ตอนที่ 6 ลมหายใจ
หลังจากผมต้องนอนเจ็บใจ อยู่บนพื้นห้องคนเดียวเพราะเต็มใจเสียสละที่นอนให้สโนว์และนังเซ่นไหว้ที่อ้อร้อจนได้นอนซุกอยู่ในอ้อมกอดสโนว์ทั้งคืน ทิ้งให้ผมนอนเหงาอยู่คนเดียว กระซิกๆ...แต่เอาจริงๆแค่ได้เห็นสโนว์นอนอยู่บนเตียงนอนของผม ผมก็โคตรมีความสุขแล้วล่ะครับ อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มมุมปากเมื่อผมแอบมองสโนว์ที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา ใบหน้างดงามมีรอยยิ้มเล็กๆแม้กระทั่งตอนหลับชวนให้น่ามองไม่รู้เบื่อเลยสักนิดเดียว รู้ตัวอีกที เสียงของประทัดก็ดังขึ้นแล้ว...
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง โป้ง!!!!!
เสียงจุดประทัดดังต้อนรับวันปีใหม่จีนสนั่นไปทั่วไม่ขาดสาย ร้านของครอบครัวผมก็เช่นกัน เราตื่นกันตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาจัดเรียงของให้เสร็จทันฤกษ์ยามไหว้เจ้ากัน ทุกคนต่างรีบอาบน้ำชำระเนื้อตัวให้สะอาดใส่เสื้อตัวใหม่สีแดงสดที่อาม๊าจัดการซื้อเตรียมไว้ให้ทุกคนรวมถึงสโนว์ด้วย...อ่อ ของนังเซ่นไหว้ก็มีเช่นกัน ชุดอลังการทุกเทศกาลเลยล่ะรายนั้น วันนี้ป๊าใส่เสื้อจีนแขนกระบอกยาวปักลวดลายมังกรเต็มตัวที่ด้านหน้า ส่วนม๊าใส่กี่เพ้าสีแดงแรงฤทธิ์ปักลายหงส์สวยงามแต่งหน้าทำผมจัดเต็มจนผมเองแอบสงสัยว่าม๊าได้นอนหรือเปล่าเพราะหน้าแน่นมากกกก คาดว่าคงใช้เวลาแต่งนานแน่ๆ แต่ก็สวยสมใจแหละน่า ถึงจะผ่านมากี่สิบปีม๊าก็ยังสวยเหมือนเดิมจริงๆ ส่วนลูกๆอย่างผม อาหลิง อาฟู่ และสโนว์ว่าที่ลูกสะใภ้ก็ใส่แค่เสื้อที่ม๊าซื้อให้ใหม่สีแดงคอปกธรรมดาครับปักตัวอักษร ฮก ที่หมายถึงโชคลาภ วาสนา ไว้ที่อกด้านซ้าย แค่นั้น อาม่าเองก็ใส่เสื้อคอจีนปักอักษร สิ่ว ที่หมายถึงอายุยืน ไว้ให้เป็นมงคลต่อตัวเองในวันขึ้นปีใหม่จีน ส่วนนังเซ่นไหว้นี่ผมยอมใจม๊าจริงๆที่สรรหาชุดมาให้มันใส่ได้ เซ่นไหว้มันใส่ชุดเสื้อคอจีนแขนกุดสีแดงแรงฤทธิ์พอๆกับหม่อมแม่ของมัน(และของผมด้วย) แถมใส่กระโปรงบานๆพองๆแบบที่เต้นบัลเล่ต์ใส่น่ะครับ นังเซ่นไหว้จึงกลายเป็นกาคาบพริกอย่างเต็มตัว! ม๊าก็ไม่ได้ดูลูกตัวเองเลยว่านังเซ่นไหว้มันดำอ่ะ แล้วยังให้ใส่สีแดงทั้งตัวอีก แฟชั่นถูกแพงแดงไว้ก่อนใช้กับนังเซ่นไหว้ไม่ได้นะม๊า! แต่ทั้งม๊าทั้งนังเซ่นไหว้ก็ดูจะแฮปปี้ดีนะครับ...
“หนูสวยมากเลยน๊า อามาเรียฟิเซนใส่สีแดงแล้วขึ้นจริงๆเลย อั๊วะว่าแล้วชุดนี่ต้องเหมาะกับลื้อ แล้วก็เหมาะจริงๆด้วย ใส่แล้วสวยเหมือนม๊าไม่มีผิด โฮะๆๆๆ”
และนี้คือสีหน้าของลูกๆเมื่อได้ฟังม๊าพูดแบบนั้น (- -*) (- -“) (? ?)
