คำตอบที่ได้รับนั้นเหนือความคาดหมายของโฮมส์ไปมาก การคาดเดาของเขาคือพยัคฆ์ดำกับพยัคฆ์ทมิฬมีความแค้นต่อกันแต่คำตอบของพยัคฆ์ดำนั้นกลับหักล้างโดยสิ้นเชิง พยัคฆ์ดำเดินทางเพื่อแก้แค้นให้กับผู้มีพระคุณโดยดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาชีพนักล่าค่าหัวที่มีผลพลอยได้คือฝีมือที่ดุดันขึ้นเรื่อยๆ
" ข้ารับปากว่าจะไม่บอกเรื่องของท่านกับใคร " โฮมส์มองบุคคลที่ขึ้นชื่อว่านักฆ่าด้วยแววตาเห็นใจ ถึงแม้การดำรงชีวิตปกติของเจ้าเมืองเวลล์นั้นจะเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและการฉ้อฉล แต่เรื่องบางเรื่องเขาก็เลือกที่จะทำตามจริยธรรมของตัวเอง " ในช่วงที่อาการของเวสเปอร์ไม่ออกมาก พ่อข้าเห็นว่าการผูกสัมพันธ์กับคนที่น่าจะได้เป็นกษัตริย์ในอนาคตเป็นเรื่องที่ดีจึงส่งข้าไปเรียนอยู่ที่เมืองเอวินด์ "
มือที่กำลังลูบหัวเวสเปอร์ชะงักทันควัน โลกัสก้มมองใบหน้าที่ส่อเค้าคมคายแต่เมื่อผสมรวมกับผมสีขาวแล้วกลับออกมาน่ามองอย่างบอกไม่ถูก หากว่าเจ้าของใบหน้านั้นไม่ได้มีความผิดปกติในเวลานี้อาจจะเป็นกษัตริย์ที่เตรียมจะขึ้นบัลลังก์ในเวลานี้
เพียงเพราะความผิดปกติที่ทำให้เวสเปอร์ต้องถูกไล่ฆ่า..
โฮมส์เห็นภาพที่เกิดขึ้นชัดเจนและเริ่มยอมรับรู้ถึงความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างเวสเปอร์กับโลกัส แม้ในอกจะรู้สึกปั่นป่วนโดยไม่ทราบสาเหตุแต่ก็ไม่คิดจะใส่ใจ " ข้ากับเวสเปอร์กลายเป็นเพื่อนสนิทกันและเวสเปอร์ก็พาข้าเข้าไปในห้องนอน ข้าเห็นหนัง
เสือโคร่งสีดำยักษ์ถูกพาดอยู่บนเก้าอี้ ข้าไม่แน่ใจว่ามันเป็นเสื้อคลุมหรือเปล่าเพราะข้ามัวแต่สนใจลายของมันอยู่ มันเหมือนกับมีไอเวทสีดำแผ่ออกมาจางๆ แต่ดูได้ม่นานข้าก็ถูกพ่อเวสเปอร์ไล่ตะเพิดออกมา " โฮมส์สูดหายใจลึกเมื่อพูดจนจบ " ที่ข้ามั่นใจว่าเป็นพยัคฆ์ทมิฬเพราะหนังเสือโคร่งธรรมดาไม่มีทางแผ่ไอเวทออกมาได้ "
โลกัสใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอ ลำคอแห้งผาก รู้สึกถึงหัวใจที่กำลังเต้นรัวกับความรู้สึกในอกที่ปั่นป่วน ความโกรธความดีใจทุกอย่างมันกำลังปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่งจนต้องขบกรามแน่นเรียกสติของตัวเอง
" อืม.. เป็นเซบนั่นแหละ "
แต่น้ำเสียงที่พูดออกไปกลับแหบพร่าและเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม..
" พรุ่งนี้ข้าจะกลับเมืองเอวินด์ "
" หมายความว่าเจ้าจะกลับไปที่เมืองเอวินด์ทั้งๆ ที่เจ้าเพิ่งออกมาเนี่ยนะ ! " เกลโวยวายเมื่อโลกัสบอกกับตนเช่นนั้นก่อนที่จะปิดประตูห้องดังปังเพื่อยุติบทสนทนาให้คุยกันต่อในวันพรุ่งนี้
สีหน้าของอดีตหญิงงามประจำเมืองเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและถอนหายใจออกมาในความดื้อดึงของเพื่อนสนิทตัวเอง เกลเคยบอกโลกัสหลายต่อหลายครั้งเรื่องที่ว่าต่อให้แก้แค้นยังไงคนที่ตายไปแล้วก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาอยู่ดีแต่ทุกครั้งที่พูดก็ถูกตวาดกร้าวกลับมา
http://[b]เจ้ากำลังจะบอกให้ข้าลืมในสิ่งที่มันทำกับเซบงั้นเหรอ ! เจ้าไม่เคยแม้แต่จะเจอเซบด้วยซ้ำ อย่ามาพูดพล่อยๆ แบบนี้อีก !! [/b]แต่เกลก็ไม่เคยละความพยายาม สิ่งที่สุดท้ายที่หล่อนต้องการคือการเห็นโลกัสตายตามพยัคฆ์ทมิฬ ชื่อเสียงของพยัคฆ์ทมิฬมีมานาน บุคคลที่ฆ่าได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา หากโลกัสไปแก้แค้นสิ่งที่ได้รับกลับมาอาจจะไม่ใช่ความสะใจแต่เป็นชีวิตที่เสียไปของเขาแทน
" ท่านเกลขอรับ ! มีคนอยากฟังเสียงท่านร้องเพลงขอรับ " มีแค่เสียงของเจ้ากระต่ายอ้วนที่ดังก้องในทางเดินส่วนตัวของมันกำลังวิ่งวุ่นกับการจดเมนูอาหารลูกค้ารายใหม่
" ได้ ข้ากำลังลงไป " เกลมองประตูไม้เนื้อดีเป็นครั้งสุดท้ายและยอมเดินออกมา
ด้านหลังของประตูไม้นั้นมีชายร่างยักษ์ยืนพิงบนใบหน้ามีรอยยิ้มเหยียดหยามตัวเองในอ้อมแขนมีชายร่างเล็กกว่าเป็นเท่าตัวกำลังหลับและหายใจอย่างสม่ำเสมอ
มีรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าคล้ายกับกำลังฝันดี
ยิ่งเห็นแบบนั้นรอยยิ้มของพยัคฆ์ดำก็เหยียดมากขึ้นเรื่อยๆ
" ข้าขอโทษ เวสเปอร์ "
กระซิบเสียงเบา
เขาเลือกที่จะกลับไปยังสถานที่ที่แห่งนั้นเพื่อตัวเองซึ่งนั่นก็หมายความว่าเป็นเขาเองที่กำลังหยิบยื่นความตายให้กับเวสเปอร์
ทั้งๆ ที่ตัดสินใจว่าจะปกป้องแต่กลับเป็นเขาเองที่กำลังฆ่าเวสเปอร์
" ขอโทษ "
พูดออกมาเสียงแหบพร่า รู้สึกจุกในอก
หากจะให้เขาทิ้งอุดมการณ์ตลอดชีวิตมันคงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ..
การกลับไปอยู่ในถิ่นศัตรูก็คล้ายกับก้าวเท้าเข้าไปในกับดักที่เพียงแค่ก้าวเดียวก็สามารถทำให้ตายได้
" ข้าขอโทษ องค์ชาย.. "
คนถูกเอ่ยถึงขยี้ตาตัวเองอย่างงัวเงียเมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นเจ้าเสือก็อดตำหนิไม่ได้ " อึก ! เจ้าเสือ นอน นอนได้แล้วนะ ! ข้า ข้าง่วงมากเลย " พูดเสียงงึมงำในลำคอก่อนจะผลอยหลับไปอีกครั้ง
โลกัสเผลอยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูแต่แววตายังคงเสียใจกับการกระทำของตัวเอง ค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวังและบรรจงวางองค์ชายลงบนเตียงหลังนุ่มซึ่งทันทีที่หัวแตะหมอนองค์ชายก็กวาดเอาผ้าห่มรอบตัวมากอดแน่นคล้ายหมอนข้าง
หัวเราะหึกับเหตุการณ์ตรงหน้า ทิ้งตัวนอนลงข้างๆ และรวบตัวองค์ชายมากอดหลวมๆ ฝังหน้าบนกลุ่มผมนิ่มด้วยจิตใจที่อ่อนแอ
" จะ เจ้าเสือ ข้าปวดหัวมากเลย " องค์ชายงอแงระหว่างที่นอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม นัยน์ตาส่อประกายขอความเห็นใจกับเจ้าเสือที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นอยู่บนเก้าอี้
นั่งมาตั้งแต่ตอนเช้าแล้วนะ ?
เวสเปอร์หน้างอเมื่อหันไปมองนอกหน้าต่างก็พบว่าแสงแดดนั้นแรงมากๆ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าตอนนี้สายมากแล้ว ! ท้องของข้าเริ่มร้องไห้แต่เจ้าเสือกลับเอาแต่นั่งนิ่งๆ
" เจ้าเสือ ข้า ข้าจะโกรธเจ้าแล้วนะ ! "
" เจ้าเสือ... "
องค์ชายพูดเสียงเบาค่อยๆ พาร่างตัวเองไปหาเจ้าเสือที่นั่งนิ่งมองไปที่ประตู " เจ้าเสือ ไม่ ไม่สบายเหรอ.. " ใช้มือเล็กๆ อังที่หน้าผาก
ซึ่งนั่นคล้ายกับกระชากสติของโลกัสให้กลับมา
มือหนากระชากตัวองค์ชายล็อกคอไว้แน่นตามสัญชาตญาณป้องกันตัว นัยน์ตาสีแดงเป็นประกายวาบเมื่อรู้สึกคล้ายกับได้กลิ่นเหยื่อของตัวเอง เผลออ้าปากงับคอกวางหนุ่มเบาๆ
" ฮือออ เจ้าเสือ ! "
โลกัสเบิกตากว้างปล่อยองค์ชายทันควันสะบัดหัวตัวเองหอบหายใจยิ่งเห็นเวสเปอร์ตัวสั่นเทายิ่งตกใจจนทำอะไรไม่ถูกรวบตัวเวสเปอร์มากอดและลูบหัว สีหน้าของโลกัสนั่งยังคงเคร่งเครียดเมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติของร่างกายตัวเอง
สิ่งที่เขาพยายามควบคุมมันเริ่มจะควบคุมไม่อยู่แล้ว..
พลังอำนาจที่ไม่ได้มาแต่กำเนิดเป็นสิ่งที่ควบคุมยาก
เพราะมันพร้อมที่จะสำแดงพลังออกมาหากนายของมันไม่มีสติหรืออ่อนแอ
มันมีประโยชน์หากว่าเขาอยู่ตัวคนเดียวเพราะไม่ต้องสนใจว่าใครจะได้รับบาดเจ็บหรือได้รับอันตรายจากพลังมหาศาลนี่่ แต่เขามีเวสเปอร์...
ซึ่งเขาจะยอมให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นมาไม่ได้..
" ฮือ เจ้าเสือ ไม่ ไม่สบายเหรอ " ความตกใจกับอาการปวดหัวทำให้องค์ชายอดร้องไห้ไม่ได้แต่ภายในหัวก็ยังมีความเป็นห่วงเจ้าเสืออยู่ไม่น้อย
" ข้าสบายดี เวสเปอร์ ไม่ต้องห่วงข้าหรอก " โลกัสคลี่ยิ้ม รู้สึกอุ่นวาบในอก องค์ชายสำหรัับพยัคฆ์ดำในตอนนี้คงเปรียบได้กับดวงอาทิตย์ในฤดูหนาวแต่คิดเพียงได้ไม่นานก็ถูกความจริงถาโถมใส
เมฆสีดำค่อยๆ เคลื่อนตัวมาบดบังดวงอาทิตย์จนหายไปเหลือเพียงฤดูหนาวที่โหดร้ายและเดียวดาย
" เวสเปอร์เจ้ายังอยากไปกับเจ้าเสืออยู่ไหม ? "
หากองค์ชายตกลงที่จะไปกับข้า ข้าก็จะพาไปด้วย โดยไม่สนว่าจะเป็นอันตรายกับองค์ชายหรือเปล่า
เวสเปอร์พยักหน้า
" ไปสิ ไป เจ้าเสือสัญญา สัญญาแล้วว่าจะพาข้าไปด้วย "
ซึ่งมันก็เป็นคำตอบที่โลกัสคาดคะเนเอาไว้ในใจอยู่แล้ว
เขาแค่ถามไปเท่านั้นเพื่อเรียกความตั้งใจอีกอย่างของตัวเอง ว่าจะปกป้ององค์ชายด้วยชีวิตของตัวเอง เขาไม่ไว้ใจให้ใครดูแลองค์ชายแทนตัวเองทั้งนั้น !
ถึงเขาจะสามารถฝากองค์ชายไว้กับเกล
แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำมัน
เวลาที่ใช้ใคร่ครวญสำหรับเรื่องนี้คือครึ่งเช้าจนกระทั่งเวสเปอร์มาสะกิดเรียก
มันอาจจะเป็นความเห็นแก่ตัวของเขาที่อยากเก็บดวงอาทิตย์ของตัวเองไว้ใกล้ตัว แต่หน้าหนาวที่ไร้ดวงอาทิตย์ก็ดูจะหนาวเหน็บเกินไปเช่นกัน
ถึงมันจะเหมือนกับว่าเป็นเขาเองที่ยื่นเวสเปอร์ให้กับอัลฟินด้วยการเข้าไปในถิ่นศัตรู แต่เขาไม่สนใจเพราะไม่อย่างไรอัลฟินก็ไม่มีวันได้แตะต้องเวสเปอร์ตราบใดที่พยัคฆ์ดำยังมีลมหายใจ !
ก็อกๆ
" เจ้าจะนอนไปถึงพรุ่งนี้เลยรึไง โลกัส "
โลกัสไม่ได้ตะโกนตอบเพียงแค่รวบตัวองค์ชายขึ้นมาอุ้มไปวางบนเตียงอีกครั้งแล้วจึงเดินไปเปิดประตูให้เกลได้เข้ามา
เกลเหลือบมองสภาพผมเพ้ายุ่งเหยิงกับรอยกัดบนคอเวสเปอร์แล้วหัวเราะคิกคัก" คู่ใหม่ปลามันเหรอ เด็กอร่อยไหมล่ะ เจ้าเสือ "
คนโดนแซวแยกเขี้ยวด้วยสีหน้าดุๆ " อร่อยบ้าอะไรของเจ้า หุบปากไป รีบๆ เอายาไปให้เวสเปอร์กิน "
" จ้า จ้า ใช้ข้ายังกับข้าเป็นคนใช้เลย " คนเป็นเจ้าโรงแรมตัดพ้อด้วยสีหน้าชื่นบานยื่นแก้วน้ำเล็กๆ ที่บรรจุยาสำหรับแก้อาการเมาค้างให้กับเวสเปอร์ " กินนี่แล้วจะหายปวดหัว "
เวสเปอร์ยิ้มรับ " ขะ ขอบคุณเจ้านะ ! " รับมากินด้วยท่าทีกระตือรือร้น
" อืม " เกลยิ้มใจดีก่อนจะหันไปหาโลกัส " เจ้ายังจะไปเมืองเอวินด์อยู่หรือเปล่า ? "
" ไป " โลกัสตอบสั้นๆ ไม่สบตาเพื่อนตัวเอง
ทำไมเขาจะไม่รู้ถึงความหวังดีของเกลล่ะ ? แต่บางครั้งคำพูดสวยหรูกับความเป็นจริงก็ไปด้วยกันไม่ได้ ไม่สิ มันไม่ใช่บางครั้งแต่เป็นทุกครั้งต่างหากเพราะมันไม่มีทางเป็นจริงได้
" ดูเหมือนว่าข้าจะรั้งไม่ได้อีกแล้วสินะ " เกลหัวเราะแห้งๆ " เอาเถอะ ข้าก็อวยพรให้เจ้ารอดกลับมาเหมือนทุกครั้งแล้วกันนะ ร้านของข้ายินดีต้อนรับสหายเก่าเสมอ "
" ขอบใจ "
โลกัสยิ้มบางให้กับเกลอย่างจริงใจ เกลเป็นเพียงเพื่อนไม่กี่คนที่ยังคงจดจำเขาในฐานะเพื่อนสนิทไม่ใช่นักฆ่ากระหายเลือด
" ไม่เป็นไรหรอกน่า แล้วองค์ชายนี่ล่ะ ? ฝากไว้กับข้าก็ได้นะ ข้าไม่แอบกินหรอก "
พยัคฆ์ดำแค่นยิ้ม
" ของๆ ข้า ข้าดูแลเองได้ "
-------------
เพิ่งออกจากเมืองตอนที่แล้วตอนหน้าก็กลับไปอีกแล้ว
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ากอดดด
ส่วนตอนหน้าก็หน้าจะอาทิตย์หน้า