เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน รันเพื่อนรัก
มันน่าตกใจขนาดไหน ที่กลับเข้ามาในห้องแล้วพบว่า มีใครบางคนนั่งรออยู่บนเตียง ไม่แปลกหรอกที่มีคนรอ แต่คนรอไม่รู้บ้างหรือไง ว่าทำให้คนที่กลับเข้ามาแทบจะลืมหายใจ
นัทหันหน้าไปมองคนที่เปิดประตูบ้านพักเข้ามา มองแล้วก็หันกลับไปที่เดิม ส่วนคนที่เดินเข้ามากำลังเริ่มท่องสูตรคูณในใจอีกแล้ว
ทุกอย่างปกติดี จะมีที่ทำให้ไม่ปกติก็คนที่อยู่บนเตียงนั่นแหละ นุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียว แล้วก็นั่งรอ
สภาพผมเปียกลู่ และผิวขาว ๆ ทั้งร่างเผยให้เห็นหมด มันก็ไม่ได้แปลก ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะรู้สึกเฉย ๆ เพราะก็มีอะไรไม่ต่างกัน แต่พอเป็นไอ้เด็กนัทแล้วมัน….
“นัทเปลี่ยนเสื้อก่อน”
รับเสื้อมาถือเอาไว้ และคนที่นั่งอยู่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย ลุกขึ้นยืนและใส่เสื้อต่อหน้าคุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่ง
ผิวเนียนไปไหน จะขาวไปไหน แล้วไอ้จุดสีชมพูอ่อนสองข้างที่แผ่นอกเนียนขาวที่เห็นได้ชัดนั่นมันอะไร
ถึงกับเมินหน้าหนีไปอีกทาง ไม่กล้าจะมองกันตรง ๆ มันจะเกินไปแล้วคุณนัท ทำแบบนี้มันเกินไปหน่อยแล้ว คิดอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนี้ คิดจะทำให้ผู้ชายที่เพิ่งหอมแก้มตัวเองไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเป็นบ้าใช่มั้ย ไม่รู้ตัวบ้างเลยว่าทำแบบนี้ มันเสี่ยงแค่ไหน
“คุณรัชชานนท์”
หันหน้ากลับมามอง และนัทก็ก้มหน้าก้มตาอย่างอาย ๆ
“นั่น”
เสื้อผ้าบางส่วนถืออยู่ในมือและยังไม่ได้ส่งให้ และในเวลานี้ฟ้าก็ยื่นของที่อยู่ในมือให้ กล่องเล็ก ๆ ที่มีกางเกงในอยู่นั้น
นัทรับมาถือเอาไว้แล้วแกะกล่อง หยิบบางอย่างที่อยู่ในนั้นออกมาคลี่ดู
“ใส่ได้หรือเปล่าไม่รู้นะ กะเอาว่าประมาณนี้”
อะไรนะ กะเอาว่าประมาณนี้ ประมาณนี้มันประมาณไหน
นัทถึงกับทำหน้าไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก อยากจะวิ่งหนีออกไปซะให้พ้น ๆ แต่ทำแบบนั้นมันก็ดูจะเกินไป
“หมายถึง............."
เบิ่งตากว้างขึ้นและนัทก็มองหน้าของคุณรัชชานนท์ที่เพิ่งรู้ว่าพูดอะไรบางอย่างแปลก ๆ ออกไป
"หมายถึงกางเกงครับ ไม่ใช่ เอ่ออ...”
และก็กลายเป็นฟ้าที่ชักจะทำหน้าไม่ถูกขึ้นมาซะเอง
“อ่า กางเกงครับ นัทก็คิดว่ากางเกงเฉย ๆ ไม่ใช่อย่างอื่น...”
