5. พี่เสือ น้องกระต่าย กับการเลื่อนชั้น
ข่าวมาถึงสองพี่น้องที่กำลังนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน คุณพ่อเดินหน้าบานเข้ามานั่งบนเสื่อใกล้ๆ
พี่เสือ หรือด.ช.จิรวัฒน์สอบได้ที่ 1 อีกแล้ว พี่เสือนอกจากจะตัวโต ผิวเข้ม หน้าตาหล่อเหลา เก่งกีฬา เป็นตัวแทนนักกีฬาโรงเรียน แข็งแรงบึกบึน ชกต่อยเก่งแล้ว ยังสมองดีอีกด้วย เป็นลูกชายในฝันของคุณพ่อทุกคน
ผิดกับน้องกระต่าย หรือ ด.ช.จิรนันท์ ที่ตัวเล็กจ้อย ป่วยกระเสาะกระแส หัวไม่ค่อยดี ชอบใช้เวลากับต้นไม้ใบหญ้าและนอนร้องเพลงหงุงหงิงวาดรูป ขี้อ้อน
แต่ยังไง คุณพ่อก็รักทั้งคู่อยู่ดี
ถึงลูกคนเล็กจะไม่มีอะไรโดดเด่น คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่เคยกดดันลูก เพราะคุณแม่เองมักบอกคุณพ่อเสมอว่า คุณแม่ก็หัวไม่ดี ดังนั้น คุณแม่ก็ไม่คาดหวังอะไรจากน้องกระต่ายนัก นอกจากให้น้องเติบโตแข็งแรง เป็นเด็กอารมณ์ดี ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ไปจนโต
น้องกระต่ายเงยหน้าจากสีไม้ ดวงหน้าหวานแจ่มใส เหงื่อเม็ดน้อยผุดพรายบนหน้าผากนวล เส้นผมสีดำขลับเปียกชื้นแนบหน้าผาก เจ้าตัวยิ้มจนตาหยีให้คุณพ่อ
คุณฉัตรชัยอดไม่ได้ที่จะคว้าเจ้าตัวเล็กมากอด คุณพ่อพยายามไม่ให้พี่น้องแข่งกันอย่างที่สุด ดูเหมือนพี่เสือจะเข้าใจดี แม้คุณพ่อคุณแม่จะไม่เคยพูดถึง
"น้องต่ายครับ" คุณพ่อเอาแขนเสื้อเชิ้ตเช็ดแก้มนวล ผิวเด็กบอบบางขึ้นสีชมพูระเรื่อ น่ารักเหมือนตุ๊กตา "พี่เสือสอบได้ที่ 1 อีกแล้ว น้องต่ายจะทำยังไง ?"
พี่เสือที่นั่งเล่นเกมกดอยู่ข้างๆ หัวเราะชอบใจ น้องต่ายหันกลับไปมอง ยิ้มประหม่าน่าเอ็นดูที่สุด
"พี่เสือบอกว่า พี่เสือเรียนเก่งเพราะหนู" เจ้าตัวพูดเสียงเบา ก้มหน้างุดด้วยความอาย พี่เสือชะโงกตัวมายีหัวยุ่งๆ ของเจ้าตัวเล็กแล้วจุ๊บหน้าผากแรงๆ
"ถูกแล้ว ถ้าไม่มีน้องต่ายคอยชงโกโก้ให้ พี่เสือสอบไม่ได้ที่ 1 หรอก" พี่เสือจูบแก้มสีชมพูอีกทีเป็นรางวัล
"หนูไปเชียร์พี่เสือแข่งบาสด้วย" น้องกระต่ายเงยหน้าขึ้น เริ่มเห็นหน้าแดงๆ น่ารัก
"เพราะน้องต่ายไปเชียร์พี่เลยชนะไง" เจ้าตัวเออออห่อหมกอย่างว่าง่าย
น้องกระต่ายชี้ริมฝีปากอิ่มของตัวเองอย่างเขินๆ "พี่เสือยังไม่ได้จุ๊บปากหนูเลย"
