่ยถ้วงไม่ให้อีกฝ่ายปลีกตัวไปโดยง่าย

“เจ้ายังไม่ได้ทานขนมของข้าเลย” จัสมินยิ้มหวาน

“จริงด้วยเป็นขนมชนิดใหม่ แน่นอนว่าไม่เคยได้กินที่ไหนแถมยังอร่อยมากอยู่ทานก่อนแล้วค่อยไปเถอะ” เอลียาห์สนับสนุน

“เอ่อ….คือ”
อามีร่าตกปากรับคำด้วยท่าทางหวั่นวิตกเพราะถูกเอลียาห์แกมบังคับ เจ้าหล่อนซดชาที่จัสมินชงให้เฮือกใหญ่ก่อนจะหน้าซีดตัวแข็งมองดูเพื่อนสาวขอตัวไปยกขนมมาให้

“เป็นอะไรหรือ”
เอลียาห์ถามด้วยความเป็นห่วง อามีร่าตกตื่นอยู่ตลอดเวลาเหมือนคนเห็นผี ในตอนนั้นจู่ๆเด็กหนุ่มก็รู้สึกวูบวาบร้อนเห่อไปทั้งร่าง

“อะ…..”
เด็กหนุ่มนั่งงอตัวด้วยความเสียวปลาบจากท้องน้อยไปจนถึงปลายเท้า ความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันทำเอาสับสนจนต้องช้อนมองตั้งคำถามกับอามีร่าซึ่งสบตามา

“ข ข้าไม่ได้ทำนะคะ ตายแล้ว”
อามีร่าเอ่ยปฏิเสธตะกุกตะกัก ขณะที่ทำท่าจะวิ่งหนีไป พอเห็นเอลียาห์คู้กายด้วยความทรมาน เจ้าหล่อนก็รี่เข้ามาดูอาการอย่างงกงกเงิ่นเงิ่น

“ข้า รู้สึก”
เอลียาห์ใช้ดวงตาฉ่ำเยิ้มมองดูอามีร่า เจ้าหล่อนถึงแม้จะตกประหม่า แต่เมื่อถูกมองด้วยแววตากระหายใคร่จากเจ้าชายที่ทั้งสูงศักดิ์และรูปงามหล่อนก็ถูกด้านมืดของตนเข้าครอบงำในชั่วพริบตา

“เอ่อ ท่านถูกยาปลุกกำหนัดน่ะค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจเล่นงานท่าน ข้าอยากแกล้งจัสมินเท่านั้น เอาอย่างนี้ให้ข้าช่วยท่านนะคะท่านเอลียาห์”

“ทำผิดมากถึงขนาดนั้นแล้วยังไม่พออีกหรือ”

น้ำเสียงทรงอำนาจดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏกายของแดริล กษัตริย์ผู้แผ่รังสีคุกคามก้าวฉับๆมายังเอลียาห์แล้วใช้มือปัดอามีร่าให้ออกไปให้พ้นจากรัศมีของเขาและเด็กหนุ่ม

“แดริล…เรา……อึก…..”
คนในอ้อมแขนบิดกายไปมา แดริลรูดีหากปล่อยไปไม่ช้า เอลียาห์คงต้องล้มป่วยเพราะฤทธิ์ยากระตุ้นกำหนัด

“เจ้าวางยากับเชื้อพระวงศ์ คงเตรียมใจรับโทษทัณแล้วสินะ”
ดวงตาคมกร้าวตวัดมองอามีร่าที่หน้าซีดตัวสั่น จังหวะนั้น หญิงสาวก็คู้กายด้วยความปั่นป่วนของร่างกาย

“อุ…อุ้ย…”

แดริลเลิกคิ้วให้กับอาการป่วยฉับพลันของผู้ต่ำศักดิ์กว่า หากว่าเจ้าหล่อนไม่วิ่งแจ้นออกไปพร้อมกับผายลมไปตลอดทาง กษัตริย์หนุ่มคงไม่พ้นจับสตรีอุกอาจผู้นี้แก้ผ้าแห่ประจาน ทว่าท่าทางอันวุ่นวายชวนสังเวช แดริลตัดสินใจจะหาวิธีลงโทษหล่อนในภายหลัง

“ได้โปรดปล่อยเราไว้เพียงลำพัง”
เอลียาห์อ้อนวอนคนที่ช้อนอุ้ม ในขณะอดกลั้นต่อราคะซึ่งกำลังพุ่งสูง

“เงียบซะ ถ้าไม่ปลดปล่อยเจ้าจะแย่เอา”

อยากจะทุ่มเถียงกับคนที่ตีหน้าขรึมใจแทบขาด กระนั้นก็ไม่สามารถทำได้ เพราะร่างกายและจิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว เอลียาห์รู้สึกวูบหวิวร้อนผ่าวในจุดซึ่งแนบชิดกับแดริลไปทุกอณูสัมผัส

เมื่อมาถึงห้องส่วนตัวทันทีที่ถูกวางลงบนเตียง เอลียาห์ก็คลานหนีไปซุกตัวอยู่ตรงหัวเตียง เด็กหนุ่มพยายามคุมสติไม่ให้โผเข้าหาชายหนุ่มด้วยไฟอารมณ์ซึ่งเผาผลาญสติจนแทบไม่เหลือ

“เอลียาห์ น้องเอลียาห์”
แดริลคลานเข่าเข้าหาร่างบาง น้ำเสียงยั่วยวนกวนราคะ เอลียาห์ฟังแล้วเกิดเสียวซ่านจนแทบจะปลดปล่อยในวินาทีนั้น

“อ้า…”

เอลียาห์ปลดปล่อยออกมาจริงๆทันทีที่ถูกโอบกอด ถึงจะอับอายจนแทบอยากตาย แต่กางเกงผ้าเนื้อดีที่เปรอะเปื้อนยังถูกดุนดันจากอวัยวะเพศซึ่งไม่ยอมสงบลงง่ายๆ

“จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปทั้งคืนหรือ จะนอนทรมานรอให้ปลดปล่อยเองอยู่แบบนี้โดยไม่ทำอะไรหรือไง”
ผู้โอบกอดกระซิบเสียงหวาน

“จะ…จะทำด้วยตัวเอง”
เอลียาห์สลัดตัวออกจากแดริล เด็กหนุ่มรีบถอดกางเกงไปให้พ้นตัว แล้วใช้มือจับเครื่องเพศชักรูดขึ้นลง

“ทำอย่างนี้จะถึงฝั่งฝันได้หรือ”
เสียงหัวเราะน้อยๆของแดริลช่างบาดจิตนัก ถึงอย่างนั้นเอลียาห์ก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ เรื่องที่เขาไม่มีแรงหรือสติพอจะช่วยตัวเองอย่างที่ใจปรารถนา

“อึก”
มือไม้ที่สั่นพยายามขยับรูดแต่มันมุถึงใจพอ ความร้อนรุ่มทรมาน เมื่อไม่ได้รับการปลดปล่อย เอลียาห์หลั่งน้ำตาสะอื้นไห้อย่างหมดหนทาง

“ได้โปรดช่วยที”
คนถูกขอร้องคลี่ยิ้มอ่อนโยน แดริลขยับกายเข้าช่วย

“ไม่ต้องกลัวนะ”
เอลียาห์ถูกจับนั่งลงบนตักของแดริลโดยหันหลังให้ มือใหญ่ร้อนผะผ่าวคว้าจับเครื่องเพศของร่างบางแล้วขยับปรนเปรอเป็นจังหวะเชื่องช้าก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อยๆ

“อุ…อึก..”

“อย่ากลั้นเสียงสิน้องเอลียาห์ มันจะทำให้เจ้าทรมานมากขึ้นไปอีกนะ”
คนถูกเสี้ยมสอนค่อยส่งเสียงหวานออกมาทีละนิด ถึงแม้ว่าตอนแรกจะยังขัดเขิน แต่ไม่นานนักเด็กหนุ่มก็ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ

“น้องเอลียาห์ยังคงครางเสียงแผ่วเหมือนลูกแมวยามออดอ้อนเช่นเดิม น่ารัก ถึงข้าอยากให้เจ้าครางเสียงดังให้มากกว่านี้  แต่เจ้าที่ทำเสียงครางเครือทำให้ข้าอดใจแทบไม่ไหว”

“อื้อ”
เอลียาห์ปลดปล่อยแทบจะในทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบประโยค เครื่องเพศของเด็กหนุ่มยังคงสู้มือดุจดั่งเดิม

“เอลียาห์…น้องเอลียาห์สงสัยว่าข้าคงต้องช่วยเจ้าให้จริงจังยิ่งกว่านี้”
เอลียาห์ถูกจัดแจงให้นอนหงายลงบนเตียงกว้าง เขาบิดร่างกายด้วยความเสียวซ่านไปมา ถึงจะตื่นกลัวต่อสิ่งที่เดาได้ว่าอาจจะเกิดขึ้น แต่ดวงตาคมซึ่งเต็มไปด้วยความหลงใหลของแดริลทำให้เด็กหนุ่มแย้มยิ้มโดยไม่รู้ตัว

“บางครั้งข้าก็คิดว่าเจ้าเป็นปีศาจร้ายมากกว่าเทวทูต”
คนตำหนิจรดริมฝีปากลงบนเครื่องเพศซึ่งชูชันยั่วตา เอลียาห์ถูกแดริลประทับจูบลงที่ตรงนั้นเน้นย้ำหลายครั้งก่อนจะดูดกลืน

“อื้อ…”
โพรงปากอุ่นร้อนทำให้รู้สึกดี จนร่างกายเหยียดเกร็ง ถึงแม้ความผิดชอบชั่วดีจะยังย้ำเตือนอยู่บ้าง แต่ราคะอันร้อนแรงซึ่งได้สัมผัส เอลียาห์พร้อมใจจะลืมเลือนเรื่องที่คนตรงหน้ามีฐานะเป็นพี่ชายต่างมารดา

“ดี ดีเหลือเกิน”
ครางอย่างสุขสมและจมอยู่กับความสุขทางกาย เอลียาห์พึงใจจนไม่แม้แต่ปฏิเสธคำขอร่วมรักแบบคนเพศเดียวกันของแดริล

“ได้จริงนะหรือน้องเอลียาห์”
แดริลถามขณะขยับมือปรนเปรอไม่หยุด เด็กหนุ่มทั้งส่ายหน้าและผงกหัว กษัตริย์หนุ่มจึงตีความเข้าข้างตัวเองด้วยไม่อาจอดทนไปได้มากกว่านี้

“ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเจ็บ”
เอลียาห์ที่รู้สึกดีจนเคลิบเคลิ้มถึงจะรู้ว่าแดริลตะโกนเรียกผู้อื่นเข้ามาในห้อง แต่ก็ไม่มีสติพอจะเอ่ยต่อว่า ดวงตากลมมองดูผู้เป็นพี่ชายรับน้ำมันหอมจากข้ารับใช้มาก่อนจะเทลงบนฝ่ามือชโลมมันลงมายังช่องทางเร้นลับของตน

“อึก…อ้า…”
ปลายนิ้วเรียวยาวถูกดันเข้ามาสำรวจในช่องทางคับแคบ ถึงจะอึดอัด แต่พอนานเข้า เอลียาห์ก็รู้สึกดีจนแทบคลั่ง

“อื้อ…ทำไมถึงดีอย่างนี้นะ”

เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน มันเป็นความรู้สึกที่ดีเสียยิ่งกว่าการถูกใช้มือกับเครื่องเพศซึ่งแดริลทำให้เขาเสียอีก เอลียาห์พอรู้มาบ้างว่าการร่วมรักเป็นเช่นไรทั้งแบบปกติและแบบคนรักเพศเดียวกัน แต่เขายังไม่เคยลองกับผู้หญิงซักครั้ง จึงสงสัยขึ้นมาครามครัน มันจะดีเท่ากับที่โดนทำอยู่ตอนนี้หรือไม่
ไม่อย่างนี้มันผิด แดริลนอกจากจะเป็นผู้ชายเหมือนเขา ยังเป็นพี่ชายร่วมสายเลือด ทำแบบนี้ไม่ถูกต้องเลย

“อ…อย่า…”
ถึงจะห้ามก็สายไปเสียแล้ว แดริลฝังกายจมเข้ามาในร่างจนมิดด้าม แถมยังขยับสอดประสานเนิบนาบทันทีที่เข้าไปจนหมดในเวลาต่อมา

“อ้า…หยุด…”

“หยุดไม่ได้แล้วน้องเอลียาห์ ถ้าให้หยุดตอนนี้ ให้ข้าตายเสียยังดีกว่า”

แดริลกระซิบเสียงแหบพร่า เอลียาห์ร้องไห้ออกมาระหว่างการทำรักอันเร่าร้อน เด็กหนุ่มไม่แน่ใจแล้วว่า น้ำตาซึ่งไหลออกมา มันมาจากความสุขสมที่ถูกอัดจนล้นปรี่ หรือมาจากความเสียใจในความผิดบาปของตนกับแดริลกันแน่

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มีต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 19<2/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 05-10-2015 23:34:47
ตอนที่21

ดวงตากลมเหม่อมองดูแดริล ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ทำความสะอาดร่างกายของเขาให้ เกือบหนึ่งวันที่ผ่านมาด้วยฤทธิ์ยากระตุ้นกำหนัด เอลียาห์กับพี่ชายร่วมรักกันสลับกับพักผ่อนจนฤทธิ์ยาจางหายไปในเที่ยงวันนี้

เด็กหนุ่มปล่อยให้แดริลทำความสะอาดร่างกายให้เพราะไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร แถมให้ตายเสียยังดีกว่าถ้าหากให้ผู้อื่นอย่างฟาติมาหรือซาลามมาช่วยเหลือ

คนที่ชำระร่างกายให้อย่างทนุถนอมยิ้มน้อยๆอยู่ตลอดเวลา ความแช่มชื่นสุขสมถูกฉายชัดจากรอยยิ้มและแววตา เอลียาห์ทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส กรุ่นโกรธ แต่ยังระงับเอาไว้ได้อยู่ แต่ไม่นานนัก ทันทีที่ถูกปรนนิบัติจนสะอาดเอี่ยม เด็กหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นแล้วเริ่มแต่งตัว

“เกิดอะไรขึ้นน้องเอลียาห์”

“ไปให้พ้นจากหน้าเจ้า”
เอลียาห์ไม่แม้แต่จะปลายมองแดริลที่ลนลานแตกตื่น เด็กหนุ่มทั้งโกรธอับอายอดสู ทั้งยังรู้สึกผิดที่มีสัมพันธ์เกินเลยคำว่าพี่น้องกับแดริลไปไกล

“เราต้องพูดกันให้รู้เรื่องก่อน”