“น้องน่ารักใส่อะไรก็น่ารักครับม๊า ใส่สีแดงตัดกับสีขนน้องมันขึ้นมากจริงๆ เหมือนนางพญาเลยเนอะ มาเรียฟิเซน(^_^)” สโนว์เองก็เห็นดีเห็นงามไปกับม๊าด้วยเช่นกัน เนี่ย เข้าข้างม๊าผมตลอดแบบนี้ ตำแหน่งลูกสะใภ้จะไปไหนนนน หุหุหุ
“เมี๊ยววววววว” นังเซ่นไหว้ขานรับด้วยน้ำเสียงแบ๊วๆและหน้าตาแบบแบ๊วๆ แบบ อุ๊ย จริงหรอคะ มาเรียฟิเซนก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะน่ารักอะไรขนาดนั้นน้า เขินจังเลย แต่ถ้าทุกคนชมกันขนาดนี้คงต้องยอมรับแล้วล่ะว่าหนูสวยจริงๆ เฮ้ออ อยากขี้เหล่อ่ะ อยากขี้เหล่.....หารู้ไม่ว่าที่มันทำอายเอาหน้าซุกอกม๊านั้น ผมเห็นมันแสยะยิ้ม! นังนี้มันร้ายนะม๊า แต่ม๊าไม่รู้บ้างเลย
“เอ๊า มาๆ เตรียมตัวไหว้เทพเจ้ากัน อย่าลืมขอบคุณพวกท่านล่ะที่ทำให้เรามีกินมีใช้ถึงทุกวันนี้” ป๊ารีบเรียกทุกคนมารวมตัวกัน ก่อนจะต่างคนต่างกล่าวขอบคุณเทพเจ้าทั้งหลายในใจอย่างสงบและตั้งใจจริง
หลังจากนั้นป๊าก็ทำหน้าที่จุดประทัดอย่างเช่นทุกปี อาฟู่ก็รีบเอามืออุดหูซบไหล่อาม่าอยู่ในบ้าน ผม อาหลิง สโนว์ก็ถอยห่างเช่นกัน
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง โป้ง!!!!!
หลังสิ้นเสียงประทัดนัดสุดท้าย ม๊าก็รีบกินส้มก่อนเป็นอย่างแรกเพื่อความรุ่งเรือง ส่วนผมก็คว้ากล้วยเป็นอันดับแรก เพราะชอบครับ ไม่ได้สนความหมายอะไรทั้งนั้น ฮ่าๆๆ
หลังไหว้เสร็จพวกเราก็มานั่งที่โต๊ะกินข้าวกันเช่นเคย มื้อแรกของวันปีใหม่จีน เต็มไปด้วยเมนูอาหารเจทั้งนั้นเลยครับ บ้านเรากินอาหารเจเป็นมื้อแรกในวันตรุษจีนทุกปีครับ และก็มีเกี๊ยวที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อคืนด้วย เป็นเกี๊ยวไส้ผักหมดครับ
“พอกินได้ไหมจ๊ะสโนว์ อาหารเจ” ผมถามเพราะไม่รู้ว่าสโนว์เคยกินอาหารเจไหม
“อาม่ากับม๊า ไม่ได้ใส่อะไรที่เป็นถั่วลงไปสักหยดเลยน๊า อาสโนว์ วางใจได้ๆ” ม๊ารีบบอกทันที
“ขอบคุณครับม๊า อาม่าด้วย ถ้าเป็นอย่างงั้นผมทานได้หมดครับไม่ต้องห่วง” สโนว์ยิ้มหวานและลงมือทานข้าวด้วยสีหน้าสดใส พอให้พวกเราหายกังวลไปเพราะสโนว์บอกว่าอร่อย อาม่ากับม๊าเลยยิ้มหน้าบานกันไปอีกยก
“อาสโนว์ ลื้อเคยดูแห่มังกรม๊าย” ม๊าถามหลังจากที่เราทานอาหารกันเสร็จและกำลังนั่งทานผลไม้กันต่อ
“แห่มังกร?...ยังไม่เคยดูเลยครับม๊า”
“แล้วลื้อยากดูแห่มังกรม๊าย” พอเห็นว่าสโนว์มีท่าทีสนใจ ม๊าผมก็รีบพูดต่อทันทีไม่ให้เสียเวลา
“อยากสิครับม๊า” เข้าแผน...
“งั้นเดี๋ยวอั๊วะพาลื้อไปดูขบวนแห่มังกรที่นครสวรรค์ บ้านเกิดม๊าเอง ลื้ออยากไปม๊ายอาสโนว์ มีหลายขบวนเลยน๊า ทั้งชบวนการแสดงของเด็กนักเรียนแต่ละโรงเรียน แห่เจ้าพ่อเจ้า เชิดสิงโต มีเวทีแสดงตอนกลางคืนที่ริมน้ำให้ดูด้วย น่าสนใจม๊าย”
“อยากครับแต่จะรบกวนอาม๊าเกินไปหรือเปล่า”
“รบกงรบกวนอะไรกันละคะพี่สโนว์ ยังไงพวกเราก็กลับไปเยี่ยมญาติพี่น้องกันทุกปีอยู่แล้ว พี่สโนว์ไปเถอะน้า เดี๋ยวหลิงพาเที่ยวรอบนครสวรรค์เองนั่นอ่ะถิ่นหลิงเลยนะจะบอกให้ อิอิอิ” อาหลิงก็รีบชวนตัดหน้าผมที่กำลังจะอ้าปากชวนไปก่อน หึ่มมม เล่นพูดประโยคถิ่นผมไปก่อนงี้ ผมก็คิดไรไม่ออกแล้วดิ ปัดโถ่
“ใช่ๆ สโนว์ไปด้วยกันเถอะนะ ปีนี้ที่นครสวรรค์ก็จัดงานใหญ่เหมือนเคย แถมปีนี้วันแห่กลางคืนตรงกับวันอาทิตย์พอดีด้วย ส่วนแห่ตอนเช้าวันจันทร์พวกเราก็ไม่มีเรียนกันวันนั้น เราจะได้ไม่ต้องขาดเรียนไง จังหวะดีๆแบบนี้มีไม่บ่อยนะสโนว์ ไปกับเราเหอะ น๊าๆๆๆ” ผมทำท่าออดอ้อนเลียนแบบนังเซ่นไหว้แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเพราะสโนว์ดูท่าคิดหนักอยู่....ผมเลยใช้ท่าไม้ตาย แอบใช้ตีนสะกิดนังเซ่นไหว้ให้ทำหน้าที่แสนถนัดของตัวเองให้ไว
“เมี๊ยววว” นังเซ่นไหว้กระโดดดึ๋งขึ้นไปนั่งอยู่บนตักสโนว์ทันที แล้วเชยตามองด้วยดวงตากลมใส ตีหน้าเศร้านิดๆ น้อยใจหน่อยๆ แบบจะไม่ไปกับหนูจริงๆหรอ หนูอยากให้พี่สโนว์ไปเที่ยวกับหนูมากเลยนะจ๊ะพี่จ๋า ถ้าพี่ไม่ไปหนูคงจะเหงามากๆ หนูคงหมดกำลังใจที่จะกินจะนอนจะตบจิ้งจกเล่นแน่ๆ วิ๊ง วิ๊ง
“คิดซะว่าไปเที่ยวกับน้องมาเรียฟิเซนไงล่ะสโนว์ ใช่ไหมน้องมาเรียฟิเซน ̴ ” ผมยิ้มหวานให้นังเซ่นไหว้แบบจริงใจ๊จริงใจที่สุด
“เมี๊ยววววว” นังเซ่นไหว้ก็ร้องตอบรับเสียงอ่อนเสียงหวานซ้ำไปอีกระลอก และแน่นอนขึ้นชื่อว่านังเซ่นไหว้!....
“ไปก็ได้ครับ แพ้สายตาของมาเรียฟิเซนแท้ๆเลยนะเนี่ย”
…..ไม่มีคำว่าพลาด!
วันเสาร์
ครอบครัวผมก็รีบออกจากบ้านกันตั้งแต่ตี 5 เพราะว่าต้องขับไปรับสโนว์อีก แน่นอนว่าครอบครัวยังคงอยู่ในธีมเสื้อแดงเช่นเคย แต่ก็ไม่ได้อลังการเหมือนวันตรุษจีนแล้วล่ะครับ เสื้อยืดธรรมดาๆกัน วันนี้นังเซ่นไหว้ก็แต่งเบาๆเหมือนกันไม่ได้ใส่ชุดอะไรแล้วมีแค่ผ้าพันคอผืนบางสีแดงพันเกร๋ๆแค่นั้น เบาๆ
วันนี้รับอาสาเป็นสารถีขับรถตู้ให้ทุกคนนั่งกัน เพราะผมก็รู้ทางไปคอนโดของสโนว์อยู่บ้างเพราะอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก
“อาโทนี่ ขับรถดีๆนะ บ้านเราไม่เน้นถึงจุดหมายเร็ว เน้นปลอดภัยไว้ก่อน ยิ่งคราวนี้ลื้อต้องขับพาทั้งบ้านและอาสโนว์ไปนครสวรรค์อีก ยิ่งต้องระมัดระวัง คนเราจะดูกันว่าอีกฝ่ายดูแลเราได้หรือเปล่า ตอนขับรถก็มีส่วนนะอาโทนี่ ถ้าลื้อขับรถดีขับปลอดภัยเขาก็จะไว้วางใจลื้อกล้านั่งรถกับลื้อไปเที่ยวไหนต่อไหนด้วยกันอีก แต่ถ้าลื้อขับรถเลว ปาดซ้ายปาดขวาสักแต่จะรีบไปไม่สนรถคันอื่นต่อไปเขาคงไม่กล้าไปไหนมาไหนด้วยเพราะกลัวว่าจะได้ไปสวรรค์ก่อนวันอันควร ถ้าลื้อรักใครลื้อก็ต้องดูแลเขาให้ดีๆแม้แต่เรื่องเล็กน้อย” ป๊าพูดสั่งสอนระหว่างทางที่ผมกับป๊าเดินไปเอารถด้วยกันเพราะฟ้ายังมืดอยู่ป๊าเลยเดินมาเป็นเพื่อน แม้ม๊าจะบอกว่า ‘จะไปห่วงมันทำม๊ายแค่เห็นหน้าก็ไม่มีใครกล้าปล้นมันแล้ว โฮะๆๆ’ก็ตามที ผมเองก็ตั้งใจฟังเพราะรู้ว่าป๊าพูดด้วยความเป็นห่วงและเจตนาดี แต่ถ้านึกย้อนไปเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นใหม่ๆ ผมคงจะทำหน้าหงุดหงิดและต่อล้อต่อเถียงอยู่ในใจว่าขับรถช้ามันเป็นเรื่องของคนแก่มากกว่า เป็นวัยรุ่นก็ต้องขับรถแรงๆไวๆดิ เท่ห์จะตาย ดูมีสกิลในการขับรถเยอะดีออก ตอนนั้นชอบหนังฟาสฟาสมากด้วยแหละครับ แต่พอโตขึ้นความคิดก็เปลี่ยนไปตามวัยตามความรับผิดชอบของมัน
พอผมขับรถนั่งหน้าคู่กับป๊าไปรับคนที่บ้านเสร็จก็ขับไปรับสโนว์ต่อเพียงไม่นาน ก็มาถึงคอนโดใหญ่ใจกลางเมือง เมื่อเลี้ยวรถเข้าไปก็โทรหาสโนว์ทันทีว่าถึงแล้ว รอไม่ถึงนาทีสโนว์ก็เดินออกมาจากคอนโดในชุดเสื้อแดงเข้าธีมอย่างไม่ได้นัดหมาย สโนว์ใส่เสื้อยืดสีแดงกับกางเกงสีขาวขาสามส่วนดูสบายๆสะพายเป้ใบใหญ่สีน้ำตาลมาด้วย ม๊ากับอาหลิงก็รีบเปิดประตูรถรับกันใหญ่ นังเซ่นไหว้ก็รีบร้องเรียกอย่างเร็ว
“สวัสดีครับทุกคน” สโนว์ยกมือไหว้ทุกคนในบ้านก่อนจะขึ้นรถมานั่งรวมกับม๊าและก็อาหลิงที่เบาะด้านหลังคนขับ อาม่ากับอาฟู่นั่งอยู่แถวถัดไปด้วยกันสองคนยายหลานเหมือนเดิม
“วันนี้ใส่เสื้อสีแดงเหมือนกันเลยเนอะอาสโนว์ เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันเลยว่าม๊าย” ม๊าพูดชมสโนว์แบบชงเข้มมากกกก อาหลิงเองก็รีบพยักหน้าเห็นดีเห็นงามอย่างออกนอกหน้า
“ผมลองดูข้อมูลในเน็ต เห็นว่าช่วงเทศกาลตรุษจีนต้องใส่เสื้อสีแดงเลยไปหาซื้อมาหลายตัวเลยครับอาม๊า กลัวไปนครสวรรค์แล้วจะใส่เสื้อไม่เข้ากับธีม” สโนว์ยิ้มตอบเบาๆก่อนจะหันหน้าไปทางด้านหลังเหมือนหาอะไร ซึ่งผมคิดว่าเขามองหาผมแน่นอนอ่ะแกร๊ ฮ่าๆๆๆๆ อุ๊บ แล้วทำไมผมต้องทำเสียงดัดจริตแม้กระทั่งในความคิดด้วยวะ ชักจะแยกสิ่งที่ต้องแสดงกับตัวตนข้างในจริงๆไม่ออกแล้ว เหอๆ
“อาอันโทนิโอ้ขับรถอยู่ข้างหน้าจ้ะ อาสโนว์”
“อ้อ อยู่นี่นิเอง ถึงว่าหันไปด้านหลังไม่เห็นโอ้เอ้เลย” สโนว์พอรู้ว่าขับรถอยู่ด้านหน้าก็ยื่นหน้ามาทักทายยิ้มหวานให้เช่นเคย
“คิดถึงล่ะซี้ อิอิ” ผมยกมือออกจากพวงมาลัยข้างนึงไปเซไฮย์เก๋ๆแล้วทำเป็นพูดเล่นไปอะไรไป แต่ในใจน่ะโคตรหวังกับคำตอบ
“ก็คิดถึงน่ะสิ”
“....” สิ้นเสียงพูดของสโนว์ มันเหมือนกับว่าโลกได้หยุดหมุนไปแล้วจริง ไม่เคยคิดว่าจะได้คำตอบตรงๆแบบนี้กลับมามันทำให้ผมสติหลุดลอยไปหลายวินาที
ผั๊วะ!
“อาโทนี่! รถจะตกถนนแล้วโว๊ย ลื้อมองทางดีๆซิวะ” ป๊าตบหัวเรียกสติแบบไม่ออมแรงสักนิด เล่นซะผมเห็นดาววิ๊งค์ๆ ลอยไปมาเลย สติกลับมาแบบสมบูรณ์สุดไรสุด รีบหักรถกลับเข้าเลนแทบไม่ทัน
“นี่เราจะไปนครสวรรค์นะอาอันโทนิโอ้ ไม่ได้ไปทะเล ลื้อจะพาพวกอั๊วะไปดำน้ำในคูข้างถนนแบบนี้มันได้รึไง ห๊า!” โดนม๊าซ้ำไปอีกหนึ่งดอก ไม่ต้องเห็นก็รู้ว่าหน้าตาม๊าตอนนี้คงแทบอยากทึ้งหัวผมให้หลุดเลยล่ะถ้าทำได้
“แล้วพี่สโนว์คิดถึงพี่โอ้เอ้ทำไมอะคะ! ไม่ได้เจอกันแค่แป๊บเดียวเอง หรือเจ้โอ้ไปติดเงินพี่สโนว์ไว้ พี่ถึงคิดถึงอ่ะคะ ฮ่าๆๆๆ” อาหลิงหันไปถามเสียงดังแก้ไขสถานการณ์ ช่วยให้ผมรอดจากการโดนบ่นไปมากโข
“ป่าวหรอกน้องหลิง ก็....”
“คิดถึงก็คือคิดถึง....แค่นี้แหละครับ” “อาโทนี่..” เสียงป๊าดังขึ้นทำลายบรรยากาศเดธแอร์ในรถ
“ครั..คะ...ป๊า” ผมรับคำไปอย่างมึนงง
“ลื้อจอดตรงศาลาข้างหน้านี่แหละเดี๋ยวเปลี่ยนให้อั๊วะขับเองดีกว่า” ผมหันไปมองหน้าป๊าว่าทำไม ผมก็พยายามประคองสติอยู่นะ แม้ในหัวตอนนี้จะมีแต่คำว่า คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง เต็มไปหมด แต่ก็เห็นป๊าทำปากอ่านได้ใจความว่า ‘สติไม่ไหวก็อย่าฝืนโว๊ย อั๊วะยังไม่อยากรถคว่ำตาย!’
“นั่นสิ ลื้อไปนั่งเบาะหลังกับอาสโนว์ดีกว่านะ อีจะได้ไม่เหงา เปลี่ยนๆๆ” ม๊าสั่งอีกครั้งอย่างไม่ค่อยชงเท่าไหร่ ผมเลยได้ย้ายตัวเองไปนั่งอยู่เบาะหลังอาม่ากับอาฟู่โดยมีสโนว์มานั่งอยู่คู่กัน ระหว่างทางสโนว์ก็เป็นเจ้าหนูทำไมเหมือนเดิม ถามนั่นถามนี่เวลาที่เห็นอะไรไปเรื่อย แน่นอนว่าผมเต็มใจตอบเหมือนเดิม ตอบไปตอบมาคนหน้าสวยก็หลับคอพับไปแล้วคงเพลียจากการต้องจัดกระเป๋าและตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเดินทาง...
ผมนั่งจ้องมองสโนว์ที่หลับคอพับไปอีกทางไม่ได้หันมาหลับซบไหล่ผมเหมือนในละคร เป็นผมเองที่หันมามองเขาอยู่อย่างนั่น หนุ่มหน้าสวยที่กำลังหลับใหลมีแสงอาทิตย์อ่อนๆยามสายสาดแสงเข้ามากระทบผิวขาวให้ดูเปล่งประกายน่ามองอย่างไม่รู้เบื่อ มันดูสวยงามจนผมต้องแอบหยิบโทรศัพท์มาบันทึกภาพนี้ไว้อยู่หลายรูป นังเซ่นไหว้เองก็เดินมาหาดูเหมือนว่ามันอยากจะกระโดดขึ้นมานอนบนตักสโนว์ ผมเลยถ่ายติดนังเซ่นไหว้มาด้วย ก่อนจะจุ๊ปากให้มันรู้ว่าไม่ควรรบกวนการนอนหลับของสโนว์ไวท์เลย เซ่นไหว้เองก็เหมือนจะเข้าใจมันเลยเดินผ่านเท้าสโนว์มาที่ผมแล้วส่งสายตาว่า ‘อุ้มฉันขึ้นไปสิ เจ้าทาสมองทึ่มอะไรอยู่ ให้ไว!’ ผมลอบยิ้มขำกับการแปลความหมายในหัวผมเองแล้วอุ้มมันขึ้นมาบนตักก่อนจะลูบตัวนังเซ่นไหว้อย่างเอาใจไม่นานมันก็หลับตามสโนว์ไปอีกตัว ผมดึงผ้าม่านปิดบังแสงแดดที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อยด้วยกลัวว่าจะแย้งตาอีกฝ่าย ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองจมไปกับห้วงนิทราตามอีกคน....
เรื่องที่คนโง่ไม่เคยรู้
“ม๊า ปีนี้เขามีให้แก้ชงป่ะ อั๊วะว่าจะไปแก้ชงสักหน่อย ม๊าพาอั๊วะไปด้วยนะ”
“มีๆ อั๊วะถามป้าแก้วแล้ว จัดที่ริมแม่น้ำเหมือนเดิม นี่ดูสิป้าเขาส่งรูปมาอวดด้วยงานเป็นไง” สองคนแม่ลูกพูดคุยชวนกันวางแพลนว่าจะทำอะไรบ้างที่นครสวรรค์ คนแม่คิด คนลูกจดกันลืมอยู่นานสองนานจนทั้งรถเงียบไปหมดแล้ว เหลือก็แต่คนพ่อที่ทำหน้าที่สารถีขับรถให้
“ม๊าถ่ายรูปกันเถอะ กำลังว่างๆ”
“ดีๆแล้วลื้อส่งไลน์ให้ป้าแก้วด้วยนะ อีจะได้รู้ว่าเรากำลังไปนครสวรรค์แล้ว”
“จ้าม๊า อ่ะจะถ่ายแล้วนะ” อาหลิงยกโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่กับแม่ตัวเองที่โพสหน้าเล่นกล้องอย่างชอบใจ ดูผ่านๆเหมือนเป็นคู่พี่สาวน้องสาว จนได้หลายรูปก็ส่งไปให้ป้าแก้ว
“ม๊า ป้าแก้วถามมากันแค่สองคนหรอทำไมถ่ายกันแค่สองคน”
“อ้าว งั้นลื้อก็ยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายให้เห็นทุกคนซี เร็วๆ”
“ค่า รับทราบแล้ว” อาหลิงรีบรับคำกันไม่ให้แม่ตัวเองบ่นอีก ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นสูงเล็งว่าให้เห็นทุกคนอยู่ในเฟรมเดียวกัน แล้วเก็กหน้าถ่ายรูปต่อตามระเบียบ
แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ
เด็กสาวเอาโทรศัพท์มาเปิดเช็ครูปอีกครั้งด้วยกลัวว่าภาพจะสั่นเพราะถ่ายรูปในรถ
“โอเค หน้าหลิงสวยแล้วส่งได้ อิอิ”
“ไหนๆแล้วหน้าม๊าล่ะ สวยหรือเปล่าอาหลิงเอามาดูสิ” ม๊ารีบกดซูมหน้าจอดูเช็คใบหน้าตัวเองจนมั่นใจว่าสวยทุกโมเลกุลเลยเลื่อนไปดูหน้าคนภายในรูปต่อ
“อาหลิง ลื้อดูอาม่ากับอาฟู่สิหลับน้ำลายไหลเหมือนกันเปี๊ยบเลย ฮุๆๆๆ” สาวสูงวัยกลั้นขำเบาๆเมื่อเลื่อนดูใบหน้าของอาม่าและอาฟู่สลับกันไปมา
“น่ารักอ่ะม๊า ไหนลองเลื่อนไปดูหน้าเฮียหน่อยว่าจะน้ำลายไหลเหมือนกันหรือเปล่า คิกคิก”
“เดี๋ยวม๊าเลื่อนเอง ถ้าตลกๆจะเอาไว้แบล็กเมล์มันเนอะ ฮุๆๆๆ”
ม๊ารีบเลื่อนไปหาหน้าลูกชายคนโตของบ้านก็เห็นว่าหน้าของอาอันโทนิโอ้หลับคอพับไปด้านข้าง โชว์สันกรามและจมูกโด่งได้เป็นอย่างดี ใบหน้าที่หลับใหลยกยิ้มมุมปากน้อยๆไม่รู้ว่าฝันดีอะไร...
“ม๊า เฮียนี่ก็แอบหล่อเหมือนกันเนอะ ถ้าอยู่นิ่งๆอ่ะ แต่ขยับทีละหมดหล่อตลอด กากสุดไรสุด”
“ว่าอะไรเฮียตัวเองแบบนั้น ตบปากตัวเองสามที เดี๋ยวนี้” คนเป็นแม่ตวัดตาส่งความรู้สึกไม่พึงพอใจ
“ง่ะ ม๊าอ่ะ พูดเล่นนิดเดียวเอง” อาหลิงโอดครวญแต่ก็ตบปากตัวเองตามคำสั่งเพราะก็รู้ตัวว่าพูดเล่นเกินจริงไปหน่อย
“ทีหลังอย่าว่าอะไรเฮียแบบนี้นะ เราเป็นน้องจะไปว่าเขาได้ไง ว่าเขากากแต่ตอนลื้อยังเล็กก็มีแต่อาอันโทนิโอ้นี่แหละที่วิ่งหยิบขวดนม เอาแพมเพิสเปื้อนอึลื้อไปทิ้ง ทำท่าประหลาดไม่รู้กี่ร้อยท่าเพื่ออยากให้ลื้อหยุดร้องไห้งอแง เก็บเงินค่าขนมไว้ไม่ยอมซื้อกินเพราะอยากซื้อตุ๊กตารอให้ลื้อตอนคลอดออกมา รู้อย่างนี้ยังจะคิดว่าเฮียลื้อกากอีกไหม ห่ะอาหลิง” ผู้เป็นแม่เล่าย้อนถึงความหลัง อันโทนิโอ้ตัวน้อยที่ยอมทำทุกอย่าง ช่วยแม่เลี้ยงน้อง ยอมไม่ดื้อไม่ซนเพราะกลัวแม่เหนื่อยแล้วจะไม่มีแรงเลี้ยงน้องในอดีตยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำเสมอ ตอนนั้นอาอันโทนิโอ้น่ารักมากราวกับเทวดาตัวน้อย น่าจนม๊ารู้สึกว่า....เอ็งไม่โตเลยจริงๆ โฮะๆๆๆๆ
“ไม่กากแล้วค่ะม๊า เฮียหลิงเจ๋งที่สุดในโลก” อาหลิงสำนึกอย่างแท้จริงเมื่อได้ฟังวีรกรรมของพี่ชายตัวเอง
“อืมๆ ดีแล้วแค่เราพูดความจริงว่าอาอันโทนิโอ้มันซื่อบื่อนั่นก็มากพอแล้ว เหลือเรื่องดีๆไว้ให้เฮียแกมั้งเหอะเนอะ” อาหลิงพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะชวนเปลี่ยนเรื่องกลับไปดูรูปต่อ
“ม๊า ดูอะไรนี่สิ” อาหลิงเอ่ยเสียงดังจนม๊าต้องตีแขนให้พูดเสียงเบาๆเพราะกลัวคนอื่นจะตื่น
“ม๊าดูพี่สโนว์ดิ” อาหลิงชี้ให้รูปใบหน้าสโนว์ที่หลับอยู่ให้ม๊าดู
“อื้อก็อาสโนว์ไง อีหล่อเนอะ สวยด้วย หลับยังดูดีเลย ม๊าชอบอ่ะ”
“ไม่ใช่แค่นั้นสิม๊า เอาใหม่ๆม๊าซูมสุดไป หลิงย่อให้เล็กลงหน่อยแป๊บ” อาหลิงเอาโทรศัพท์ไปจัดการแป๊บเดียวก็เกิดเป็นรูปใหม่ที่เห็นภาพรวมชัดเจนขึ้น ภาพบนหน้าจอที่ย่อจนเห็นรูปของคนสองคนที่หลับอยู่เบาะติดกัน
“อั๊ยย๊า ทำไมมันโรแมนติกอย่างงี้ว๊า”
“เนอะม๊า กรี้ดดสุดๆเลยอะ หลิงฟินนนนน”
ทั้งม๊าและอาหลิงต่างพร้อมใจกันลุกหันไปมองทางเบาะหลังสุดให้เห็นกับตา
คนหนึ่งหลับหันไปด้านขวา คนหนึ่งหลับหันมาด้านซ้าย แล้วใบหน้าทั้งคู่ก็มาบรรจบหันเข้าหากัน ใกล้จนปลายจมูกห่างกันเพียงมดเดินผ่าน...เหมือนกับว่าใช้ลมหายใจเดียวกันไม่มีผิด
“พวกเขากำลังแลกเปลี่ยนลมหายใจกันอ๊าห์ม๊า” อาหลิงฟินเอาเล็บจิกเนื้อแทบหลุด ใบหน้ากักเก็บความรู้สึกไม่มิด
“อาหลิง”
“คะม๊า?” อาหลิงตอบรับทั้งที่ใบหน้ายังฟินเพ้อยิ่งกว่าพี่ชายตัวเองตอนได้ยินคำว่าคิดถึงเสียอีก
“เมมเหลือเท่าไหร่ ถ่ายมันให้เต็ม!”
“จัดไปค่ะม๊า ̴̴̴”
มือเรียวรีบจัดโทรศัพท์ให้นิ่ง ม๊าเองก็หันไปสั่งป๊าว่าให้นิ่งๆหน่อย อาหลิงยิ้มกว้างค่อยๆบรรจงหามุมหาแสงที่ดูลงตัวที่สุดและกดถ่ายอย่างตั้งใจ
ภาพที่คนทั้งสองนอนหลับหันหน้าเข้าหากันและยิ้มมุมปากอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีเจ้าแมวสุดที่รักของบ้านนอนหลับอยู่บนตักและเหมือนกับว่ามันกำลังยิ้มอยู่เช่นกัน
ไม่รู้พวกเขาทั้งสองคนและแมวอีกหนึ่งตัว จะกำลังฝันเรื่องเดียวกันอยู่หรือเปล่าเนอะ
------------------------------------------------------------------------------------
มาต่อแล้วค่ะ นาทีนี้อิจฉาอาหลิงมากที่ได้เห็นนอะไรฟินๆ ฮ่าๆๆ
แต่ก็แอบสงสารอาอันโ?นิโอ้ที่ไม่เคยรู้อะไรเลยเหมือนเดิม
ตอนหน้าเป็นตอนอาอันโทนิโอ้พาสโนว์ทัวร์นครสวรรค์นะคะ
มาลุ้นไปพร้อมกันนะว่าจะรอดไหม เพราะพรรคพวกญาติพี่น้องของโอ้เอ้ที่นครสวรรค์ก็เยอะเช่นกัน
นางจะรอดจากการถูกจับได้หรือไม่ ฮ่าๆๆๆๆ
ขอบทุกคอมเมนต์น๊า