พี่เสือหัวเราะ ทาบทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากคู่อิ่มเบาๆ เหมือนเช่นเคย น้องกระต่ายแก้มแดงเหมือนแครอท ยิ้มใส
คุณพ่อเหมือนกลายเป็นส่วนเกิน เลยรีบคว้าเอวบางของลูกชายคนเล็กมานั่งตัก แม้น้องกระต่ายจะขึ้นป.หกแล้ว แต่น้องกระต่ายยังเบาโหวง คุณแม่เร่งทำกับข้าวที่มีสารอาหารเยอะๆ ให้กินเท่าไหร่ เจ้าตัวจ้อยก็ไม่โตขึ้นเสียที
คุณพ่อจุ๊บแก้มใสทับรอยพี่เสืออย่างรักใคร่
ถึงแม้พี่เสือจะเป็นความภาคภูมิใจของบ้าน แต่น้องกระต่ายก็เป็นความรักของทุกคน
น้องน้อยหัวเราะคิก ดิ้นจากตักพ่อลงมานั่งซบพี่เสือ แขนเรียวสองข้างโอบกอดพี่ชายจากด้านหลังอย่างสนิทสนม แผ่นอกบอบบางแนบสนิทกับแผ่นหลังพี่เสือจนพี่เสือใจเต้นตึกตัก
"หนูต่ายน้อยอยากกินอะไร ?" พี่เสือกลับหันไปถามคนตัวเล็กที่เกาะหนึบเหมือนลูกลิง
เจ้าตัวน้อยนิ่งคิดสักครู่หนึ่ง แล้วซุกหน้ากับแผ่นหลังแข็งแรงของพี่ชาย "หนูอยากกินที่พี่เสืออยากกิน"
พี่เสือหัวเราะ รู้ดีว่าฝาแฝดชอบกินอะไรที่สุด "พ่อพาไปฉลองที่ฟูจินะครับ"
คุณพ่อยิ้มๆ "สองพี่น้องรวมกันแกล้งพ่อแล้ว"
"ไหน ใครจะไปกินอะไร ?" คุณแม่เดินจากในบ้าน ถือถาดหนักอึ้งมา ส่งเสียงทัก สองฝาแฝดที่ได้รับการสั่งสอนมาอย่างดีรีบเข้าไปช่วยคุณแม่ยก
"พ่อจะพาต่ายน้อยกับเสือไปฉลองฮะ" พี่เสือตอบ ประคองถาดบนเสื่อ หยิบน้ำแตงโมหวานฉ่ำขึ้นมาป้อนน้องน้อยอย่างเป็นธรรมชาติ
คุณพ่อคุณแม่รู้ดี พี่เสือไม่ได้ชอบอาหารญี่ปุ่นเป็นพิเศษหรอก แต่พี่เสือมักเลือกสิ่งที่กระต่ายน้อยชอบเสมอ
เจ้าตัวน้อยยิ้มใส ดูดน้ำแตงโมจนแก้มป่อง เลอะเทอะยังมุมปาก พี่เสือไม่รอให้คุณแม่ทัก คนตัวโตรีบหยิบทิชชู่เช็ดมุมปาก ปิดท้ายด้วยริมฝีปากตัวเองเบาๆ
คุณพ่อคุณแม่ได้แต่ถอนหายใจ
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อเปิดเทอมวันแรก ที่ผ่านมา คุณแม่ได้แจ้งทางโรงเรียนทุกครั้งว่าจำเป็นต้องให้พี่เสืออยู่ห้องเดียวกับน้องกระต่าย เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพ ปีนี้คุณแม่ก็แจ้งเช่นเดิม แต่ครั้งนี้คุณครูใหญ่ที่ย้ายมาใหม่ไม่อนุมัติ ร่างตุ้ยนุ้ย ศีรษะล้านเลี่ยนของคุณครูใหญ่นามว่าปกรณ์บอกเหตุผลที่คุณแม่ไม่อาจปฏิเสธได้
"เท่าที่ผมทราบ เด็กชายจิรนันท์สุขภาพก็แข็งแรงขึ้นแล้วนี่ครับ ?"
"ใช่ค่ะ แต่น้องติดพี่มากค่ะ ถ้าพี่อยู่ด้วยจะช่วยน้องได้ค่ะ เผื่อเกิดเหตุอะไร..."
"ทำอย่างนั้นเหมือนกับคุณแม่ผลักภาระให้เด็กชายจิรวัฒน์เลยนะครับ" ครูใหญ่ตัดบท "ผมคิดว่ามันไม่แฟร์สำหรับแฝดพี่ที่ต้องมาดูน้องตลอด ส่วนตัวแฝดน้องเองก็ควรเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเอง หาเพื่อนใหม่ด้วยตัวเองแล้วนะครับ"
คุณแม่เม้มริมฝีปาก สีหน้าแสดงชัดว่าไม่พอใจ แต่ไม่อาจหาเหตุผลมาโต้ได้ จึงตอบเสียงแข็งว่า
"ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีนะคะ"
ฝาแฝดที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าโดนจับแยกห้อง เมื่อเข้าแถว พี่เสือจูงมือน้องไปยังห้องป. 6/4 เหมือนปกติ คุณครูประจำชั้นเห็นแล้วก็ส่งเสียงเรียก
"จิรวัฒน์ น้องชายเธออยู่ห้องป.6/2 จ้ะ"
ใบหน้าคมของลูกศิษย์หันมามอง คิ้วหนาขมวด สีหน้าถมึงทึง "6/2?"
"จ้ะ ห้องของคุณครูเต้ไงล่ะ" คุณครูประจำชั้นรีบแยกลูกศิษย์ร่างบอบบางออกจากพี่ชาย
"ครูเต้หรือฮะ ?" พี่ชายทวนถาม
"จ้ะครูเต้ จิรนันท์ชอบครูเต้ไม่ใช่เหรอ ?"
ครูเต้เป็นครูสอนคณิตศาสตร์ ยังหนุ่มแน่นและชอบมาเล่นฟุตบอลกับเด็กๆ เสมอ ครูเต้เป็นครูใจดี พูดเก่ง เด็กทุกคนชอบครูเต้กันทั้งนั้น
ยกเว้นพี่เสือ
เพราะตอนป.3 ในงานกีฬาสี น้องกระต่ายโดนคนเบียดจนหกล้ม ครูเต้ที่อยู่แถวนั้นรีบอุ้มน้องไปทำแผลทันที โดยที่ไม่ฟังเสียงจากพี่เสือเลย
พี่เสือเลยเกลียดครูเต้ที่สุด
หนำซ้ำ หลังจากนั้นมา น้องกระต่ายก็พูดชมครูเต้บ่อยๆ พี่เสือเลยยิ่งเกลียด
"ครับ" เสียงรับของคนตัวเล็กแผ่วเบา แต่ใบหน้าขึ้นสีเรื่อ หนูต่ายชอบครูเต้ที่ตัวโต แข็งแรง ใจดีมาก
พี่เสือส่งเสียงร้องหึ แววตาคมกริบเกินวัยจนคุณครูประจำชั้นนึกกลัว
"มาเถอะ เดี๋ยวครูจะไปส่งที่แถวนะ" คุณครูรีบตัดบท จูงมือน้อยไปยังแถวห้องป.6/2 ทันที
แค่เรียนคาบแรกก็ได้เรื่อง...
หนูกระต่ายเป็นเป้าหมายการรังแกของเพื่อนๆ มานาน แต่ทุกครั้งที่ไม่เป็นอะไรเพราะพี่ชายตัวโตแถมต่อยมวยเก่งปกป้องตลอด
ว่ากันว่าเด็กประถมมักจะแกล้งคนที่ชอบ
เด็กผู้ชายส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น
กระต่ายที่ตัวขาว บอบบาง ดวงตากลมโตแสนน่ารักนั้นบางทีก็มีดอกไม้ จดหมาย ชอกโกแลต ลูกอม ตุ๊กตา ของสารพัดมาวางไว้บนโต๊ะ ยิ่งไปกว่านั้น เด็กชายผู้กล้ายังมาสารภาพรักกับหนูน้อยบ่อยๆ
แต่กระต่ายก็ถูกแกล้งมากเช่นกัน
แค่เข้าชั้นเรียน กระต่ายน้อยประหม่านิดๆ กับชั้นเรียนใหม่ แล้วยังไม่มีพี่ชายอยู่ด้วย แต่คุณครูเต้ก็ใจดี จัดที่นั่งให้เจ้าตัวเล็กอยู่ตรงกลาง ติดกับเด็กหญิงท่าทางนิสัยดีชื่อว่าอ้อม
อ้อมทักกระต่ายอย่างเด็กอัธยาศัยดี "สวัสดีจ้ะ เราชื่ออ้อมนะ"
กระต่ายน้อยยิ้มเขิน "สวัสดี เราชื่อกระต่าย"
"อื้อ ต่ายจะนั่งฟากไหน ขวาหรือซ้าย ?" เด็กหญิงถาม เพราะโต๊ะของโรงเรียนจัดให้เด็กนั่งเป็นคู่ สลับหญิงชาย
"ซ้ายดีกว่า" เพราะด้านซ้ายใกล้หน้าต่างมากกว่า พอมองลงไปจากหน้าต่าง จะเห็นสนามเด็กเล่นกับต้นหูกวาง
หนูต่ายชอบดูต้นไม้ ใบไม้ ยิ่งยามมันพลิ้วเบาตามลม แลดูงดงาม แต่คุณครูมักหาว่ากระต่ายชอบเหม่อ ไม่ตั้งใจเรียน
หนูต่ายไม่รู้หรอกว่า ตัวเองโดนนินทาจากผู้ปกครองและคุณครูว่าหนูต่ายเป็นเอ๋อ ปัญญาอ่อน สติไม่สมประกอบ
แต่คุณพ่อคุณแม่รู้ พี่เสือก็รู้ และทุกคนพยายามปกป้องน้องน้อยมาตลอด
"ฮ่าๆ ไอ้ตุ๊ดเอ๋อไม่มากับพี่แล้วรึไง ?" เสียงหัวเราะเยาะดังจากมุมห้อง คนพูดเป็นหัวโจกที่ไม่กินเส้นกับพี่เสือมานานแล้ว จัมโบ้นั่นเอง
กระต่ายไม่รู้ตัวว่าโดยหัวเราะเยาะ เจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพูดถึงตัวเองอยู่
"นั่งเถอะนะ" อ้อมพูด ไม่อยากให้เพื่อนใหม่สนใจกับพวกอันธพาล
กระต่ายน้อยยิ้ม นั่งตามคำเชิญ จัมโบ้เห็นกระต่ายไม่สนใจเลยเร่งเสียง เป่าปากล้อเลียน
"ทำเป็นไม่สนใจกูเหรอไอ้ตุ๊ด! ทำไมวะ ไม่ให้พี่มึงอัดตูดแล้วเหรอ อีต่ายตุ๊ด อีตุ๊ดต่าย ฮ่าๆๆ"
คราวนี้มีชื่อตัวเองอยู่ในนั้น เสียงโห่ฮาจากลูกสมุนก็ดังคับห้อง ทุกคนหันมามองกระต่ายน้อย
ใบหน้าขาวใสแดงก่ำด้วยความอับอาย
"ตุ๊ดต่ายเอ๋อ อัดถั่วดำๆๆ" ลูกสมุนร้องเป็นเพลง
"ระ เราไม่ใช่ตุ๊ดนะ!" หนูกระต่ายร้อง เสียงนั้นหวานใส ด้วยยังไม่โตเต็มที่นัก รู้ดีว่าเป็นคำด่า ถึงจะไม่รู้ความหมายก็ตาม
"เราไม่ใช่ตุ๊ดน๊ะะะะ" ใครคนหนึ่งในห้องล้อ เสียงโห่ฮาเลยดังขึ้นไปอีก
หนูกระต่ายกำมือแน่น เพราะทุกครั้งมีพี่ชายอยู่ด้วยมาตลอด พอเผชิญกับปัญหาแล้ว เลยไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร
แต่โชคดีที่คุณครูเต้กลับเข้ามาทันพอดี เลยจัดการสถานการณ์ได้ พวกจัมโบ้จึงยอมสงบปาก
แล้วคาบเรียนแรกของหนูกระต่ายที่ไม่มีพี่ชายก็เริ่มขึ้น
ทางด้าน ป.6/4 ของพี่เสือ
ทุกคนกลัวพี่เสือกันทั้งนั้น เพราะพี่เสือไม่ค่อยพูด ไม่สนิทสนมกับใครทั้งสิ้น ตาดุขวางเหมือนโมโหตลอดเวลา ยิ่งแยกกับน้องใบหน้าคมยิ่งบูดบึ้งเข้าไปใหญ่ คุณครูสมัยผู้สอนภาษาไทยเป็นคาบแรกจัดการสั่งให้พี่เสือไปนั่งกับเด็กหญิงใส่แว่นคนนึงชื่อนุช
พี่เสือนั่งตามคำสั่ง แต่ท่าทางแข็งกระด้างเหมือนหุุ่นยนต์
คุณครูสมัยถอนหายใจ เริ่มสอนวิชาภาษาไทย
คาบแรกของพี่เสือที่ไม่มีน้องเริ่มขึ้นด้วยบรรยากาศกดดัน
เพิ่งสอนได้ห้านาทีเท่านั้น เสียงดังปึงปังก็เล่นเอาคุณครูสมัยสะดุ้ง
พี่เสือขมวดคิ้ว อาจเพราะสัญชาติญาณหรือลางสังหรณ์ของฝาแฝดก็ไม่ทราบ พี่เสือไม่สนใจเพื่อนร่วมชั้นหรือคุณครู เขาตรงดิ่งไปยังห้อง 6/2 ทันที
ภาพตรงหน้าเล่นเอาพี่เสือฉุนขาด
น้องกระต่ายน้อยนั่งอยู่บนพื้น ตาแดงก่ำ พวกจัมโบ้ทำหน้าล้อเลียนอยู่ใกล้ๆ ข้างตัวน้องเป็นเด็กหญิงหน้าซีด คุณครูเต้กำลังปรามสุดความสามารถ
"ไอ้สัตว์!" เสียงก้องของพี่เสือดังเหมือนสัตว์คำรามด้วยความโกรธ จัมโบ้ชะงักกึก รสหมัดครั้งล่าสุดยังจำได้ขึ้นใจ
"มึงทำอะไรน้องกู!" ว่าพลางก้าวสามขุมไปยังสถานที่เกิดเหตุ หน้าทุกคนซีดเผือก ไม่เว้นแม้แต่ครูเต้
ทุกคนในโรงเรียนรู้ดี ถ้าหากพี่เสือโกรธ ผลจะบรรลัยขนาดไหน!
กระต่ายน้อยน้ำตาไหลอาบแก้ม ครางเสียงเบา "พี่เสือจ๋า"
พี่เสือคว้าเก้าอี้ขาเหล็กที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยมือข้างเดียว ขบกรามแน่น ใบหน้าถมึงทึงเหมือนเทพอสูร
ร่างสูงใหญ่เกินวัยนั้นก้าวไปประจันหน้ากับจัมโบ้ เล่นเอาจัมโบ้ตัวสั่นน้อยๆ
พี่เสือไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ทั้งห้องเงียบกริบ แม้แต่ครูยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
มือสีคล้ำของพี่เสือง้างเก้าอี้ขาเหล็กขึ้นสูง โยนทุ่มใส่จัมโบ้สุดแรง ไม่มีแม้แต่เสียงหอบออกจากร่าง
จัมโบ้ร้องเสียงหลง ลงไปกองนอนกับพื้น เลือดอาบศีรษะ
ไม่มีเสียงใดๆ ออกจากปากพี่เสือ แต่ดวงตานั้นบอกให้รู้ว่าพี่เสือฆ่าจัมโบ้ได้ และจะทำจริงๆ
ครูเต้ได้สติ รีบดึงร่างลูกศิษย์ออกมา
"ใจเย็นๆ เสือ!"
เสือปัดมือครูออก เงยหน้ามองด้วยดวงตาคู่คม ถึงส่วนสูงจะน้อยกว่า แต่ครูเต้เหมือนถูกบีบจนตัวลีบแบน
"เล่ามา" ลูกศิษย์สั่งเสียงเย็น "เกิดอะไรขึ้น ไม่งั้นกู... ผม... จะกระทืบไอ้จัมโบ้จนตาย" น้ำเสียงราบเรียบ โหดเหี้ยม ขณะอุ้มตัวน้องเข้าเอว ไม่สนใจสายตาใครทั้งนั้น
ครูหนุ่มกลืนน้ำอึ้ก เงยหน้าขึ้นมองรอบๆ สายตาสี่สิบคู่ของลูกศิษย์จ้องมองตัวเองอยู่
"จะมากไปแล้วนะจิรวัฒน์!" ครูสมัยที่ตามเสือมาร้อง เธอทันเห็นเหตุการณ์พอดี
"หุบปาก!" เสียงแฝดพี่กร้าว ดวงตาทอประกายวาบจนครูสมัยชะงัก
"ธะ...เธอทำให้ต่ายกลัวนะ!" เด็กหญิงอ้อมรวบรวมความกล้าพูดขึ้นมา
ชื่อนั้นเปรียบเสมือนคำสั่งสัตว์ร้าย ดวงตาเด็กหนุ่มอ่อนลง ก้มลงมองน้องน้อยที่ตัวสั่นเทา เม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาเอ่อล้นด้วยน้ำตา พี่เสือกอดร่างนั้นไว้แนบอก ลูบศีรษะเบาๆ
"ไม่เป็นไรแล้วนะ"
"พี่เสือเสียงดัง... น่ากลัว" หนูน้อยตอบเบาๆ พี่เสือยิ้มบาง
"พี่ขอโทษครับ"
ครูทั้งสองถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อดวงตาบ้าคลั่งของลูกศิษย์สงบลง ครูเต้รีบพาร่างจัมโบ้ไปส่งโรงพยาบาล ส่วนครูสมัยโทรแจ้งครูใหญ่
ร่างเหี่ยวย่นของครูภาษาไทยเดินนำเด็กแฝดที่จับจูงมือกันไปยังห้องครูใหญ่
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็พอกับร่างอ้วนกลมของครูปกรณ์กำลังเหงื่อตกอยู่ มีร่างเล็กของครูนพพร ครูสมัยอนุบาลของเด็กแฝดนั่งอยู่ตรงข้าม
"ดิฉันบอกแล้วว่าการแยกห้องเรียนของเด็กแฝดน่ะ เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด" ครูนพพรเอ่ยเสียงเขียว
"เอ่อ แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้น..." ครูใหญ่พูดขลาดๆ
"ครูใหญ่คะ เด็กแฝดมาแล้วค่ะ" ครูสมัยพูดแทรก ครูปกรณ์ถอนหายใจเฮือก
"มาๆ มีเรื่องกันจนได้สินะ..."
เด็กทั้งสองเงียบกริบ น้องชายดูหวาดกลัวคุณครู ส่วนพี่ชายกลับดูปกติ
"ต้องเรียกผู้ปกครองนะคะ" ครูสมัยเตือน
"อะ..." ครูปกรณ์ลูบศีรษะล้านอย่างขัดใจ นึกถึงที่มารดาฝาแฝดเอ่ยขึ้นแล้วหงุดหงิด แล้วยัง... บิดาของจัมโบ้เป็นผู้บริจาครายใหญ่เชียวนะ!
"ไม่ต้องหรอก แค่ทำโทษก็พอ"
"หา แต่อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บนะคะ!" ครูนพพรร้องเสียงหลง
"ไว้เราค่อยนัดให้ผู้ปกครองคุยกันอีกทีสิ ตอนนี้ต้องจัดการฝาแฝดก่อน" ครูปกรณ์พูด
"เล่ามาซิ" ครูสมัยสั่ง แต่ตัวเสือเองก็ไม่ได้รู้เรื่องมากไปกว่าครูสมัย ส่วนกระต่ายก็เอาแต่ร้องไห้จนพูดไม่รู้เรื่อง ครูสมัยเลยต้องไปตามเด็กหญิงอ้อมมาเล่าแทน
จากปากคำเด็กหญิงอ้อม จัมโบ้หยุดล้อเลียนกระต่ายเมื่อครูเต้ดุ ทั้งชั้นก็เริ่มเรียนกัน แต่เริ่มไปได้ไม่เท่าไหร่ จัมโบ้ก็เริ่มขว้างปายางลบบ้าง ไม้บรรทัดบ้างใส่กระต่ายแต่เจ้าตัวพยายามทำเป็นไม่สนใจ จัมโบ้เลยเริ่มหนักข้อขึ้น เขาขว้างพจนานุกรมเล่มหนาใส่ขณะที่คนตัวเล็กกำลังลุกไปแก้โจทย์บนกระดาน หากเป็นเด็กคนอื่นคงแค่จุกแล้วเซ แต่กระต่ายน้อยที่ไม่แข็งแรงแต่เดิมกลับล้มหน้าคว่ำ เป็นที่มาของเสียงตึงตังนั่นเอง ส่วนจัมโบ้เห็นกระต่ายล้มก็เงียบลงสักพัก ก่อนจะหัวเราะเป่าปากชอบใจ ไม่เห็นครูเต้อยู่ในสายตา เสียงล้มของกระต่ายทำให้พี่ชายที่อยู่สองห้องถัดไปรีบมาหาน้อง
ครูใหญ่กล่าวขอบใจเด็กหญิง แล้วหยิบไม้เรียวออกมาตัดสินโทษ
"ครูจะให้ความเป็นธรรม จิรนันท์โดนตี 10 ที ส่วนพี่ชายเธอเนื่องจากใช้ความรุนแรงจนทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ โดนตี 100 ที ทำความสะอาดห้องน้ำสองเดือน"
"แล้วจัมโบ้ล่ะคะ ?" เด็กหญิงอ้อมเอ่ยถาม
"ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง"
ไม่ใช่แค่เด็กในห้อง แต่สองคุณครูก็ตะลึงไปด้วย
"ไว้กลับจากโรงพยาบาลใช่ไหมคะ ?" ครูสมัยรีบถาม
ครูใหญ่ส่ายหน้าเหมือนไม่สนใจ รับปากส่งๆ "เออๆ"
"เอ้า มา!" ครูใหญ่ขยับพุง ลูบไม้เรียวรอท่า
พี่เสือก้าวออกมา พูดแข็ง "ตีผม 200 ที หรือจะพันครั้งก็ได้ แต่ห้ามตีกระต่าย"
"พี่เสือ! ไม่เอานะ!" กระต่ายร้อง รีบปราดมายืนบังพี่ชาย
"ต่าย!" พี่เสือดุ "หลบไป!"
ครูนพพรผู้เห็นสองพี่น้องแต่อ้อนแต่ออกเข้าใจดี เอ่ยเสียงอ่อนโยน "ครูใหญ่คะ ถือว่าดิฉันขอ น้องกระต่ายแกร่างกายอ่อนแอ ถ้าตีแกไปจนแกป่วย แกอาจจะอาการหนักกว่าจัมโบ้ก็ได้นะคะ"
ครูใหญ่เลิ่กลั่ก "งั้นฉันคงต้องตีแฝดพี่ 150 ที!"
"พี่เสือ!" กระต่ายร้อง แต่ครูสมัยกับครูนพพรรีบรั้งตัวไว้ พากลับไปยังห้องเรียน
พี่เสือกลับเข้าชั้นเรียนเมื่อบ่าย คุณครูใหญ่ลงโทษให้พี่เสืออดข้าวกลางวัน ขนาดโดนตีไป 150 ทีจนคุณครูใหญ่ข้อมือพลิก พี่เสือยังไม่ร้องไห้สักแอะ
น้องต่ายกินอะไรไม่ลง พอหัวโจกอย่างจัมโบ้ไม่อยู่ ในห้องก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้ารังแกกระต่ายน้อยอีก
"กินอีกหน่อยสิ" อ้อมชวน พลางตักลูกชิ้นใส่จานข้าวเพื่อนใหม่
กระต่ายกลืนอะไรไม่ลง ในสมองมีแต่พี่เสือโดนตี
...พี่เสือเจ็บ...แต่ด้วยนิสัยปฏิเสธใครไม่เป็นทำให้ต่ายน้อยยอมกลืนลูกชิ้น
พี่เสือจ๋า... หนูขอโทษ...ออดเข้าเรียนแล้ว น้องต่ายไม่ทันเห็นพี่เสือเข้าห้องจึงได้แต่นั่งร้อนรน
คุณครูเริ่มสอนวิชาภาษาอังกฤษได้ไม่ทันถึงสิบนาที ก็ปรากฏร่างโตๆ ของพี่เสือยืนอยู่หน้าห้อง
"เอ่อ... จิรวัฒน์ ?" ชื่อเสียงของพี่เสือร้ายกาจไม่แพ้จัมโบ้ทีเดียว
พี่เสือไม่ตอบคำครู แต่ก้าวอาดๆ มากลางห้อง ฉุดข้อมือฝาแฝดลุกท่ามกลางสายตางุนงงของคุณครูและเพื่อนๆ
"เดี๋ยว! เธอจะทำอะไรจิรนันท์!" คุณครูรีบเข้ามาปราม พี่เสือแค่เงยหน้าตอบเรียบๆ
"ผมจะเอาน้องต่ายไปเรียนด้วย"
"อะ อะไรนะ..."
"ปล่อยน้องต่ายไว้ เดี๋ยวน้องโดนรังแก"
"หยุดนะ! เธอทำอย่างนั้นไม่ได้! จิรนันท์เรียนห้องป.6/2!"
พี่เสือขมวดคิ้ว ยอมปล่อยข้อมือน้องแต่โดยดี แล้วออกจากห้องไป
คุณครูถอนหายใจเฮือก นึกว่าจะมีคดีความกันเสียแล้ว
บรรยากาศภายในห้องกลับเข้าสู่การสอนไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มีเสียงโครมครามตามทางเดินมา
"เฮ้ย!" คุณครูอุทานจนชอล์กร่วง
พี่เสือเทินโต๊ะเรียนไว้บนศีรษะ อีกมือลากเก้าอี้มาด้วย
"จีราว๊าดดดดดดดด เธอทำอะไร้!!!!!" คุณครูประจำห้องป.6/4 กรีดร้องมาตามทางเดิน ท่าทางเหมือนคนประสาทเสีย
พี่เสือไม่สนใจใครทั้งนั้น ลากเก้าอี้เข้าห้องป.6/2 ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึง
"เธอ หลีกหน่อย" เขาสะกิดอ้อมที่นั่งข้างๆ น้องชาย
เด็กหญิงลุกให้อย่างงงๆ
เด็กชายจิรวัฒน์ยกโต๊ะเก่าออกราวกับมันทำด้วยนุ่น วางโต๊ะตัวเองแทนที่ ตบท้ายด้วยเก้าอี้ ก่อนจะนั่งลงอย่างสงบ
คุณครูประจำห้องป.6/2 วิ่งหน้าเริ่ดเข้ามา มือทึ้งผมตัวเอง
"เธอคิดว่าตัวเองทำอะไรน่ะ จิรวัฒน์!!"
"ครูคนนี้" พี่เสือชี้ไปที่ครูประจำวิชาของห้องน้องต่าย "ไม่ให้น้องย้ายไปห้องผม"
สองคุณครูสาวเหมือนจะกรี๊ดลั่น ถามเสียงสั่นว่า
"ละ แล้วเธอทำอะไร ?"
"ผมเลยย้ายตัวเองมาห้องน้อง" ตอบสั้นๆ เรียบๆ ไม่มีร่องรอยการกวนโทสะ เล่นเอาผู้ใหญ่ถึงกับตาตั้ง
ต่อข้างล่างนะคะ >>