“เจ้าปล่อยเรา”
คนแผดเสียงพยายามสะบัดข้อมือให้หลุดจากการจับกุม เพียงแค่ถูกสัมผัสความร้อนวูบทำให้เอลียาห์ หวนนึกถึงเหตุการณ์ร้อนแรงจนหน้าแดงซ่าน

“เจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ เจ้าทำร้ายข้าไม่พออีกหรือ”

“พูดอะไรกัน เจ้าเองที่อนุญาตไม่ใช่หรือไง”
รู้สึกเหมือนถูกค้อนทุบหัว เอลียาห์ส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ แต่ส่วนลึกในใจรู้ดี ตนเองเป็นฝ่ายอนุญาตให้พี่ชยทำตามใจชอบ

“เจ้าฉวยโอกาสกับข้าที่ถูกยาอุบาถว์นั่น”

“จะฉวยโอกาสหรือไม่ก็ขอให้รู้ว่าข้าทำไปเพราะรักและปรารถนาในตัวเจ้า…เอลียาห์…ข้ารักเจ้ามากยิ่งกว่าชีวิตข้าเสียอีก”
ดวงตากลมโตสั่นไหว เมื่อได้ยินคำสารภาพ ชายตรงหน้าทำสีหน้าปวดร้าวจริงจังจนเอลียาห์แปลกใจ หากแต่ลึกลึก กลับยินดีและรู้สึกได้ถึงความร้อรระอุในทรวงอก

“เจ้ามันปลิ้นปล้อน เจ้ามีจัสมินอยู่แล้ว เราเป็นน้องชายเจ้า เจ้าจะให้เราอยู่ในฐานะไหน ให้หลบเป็นชู้กับพี่ชายตนเองก็แย่พอแล้ว ยังจะให้เราทำร้ายสตรีซึ่งเป็นแม่ของหลานเราอีกหรือ”

“ข้าจะไม่ตั้งใครเป็นราชินีของข้าทั้งนั้น จัสมินก็ไม่ใช่ราชินีของข้าเช่นกัน”
เอลียาห์แทบจะปฏิเสธไม่ได้ว่ากำลังมีความสุขกับคำยืนยันของแดริล หากแต่วินาทีถัดมาก็รังเกียจตัวเองหนักหนา กลัวเหลือเกินที่ตนเองมีความคิดแพศยาไม่ต่างจากหญิงงามเมือง

“พอ พอที”
เอลียาห์ฉวยโอกาสที่แดริลพลั้งเผลอสลัดการเกาะกุม ร่างบางผละหนีไปยังนอกห้อง แต่เมื่อเปิดประตูก็พบกับจัสมินยืนรออยู่

“ข้ารอพวกท่านอยู้นานทีเดียวค่ะ”
จัสมินฉีกยิ้มหวาน ในวันนี้หล่อนแต่งตัวสวยงามเต็มยศ มองยังไงเอลียาห์ก็หาข้อตำหนิในความงามอย่างเพริศแพร้วของหล่อนไม่ได้

“เอ่อ…มีอะไรหรือ”

“ข้ามาเอ่ยลาค่ะ”

“เจ้าจะไปไหน”
ถามด้วยความสับสน เอลียาห์เข้าใจว่าอีกไม่นานแดริลคงแต่งตั้งให้หญิงสาวเป็นพระสนม แน่นอนไม่มีทางเป็นอย่างอื่น ก็ในเมื่อจัสมินให้กำเนิดราชบุตรแก่กษัตริย์

“ข้ากำลังจะไปงานแต่งงานของข้าค่ะ”

“เอ๊ะ”
เอลียาห์จับต้นชนปลายไม่ถูก ดวงตากลมตวัดมองแดริลที่ยังยืนตีหน้าขรึมอยู่ในห้อง”

“เร็วอะไรอย่างนี้”

“ไม่เร็วหรอกค่ะ ข้ากับรุสลันว่าที่สามีเตรียมการมานานถึงหนึ่งปีแล้ว”
คนฟังขมวดคิ้วมุ่น ชื่อของสามีที่จัสมินเอ่ยออกมานั้น น่าจะหมายถึงบุตรชายของเสนาบดีชูกูรไม่ผิด

“เจ้าไม่ได้ถูกแต่งตั้งเป็นพระสนมของแดริลหรอกหรือ”
จัสมินหัวเราะโฮะโฮะทันทีที่จบคำถาม เจ้าหล่อนแย้มยิ้มซุกซน ดูสวยงามจนเอลียาห์เกิดความปั่นป่วน

“ท่านเอาอะไรมาพูด ฝ่าบาทก็บอกแล้วนี่คะ ว่าจะไม่แต่งตั้งใครมาดำรงตำปหน่งราชินี”

“แต่ไม่ได้หมายถึงพระสนม”

“จะพระสนมหรือสตรีคนไหน ข้าก็ไม่ยอมให้มาอยู่ข้างกายแทนที่เจ้าทั้งนั้น”
เอลียาห์เมินคำพูดของแดริล เด็กหนุ่มใช้ดวงตาอ้อนวอนไปหาจัสมินซึ่งยืนยิ้มสนุกสนาน

“ก่อนอื่นข้าต้องขอโทษท่านเอลียาห์ก่อน “
คำขอโทษทำให้เกิดความมึนงงมากขึ้นไปอีก แต่ถึงมีคำถามมากมายแค่ไหน ผู้ฟังที่ดีอย่างเอลียาห์ก็ยังสงบนิ่งได้

“ข้ารู้แต่แรกแล้วค่ะเรื่องอามีร่าคิดเล่นงานข้า ท่านอาจไม่รู้ตัวข้านั้นใส่ยาถ่ายให้นางกินตอบแทนคืนในตอนนั้นเช่นกัน”
หล่อนพูดพร้อมกับย่อกายถอนสายบัวขอขมา

“แท้ที่จริงแล้ว ข้าสามารถช่วยท่านได้แต่ก็ยังเมินเฉย อาจเพราะข้าไม่พอใตท่านอยู่ลึกๆ  ก็ไม่แปลกนี่คะ ตั้งแต่สี่ปีก่อนซึ่งได้พบกับฝ่าบาท เป็นครั้งแรก ที่ข้าใช้หัวใจเลือกมากกว่าความทะเยอทะยาน”

“แล้ว…แล้วยังไง”
เอลียาห์ถามคนที่นิ่งเงียบครุ่นคิด เด็กหนุ่มอยากรู้แทบทนไม่ไหว เรื่องที่จัสมินต้องการจะบอก ต้องการรู้มากจนลืมความโกรธซึ่งควรมีจากการทำเลวร้ายของหล่อน

“ข้าผลีกายให้ฝ่าบาทโดยหวังว่าจะเป็นรักแรกและรักสุดท้ายของข้า หากทว่าคนที่ฝ่าบาทรักอย่างแท้จริงข้ารู้มาโดยตลอดคือตัวท่าน”

รู้สึกเหมือนถูกค้อนทุบอีกครั้ง คำว่า”ตัวท่าน” ดังสะท้อนไปมาระหว่างสองหู เด็กหนุ่มถึงหวาดระแวงกลัวหญิงสาวโกหกแต่ความสุขที่จู่โจมจนเกือบยิ้มมันทำให้เขาหวาดกลัวตนเอง

“ข้าพยายามอย่างมากค่ะที่จะแสดงให้เห็นว่าข้าเหนือกว่า ข้าเป็นสตรี ให้กำเนิดบุตรแก่ฝ่าบาทได้ แต่ฝ่าบาทก็ทอดทิ้งข้าที่ตั้งท้องจากไปเพื่อตำแหน่งหน้าที่อันจะทำให้ขึ้นไปยืนอยู่ในจุดเดียวกับท่าน”

“เรื่องนั้นมัน”
เอลียาห์พึมพำไปพร้อมกับผิดหวัง เด็กหนุ่มเสียใจแทนจัสมินที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ ทั้งยังไม่ชอบใจตนเองที่จิตใจเบิกบานมากยิ่งขึ้นไปทุกขณะ

“หลายปีมานี้ข้าแค้นเคืองค่ะ แต่ก็ได้พบกับรุสลัน แต่ท่านน่าจะทราบ ว่าจารีตมันทำให้ข้าลำบาก”

“นางเป็นสตรีมีบุตรแถมยังหาสามีรองรับไม่ได้ อย่าว่าแต่พวกไพร่ ขุนนางย่อมไม่รับนางเป็นสะใภ้”
แดริลเอ่ยตอบแทนจัสมิน

“ฝ่าบาทกล่าวได้ถูกต้อง” จัสมินปรบมือไปพร้อมกับแย้มยิ้ม

“ข้าทุกข์ใจจนแทบอยากตายทุกครั้ง ในตอนนั้นฝ่าบาทก็กลับมา ข้ารีบพาซาอิดไปพบหน้าฝ่าบาท บอกเล่าว่าซาอิดเป็นใคร”

“ทำเพื่ออะไรกัน”
เอลียาห์ถามแต่แทนที่จัสมินจะตอบแดริลกลับเป็นผู้พูดแทน

“นางต้องการให้ข้าประทานงานแต่งให้นางแลกกับยกซาอิดให้ข้าจัดการ”

“มันจะคุ้มหรือ เจ้าจะอดเป็นพระสนมหรือราชินีเชียวนะ”

“ข้าเลือกได้ถูกต้องค่ะ เห็นได้จากคำมั่นของฝ่าบาทที่ข้าบังเอิญได้ยินเมื่อครู่ นอกจากนั้นข้าได้รับรักแท้จากรุสลัน ว่าที่สามีของข้าไม่รังเกียจที่ข้าเคยผ่านชายอื่นมาและมีบุตรก่อนหน้าแล้ว”

“รุสลันเป็นผู้ชายที่ยอดเยียมจนข้ายังชมชอบ”
เอลียาห์มองแดริลผู้พูด การตัดสินใจของกษัตริย์และจัสมินอยู่เหนือล้ำเกินกว่าที่เด็กหนุ่มจะจินตนาการได้
“แล้วซาอิดล่ะ เจ้าจะทิ้งเขาไว้ เจ้าไม่ต้องการเขาแล้วหรือไง”

“ซาอิดจะไม่ลืมข้าค่ะ ก็ข้าเป็นแม่ แต่เพื่อนาคตของข้ากับซาอิดจากนี้ไปข้าจะขอให้ท่านเอ็นดูและดูแลเขาแทนข้า”

“แล้วซาอิด เจ้าบอกเขาแล้วหรือยัง”

“บอกแล้วค่ะ เด็กคนนั้นถึงแม้จะเสียใจแต่ก็ยอมเข้าใจโดยง่าย”

เด็กอายุแค่สี่ขวบนะหรือจะเข้าใจ

เอลียาห์ผลุนผลันออกไปจากตรงนั้นไปหาซาอิดที่ห้องของจัสมิน เมื่อไปถึงหลานชายตัวน้อยกำลังนั่งร้องไห้เพียงลำพัง เอลียาห์ฉุนกึก เพราะไม่เห็นใครซักคนอยู่เป็นเพื่อนเด็กน้อยแม้แต่ผู้เดียว

“ซาอิด”

“ท่านอา”
ซาอิดหันกลับมามอง เด็กน้อยร้องไห้อยู่ตรงบริเวณริมหน้าต่าง

“ท่านแม่ไปแล้ว ท่านบอกว่าให้เราอยู่กับท่านพ่อท่านอาดีกว่าไปลำบากกับท่านแม่”

“อยากตามไปอยู่กับแม่ของเจ้าหรือเปล่าถ้ายังไงให้อาช่วยบอกท่านพ่อดีหรือไม่”
ซาอิดส่ายหน้าไปมาก่อนจะยกยิ้มอย่างเศร้าสร้อย

“ท่านแม่บอกว่า ถ้าเราไปท่านพ่อท่านแม่จะลำบาก อีกอย่างเพื่ออนาคตของข้า ท่านแม่สัญญาว่าจะมาเยี่ยมเรามากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“ซาอิด”
เอลียาห์ชื่นชมความเข้มแข็งของซาอิดไปพร้อมกับปวดร้าว เด็กหนุ่มโอบกอดหลานชายแล้วเผลอร้องไห้ไปด้วยกัน

“ท่านอาอยู่เป็นเพื่อนเรานะ”

“แน่นอนอาจะอยู่เป็นเพื่อน อาจะอยู่เป็นเพื่อนไปจนกว่าซาอิดจะเติบโตครองราชย์โดยสมบูรณ์”

“ท่านพ่อจะอยู่ข้างเรากับท่านอาด้วยใช่ไหม ท่านพ่อจะทอดทิ้งเราไปเหมือนตอนที่เรายังไม่เกิดหรือเปล่า”

“ข้าจะไม่ทอดทิ้งพวกเจ้าสองคนไปไหนอย่างเด็ดขาด”
แดริลที่โผล่มาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวตอบกษัตรย์หนุ่มกอดรัดเอลียาห์และซาอิดเอาไว้ในอ้อมอก

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

อยากจะบอกว่าใกล้จะจบแล้วค่ะ

นิยายเราช่างสั้นจริงๆ แต่มันจะจบแล้วจริงๆค่า

อีกซักอาทิตย์จะเอามาลงตอนต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 20-21<5/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 06-10-2015 00:07:29
เหออ สั้นจริงด้วยง่ะ T^T
แล้วแดริลเป็นพี่ชายเอลียาห์จริงๆ อ่อ?
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 20-21<5/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 06-10-2015 07:46:53
สนุกมากค่ะ หวังว่าจะมีแต่ความสุขนะคะ
ซาอิดน่ารักอ่ะ ชอบจัง
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 20-21<5/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-10-2015 09:33:06
เหมือนจะเห็นเค้าลางของความสุข
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 20-21<5/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 06-10-2015 19:44:08
 o13 :L1:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 20-21<5/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 21-10-2015 08:37:58
ตอนที่ 22

เอลียาห์หัวเราะคิกคักเมื่อเห็นซาอิดปั้นหน้าตลกให้ดูหลากหลายแบบ หลายวันมานี้ เด็กหนุ่มเป็นผู้จัดการดูแลการกินอยู่และการเรียนของหลานชายแต่เพียงผู้เดียว การได้ทำเช่นนี้ทำให้ลืมเลือนความอัปยศกดดันหลายอย่างที่ผ่านเข้ามาจนหัวเราะออกมาอยู่บ่อยครั้ง

เอลียาห์ถึงแม้จะไม่รู้ว่าการถูกกักขังจะดำเนินไปอีกนานเท่าไหร่ แต่ความสุขอันเกิดจากการได้เลี้ยงดูหลานชายผู้น่ารัก ก็ทำให้เพลิดเพลินจนไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้น ทว่า ทุกครั้งที่แดริลโผล่หน้ามาพบ เด็กหนุ่มมักจะอารมณ์เสียอย่างชัดเจน

