ใต้คลื่นสีฟ้า
ณ ที่แห่งหนึ่งห่างไกลจากพื้นดิน ห่างไกลจากชุมชนมนุษย์ ผืนฟ้าสีฟ้าตัดกับน้ำทะเลทอประกายระยิบระยับตามต้องแสงแดดยามบ่ายลึกลงไปใต้ท้องทะเลสีฟ้าครามเหล่าฝูงปลาแหวกว่ายท่ามกลางกระแสน้ำอุ่นอย่างร่าเริง บ้างว่ายวนเวียนไปมาเป็นฝูง สร้างเส้นริ้วราวกับแพรไหมยามต้องลม บ้างมุดไปหลบซ่อนในปะการังหลากสียามเมื่อมีศัตรูตัวฉกาจเข้าใกล้ ถามว่าศัตรูจำพวกไหนน่ะหรอ
ปลาฉลามน่ะสิ! ศัตรูตามธรรมชาติ คู่อาฆาต คู่เวรคู่กรรม
เมื่อฉลามมาพวกปลาตัวอื่น ๆ ก็หลบเข้าไปแอบอยู่ในปะการัง ตัดภาพมาที่ตัวผม ครีบสั่นขวัญแขวนหมด! ดูทรงปะการังแล้วไม่มีทางที่ตัวผู้ร่างบอบบางแบบผมจะยัดตัวเข้าไปหมด เลยได้แต่เอาตัวมุดใต้ผืนทรายนุ่มช่วยพรางตัวไว้แทน
ถามว่าผมเป็นตัวอะไรน่ะหรอ... เอ ผมรูปร่างดีเชียวล่ะ ตัวบาง ๆ ผมมีหางแหลมยาวมากเหมือนพ่อกับแม่ซึ่งบางทีมันก็น่ารำคาญอยู่หน่อย ๆ อ่านะ แล้วที่สำคัญคือผมมีครีบพลิ้วไหวเหมือนปีกนกด้วยล่ะ อ๊ะ ที่รู้ว่าเหมือนปีกนกเพราะเคยหนีแม่ขึ้นไปดูวิวเหนือผิวน้ำน่ะสิ แม่บอกว่าเราเป็นปลากระเบนนก เพราะได้ยินปลากระเบนอาวุโสบอกมาว่ามนุษย์เรียกพวกเราแบบนั้น
แล้วสาเหตุที่ทำไมผมต้องหวั่นวิตกเมื่อเจอฉลามน่ะหรอ... ก็ฉลามพวกนี้ไม่ใช่ฉลามธรรมดา แต่เป็นฉลามหัวปูดที่มีก้อนอะไรไม่รู้พาดขวางตรงหน้าทำให้หน้าดูยาวแปลก ๆ ไอ้เจ้าพวกนี้มันยิ่งชอบกินปลากระเบนแบบพวกผมเป็นอาหารด้วยน่ะสิ
ฮือ ผมเกลียดพวกมันที่สุดเลย!
ทุก ๆ วันพวกผมที่ว่ายรวมกันเป็นฝูงจะต้องมีตัวใดตัวหนึ่งหรือหลายตัวที่โดนพวกมันงาบไปกินเป็นมื้อเที่ยง วันก่อนนู้นพี่ชายที่เพิ่งรู้จักกันก็เพิ่งโดนมันจัดการไปซะ เมื่อวานพ่อผมก็เกือบโดนมันจัดการแต่ดีว่าพ่อเก่งเลยใช้หางที่แหลมคมเป็นอาวุธป้องกันด้วยก่อนแผ่นแน่บหนีมาได้ กลับมาก็ย้ำอยู่นั่นแหละว่าถ้าเจอพวกมันให้รีบแผ่นให้เร็วที่สุดก่อนจะโดนกิน
ไม่อยากจะคิดภาพว่าถ้าเป็นตัวเองนี่คงเละแบบเหลือแต่หางแน่นอน ผมมันพวกไม่เหมือนชาวบ้าน ร่างกายไม่แข็งแรง อ่อนแอ เซ่อ ๆ ซ่า ๆ เป็นปลากระเบนจืดชืด ทำไมผมอยู่รอดได้ถึงทุกวันนี้ก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกัน ฮึก
นอกจากพวกปลาฉลามพวกนั้น พ่อกับแม่เล่าให้ฟังว่าหลายปีมานี้มีสัตว์ประหลาดบนผิวน้ำออกอาละวาด มันตัวใหญ่มาก ไม่มีหน้าไม่มีตา ลำตัวยาวใหญ่ราวกับปลาวาฬ มันทำให้ผิวน้ำปกคลุมไปด้วยสีดำทะมึน สัตว์ประหลาดพวกนี้มีหนวดที่ใหญ่มาก มันเป็นช่อง ๆ รู ๆ หลายร้อยรูคอยดักไม่ให้พวกเราหนีไปมัน จากนั้นมันก็ลากปลาทั้งหลายที่ว่ายหนีไม่ทัน แล้วดึงขึ้นไปเหนือผิวน้ำ ปลาหลายร้อยตัวหายสาบสูญไป
ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันหายไปที่ไหน แต่ทุกตัวที่เคยเห็นเหตุการณ์แล้วกลับมาเล่าให้ฟังต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกมันถูกลากขึ้นไปเหนือผิวน้ำที่นั่นมีปลาทุกตัวที่ติดมาด้วยกันดิ้นไปมาอย่างทุรนทุรายแทบขาดอากาหายใจ ตัวที่ทนไม่ไหวก็ตายเป็นกองสูง พวกที่รอดกลับมาคือมันพยายามดิ้นกระเสือกกระสนจนตกลงมาในทะเล แล้วกลับมาเล่าปากต่อปากว่าถ้ายังอยากมีชีวิตรอด เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดเหนือท้องทะเลมาให้รีบหนีไปให้ไกลที่สุด
หลายครั้งที่ผมแอบนึกน้อยใจสงสัยว่าผมจะเกิดมาทำไมนะ ต้องอยู่เป็นปลากระเบนไปวัน ๆ แบบนี้น่ะหรอ ไม่เห็นสนุกเลยชีวิต วัน ๆ วนเวียนอยู่กับการนอน กิน หาอาหารและหลบหนีไม่ให้ไปเป็นอาหารผู้ล่าตัวอื่น รวมทั้งต้องพยายามหนีจากพวกสัตว์ประหลาดอีก วงจรก็มีอยู่แต่แบบนี้แหละ
เป็นไงชีวิตผม น่าตื่นเต้นดีมั้ยล่า
โอ๊ะ! เจ้าฉลามมันว่ายไปจัดเหยื่อการตัวอื่นแทนผมแล้ว งั้นก็ออกจากทรายนี่ได้สักที
ว่าแล้วก็หิวแล้วง่า คุณหอย คุณกุ้ง คุณปู ขอผมกินหน่อยน้า
งั่ม~
อา เจ้าปลาน้อยของผม วันนี้ก็น่ารักเหมือนเดิมอีกแล้ว
ผมหลบอยู่หลังหินก้อนใหญ่ มีปะการังหลากสีช่วยพรางสายตา ฝูงปลาเล็กปลาน้อยทั้งหลายต่างตัวสั่นแล้วรีบพากันว่ายหนีไปอย่างรวดเร็วเมื่อผมเข้ามาหลบอยู่ตรงนี้
ผมจ้องมองไปที่ปลากระเบนร่างบางที่กำลังง่วนกับการไล่จับบรรดาสัตว์ตัวเล็กที่อาศัยอยู่บนพื้นทรายใต้ทะเลเป็นอาหาร ร่างสีขาวนวลตาตัดกับสีเทาแต้มลายกลมสีขาวทำให้ดูมีเสน่ห์ ดวงตากลมโต จมูกเล็กและปากด้านล่างยิ่งทำให้ดูน่ารักขึ้นเหมือนกับเป็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับอยู่เสมอ ยามเมื่อร่างบางแหวกว่ายครีบทั้งสองข้างขยับขึ้นลงช้า ๆ ท่ามกลางสายน้ำสีฟ้าครามเหมือนกับปีกนกที่โผบินบนท้องฟ้ายิ่งชวนให้ดูน่าหลงใหล ยากที่จะละสายตาไปได้ ยิ่งตอนกำลังก้มหน้าตั้งใจกับการกินยิ่งน่ารักน่าเอ็นดูจนอยากจะว่ายเข้าไปฟัดแก้มกลม ๆ กับครีบที่ขยับไปมาอย่างมีความสุขนั่นตอนนี้เลย
จะว่าผมมันเป็นไอ้บ้าขี้ขลาดก็ได้ ถึงแม้ว่าจะเก่งกับเรื่องอื่นจะอย่างเก่งก็เถอะ
แหม ใครมันจะกล้าว่ายเข้าไปบอกกับน้องเขาตรง ๆ ว่า ผมชอบคุณนะ คุณดูดีมากเลย แค่คิดก็
ขนลุกแล้ว เจ้าตัวเล็กนั่นคงกลัวจนว่ายไปร้องไห้กับพ่อจ๋าแม่จ๋าแน่ ๆ
ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นซะหน่อย เป็นแค่ฉลามน้อยน่ารักน่าเอ็นดูเท่านั้นเอง ฮือ
...เอ่อ จริง ๆ ก็ไม่ได้น่าเอ็นดูเท่าไหร่หรอก ยอมรับอย่างลูกผู้ชายเลยว่าตระกูลผมมันหน้า...แปลก เพราะนอกจากตัวโตเทอะทะแล้ว ตระกูลพวกผมมันมีคำสาปเป็นไอ้ก้อนบ้า ๆ อะไรก็ไม่รู้ งอกออกมาพาดตรงหน้า ตาขวาอยู่ข้างนึง ตาซ้ายอยู่อีกข้าง ทำให้หน้าดูโคตรตลกเลย (จริงๆ ก็ไม่เคยเห็นหน้าตัวเองหรอก แต่หน้าพ่อแม่พี่น้องผมเป็นแบบนี้เหมือนกัน หน้าผมก็คงตลกแบบนั้นเหมือนกันแหละ เฮ้อ) แล้วรู้มั้ยว่ามันลำบากมากเลยนะ แถมยังเกะกะชิบ! ไหนจะฟันแหลมคมพวกนี้อีก ใครมันจะกล้าเสนอหน้าไปยิ้มหล่อโชว์ฟันกันวะ!
แล้วนอกจากเรื่องหน้าตา ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ...ตระกูลผมกับตระกูลน้องมันเป็นศัตรูกันตามธรรมชาติ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนกำหนด แต่ฉลามแบบพวกผมนี่โคตรชอบกินเนื้อปลาพวกเดียวกับน้องมันเลย ให้ตายสิ!
เจ้าพวกนั้นยังมีหน้ามาบอกว่าผมมันเป็นพวกประหลาดแหกคอก ที่ไม่ยอมล่าเนื้อที่แสนอร่อยหวานฉ่ำมากิน ไม่ให้เรียกว่าโง่ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว แถมยังมีหน้าไปขู่ไม่ให้บรรดาพรรคพวกไปล่าเอาน้องมากินอีกต่างหาก
จะว่าไป ผมก็อยากลองกินน้องเหมือนกันแหะ
แต่อยากลองกินในความหมายอื่นอ่านะ
ดูแล้วน่าจะต้องหวานมากแน่ ๆ หึหึ
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันธรรมดาของปลากระเบนน้อยแบบผม
ชีวิตก็ยังคงเหมือนเดิมเหมือนทุกวันตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาเกือบปี
กิน กิน ว่ายไปมาให้อาหารย่อย แล้วก็กลับมากินต่อ
อา จะว่าผมเป็นปลากระเบนเห็นแก่กินก็ได้ แหม จริง ๆ ต้องกราบขอบคุณพวกคุณปู คุณกุ้งที่เสียสละยอมให้ผมกินเป็นอาหาร ยิ่งคุณกุ้งนะ ของโปรดผมเลย!
ถามถึงพ่อกับแม่น่ะหรอ นู่น ว่ายจู๋จี๋ไปเที่ยวกันอยู่สองตัว ไม่สนใจลูกเต้าแล้วปล่อยให้ผมว่ายรวมอยู่กับฝูงอย่างไม่มีอะไรทำนอกจากว่ายน้ำเล่นแล้วก็กลับมาหาอะไรกิน วันนี้ฝูงของพวกผมว่ายไปเที่ยวเล่นเกือบ ๆ ผิวน้ำ บางตัวที่เก่งหน่อยก็ชวนกันกระโดดโผขึ้นไปสูงเหนือผิวน้ำอย่างสนุกสนาน ส่วนผมนั้นทำได้แค่ชูหน้าเหนือผิวน้ำมองดูพวกเขากระโดดเล่นกันอยู่แบบนั้นแหละ ทำไงได้ ก็ผมมันกระโดดไม่ขึ้นนี่นา มองพุงขาวตัวเองแล้วก็อนาถใจ ถ้าให้เลือกการกระโดดไปบนท้องฟ้ากับการกิน ยังไงผมก็เลือกอย่างหลังอยู่ดีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย!
วันนี้อากาศดีมากท้องฟ้าแจ่มใสเป็นสีฟ้าสด มีเมฆก้อนสีขาวปุกปุยลอยอยู่ ซึบซับภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักเพราะปกติพวกผมจะอยู่ใต้น้ำทะเลลึก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่นานก็จะว่ายขึ้นมาแบบนี้บ้าง ผมว่ายช้า ๆ พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะหันไปเห็นเจ้าก้อนกลม ๆ สีเทาลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ที่ค่อย ๆ ใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้น ผิวน้ำที่เคยมีเพียงระลอกคลื่นกับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนบางอย่าง มาพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่ดีบางอย่างพุ่งขึ้นมา ผมและตัวอื่น ๆ รีบมุดตัวเองลงใต้ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว
ครืนนน
นั่นมันบ้าอะไร!
สัตว์ประหลาดสีดำทะมึน รูปร่างใหญ่โตมโหฬารเหมือนที่เคยได้ยินค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ลำตัวของมันค่อย ๆ ใหญ่โตขึ้น สีดำเข้มตัดกับสีของท้องฟ้าและน้ำทะเลอย่างชัดเจน มันเคลื่อนที่ฝ่ากระแสน้ำทำให้ใต้ผิวน้ำเริ่มปั่นป่วนเพราะมีเจ้าสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนใบหมุนตัวโตที่มาด้วยกัน
ผมรีบว่ายดิ่งลงมาใต้ผิวน้ำอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ว่ายได้ พร้อมกันนั้นก็มีปลาหลายตัวที่เริ่มรู้สึกและว่ายตามกันลงมา รอบข้างรู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนวุ่นวายเป็นอย่างมาก ผมว่ายดำดิ่งลงมาหลบอยู่ที่ด้านหลังก้อนหินปะการังที่มีโพรงใหญ่แอบมองพวกมันจากระยะไกล พลางซุ่มมองทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเริ่มสับสน
สัตว์ประหลาดตัวโตพ่นหนวดแปลกประหลาดออกมาใต้พื้นน้ำ เจ้าหนวดนี้มันพุ่งลงมารอบด้านกันให้สัตว์น้ำตัวเล็กตัวใหญ่ทั้งหลายที่ว่ายอยู่บริเวณนั้นหนีไม่ทัน พวกมันไม่สามารถหาทางออกได้และยิ่งว่ายวนไปมาด้วยความสับสนและตื่นตระหนกตัวอื่น ๆ ที่อยู่ด้านนอกพยายามหาทางช่วยเหลือพวกมันออกมาแต่ก็สุดความสามารถ ใต้พื้นน้ำเต็มไปด้วยความอลหม่าน เสียงร้องระงมของสัตว์ทั้งหลายชวนให้ผมรู้สึกแย่
พวกมันร้องโหยหวน ร้องไห้ ตะโกนแข่งกันระงม เพียงเวลาแค่ไม่นานสัตว์ประหลาดสามารถดักปลาจำนวนมากไว้พร้อมทั้งค่อย ๆ ลากพวกเขาทั้งหมดขึ้นสู่ผิวน้ำ ทุกอย่างเริ่มเงียบลง ไม่มีเสียงใด ๆ ... ผมเห็นแค่ภาพที่ทุกตัวมองตามด้วยความเศร้าโศก...
เรารู้...ว่าพวกเขาจะไม่มีวันกลับมาอีก
เมื่อทุกอย่างเริ่มสงบลง ผมมองเจ้าสัตว์ประหลาดที่ยังคงทอดกายเหนือผิวน้ำอยู่นิ่ง ๆ หลังจากที่มันกินปลาทั้งหลายไปเป็นจำนวนมาก จากนั้นผมก็นึกขึ้นได้จึงมองไปรอบตัว ผมยังมองไม่เห็นเงาของพ่อกับแม่!
ผมรีบว่ายออกมาจากที่ซ่อน ว่ายขึ้นมาด้วยความเร็วเท่าที่ครีบทั้งสองจะรับไหว
ในใจเกิดความรู้สึกกลัวสุดขีด ผมกลัวที่จะสูญเสียครอบครัวไป ผมไม่อยากอยู่คนเดียว
ผมว่ายขึ้นไปเกือบใกล้ถึงเจ้าสัตว์ประหลาด แต่มันยังคงนิ่งสงบทำให้ผมพอรวบรวมความกล้าไว้ได้ ก่อนจะว่ายวนสอดส่ายสายตามองหาพ่อกับแม่ ครั้งสุดท้ายก่อนที่เจ้าสัตว์ประหลาดจะมาผมเห็นพ่อกับแม่ว่าย อยู่เหนือผิวน้ำบริเวณนี้ ผิดที่ผมเองที่ไม่ทันได้สังเกต ผมหาพวกเขาไม่เจอ
ตู้ม!
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงดังบริเวณไม่ไกลจากตัวเอง เมื่อหันไปมองพบว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวเดิมเริ่มอาละวาดอีกครั้ง มันคงยังไม่อิ่ม หนวดยักษ์พุ่งลงมาจากเหนือผิวน้ำเหมือนดังเช่นครั้งแรก ผมได้แต่นิ่งตะลึงอยู่กับที่เนื่องจากทำอะไรไม่ถูก มันเริ่มใหญ่ขึ้นช้า ๆ จนบดบังสายตาทำให้เห็นท้องน้ำตรงหน้าเป็นเส้น ๆ พาดขวางไปมาทำให้ผมไม่สามารถฝ่ามันออกไปได้
พ่อฮะแม่ฮะ เหมือนผมกำลังจะได้ตามพ่อกับแม่ไปเดี๋ยวนี้แหละ…
ผมค่อย ๆ ก้มตัว ยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง อย่างน้อย ๆ ผมก็ไม่ได้อยู่ตัวเดียว ยังมีปลาเล็กปลาใหญ่อีกฝูงที่กำลังจะหายไปพร้อมกับผมด้วย เดี๋ยวผมก็คงเจอพ่อกับแม่แล้ว
ทันใดนั้นผมรู้สึกเหมือนถูกดึงกระชากออกก่อนที่จะเจ้าหนวดประหลาดจะไหวตัวทันลากผมขึ้นไปกิน เมื่อลืมตาขึ้นผมเห็นพ่อกับแม่มองมาด้วยสายตาเป็นห่วง แม่ดูเศร้ามากแต่ก็ยิ้มดีใจที่เห็นผมปลอดภัย ส่วนพ่อนั้นผมแทบแยกไม่ออกว่าโมโหหรือเป็นห่วงมากกว่ากัน พวกเขาคงจะว่ายไปแอบอยู่ที่ไหนสักที่ก่อนจะตามผมขึ้นมาทีหลัง
พ่อกับแม่มาช่วยผม! พวกเขาไม่ได้ถูกจับขึ้นไปตั้งแต่รอบแรก
ผมโล่งใจที่เห็นพวกเขายังอยู่ แต่ทำไมพวกเขาไปอยู่ตรงนั้นแทนผมล่ะ
แม่ยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่ดูก็รู้ว่ามีสีหน้ากังวลใจ แม่คงเป็นห่วงผมมาก แน่ล่ะ พ่อก็เหมือนกัน พ่อดูโกรธน้อยกว่าตอนแรก ตอนนี้เขาทำหน้าโล่งใจที่เห็นผมปลอดภัย
สัตว์ประหลาดยักษ์เริ่มขยับกายอีกครั้ง มันค่อย ๆ ขยับลากเหยื่อขึ้นไปอย่างช้า ๆ
ผมนิ่งค้าง มองเห็นร่างพ่อกับแม่ค่อย ๆ ลอยขึ้นไป
ทั้งคู่ติดอยู่ในนั้น ...ทั้งคู่มองผม ยิ้มให้ผม
ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยเสียงแผ่วเบาผ่านมากับสายน้ำ
หนีไป อย่าลืมดูแลตัวเองดี ๆ
พ่อกับแม่รักลูกนะ ทำไมต้องทิ้งผมไว้ที่นี่
...ทำไมให้ผมอยู่ตัวเดียว
วันนี้เจ้าปลาน้อยของผมดูไม่ร่าเริง
ปกติเมื่อลงมาที่ผืนทรายด้านล่างเจ้าปลาน้อยจะชอบทำตัวน่ารักโดยกินเหล่าสัตว์เล็ก ๆ ทั้งหลาย พลางทำหน้าเหมือนมีความสุขเสียจนผมรู้สึกเหมือนจะอิ่มไปด้วย แต่วันนี้เขากลับดูเหมือนร่างที่ไม่มีชีวิต เขาทิ้งตัวลงนอนนิ่ง ๆ บนผืนทรายอยู่อย่างนั้นเงียบ ๆ ผมรู้สึกเหมือนกับเขาสูญเสียอะไรไป ไม่ร่าเริง ไม่มีชีวิตชีวา ดูราวกับว่าจะแตกสลายไปได้ทุกเมื่อ แต่ภาพตรงหน้าก็สะกดให้ผมเผลอแอบจ้องดูอย่างหลงใหลเช่นเคย
เขานอนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนเวลาผ่านไปนานจนผมรู้สึกได้
กินอะไรไปบ้างหรือยังนะ เป็นห่วงจัง
“เฮ้ย ว่าไง มาซุ่มดูอะไรตรงนี้ฮะมึง” เสียงแหบประหลาดดังขึ้นจากด้านหลัง ไม่ต้องหันไปมองผมก็เห็นว่าเป็นปลาฉลามตัวหนึ่งในฝูงที่ผมไม่รู้จักเพราะไอ้เจ้าตาสองข้างที่อยู่ห่างกันนี่แหละทำให้มองเห็นได้เกือบทั่วทั้งตัว
“เรื่องของกูน่า”
“โอ๊ะ! เหยื่อนี่นา ท่าทางน่าอร่อย แถมนอนนิ่งๆ ดูว่าง่ายเชียว” มันว่าเสียงเหี้ยมก่อนแสยะยิ้มเผยให้เห็นเขี้ยวคม
“อย่ายุ่งกับตัวนี้ นี่ของของกู!”
“จะเก็บไว้กินเองคนเดียวว่างั้น ไม่คิดจะแบ่งเพื่อนฝูงเลยนะไอ้นี่”
“เออ! รู้แล้วมึงก็ไสหางกลับไปหาตัวอื่นมากินซะ!” ผมว่าอย่างหัวเสีย หงุดหงิดที่เจอมันกวนประสาท อีกอย่างผมไม่รู้จักมันสักหน่อยเป็นแค่ไอ้พวกปลายแถวทำกร่างยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นเพื่อน เฮอะ ตลก
“แล้ว....ทำไมกูต้องฟังมึงด้วยวะ!”
สิ้นคำมันก็พุ่งตัวว่ายออกไปด้วยความรวดเร็วจากหลังโขดหินที่ผมใช้ซุ่มดูเจ้าปลาน้อยอยู่
ผมตกใจค้างไปชั่วครู่จากนั้นรีบตั้งสติว่ายพุ่งตามออกไปทันทีด้วยความเป็นห่วง บ้าชิบ! ถ้าเจ้าปลาน้อยของผมเป็นอะไรไปนะมึง กูกัดยับแน่!
ผมลงมานอนนิ่ง ๆ ใต้พื้นทราย ปล่อยให้เวลาและกระแสน้ำไหลผ่านตัวไป
รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ ทุกอย่างมันวูบโหวงไปหมดจนไม่อยากจะทำอะไร
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหน จนกระแสน้ำรอบตัวผมเริ่มรู้สึกปั่นป่วน
เมื่อหันตัวไปมองด้านข้าง ลมหายใจผมต้องสะดุดทันทีที่เห็นปลาฉลามตัวโตกว่าผมเกือบสองเท่าว่าย พุ่งมาด้วยความรวดเร็ว! แค่ตัวเดียวก็สามารถฉีกให้ผมกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อได้แล้ว นี่ยังอุตส่าห์พาเพื่อนมาด้วยอีกตัว! ผมเห็นภาพเพื่อนตัวอื่นที่เคยถูกฉลามจับกินทันที
ทางรอดหรอไม่ต้องพูดถึง หวังว่าการถูกกินมันคงจะไม่เจ็บมากนะ
ผมค่อยๆ ปิดตาลง ยอมรับชะตากรรม...
พ่อฮะ แม่ฮะ ผมขอโทษที่รักษาสัญญาไม่ได้
เหมือนผมจะได้ไปอยู่กับพ่อและแม่แล้วนะ
อ่า... ทำไมยังไม่รู้สึกเจ็บล่ะ
ผมรับรู้ได้ถึงกระแสน้ำรอบตัวที่ปั่นป่วนขึ้นกว่าปกติ น่าจะมาจากฉลามทั้งสองตัวนั้น อีกทั้งรู้สึกได้ว่า เหมือนมีฝุ่นทรายและเศษหินเล็กๆ กระจัดกระจายมาโดนตัวราวกับทั้งสองตัวนั้นกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดแล้ว..จะมาสู้กันข้าง ๆ ผมทำไม หรือจะแย่งชิงอาหาร ใครชนะคนนั้นได้ผมไปกิน
เข้าใจแล้ว ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ เลย
เวลาผ่านไปสักพักจนทุกอย่างเริ่มสงบลง ก็ยังคงไร้วี่แววถึงความเจ็บปวดที่คิดว่าจะเกิดขึ้น
แล้ว...สรุปว่านี่ผมตายแล้วหรือยังเนี่ย หรือว่าเวลาตายมันจะไม่เจ็บปวดเลยสักนิด
ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ภาพที่เห็นยิ่งทำให้ร่างกายตื่นตะลึงและตัวสั่นหนักกว่าเดิม
ฉลาม! ฉลามตัวโตกำลังจ้องหน้าผม! ใกล้มาก! ใกล้ไปแล้ว หัวรูปร่างแปลกประหลาดห่างจากหน้าผมเพียงแค่ไม่เท่าไร อีกนิดปากนี่จะทิ่มหน้าผมแล้วนะ
แง จะกัดก็กัดเลยเซ่ อย่ามากดดันกันนะ!
“นี่” เสียงทุ้มจากร่างเหนือหัวดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งสุดตัวแล้วก้มตัวหนี ฮือ กลัวแล้ว
“ตัวเล็กเป็นอะไรหรือเปล่า”
... เอ๊ะ จะถามทำไม จะกินก็กินเลยสิ
“เอ่อ..บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เสียงจากร่างด้านบนกว่ายังคงถามย้ำ นี่มันไม่น่าใช่แล้วนะ
ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองดูปลาฉลามตัวโตด้วยความงุนงง
“....ไม่กินหรอ”
“ฮะ! กิน? กินอะไร”
“กินผมไง” ก็มีเหยื่ออยู่ตรงหน้านี่ไง อุตส่าห์ยอมทำใจพลีชีพแล้วนะ
“อ๋อ ยัง..” เขาตอบแล้วแสยะยิ้ม... น่า เอ่อ ขนลุก
“ยังไม่กินตอนนี้?”
“ยังไงก็ไม่กินหรอก” ยังคงแสยะยิ้มอยู่
“จะเก็บไว้กินทีหลังหรอ”
“ตอนไหนก็ไม่กินทั้งนั้นแหละ”
สรุปว่าผมจะเชื่อเขาได้มั้ยเนี่ย!
“ตกลงว่าไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ย เมื่อกี้นายคงตกใจแย่เลย” ไม่พูดเปล่าฉลามว่ายวนไปมารอบตัวผม พลางใช้สายตาเหมือนกำลังจับจ้องเหยื่อมองสำรวจผมทั้งตัว
นี่จะมองหาบาดแผลหรือจะหามุมเล็งว่าจะงับผมตรงไหนดี!
“เอ่อ... ฮะ”
“ไม่มีแรงหรอ เห็นยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า หิวหรือเปล่า รอที่นี่เดี๋ยวนะ ห้ามไปไหน อย่าขยับ เดี๋ยวมา” เขาถามคำถามมาเป็นชุดพร้อมทั้งพูดเองเสร็จสรรพ จากนั้นก็ว่ายออกไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้ผมนิ่งอึ้งอยู่บนพื้นทรายแบบงง ๆ
ฉลามประหลาด...
แต่จะให้ว่ายหนีไปตอนนี้ก็ไม่มีแรงแล้ว ไม่น่าอดอาหารเลยโว้ย แง
ฉลามตัวโตหายไปสักพักก่อนจะกลับมา เขาว่ายเข้ามาใกล้ผมก่อนจะวางบรรดาคุณกุ้งกับคุณปูของโปรดลงบนพื้นทรายตรงหน้า พลางพยักหน้าประหลาด ๆ เหมือนจะให้ผมกินพวกมัน
นี่กะจะขุนให้ผมตัวโตก่อนสินะ!
ก็ได้ อย่างน้อยผมก็ได้กินของอร่อยก่อนตาย
“ไม่กินหรอ กินสิ ของโปรดนี่... ถ้าไม่กินเราจะกินแล้วนะ”
ผมเริ่มตัวสั่นอีกครั้งเมื่อรับรู้ได้ว่ากำลังจะถูกกิน ในที่สุดก็เผยธาตุแท้แล้วสินะ ฉลามบ้า!
“อ้า~”
ผมมุดทรายหนี เห็นภาพฉลามตัวโตกำลังอ้าปากกว้าง ฟันแหลมคมกำลังจะเข้ามาฉีกกระชากครีบของผมออกเป็นชิ้น ๆ
“จะหนีทำไมเนี่ย เอ้า อ้าปาก จะป้อน”
ฮะ! ตกใจรอบสอง ที่จะกินนี่คือหมายความว่าให้เรากิน?
“เร็ว ๆ อ้าม”
ภาพฉลามตัวโตคาบกุ้งตัวเล็กไว้ในปากจ่อมาใกล้ปากผม ตัวไหนมันว่ายผ่านไปผ่านมาคงจะงงน่าดู เอ่อ.. ผมก็งงเหมือนกัน แต่ก็ยอมอ้าปากรับกุ้งมากินแต่โดยดี
สารภาพว่าตอนแรกก็กะจะอดอาหารจะได้ตาย ๆ ไปซะอยู่หรอก
แต่พอเห็นหน้าฉลามนี่ ไม่รู้ทำไมถึงยอม อา... ผมน่าจะเสียสติไปแล้วแน่ ๆ
หรือเพราะแพ้กุ้งที่เขาป้อนมากันนะ ไม่สิ คงเพราะท้องผมมันประท้วงที่ผมไม่ยอมแตะอาหารเลยห่างหาก
หลังจากที่กินไปได้สักพักจนร่างกายรู้สึกดีขึ้น สมองน้อย ๆ ของผมก็เริ่มประมวลผลหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตรงหน้านี้ คำสอนของพ่อกับแม่ลอยเข้ามาย้ำอยู่เสมอว่าให้อยู่ห่างจากฉลาม อีกทั้งถ้าจะตายจริง ๆ ให้เลือกได้ผมก็อยากตายไปตามอายุขัยมากว่าต้องมาตายอย่างทรมานเพราะความเจ็บปวดล่ะนะ
ผมค่อย ๆ เงยหน้ามองฉลามตัวโตตรงหน้า แล้วเอ่ยออกมาเสียงเบา “เอาอีก”
เจ้าฉลามทำตาโตแล้วดูเหมือนตื่นเต้นดีใจที่เห็นผมยอมกินอาหาร เขากำชับผมให้อยู่นิ่ง ๆ ที่เดิมอีกครั้งก่อนที่จะหันตัวว่ายออกไปจับอาหารมาให้ผม
จังหวะนี้แหละ! ผมค่อย ๆ หันหลังแล้วพุ่งตัวว่ายหนีออกมาด้วยความรวดเร็วโดยไม่หันหลังกลับไปมอง อาศัยความสูงของปะการังและโขดหินใต้ทะเลช่วยพรางตัว
จะมาขุนเราให้อ้วนแล้วจับกินสิท่า เหอะ!
ชีวิตผมวนเวียนกลับมาที่จุดเดิมเหมือนเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ต่างที่ข้าง ๆ ไม่มีใครมาคอยดูแลเหมือนเดิม ผมอยู่ตัวคนเดียวโดยปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับฝูง ไม่คบหายุ่งเกี่ยวกับตัวไหนทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าอยากอยู่คนเดียว แต่ผมไม่อยากพบกับความเสียใจจากการสูญเสียคนที่รักไปอีก มันเจ็บปวดจนยากที่จะรับไหว
จากเหตุการณ์ครั้งก่อนที่เจอฉลามตัวโตในระยะประชิด เหมือนอยู่ใกล้กับความตายเพียงปลายจมูก ผมตัดสินใจแล้วว่ายังไงซะ การกินก็สำคัญเป็นอันดับสองรองจากครอบครัว ในเมื่อไม่มีพวกเขาแล้วที่ผมทำได้คือต้องกินเพื่อรักษาร่างกายให้มีแรงฝ่าฟันชีวิตใต้ท้องทะเลที่บ้าคลั่งนี้ต่อไป รอวันที่จุดจบจะมาถึง
เมื่อผมออกว่ายห่างจากแหล่งชุมชนมาสักระยะ ว่ายออกมาตัวคนเดียวกะจะหาที่สงบ ๆ ไม่มีอันตราย ไม่มีฉลาม ดูเหมือนจะหาที่แบบนั้นยากเหลือเกิน
แต่ก็นั่นแหละ ผมก็ยังเป็นผม นิสัยชอบปลีกวิเวกแบบนี้นับวันยิ่งทำให้รู้สึกว่าเป็นอันตรายต่อตัวเองขึ้นทุกทีเมื่อผมว่ายน้ำมาอย่างเหม่อลอย อยู่ ๆ หน้าผมก็มาติดกับเส้นอะไรบางอย่าง
เมื่อลองเพ่งมองดี ๆ ตัวมันเป็นสีขาวใส มีเส้นเล็ก ๆ จำนวนมากขึงไว้เป็นรูพอให้มีช่องแค่ปลาตัวเล็กลอดผ่าน มันขึงยาวไปตลอดแนวท้องทะเลที่สายตาผมพอจะมองเห็น
ผมพลิกตัวไปมาพยายามบิดตัวเพื่อให้ใบหน้าหลุดออกจากช่องนั้น แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไร ครีบและหางเหมือนจะยิ่งไปเกี่ยวกับมันมากขึ้น
ผมดิ้น ดิ้น แล้วก็ดิ้นไปมา พยายามอีกครั้งซ้ำ ๆ จนเริ่มท้อและหมดแรง ค่อย ๆ ทิ้งตัวลง ปล่อยให้ตัวเองติดกับสิ่งแปลกประหลาดอยู่แบบนั้น
ดูเหมือนจุดจบจะใกล้กว่าที่คิด...
หิวจัง... จะอดตายหรือเปล่านะ