ราพันเซล 2/2 “ราพันเซล ราพันเซล นี่แม่เอง ส่งผมของเจ้าลงมา” ข้ารีบวิ่งมายังหน้าต่างเมื่อได้ยินเสียเรียกของท่านแม่ดังขึ้นมาข้าส่งผมลงไปให้ท่านแม่ ไม่นานร่างของท่านแม่ก็ค่อยๆปรากฏขึ้นมาเมื่อสุดปลายผมของข้า
“วันนี้แม่เอาหนังสือใหม่มาฝากดจ้าด้วยนะ” หนังสือใหม่!! ข้ารีบวิ่งไปหยิบมันมาดูทันที
“ขอบคุณมากขอรับท่านแม่ ข้าดีใจมากเลย” ท่านแม่ทิ้งกายลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน
“แม่เหนื่อยจังเลย เจ้าช่วยนวดให้แม่ได้หรือไม่ราพันเซล”
“ขอรับๆ” ข้าเดินไปหาท่านแม่ทันทีโดยไม่สนใจหนังสือสี่เล่มนั้นอีก ข้าค่อยๆนวดเบาๆบริเวณไหล่ของท่านแม่จนท่านแม่ครางออกมาด้วยความสบายตัว
“ดีหรือไม่ขอรับท่านแม่”
“ดีๆ ลงมาอีกหน่อย อ๊า นั่นล่ะๆ” ข้าค่อยขยับหาจุดที่ท่านแม่บอกจนไม่นานท่านแม่ก็หลับอยู่บนเก้าอี้ตัวเก่านี้ ข้าจึงละมือออกแล้วกลับไปสนใจหนังสือสี่เล่มก่อนหน้าอีกครั้ง แต่แน่นอนข้าไม่ลืมที่ตะหาผ้าห่มและหมอนมารองคอท่านแม่ให้ได้นอนหลับอย่างสบาย หนังสือๆ
“ว้าว ผจญภัยในโลกแห่งความฝัน พิชิตดาบศักดิ์สิทธิ์ อันนี้อะไรเอ่ย โอ้...อาณาจักรแห่งแสง นี่ก็ สิบผู้กล้าแห่งแดนปีศาจ ไม่อยากจะเชื่อ!” นี่มันหนังสือที่หายากมาก ท่านแม่หามาได้อย่างไรกันนะ
ข้าเพลิดเพลินกับหนังสือจนหลงลืมเวลาไป ไม่รู้เลยว่าฟ้ามืดตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีท่านแม่ก็ตื่นขึ้นมาเสียแล้ว
“ทำไมไม่ปลุกข้า ราพันเซล”
“ทะ ท่านแม่ตื่นแล้วหรือขอรับ” ข้ารีบลุกขึ้นมานั่งเมื่อท่านแม่มองข้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ขะ ขออภัยขอรับ ข้ามัวแต่อ่านหนังสือจนลืมเวลา”
“เอาเถอะ อย่าให้มีเช่นนี้อีก ข้าจะกลับแล้ว”
“ขอรับๆ”
ข้าปล่อยผมยาวสลวยสีทองลงไปดั่งเช่นทุกวันเพื่อส่งท่านแม่กลับลงไป ท่านแม่โบกให้ข้าก่อนจะเดินลัดเบาะแนวป่าออกไป อยู่ที่สูงมันก็ดี แต่ออกไปไหนไม่ได้ข้าไม่รู้สึกว่ามันดีเลย
“ราพันเซล ราพันเซล” อะไรกัน เสียงของใคร ท่านแม่หรือ
“ส่งผมของเจ้ามา นี่แม่เอง” ข้าไม่ได้เอะใจใดๆกับน้ำเสียงที่ไม่คุ้นหูหากแต่คำพูดมันกลับเหมือนดังเช่นทุกวันข้าจึงตัดสินใจส่งผมยาวสลวยลงไปเพื่อรอรับท่านแม่ขึ้นมา
ไม่นานนัก ร่างของผู้ที่เอ่ยวาจาจากด้านล่างก็ปรากฏสู่สายตาของข้า หากแต่คนๆนี้ข้ามิเคยรู้จักเลยแม้แต่น้อย และนั่นทำให้ข้าตกใจจนต้องถอยหนีให้ห่างจากเขา
“จะ เจ้าเป็นใครกัน!!!”