“ท่านพ่อน่าสงสาร”
ซาอิดชี้ชวนให้เอลียาห์มองดูแดริลซึ่งยืนอยู่ห่างออกไป

“เพราะท่านอาโกรธ ท่านพ่อเลยต้องมาแอบดูอยู่บ่อยๆ”

เอลียาห์เมื่อสบตากับแดริลก็เมินหน้าหนี ถึงจะเห็นสีหน้าไม่สบายใจของกษัตริย์หนุ่ม แต่เพราะถูกปฏิบัติด้วยอย่างเลวร้าย เด็กหนุ่มจึงไม่คิดจะญาติดีง่ายๆ

“ท่านอาโกรธอะไรท่านพ่อหรือ”

โดยไม่รอคำตอบ ซาอิดวิ่งเข้าไปหาแดริลก่อนจะยื้อยุดให้เดินตามมา กษัตริย์ปั้นหน้าลำบากใจอยู่นาน ขณะที่เอลียาห์ทำเหมือนกับเขาไม่มีตัวตน

“พูดสิพูดสิ” ซาอิดเร่งเร้าผู้เป็นบิดา

“น้องเอลียาห์….”
เสียงของแดริลขาดช่วงไปชั่วครู่ จากนั้นคู่สนทนาก็ขยับกายมายืนประจันหน้ากับเอลียาห์ซึ่งมองเมิน

“เราไปเยี่ยมท่านพ่อที่พระราชวังฤดูร้อนกันเถอะนะ”

“ได้อย่างนั้นหรือ”
เอลียาห์เอียงคอมองดูแดริลที่พยักหน้าตอบรับ

“ตอนนี้ข้าจัดการงานทุกอย่างจนเกือบหมดแล้ว เราจะไปเยี่ยมท่านพ่อกัน ต้องแนะนำให้ซาอิดรู้จักกับท่านพ่อในฐานะรัชทายาทและหลาน”
ถึงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาไม้ไหน แต่การได้ไปพบท่านพ่อซึ่งไม่ได้เห็นหน้ามาพักใหญ่ สร้างความเบิกบานใจจนเอลียาห์หุบยิ้มไม่ลง

“เจ้าคงพึงพอใจจนหายโกรธแล้วสินะ”
เด็กหนุ่มหุบยิ้มฉับ ใบหน้าอันเต็มไปด้วยรอยยิ้มของแดริลเอลียาห์เห็นแล้วฉุนเฉียวยิ่งนัก ร่างบางชักเท้าพาซาอิดเดินหนีไปยังบริเวณอื่น

“ท่านพ่อกำลังเสียใจนะท่านอา”

“ช่างเขาเถอะ” เอลียาห์ตอบเสียงขุ่น

“ท่านอาโกรธอะไรท่านพ่อกันแน่”
ข้อมือถูกรั้งเอาไว้ เอลียาห์หยุดก้าวเดินแล้วหันไปมองซาอิดที่ทำหน้าขึงขัง

“ซาอิดเรื่องบางเรื่องผู้ใหญ่ก็อยากจะเก็บเอาไว้ไม่บอกใคร ซักวันหนึ่งซาอิดโตขึ้นก็จะเข้าใจ”

“ไม่เห็นเข้าใจเลย ท่านอาอธิบายให้เราฟังเดี๋ยวนี้เถอะ”
ซาอิดยังคงงอแง

“ไปกินขนมกันดีกว่า ป่านนี้พี่ฟาติมากับพี่ซาลามคงรออยู่นานแล้ว”

พอเอ่ยถึงขนมซาอิดก็ลืมเรื่องที่กำลังสงสัย หลานชายวิ่งนำโดยหันกลับมากระตุกมือเอลียาห์ให้เดินตามเป็นระยะระยะ
พระราชวังฤดูร้อนเป็นพระราชวังซึ่งอยู่ในโอเอซิสนอกเมือง ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นของขวัญให้แก่ราชินีมารียาห์ มารดาของเอลียาห์ในวันฉลองงานแต่งงาน 

ยังงดงามเหมือนเดิม

เอลียาห์มองพระราชวังขณะรถม้าเคลื่อนผ่านประตูที่ถูกสร้างให้โค้งมนสวยงามจากหินอ่อน แน่นอนว่าตัวพระราชวังเองก็ถูกสร้างด้วยหินอ่อนเช่นกัน

“ท่านปู่เป็นคนอย่างไรกันท่านอา”
ซาอิดกระตุกชายเสื้อเอลียาห์ขณะถาม

“ท่านดุไหม”

“ท่านปู่ใจดีมาก แต่ก็เป็นคนที่เข้มงวด”

คำตอบของแดริลทำเอาเอลียาห์ที่กำลังจะอ้าปากตอบต้องหุบปากเงียบ จากนั้นซาอิดซึ่งหันไปพูดคุยกับผู้เป็นพ่อ เห็นแล้วก็งอนนิดๆจนเด็กหนุ่มต้องกระแอมกระไอเรียกร้องความสนใจ

“ซาอิด ในสวนของที่นี้มีบ้านต้นไม้ของอาด้วยนะ”

“จริงหรือ”
การเรียกร้องความสนใจได้ผล ซาอิดกระตือรือร้นจนแทบจะยิ้มแก้มปริ

“ข้ายังจำตอนที่น้องเอลียาห์รบเร้าให้ข้าสร้างมันให้ได้ดี”
แดริลยิ้มกริ่ม เอลียาห์จึงเปลี่ยนเป้าหมายหลอกซาอิดใหม่อย่างเฉียบพลัน

“แต่อาคิดว่าเอาไว้ก่อนดีกว่านะ หญิงรับใช้ประจำของที่นี่ทำขนมได้อร่อยมาก”

“ว้าว เราอยากกินท่านอา”

เอลียาห์พึงพอใจที่ได้เห็นใบหน้านิ่งขึงของแดริล นอกจากนั้นอาการเปี่ยมสุขของซาอิดยังกระตุ้นให้จิตใจรื่นเริงถึงขีดสุด
เมื่อลงจากรถม้า เอลียาห์กับคณะก็พบกับอดีตกษัตริย์ยืนรออยู่แล้วที่หน้าพระราชวัง

“เรากำลังคิดถึงลูกชายอย่างพวกเจ้าอยู่พอดี”
บาดีแย้มยิ้มก่อนจะชะงักเมื่อสังเกตเห็นซาอิดที่ยืนเกาะเอลียาห์หนึบและจ้องเขม็งมายังตน

“โอ้ นี่คือซาอิดหลานเราใช่หรือไม่”
ซาอิดลังเลเล็กน้อยแล้วผงกหัวตอบรับ เอลียาห์รุนหลังหลานชายเบาๆให้ไปยืนอยู่ตรงเบื้องหน้าของพระราชบิดา

“ทักทายท่านปู่สิซาอิด”
แดริลเอ่ย ซาอิดแหงนมองดูใบหน้าของผู้เป็นพ่อและเอลียาห์ที่ส่งยิ้มเอาใจช่วยตามลำดับ

“ยินดีที่ได้พบท่านปู่”

“ดีดี มาให้ปู่กอดเสียดีดี”
ซาอิดกระโดดกอดท่านปู่ที่กางแขนรอรับด้วยความชอบใจ

“หนักเหลือเกิน นี่เอลียาห์กับแดริลคงจะให้กินเสียเยอะเลยสินะ”

“ก็เรากำลังโตนี่ท่านปู่ต้องกินเยอะๆสิ”

เสียงหัวเราะสนุกสนานทำให้เอลียาห์แช่มชื่นในหัวใจ เด็กหนุ่มเผลอหันไปส่งยิ้มให้แดริลซึ่งกำลังยิ้มอยู่เช่นกัน  พริบตาที่ส่งยิ้มให้กันและกัน พอรู้สึกได้ถึงอารมณ์โกรธซึ่งกลับมาอีกครั้งร่างบางก็หุบยิ้มแล้วสะบัดหน้าหมางเมินไปอีกทาง

“น้องเอลียาห์”

เอลียาห์ตัวเกร็งเมื่อถูกเรียก แต่ทันทีที่พระราชบิดาเอ่ยชักชวนให้เข้าไปในพระราชวัง เด็กหนุ่มก็ฉวยโอกาสเดินตามบาดีไปโดยไม่ยอมหันไปมอง

ผ่านไปอีกสองสามชั่วโมง หลังทานอาหารเสร็จเรียบร้อย เอลียาห์ก็ถูกอดีตกษัตริย์ชักชวนให้นั่งเล่นพูดคุยโดยมีซาอิดและแดริลร่วมวง  ระหว่างที่พูดคุย เด็กหนุ่มก็อยากจะฟ้องใจแทบขาดเกี่ยวกับความอยุติธรรม ที่แดริลปฏิบัติต่อเขาหลังจากพระราชบิดาจากมา

“ได้ข่าวว่ามีพวกกบฏคิดจะเข้าหาเพื่อหลอกใช้เอลียาห์”
เอลียาห์อุทานดัง’เอ๊ะ’

“เรื่องนั้นข้าได้จัดการพวกมันไปแล้วท่านพ่อ ระหว่างที่ข้าได้พาน้องเอลียาห์ไปหลบซ่อนอยู่ในฮาเร็มเก่าโดยให้ทหารเฝ้าอย่างแน่นหนา”

“ยังไงก็ให้เอลียาห์อยู่ที่นั่นไปซักพักเรื่องมันคงยังไม่สงบง่ายๆ”
เอลียาห์มองสลับไปมาระหว่างบาดีกับแดริล เด็กหนุ่มมึนงงไปหมดแต่ก็ยังมีสติเอ่ยปากถาม

“มันอะไรกันครับท่านพ่อ”

“เจ้าไม่ได้เล่าให้เอลียาห์ฟังรึ “
บาดีถามแดริลก่อนจะหันไปพูดคุยกับเอลียาห์

“การขึ้นครองราชย์อย่างฉับพลันของแดริล มีผู้ไม่พอใจมากมาย อาการป่วยของเราทำให้เชื้อพระวงศ์กับขุนนางเลวรอคอยครอบงำคนหัวอ่อนอย่างเจ้าอยู่มาก”
เอลียาห์สูดลมหายใจเข้าลึก คำว่า’ครอบงำ’กับคน’หัวอ่อน’สร้างความเจ็บปวดให้เกินจะทน

“เราถึงลงจากบัลลังค์แต่ก็ยังมีมือเท้ามากมายคอยประสานงานกับกษัตริย์ซึ่งยังเยาว์นัก งานแรกคือไม่ให้พวกชั้นต่ำรุกคืบเข้าหาเด็กน้อยผู้อ่อนต่อโลกอย่างเจ้าแล้วให้แดริลกวาดล้างพวกคิดร้ายไปให้หมด”

ปวดร้าวกับคำว่าอ่อนต่อโลก

หากแต่เมื่อคิดในทางกลับกันอาจเป็นเพราะพระราชบิดาเป็นห่วง เอลียาห์จึงรู้สึกดีมากยิ่งขึ้น กระนั้นก็ยังน้อยใจกับการที่ไม่ได้รับความไว้วางใจให้มีส่วนร่วมในแผนการณ์อันนี้

หรือว่า พระราชบิดากลัวเขาจะฉวยโอกาสก่อกบฏ เป็นเช่นนี้หรือเปล่า ถึงได้รู้เห็นเป็นใจยอมให้แดริลจับเขาไปขัง

เอลียาห์เข้าใจเรื่องที่ถูกกำหนดให้เป็นเช่นนั้นมันเป็นรื่องที่สมควรทำ แต่ไม่สามารถห้ามความคิดในแง่ลบซึ่งครอบงำร่างกายและจิตใจของตน

เด็กหนุ่มพยายามสะกดกลั้นความคิดแย่ๆที่สร้างภาพลบให้แก่บาดี หลังจากพยายามอย่างที่สุด เขาก็ตัดสินใจโทษว่าเป็นความผิดของแดริลที่ไม่ยอมอธิบายให้เข้าใจแต่แรก

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

หายไปเกือบครึ่งเดือนตอนหน้าอีกสามสี่วันจะเอามาลงนะคะ


หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 22<21/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 21-10-2015 12:10:48
จิ้ม
เอาใจช่วยเอลียาห์นะ ><
ซาอิดน่ารักกก
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 22<21/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: code64 ที่ 21-10-2015 14:46:40
 :hao3: :hao3: :hao3: มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 22<21/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: kirara147 ที่ 21-10-2015 14:55:44
 :mew1:
เย้ ตอนใหม่ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 22<21/10/58><p 3>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 25-10-2015 22:15:34
ตอนที่23

ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของพระราชบิดาและหลานชายคนโปรด เอลียาห์ถึงแม้จะยิ้มกว้าง หากแต่ไม่อาจสลัดความน้อยใจที่เกิดขึ้นจากแผนการณ์ของอดีตกษัตริย์ไปได้

หลายวันที่ผ่านมานี้  เด็กหนุ่มพยายามหาข้อเสียของตนเองเพิ่มมากขึ้น เมื่อพบเจอสิ่งเหล่านั้น อาการทรมานในอกก็ค่อยๆลดน้อยลง แต่กลับพอกพูนความโกรธไปยังแดริลผู้เป็นพี่ชายมากยิ่งขึ้น

คนคนนั้นบอกว่ารักเขา ปรารถนาในตัวเขา ทั้งทั้งที่เป็นพี่น้องกัน

สำหรับเด็กหนุ่มเวลานี้คิดว่า กษัตริย์หนุ่มช่างฉวยโอกาส ต่อให้โง่แค่ไหนก็ยังเข้าใจการกระทำอันเลวร้ายได้ โดยไม่ต้องคิดให้มากความ

แต่คนคนนั้นเลวร้ายถึงกับแย่งบัลลังค์เพื่อให้ได้เขามาครอบครองเชียวหรือ

เรื่องฉวยโอกาสขังเขาไว้เพื่อสนองตัณหาตนเอง ก็เป็นความคิดที่ลึกๆแล้ว เอลียาห์ยังคิดว่าช่างเหลวไหล ด้วยรู้ถึงนิสัยอันแสนจริงจังของแดริล คนเงียบขรึมตรงไปตรงมาเช่นนั้น ทำเรื่องต่ำทรามอย่างนี้ได้หรือ

ไม่สิ แดริลเป็นสัตว์ป่า

ชายคนนั้นล่วงเกินเขาหลายครั้ง ฉวยโอกาสแย่งชิงเอาทุกอย่างไปจากเขา

ร้ายกาจ ร้ายกาจ จนไม่สามารถให้อภัยการกระทำอันหยาบช้าไปได้ง่ายๆ

รัก

คำคำนี้ แดริลเคยบอกให้เขาทราบ แต่มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นระหว่างเขาสองคน นอกจากจะปฏิบัติด้วยอย่างเลวร้าย ยังคิดจะล่อหลอกให้เขาทำผิดศีลธรรมอันดีงามอีกหรือ

“ท่านอาเหม่ออะไร”
เสียงเรียกของซาอิด ฉุดเอลียาห์ให้กลับมาสู่ความเป็นจริง

“ไม่สบายหรือเปล่า” บาดีถามเสียงขรึม

“เปล่าครับท่านพ่อ ข้าขอตัวไปพักผ่อนสักครู่ ฝากซาอิดด้วยนะครับ”

กล่าวกับพระราชบิดาเรียบร้อยก็ผุดลุกขึ้นแล้วก้าวเดินไปตามทาง ก่อนจะบังเอิญพบแดริลที่กลางทางเดินอันกว้างยาว เอลียาห์ทำเมินเดินผ่าน ทว่ากลับถูกรั้งข้อมือเอาไว้

“หมู่นี้น้องเอลียาห์อารมณ์เสียกับข้าตลอด เมื่อไหร่จะหายโกรธ”

หายโกรธ

คำขอนี้ทำเอาเอลียาห์ฉุนหนัก หากแต่ยังสงวนท่าทีอันสงบนิ่งไว้ได้อยู่

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจอะไรหลายอย่าง แต่ข้าทำไปเพราะรักและปรารถนาในตัวเจ้ายิ่งกว่าผู้ใด”
เอลียาห์ฟังแล้วหมดความอดทนในที่สุด

“รักและปรารถนาอย่างนั้นหรือ การกระทำของเจ้ามันเห็นแก่ตัว เจ้าบอกว่ารักเรา แต่ก็ยังแย่งชิงบัลลังค์ไปจากเรา แย่งชิงความรักจากท่านพ่อ ก่อนหน้านี้เมื่อเรายังเด็ก ก็ล่วงเกินเรา ในตอนนั้นยังพอให้อภัยเพราะไม่ร็ว่าเป็นพี่น้องกัน แต่เวลานี้ถึงจะรู้อยู่แก่ใจ เจ้าก็ยังล่วงเกินเรา กักขัง เจ้าจะให้เราเข้าใจความรักของเจ้าว่าเป็นแบบไหน”
ตวาดด้วยเสียงห้วยรัวเร็ว เมื่อกล่าวจบ เอลียาห์ยืนหอบแฮ่ก ด้วยไม่เคยร้องด่าใครยาวนานเช่นนี้มาก่อน

“ข้ารู้ว่าทำเลวร้ายกับเจ้ามาก แต่ให้รับรู้เอาไว้เถอะ ข้าไม่สนใจเรื่องศีลธรรมจรรยา และจะไม่ปล่อยเจ้าไปจากอุ้งมือของข้า ไม่ว่าใครหรือเจ้าจะคิดอย่างไรก็ตาม”

“เลวที่สุด ปล่อยเรานะ”

เลือดขึ้นหน้าทันทีที่ได้ฟัง เอลียาห์สลัดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ในความเป็นจริง แรงอันน้อยนิดย่อมเทียบไม่ได้กับกษัตริย์นักรบอย่างแดริล เด็กหนุ่มถูกบดขยี้ด้วยจูบอันเร่าร้อนรุนแรง เพราะว่าถูกจู่โจมโดยไม่ตั้งตัว แทนที่จะได้ต่อต้าน กลับได้แต่ตะลึงงันและถูกโอ้โลมไปในที่สุด

“อึก…อื้อ…”
แดริลเปลี่ยนมุมประกบปากหลายต่อหลายครั้ง ยิ่งจำนวนจูบอันดูดดื่มเพิ่มมากขึ้น เรี่ยวแรงกับสติสัมปชัญญะก็น้อยลงไปทุกที

โกรธ ไม่พอใจ เกลียด
แต่พอถูกปฏิบัติด้วยความรัก ร่างกายก็อ่อนระทวยจนรังเกียจตัวเองเหลือเกิน

“แดริลหยุด”

เสียงห้ามที่เหมือนเสียงออดอ้อนไม่สามารถห้ามกษัตริย์หนุ่มซึ่งกำลังย่ามใจได้ เอลียาห์ถูกริมฝีปากร้อนผ่าวซุกไซ้แนบจูบไปตามซอกคอ การถูกขบเม้มสร้างความร้อนรุ่มให้จนต้องร้องคลางออกมา
ในตอนนั้นเอง การปรากฏตัวของพระราชบิดา ซาอิด และ ซาฟิล ก็ทำให้สติสตางค์กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์

“ปล่อยน้องเอลียาห์นะโว้ย”

ซาฟิลกระชากแดริลจากด้านหลังแล้วปล่อยหมัดไปยังใบหน้าของกษัตริย์หนุ่ม แทบจะในทันที คนถูกชกโต้กลับหากแต่กำปั้นหนักหน่วงกระแทกโดนชาคาที่ปฏิกริยารวดเร็วดั่งสายฟ้า ซาฟิลเต้นผางผางเมื่อเห็นคนสนิทของตนบาดเจ็บ

“ไอ้ชั่ว…เลวมาก…”
ซาฟิลก่นด่ายาวเหยียด แต่ก่อนที่จะได้พุ่งเข้าไปเอาเรื่องแดริลอีกหน ร่างโปร่งถูกชาคาลากตัวไปสงบสติอารมณ์ยังห้องข้างๆ

“นีมันอะไรกัน”
เสียงกดต่ำของอดีตกษัตริย์ เอลียาห์ที่ก้มหน้าลงไม่กล้าแม้แต่จะมองผู้ถาม

“ท่านพ่อกับท่านอาเป็นคนรักกันหรือ ท่านแม่บอกว่ามีแค่คนรักเท่านั้นที่จูบปากกัน”

โดยไม่รอให้ถามมากกว่านั้น เอลียาห์ซึ่งน้ำตาไหลไม่รู้ตัว ผลุนผลันวิ่งหนีกลับไปยังห้อง เขาดีใจที่ไม่มีผู้ใดร้องเรียกหรือเดินตามมาแม้ซักคนเดียว

“อึก…”

พยายามกลั้นเสียงสะอื้นอย่างสุดความสามารถ เอลียาห์สองวันมานี้ผลักไสแม้แต่ฟาติมาซึ่งสนิทสนมกับตนเองมากที่สุดออกไป แต่กระนั้นซาลามก็ยังดึงดันนำอาหารมาให้ คนสนิทตักเตือนร่างบาง จึงจำเป็นต้องทานเข้าไปทั้งที่ไม่มีอารมณ์อยากทานสักนิด

“ข้าบอกท่านบาดีเอาไว้ว่าท่านเพลียมากต้องการพักผ่อนเพียงลำพังอีกซักหน่อย…ท่านเอลียาห์ กับท่านบาดีไม่เท่าไหร่ แต่ท่านซาอิดกระวนกระวายใจน่าดู”

ซาอิด

พอนึกถึงหลานชายผู้มีชะตากรรมอันน่าเศร้า ความทุกข์ทรมานใจของเขาก็กลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยจนน่าอับอาย เพราะสิ่งที่ตนเองทำตอนนี้ไม่ต่างจากการทอดทิ้งหลานชายโดยไม่มีคำอธิบายใดใด เอลียาห์รับประทานอาหารไปพร้อมๆกับตัดสินใจเลิกฟูมฟายเหมือนคนขลาดเขลาไปเสียที

อยากพบซาอิด

เอลียาห์มั่นใจหากได้ใช้เวลาอันสนุกสนานกับหลานชาย ความไม่สบายใจคงจะเบาบางไปได้บ้าง ถึงแม้การมองหน้าอันคมคายของซาอิดจะทำให้นึกถึงผู้เป็นพ่อที่หน้าตาเหมือนกันเสียยิ่งกว่าส่องกระจกเงา

“หากว่าท่านซาอิดมาจะให้ข้าบอกไปว่าอย่างไรครับ”
ซาลามซึ่งวางถ้วยชาหอมกรุ่นลงเบื้องหน้าเอ่ยถาม

“ตอนนี้ซาอิดอยู่กับใคร”

“อยู่กับท่านบาดีครับ ฟาติมาเองก็คอยดูแลอย่างไกล้ชิด”

“เราจะไปหาซาอิด ช่วยเตรียมเครื่องแต่งกายให้เราที”
หลังจากอาบน้ำแต่งกายเสียใหม่ เอลียาห์ก็ต้องสะดุ้งตกใจกับการปรากฏกายอย่างพายุของซาฟิล

“นี่มันอะไรกันครับท่านพี่ซาฟิล”

เอลียาห์โกรธนิดนิดกับการถือวิสาสะเข้ามาในห้องส่วนตัว นอกจากนั้นซาฟิลยังแสดงท่าทางซึ่งเด็กหนุ่มเห็นแล้วรู้สึกว่าไม่น่ารักด้วยการพูดขู่ให้ซาลามออกไปนอกห้องขณะที่คนสนิทยังช่วยเขาแต่งตัวอยู่

“น้องเอลียาห์ ตัดสินใจจะออกไปเผชิญความจริงแล้วอย่างนั้นหรือ”

ซาฟิล กระหยิ่มยิ้มย่อง อาการแบบนี้ เอลียาห์เห็นลางไม่ดีมาแต่ไกล ลูกพี่ลูกน้องผู้นี้เวลาทำเรื่องร้ายๆมักจะเล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างนี้

“ท่านพี่ซาฟิลทำอะไรอีกครับ”

“พูดแบบนี้ได้ยังไง เรื่องที่ทำมันดีต่อเจ้านะ”

เอลียาห์วิเคราะห์ประโยคคำพูดของซาฟิลแล้วปวดศีรษะหนึบๆ เวลาลูกพี่ลูกน้องไปก่อเรื่อง เด็กหนุ่มต้องเก็บมาคิดจนปั่นป่วนด้วยความเป็นห่วงไปเสียทุกครั้ง

“ท่านพี่ทำอะไรกันแน่บอกมาเถอะ”

“ข้าวางยาพิษไอ้ชาติชั่วแดริลน่ะสิ”
เหมือนหัวใจร่วงลงไปกองอยู่บนพื้น เอลียาห์ตื่นตระหนกจนใบหน้าซีดเผือด

“ท่านทำอะไรลงไป” ร้องถามด้วยเสียงอันสั่นเทา

“ทำอะไรนะหรือ ก็จัดการมันแทนเจ้าอย่างไร เท่านี้ก็ได้ล้างแค้น แถมยังได้บัลลังค์คืนมา”

“ท่านทำได้อย่างไร แดริลมีคนเฝ้าคุ้มกันแน่นหนา”

“อ้อ สาวใช้คนสนิทของเจ้าไง…ชื่ออะไรนะ ช่างเถอะ ข้าให้คนของข้าแอบใส่ยาพิษในเครื่องดื่มที่นางเอาไปให้เจ้าชั่วนั่น ป่านนี้มันคงดื่มไปแล้ว”
เอลียาห์พุ่งพรวดออกไปทันทีที่ซาฟิลกล่าวจบ

“น้องเอลียาห์รอก่อน”

เสียงเรียกของซาฟิลที่ไล่หลังมา ไม่ได้ทำให้หยุดก้าวเดิน เอลียาห์นอกจากจะเป็นห่วงฟาติมาเรื่องที่ต้องมารับผิดแทนซาฟิล ในใจยังหวาดกลัวจนแทบคุมสติไม่ได้ ในหัวของเขามีภาพร่างอันไร้วิญญาณของแดริลฉายชัด ถึงแม้จะพยายามไม่คิดถึงแต่ก็ไม่สามารถทำได้

ไม่อยากให้ตายจากไปแบบนี้

เด็กหนุ่มยังไม่เข้าใจความคิดของตนเองในข้อนี้ดี ทว่า พอสัมผัสถึงความตายที่คืบคลานเข้าใกล้ชายคนนั้น คำพูดมากมายก็ประทุมาจากในอก มากมายเหลือเกิน จนกระวนกระวายหากไม่ได้พูดออกมาก่อนที่อีกฝ่ายจะเป็นอะไรไป
จะตายไม่ได้นะ จะไม่ยอมให้ตายไปอย่างเด็ดขาด

“แดริล”

เอลียาห์ร้องเสียงแหบพร่า เมื่อเข้ามาถึงในห้องส่วนตัวซึ่งไร้ผู้คนของแดริล ร่างกายสูงใหญ่กำยำนอนแผ่อยู่บนพื้นโดยที่ข้างตัวมีจอกเหล้าและหยาดน้ำเจิงนองเป็นหลักฐานให้คาดเดาได้มากมาย

“ไม่นะ…”
ส่ายหน้าไปมาช้าๆ เอลียาห์น้ำตาคลอเบ้า ถึงจะปฏิเสธความจริงไม่ได้ แต่เขาไม่อยากยอมรับความจริงว่าแดริลดื่มสุรามีพิษแล้วสิ้นใจตายไปก่อนหน้าที่ตนจะเข้ามา

“มันตายแล้วน้องเอลียาห์”
ซาฟิลวางมือบนไหล่ของร่างบางพลางเอ่ยปลุกปลอบ ทว่ากลับถูกสลัดมือออกด้วยความเกรี้ยวกราดอย่างคาดไม่ถึง

“เจ้าไม่ต้องมาจับเรา”
ดวงตากลมโตสาดประกายแสงดุดัน ความดุร้ายนั้น แม้แต่ซาฟิลยังต้องผงะ

“แดริล…แดริล”

เอลียาห์เอ่ยเรียกชื่อคนที่นอนทอดกายอย่างอ่อนหวาน โดยไม่แม้แต่จะสนใจลูกพี่ลูกน้องซึ่งยังคงยืนกระอั่กกระอ่วนใจในห้องเดียวกัน เมื่อเข้าไปใกล้แดริลด้วยการนั่งลงข้างๆ มืออันสั่นระริกลังเลว่าจะสัมผัสร่างที่ควรจะเย็นชืดยังไงดี

“อา…แดริล…เราเพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่าเจ้าสำคัญกับเราถึงเพียงไหน”
หยดน้ำใสร่วงแหมะลงบนใบหน้าของแดริล เอลียาห์กุมมือทั้งสองข้างแนบอกอย่างรวดร้าว

“พอเจ้าตายแล้วเราถึงได้รู้สึกตัวว่าเรารักเจ้าแค่ไหน”

“น้องเอลียาห์พูดเช่นนั้นได้ยังไงกัน มันเป็นคนเลวแถม…มันยังเป็นพี่ชายต่างมารดาของเจ้า”
ซาฟิลเอ่ยค้านเสียงตะกุกตะกัก แต่เอลียาห์หาได้สนใจไม่

“ขอโทษที่ไม่อาจล้างแค้นให้เจ้า ถึงเราชิงชังแค่ไหน แต่ไม่อาจลงมือล้างแค้นใครด้วยใจอำมหิต เราทำได้แค่เพียงจุมพิตเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจากลา”

“ไร้เหตุผลสิ้นดี”

ยังไม่ทันจะได้จุมพิต ซาฟิลที่เดือดพล่านย่างสามขุมเข้ามาหมายจะอาละวาดทุบตีร่างไร้วิญญาณ เอลียาห์ห้ามฝ่าเท้าที่เล็งกระทืบเอาไว้ไม่ทัน แต่แทนที่จะได้กระทืบอย่างถนัดถนี่แดริลซึ่งนอนตายกลับพลิกตัวหนีจากการจู่โจม จนคนที่ร้องได้และคนที่ตั้งใจประทุษร้ายหยุดชะงักด้วยความสงสัยด้วยความตะลึงงัน

“แก…แกยังไม่ตายหรือวะแดริล”
ซาฟิลขยี้เท้าไปมาก่อนจะหันไปฟ้องเอลียาห์ที่ยังตกใจอยู่อย่างเดือดดาล

“น้องเอลียาห์ดูมันยังไม่ตาย”
แดริลหาได้สนใจคนขี้ฟ้อง เมื่อตั้งตัวได้ก็เคลื่อนกายเข้าหาเอลียาห์ที่ยังน้ำตาไม่แห้งเหือด

“ดีใจเหลือเกินที่น้องเอลียาห์ก็รู้สึกเช่นเดียวกับข้า”

ดีใจ

เอลียาห์มองดูรอยยิ้มอ่อนหวานอย่างเผลอไผล ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกันทำให้ลืมความโกรธไปได้ชั่วครู่ หากแต่พอซาฟิลโวยวายมากๆเข้าความขุ่นเคืองก็ค่อยๆกลับคืนมา

“น้องเอลียาห์ มันเป็นคนเลวมันวางแผนซ้อนเพื่อฟังความในใจของเจ้าให้ข้าจัดการ”

คนถูกเรียกมองดูซาฟิลดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของชาคา คนสนิทผู้นี้ยังทำอะไรได้รวดเร็วเช่นเดิม เอลียาห์โล่งใจที่ชาคาจัดการไม้ให้ซาฟิลก่อเรื่องมากไปกว่านี้ได้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่

“ข้ารักเจ้านะเอลียาห์”
คำบอกรักของแดริลแทรกซึมเข้าสู่ภายใจจิตใจ แต่ไม่อาจระงับความกรุ่นโกรธน้อยใจที่ประทุในอกของเอลียาห์

ร้ายกาจ

เพื่อสิ่งที่ตนเองต้องการถึงกับเล่นละครตบตา ตั้งใจจะล้อเล่นกับความรู้สึกของเขาหรือไง
ไม่ผิดเลยที่ท่านพ่อบอกว่าเขาอ่อนต่อโลก
ถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปสั่งสอนใครได้อีก

“น้องเอลียาห์”
แดริลเอื้อมมือหมายจะแตะที่แก้มหากแต่เอลียาห์ปัดมือออกทิ้ง

“เจ้าไม่ต้องมายุ่ง ข้าเกลียดเจ้า”

“ดีมันสมควรแล้ว”

ซาฟิลเอ่ยด้วยความพอใจ ในตอนนั้นขณะที่กำลังจะถูกชาคาพาออกไป เสียงอันทรงอำนาจกับการปรากฏตัวของอดีตกษัตริย์ก็ทำให้เอลียาห์ตระหนกตกใจ

“เรื่องวุ่นวายจบแล้วใช่ไหม”
บาดีเอ่ยถามขณะก้าวเท้าออกมาจากที่กำบัง

“ท่านพ่อ”

“ท่านลุง”

เอลียาห์กับซาฟิลผสานเสียงกันด้วยนึกไม่ถึงกับการที่อดีตกษัตริย์ซ่อนตัวอยู่ในห้องและอยู่ร่วมเหตุการณ์ทั้งหมดมาแล้วตั้งแต่ต้น

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ตอนหน้าก็จบแล้วน้า

แต่เรื่องนี้มีตอนพิเศษแถมให้จ้า

ทนอ่านหน่อยน้า555
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 23<25/10/58><p 4>
เริ่มหัวข้อโดย: kirara147 ที่ 25-10-2015 22:57:25
สนุกมากเลยคะ กำลังลุ้นเลยย รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 23<25/10/58><p 4>
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 26-10-2015 09:15:14
 :katai2-1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 23<25/10/58><p 4>
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 26-10-2015 16:17:58
รอตอนใหม่จ้าา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 23<25/10/58><p 4>
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 27-10-2015 16:25:37
มาต่อไวๆ น้า
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 23<25/10/58><p 4>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 04-11-2015 22:16:27
ตอนที่24

“ท่านพ่ออยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” เอลียาห์ถามปากคอสั่นเทา

“ตั้งแต่แรก แผนการทั้งหมดนี้แดริลก็เล่าให้เราฟัง”

ร้องครางดัง’อา’เอลียาห์ปั่นป่วนไปทั้งร่างกายและจิตใจ ยิ่งได้รู้ว่าอดีตกษัตริย์มีส่วนร่วมในแผนการอันหน้าด้านหยาบคายของแดริล เด็กหนุ่มก็ให้รู้สึกสับสนมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า

“ทำไมกันครับท่านพ่อ”
ถามออกไปก็หวังจะได้รับคำตอบ เอลียาห์ใช้สายตาเว้าวอนบาดี หากไม่ได้รับคำตอบ ถึงจะต้องใช้เวลาสักเท่าไหร่ เขาก็จะขอไล่ตื้อถามไปเรื่อยๆ

“ทุกคนออกไปก่อน เราจะคุยกับเอลียาห์เพียงลำพัง”

ทุกคนออกไปจนหมดยกเว้นแดริลที่ยังไม่ยอมขยับเขยื้อน พอถูกตำหนิด้วยเสียงทรงอำนาจกษัตริย์หนุ่มก็ผละจากไปอย่างไม่สู้จะเต็มใจนัก เอลียาห์มองสบตากับดวงตาคมดั่งเหยี่ยวของชายเจ้าปัญหาแล้วสะท้อนใจในความรักต้องห้ามที่พวกเขามีให้กัน

“ได้คุยกันตามลำพังเสียที”
เอลียาห์เกร็งตัวรอรับคำต่อว่า หากแต่แววตาอ่อนโยนที่ทอดมองมาเนินนาน ทำให้เด็กหนุ่มผ่อนคลายความตึงเครียดลง

“เรารู้มานานแล้วว่าพวกเจ้าสองคนอาจจะรักชอบกัน มันตั้งแต่สมัยที่พวกเจ้าสองคนยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ”
สูดลมหายใจเข้าลึก เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวว่าเขาแสดงออกต่อแดริลเช่นไร พระราชบิดาถึงได้รู้ข้อเท็จจริงเช่นนี้

“คงต้องเริ่มเล่าจากชาติกำเนิดของแดริลเสียก่อน” อดีตกษัตริย์เหม่อมองไปไกลขณะพูด

“สมัยที่เรายังหนุ่มแน่นเราพบกับนางทาสชาวตะวันตกผู้หนึ่ง นางช่างฉลาดฉอเลาะและงดงาม เราพึงพอใจจนแต่งตั้งนางเป็นพระสนม ในตอนนั้นเราไม่ยอมมีสตรีอื่นทั้งยังคิดจะแต่งตั้งนางให้เป็นราชินี ถึงแม้จะถูกต่อต้านจากพวกขุนนางอย่างหนัก”
บาดีถอนหายใจอย่างปวดร้าวก่อนจะเล่าต่อ

“เราในตอนนั้นคิดว่าจะจัดการได้โดยง่าย  เราทั้งฉลาดและมีอำนาจ  ระหว่างที่เราไปปราบกบฏชายแดน แม่ของแดริลก็ตั้งท้อง ทว่าด้วยเล่ห์กลของพวกขุนนางทำให้นางต้องระหกระเหินจากไปโดยที่เรายังไม่ได้กลับมาจากปราบกบฏด้วยซ้ำ”

“ท่านพ่อ”
เอลียาห์รู้สึกได้ถึงความเศร้าใจของพระราชบิดา แต่กระนั้นก็ยังนิ่งเงียบปล่อยให้อดีตกษัตริย์เล่าต่อไป

“เราเป็นกษัตริย์หนุ่มที่โง่เขลา เราเชื่ออย่างหูเบาว่าแม่ของแดริลหนีไปกับชายชู้จึงไม่ออกตามหานาง ด้วยความโกรธปะปนกับเวทนา เราเข้าใจว่านางคงไม่ได้รักเราตั้งแต่แรก จากนั้นผ่านไปสองปีเราก็ตกหลุมรักอีกครั้ง มารียาห์เป็นลูกสาวขุนนางจากตะวันตกที่พวกขุนนางต้องการให้เราแต่งตั้งเป็นราชินี แม่ของเจ้าเป็นคนดี นางแทบไม่ถือสากับอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอันเนื่องมาจากความผิดหวังที่ได้มาจากแม่ของแดริลเลย”

อดีตกษัตริย์กวักมือเรียกให้บุตรชายเข้าไปหา เมื่อเข้าไปถึงเอลียาห์ถูกมือใหญ่ลูบศีรษะเบาๆ

“หลังจากนั้นหลายปีเรากับมารียาห์ได้ยินแผนการจากเสนาบดีชูกูรโดยบังเอิญ ชูกูรเป็นผ็วางแผนกับพวกขุนนางหลายคน วันนั้นเป็นวันฉลองวันเกิดที่เจ้าลืมตาดูโลก แม่ของแดริลถูกใส่ร้ายแล้วถูกไล่ล่าจนต้องหนีไปอย่างไม่รู้เหนือใต้”
บาดียิ้มขมขื่น เอลียาห์สะเทือนใจไปกับอดีตอันโหดร้าย แค่คิดถึงชีวิตยากลำบากที่แดริลและแม่ต้องพบเจอ เด็กหนุ่มก็แทบอยากจะร้องไห้แต่ยังกลั้นน้ำตาไว้ได้อยู่

“เราอยากตามหาทั้งสองคนเสียเดี๋ยวนั้นหากแต่พะว้าพะวงเกรงมารียาห์จะน้อยใจ จึงตัดสินใจปล่อยตามยถากรรม หากแต่ไม่มีวันไหนเลยที่เราจะหลับตาลงโดยไม่ฝันถึงแดริลกับแม่ ด้วยเหตุนั้นตอนที่เราได้บังเอิญพบหน้าแดริลที่เหมือนแม่ของเขาราวกับแกะ เราตื่นเต้นมากและทำทุกอย่างเพื่อเสาะหาความจริงแล้วทุกสิ่งถูกตอกย้ำจนมั่นใจ ในตอนที่เราเห็นแหวนซึ่งเราให้เป็นของขวัญแม่ของแดริลในวันที่แดริลถูกเจ้าเฆี่ยนตี

เหตุการณ์ในตอนนั้นเองหรือ

เอลียาห์หวนคิดถึงอดีตก่อนจะหน้าแดงก่ำด้วยอับอายจากคำพูดของพระราชบิดา

“ในตอนนั้นเราก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้ากับแดริลมีความสัมพันธ์ต้องห้าม เรารู้จากซาลาม”

“ท่านพ่อ…เรา…”

“เจ้ายังไม่ต้องอธิบาย เราในตอนนั้นสับสน ตอนแรกอยากจะกุดหัวแดริลเสียด้วยซ้ำ หากแต่พอคิดถึงหน้าของสตรีอันเป็นที่รักกับอนาคตของเจ้า ถ้าเรามีทางเลือก ก็อยากจะใช้มัน”

“อนาคตอะไรครับ”

“พวกขุนนางกับเชื้อพระวงศ์คนอื่นนอกจากอับหมัดเห็นเจ้าเป็นตุ๊กตาหุ่นเชิดดีดีนี่เอง เราเองก็ป่วยกระเสาะกระแสะ ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือเจ้าได้อีกนานเท่าไหร่ ไหนจะสตรีต่ำช้าที่หวังใช้เจ้าเป็นขั้นบันไดแค่คิดเราก็ปวดร้าวในอก ทว่าแดริลเป็นตัวเลือกที่เข้าทีซึ่งเทพเจ้าประทานมาให้เรา เราใช้เวลาสืบเสาะบ่มเพาะจนมั่นใจว่าเขาจะสามารถรับภาระแทนและให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขมีอย่างเดียวที่ทำให้เราผิดคาดคือความรักของเจ้าที่มีต่อแดริลเท่านั้น”

“……….”
เอลียาห์ไม่รู้จะเอ่ยพูดกับพระราชบิดาเช่นไรดี เรื่องที่เขามีใจให้แดริลก็รู้ด้วยตัวเองดีอยู่ แต่ความเมตตาของอดีตกษัตริย์เขาเพิ่งรับรู้ในวินาทีนี้

“เราตั้งใจจะหลอกใช้แดริลให้กำจัดขวากหนามให้เจ้า แต่รู้อะไรไหม แดริลเอ่ยขอตัวเจ้าจากข้าตรงๆอย่างไม่เกรงกลัว”
เอลียาห์กุมมือที่หน้าอกแน่นด้วยนึกไม่ถึงในความไม่กลัวตายของแดริล

“เราในตอนนั้นคิดถึงหน้าหญิงอันเป็นที่รักขณะมองดูใบหน้าของแดริล เราสะท้อนใจในชะตาชีวิตของบุตรชายคนโต หากว่าจะช่วยให้เขาสบายใจเราจะตอบสนองให้ เพื่อเป็นการสร้างฐานอำนาจให้แดริล เราจึงส่งเขาไปปราบกบฏโดยมีข้อแม้ว่าหากทำสำเร็จเราจะอนุญาตให้เขาทำตามใจปรารถนา ในความเป็นจริงเราหวังว่าหากเป็นความรักจอมปลอม ระยะเวลาในการปราบกบฏอันยาวนาน พี่ชายของเจ้าคงจะลืมความรักอันฉาบฉวยในเยาว์วัยไป แต่ว่ามันไม่ใช่เช่นนั้น”
อดีตกษัตริย์เผยอรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา

“แดริลเมื่อกลับมาถึงก็ทวงถามสัญญาจากเราแทบจะในทันที ในตอนนั้นเราคิดว่า หากบุตรชายคนเล็กของเราตอบรับเราจะไม่ขัดขวางความรักของพวกเจ้า”

“ท่านพ่อ…ท่านยอมรับจริงๆนะหรือ”

“เจ้าแสดงออกอย่างชัดแจ้งให้ข้าเห็น เจ้ารักและเสียใจแค่ไหนยามที่ได้เห็นแดริลตายจากไป เจ้าชัดเจนถึงเพียงนั้น”

“ท่าพ่อเราจะทำอย่างไรต่อความรู้สึกที่มีต่อแดริลดี”

เอลียาห์สะอื้นไห้ น้ำตาที่หยดแหมะ เขาไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำตาแห่งความยินดีหรือเสียใจกันแน่ ในเมื่อทั้งยินดีที่ได้รับการยอมรับและทุกข์ใจไปพร้อมกันกับความไม่ถูกต้องของสายสัมพันธ์อันเป็นเรื่องต้องห้าม

“หากว่ารักจนถึงขนาดนั้น เจ้าก็ทำตามใจชอบเถอะ อีกอย่างเรามีหลานให้ชื่นใจแล้ว เราไม่รู้จะขัดขวางทำไม จากนี้ไปเราทำได้แค่ขัดเกลาซาอิดตัวน้อยให้กลายเป็นมหาราชที่ยิ่งใหย๋?ศูโษฒ?ฌณษฯ฿ฏฦฯไ

“เรารักแดริลได้จริงๆหรือท่านพ่อ”
เอลียาห์ถามย้ำ การที่อดีตกษัตริย์ผงกหัวตอบรับช้าๆเหมือนเป็นการปลดเปลื้องพันธนาการจากร่างกายและจิตใจของเด็กหนุ่ม

“แอบฟังพอแล้วหรือยังแดริล”
ทันที่ที่บาดีเอ่ยเรียก แดริลก็ออกมาจากประตูลับทันที เอลียาห์ผงะด้วยไม่คิดว่าจะถูกแอบฟัง

“พวกเจ้าอยู่คุยกันได้ตามสบาย”
พอพระราชบิดาออกจากห้องไป แดริลก็เคลื่อนกายเข้าหาเกาะกุมมือทั้งสองข้างของเอลียาห์ขึ้นแนบอก

“น้องเอลียาห์รับรักข้าได้หรือไม่”
เอลียาห์มองดูรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้าแล้วให้เกิดความหมันไส้ เด็กหนุ่มแกล้งเมินมองเพื่อจะรอดูสีหน้ากระวนกระวายใจของแดริลเป็นการล้างแค้น

“น้องเอลียาห์”
เมื่อแดริลทำหน้าโศกเศร้า เอลียาห์ซึ่งพึงใจดีแล้วก็แย้มยิ้ม เขาไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าต้องเผชิญกับปัญหาอีกเท่าไหร่หากแค่เวลานี้อยากจะใช้ชีวิตร่วมกับแดริลให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

“หากว่าวันใดวันหนึ่งเจ้ามีผู้หญิงคนใหม่เราจะหลีกทางให้”

“อย่าพูดเช่นนั้น ไม่มีใครยัดเยียดสตรีมาให้เราหรอก ซาอิดต่างหากที่จะโดนเพ่งเล็ง พอกลับไป เราจะแต่งตั้งซาอิดเป็นรัชทายาท เท่านี้ผู้หญิงและขุนนางมากมายก็จะไปรุมล้อมซาอิดจนลืมเรื่องของพวกเรา”
เอลียาห์ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะสลดลงเมื่อนึกถึงความร็สึกของซาอิด

“แล้วซาอิดจะรับเรื่องของเราได้หรือ เขาต้องไม่ชอบแน่ๆ”

“อย่ากังวล ข้าได้อธิบายให้ซาอิดฟังแล้ว ลูกชายเราดีใจด้วยซ้ำที่จะได้น้องเอลียาห์เป็นคนดูแลต่อจากนี้ไป”

“จริงหรือ” เอลียาห์ถามด้วยความลังเล

“แน่นอนที่สุด”

แดริลโน้มกายหมายจะจุมพิตเอลียาห์ หากทว่าเสียงอันร่าเริงของซาอิดกลับขัดจังหวะเสียก่อน บุตรชายตัวน้อยวิ่งเข้ามาในห้องแล้วโถมเข้ากอดเรียกร้องความสนใจจากคนรัก

“ท่านอาท่านอา เราอยากเรียกท่านอาเป็นท่านแม่ แต่ท่านปู่บอกว่าท่านอาจะอับอาย หากอยู่ด้วยกันตามลำพังเราเรียกท่านอาเป็นท่าแม่เหมือนกับที่เราเรียกท่านแม่ของเราได้หรือไม่”
ซาอิดเอ่ยถามอย่างฉอเลาะ ดวงตาแป๋วมองมาและรอคอยคำตอบด้วยความจดจ่อ เอลียาห์แค่ได้เห็นรอยยิ้มของหลานชายคนโปรดก็ให้เต็มตื้นในอก

“ได้สิซาอิดเรียกตามใจที่ต้องการเถอะ”
ซาอิดหัวเราะร่า เด็กน้อยเรียกท่านพ่อท่านแม่และฉุดมือทั้งสองคนให้เดินตาม เอลียาห์มีความสุขจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

จบแล้วค่า

แต่ยังเหลือตอนพิเศษอยู่น้าจะเอาลงให้สักประมาณหกเจ็ดวันค่า

ช่วงนี้ยุ่งๆอยู่กับการแต่งตอนพิเศษ amante del diablo ที่จะตีพิมส์กับ rainy nigth

นั่งแต่งจนหัวฟูเลยค่า เลยเอานิยายมาลงช้าขออภัยนะคะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 24<5/11/58><p 4>
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 05-11-2015 08:15:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 24<5/11/58><p 4>
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 05-11-2015 17:29:52
จบแล้ววววว......รอตอนพิเศษ :katai1:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนที่ 24<5/11/58><p 4>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 16-11-2015 16:14:06
ตอนพิเศษ1
ไม่ว่าจะจูบหรือกกกอดซักกี่ครั้งก็ยังไม่เพียงพอ


“อึก…แดริล…”
คนถูกเรียกยิ้มสมเพชตัวเองเมื่อไม่สามารถต้านทานสเน่ห์อันร้ายกาจของเอลียาห์ที่ยื่นแขนทั้งสองข้างมาหา ร่างบางในสภาพเปลือยเปล่าบนเตียง ถึงแม้แดริลจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทรัก หากแต่ทุกครั้งคนรักมักจะทำให้เขาต้องตกตะลึงในความร้อนแรงดั่งเปลวไฟ

เอลียาห์เมื่อถูกโอ้โลมจะตอบสนองความรักอย่างตรงไปตรงมา คืนนี้ก็เช่นกันแดริลต้องพยายามอดกลั้นเพื่อไม่ให้จู่โจมคนที่นอนใต้ร่างด้วยความป่าเถื่อน

“เจ้าคงเป็นปีศาจร้ายมากกว่าเทวทูต”
เอลียาห์แย้มยิ้มอย่างซุกซนทันทีที่แดริลว่ากล่าว หมู่นี้กษัตริย์หนุ่มคิดเช่นนั้นทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นยามหลับหรือยามตื่น  ทุกทุกเวลาที่อยู่ใกล้คนรัก แค่ได้เห็นรอยยิ้มหวานและท่วงท่าอันงามสง่าทุกกระเบียดนิ้ว เขาก็แทบจะอดใจไม่ให้อยากกกกอดน้องชายผู้นี้ทุกช่วงเวลาหากโอกาสอำนวย

“อื้อ…แดริล”
เสียงครวญครางเหมือนแมวเร่งให้แดริลขยับโพรงปากขึ้นลงทั้งยังไล้เลียอย่างตะกระตะกราม เพียงแค่ถูกคนรักเรียกชื่อซ้ำๆกษัตริย์หนุ่มก็เหมือนจะขึ้นสวรรค์เสียให้ได้
อา…ช่างเป็นปีศาจร้ายที่ยั่วยวนกวนตัณหายิ่งนัก

“แดริลเลียตรงนั้นทีได้โปรด…”
ถูกร้องขอด้วยใบหน้าอันแดงก่ำ ตรงนั้นที่ว่าแดริลรู้ดีคือตรงไหน ถึงไม่ต้องบอกเขาก็จะปรนเปรอให้จนกว่าจะพอใจอยู่แล้ว

“อื้อ…”
แดริลโลมเล้าปลายลิ้นไปยังบริเวณช่องทางเร้นลับ ยิ่งละเลงลิ้นอย่างช่ำชองเท่าไหร่ เสียงครางหวามหวานก็ดังถี่มากยิ่งขึ้น  เอลียาห์ดิ้นพล่านด้วยความสุขจนกษัตริย์หนุ่มต้องใช้มือยึดจับเรียวขาสวยของคนรักเอาไว้แน่น

“พอ…พอแล้ว…เข้ามาเถอะ…”

“จะไม่ใช้นิ้วทำให้ผ่อนคลายก่อนหรือ”
แดริลถาม หากแต่พอเห็นใบหน้าหงุดหงิดของเอลียาห์ อาการอยากแกล้งแบบเด็กๆก็แล่นริ้วขึ้นมา

“อา…ทำอย่างไรดีนะ…ข้ากลัวว่าเจ้าจะเจ็บใช้นิ้วช่วยก่อนไม่ดีกว่าหรือ”
แดริลผละออกด้วยท่าทีลังเล ใบหน้างดงามดั่งเทวทูตซึ่งขุนเคืองมากขึ้นเรื่อยๆทำให้แดริลรื่นรมย์ใจอย่างมาก

“ถ้าไม่ทำก็อยู่เฉยๆ”
คนรักที่กรุ่นโกรธกดร่างของแดริลให้นอนหงาย อารมณ์รักอันร้อนรุ่มเปลี่ยนเอลียาห์ซึ่งสะอาดบริสุทธิ์ให้กลายเป็นปีศาจหิวกระหาย หากว่าไม่ได้เป็นคนรักที่กลมเกลียวกันอย่างมาก คงจะไม่สามารถเห็นร่างบางในแง่มุมเช่นนี้ได้

“อึก…อืม…”
แดริลมองดูเอลียาห์ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด ขณะที่กำลังพยายามกดร่างลงเพื่อรับอวัยวะเพซซึ่งตื่นตัวเต็มที่ของเขาเข้าไปในร่างกาย ในที่สุดอย่างช้าๆ ร่างบางก็รับเอาความใหญ่โตเข้าไปจนหมด

“น้องเอลียาห์”
เรียกชื่ออย่างเผลอไผล เมื่อเห็นเอลียาห์ส่งยิ้มหวานเยิ้มมาให้ แดริลไม่อาจอดทนให้คนรักเป็นฝ่ายชักนำอีกต่อไป เขาโถมเข้าหาเปลี่ยนท่วงท่าของคนซึ่งควบขี่บนร่าง กดอีกฝ่ายให้นอนราบลงบนเตียงแล้วเริ่มขยับอวัยวะเพศที่คาค้างอยู่ด้วยความละโมบ

“อื้อ…แดริล….ดี”
แดริลกระแทกแก่นกายเข้าออกถี่ยิบ ด้วยเสียงกระตุ้นเย้ายวนกวนราคะทำให้บทรักดำเนินไปจนถึงเช้าของวันใหม่

“แดริลไม่ต้องไปว่าราชการหรือ”
เอลียาห์ถาม

“ให้รอเสียหน่อยเป็นไง ความจริงข้าได้ออกคำสั่งไปแล้วว่าวันนี้จะว่าราชการช้ากว่าปกติ”
คนตอบยิ้มกริ่มขณะใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดทำความสะอาดร่างกายให้เอลียาห์ซึ่งนอนพักอยู่บนเตียง

“ถ้าอย่างนั้นก็อีกรอบได้สิ”
แดริลตะลึงค้างกับคำพูดที่มากับรอยยิ้มแสนกลหยาดเยิ้ม บางครั้งก็คิดว่าคนรักของเขาช่างเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ

“น้องเอลียาห์ยั่วยวนข้าแบบนี้ ต้องการทำลายอาณาจักรของพวกเราให้ย่อยยับใช่หรือไม่ หากว่าข้าขาดการประชุมในแต่ละวันเจ้าน่าจะรู้ผลเสียที่เกิดขึ้น”
เอลียาห์หัวเราะเสียงใส ท่าทางอันยั่วยวน แดริลมองแล้วเกิดจิตด้านต่ำจนแผ่รัศมีมืดครึ้มคุกคาม

“หากว่าเจ้าไม่รู้ความจะโทษว่าเป็นความผิดของเราไม่ได้นะ”
แดริลขยับกายเข้าหาคนที่แย้มยิ้มล่อหลอก ช่วงเวลาอันแสนหวานกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง หากว่าซาลามไม่เคาะประตูร้องบอกข่าวสารจากภายนอกเสียก่อน

“ท่านซาฟิลมาขอพบขอรับท่านเอลียาห์”
แดริลกระตุกคิ้วด้วยคามไม่พอใจก่อนจะตะโกนบอกเสียงห้วน

“ไปบอกเจ้าบ้านั่นว่าน้องเอลียาห์ป่วยต้องการพักผ่อน”

“ ไปบอกท่านพี่ซาฟิลว่าอีกเดี๋ยวเราจะไปหา”
ยิ้มค้างกับคำพูดของเอลียาห์ แดริลผละออกจากร่างกายขาวผุดผาด

“อย่าโกรธเลยน่า แดริลไปพบท่านพี่ซาฟิลด้วยกันสิ”
ถึงแม้จะโกรธจนนึกอยากปฏิเสธคำชวน แต่ไม่ยอมปล่อยให้คนรักใช้เวลาตามลำพังกับไอ้คนเจ้าปัญหาที่มักสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขาอยู่เสมอ หลังจากแต่งกายเรียบร้อยแล้ว เอลียาห์ก็พาแดริลไปพบซาฟิลที่รอพบอยู่ในห้องรับแขก

“อี๋”
แดริลแสยะยิ้มให้ซาฟิลที่ร้องยี้ออกมาด้วยใบหน้าบอกชัดถึงความรังเกียจ

“น้องเอลียาห์พามันมาทำไม”

อวดดี ไร้มารยาท

แดริลไม่ว่าจะมองเช่นไรก็หาคำจำกัดความอื่นๆจากเจ้าตัวร้ายคนนี้ไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้มาสุงสิงกับคนรัก เดี๋ยวจะเอานิสัยแย่ๆมาแพร่เชื้อใส่

“อย่ามาทำหน้ารังเกียจ ข้าต่างหากที่ขยะแขยงเจ้า”
ดูเหมือนว่าจะแสดงสีหน้าชัดเจนไปหน่อย พอถูกเอลียาห์ใช้สายตาตำหนิ แดริลก็ปั้นหน้ายิ้มหากแต่ยังดูประชดประชันอยู่ดี

“น้องเอลียาห์ไม่รู้จะพาเจ้าคนน่าหมันไส้นี่มาทำไม”

“ท่านพี่ยังพาชาคามาได้เลย ท่านพาคนรักของท่นมาได้ทำไมข้าจะพาแดริลมาบ้างไม่ได้”
แดริลกระตุกยิ้มร้ายทันทีที่ได้เห็นใบหน้าขึ้นสีของซาฟิล ร่างโปร่งอ้าปากพะงาบๆ มองดูเอลียาห์และชาคาสลับไปมาก่อนจะถลึงตามองเขาไปพร้อมกับเค้นเขี้ยว

“แทนที่จะมายุ่งวุ่นวายกับน้องเอลียาห์เอาเวลาไปดูแลคนรักอย่างชาคาจะไม่ดีกว่าหรือ”
แดริลหยอกเย้าคนที่กำลังแยกเขี้ยว

“เจ้าไม่ต้องมายุ่ง”
ท่าทางทีทั้งโกรธและขัดเขินทำให้แดริลต้องตำหนิตัวเองในใจที่คิดว่าซาฟิลเองก็มีมุมน่ารักกับเขาเหมือนกัน
ความสัมพันธ์ที่เกินเลยจากนายบ่าวของตัวแสบกับชาคา หากเอลียาห์ไม่ชี้โพรง กษัตริย์หนุ่มคงไม่มีวันทราบ

เขาไม่ได้โง่

หากแต่ไม่สนใจเรื่องของคนอื่นโดยเฉพาะเจ้าคนน่ารำคาญอย่างซาฟิล

“ทำไมน้องเอลียาห์ต้องเล่าให้มันฟังด้วย”
ซาฟิลโอดครวญ

“ทำไมต้องเล่า ของแบบนี้สังเกตเอาเองก็รู้ได้”
เอลียาห์หลุดหัวเราะกับท่าทางวางก้ามโกหกของแดริล กษัตริย์หนุ่มแย้มยิ้มให้คนรักโดยที่ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลยซักนิด

“ไอ้บ้า”
ยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นซาฟิลเต้นเร่าๆเหมือนโดนไฟเผา

“ระวังไว้ให้ดีเถอะ คนอื่นกำลังจะแย่งของรักจากเจ้า จะมีความสุขได้แค่วันนี้เท่านั้นแหละ”
คำพูดคาดโทษจากคนปากสุนัขทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าจางหาย แดริลนิ่งขรึมไปด้วยพยายามตีความคำพูดของซาฟิลโดยไม่ให้อีกฝ่ายจับความไม่สบายใจได้ จากนั้นลางร้ายก็ปรากฏให้เห็นเป็นรูปร่าง

“เจ้าว่าอะไรนะ”
แดริลเอ่ยกับขุนนางซึ่งอยู่ตรงหน้า ดวงตาคมเขม่นมองดูอีกฝ่ายที่เริ่มจะไม่สบายใจต่อท่าทีของเขา

“ข้ารายงานฝ่าบาทถึงสตรีที่เหมาะสมจะอภิเษกกับท่านเอลียาห์ครับ…หรือฝ่าบาทไม่เห็นด้วย”
ขุนนางผู้รายงานเอ่ยตะกุกตะกัก แดริลถึงเห็นอาการหวาดกลัวของผู้ต่ำกว่าก็ไม่ได้นึกสงสารแต่อย่างใด

“เจ้ารายงานชื่อผู้เหมาะสมมาอีกครั้งสิข้าไม่ทันได้ฟัง”

ซอฟียะฮ์

ชื่อนี้กวนอารมณ์แดริลให้ขุ่นมัวไปตลอดการออกว่าราชการ เนื่องจากเป็นสตรีที่บรรดาขุนนางเล็งจะยัดเยียดให้เอลียาห์ การที่เขาไม่รู้จักอีกฝ่ายเลยยิ่งทำให้กระวนกระวายใจจนแทบเก็บอาการไม่อยู่
อยากจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างสตรีผู้นั้นกับเอลียาห์ หากทว่าไม่กล้าพอจะเอ่ยปากถามตรงๆกับคนรัก ด้วยเกรงว่าจะถูกตำหนิเรื่องหึงหวงจนหน้ามืดตามัว

ยิ่งคิดจิตใจยิ่งไม่สงบ แดริลไม่ขาดตกบกพร่องในหน้าที่กษัตริย์ แต่ก็จดจ่ออยู่กับตัวตนของซอฟียะฮ์ หมกมุ่นอย่างไม่สามารถวางลงได้

“แล้วเรื่องอนุมัติตำแหน่งเสนาบดีให้ท่านซาฟิลล่ะฝ่าบาท”

แดริลหลุดจากผวัง ชื่อของเจ้าตัววุ่นวายจุดประกายให้กับเขาในทันที

ท่ามกลางสวนดอกไม้อันสวยงามหลังจากเอ่ยปรึกษากับท่านอาอับหมัด แดริลก็มาเยือนพระราชวังของท่าอาด้วยต้องการพบหน้าและพูดคุยบางอย่างกับซาฟิล หลังจากที่ได้แจ้งไป ข้ารับใช้เกือบทั้งหมด ก็แห่กันมาปรนนิบัติและนำเขามายังที่รับรองแขกซึ่งตั้งอยู่ในสวนอันเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ตอนพิเศษส่วนสุดท้ายจะเอามาลงอีกสี่ห้าวันนะคะ


หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ1<16/11/58><p 4>
เริ่มหัวข้อโดย: miniminiXD ที่ 29-11-2015 09:04:49
ตามมาจาก amante del diablo :impress2:
ขอตัวไปอ่านเรื่องนี้ก่อนน้าาาา
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ1<16/11/58><p 4>
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 29-11-2015 14:41:53
รอตอนพิเศษ พึ่งอ่านจบ สนุกมากๆค่ะ อยากอ่านตอนพิเศษคู่ซาฟิลดิวยอะ
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ1<16/11/58><p 4>
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 30-11-2015 17:52:02
ตอนพิเศษที่2
“มีธุระอะไรไม่ทราบ”
ซาฟิลทำหน้าบูดบึ้งโดยมีชาคาทำหน้าละเหี่ยใจอยู่ที่เบื้องหลัง

“นั่งลงก่อน”
แดริลออกคำสั่ง ซาฟิลถึงจะฮึดฮัดไม่ชอบใจแต่ก็ลดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“ข้าไม่ค่อยว่างนะ มีอะไรก็รีบพูดมา”

ซาฟิลพูดโดยนั่งกอดอก ท่าทางอันเป็นปฏิปักษ์ชัดแจ้ง ถึงแม้จะทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่บางครั้งก็นึกอยากจะเดินไปตบกะโหลกคนน่าหมันไส้ซักทีสองที ไม่ว่าจะมองดูซักกี่ครั้ง ไอ้ท่าทางกวนโทสะอวดดีนี่ ก็ทำให้เขาเอ็นดูอย่างที่เอลียาห์ขอร้องไม่ลง หากลงมือสั่งสอนซักทีสองทีก็สงสารชาคา คิดแล้วปลายมองไปยังชาคาที่ส่งยิ้มลำบากใจมาให้แล้วถอนหายใจ
ต้องประนีประนอมใหผ้มากที่สุด

“ข้าจะถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเอลียาห์และซอฟียะฮ์”
ซาฟิลขมวดคิ้วงุนงงครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา

“อะฮ่า…เจ้าอยากรู้จริงๆนะหรือ เจ้ามีอะไรตอบแทนข้าล่ะ”

“ตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม”
แดริลตอบอย่างปึงชา

“ข้าไม่อยากได้ ตำแหน่งพวกนั้นเป็นภาระ ถึงไม่มีตำแหน่งขุนนาง ข้าก็สามารถช่วยเหลือคนยากไร้ด้วยโรงทานและโรงเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ข้าทำอยู่กับน้องเอลียาห์ตอนนี้”

แดริลระบายลมหายใจด้วยความหงุดหงิด หลายปีที่เขาจากไปรบ หากไม่ได้รู้จากเอลียาห์ว่าร่วมทำอะไรบ้างกับซาฟิล เขาในเวลานี้คงยังคิดดูถูกเจ้าตัวกวนนี้อยู่เช่นเดิม

“หากว่าเจ้ารับตำแหน่งนี้ เจ้าจะมีอำนาจช่วยเหลือผู้คนได้มากยิ่งขึ้น ข้าไม่เห็นว่าการตอบรับในครั้งนี้จะไม่ดีตรงไหน”

“ข้าไม่ใช่คนงมงายในลาภยศอำนาจ เจ้าไม่ต้องมาล่อหลอก”
เมื่อหมดความอดทนจะเกลี่ยกล่อม แดริลใช้สายตาร้องขอชาคาซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของซาฟิล

“ท่านซาฟิลข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”
ชาคากล่าวจบก็ฉุดลากซาฟิลไปคุยกันตามลำพัง นานกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งคู่ก็กลับมา เจ้าตัวแสบตรงหน้ามีใบหน้าแดงเรื่อและแต่งกายไม่ค่อยเรียบร้อย ถึงไม่ต้องเดาก็เข้าใจว่าไปกล่อมกันมาอีท่าไหน แดริลสบตากับชาคาซึ่งมีรอยยิ้มเบิกบานใจ

“ตกลง” ซาฟิลอ้อมแอ้ม

“ว่าอะไรนะ” แดริลถาม

“ข้าบอกว่าตกลงไง”
ซาฟิลแผดเสียงใส่แดริลที่ถามกวนไม่เลิก เมื่อข้อตกลงสัมฤทธิ์ผล ร่างโปร่งก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่กษัตริย์หนุ่มอยากรู้

“ซอฟียะฮ์”เป็นญาติของพวกเรา ท่านแม่ของนางเป็นน้องสาวคนเล็กของท่านลุงบาดีและแต่งงานกับแม่ทัพใหญ่ในปัจจุบัน”
แดริลนึกถึงหน้าแม่ทัพฮุนเซนซึ่งไปปราบกบฏและสนิทกับเขามากตลอดระยะเวลาสี่ปี เคยได้ยินแม่ทัพผู้นี้เล่าถึงบุตรสาวอยู่บ่อยๆ หากแต่ไม่ได้สนใจแม้แต่จะจดจำ

“ซอฟียะฮ์ถูกเลี้ยงดูอย่างสตรีชั้นสูงคือน้อยครั้งที่จะได้พบปะกับบุรุษ แต่ว่านางถูกญาติพี่น้องมองว่าเหมาะสมกับเอลียาห์มานาน ดังนั้นช่วงที่เจ้าไม่อยู่ นางจึงถูกบังคับให้มาพบหน้าเอลียาห์บ่อยครั้ง”

“นางเป็นคนแบบไหน” แดริลถาม

“นางเป็นคนดี ร่าเริง ยิ้มสวย จิตใจนางดีอย่างที่ข้าไม่เคยพบมาก่อน”

แดริลฟังคำชมอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ ตลอดชีวิตเขาเจอสตรีหลากหลายมากมาย ส่วนใหญ่ละโมบมักมากในกามและอำนาจ บางคนหลงใหลรูปโฉมของเขา มีเพียงแค่จัสมินกับฟาติมาเท่านั้นที่กษัตริย์หนุ่มเห็นว่าเป็นสตรีที่งามพร้อมจนน่าชื่นชม นอกเหนือจากมารดาของเขาเอง

“จำทำอย่างไรข้าถึงจะได้พบหน้านาง”

“เจ้าอย่าลบหลู่นางเช่นนั้นเชียว เจ้าอย่าหวังจะย่ำยีข่มเหงเพื่อแยกนางออกจากเอลียาห์ ข้าไม่ยอมแน่ๆ”
แดริลแสยะยิ้มมากเล่ห์ ในหนึ่งคิดอยากจะทำเช่นนั้น แต่หากว่าทำลงไป อาจถูกคนรักเกลียดชัง จึงได้แต่เพียงครุ่นคิดด้วยจิตใจใฝ่ต่ำเพียงเท่านั้น

“เจ้าคงไม่ทำจริงๆหรอกใช่ไหม ข้าจะเอาไปบอกน้องเอลียาห์” ซาฟิลเริ่มโวยวาย

“หากเจ้าไปบอกทั้งที่ข้ายังไม่ได้ทำ เจ้านั่นแหละจะถูกเอลียาห์มองในแง่ลบ”

ซาฟิลอึกอักอ้ำอึ้งกับประโยคคำพูดของแดริล ไม่นานนักเมื่อตั้งสติได้ ร่างโปร่งก็ก่นด่าคำหยาบคายออกมายาวเหยียด กษัตริย์หนุ่มผละจากไปทันทีโดยไม่คิดจะตอบโต้กับอีกฝ่ายให้มากความ

หลังจากหลีกหนีกลับมา แดริลซึ่งตรงมาหาเอลียาห์ก็ต้องหลบมุมแอบมองดูคนรักกับอาคันตุกะนั่งสนทนากันอย่างสนุกสนาน
เมื่อพิจารณาซอฟียะฮ์ ถึงจะพยายามคิดเข้าข้างตนเองว่าอีกฝ่ายนั้นเป็ฯสตรีที่ไร้ซึ่งความงาม หากแต่ในความสวยงามแบบเรียบๆ ยิ่งมองหล่อนยิ้มหัวเราะ ก็ยิ่งประทับใจในความสะอาดสดใสของสตรีผู้กำลังพูดคุยกับเอลียาห์

สตรีผู้นี้ไม่เพียงแค่กิริยามารยาทดี หากแต่ยังจิตใจดีงาม เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้น คงไม่อดทนต่อวาจาเอาแต่ใจของซาอิดซึ่งอยู่ในวัยซุกซนได้ดังเช่นปัจจุบัน ขณะลอบมองนานเข้า ก็ยิ่งขุนเคืองรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขของคนรัก ทำเอาความยับยั้งชั่งใจของเขาพังทะลาย

“ทำอะไรกันอยู่”
เอลียาห์ตกใจเล็กน้อยเมื่อแดริลโผล่พรวดเข้าไปก่อนจะแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวานในเวลาถัดมา

“กำลังพูดถึงท่านพี่ให้น้องหญิงฟังอยู่พอดีเลย ท่านมาก็ดีข้าจะแนะนำนางให้ท่านรู้จัก”

“แนะนำอย่างนั้นรึ”
แดริลพูดพร้อมกับหัวเราะขึ้นจมูก หงุดหงิดเสียจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ ซาอิดเจ้าลูกอกตัญญูก็คลอเคลียซอฟิยะฮ์ไม่เลิกง่ายๆ

“ข้ามีเรื่องจะคุยกับเอลียาห์ตามลำพัง”
แดริลไม่พูดพร่ำ พอบอกกล่าวเรียบร้อยแล้วก็ฉุดมือให้เอลียาห์เดินตาม พอเห็นคนรักเดินชักช้าไม่ทันใจจึงช้อนอุ้มขึ้นแล้วนำพาไปยังห้องส่วนตัวของตน

“เกิดอะไรขึ้นแดริล”
เมื่อวางเอลียาห์ลงกับเตียงอย่างนุ่มนวลก็ถูกถามทันที กษัตริย์หนุ่มหงุดหงิดจนหน้าบึ้งตึงราวกับยักษ์มาร

“จะลงโทษคนรักที่กล้านอกใจ”
เคลื่อนกายขึ้นคร่อมเอลียาห์ในฉับพลัน คนรักแทนที่จะตื่นกลัวกลับหัวเราะกังวานใสจนแดริลยังแปลกใจ

“เจ้ากำลังเข้าใจผิด”
แดริลเลิกคิ้วให้กับเอลียาห์ซึ่งหัวเราะไม่เลิก ในตอนนั้นกษัตริย์หนุ่มก็พึ่งรู้ตัวว่าซาอิดเคาะและตะโกนเรียกตรงหน้าห้องอยู่เนินนาน

“เจ้าไปกับเรานะ ไปดูด้วยกัน”

พอถูกลูบไล้แผ่วเบาบนแก้ม แดริลก็ขยับกายออก ปล่อยให้คนรักจูงมือไป ที่หน้าห้องหลังจากปลอบโยนซาอิด กษัตริย์หนุ่มก็ให้คนรับใช้พาบุตรชายไปหาบาดีผู้เป็นปู่ก่อนจะเดินตามเอลียาห์ไปจนถึงบริเวณที่เอลียาห์และซอฟียะฮ์เคยนั่งคุยกัน

แดริลอุทานดัง ’หืม’ เมื่อเห็นซอฟียะฮ์พูดจาบอกรักกับบุรุษผู้หนึ่ง พอเพ่งมองให้ดีเขาจำได้ ชายคนนี้คือรองแม่ทัพซึ่งเคยร่วมรบด้วยกันมาตลอดสี่ปี

“ท่านฮุนเซนไม่ชอบหน้าการิม ดังนั้นทุกครั้งที่ซอฟียะฮ์มาพบเรา นางจะขอให้นัดพบคนรักมาเจอหน้ากัน”

“เพราะอะไรฮุนเซนถึงไม่ยอมรับการิมเป็นเขย ในเมื่อชาติตระกูลสส่งตำแหน่งหน้าที่ก็รุดหน้า”
แดริลเอ่ยถามเอลียาห์ขณะมองดูหนุ่มสาวนั่งกุมมือพูดคุยกัน

“ตั้งแต่บรรพบุรุษสองตระกูลแย่งชิงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่กันมาโดยตลอด”

“อ้อ…ถ้าอย่างนั้นข้าจะประทานงานสมรสให้กับการิมดีหรือไม่”

“ดีที่สุด”
เอลียาห์ฉีกยิ้มแช่มชื่น รอยยิ้มกับท่าทางสมใจของคนรัก แดริลเห็นแล้วเกิดอารมณ์ใคร่ขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่

“ไปที่ห้องกันเถอะนะ”
เอลียาห์พยักหน้าตอบรับ ไม่นานนักทั้งคู่ก็กลับมายังห้องส่วนตัวอีกครั้ง

“อืม…”

เสียงอู้อี้ในลำคอดังในขณะที่เอลียาห์พยายามกลืนกินความเป็นชายของแดริล ถึงแม้การกระทำจะงุ่มง่ามไร้กลเม็ดใดใด หากสำหรับกษัตริย์หนุ่ม ปลายลิ้นและโพรงปากอุ่นร้อนนำพาความสุขมาให้ จนแทบจะขึ้นสวรรค์ไปเสียหลายครั้ง ทว่าก็ตั้งใจอดทนด้วยเกรงว่าจะเสียเชิงชาย ทั้งที่ปลื้มปิติในการปรนเปรอซึ่งเอลียาห์ตั้งอกตั้งใจทำให้

“น้องเอลียาห์พอเถอะ”

เอลียาห์ส่ายหน้าปฏิเสธทั้งที่ยังมีอวัยวะเพศคาอยู่เต็มปาก ท่าทางเช่นนั้นกวนตัณหาของแดริลจนประทุคล้ายกับภูเขาไฟที่ระเบิดออก ในตอนนั้นกษัตริย์หนุ่มใช้มือประคองใบหน้าของคนรักแล้วขยับโยกกายเข้าหาโพรงปาก ถึงแม้จะยับยั้งกายไม่ให้ปฏิบัติอย่างดุดันแต่ก็เร่าร้อนจนเอลียาห์หายใจหายคอแทบไม่ทัน

“อื้อ…อืม…”

และแล้วก็ปลดปล่อยออกมา หยาดน้ำขาวขุ่นเปรอเปื้อนใบหน้างดงามดั่งเทวทูต แดริลขยับกายใช้มือเช็ดเอาคราบคาวออกจากใบหน้าเอลียาห์ แต่กลับต้องชะงักด้วยราตะซึ่งพุ่งสูงกว่าเก่าเมื่อคนรักใช้นิ้วมือปาดเอาน้ำรักมาลิ้มรสชาติไปพร้อมกับหัวเราะคิกคิก

“หวาน ความปรารถนาของแดริลมีรสหวานอย่างนี้นี่เอง”
ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยถูกคนรักพูดจาโอ้โลม แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมให้เทวทูตใช้ปากปรนเปรอให้กับตน

“น้องเอลียาห์นิสัยแย่เกินไปแล้ว”

เอ่ยตำหนิก่อนที่จะเคลื่อนกายเข้าแนบจูบ หลังจากแลกจูบกันด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน ทั้งคู่ก็สอดประสานร่างกายเข้าหากัน จังหวะรักอันร้อนระอุ ดำเนินไปตลอดค่ำคืนจนถึงยามสายของวันถัดมา

“ข้าจะจัดงานแต่งให้การิมกับซอฟียะฮ์โดยเร็วที่สุด”
แดริลเปรยขณะใช้มือลูบไล้ไปตามร่างกายขาวผุดผาดของคนรัก

“ที่นี้เจ้าจะได้สบายใจเสียทีนะ”
เอลียาห์กระเซ้าเย้าแหย่ ในขณะที่แดริลส่ายหน้าปฏิเสธ

“วางใจได้ยังไงไม่รู้ว่าจะมีใครอีกกี่คนยัดเยียดผู้หญิงมาให้เจ้าอีก”

“จะอีกกี่คนเราก็ไม่สนใจหรอก นอกจากนั้นเชื่อว่าแดริลต้องจัดการเรื่องน่ารำคาญให้ทุกครั้ง”

"มันแน่นอนอยู่แล้ว”

แดริลประกาศเจตนารมณ์แล้วแนบจูบอ่อนหวานก่อนจะเริ่มต้นทำรักีกครั้งหลังจากที่หยุดพักไปได้ไม่กี่ชั่วโมง

ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีของประชาชน แดริลเมื่อมอบตำแหน่งให้กับซาอิดซึ่งเติบโตเป็นหนุ่มเต็มตัวหันไปส่งยิ้มให้เอลียาห์ ที่ถึงแม้อายุล่วงสามสิบสองแล้วก็ยังคงงดงามราวกับถูกหยุดเวลาไว้แค่ยี่สิบปีเท่านั้น

“เจ้ายังงดงามไม่ต่างกับเมื่อสมัยที่พวกเรายังเยาว์วัย” แดริลกระซิบชมให้เอลียาห์ฟัง

“พูดอะไรอย่างนั้น เจ้าเองก็ยังหล่อเหลาจนบางครั้งเรายังคิดว่าแดริลเป็นพี่ชายของซาอิดเสียด้วยซ้ำ”
แดริลหัวเราะร่วนขณะปลายมองซาอิดโบกมือให้ประชาชนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“หลังจากนี้เราจะย้ายไปอยู่พระราชวังฤดูร้อนกัน ซาอิดโตแล้ว คงจะอยู่ปกครองบ้านเมืองลังได้”

“ในที่สุดเราจะได้อยู่ด้วยกันแบบสงบๆเสียทีนะ”
เอลียาห์พูดด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข แดริลใช้มือเกาะกุมมือของคนรักขึ้นมาจุมพิตอย่างไม่เกรงกลัวใคร

“ข้ารอเวลาที่จะได้ใช้ชีวิตเพียงลำพังกับเจ้าอย่างนี้มานาน อ้อ..”
แดริลปลายมองไปยังซาฟิลกับชาคาแล้วกระตุกยิ้มร้าย

“เจ้าบ้ากับคนรักจอมเจ้าเล่ห์นั่นเห็นทีว่าจะวุ่นวายกับราชสำนักและอีกหลายอย่างต่อไปอีกนาน”
แดริลหัวเราะหึหึก่อนจะร้องโอยเมื่อถูกหยิกที่แขน

“เจ้าอย่าลำพองให้มากเราไม่ว่างขนาดนั้นหรอกอีกหน่อยซาอิดจะมีหลานชายหญิงมากมายให้เราดูแลจะสบายได้แค่พักเดียวเท่านั้น”

“ถ้าอย่างนั้นเราต้องรีบตุนความสุขไว้ก่อน”
แดริลแสยะยิ้มก่อนจะกระซิบบางอย่างให้ฟัง เอลียาห์หน้าแดงวูบวาบ หากแต่ยังปล่อยให้อดีตกษัตริย์ลากจูงไปยังที่ลับตาคน จากนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีเพียงแต่คู่รักเท่านั้นที่จะรู้ได้

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

จบแล้วค่า

ตอนนี้กำลังเขียนเรื่องใหม่อยู่ขอเขียนให้ได้สีกสี่ห้าตอนแล้วจะเอามาลงนะคะ

ส่วนตอนพิเศษของคู่ชาคากับซาฟิลยังไม่มีโครงการเขียนเลยค่า

ต้องขอโทษท่านที่รออ่านนะคะ :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่ายายได้
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 01-12-2015 11:47:44
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่ายายได้
เริ่มหัวข้อโดย: miniminiXD ที่ 01-12-2015 21:12:35
นิยายสนุกมากค่ะ ภาษาและการเขียนบรรยายลื่นไหลดี
ถือเป็นงานที่มีคุณภาพเรื่องนึงสำหรับเราเลยนะ แต่ขอวิจารณ์นิดนุง...
คือการดำเนินเรื่องตอนจบ มันไม่ค่อยน่าสนใจ มันดูจบง่ายไปนิ๊ดด เหมือนเร่งๆให้จบ
ถึงตัวละครแต่ละตัวจะมีเหตุผลของตัวเอง แต่อ่านแล้วมันยังไม่อินยังไงไม่รู้บรรยายไม่ถูกเหมือนกัน
ตอนก่อนๆถึงจะดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ แต่มันน่าติดตาม น่าค้นหา เนื้อเรื่องและอารมณ์ของตัวละครมันดูลงตัวกว่านี้
นี่เป็นความคิดเห็นของเรา คนอื่นอาจเห็นต่างกันเนอะ

สุดท้ายนี้ยังไงก็ชอบเรื่องนี้มากจ่ะ จะรอติดตามผลงานต่อๆไปน้า :m1:
เป็นกำลังใจให้ผลิตผลงานคุณภาพดียิ่งๆขึ้นปายยยยย
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่ายายได้
เริ่มหัวข้อโดย: miniminiXD ที่ 01-12-2015 21:27:44
ขอแนะนำอีกนิ๊ดดด เรื่องชื่อเรื่อง (คหสต. นะจ๊ะ)
มันไม่ค่อยดึงดูดใจให้คนอ่านทั่วไปเค้าอยากเข้ามาอ่าน
เพราะแปลไม่ออกส่วนนึง บวกกับชื่อเรื่องไม่บ่งบอกว่าเนื้อหาข้างในจะเป็นแบบไหน
อาจจะบอกได้ว่าน่าจะเป็นแนวแฟนตาซี แต่คนที่เค้าไม่ได้สรรหานิยายแฟนตาซีอ่านจริงจัง บางทีเค้าจะมองข้ามไป
ถ้าใส่บทนำไว้ ให้คนอ่านได้รู้แนวหน่อยน่าจะดี + เพิ่มชื่อเรื่องภาษาไทยที่ดูน่าสนใจ :katai2-1:

หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่ายายได้
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 02-12-2015 02:13:07
อ่านรวดเดียวเลย สนุกนะพูดเลย ขอบคุณคนแต่งน้า รอติดตามเรื่องใหม่^^
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่ายายได้
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-12-2015 19:26:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่าย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: LapiN ที่ 26-12-2015 01:40:38
ชอบมากๆ สนุกดีค่ะ ขอบคุณนะคะ จะรอติดตามเรื่องต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่าย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 30-12-2015 05:16:12
สนุกมากค่ะ.....เนื้อเรื่องลื่นไหลดีมากค่ะ ภาษาก็ดีค่ะ  ^^ แต่เห็นด้วยกับความคิดบนๆนะคะ ว่าน่าจะมีชื่อเรื่องภาษาไทยค่ะ สารภาพว่าตอนเห็นชื่อเรื่องแอบข้ามไปเหมือนกันค่ะ เพราะแปลไม่ออก เลยดูไม่น่าสนใจค่ะ แต่พอลองเข้ามาอ่านดูแล้วสนุกมากค่ะ รวดเดียวจบเลย.....^^ แต่แอบอยากให้มีต่อเรื่อยๆ  :pig4: o13
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่าย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 01-01-2016 11:44:16
สนุกดีค่ะ กลางเรื่องอึมครึมไปหน่อย พอเหตุการณ์ถูกเล่าโดยบุคคลที่ 1 เลยเดาไม่ออกว่าเรื่องจะไปในทิศทางไหน นี่ถ้าคนเขียนไม่คอยย้ำว่า ครึ่งหลังไม่ดราม่านะ เรน่าอาจจะเลิกอ่านเพราะกลัวจบไม่แฮปปี้ 555

ตอนพิเศษทำให้เรื่องเคลียร์ขึ้น ได้อ่านมุมมองของพระเอก แต่ก็เห็นด้วยกับความเห็นข้างบนว่ามันรู้สึกรวบรัดตัดตอนยังไงชอบกล อธิบายไม่ถูก
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่าย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 03-01-2016 14:32:08
 o13
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่าย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: Sha-em ที่ 06-01-2016 11:52:42
ชอบอ่ะ o13 แต่งเรื่องสนุกมากค่ะ อยากให้หลายๆคนได้อ่านจัง
หัวข้อ: Re: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่าย้ายได้
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 25-06-2017 12:36:39
 :mew1: