ขอบพระคุณผู้อ่านมากๆๆเลยค๊าาา รักคนอ่านจังเลย ...........
ตอนที่
6ทุกอย่างภายนอกหน้าต่างของรถม้า ถูกทับด้วยความมืด ผมเห็นเพียงเงาเรือนรางของต้นไม้ ต้นแล้วต้นเล่า แสงไฟจากหมู่บ้านถูกจุด ถนนขรุขระหายไป กลายเป็นถนนเมืองตัดใหม่ทอดยาว เราผ่านกำแพงเมืองด้านในเรียบร้อยแล้ว ผมเสียใจที่มองไม่เห็นรูปภาพบนกำแพงเลย
หลังจากขึ้นเนินเตี้ยๆ ผมก็เอาจมูกแนบกระจกรถม้า ท่านอ้วนเอื้อมมือมาถอดสลักให้ ผมจึงยื่นหน้าออกไป
“นั่น ซิกกูแรท มหาวิหาร…ยิ่งใหญ่ล่ะสิ”
“ใหนฮะ? ” ท่านอ้วนชี้มือไปด้านบน ผมถึงต้องร้องโห ถัดจากพระราชวัง ด้านซ้ายคือมหาวิหาร นี่น่ะหรอ ที่เขาเรียกว่า ซิกกูแรท อะไรนั่น ผมเคยเห็นลางๆจากอีกฝากของเมือง ซิกกูแรทในความมืด ได้รับแสงจากพระราชวัง ผมเพิ่งเห็นว่ามีคนเป็นจุดเล็กๆ กำลังเดินจุดคบเพลิงไปรอบๆสถานที่ ซิกกูแรทในมุมใกล้ เหมือนกล่องสี่เหลี่ยมที่ต่อซ้อนๆกันขึ้นไป จากฐานใหญ่ไปยอดเล็ก บันใดชันๆ พาดยาวลงมาสู่พื้นดิน ตอนกลางวันผมคงเห็นได้ชัดกว่านี้
“จะว่าไป แกนี่ มีความรู้เรื่องศาสนาบ้างมั้ย” ท่านอ้วนเอะใจ “พระเจ้าที่เรานับถือชื่ออะไร?”
ผมหันมาส่ายหน้าให้ท่านอ้วน เขาเอามือก่ายหน้าผาก “โอย นากัล เจ้ามีสิ่งที่ต้องเรียนรู้หนักกว่าเด็กคนอื่นๆนะ ทรงโปรดให้รูปร่างหน้าตาชวนหลงใหลของเจ้า เตะตากรรมการเถอะ”
ท่านอ้วนพูดเรื่องเทพเจ้าต่อโดยที่ผมไม่ได้ฟัง
พระราชวังตั้งอยู่บนเนินต่ำ หันหน้าเข้าแม่น้ำ แม่น้ำสายเล็กๆนี้ จะใหลสู่แม่น้ำยูเฟรตีสสายหลัก ที่พี่โจมาร์ไว้เดินเรือ ….ไม่ว่าเทพเจ้าจะเป็นยังไงก็ตาม พี่ก็โจมาร์มีหุ่นคล้ายท่าน
ผมแอบซ่อนกังหันสีฟ้าของพี่ เหน็บไว้กับสร้อยเพชรของท่านอ้วนนั่นแหละ
“เอาล่ะ ถึงแล้วนะ…เตรียมพร้อมเลย นากัล”
รถม้าถูกเปิดออก คนงานดึงผมลงมา เท้าสัมผัสกับกระเบื้องสีขาว เย็นแทรกซึมผิว อยู่ๆผมก็วาบเย็นขึ้นมาทั้งหลังเลย ผมกลัวจัง พวกเขาพาผมเดินไปยังตึกเตี้ยๆ โคนเนินของพระราชวัง พอเงยหน้ามองฟ้า เห็นเมฆลอยตัวต่ำๆ ผมสูดหายใจลึกยาว ท่านอ้วนพล่ามอะไรไปตลอดทาง แต่ผมไม่ได้ยินเลย กษัตริย์กำลังทานอาหารค่ำอยู่ในหน้าต่างบานนู้นรึเปล่า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กอย่างผมจะได้มาเหยียบที่นี้กับเขาด้วย ถ้าชาทรัชอยู่ด้วย เจ้านั้นต้องท้าผมวิ่งแข่งในท้องพระโรงแหง