นัทรีบชิงพูดตาม และกำลังจะสวมสิ่งที่ได้รับมาต่อหน้าคุณเลขาหน้านิ่งที่เริ่มไม่รู้ว่าจะจัดการกับอารมณ์แปลก ๆ ของตัวเองยังไง
“พี่อาบน้ำก่อนแล้วกันนะครับ นัทนอนเลยก็ได้”
ใครจะไปยืนอยู่ได้ล่ะ ขืนมากกว่านี้ก็ชักจะไปกันใหญ่ เด็กนั่นก็ยิ่งยั่วอารมณ์อยู่ด้วย เคยรู้ตัวบ้างมั้ยว่าทำอะไรลงไป
ท่าทางจะไม่เคยรู้ตัว
ฟ้าหันหลังและหยิบผ้าขนหนูมาถือเอาไว้ รีบเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว ทิ้งให้นัทยืนหน้าแดงอยู่คนเดียวเงียบ ๆ
ตกใจกับคำพูดแปลก ๆ ของคนที่เดินเข้าไปอาบน้ำ พี่ฟ้าพูดอะไร นัทงงมากตอนที่พี่ฟ้าพูดว่า กะขนาดมาให้
คิดไปไกลถึงไหนแล้ว ยังดีที่พี่ฟ้าพูดให้ชัดเจนขึ้น ไม่งั้นคงได้คิดอะไรไปไกลยิ่งกว่านี้
“บ้านัทเอ้ย”
บ่นตัวเองแล้วก็ขบริมฝีปาก ไม่รู้เป็นอะไร คิดอะไรบ้าบอไปเรื่อยเปื่อย ก็พี่ฟ้ามาหอมแก้มนัททำไม
ก็เพราะพี่ฟ้า มาทำให้นัทไม่เป็นตัวของตัวเอง หยอกล้อกันเล่น ทำแบบนั้นก็คงไม่ได้คิดอะไร คงแค่อยากจะแกล้ง
พี่ฟ้า.........แกล้งนัทแบบนั้น มันทำให้นัทยิ่งคิดอะไรไปกันใหญ่ และพาลจะเข้าข้างตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย และนัทก็มายืนอยู่ที่หน้ากระจก มองหน้าตัวเอง แล้วก็รู้สึกว่าเหมือนกำลังหน้าแดง และตาเยิ้ม
“ไอ้นัท อย่ามาทำเป็นยิ้ม”
ว่าตัวเองในกระจก แล้วสุดท้ายก็เผลอยิ้มออกมาจนได้ ชี้หน้าตัวเองแล้วก็ส่ายหัวน้อย ๆ
“ยิ้มทำไมว๊า”
บ่นกับตัวเองเสียงเบา และก็เดินมานั่งอยู่บนเตียง มองไปที่ประตูห้องน้ำ แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น ไม่หรอกมั้ง เข้าข้างตัวเองเกินไปไม่ดีนะนัท พี่ฟ้าเนี่ยนะ จะมีใจ คิดไปเองแล้วแบบนี้ เพ้อเจ้อน่า
คิดอะไรไปเรื่อย คิดแล้วก็พาลแต่จะยิ้ม
แต่เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นปลุกให้หลุดจากภวังค์และนัทก็เดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
“รัน”
อ่านชื่อแล้วก็กดรับสาย ไม่ทันได้พูด เพราะเสียงจากปลายสายดังไกลข้ามทวีปมาหาเรียบร้อย
“นอนยังวะ”
ยัง
ยังไม่นอน
“โทรมาถามแค่นี้เหรอ นอนแล้วมั้ง ที่รับสายอยู่นี่คงรับจากในฝัน”
แกล้งยียวนกวนประสาท แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะลั่นของคนที่โทรมา
“นัทไม่ใจร้ายหรอกวะ ถามจริง ๆ จะปล่อยให้กูเหี่ยวเฉาตายจริง ๆ หรือไง”