“อภัยด้วยเถิดคนงาม ข้าเพียงหลงใหลในเสียงอันไพเราะของเจ้า จนข้าอดไม่ได้ที่จะต้องขึ้นมาเพื่อดูใบหน้าของเจ้าให้เต็มตา” ชายผู้อยู่ตรงหน้าข้าช่างมีรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน การแต่งตัวดูดีและเครื่องประดับที่ตัวข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ข้าเผลอมองจนอีกฝ่ายมีท่าทีเขินอาย
“เจ้ามองข้าเช่นนี้ ข้าเขินนะ”
“ขะ ข้าเปล่านะ” ข้าก้มหน้าหลบสายตาไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
“เจ้างดงามจริงๆ ข้ามีนามว่าโจนาธาน เจ้าล่ะ”
“ขะ ข้าชื่อ....ราพันเซล”
“รูปก็ช่างงดงาม นามเจ้าก็ช่างไพเราะ ราพันเซล” ข้ารู้สึกแปลกจนไม่สามารถที่จะอยู่เฉยๆได้ จึงทำทีเป็นเดินไปจัดหนังสือ
“ขะ ขอบคุณ”
“หากไม่รังเกียจ......ข้าอยากจะขอเจ้า”
“อะไรหรือ ท่านต้องการสิ่งใด” ข้าหันไปถามเขาอย่างสงสัย
“เจ้ายินดีแต่งงานกับข้าหรือไม่” คือสิ่งใดกันนะ
“การแต่งงานคือสิ่งใดหรือ หากข้าตอบตกลงข้าต้องทำเช่นไร”
“หากเจ้าตอบตกลง เราก็จะได้อยู่ด้วยกัน ข้าจะพาเจ้าไปทุกที่ ที่เจ้าต้องการจะไป และกลับไปยังอาณาจักรของข้า” ทุกๆที่หรือ คนตรงหน้าเสนอให้ข้า......
“ทะ ท่านจะพาข้าออกไปจากที่นี่หรือขอรับ” ข้ามองหน้าของโจนาธานอย่างตื่นเต้น
“แน่นอน ข้าขอสัญญา”
“ถ้าเช่นนั้น ข้ายินดีจะแต่งงานกับท่าน” โจนาธานมองข้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดีใจสองมือจับมือขอข้าขึ้นมากุมไว้
“พรุ่งนี้ ข้าจะหาทางพาเจ้าออกไปจากที่นี่ รอข้านะ ข้าจะกลับมา”
ข้าพยักหน้าตอบรับโจนาธาน เขายิ้มให้ข้าก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนหลังมือเบาๆ ข้าปล่อยผมยาวของข้าเพื่อส่งโจนาธานให้ลงจากหอคอยนี้ เขาสัญญาแล้ว พรุ่งนี้เท่านั้น พรุ่งนี้ เขาจะพาข้าออกไป
“ช่างกล้าดีนะ ที่คิดจะไปจากข้าที่เลี้ยงดูเจ้ามา!!!”
ข้าสะดุ้งสุดตัวหันไปมองร่างของท่านแม่ที่นั่งอยู่บนไม้กวาดซึ่งกำลังลอยอยู่เหนืออากาศ
“ทะ ทะ ท่านแม่!!”
“อย่ามาเรียกข้าว่าแม่!! ข้าไม่ใช่แม่ของเจ้า!!!” ท่านแม่ตวาดจนสุดเสียงใบหน้าดำแดงจนน่ากลัว
“ท่านแม่ ได้โปรดฟังข้าก่อนนะขอรับ”
“บอกว่าอย่ามาเรียกข้าว่าแม่ เจ้ามันก็แค่ไอเด็กที่ข้าเอามาเลี้ยงเท่านั้น”
“!!!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่เจ้าขโมยผักกาดจากสวนของข้า มีรึข้าจะมาเสียเวลากับเจ้าแบบนี้!!!”
“มะ ไม่จริง” ท่านแม่มองข้าด้วยสัหน้าเย้ยหยัน
“จริงสิ!!”
หมับ!!
“โอ้ย....ข้าเจ็บขอรับท่านแม่” ท่านแม่คว้าผมที่ยาวสีทองของข้าก่อนจะดึงให้ตัวข้าเข้าไปหาตัวจนใบหน้าของข้าแหงนเงยขึ้น
“ผมเจ้ายาวไปแล้วราพันเซล มันยาวจนพาเอาผู้ชายแปลกหน้าและคิดจะพากันไปจากข้า!!!”
“!!!” ข้าเบิกตากว้างไม่เคยสักครั้งที่ข้าคิดจะทิ้งท่านแม่ไป ข้าคิดจะพาท่านแม่ไปกับข้าด้วยซ้ำ
“ถ้าเจ้าคิดจะไป ก็ไป”
“ฮื่อๆ ท่านแม่ขอรับ” ข้าเสียใจจนไม่อาจจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้
“แต่ข้าไม่ให้เจ้าเอาสิ่งที่ข้าเลี้ยงมาไปด้วย!!!”
ฉับ ฉับ ฉับ
ผมที่เคยยาวสลวยของข้าถูกตัดออกจนสั้นปลายผมที่ขาดสะบั้นล่วงหล่นลงพื้นข้ามองเส้นผมกองนั้นอย่างหมดแรงจนต้องทิ้งร่างลงบนพื้นนิ่ง
“ฮื่อๆๆ ท่านแม่ ทำไม ทำไม”
“เจ้าอยากไปจากข้า ข้าก็จะส่งเจ้าไป ไปไกลๆจนไม่สามารถเจอชายผู้นั้นอีก!!!”
หลังจบคำแสงก็สว่างจนแสบตาทำให้ข้าไม่สามารถมองเห็นอะไรอีก แต่เมื่อแสงสว่างค่อยๆหายไป ภาพตรงหน้าข้ากลับเป็นผืนทรายที่ร่างกายข้ารับรู้ถึงความร้อนระอุ ทะเลทรายที่กว้างใหญ่ตรงหน้าทำให้ข้าหมดกำลังจะทำอะไรอีก
“ท่านแม่ ฮื่อๆ ทำไมต้องทำกับข้าเช่นนี้” ข้าได้แต่ร้องไห้จนหมดแรง ขาของข้าเคลื่อนไหวไปอย่างไร้ซึ่งจุดหมาย จนเบื้อหน้าปรากฎโอเอซิสแอ่งน้ำและต้นไม้ที่ร่มรื่นขึ้นพอให้ข้าได้พักบ้าง
จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปีที่ข้าติดอยู่ที่นี่วันๆข้าทำได้แค่ร้องเพลงเคล้าน้ำตา ไม่มีวันไหนที่ข้าไม่รู้สึกเสียใจไม่มีวันไหนที่ข้าไม่รู้สึกหมดหวัง ความหวังก็เหมือนดั่งดาวที่พร้อมจะถูกเมฆกลบจนสิ้นเช่นเดียวกับความหวังของข้าตอนนี้ที่ดับศูนย์ไป
“ราพันเซล ราพัเซล เจ้าอยู่ที่ไหน” เสียงนี่มัน!!
“โจนาธาน ข้าอยู่ทางนี้”
ข้าตะโกนกลับไปหวังว่าโจนาธานจะได้ยินเสียงข้าเดินทางมาทางที่ข้าอยู่ ไม่นานข้าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของม้าที่ดังขึ้นไม่ไกลและร่างของชายผู้ที่ข้ารอคอยอยู่บนหลังม้า
“ราพันเซล เจ้าอยู่นี่หรือ” ท่านไม่เห็นข้าหรือ?
“เกิดอะไรขึ้น ข้ายืนอยู่ตรงหน้าท่าน ทำไมท่านจึงถามข้าเช่นนี้” โจนาธานมีสีหน้าเศร้าสร้อยลงเมื่อข้าเอ่ยถาม
“โถ่......ราพันเซล ยอดรักของข้า ข้าปรารถนาจะมองหน้าเจ้าอีกสักครั้งเหลือเกิน” มือของโจนาธานลูบไล้สะเปะสะปะไปทั้วใบหน้าของข้าก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะล้มลงตรงหน้าข้า
“ท่านเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น” ข้าจับร่างของโจนาธานให้นอนลงใช้ตักของตัวเองเป็นหมอนเพื่อรองศรีษะของเขาเอาไว้
“วันนั้นข้าไปหาเจ้า ตะโกนเรียกเจ้าเช่นดังเคย หากแต่เมื่อข้าได้ขึ้นไปคนที่ข้าได้พบกลับไม่ใช่เจ้า แต่เป็นแม่มดชราผู้หนึ่ง” ท่านแม่.....ข้าได้แต่ฟังไปพยายามฝืนตัวเองไม่ให้ร้องไห้ไป
“นางบอกข้าว่า......แม้ข้าตาย ข้าก็ไม่มีวันจะได้เจอเจ้าอีก”
โจนาธานใช้มือของเขาจับใบหน้าของข้าอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง ช่างเป็นรอยยิ้มที่สวยงามกว่าครั้งก่อน
“แต่ในที่สุด ข้าก็ได้พบเจ้าราพันเซล” ข้ามองรอยยิ้มตรงหน้าด้วยน้ำตาที่เริ่มไหลนอง เพียงเพราะข้าคนเดียวเรื่องทุกอย่างถึงได้เป็นเช่นนี้ หยาดน้ำตาหนึ่งหยดหล่นลงกระทบดวงตาของโจนาธานจนบังเกิดแสงสว่างสีทองและเพียงไม่นาน โจนาธานยันกายเพื่อลุกขึ้นใช้มือทั้งสองข้างจับแขนของข้า ใบหน้าข้าราวกับต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง
“ราพันเซล!!” ข้ามองดวงตาสั่นระริกของโจนาธานอย่างไม่เข้าใจ
“หระ หระ หรือว่า”
“ใช่แล้ว!! ในที่สุดข้าก็ได้เห็นใบหน้าของเจ้าอีกครั้ง ที่รักของข้า” โจนาธานสวมกอดข้าอย่างดีใจและข้าก็เช่นกัน เราสองคนกอดกันอยู่สักพักเสียงหัวเราะด้วยความสุขดังอยู่ไม่ขาดสาย เมื่อความเศร้าได้ถูกปัดเป่าความสุขย่อมมาแทนที่
โจนาธานพาข้าขี่ม้าเดินทางข้ามทะเลทรายสองวันจนเรามาถึงอาณาจักรของเขา ข้ามองเห็นการต้อนรับอย่างดีจากผู้คนมากมาย ทำไมเขาถึงเป็นที่รู้จักของคนมากมายเช่นนี้กันนะ ทุกคนตะโกนโห่ร้องไปมาด้วยความดีใจ ทันทีที่ตัวม้าไปถึงบ้านซึ่งใหญ่มากๆในสายตาข้า ก็มีชายร่างท้วมวิ่งออกมาด้วยสีหน้าตกใจและตามมาด้วยร่างของใครต่อใครอีกหลากหล่ยคน ช่างมากหน้าหลายตาเสียเหลือเกินบ้านของโจนาธาน
“โจน!!! ลูกหายไปไหนมา รู้ไหมพ่อให้ทหารตามหาเสียทั่วทั้งเมือง” ชายชราตรงหน้าสวมกอดโจนาธานด้วยน้ำตา ทหารคืออะไร???
“ขอโทษครับท่านพ่อ ข้าหลงทางนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรๆ แค่เจ้ากลับมาพ่อก็ดีใจแล้ว ว่าแต่.......เจ้าพาใครมา” สายตาของชายผู้นั้นเบี้ยงมามองทางข้าอย่างสงสัย
“ท่านพ่อข้าขอแนะนำ.......นี่คนรักของข้า ราพันเซล”
“โอ้......ดีๆ เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ต้องจัดงานฉลอง อีกสามวันเตรียมงามมงคลสมรส!!!”
“ขอรับ!!!” ทุกคนต่างพร้อมใจกันตอบรับคำสั่งอย่างพร้อมเพียง
“ฮ่าๆ มาๆ ราพันเซลใช่ไหม” พ่อของโจนาธานถามข้า
“ขะ ขอรับ”
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่อาณาจักรของเรานะ เจ้าช่างดูงดงามจริงๆ ลูกชายข้านี่ตาถึงจริงๆ ฮ่าๆ”
แม้ข้าจะไม่ค่อยเข้าใจมากนักแต่ข้าก็พร้อมที่จะส่งยิ้มไมตรีให้แก่ท่าน ความนอบน้อมเป็นสิ่งเดียวที่ข้าทำได้ดีเสมอมา
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านของข้านะที่รัก นับจากวินาทีนี้ไป ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้าแน่นอน” ข้ายิ้มรับแก่โจนาธาน มั้นใจในสิ่งที่เขาบอกข้าว่าเขาจะไม่ผิดคำพูดกับข้าแน่นอน
“ขอบคุณ.....ข้าเชื่อท่าน ข้าจะอยู่กับท่านตลอดไป”
สามวันต่อมา
หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาสามวันแล้วท่านพ่อของโจนาธาน ไม่ใช่สิ พระราชาท่านช่วยตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงของข้าจนพบ แต่น่าเสียดายพวกท่านทั้งสองตรอมใจตายหลังจากที่แม่มดใจร้ายคนนั้นได้เอาตัวข้าไปจากท่านพ่อและท่านแม่ ข้าเสียใจเหลือเกินที่ไม่ได้พบหน้าท่านทั้งสอง แต่เมื่อผ่านพ้นเรื่องร้ายๆและเรื่องเศร้าใจ งานแต่งของข้าก็ถูกจัดขึ้น ข้าไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้มายืนจุดนี้ แต่เพียงข้าได้เห็นหน้าของชายผู้เป็นที่รัก ข้าก็มีความสุขที่สุดแล้ว
“เจ้าคิดอะไรอยู่ หืม....” โจนาธานสวมกอดข้าจากด้านหลังเมื่อเห็นว่าข้ายืนเหม่อลอยอยู่กลางห้องหอ
“ข้าแค่มีความสุขที่มีท่านอยู่ขอรับ”
“อย่ามัวคิดเลยที่รัก คืนนี้เป็นคืนของเรา มาเถอะข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขมากกว่านี้อีกนะ” โจนาธานซุกไซร้ซอกคอของข้าก่อนที่จะเลื่อนขึ้นมาจุมพิศที่ริมฝีปากปลายลิ้นของเราทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันจนเกิดเสียง มือของโจนาธานค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าของข้าออกจนหมดเพียงไม่นานตัวข้าก็เปลือยเปล่า เขาถอนริมฝีปากออกมองร่างกายข้าที่ต้องแสงจันทร์ด้วยแววตาพราวระยับจนข้าอาย
“เจ้างดงามเหลือเกินเมียข้า”
ชุดของโจนาธานค่อยถูกปลดออกจนเขาเปลือยเช่นเดียวกับข้า วงแขนเขาค่อยๆอุ้มข้าขึ้นแล้วพาร่างของข้าไปวางบนเตียงใหญ่
“ข้าจะทำเบาๆ อย่ากลัวไปเลย”
แม้น้ำเสียงของเขาจะทำให้ข้าสบายใจขึ้นสำหรับข้าครั้งแรกของการเข้าหอย่อมทำให้คิดมาก
“อื้อ”
ริมฝีปากของเขาดูดดึงยอดอกสีสวยของข้าจนเกิดเสียง ทำให้ข้ารู้สึกแปลกๆจนต้องแอ่นอกขึ้นรับริมฝีปาก ปลายลิ้นร้อนไล่วนอยู่กับมันราวกับว่าเจอของเล่นที่ถูก มือของเขาลูบไล้ขาเรียวของข้าขึ้นมาจนถึงกลางร่าง ตัวตนของข้าตั้งชูรับฝ่ามือที่จับมันรูดรั้งขึ้นลงตามจังหวะ
“อ๊ะ อื้อ” ความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นมานั้นข้าไม่เคยรู้จักมาก่อนจนไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไรดีข้าจึงเลือกที่จะนอนเฉยๆ แต่อาการเสียววาบทำให้ข้าบิดกายไปมาหลายครั้ง
“ข้าจะค่อยๆทำนะ” ข้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อยจนเมื่อปลายนิ้วของเขารุกล้ำเข้ามายังช่องทางที่ข้าไม่คิดว่าจะมีใครล่วงล้ำ
“อ๊ะ อย่า ข้าอึดอัด” ข้าส่ายใบหน้าที่ชื้นเหงื่อไปมาเพราะรับไม่ได้กับความรู้สึกแน่นและจุก
“ข้าต้องเตรียมพร้อมเจ้าราพันเซล มันจะดีขึ้น เชื่อข้านะ”
“อ๊ะ อื้อ” โจนาธานไม่ปล่อยให้ข้าคิดเพราะเมื่อพูดจบเขาก็ขยับปลายนิ้วเข้าออกและหมุนวนอยู่ภายในราวกับหาอะไรบางอย่าง
“อ๊า!!” อะไรกัน ความรู้สึกเช่นนี้
“อา.....ตรงนี้เอง”
ข้าไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร รู้เพียงว่าเมื่อเขาระบายยิ้มออกมาปลายนิ้วของเขาก็เดิ่มจำนวนขึ้น
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า”
ข้าทนไม่ได้กับความอึดอัดที่เกิดขึ้นและความรู้สึกที่ข้าอธิบายไม่ถูกรู้เพียงแค่เมื่อเขาขยับปลายนิ้วสะโพกของข้าก็ขยับตามเช่นกัน
“อ๊า อย่า ข้าไม่ไหว อื้อ” จำนวนนิ้วมือเพิ่มขึ้นจากสองเป็นสามในระยะเวลาไม่นาน ตัวตนของข้าก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา
“อื้อ แฮกๆ”
“ข้ารักเจ้า”
โจนาธานจุมพิตที่หน้าผากข้าแผ่วเบา เขาอาศัยจังหวะที่ข้ายังคงเบลอสอดแทรกสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วมือมาก
“อ๊า!! เจ็บ ไม่เอา” ข้าได้แต่ดิ้นไปมา มือก็พยายามพลักไสร่างกายที่ทาบทับข้าไว้ให้ออกห่าง แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย
“อืม....อย่าดิ้นสิ ข้าจะทนไม่ไหวเอา”
โจนาธานเม้มปากแน่น กายหนาก็ยังคงพยายามกดแทรกสิ่งแปลกปลอมเข้าในช่องทางของข้าช้าๆ ยิ่งเห็นสีหน้าที่ทรมานของเขาทำให้ข้าเผลอหยุดดิ้นไปชั่ขณะ สายตาของเราสองคนสบกันก่อนที่ริมฝีปากของข้าจะถูกอีกฝ่ายดูดดึง รสจูบของเขาทำให้ข้าล่องลอยไปในอากาศจนหลงลืมความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จนหมด
“อื้อ!!!!!”
ข้าสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลรินอย่างไม่อาจตะห้ามได้เมื่อเขาอาศัยจังหวะที่ข้าเผลอกดกายเข้ามาจนหมด สะโพกของข้ารับรู้ได้ถึงหน้าท้องแกร่งของคนตรงหน้า
“ไม่เจ็บอีกแล้ว อย่าร้องเลยที่รักของข้า” เขาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าของข้าอย่างแผ่วเบาก่อนจะจูบแก้มใสของข้าอย่างรักใคร่
“อ๊ะ อื้อ”
ร่างกายของโจนาธานที่มีน้ำหนักมากกว่าข้าเริ่มขยับกายแผ่วเบาอย่าเชื่องช้า เมื่อเห็นว่าข้าไม่เจ็บอย่างตอนแรกเริ่ม เขาก็เพิ่มแรงมากยิ่งขึ้น
“ดีใช่ไหมราพันเซล อืม....เจ้าชอบใช่ไหม”
“อ๊ะ อื้ม ชะ อ๊า ชอบ อ๊ะ อ๊ะ ข้าชอบ”
ร่างกายข้าตอบรับจังหวะแห่งรักที่เขามอบให้อย่างไม่ยอมแพ้ มือของข้าลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังกว้างอย่างเป็นเจ้าของ ยิ่งเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านเพิ่มขึ้น ข้ามักจะเผลอจิกปลายนิ้วไปบนแผ่นหลังตรโจนาธานต้องซี๊ดปาก
“อ๊ะ แรงๆเลยขอรับ ข้า ข้าไม่ไหว อ๊า แล้ว”
“ข้าก็ไม่ไหวแล้ว อา เจ้ารัดแน่นเหลือเกิน” ฝ่ามือร้อนทั้งสองข้างจับเอวของข้าไว้แน่นก่อนจะดึงให้ตัวข้ารับแรงกระแทกที่เร็วขึ้นจนตัวข้ารู้สึกราวกับขึ้นที่สูง
“อ๊า อีก อ๊ะ เร็วอีก อ๊ะ”
เขาทำตามที่ข้าพูดทุกอย่าง ตัวเขาเร่งจังหวะจนตัวข้าสั่นไปด้วยแรงที่โจนาธานกระแทกเข้า ข้าไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าขยับสะโพกเป็นจังหวะตามเขาเมื่อไหร่
“ใกล้แล้ว อา....เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”
“อ๊ะ อ๊า!!!!!”
ข้าปลดปล่อยออกมาจนเลอะหน้าท้องของโจนาธานแต่ตัวเขากลับไม่ได้สนใจยังคงเร่งจังหวะของตัวเองต่อจนข้ารับรู้ได้ถึงความร้อนที่ถูกฉีดเข้าไปภายในร่าง โจนาธานล้มกายลงนอนเคียงข้างข้าเราสองคนนอนมองหน้ากันทั้งๆที่ยังคงหอบหายใจด้วยความเหนื่อย
“ข้ารักเจ้า ราพันเซล จะรักเจ้าตลอดไป”
“ข้าก็เช่นกัน ข้ารักท่านโจนาธาน จะรักท่านตลอดไป”
เราทั้งสองต่างยิ้มให้แก่กัน แค่ความรักที่ส่งผ่านแววตาของเราทั้งสองคนแม้ใครอาจจะไม่เข้าใจเราก็ไม่เป็นไร แค่เราทั้งสองคนเข้าใจซึ่งกันและกันก็พอ ความรักทำให้เราทั้งสองได้พบกันอีกครั้งแม้เราทั้งคู่จะอยู่ห่างไกลกัน หากเรารักกันสักวันเราก็จะได้พบกันอีก ข้าเชื่อมั่นในตัวของโจนาธานและโจนาธานก็เชื่อมั่นในตัวข้าเช่นกัน แสงดาวแม้จะถูกเมฆหมอกปรกคลุมแต่ใช่ว่ามันจะเลือนหายไป เพราะเมื่อเวลาที่เมฆหมอกพัดผ่านพ้นไป ดาวก็จะส่องแสงอีกครั้ง เช่นเดียวกับความรักของเราสองคน
The End
[/b][/size]
แหม.....จริงๆแมวคิดว่าเรื่องนี้จะไม่ใส่ฉาก18+ แล้วเชียวเพราะเนื้อเรื่องมันควรจะจบแบบใสๆ แต่แล้วแมวก็แอบไปเติมมัน อ๊าก!!! สับสนกับตัวเอง เรื่องต่อไป แมวจะพาไปแอบในบ้านลูกหมูทั้งสามกันนะคะ ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามน๊า