ผมหันไปตามเสียงด้านหลัง มีรถม้าอีกสองคนมาสมทบ เด็กผู้หญิงอายุ ราวมิลล์แทบจะบินออกมาจากประตู พวกเธอจับมือกัน วิ่งกรูจนผ้าโผกศรีษะกระเพื่อม กรี้ดกร้าดเสียงดัง
“อ๋า เด็กๆ ของพ่อค้าไม้สักอินเดีย ดูซิ ร่าเริงมากซีนะ…เฮอะ พวกต่างถิ่นแห่กันมาทำใมนัก กะอีแค่ไม้กระดำกระด่าง ไม่ควรได้รับตราราชวงศ์ซักนิด” ท่านอ้วนพึมพำ จัดแหวน
เรามาถึงประตูบานใหญ่ มีทหารรักษาการยืนเฝ้าสี่นาย ผมมองเขาหัวจรดเท้า แต่งตัวตลกจัง ห้อยเหล็กบนตัวแบบนี้ ใหล่ต้องทรุดแน่ๆ
ท่านอ้วนเบ่งพุงของตัวเองออกมาทำใมนะ แล้วพอทหารเห็นพุงยื่นๆของท่าน ที่มีเพชรเม็ดเท่าหัวช้างติดอยู่ ทหารก็โค้งแล้วเปิดประตูให้
ผมเพิ่งรู้ว่าการเบ่งพุงคือวิธีขอเข้าประตู
“สวัสดียามค่ำ ท่านเอ็ด” ผู้หญิงชุดขาวยืนอยู่ด้านหน้า ท่านอ้วนพูดคุยกับเธอ ผมหลบอยู่หลังคนงาน ชะเง้อมองข้างใน มีใบหน้าของทหารมากมาย นั่ง ยืนอยู่ในนั้น แต่ทำใมห้องโถงมืดจัง ที่นี้จัดงานจริงๆหรอ แต่ซักพักผมก็ได้ยินเสียงเหมือน คนหมู่มากตบมือ พูดคุยจอแจ จากที่ไหนซักแห่ง
“นี่ครับกระผม” ผมโดนกระชากอย่างแรง ท่านอ้วนดึงผมมาหน้าพุง “นากัล เป็นเด็กรับใช้ของกระผม- -”
เสียงกรี้ดกร้าดของเด็กผู้หญิงดังกลบคำพูดของท่านอ้วน แค่ไม่กี่วิ ห้องนั่นก็ถูกอัดด้วย คนอีกกลุ่ม ผู้หญิงชุดขาว ทำสัญญาณมือให้ผมเดินตามไป เธอบอกท่านอ้วน
“เชิญเข้าไปที่โถงหน้างานเลยค่ะ พวกแกนำท่านเอ็ดกับท่าน เอ่อ- - มูฮัมหมัด? เออ…. ไปนั่งโต๊ะส่งประกวดเลย “
“ท..ท่าน เดี๋ยวฮะ” ผมถูกผู้หญิงคนนึงบีบแขน ลากผมให้เลี้ยวเข้าไปในทางเดินแคบๆ ผมพยายามหันหาท่านอ้วน แต่ท่านก็ถูกทหารบังหายไปเช่นกัน
แล้วความเย็นเยือกก็ปกครุมร่างกายผมอย่างจริงจัง ผมปวดมวลในท้อง เจ็บแปลบที่ใหล่ ผู้หญิงสามสี่คนเดินตามมา มีหญิงชุดขาวนำหน้า แล้วเสียงก็ดังก้องทางเดินสะท้อนผนัง เป็นเสียงคนตะโกนบรรยายลั่น ตามด้วยคนร้องเฮ ผมได้ยินชัดขึ้น เป็นคนร้องว่า “ อย่าดึงแขนๆ “ “ไม้เท้าอันนั้นเป็นของข้า” “รักแร้ดำเกินไป!” “ฮ่าๆๆข้าไม่จิ้มยัยนั่นเด็ดขาด!!” “เทพมาร์ดุกทรงโปรด! นั่นอุจาระหรืออะไร!!!”
ฮือ…ผมต้องไม่ร้องให้นะ มีแสงจากทางข้างหน้า แค่อึดใจเดียว ผมก็ถูกลากออกมาใจกลางโถง
มีคนร่วมร้อยยืนเรียงรายอยู่ในห้อง ทุกคนตัวสูง โวยวาย ชี้นิ้วใส่กัน ทุกคนแตกต่างจากชาวเมืองที่ผมเคยเห็น ทุกคนใส่เครื่องประดับ แข่งทอแสงแสบตา มีทาสเปลือยท่อนบน ถือพัดขนนกอยู่รอบๆ มีคนเดินรินไวน์ไปมา แล้วก็มีคนที่คลุมผ้าเหลืองอยู่กระจัดกระจาย คอยกระซิบ และนับนิ้ว…พวกเขานับเลขกันแน่ๆ
ผมสังเกตุได้ไม่นานก็ถูกลากเข้าห้องหลังเวที ห้องนี้เป็นห้องว่างโล่งๆ
“ทุกคนนั่งรอที่นี่ พอฉันเรียก คนที่อยู่หน้าสุดของแถว ก็เดินเข้ามา”
เอ่ยจบ เธอก็เดินเข้าไปอีกห้อง
…อ้ะ กังหันของพี่ ผมก้มมองต้นขาตัวเอง หยิบขึ้นมา จะถือขึ้นไปด้วยได้รึเปล่าน๊า
“คนต่อไปเข้ามาได้”
พวกเด็กผู้หญฺิงดันกันเอง พูดภาษาที่ผมไม่รู้จัก ยังไม่มีใครขยับไปใกล้ประตูอีกห้องซักนิด
“เด็กคนต่อไปเข้ามาสิ!!”
เดี๋ยวยัยชุดขาวก็ออกมาบ่นจนได้น่ะ ผมรีบเดินไปผลักประตูไม้
“เร็ว!!เลย” ร่างผมโดนกระชากเข้าไป ห้องนี้มี กระถางไฟห้องอยู่ด้านบน ชายหน้าเหี่ยว ผมขาว สวมหมวกขาว นั่งอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง มีคนงานผู้ชาย และผู้หญิง ยืนอยู่รอบๆโต๊ะ บรรยากาศนี้ทำให้ผมนึกถึงตอนรับแขกบ้านท่านอ้วน
“อืม เด็กผู้ชายคนที่สิบเจ็ดของวัน” คนงานชายพูด
พวกเขาดึงผมไปที่โต๊ะ คนงานทั้งหญิงและชาย ฉุดกระชากให้ผมนอนแผ่ตรงกลาง หัวใจผมเต้นตุบๆ เขาจะทำอย่างว่าหรอ หรือ อะไร?? ผู้ชายหนุ่มบนหัวผม ดึงเสื้อคลุมออก ผู้หญิงช่วยปลดปมผ้าที่เอวผม ยกขาดึงกางเกงออก แปปเดียวผมก็ นอนแก้ผ้าอยู่กลางโต๊ะ โคมไฟเหนือหัวแกว่งไกว
ผมหอบ เพราะตกใจ
“อืม ผิวดีนะคะ ท่าน”
ชายหนังเหี่ยวทำปากยื่น เขาไล่มือมาที่ต้นคอผม ผมเกร็งคอขึ้นมามองว่าเขาจะทำอะไร แต่โดนคนงานชายหัวโต๊ะตบหน้าผาก “นอนนิ่งๆ”
“ผิวละเอียดจริงๆ” นิ้วมือแห้งๆของเขา ลูบวนไปมาที่หน้าท้อง ผ่านจุดกระสันของผมไปที่ต้นขา
เขาช้อนถูกสร้อย ลูบเพชรซ้ำๆ “ฮ๊า..เด็กบ้านท่านเอ็ด เพชรเม็ดงามหรอกหรือ หึหึ ไม่เลว …นะไม่เลว”
สายตาเรียวเล็กของตาแก่ เหมือนจ้องลอยๆไปข้างหน้า ราวกับว่าเขามองไม่เห็นงั้นแหละ ..ช่างเป็นคนที่มีหน้าตาสยดสยองเหลือเกินฮะ เอ๋…ผมเงยหน้าขึ้นมาอีก แต่ในลูกกะตาเป็นสีขาวมัวๆนี่หน่า