ได้ก็ดี แต่คงไม่ตายหรอกมั้ง ได้ข่าวว่ามีเมียแหม่มเรียบร้อยแล้ว ชีวิตคงจะสดชื่นสดใสน่าดู
“แต่งงานแล้วดิ”
แต่งแล้ว แต่งได้พักหนึ่งแล้ว
“หย่าแล้ว”
เฮ้ยยยยย ทำไมเป็นงั้นล่ะ
“กี่ปีวะเนี่ย”
กี่ปีอะไรล่ะ ยังไม่ถึงปีเลยมั้ง
“ช่างแม่งเหอะ รู้เปล่า เขามีชู้แล้วมาบอกว่าเป็นลูกของกู แม่งอย่างเหี้ย โดนฝรั่งหลอกต้มซะเปื่อยเลย”
ยังไงล่ะนั่น กำลังจะอ้าปากถาม แต่ไม่ต้องให้ถาม เพราะว่าคนที่อยู่ปลายสายเล่าออกมาเป็นฉาก ๆ และท่าทางจะเล่ายืดยาว
นัทมองไปที่ประตูห้องน้ำที่ถูกเปิดออก พี่ฟ้ามาแล้ว เกรงใจแย่ มาคุยโทรศัพท์ดึก ๆ ดื่นๆ ป่านนี้
นัทเดินออกไปนอกบ้านพัก นั่งตรงระเบียงส่วนที่ยื่นออกไปริมน้ำ เปิดไฟ และไปนั่งรับลมอยู่ตรงนั้น โดยมีสายตาของใครบางคนมองตาม
“ต่อดิ ยังไงวะ”
ไม่ยังไงหรอก
“ก็นั่นแหละ โดนหลอก แต่งได้แป๊บเดียว เอากันไม่ถึงสองที แป๊บ ๆ จะคลอดลูกซะแล้ว แบบนี้มันหมายความว่ายังไง”
ไม่หมายความว่ายังไงหรอก ก็หมายความว่าโดนหลอกไง
“แล้วไม่รักกันเหรอ อภัยไม่ได้เลยเหรอ”
รักอยู่หรอก แต่โดนหลอกแบบนี้ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
“แล้วให้ทำยังไง ถ้าบอกตรง ๆ ก็ไม่ได้ว่าหรอก แต่นี่มาหลอก ทำไมต้องหลอกด้วยวะ เห็นเป็นเอเชียแล้วโง่มากจนไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยเหรอว่าถูกหลอก”
เออนะ ก็จริง
“แล้วหนุนรู้ยัง”
รู้อะไรล่ะ ใครจะไปกล้าคุยด้วย ห่างกันไปตั้งพักใหญ่ เกิดโทรไปหา คงโดนด่า ว่ามีความสุขแล้วลืมกัน หายหัวไปเป็นชาติ แล้วแบบนี้ใครจะกล้าโทร
“คนมีแฟน ไปยุ่งด้วยก็ไม่ดี นัทยังโสดอยู่เปล่าวะ เมื่อไหร่หาเมีย”
คงหาได้หรอกนะ สภาพอย่างนี้
“ยังไม่คิด”
ตอบกลับไปง่าย ๆ ไม่ใช่ไม่คิดหรอก แต่คิดแล้วมันก็เป็นไปไม่ได้เลยไม่กล้าคิด แต่นาน ๆ ไปก็ชักจะเริ่มคิดเหมือนกัน เผื่อเป็นไปได้
“นัทคนดี ใครไม่เอาคนดีอย่างมึงก็โง่แล้วนัท”
เยอะแยะ
“เออสงสัยคนโง่กันทั้งโลก”
ตอบกลับไปแล้วก็ยิ้มน้อย ๆ รันก็มีเรื่องของรัน ไม่ได้คุยกันนานมาก ไม่คิดว่าวันนี้จะโทรมา
“สบายดีมั้ยวะ จะอยู่ที่โน่นตลอดเลยเหรอ ไม่คิดกลับมาหรือไง”
คิดอยู่หรอก ก็คิดจะกลับ
“กลับแน่ คงเป็นกลางเดือนหน้า อย่าบอกหนุนนะ เดี๋ยวมันสมน้ำหน้า ว่าไปแล้วเอาตัวไม่รอด จริง ๆ ก็จะมาพักก่อน เหนื่อยว่ะ อยู่ที่ที่ไม่ใช่บ้านเมืองเรามันเหนื่อย พ่อแม่เขาชิน ส่วนรันไม่ค่อยชินว่ะ ยิ่งโดนหลอกแบบนี้ด้วยนะ กลับบ้านหาสาวไทยดีกว่า”
เกินไปพูดแบบนั้นก็เกินไป
“สาวไทยที่โน่นก็มี”
มีก็จริง
“แต่ไม่เหมือนสาวไทยที่เมืองไทย รบกวนเปล่าเนี่ย จะนอนยัง มาฟังบ่นแบบนี้คงรำคาญแย่เลยดิ”
ก็รำคาญอยู่หรอก
“โคตรขัดจังหวะเลย กำลังจะได้กันกับคนที่พามานอนด้วยแล้ว”
แกล้งพูดออกไป แล้วนัทก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสาย
“ร้ายนะมึง ไม่เจอไม่ทันไร รู้จักพาผู้หญิงมานอนด้วยแล้ว”
โดนแซวและนัทก็หัวเราะร่วน ผู้หญิงอะไรล่ะ ผู้ชายนะนั่น ปากดีไปงั้น ขืนรันรู้ว่าโม้ อายแย่
“ว่างเปล่าเดือนหน้า เดี๋ยวมากินข้าวด้วย”
ว่าง
“มาดิ แต่เลี้ยงนะ กูไม่มีตังค์ว่ะ ช่วงนี้จน”
โห เจ้าของโรงงานแต่มาบอกว่าจน ใครจะไปเชื่อ
“มีเงินไม่ถึงห้าสิบล้าน ก็เลยบอกว่าตัวเองจนว่างั้น”
แกล้งแหย่แกล้งแซวแล้วนัทก็หัวเราะเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
“เออจนจริง ๆ ดีหน่อยที่เลขาเลี้ยงดูอย่างดี หาข้าวหาขนมให้กิน ไม่งั้นกินแต่บะหมี่ถ้วย ผอมตายแน่กู”
คุยไปเรื่อยเปื่อย คุยไปหัวเราะไป
“เลขาสวยเปล่าวะ หรือว่าที่บอกว่าพามานอนด้วย”
ไม่ใช่หรอก เลขาไม่สวย แต่เลขา หล่อมาก และดูดีทุกองศา ไม่เว้นแม้กระทั่งเวลานอน
“เลขาไม่สวยเลย ดุ ชอบทำหน้านิ่ง แต่ว่าดูแลดีตลอดเวลา ขนาดนอนยังดูดีเลย ถ้าจะมีแฟนก็อยากได้แบบเลขานี่แหละวะ เข้าถึงยากดี”
ขนาดนอน โห จะเกินไปแล้วไอ้นัท
“ไปเห็นเขานอนแล้วหรือไง ร้ายนี่หว่า จะเคลมเลขาเหรอวะ”
ไม่รู้สิ คงไม่ยอมให้เคลมหรอก เคลมได้ก็เคลมไปแล้ว เจอหน้าดุแบบนั้น ใครจะกล้า
“เห็นแล้วสิ ระดับกู ไม่มีโดนหลอก”
ขอบใจมากไอ้นัท ที่สมน้ำหน้ากู
“อยู่ใกล้นะ มึงตายไปแล้วไอ้นัท”
“บังเอิญอยู่ไกลว่ะ กูเลยรอด”
เออ ปากดีเหอะมึง อย่าให้กูกลับมาก่อนแล้วกัน จะไปดูหน้าเลขามึงซะหน่อย ว่าจะเข้าถึงยากอย่างที่ว่าจริงหรือเปล่า
“ไปนอนกับเลขามึงเหอะ รบกวนเวลากูมากแล้ว”
พูดผิดพูดใหม่ได้นะ ที่โทรมามันทางโน้นไม่ใช่เหรอ แล้วก็มารบกวนเวลากูด้วย ไม่รู้จักเกรงใจซะบ้าง
“ครับ ขอโทษครับ คุณรัน”
เออดีมาก
“เอากับเลขาให้สนุกนะ กูรู้หรอก เลขามึงอยู่ข้าง ๆ”
ไอ้รัน มึงอย่ามาทำเป็นรู้ทัน
“อยู่ข้าง ๆ แต่เอาไม่ได้โว้ย เดี๋ยวแม่งบีบคอกูตาย”
พูดแล้วก็หัวเราะ ต่างฝ่ายต่างหัวเราะ ด้วยความชอบใจ
“ตกลงเอากันแล้วดิ สรุป”
เอากันที่ไหน แค่โดนหอมแก้มทีกูยังจะเป็นลมเลย เรื่องนั้นอีกยาวไกล จะเป็นไปได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย
“ไม่หรอก เขาไม่ได้ชอบกู เขามีคนที่ชอบแล้ว แห้วไปตามระเบียบ ที่อยู่ใกล้กันทุกวันนี้ก็แค่มอง ได้แค่มอง ชอบไปก็ไม่มีประโยชน์”
คล้าย ๆ จะเศร้าเลยนะ
“อย่าบอกนะว่ามึงชอบเลขาตัวเองเข้าให้แล้ว”
ไม่ใช่เพิ่งชอบ ชอบมานานแล้ว แต่บังเอิญว่าพี่ฟ้าเพิ่งมาเป็นเลขาให้ก็เท่านั้น
“มีประโยชน์อะไร เผลอ ๆ เขาก็คงเกลียดกูจนอยากฆ่าทิ้งวันละสามสิบรอบล่ะมั้ง”
บ่นไปเรื่อยเปื่อย พูดไปเรื่อย และก็มองไปที่แสงไฟระยิบระยับที่มองเห็นได้จากที่ไกล ๆ น้ำค้างลงมาแล้ว เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่แค่อากาศเย็น แต่เริ่มจะหนาว ดึกมากแล้วสินะ แต่ก็ยังไม่นอน
“จีบสิวะ จีบไปจีบมาเดี๋ยวก็ติดเอง ใกล้ชิดด้วย งานนี้สบาย”
เออ จะลองทำดูแล้วกัน ถ้าไม่โดนเขาด่าเอานะ ก็ว่าจะลองดู
“เดี๋ยวจะลองดู”
ตอบรับไปเรื่อย และคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อย นัทนั่งอยู่ที่ระเบียงที่ยื่นออกไปที่ท่าน้ำ ส่วนใครอีกคน กำลังนั่งอยู่บนเตียงในห้อง
เอนหลังพิงกับเตียง แต่ไม่ได้ล้มตัวลงนอน
เปล่า ไม่ได้แอบฟัง ไม่เคยคิดจะแอบฟังเลย แต่เวลาดึกดื่น เสียงนาฬิกาเดินก็ยังได้ยิน แล้วนับประสาอะไรกับเสียงคุย
ไม่ได้คุยดัง แต่เพราะเวลานี้ทุกอย่างหยุดนิ่ง และเงียบสงบยิ่งกว่าเวลากลางวัน ประตูระเบียงถูกปิดจริง แต่พอปิดแล้วประตูก็กระเด้งกลับ จนเหลือพื้นที่ว่างระหว่างประตู และในเวลานี้ฟ้าก็ได้ยินสิ่งที่ใครบางคนพูดทั้งหมด
ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็แค่ฟังไปเรื่อย ๆ มีบางครั้งที่ฟังแล้วยิ้ม บางครั้งก็รู้สึกเศร้าแทน และนึกสงสาร นัทนั่งคุยโทรศัพท์อยู่อีกพักใหญ่ ก่อนจะวาง และเดินเข้ามาในห้อง เดินเข้ามาและก็เห็นว่าใครบางคนเหลือบสายตามอง
“ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”
ทักทายไปตามมารยาท และมานั่งอยู่บนเตียงของตัวเอง กดโทรศัพท์เพื่อเปลี่ยนเวลาการปลุก และฟ้าที่กำลังพยายามจะไม่ยิ้ม ก็ชักจะเริ่มฝืนเอาไว้ไม่ไหว
“นัท”
หือ อะไรเหรอ
“มานั่งนี่”
ทำไม มีอะไรหรือไง
“ไปทำไม”
เอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ และคนที่เรียกให้เข้าไปหาก็เรียกซ้ำอีกรอบ
