โชคครั้งที่ • 1 •“เอาละก่อนที่จะเริ่มต้นชีวิตของนักศึกษาปีสอง เรามาดูโปรเจคที่พวกคุณจะต้องทำส่งผมก่อนดีกว่า” สิ้นเสียงของอาจารย์ที่ดังอยู่หน้าห้องเรียกเสียงโห่ร้องของทุกคนได้เป็นอย่างดี
แน่นอนว่ารวมถึงตัวผมด้วยเช่นกัน...
เพราะอะไรเราถึงพร้อมใจกับโห่ร้องน่ะหรือครับ
ก็วันนี้วันที่ 17 สิงหาคม วันเปิดเทอมวันแรก แล้วคิดดูสิว่าวันเปิดเทอมวันแรก เข้าคลาสเรียนครั้งแรกของปีก็ต้องเจอกับคำสั่งงานแบบนี้จะไม่ให้โห่ได้ยังไงละครับ
แต่ดูเหมือนอาจารย์จะไม่สนใจเสียงของพวกผมเลยสักนิดอีกทั้งยังหัวเราะสะใจอีกต่างหาก
“พวกคุณจะได้มีเวลาทำงานส่งผมไง เทอมนี้มีสองโปรเจค โปรเจคแรกคือทำโปสเตอร์โฆษณาส่งซึ่งก็แล้วแต่พวกคุณว่าจะทำโปสเตอร์แบบไหน โฆษณาหนังสือ ภาพยนตร์ หรือจะอะไรก็ได้แล้วแต่คุณ จัด Proportion (สัดส่วน) ของโฆษณาให้ดี จะแนวไหนยังไงก็ได้ อิสระตามใจคุณเลย” อาจารย์ธีร์ยังคงพูดถึงงานที่ต่อส่งต่อไป
ส่วนผมที่นั่งฟังนี่ก็เริ่มเครียด งานปลายเปิดแบบนี้มันไม่ใช่ง่ายๆ เลย จะทำโปสเตอร์อะไร จะจัดคอนเซ็ปแบบไหนให้มันออกมาดี
“ส่วนอีกโปรเจคคือภาพถ่ายของสิ่งที่คุณทำโปสเตอร์ อย่างสมมติว่าคุณทำโปสเตอร์ภาพยนตร์โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บนโปสเตอร์นั้น คุณก็ถ่ายภาพผู้หญิงคนนั้นให้สื่อถึงภาพยนตร์ที่คุณคิดเอาไว้ อันนี้เอาภาพไม่เยอะผมขออย่างน้อยสิบภาพพอ จำนวนภาพไม่มีผลต่อคะแนน แต่การสื่ออารมณ์ของภาพคือคะแนน แล้วปลายเทอมเรามาจัดนิทรรศการกัน!”
แน่นอนว่าพออาจารย์ธีร์พูดจบปุ๊บพวกผมก็ร้องโอดครวญกันทันที ส่วนอาจารย์ก็ทำเพียงแค่หัวเราะกับท่าทางของทุกคน
แล้วหลังจากที่บอกโปรเจคเสร็จเรียบร้อยการเรียนการสอนก็เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง ผมได้แต่นั่งเอาคางเกยอยู่บนโต๊ะตลอดเวลาสามชั่วโมง แล้วทันทีที่อาจารย์ธีร์เดินออกจากห้องผมก็เด้งตัวลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมกับเพื่อนๆ อีกสี่คน
“หิวๆๆๆ ไปหาไรกินกันเถอะ กูหิวมากกกกกกกก” เสียงของเพื่อนผมเริ่มส่งเสียงโหยหวนทันที
“จะกินอะไรมึงว่ามาเดี๋ยวกูจะพาไปกิน” ไอ้เกลียวเพื่อนอีกคนในกลุ่มว่าก่อนจะเดินไปยกมือกอดคอไอ้เป้เอาไว้
“กายมึงอยากกินไร”
“ไอ้กายอะนะ มันมีอย่างเดียวที่อยากกินนั่นแหละ มันอยากกิน
'ฝน'ไง”
พอไอ้เป้หันมาถามผม แบบที่ผมยังไม่ทันตอบไอ้เกลียวก็ตอบแทนก่อน แล้วไงละครับ ไอ้พวกที่เหลือก็โห่ฮิ้วกันสนุกสนาน
“สัส! กวนตีน” ผมด่ามันไป
“ด่าๆ ด่ากูแต่ไม่ปฏิเสธนะเพื่อนกาย ฮ่ะๆๆๆๆ” แล้วมันก็หัวเราะกันอีกรอบ ผมเลยได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะพูดอะไรไปมากกว่า
ในกลุ่มผมมีทั้งหมดห้าคนรวมผมด้วย ก็มีผมนายกาย คามินสุดหล่อประจำกลุ่ม ไอ้เป้ ไอ้เกลียว ไอ้ไม้แล้วก็ไอ้แม็คครับ เป็นกลุ่มเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้อยู่ปีสอง (พูดเหมือนนาน) เราแต่ละคนมาจากคนละโรงเรียนกันเลยครับ แต่กลับสนิทสนมกันอย่างกับเรียนด้วยกันมานาน เพราะฉะนั้นทุกคนในกลุ่มก็จะรู้เรื่องของคนอื่นดี(กว่ารู้เรื่องของตัวเอง)
“พูดมาก จะไปกินไหมข้าวน่ะ” ผมว่าก่อนจะเดินนำพวกมันออกจากห้องเรียน
เราไม่ได้ไปกินที่ไหนไกลหรอกครับก็โรงอาหารของคณะนั่นแหละครับเพราะตอนบ่ายยังมีเรียนกันต่อจะออกไปหาอะไรกินหน้ามอหรือที่อื่นคงกลับมาเรียนกันไม่ทัน
“เฮ้ออออออ” อยู่ๆ ไอ้ไม้ก็ถอนหายใจออกมาเสียงดังในขณะที่พวกเราทั้งห้าคนกำลังเดินไปที่อาคารเรียน
“เป็นอะไรวะ ถอนหายใจซะเสียงดังเลยมึง” ไอ้แม็คหันกลับไปถาม
“พอดีกูคิดเรื่องโปรเจคที่อาจารย์ธีร์พูด คิดแล้วเครียด” แล้วคำตอบของไอ้ไม้ก็ทำเอาพวกเราทุกคนเครียดตามเลยครับ
เหมือนจะมีเวลานานใช่ไหมละครับกว่าจะปลายเทอม แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลยครับ เราไม่ได้ส่งงานตูมเดียวปลายเทอม แต่ส่งกันทุกอาทิตย์ครับ เชื่อเถอะถึงแม้ว่าวันนี้อาจารย์ธีร์จะไม่ได้บอกว่าอาทิตย์คุยเรื่องโปรเจค แต่พอเข้าคลาสไปอาจารย์ต้องถามถึงหัวข้อที่จะทำแน่นอน เพราะฉะนั้นก็เหลือเวลาอีกแค่หกวันก่อนถึงวันเรียนอีกรอบ
“ห่า... พูดซะกูหดหู่ตามเลยไอ้ไม้ กูยังไม่อยากเครียดมึงเข้าใจไหมมมมมม” ไอ้เกลียวเริ่มโหยหวนคนแรกเลยครับ
ผมได้แต่หัวเราะเมื่อเห็นท่าทางจะเป็นจะตายของมัน เห็นแล้วหมั่นไส้เลยต้องขอตบหัวมันสักทีเถอะ
“เชี่ยกาย!! ตบหัวกูทำไม”
“หมั่นไส้ว่ะ ฮ่าๆๆ”
“สัส!! กูจะฟ้องฝนมึง” ไอ้เกลียวยกมือชี้หน้าผมแล้วร้องลั่น
ผมไหวไหล่อย่างไม่สนใจ “ถ้ามึงหาฝนของกูเจอก็เชิญไปฟ้องเลยครับเพื่อน”
สงสัยกันใช่ไหมครับว่า
‘ฝน’ ที่ว่านี่คือใคร เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้หรอกครับ ไม่รู้ด้วยว่าชื่ออะไร แต่ที่เพื่อนๆ ผมเรียกว่าฝน เป็นเพราะว่าผมเจอเขาในวันฝนตกครับ เราไม่ได้บังเอิญชนกัน หรือได้คุยกันหรอกครับ ผมแค่เห็นและได้ถ่ายรูปเอาไว้ หลังจากนั้นผมก็ได้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยเข้าไปทัก เอาเป็นว่าผมจะค่อยๆ เล่าเรื่องของ ‘ฝน’ ให้ฟังทีหลังแล้วกันนะครับ เพราะเรื่องของเขามีเยอะมากจริงๆ
พวกผมเดินไปคุยกันไปส่งเสียงเฮฮาอย่างไม่เกรงใจใคร คงมีหลายคนมองแล้วก็นึกด่าอยู่ในใจแน่นอนครับ แต่พวกผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ก็นะ… คนหล่อนี่ครับ ทำอะไรก็ไม่ผิดหรอก
พลั่ก!!
ตุบ!!
โอ๊ย!!เพราะความไม่สนใจอะไรของพวกผม ผมจึงเดินไปชนกับใครบางคนจนข้าวของของเขาหล่นลงพื้นแถมคนที่โดนผมชนหรือเขาชนผมก็ไม่รู้ยังล้มลงไปกับพื้นอีกด้วย
“เฮ้ย! ขอโทษครับๆ เป็นไรมากไหม” ผมหันไปมองอย่างตกใจก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษปรกๆ รุ่นพี่ รุ่นน้องหรือรุ่นเดียวกันก็ไม่รู้หรอกครับ ขอโทษไว้ก่อน
“ม ไม่เป็นไร…” อีกฝ่ายบอกเขาค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นยืน
แล้วพอเขาเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้นแหละครับ ตัวผมอย่างกับถูกแช่แข็ง เพื่อนผมก็เหมือนกัน ผมหันมองเพื่อนอย่างตื่นๆ เมื่อไอ้เป้สะกิดผมใหญ่ มันพยักหน้าไปทางผู้ชายคนนั้น คนที่กำลังก้มลงเก็บของเป็นเชิงบอกให้ผมช่วยเก็บ
และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกตัวรีบก้มลงช่วยเขาเก็บบรรดาดินสอที่ร่วงกระจัดกระจายบนพื้นแล้วก็กระดาษรวมไปถึงกระดานรองสำหรับวาดรูปด้วย
“นี่ครับ”
คนตรงหน้าผมเงยหน้าขึ้นมอง เขาตัวเล็กกว่าผม แน่นอนว่าเตี้ยกว่าผมด้วยแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่
“ขอบคุณนะครับ” เขายิ้มกว้างส่งมาให้
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ ล้มไปเมื่อกี้ได้แผลหรือเปล่า” แน่นอนว่าผมไม่ได้ถามครับแต่เป็นไอ้ไม้เพื่อนของผม ส่วนผมนะเหรอ…
หลังจากเห็นรอยยิ้มนั้นแล้วก็ได้แต่ยืนค้างด้วยความตกตะลึง ตัวแข็ง ช็อคไปแล้ว
“อ๋อ… ม ไม่…”
“เรนนนนนนนนน” แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นก่อนจนเขาหันกลับไปมอง
“ตินา!” เขาร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อได้เจอผู้หญิงคนนั้น
คนที่ชื่อตินาสวยมากครับ แล้วเธอก็หุ่นดีมากๆ ด้วย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอกครับ ประเด็นคือเขาหันไปยิ้มกว้างให้อย่างดีใจต่างหาก ดวงตากลมใต้แว่นสายตาหนาๆ นั้นก็เป็นประกายเชียวครับ
หมับ!พอผู้หญิงที่ชื่อตินาเดินมาถึงเธอก็จัดการใช้สองมือจับแก้มเขาทันทีแล้วก็… ยืด…
“เอ็บบบบบบบบ” เขาร้องลั่นยกมือขึ้นดึงมือของผู้หญิงคนนั้นออกจากแก้มของตัวเอง แก้มขาวๆ ของเขาขึ้นสีแดงทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นละมือออก
เจ็บมากไหม…
ผมอยากจะลูบแก้มนั้น…แต่เหมือนจะไม่มีโอกาส เพราะผมรวมไปถึงเพื่อนๆ เหมือนกลายเป็นส่วนเกินไปแล้ว
“นี่มันหน้าคณะนิเทศ!!!” ผู้หญิงที่ชื่อตินาพูด
เขาทำตาโตทันที หันขวับกลับมาทางผม แต่เขาไม่ได้มองผมหรอก มองเลยไปด้านหลังผมซึ่งมีตึกคณะนิเทศศาสตร์หรือก็คณะที่ผมเรียนอยู่ตั้งอยู่
“อ้าว… นี่คณะนิเทศเหรอ อย่างนี้แสดงว่าเราก็หลงทางสินะ” พอเขาเลิกทำตาโตก็หันกลับไปพูดกับผู้หญิงคนนั้นยกมือเกาหัวตัวเอง
ผู้หญิงคนนั้นกรอกตาไปมาเหมือนกับระอา ก่อนจะยกมือดึงแก้มเขาอีกรอบ
ผมอิจฉา…“อยู่มหา’ลัยนี้มาปีนี้ปีที่สามแล้วนะเรน เมื่อไหร่จะเลิกหลงทางสักที เมื่อวานก็เดินหลงไปคณะเทคนิคการแพทย์ ส่วนเมื่อเช้านัดที่โรงอาหารกลางก็ดันหลงไปโรงอาหารคณะวิศวะ เกือบโดนให้พวกเด็กเถื่อนมันจีบแล้วไหมละโชคดีแค่ไหนที่ไอ้ป้อมันไปเจอแล้วพามาน่ะห๊ะ” ผู้หญิงคนนั้นใส่เขาไม่หยุด
ส่วนผมนี่ได้แต่ยืนอึ้ง…
“แหะๆๆ เราขอโทษ ก็เราลืม ไปๆ เราต้องรีบไปที่คณะนี่ใช่ไหม เอ่อ! เดี๋ยวนะเมื่อกี้เราล้ม พวกนี้ช่วยเราเอาไว้” เขาบอกก่อนจะหันมาชี้พวกผม
เอาจริงๆ พวกผมไม่ได้ช่วยหรอก ก็ผมชนเขาจนล้มไปเอง
“ขอบคุณนะครับที่ช่วยเก็บของให้” เขาพูดแล้วยิ้มให้พวกผมอีกรอบก่อนที่ผู้หญิงที่ชื่อตินาจะคว้าเอากระดาษวาดรูปจากมือของเขาไปถือเอาไว้แล้วลากเขาออกไปอีกทาง
และทันทีที่เขาเดินออกไป
ผมก็ทรุดลงกับพื้นทันที…************************************************
มาแล้วค่ะสำหรับตอนที่ 1 หลังจากเปิดเรื่องไปเป็นเดือน แค่เริ่มเรื่องก็น่ารักแล้วใช่ปะล่ะ พระเอกของเราชื่อน้องกายนะคะ ชื่อน่ารัก นิสัยก็น่ารัก(?) 5555555 ตอนนี้ยังไม่มีอะไรจะพูดมากเท่าไหร่ ยังไงฟางก็ขอฝากนิยายอารมณ์ดี อ่านคลายเครียดเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะคะ หวังว่าทุกคนจะชอบกันค่ะ ^^
อย่าลืมคอมเมนต์ให้ฟางด้วยนะ แต่งมาให้อ่านแล้วก็อยากอ่านคอมเมนต์บ้าง คอมเมนต์กันด้วยน๊า พลีสสสสสสสสสส
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