“ไหนขอดูหน้าหน่อยซิ”
คนงานรอบโต๊ะ ดึงแขนผมขึ้นทันที จับผมบิดราวกับเป็นสิ่งของซักชิ้น เขาสลับให้ศรีษะผมไปอยู่ด้าน ตาแก่
นิ้วมือเขาวางจรดริมฝีปากผม เขากดมันเบาๆ ก่อนจะสอดนิ้วเข้ามา
“อั่ก!” เขากดลิ้นผมอย่างแรง “อืม…ใช่ได้” คนงานชายข้างๆผม ทำท่าหื่นกระหาย
“พวกเจ้า ดูฟันให้ข้าซิ” คนงานชายไม่รอช้า นิ้วใหญ่ๆดึงปากด้านข้างผมออก สอดอีกมือเข้ามาดันให้อ้า ไล่ไปตามแนวฟัน ชายหนุ่มคนนั่นก้มหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจเป่ารดหน้าผม “หอมกว่าทุกคนเลยครับ”
“ประสามสัมผัสล่ะ” ชายแก่พูด
คนงานผู้หญิงอีกคนเบียด คนงานชายออกไป เขาทำท่าหงุดหงิด
คนงานหญิงจับหน้าอกผม นิ้วเธอรูดไปมาที่หัวนมผม เธอเริ่มนวด แล้วก็จิก
“อ้ะ!..อะ” ผมหลุดคราง เธอจึงหยุด
ตาแก่ สอดมือในเรือนผมของผม ขยุ้มหนักๆ
“ผมเด็กนี้เป็นสีอะไร?”
“บลอนด์ครับ”
“ชาติอะไรน่ะ?”
“เจ้าหนูแกเป็นเด็กเชื้อสายอะไร?”
ผมอ้ำอึ้ง ต้องตอบว่ายังไงนะ… ท่านอ้วน! ใช่ “ผมไม่รู้ฮะ…ผมรับใช้บ้าน ท..ท่านเอ็ดตั้งแต่เกิด”
“อืม…กระนั่นก็ช่างเถิด …ตรวจเสน่ห์เลย”
คำพูดนี้ ทำให้ผมแปลกใจ หมายความว่ายังไงหนอ แต่พอพวกเขาจับผมหมุนสะโพก ผมก็ต่าสว่าง ผมกำลังอยู่ในท่ารับลูกค้า.. แต่แทนที่ไอ้จ้อนด้วย ตาแก่ตาบอด…ผมไม่เคยรู้สึกสยองเท่านี้มาก่อน
ชายแก่ยื่นนิ้วเหี่ยวแห้ง สวมแหวนมรกต…เขาถูวนๆที่ปากทาง
นิ้วมือเสียบตรงๆ “อิ๊!!!” ผมเกร็งสะโพก
“หืม…ตรงนี้อุ่นเป็นพิเศษนะ” ดวงตาสีขาวลอยล่อง
คนงานชายบีบแขนผม จ้องมองสีหน้าผมไม่ละเว้น
นิ้วของตาแก่เคลื่อนเข้ามาลึกอีก ผมอยากดิ้นหนี เมื่อแหวนมรกตของเขาบดเบียดที่ปากทาง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แหวนหลุดเข้ามาเกิดเสียงดังบ้วบ
“สูดหายใจลึกๆนะ เจ้าหนู ผ่อนคลายแล้วจะไม่เจ็บ…” คนงานชายบอก
โธ่…เขาจะเข้าใจอะไรล่ะ นิ้วสวมแหวนกับนิ้วเปล่าๆ ไม่เหมือนกัน กำปั้นกับไอ้จ้อนก็ ไม่เหมือนกัน มีอะไรกับกรรมกร หรือ กับคุณหมีต่างชาติ ยิ่งไม่เหมือนกัน
การถูกคนตาบอด ใช้นิ้วควานเยี่ยงคนตาบอด ก็ไม่เหมือนอะไรที่ผมเคยเจอมาทั้งนั้น!!
“อ๊อย!! …อือ…” แหวนเขาครูดตัวผม ผมบิดเอว
“…...ข้างในเจ้าหนู มีความต้องการด้วย ประกาศเลยนะ ราคาดีแน่ๆ” ชายแก่บอก
”อา… ” ร้อนจังฮะ
“หึหึ เจ้าหนูน่าเคลิ้มรึเปล่า”
คนงานมองหน้าผม“ครับ”
“เยี่ยม เอาขึ้นเวทีเลย …รางวัลสูงสุดกำไลทอง…อย่าให้พวกซิลิเออร์ดึงขาล่ะ ห้ามพวกหมารับใช้ทดลองนอนด้วยเด็ดขาด…รางวัลสูงสุดน่ะ เข้าใจนะ”
“ครับ”
แรงกระชากของคนงานชายที่ จะอุ้มผม กับแรงดึงออกของนิ้วมือตาแก่ เกิดขึ้นพร้อมกัน ผมร้องโอ้ยเสียงดัง แต่ไม่มีใครได้ยิน เพราะข้างนอกเกิดเสียงปรบมือลั่น
คนงานชายอุ้มผม ผ่านประตู เข้าสู่อุโมงค์มืดเล็กๆ เขาขึ้นบันใด ระหว่างนั่นก็เอามือมาขย้ำก้นผม
“เนื้อเด้งดีจังเลยนะ…เจ้าหนู ขอหอมรางวัลสูงสุดหน่อยแล้วกัน” เขาจุมพิตผมที่แก้ม ก่อนจะออกมา กลางเวที โชคดีที่มีคนยืนบังๆอยู่ เขารีบปล่อยผมลง จูงมือเดินไปที่ ชายร่างเตี้ยสวมชุดเหลือง
“เอ้า!! แขกผู้มีเกียรติขอรับ ตั้งใจฟังให้ดี เรายังมีเด็กอีกมากมายในคืนนี้!! อย่าเพิ่งดื่มไวน์จนเมานะขอรับ! ”
คนงานชายปล่อยมือผม กระซิบบางอย่างกับชายร่างเตี้ย ทั้งสองหันมามองผม
“อ่า! เทพมุกดาร์ทรงโปรดชาวบาบิโลน ขณะนี้ รางวัลสูงสุดของเราได้ยืนอยู่บนเวทีแล้ว”
ชายร่างเตี้ยประกาศ สบัดผ้าคลุมเหลืองไสว มีเสียงกระหึ่มของฝูงชนทันที เมื่อคำประกาศจบ
มีกลุ่มคนชะโงกหน้ามองหาบนเวที
ผมแทบจะฉี่ราดอยู่ตรงนั้น รู้สึกตัวหดเล็กลงท่ามกลางชายฉกรรณ์ร่างใหญ่รอบตัวผม…รางวัลสูงสุด พวกเขาพูดอะไรกัน กำไลน่ะหรอ?? ผมเป็นโสเภณีข้างถนน พวกเขาบ้าไปแล้ว!! ทำใมผมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ? ผมมองพื้นเวที รู้สึกว่าเข่ากำลังงอลงๆเอง
“เด็กคนนี้ขอรับ!!!”
ผมรู้สึกคลื่นใส้
ฟึ่บ!! ร่างของผมถูกยกขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ทันหายใจ ผมก็ถูกยกลอย เผยร่างเปลือยเปล่าในสายตาของทุกๆคนในงาน เกิดความเงียบหนึ่งอึดใจ ทันใดนั่น
“นากัล!! นากัลของข้า!!!” เสียงแหบของท่านอ้วน โพลงดัง “เด็กผู้จงรักภัคดีของข้าเอง!! ทุกท่าน!!”
“รางวัลสูงสุดนะขอรับ !! ต้องนำกำไลทองมาแลกไปเท่านั้นนะขอรับ!!! ” ชายเตี้ยร่างอ้วนใส่เสียงที่ดังยิ่งกว่าช้างสามเชือก ทับท่านอ้วนสิ้น “เปิดรับข้อเรียกร้องบัดนี้ขอรับ!”
มีเสียงตีกลองจากมุมห้องหนึ่งครั้ง จากฝูงชนที่เงียบมาตลอด ก็เปล่งเสียงแข่งกัน
“อายุเท่าไหร่?”
“โอ๊ ผมสีนี้ ท่านอะดัททรงโปรด”
”แหกขาเจ้าหนูออกซิ”
“เด็กตัวเท่านี้จะทำอะไรได้ พวกท่านวิปริตรึเปล่า!”
“พวกเรากลายเป็นกรีกไปแล้วรึ!!”
“น่ารัก น่าข่มขืนเสียจริง”
“ราชวงศ์ไม่ควรเสพสังวาสกับเด็กชาย พวกบาปหนา!!”
ตึง!!! กลองดังอีกครั้ง
“ท่านขอรับ พวกเรารับใช้เชื้อพระวงศ์ของเนบูนิดัสอันศักดิ์สิทธิ์นะขอรับ โปรดสำรวมด้วย …กระผมจะชี้นะขอรับ”
“โชว์สิ้นค้าให้พวกเราดูก่อนเซ่! นี้รางวัลสูงสุดนะ ใครจะกล้าโยนกำไลทิ้งง่ายๆล่ะ ”
ทุกคนถกเถียงกัน ระหว่างที่ผมห้อยต่องแต่งอยู่ ผมคลื่นใส้จังฮะ…รสชาติเนื้อแกะบ้านท่านอ้วน ขึ้นมาขมที่คอ ชายเตี้ยกระซิบข้างหู คนงานวางผมลง
“เอาล่ะ…หมุนตัวสิ” เขาสั่ง ผมงงๆก่อนจะทำตาม
“ยิงฟันหน่อย!” คนข้างล่างตะโกน
คนงานชาย ใช้นิ้วดึงริมฝีปากผม “ไม่มีฟันเสีย หอมมินต์ด้วยนะท่าน”
ชายร่างเตี้ยแจม “ผิวดีนะขอรับ ถ้าทำแค่นี้” เขาหยิกขาผม ตีให้เกิดเสียงเพียะ “ก็จะเป็นรอยแดง ต้องการการถนุถนอมอย่างดี โดยพระเมตตาจากบุคคลชั้นสูง…”
“- -ดั่งเช่น โอรสทั้งเจ็ด ของฝ่าบาทเนบูนิดัส ที่พวกท่านรับใช้”
ผมสังเกตุว่า คำพูดนี้มีผลกระทบต่อ ผู้ชมมาก อันที่จริงก็คล้ายการเรียกลูกค้าหน้าร้านมาดามอยู่น๊า ลูกค้าต้องการให้ผม อ่อนกระปวกกระเปียก เพราะเขาจะรู้สึกมีอำนาจอย่างสมบูรณ์ละมั๊ง พวกผู้ใหญ่เข้าใจยากจังเลย
ผู้หญิงตัวผอม ท่าทางหยิ่งยะโส คนหนึ่ง ยกมือขึ้น “ถ้าจะให้ ข้านำเด็กนี่ไป ถวายท่านเนนันตาร์ ซึ่งเป็นโอรสโดยตรงของฝ่าบาท” เธอเน้นคำนั่น “ก็ต้องแสดงมากกว่านี้…”
คำพูดนี้ ทำให้คนอีกกลุ่มไม่พอใจ “ท่านอะดัท ที่พวกข้ารับใช้ ก็มีรสนิยมสูงนะ ”
“อ้าขาเด็กออก เจ้าบนนั่นน่ะ ซักคนหนึ่ง…ข้าจะทราบได้ยังไง ว่าเด็กนี่ ไม่งอแง ฟูมฟาย”
“นั่นสิ เราก็ได้ทาศมาสองคนแล้ว..”
ผมกลืนน้ำลายลงคอแห้งๆ เงยหน้ามามองทุกคนขณะที่พวกเขากำลังต่อรอง สายตาพวกเขากำลังพินิจพิเคราะห์ ผมหันไปเห็นท่านอ้วน เอาผ้าเช็ดศรีษะใกล้โล้นของท่าน สายตาเป็นกังวล มวลในท้องผมเตือนว่า ถ้าไม่มีใครซื้อผม ผมจะต้องเจอกับอะไรอีก…ผมนึกถึงเพิงซอมซ่อของมาดาม กลิ่นอับฉุนในห้องแต่งตัว ขนมปังแข็งเป๊ก เสียงคำรามของลูกค้า เสียงแฉะๆน่ารังเกียจที่ก้น อุ้งมือที่จิกเนื้อผม ….
ชาทรัช…พูดว่า งานนี้เหมาะกับผม เจ้าบ้าขนหินนั่น…
“ให้ทดลองนอนกับเด็กนั่นสิ!” คนดูตะโกน
พี่โจมาร์ของผม…พี่โจมาร์ฮะ กังหันลมยังเหน็บอยู่ที่ต้นขาด้านหลัง ผมเห็นสีหน้าของพี่‘ถ้ามีเด็กยิวในวังก็คงจะดีนะ นากัล’ น้ำเสียงของพี่ แววตาแสนอ่อนโยนของพี่
“ไม่อนุญาตินะขอรับ”
พี่โจมาร์ฮะ ผมจะไม่กลับไปที่นั่น!
ผมสบัดออกจากคนงานชาย เดินไปที่กลางเวที เถิบตัวขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ ท่ามกลางความเงียบและสายตา…ผมกางขาออก
สีหน้าคนดูเปลี่ยนไปอย่างน่าขัน ผมกระเถิบให้พวกเขามองเห็นช่องทางผมชัดๆ ลูกค้าคนนึงเคยให้ผมทำแบบนี้ แล้วเขาก็ให้ผมเอามือถูๆกับไอ้จ้อนตัวเองไปด้วย ผมแค่กำลังจะเอื้อมมือไปแตะมัน แต่แล้วก็ - -
“ในนามของหัวหน้าคนรับใช้ ของท่านเนนันตาร์!! ข้าซื้อเด็กนี่ด้วยกำไลทอง!!!”
“ช่างกล้าหาญเสียจริง!! อะบัทต้องเอ็นดูแน่ ข้าขอซื้อ!!”
“ของข้า!! เขาต้องเป็นของพระองค์ ”“พระองค์เป็นราชนัดดา ไม่สมคว - -”
“คว้าเด็กลงมาเลย!!” “หยิบกำไลออกมาเร็วเซ่!!! ” “เจ้าหนู ลงมานี่เร็ว!!”
!!!ตึง!!!!!ตึง!!!!!ตึง!!!!!!ตึง!!!!!!ตึง!!!!!ตึง!!!!ตึง!!!!!
เกิดเสียงกลองดังกระหึ่มทั่วห้องโถง กลองถูกตีถี่หลายครั้ง ผมรีบเอามืออุดหู
ทั้งห้องหันขวับที่ต้นเสียง
“ในนามของข้า…เซอซัส ทหารที่- - เอ๊ย!! ไม่สิ ต้องเป็นชื่อฝ่าบาทสินะ - - ของเจ้าชาย เบลิธ พระโอรสที่สามของเจ้าเหนือหัว ข้ามียิ่งกว่ากำไล! ”
มีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนนึง แขนเป็นมัดกล้าม กำลังเกาะอยู่ตรงคานกำแพง เขาสวมชุดเกราะสีแดงเลือดหมู แต่กางเกงสีดำผ้าย้วยๆ ผมว่ามันไม่เข้ากันเลยอะฮะ
เขาโยนไม้กลองแล้วกระโดดลงมา เส้นผมรกรุงรังสีดำสบัดปรกหน้า เขาดูหนุ่มจังเลย ไม่น่าจะเลย ยี่สิบห้าด้วยซ้ำ แต่หน้าเขาปกครุมไปด้วยตอของหนวด ลามตั้งแต่ข้างแก้มถึงคาง ดูสกปรกจัง
เขาถือแท่งสีขาวๆแกว่งในมือ กระโดดโลดเต้นระหว่างที่เดินมา ฮะๆๆเขาเหมือนตัวตลกเลย
“กำไล filigree สามเส้น และ ทองสีขาว เห็นมั๊ย สีขาวสะท้อน!” เขาส่องแผ่นนั้นเข้าหน้า ชายร่างเตี้ย
พอเขาขึ้นมาถึง เขาก็กระแทกกำไลสามเส้น และ แผ่นทองขาวๆบนโต๊ะ หันควับมาคว้าตัวผมที่ล้อนจ้อนไปพาดบ่า ผมห้อยหัวอยู่ด้านหลังของเขา
“เซอซัส!!! แกทำแบบนี้ไม่ได้นะ ข้ากำลังจะ - -”
เขาควานหาอะไรข้างๆตัว ซักพักก็เกิดเสียงชิ้ง! ดาบผ่านหน้าผมไป
“ดาบเป็นพยาน…เจ้าหนูเป็นของท่านบาลิธแล้ว” เขาโค้งคำนับหน้าเวที โดยที่มีผมห้อยแก้ผ้าอยู่ด้วย เขากวัดแกว่งดาบ ทำใมเขาต้องทำอะไรแปลกๆอย่างนี้ล่ะ
“เทพมุกดาร์ทรงเมตตาพวกท่าน …. เอิ้ก “เขาเรอเอิ้กใหญ่ “เชิญพูดต่อนะ ท่านเตี้ย!” เขากระโดดลงจากเวที ทำเอาผมกระแทกใหล่แข็งๆของเขาด้วย เจ็บท้องจัง
เกิดเสียงโวยวายอาละวาดของผู้คนทั้งห้องโถง ผมพยายามเงยหน้ามอง แต่คนคนนี้ก็อุ้มผมวิ่งเข้าไปในอุโมงค์ด้านข้างอย่างรวดเร็ว
“นากัล!!! ยอดเยี่ยมไปเลย” เสียงท่านอ้วนร้องลั่น “ข้าจะสร้างรูปปั้นให้เจ้านะ นากัล!!”
แล้วทุกอย่างในห้องโถงก็ค่อยๆเงียบหายไป
เหลือเพียงแต่ความมืดของทางเดินแคบๆ และเสียงฝี่เท้าของ นายทหารประหลาดคนนี้เท่านั่น
มหาวิหารซิกกูเเรท ตั้งอยู่ข้างพระราชวังในกรุงบาบิโลน ติดกับแม่น้ำสายเล็ก (ปัจจุบันเหลือซากอยู่ที่ประเทศอิรัก)
ตลาดเมียในบาบิโลน
marriage market
===============