“มาเถอะน่า”
ทำไมล่ะ พี่ฟ้ามีอะไร
“พี่ฟ้าเป็นเลขา พี่ฟ้านั่นแหละที่ต้องมา”
เป็นข้อต่อรอง ที่ทำให้คนฟังอยากจะหัวเราะให้ดังลั่น ถ้าจะพูดกันขนาดนี้ แล้วจะไปทำอะไรได้
“ไม่มาใช่มั้ย”
ใช่ ไม่..... ก็ว่าจะไม่ไปหาอยู่หรอกนะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ไป ไปนั่งอยู่บนเตียง ข้าง ๆกับคุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่ง
สงสัยว่าอีกฝ่ายจะเรียกมาทำไม แต่ไม่ต้องรอนาน ความสงสัยตั้งแต่แรกกระจ่างชัดทันที
“ตกลงคนที่ชอบคือใคร”
ใครอะไร ใครไม่มี ไม่มีใคร ลุกขึ้นเตรียมเดินหนีและก็เหมือนเดิม ยังคงช้ากว่าคนที่อยากได้คำตอบ
“เดี๋ยวค่อยไปซิ”
ทำไมล่ะ แล้วพี่ฟ้าจะทำไม
“มาให้กอดที”
อะไรนะ หมายความว่ายังไง ไม่ได้ อย่ามาเล่นแบบนี้ อย่ามาแกล้งกันเล่นแบบนี้ อย่ามาทำกับนัทแบบนี้ ไม่ต้องเลยไม่ต้องไม่...
ถูกรั้งเข้าไปกอด กอดเอาไว้แน่น แล้วนัทก็ได้แต่นั่งนิ่งตัวแข็งทื่อ
นั่งนิ่งเงียบตาค้างและทำตัวไม่ถูก คนกอด กอดจนพอใจ กอดอย่างที่อยากกอด แล้วก็ยอมปล่อยให้นัทเป็นอิสระได้
อะไร เกิดอะไรขึ้น งง ไม่เข้าใจ ที่พี่ฟ้าทำ หมายความว่ายังไง
ลุกขึ้นยืนอย่างมึนงง และกลับมาที่เตียงของตัวเอง ล้มตัวลงนอน .....นอนโดยมีสายตาของใครบางคนมองตาม
มองแล้วก็ยิ้ม ยิ้มแล้วนัทก็หันไปมอง แล้วต้องรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว
อะไรวะ พี่ฟ้าเป็นอะไร พี่ฟ้าเป็นอะไรไปแล้ว ไม่เข้าใจ มองขนาดนี้ มองกันแบบจะให้ตายกันไปข้าง ถ้าจะมองกันขนาดนี้ แกล้งตายไปเลยดีกว่า จะได้จบเรื่องไปซะ
นัทรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง เอาสิ คลุมขนาดนี้ไม่มีอะไรจะให้เห็นแล้ว คราวนี้จะได้เลิกมอง
แต่นัทคิดผิด ที่คิดว่าอีกฝ่ายจะเลิกมอง เพราะไม่ใช่แค่มอง คนที่มองยังยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และส่ายหน้ากับสิ่งที่นัททำ
ให้มันได้อย่างนี้สิ
คนเรานะ ถ้าคิดจะน่ารักก็น่ารักซะให้พอเลย จะได้มีภูมิต้านทานเยอะ ๆ เวลาที่เจอความน่ารักขั้นสุดยอด ต่อไปคงสงบจิตสงบใจได้บ้างถ้าต้องเจอความน่ารักของนัทที่มากกว่านี้
คิดจะเคลมเลขาเหรอนัท ช่างคิดได้นะ ถ้าไม่กลัวถูกเลขาเคลมกลับก็ลองดู
TBC.
Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน
และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง