ขอโทษทุกคนนะครับที่ให้รอนาน ใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เพราะมัวแต่เขียนเรื่อง น้องญี่ปุ่นอยู่
ตอนพิเศษจะมีสามตอนนะครับ อันนี้เป็นตอนแรก เหอๆๆ เขียนอยู่สามวันไม่ไหลเลย ยากน้าเวลามันจบไปแล้วอ่ะ จะเอามาเขียนใหม่ ไม่ค่อยมีความคิดเลย ยังไงก็ขอโทษทุกคนนะครับที่มันอาจจะดูแข็งๆ แต่ก็เพื่อทุกคนที่ติดตาม
ขอบคุณ จากใจ
ในมุมของ เอ
ผมเอเองครับ วันเวลาที่ผันผ่านมันช่างหมุนไปรวดเร็วเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่าผ่านเรื่องราวต่างๆตั้งแต่วันนั้นมาสองปีแล้ว ตอนนี้ผมกำลังจะเข้าเรียนวิศวะอยู่มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศใจกลางเมือง สอบเข้าได้ครับเพราะกำลังใจผมดี เวลาอ่านหนังสือก็เลยขยันหนักกว่าเดิม จากที่อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง ผมคิดว่าที่ผมเรียนวิศวะเพราะเขาคนนั้น คนพิเศษของผม แฟนผมนั่นเองครับ ชื่อโย ผ่านเหตุการณ์หลายอย่างมาด้วยกัน ผมรักเขามาก มากเสียจนผมเกือบสูญเสียลมหายใจไป เขาเองก็เช่นกัน ผมไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะมีใครจะมายอมตายเพราะผม มันนิยายไปหน่อย แต่ผมได้สัมผัสมาแล้ว ผมรู้แล้ว มันเป็นเรื่องจริง
ตั้งแต่รู้ความ ผมไม่เคยคิดที่จะชอบผู้ชายหรือแม้แต่รัก แต่พอใกล้ๆเขาทีไรหัวใจมันอ่อนไหว แอบรักแอบชอบไปตอนไหนก็ไม่รู้ ก็จะไม่ให้ชอบได้ยังไงล่ะครับ ตัวไม่สูงมาก ขาวๆ น่ารักอย่าบอกใคร เวลายิ้มนี่ใจผมแทบละลาย ยิ่งตอนอายนะ อยากจะแกล้งให้เขินให้อายอยู่อย่างนั้น เวลากอดสัมผัสตัวกลิ่นหอมของตัวเขาก็รัญจวนใจที่สุดเนื้อตัวก็นุ่นลื่นน่า กอดยิ่งนัก ปกติผมเป็นคนไม่ดีเท่าไหร่ เอาแต่ใจอยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่พอรักเขาแล้วผมยอมให้เขาทุกอย่าง ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เคยคิดที่จะเป็น ผมไม่เคยเสียใจเลยที่คบกับเขา ทุกวันทุกวินาทีมันคือความสุขทั้งกายและใจ รักมากเหลือเกิน ยิ่งรักยิ่งอยูใกล้หัวใจผมมันยิ่งรัดตรึงแน่น แม่ยายผมก็ประเสริฐกว่าใครในโลก ถ้าไม่พูดในทางลำเอียงผมว่าผมรักแม่อรมากกว่าแม่ผมเสียอีก ทุกครั้งที่คุยด้วยคือความรู้และมุมมองของการมองชีวิตที่มีค่าน่าจดจำนัก แต่เดี๋ยวนี้แม่ผมเองก็น่ารักขึ้นมากคงเพราะเข้าวัดกับแม่ยายประจำ มองโลกไปอีกมุมเลย ผมเองก็เปลี่ยนมานับถือพระพุทธตามหวานใจ ตอนแรกทำเพราะเขาทำแต่เอาไปเอามาทุกคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามัน ไม่เคยล้าสมัยไปเลย ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ที่เรา การกระทำของเรามันสะท้อนผล จะสุขหรือทุกข์ก็ล้วนแล้วขึ้อยู่กับเราทั้งสิ้น
ตอนนี้ผมย้ายเข้าไปอยู่บ้านของเขาเต็มตัวแล้วครับ แม่อรใจดีให้รถขับไปเรียนแต่ผมไม่ขับเอง แค่เรียนหนังสือ หาเงินยังไม่เป็นความจำเป็นไม่มีเลย ผมตั้งใจเรียนให้จบเร็วๆจะได้ออกมาทำงานหาเงิน อยากพาหวานใจผมไปเที่ยวไกลๆ ยังไม่บอกว่าที่ไหนกะจะทำให้แปลกใจ ไอ้บอมกับไอ้บ๊อบไม่อยากจะเชื่อมันก็สอบเข้าได้เหมือนกัน ไอ้บอมสอบติดแถวสนามบิน วิศวะเหมือนกัน ส่วนไอ้บ๊อบอยู่ที่เดียวกับผม จะเชื่อไหมว่าผมไปไหนมาไหนมีคนมารุมตอมมากมาย ผมเองก็กลัว ไม่ได้กลัวใจตัวเองนะครับ เพราะคงไม่มีทางแปรเปลี่ยนไปได้ และมองไม่เห็นหนทางที่จะให้มันเปลี่ยนไปเลย แต่ที่ผมกลัวคือกลัวว่าแฟนผมเขาจะคิดมาก แต่พอเล่าให้ฟังก็ได้แต่ยิ้ม "ฉันเชื่อใจเธอนะเอ" คือประโยคจับใจ ซึ้งใจที่สุด ผมเองก็อยากจะพิสูจน์ให้หวานใจผมรู้เหมือนกัน ว่าผมไม่ใช่ไม้หลักปักเลน หรือไม้เลื้อย ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ผมขอตักตวงความสุขจากเขาคนเดียว ความสุขที่ไม่เคยลดระดับลงเลย ความสุขที่มีอยู่ทุกพื้นที่แค่เพียงมีใบหน้าของเขา นับวันที่จะมีแต่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่หนทางแห่งรักของเราราบรื่นไม่เคยมีวันไหนที่เราจะทะเลาะกันเลย แม้ผมจะแหย่จะแกล้งบ้างตามประสาวัยรุ่นซึ่งผมเองก็นิสัยยังเป็นผู้ชายอยู่ เต็มตัว แต่เขาไม่เคยโกรธหรืองอนเลย กลับมีแต่รอยยิ้มนั่นเองที่ทำให้ผมหยุดแกล้งไปทำอย่างอื่นแทน ทุกๆวันมันคือวันแห่งความรัก ทุกๆวันมันคือวันแห่งความสุข ทุกลมหายใจมันคือเขา เขาคนเดียวเท่านั้น
เพิ่งผ่านสงกรานต์มาไม่นาน แต่ปีนี้ไม่น่าออกไปไหนเลยเพราะสถานการณ์ทางการเมือง เรายกครอบครัวเราไปบางแสนกัน คนเยอะแต่ก็ไม่น่าเบื่อเพราะเรามีความสุข ตอนนี้โอกลายเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติไปแล้วกำลังคัดตัวเข้าทีมชาติ ผมดีใจนะโอมีอะไรหลายอย่างที่ต่างจากผม ความมุ่งมั่นมันเยอะเหลือเกิน แม้จะเรียนไม่ค่อยแข็งเท่าไหร่ ผมเองก็ต้องทำให้ทุกคนที่รักผมภูมิใจ โดยเฉพาะหวานใจของผม
"ตัวเองเค้าเมื่อยหลังจัง"
ผมพูดขึ้หลัง จากกลับมาจากตลาด เดี๋ยวนี้ผมขับรถพาหวานใจไปตลาดไกลถึงบางกะปิเพราะถูกกว่าแถวนี้ของก็เยอะ กว่า อ้อช่วงนี้ปิดเทอมครับ เลยว่างอ่านหนังสืออยู่บ้าน ตอนเช้าก็ไปส่งหวานใจที่ทำงาน สายๆก็ไปส่งแม่ยายกับแม่ไปวัด เพราะแม่ยายลาออกจากครูแล้ว แม่ผมก็เหมือนกันหันหน้าเข้าวัดอย่างเดียว เงินเก็บสะสมก็มีมากพอที่จะส่งผมกับโอเรียนให้จบ แต่ผมเองตอนปิดเทอมก็คิดจะหาอะไรทำเหมือนกันดีกว่าอยู่ว่างๆ อยากมีรายได้พิเศษ
"เดี๋ยวก่อนนอนนวดหลังให้ เมื่อยมากไหม"
พูดแล้วหันมายิ้ม จับใจผมเหลือเกิน
"นวดอย่างเดียวเหรอคะ"
ผมแหย่เพราะอยากเห็นแก้มแดงๆ เวลาอาย
"อืม นวดอย่างเดียว"
"อ่า เค้าไม่ยอมหรอกนะ อยากทำอย่างอื่นด้วย"
"บ้าเหรอ ทำอะไรทุกวันเดี๋ยวสึกหมด"
นั่นไงครับได้ผล น่ารักจริงๆหวานใจของผม
"ไม่สึกหรอก สึกก็รักเหมือนเดิมล่ะ เพราะเค้าทำเองนิ"
"ไม่เอาแล้ว เร็วๆ รีบเอาของลงจากรถเดี๋ยวแม่มายังทำกับข้าวไม่เสร็จ แม่จะว่าเอา"
"แม่ยายเค้าใจดีไม่ว่าหรอก"
"นะ อย่าโอ้เอ้"
อายม้วนหน้าแดงลงรถ ไปแล้วครับ ผมจอดรถในบ้านแล้วขนของตามไปในครัว เห็นยืนหันหลังอยู่อดใจไม่ไหวจริงๆ
"อุ๊ย ทำอะไรน่ะเอ ไม่เอาเหนียวตัว"
"นะนะ เค้าหอมหน่อยคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว"
"บ้าเหรอ อยู่ด้วกันทั้งวันจะมาคิดถึงอะไรล่ะ"
"ก็เค้าคิดถึงอ่ะ มาหอมแก้มเค้าหน่อย"
ผมรั้งตัวให้หันหน้าเข้าหาผม หน้าแดงจัด หวานใจเงยหน้าขึ้นมองผม ตาหวานฉ่ำ โอยอดใจไม่ไหว ผมทำแก้มป่องหลับตาให้หอมแก้ม ริมฝีปากอุ่นๆแตะลงที่แก้มผมอย่างแผ่วเบา ผมลืมตาทาบริมฝีปากเข้ากับปากบางของหวานใจทันที
"อ่า"
เสียงลอดออกมาจากคอ มันช่างหอมหวานเสียเหลือเกิน ผมไม่รู้สึกเบื่อไม่รู้จักอิ่มกับรสจุมพิศของเขาเลยเราจูบกันอยู่เนิ่นนาน
"พอๆ เอ เดี๋ยวไม่ได้ทำกับข้าวพอดี"
ผมหัวเราะเบาๆ แล้วยอมตัดใจผละออกจากหวานใจ ช่วยล้างผักล้างปลา ผมมีความสุขเหลือเกินที่ได้เฝ้ามองคนที่ผมรักเหลือเกินยืนทำกับข้าวให้ผมกินทุกวัน มันเป็นภาพที่มีค่า ผมรักเขาเหลือเกิน
หลัอาบน้ำผมใส่กางเกง เลตัวเดียวนอนแผ่อยู่บนเตียง รอให้หวานใจมานวดหลังให้ เขาจุดตะเกียงเผาน้ำมันหอม มีเทียนหอมลอยอ่างอยู่หัวเตียง ในห้องมีเพียงแสงสว่างจากเทียนหอม ผมจำได้ว่าเคยซื้อน้ำมันนวดชนิดหอมเก็บไว้กับเขาตอนไปเดินที่ร้านบูทส์ ที่รักผมมาแล้ว
"นอนคว่ำสิ เดี๋ยวนวดหลังให้"
หวานใจบอกเบาๆ ผมนอนคว่ำหน้าทันที สัมผัสนุ่มละมุนจากมือแผ่ไปทุกอณูของร่างกาย ผมเคลิบเคลิ้มล่องลอยไปบนสวรรค์ แม้หวานใจจะนวดไม่เป็นแต่เขาก็พยายามไม่บ่นสักคำ ผมไม่ได้เมื่อยขนาดนั้นหรอกที่จริง ผมแค่อยากให้เขาทำแบบนี้กับผมเฉยๆ
"ตรงนี้ใช่ไหม"
เสียงใสกังวานอยู่ในหัว
"อื้ม ตรงนั้นล่ะ"
ผมครางตอบรับ ไม่ไหวแล้วผมหงายหน้าขึ้นมาทันที ดึงตัวเข้ามากอดแล้วจูบทันที
"ยังนวดไม่เสร็จเลย"
เบนหน้าหนีแต่รู้ว่าอายอยู่ ผมยิ่งกระหนิ่มในใจ
"ไม่ต้องแล้ว เค้าไม่ไหวแล้ว"
"หือ ปวดมากเลยเหรอ"
ผมยิ้มกับคำ ตอบที่ได้รับ
"อยากทำอย่างอื่น"
"บ้าเหรอ"
ผมไม่พูดอะไรอีกพลิกกายขึ้นคร่อมหวานใจทันที สัมผัสกายก่ายกอด พรมจูบทั่วร่าง ทุกส่วนของร่างกายช่างน่าปรารถนา ผมเหมือนค้นหาจุดตำหนิของร่างกายเขา แต่ยิ่งหายิ่งชอบ เสียงครางอย่างเป็นสุขลอดออกมาจากคอ หวานใจผมเปลี่ยนมาคุมเกมบ้าง ทำเหมือนผม เรามีความสุขมากผมรับรู้ได้ สวรรค์ของเราอยู่ตรงหน้าแล้ว เหงื่อผมหยดลงหน้าของหวานใจ จังหวะลีลาที่ผมขยับ ปริ่มไปด้วยสุขสรรค์หรรษา ผมเร่งจังหวะขึ้นแล้วให้หวานใจถึงฝั่งสวรรค์ก่อนผมเล็กน้อย ผมนอนซุกกายหอบอยู่บนซอกคอของหวานใจ มีความสุขเหลือเกิน
"เค้ารักตัว เองมากนะ"
ผมพูดทุกวัน พูดตลอดเวลาเมื่ออยู่ด้วยกัน
"ฉันก็รักเธอเอ รักมาก"
ผมยิ้มพอใจในคำตอบพรมจูบอยู่เนิ่นนาน มีความสุขเหลือเกิน อยากอยู่กับเขาแบบนี้ไปนานๆ
วันศุกร์นี้หวานใจผม จะพาไปเที่ยวเกาะช้าง พี่ชายผม พี่พลพาไป แน่นอนครับมีไอ้บอมไปด้วย สองคนนี้ตกลงคบกัน ทั้งที่เวลาถามก็บอกว่าเป็นพี่เป็นน้องกัน ผมก็แหย่บ่อยว่าพี่น้องท้องติดกัน แต่หวานใจผมห้ามไว้ว่าอย่าไปแหย่เพื่อนมากเพราะมันอาจจะอาย น่ารักไหมล่ะครับ ผมก็เลยทำเป็นไม่สนใจ พี่กบกับพี่กายเปิดบริษัททัวร์ที่เกาะช้าง เพราะมีรีสอร์ทอยู่ที่นั่น เราได้ที่พักฟรีครับ พี่กบกับพี่กายบอกว่าฉลองที่พวกผมสอบเข้าวิศวะได้ อ้อ ลืมบอกไปไอ้บ๊อบก็ไปครับ วันออกเดินทางไอ้บอมกับไอ้บ๊อบมารอที่บ้านผม เอ้ยบ้านหวานใจผม ที่นี่กลายเป็นจุดรวมตัวกันไปแล้ว
"มึงหาแฟนให้กู คนดิไอ้เชี่ยเอ"
ไอ้บ๊อบพูดขึ้นระหว่างรอพี่พล
"อ้าว แล้วอีมิ้นท์ที่มึงคั่วอยู่ล่ะ"
ผมถามมองหน้ามันไม่เข้าใจ
"ไม่ใช่ กูหมายถึงแฟนเหมือนพี่โยน่ะ"
"เฮ้ย ไอ้นี่ มีคนเดียวในโลกโว้ย"
"พี่กบไงมึง"
บอมสวนขึ้นแล้วยิ้ม
"ไอ้เชี่ย มึงเอาไปดิแล้วเอาพี่พลให้กู"
"ส้นตีนกูนี่"
บอมทำตาใหญ่ใส่
"บ๊อบ บอม กินกล้วยฉาบไหม พี่ทำเอง"
หวานใจผมยกจานใส่กล้วยฉาบที่ผมช่วยทำ เมื่อวันก่อนออกมา ไอ้สองตัวทำหน้าเหมือนจะได้กินหูฉลาม
"เดี๋ยวพี่ เอาใส่ถุงไปกินบนรถด้วย"
หวานใจผมนั่งลงข้างๆ ผมคว้าเอวหมับทันที
"โห เชี่ยเอ มึงปล่อยมือบ้างก็ได้ ไม่มีใครแย่งหรอก ปล่อยพี่เขาให้เป็นอิสระบ้าง"
ไอ้บ๊อบล้อเลียน หวานใจผมหน้าแดง
"ไม่ได้หรอก บางคนมันไม่มีแฟนนี่ เผื่อมันมาเกาะแกะ แต่เอ๊ะ คงได้แต่เกาะแกะ เพราะแฟนกูรักกูคนเดียว"
ผมหัวเราะเสียงดัง ไอ้บอมกับไอ้บ๊อบทำหน้าหมั่นไส้เต็มที่
"เอ ไปเอากระเป๋าลงมาสิ เดี๋ยวพลมาจะได้ไปกันเลย"
หวานใจผมสะกิด ผมหอมแก้มไปทีหนึ่ง แน่นอนครับ เสียงอื้ออึงในลำคอของไอ้สองตัวดังขึ้นทันที ผมลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้าน
"โหพี่โย ทำอะไรเกรงใจกันบ้าง ทำร้ายจิตใจผมนะเนี่ย"
บ๊อบพูดขึ้น
"ชอบไหมครับ กล้วยฉาบ พี่ไปเอาใส่ถุงดีกว่า"
หวานใจผมลุกออกมาแล้ว ผมหิ้วกระเป๋าลงมาจากบนบ้าน เห็นหวานใจยกแก้วใส่น้ำเก๊กฮวยออกไปให้ไอ้สองตัวนั่น ไม่เห็นต้องดูแลมันดีขนาดนี้เลย
"อ้าวพี่พลมา หวัดดีพี่ โหแต่งตัวซะ"
ผมยกมือไหว้พี่ชายผม
"ไม่ได้หรอกเอ ไปทะเลต้องสีแปร๊ดหน่อย ว่าแต่พร้อมกันหรือยัง"
"กินก่อนดิพี่ จะรีบไปไหน"
ไอ้บอมมองหน้าพี่พลแล้วยิ้ม แหมทำเป็นมาปิด สายตามันกอดกลมเกลียวกันไปถึงไหนแล้ว
"อ้าว เดี๋ยวมันค่ำดิ ไปตราดนะไม่ได้ไปพัทยา เดี๋ยวสาย"
พี่พลนั่งลงข้างๆ ไอ้บ๊อบ ดูก็รู้ว่าอาย
"เออ พี่พล ไอ้บ๊อบมันอยากมีแฟนอ่ะ ผมแนะนำพี่กบให้มันก็ไม่เอา"
ผมแหย่ไอ้บ๊อบ
"อ้าวเหรอ มีแฟนเป็นผู้หญิงไม่ดีเหรอ จะตามเพื่อนเห็นเป็นแฟชั่นว่างั้น"
"ไม่ใช่แฟชั่นพี่ ก็เห็นพี่โยแล้วอยากมีแบบนี้บ้างอ่ะ เอาแบบพี่ก็ได้"
พี่พลยิ้มอายๆ
"แหมพูดซะ มาเป็นแฟนพี่ดิ"
"อ้าวแล้วไอ้บอมล่ะ"
"เฮ้ย เกี่ยวอะไรกับกู"
ไอ้บอมหน้าบึ้งแล้วครับ มีได้ดูคนงอนง้อกันแน่ๆ ว่าแล้วก็เดินเข้าบ้านไปเลย
"เอาแล้วไหมล่ะพี่ งานเข้าแล้ว"
ผมอมยิ้ม หวานใจผมเดินถือถุงใส่กล้วยฉาบออกมา
"ไปกันยังแก เดี๋ยวสายนะ ป่านนี้กบกับกายคงรอแล้ว"
"อืม ไปสิ เอไปเรียกไอ้นั่นให้เร็วๆหน่อยสิ จะมาเข้าห้องน้ำอะไรตอนที่เขาจะไปกัน"
พี่พลพูดเสียงเครียดคงรู้แล้วว่าไอ้บอมมันงอน ผมเินเข้าไปเคาะประตูห้องน้ำเรียกไอ้บอม
"เร็วๆนะเชี่ยบอม เขาจะไปกันแล้ว"
"เออ ไปก่อนเลยถ้ารีบน่ะ"
น่าน ของจริงครับ มันงอน
"เออ งั้นมึงเฝ้าบ้านละกัน เชี่ยงอนยังกะผู้หญิง"
ได้ผลครับมันเปิดประตูผ่างออกมาทันที
"ไอ้เชี่ยใครงอน กูไม่ใช่ตุ๊ดว้ย"
"ไม่ใช่ตุ๊ด แต่มีเมียเป็นตุ๊ด" ผมย้อน
"อ้าวแล้วมึงล่ะเชี่ยเอ เรียกตัวเองว่าอะไร"
แหมมันย้อนครับ
"กูเป็นผู้ชาย มีเมียเป็นเกย์ ทำไมอ่ะ ความสุขของกู หึหึ"
ผมไม่พูดกับมันต่อเพราะ คงได้ต่อยกันแน่ๆ ผมเริ่มตึงๆขึ้นมาแล้ว แต่หวานใจผมเคยบอกไว้ถ้าโกรธกับใครหรือทะเลาะกับใครให้เดินหนีไปก่อน จะได้ใจเย็นลง ผมเชื่อหวานใจผมครับ พอขนของขึ้นรถ ผมก็ไปนั่งข้างหลังให้หวานใจผมนั่งติดกับผมให้ไอ้บ๊อบนั่งอีกฝั่ง เพราะปกติหวานใจผมจะนั่งข้างพี่พล แต่วันนี้จะแกล้งไอ้บอม มันขึ้นนั่งข้างพี่พลแต่หันหน้าออกไปนอกรถตลอดเวลา
"ระวังคอเคล็ดนะ มึงเชี่ยบอม"
ไอ้บ๊อบแซวถูกใจผมที่สุด
"เรื่องของกู"
มันตอบเสียงห้วน
"งอนอะไรครับบอม หือ เห็นหน้าบูดๆ งอนพี่เหรอ"
หวานใจผมแหย่มันบ้าง
"เปล่าพี่ ผมไม่ได้งอน"
แหมไอ้นี่พอพูดกับ หวานใจผมเสียงอ่อนลงทันที
"อ่ะ กินกล้วยฉาบไปก่อนบอม เดี๋ยวหิวค่อยแวะกินข้างทาง"
หวานใจผมยื่นถุงกล้วยฉาบให้มัน แต่ไอ้บ๊อบมันแย่งเอาไปกินแทน
"ให้ผมกินดีกว่าพี่ ไอ้เชี่ยบอมมันไม่กินหรอก"
"กูจะกิน เอามานี่ไอ้เชี่ย"
มันหันหน้ามาแย่งจากไอ้บ๊อบ
"แบ่งกันสิครับ มาพี่แบ่งให้"
เวลาหวานใจผมยิ้ม บอกตามตรงผมไม่อยากให้ใครเห็นเลย ไม่รู้สิมันเหมือนยิ้มหยุดสงคราม ผมเจอทุกวันยังละลาย แล้วไอ้พวกนี้มันจะทนไหวหรือ ผมนั่งกอดสูดดมกลิ่นกายของหวานใจไปตลอดทางเผลอหลับไปบ้าง แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ จนเรามาถึงท่าเรือจะไปเกาะช้าง พี่กบกับพี่กายรออยู่ก่อนแล้ว เราเอารถขึ้นไปบนเรือข้ามไปบนเกาะด้วย ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงข้ามทะเลไป เกาะช้างดำทะมึนอยู่ข้างหน้า พอขึ้นไปฝั่งเกาะช้างก็ขับรถไปที่พัก สวยนะผมชอบมีภูเขาทางลาดชันเหมือนไปเขาค้อเลย พอเข้าห้องพักผมก็กระโดดขึ้นเตียงทันที
"เหนื่อยเหรอเอ ไปล้างหน้าล้างตาก่อนสิ"
หวานใจผมเอาของออกจากกระเป๋า
"มากอด หน่อยสิคะ"
"กอดมาทั้งวันยังไม่พอเหรอ"
"ไม่อ่ะ ไม่เคยพอ"
"บ้าเดี๋ยวเพื่อนๆรอไปกินข้าว"
"น่านะ เค้ากอดแป๊บเดียว นะคะ"
แม้จะห้ามปรามแต่ก็ยอมเดินมาให้ผมกอดอยู่ดี พอผมคว้าตัวได้ก็จูบหนักหน่วงทันที
"แน๊ ไหนบอกจะกอดเฉยๆ"
หวานใจผละหน้าออก พูดเขินอาย
"ไม่เอาอ่ะ อยากจะจูบนะนะ เค้าจูบหน่อย"
เรื่องอ้อนกับตื้อนี่ผมถนัดเพราะรู้ อยู่แก่ใจว่าหวานใจไม่มีทางปฏิเสธ ผมเอามือประคองหน้ามาทาบจูบลงอย่างต้องการ ความหวานฉ่ำจากรสจูบที่ผมไม่เคยเบื่อหน่าย เหมือนผึ้งภมรที่ไม่เคยหน่ายรสหวานจากกลีบเกสร ผมก่ายกอดหวานใจอยู่นานจนคนในอ้อมกอดดันตัวออกเพราะผมคงอดใจไม่ไหวที่จะทำ อะไรไปมากกว่านี้
"รีบไปเถอะเอ เดี๋ยวเพื่อนรอ"
หวานใจผมหน้า แดง เพราะน้องชายผมมันตื่นตัวเต็มที่ไม่รู้ทำไม อยู่ใกล้แม้จะแค่นั่งใกล้กัน ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัว ผมก็กระเจิดกระเจิงไปไกลแสนไกลแล้ว แต่ผมก็ยอมแพ้เพราะสงสารเหมือนกัน เพราะบางทีเหมือนผมรังแกหวานใจผมเกินไป เราเดินออกไปพบเพื่อนๆที่นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้โรงแรม
"แหม พอถึงก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลาเลยนะเอ"
พี่กายครับ แซวมาแต่ไกล
"ไม่ ได้หรอกพี่ ทุกที่คือที่ฮันนีมูนของเรา"
ผมหัวเราะมือยังไม่ปล่อยออก จากบ่าของหวานใจ
"แหมนะ หาได้ที่ไหนเนี่ยแบบน้องเอน่ะ พี่ล่ะอยากได้บ้าง"
พี่กบหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"โอ๊ย นังกบ อย่างแกไปเอาชาวเลแถวหมู่บ้านชาวประมงโน่น ได้ยินข่าวว่าอึกนักเชียว"
"ต๊าย นังพลพอมีเด้กหน่อยกัดชั้นนะยะ แหมแต่ก่อนก็ร่ำๆหาเหมือนกันล่ะ"
"ช่วย ไม่ได้ คนมันหน้าตาดี ใครก็หมายปอง"
"ค่า แม่นางงาม เริศล้ำกว่าใคร ว่าแต่น้องบอมไปตกบ่วงนังปีศาจนี่ได้ยังไงอ่ะคะ พี่กบไม่สวยตรงไหน"
หัวข้อตกมาที่ไอ้บอมครับ มันทำหน้าเอ๋อไม่รู้เรื่องอยู่
"ก็ทั้งหน้า ทั้งตัวอ่ะคะ คุณเพื่อนกบ เอ๊ะถามเหมือนไม่รู้ตัวเลยเนอะ"
"กรี๊ด นังพล"
เวลาเพื่อนๆของหวานใจมาอยู่ด้วยกันผมหัวเราะตลอดเวลา เพราะการสนทนาเหมือนจะด่ากัน แต่เป็นการจิกกัดกันเสียมากกว่า แต่ไม่มีใครโกรธกันจริงจัง หวานใจผมได้แต่ยิ้มและหัวเราะไปกับการสนทนาของเพื่อนๆ มือยังเกาะหูกางเกงขาสั้นผมอยู่ ไม่รู้ทำไม ผมชอบที่หวานใจทำแบบนี้มากเวลาเดินไปไหนด้วยกันจะเอามือเกาะเกี่ยวหูกางเกง ผมไว้ตลอดเวลา ว่าไปแล้วถ้าอยู่ด้วยกันเราไม่เคยห่างจากกันเลย ไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่งของร่างกายจะติดกันตลอดเวลา ผมไม่ได้รักหวานใจผมแล้วมันมากกว่ารัก เป็นความรู้สึกที่ยากเกินจะจำกัดความ ทุกวินาทีผมอยู่เพื่อเขา ตื่นมาทุกวันเพื่อที่จะเจอหน้าเขาอยู่ข้างกาย แม้แต่ก่อนจะใช้ชีวิตไปวันๆมีความฝันแต่ก้ไม่รู้จะไขว่คว้ามันมายังไง แต่ทุกวันนี้ผมมีจุดมุ่งหมายเดียวในชีวิต คืออยู่กับหวานใจผมมีเขาแนบอกอยู่ทุกเวลา ผมรักหวานใจของผมจริงๆ จากก้นบึ้งของหัวใจ
เราไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารในแถวคลองพร้าว เห็นพี่กบสาธะยายว่าเป็นที่ที่ต้องมาถ้ามากาะช้าง ร้านอาหารต้องขับรถเข้าไปในป่านิดหน่อย เป็นร้านอาหารยกสูงพื้นล่างเป็นน้ำทะเล เรานั่งริมสุด บรรยากาศดีมากๆ ผมนั่งติดหวานใจ
"ต๊าย เห็นนะ นังพลแอบจับมือน้องบอมด้วย กรี๊ดด"
เสียงพี่กบร้องขึ้นระหว่างที่เรากำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารทะเลเผา ทุกสายตาหันไปมอง
"บ้าเหรออีกบ มือมันไปโดนเฉยๆ"
พี่พลแก้ตัว หน้าแดง ไอ้บอมเองก็เหรอหราทำหน้าไม่ถูก
"แล้วแกไปเป็นมารขวางคอเขา ทำไมล่ะ อีนี่ บาปหนานะ"
พี่กายว่าแล้วหัวเราะ
"ไม่ได้หรอก ฉันจะเป็นมาร ขวางนังพล พี่ยังสงสัยอยู่ดีอ่ะค่ะ น้องบอม พี่กบไม่สวยตรงไหน"
"ทั้งหน้ามึงนั่นล่ะ กินๆ เข้าไป อีนี่ เดี๋ยวจะได้ไปดูหิ่งห้อย"
พี่กายถลึงตาใส่พี่กบถึงหยุดก้มลงหยิบกุ้ง เผามากิน
"โอ๊ย เขามีคู่กันหมด เซ็งว่ะ"
"ไอ้บ๊อบครับ สร้างหัวข้อใหม่อีกแล้ว"
"พี่ไงคะน้องบ๊อบ พี่ว่าง ว่างเสมอสำหรับน้องบ๊อบ"
"อีหอย ถอยไปเลย พี่ไงน้องบ๊อบ พี่มองน้องบ๊อบมาตั้งนานแล้ว"
พี่กายเอามือตีพี่กบ กลายเป็นว่าแย่งไอ้บ๊อบกัน แต่เพื่อนผมกลับถอยมาตัวติดกับหวานใจผมเลย
"อ่า ไม่เอาดีกว่าพี่ อิอิ ผมชอบพี่โย ถ้าไม่ได้อย่างพี่โย ไม่เอาอ่ะ"
งานกร่อย ครับ ทุกคนเงียบ
"เฮ้ย มึงมายุ่งอะไรกับของกู"
ผมยื่นมือออก ไปผลักหัวมันออกที่ดูเหมือนจะมาซบหน้าหวานใจผมอยู่แล้ว
"เอ อย่าผลักหัวเพื่อนแบบนั้นสิ"
ใจอ่อนครับ ไม่รู้ทำไมใครพูดผมไม่เคยฟัง แต่แค่หวานใจผมมองหรือพูดคำเดียวผมหยุดทันที
"โห มึงกูล้อเล่น หรอกน่า แต่ก็ชอบจริงๆนะพี่โยอ่ะ"
"ไอ้นี่"
ผม กะจะถีบมันสักทีเพราะสายตามันกรุ้มกริ่มเหลือเกิน แต่ตาหวานใจของผมดุกว่า ผมเลยเงียบเคี้ยวกุ้งเผาหมุบหมับ พอกินข้าวเสร็จก็มีเรือเครื่องหางยาวมารับไปดูหิ่งห้อย คนที่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารเยอะพอสมควรเรือไม่พอกันนั่ง ทางร้านจึงเอาเรือเล็กมาอีกลำเราได้นั่งเรือเล็กไปครับ คนแจวเรือบอกว่าคลองพร้าวน้ำไม่ลึกมากเป็นน้ำจืดที่มาจากภูเขา เรือล่องผ่านไปเรื่อยๆมีแสงไฟของบ้านเรือนริมคลองสาดส่องมา เห็นรีสอร์ทที่เราพักด้วย หวานใจผมนั่งข้างหน้าผมนั่งกอดอยู่ด้านหลังบรรยากาศดีจริงๆ ผมเอาคางเกยที่บ่าหวานใจ พอเรือล่องขึ้นไปสักพักก็เริ่มมืดสนิท เห็นเงาของพระจันทร์ที่เป็นเสี้ยวชัดเจน หวานใจผมจับแขนผมกระชับขึ้นคงกลัว ทุกคนเงียบหมด ผมนึกถึงบรรยากาศในหนังเรื่องนางนากคลองเป็นแบบนั้นเลย
"กลัว เหรอคะ"
ผมกระซิบถามเบาๆ หวานใจพยักหน้า ผมเลยได้โอกาสกอดแน่นกว่าเดิม แสงวูบวาบเล็กๆอยู่ตรงต้นไม้ริมคลอง เสียงอื้อหือจากลำคอของทุกคน เรือจอดแน่นิ่งให้เราดูหิ่งห้อย พี่กบกับพี่กายถ่ายวีดีโอไว้ ผมกอดหวานใจแน่น
"เค้ารักตัวเองนะ"
ผม กระซิบที่กกหู หวานใจผมหันมายิ้มเต็มดวงหน้า ฟันขาวเรียงเป็นระเบียบสะท้อนเงาจันทร์ในความมืด ผมจูบหน้าผากหวานใจ มีความสุขที่สุดเลยไม่ว่าจะเป็นสถานที่แห่งหนใดตราบใดที่มีหวานใจผมอยู่ เคียงข้าง ผมก็มีความสุขทุกเวลา เพราะหวานใจที่ให้ความรักนำทางผม วันนี้ผมจึงรู้สึกว่าผมมีค่ามีคนที่รักผมมากมายเพียงนี้อยู่ เพราะรักที่หวานใจส่งมาให้ผมจึงเดินทางด้วยความหวังและศรัทธา ผมสัญญาว่าจะโอบอุ้มความรักที่มีต่อกันไปจนวันสุดท้าย ไม่ว่าอนาคตภายภาคหน้ามันจะเป็นเช่นไร ผมมองไม่เห็นแต่ขอให้ความรักของผมมันยาวนาน ผมมั่นใจว่ามันจะยาวนาน เพราะนับวันไม่เคยรู้สึกว่ารักลดน้อยลงเลย มันเพิ่มพูนมากขึ้นทุกวัน หวานใจของผม รู้ไว้นะว่าใจดวงนี้มันมีเพียงหวานใจคนเดียว รักมาก ทุกวินาที ทุกลมหายใจ มันคือหวานใจคนเดียว
เขียนโดย eiky
ขัดๆหน่อยนะคร้าบ พยายามแล้ว อิอิ เดี๋ยวเอาตอน บอมมาลงน้า ตอนต่อไปอ่ะ
รักจัง