หลังจากประทับใจกับน้องภูมิมาแล้ว เลยเข้ามายนโฉมพี่โยกันบ้าง....
อยากบอกว่าอ่านแบบหน้าดำคล่ำเคลียดยิ่งกว่าตอนอ่านหนังสือสอบไฟนอลซะอีกค่ะ.. พออ่านจบต่อมน้ำตาเจ๊งเบ๊งกันพอดีเลยทีเดียว ฮือ...............
ตั้งแต่อ.ปริศนารู้เรื่อง ไม่มีตอนไหนที่น้ำตาไม่ทะลักเลยค่ะ ทั้งเคลียด ทั้งเศร้า ทั้งกดดัน จนจะเป็นไมเกรน..เส้นเลือดในสมองแทบแตก! ให้ตายสิคุณอิกกี้...อิเจ๊ขอยกตำแหน่งเจ้าพ่อมหาดราม่าซุปเปอร์เอ็กซ์ตร้าซุพรีมพรีเมี่ยมลิมิเต็ดอิดิชั่นให้เลยค่ะ ซูฮกจริงๆ อ่านไปไอ้เราก็นึกว่าตัวเองเป็นหมู่เฮาเพื่อนฝูงของตาเอกับพี่โยไปซะงั้น มันอินได้ใจ~~
โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้โกรธเกลียดอาจารย์ปริศนาเลย...เพราะว่ากันตามจริงความรักแบบนี้มันก็ยากจะเข้าใจอยู่แล้ว ถึงไม่ต้องคำนึงถึงหน้าตาของตัวเองหรือฐานะทางสังคมอะไรเลยก็เถอะนะ แต่แค่คิดไปถึงว่าแล้วลูกเรามันจะเป็นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย..ถ้าคนอื่นๆรู้ว่ามันไปชอบผู้ชายจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง...แม้ตามอุดมคติแล้ว ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาร่วมรับรู้ จะบอกว่าเราไม่ได้บอกให้คนอื่นมาเลี้ยงเราซะหน่อยไม่เห็นต้องไปแคร์คนอื่นหรืออะไรเทือกนั้นก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้ว...คนเราไม่สามารถอยู่คนเดียวในโลกได้ ไม่สามารถอยู่กันแค่สองคนได้ เพราะโลกทั้งใบไม่ใช่มีแค่เราสองคนเท่านั้น ทุกคนต้องมีสังคมไม่ว่าจะเล็กใหญ่แค่ไหนก็ตาม และไม่ใช่ทุกๆคนจะรับได้หมด แม้ความรักแบบนี้มันจะไม่ได้หนักหัวใครหรือทำให้ใครเดือดร้อนก็ตาม แต่ความจริงอีกข้อก็คือ ทุกคนไม่ใช่พ่อพระแม่พระ และคนทุกคนสามารถทำร้ายคนอื่นได้ง่ายกว่าการช่วยเหลืออยู่แล้ว ดังนั้นความรักแบบนี้จึงไม่ง่ายเลย!
ไม่แปลกที่อ.ปริศนาจะกีดกันขัดขวางทุกวิถีทาง สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่เราคิดว่าเป็นปัจจัยหลักนอกเหนือจากความหัวโบราณของแกก็คือ เอมันเพิ่งม.5เองนะ ขี้หมูขี้หมายังไงอายุก็ไม่น่าเกิน 16 ปีหรอก ตามประสาผู้ใหญ่คงมองว่ามันยังเด็ก ไม่ประสีประสา ความคิดอ่านยังด้อย ถูกชักจูงไปในทางที่ผิดที่เสื่อมได้ง่าย และไม่แปลกที่อ.แกจะโทษว่าเป็นความผิดของพี่โย เพราะแม่ที่ไหนจะโยนขี้ให้ลูกตัวเองล่ะ! เหอๆ
อีกอย่างตาเอเนี่ยก็เด็กจริงๆนั่นแหละ นิสัยเด็กมากๆ... รั้น..จะเอาแต่ให้ชนะ ไม่คิดให้รอบครอบ คิดแต่ว่าแม่ไม่เข้าใจ เกลียดแม่ ทำร้ายตัวเองประชดประชันไปเรื่อย แม้สุดท้ายแล้วผลมันจะออกมาสมหวัง แต่อิเจ๊ไม่ชอบใจเลย ตรงที่รู้ว่าไอ้การกรีดข้อมือเหมือนจะฆ่าตัวตายเนี่ยเป็นแผน!! พอรู้ว่าแม่รัก..ถ้าเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แม่ต้องยอมแน่...เล่นกับความรู้สึกของบุพการีแบบนี้ อิเจ๊ไม่ชอบใจจริงๆ ทำไมไม่ใจเย็นๆ คิดอะไรให้กว้างๆหน่อย ทำเหมือนเด็กสองสามขวบที่จะเอาไอนั่นไอนี่แล้วไม่ได้ ก็ลงไปชักดิ้นชักงอที่พื้นห้าง หากเอใจเย็นๆคิดถึงทุกๆคนให้มาก โดยเฉพาะโยที่ตัวเองพร่ำบอกนักหนาว่ารักจะเป็นจะตาย... สัญญาแล้วสัญญาอีกว่าจะไม่ทำร้ายตัวเอง จะจับมือเดินไปด้วยกัน... คำว่าจับมือเดินไปด้วยกันก็คือช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคนะตาเอไม่ใช่อย่างที่หนูทำ แล้วดูซิเกือบกลายเป็นหนังโศกอนาตกรรมแบบตำนานรักดอกเหมยซะแล้ว เฮ้อ~~
ส่วนโย...พอเอาไปเทียบกับภูมิบุญแล้วสองคนนี้เป็นความเหมือนในความต่าง ไม่ต้องพูดถึงบุคลิกลักษณะภายนอก เพราะร้อยพ่อพันธุ์แม่มันไม่มีทางเหมือนอยู่แล้ว แต่ในด้านความคิด... ทั้งสองคนเป็นคนที่รักแม่มากเหมือนๆกัน ซึ้งอิเจ๊ประทับใจที่คุณอิคกี้ใส่ลักษณะแบบนี้ลงมาที่ตัวนายเอกทั้งสองคนจริงๆ อ่านแล้วมันสะทกสะท้อนใจๆ ...แต่สิ่งที่ต่างกันของทั้งสองอย่างเห็นได้ชัดก็คือความคิดในการจัดการกับปัญหา และการจัดการอารมณ์ของตัวเอง ในเรื่องนี้ต้องบอกว่าภูมิบุญเก่งกว่าโยมาก แม้สถานการณ์จะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่ก็พอจะเล็งเห็นได้
ตอนอ่านเรื่องของภูมิบุญ...รู้สึกว่าเคลียด กดดัน บีบคั้นหัวใจเหลือเกิน แต่ท้ายสุดมันจะห้อยความสะใจมาให้คลายเคลียดเสมอ
แต่ในเรื่องของโย...มันมีทั้งความเคลียด กดดัน บีบคั้นหัวใจ เศร้า และอึดอัด ตั้งแต่ช่วงประมาณตอนที่ 30 กว่าๆ เป็นต้นมา จนกระทั่งสองตอนก่อนสุดท้าย สภาวะทางอารมณ์ไม่มีการผ่อนปนความขมึงเกรียวเลยสักนิดเดียว...
แต่พอเรื่องทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ความรักของเอกับโยก็ทำให้อิเจ๊ประทับใจ เจ้าเอที่ตอนแรกๆดูมันหยอกๆแหย่ๆโยเหมือนหมาหยอกไก่แล้วหมั่นใส้ ไม่คิดว่ามันจะจริงจัง ตอนแรกอิเจ๊คิดว่าเรื่องนี้มันจะดราม่าตรงที่พอโยรักเจ้าเด็กนี่จริงๆแล้วรู้ว่ามันไม่จริงจังด้วยแค่อยากลองตามประสาวัยรุ่น เลยเสียใจ คิดตัดใจ แล้วพอโยจะตัดใจ เจ้าเด็กเอก็เพิ่งมารู้ว่าเฮ้ย! เรารักพี่มันจริงๆนี่หว่า...ไม่ใช่แค่เล่นๆนะเฟร้ย~~ ประมาณรู้สึกตัวเมื่อสาย แต่ทำไงดี ทำพี่มันเสียใจไปแล้ว..ทำร้ายจิตใจไปก็ไม่ใช่น้อย แล้วเราจะไปขอคืนดีมันยังไง แล้วก็เกิดขบวนการโคตรดราม่าขึ้น... แต่ที่ไหนได้ ความเน่าแบบนิยายเจ็ดสีที่อิเจ๊คิดว่าจะเกิดเพราะมองการกระทำทีเล่นทีจริงของเอมันตั้งแต่แรกเป็นภาพติดตา ไม่ยักกะเกิดขึ้น ปัญหาดันไปเกิดที่ตัวอ.แม่ซะงั้น...ก็นะ ใครจะไปคิดว่าเด็กนี่มันรักจริงหวังแต่ง ตอนอ่านมันสวีดหวานวี้ดวิ้ว~~กับโยก่อนมารดาบังเกิดเกล้าคุณน้องเค้าจะรู้เรื่องอิเจ๊ยังระแวงมันไม่หายเลยนะขอบอก แต่พอเห็นเจ้าเอมันดีเสมอต้นเสมอปลายแบบนี้ (ถึงจะมีการกระทำงี่เง้าเข้ามาด้วยก็เถอะ...ทั้งสูบบุหรี่ กินเหล้า เสพยา เฮ้อ...
) ต้องบอกว่าประทับใจมากมาย คนเรามันจะคู่กัน อะไรก็มาขวางไม่ได้ แม้แต่ความตายสินะ
ตอนที่โยหัวใจหยุดเต้น อิเจ๊อ่านไปกลั้นหายใจไป ลุ้นซะยิ่งกว่าเชียร์ผลบอลโลก!... เกือบได้หยุดหายใจตามไปด้วยแล้วมั้ยล่ะ เหอๆ
ในเรื่องนี้...ชอบตัวละครทุกตัวเลยค่ะ (ยกเว้นชะนีนางน้อยตัวนั้น) ทุกคนก็มีสีสันเป็นของตัวเอง แต่ที่ประทับใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นคุณแม่ของโย ไม่รู้เป็นไรชอบผู้หญิงแบบนี้จริงๆ
สุดท้ายคงหนีไม่พ้นคำขอบคุณ... ขอบคุณอิกกี้สำหรับนิยายดีๆอีกเรื่อง รู้สึกว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกสินะคะ...ถึงจะเป็นเรื่องแรกแต่นิยายเรื่องนี้ก็ไม่มีที่ติเลยจริงๆ ความประทับใจก็ไม่แพ้กับเรื่องที่นี่ไม่มีนายเอกเลย... แล้วอีกอย่างที่อยากจะชื่นชมมากๆก็คือ ทั้งสองเรื่องที่อ่านมันแยกเป็นสองเรื่องจริงๆ ไม่ได้รู้สึกว่าอ่านเรื่องเหมือนๆเดิมเลยซักนิด (อืม..ไม่รู้คุณอิกกี้เข้าใจความหมายของอิเจ๊รึเปล่า) คือมันได้ความรู้สึกคนละแบบ เหมือนหนังคนละม้วนจริงๆ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนตัวละครแต่อย่างอื่นคงเดิม หรือคล้ายๆเดิมน่ะค่ะ
ฮิฮิ...เอาเป็นว่าขอ
หนึ่งทีแทนการให้คะแนนนะคะ ก็แหม...จนป่านนี้ อิเจ๊ก็ยังคุณวุฒิไม่พอจะไปบวกให้ใครได้เลยอ่ะ ฮึ..แอบน้อยใจ~~ คริคริ