“เอาเล้ย ไอ้มะขาม จะพูดอะไรพูดมาดิ ยืนอึ้งเป็นหมางงอยู่ได้”
ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ เสียงไอ้ลิงนั่นเองที่ตะโกนขึ้นมาบนเวที หลังจากผมยืนอึ้งอยู่นาน เรียกเสียงหัวเราะได้ฮาเบ่อเริ่ม
“ฝากไว้ก่อนเหอะเมิง........เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม”
“กระโถนไหม” เสียงไอ้ลิงอีกแร้วววว นี่เมิงจะแซวกรูไปถึงไหน เรียกเสียงฮาได้อีกยก
“ไม่ต้อง กรูกลืนแล้ว” ผมลองตบมุขไป เข้าท่าเหมือนกันแฮะ คนเขาก็ขำดีนิหว่า
“เอาหละ เงียบ ๆ กันหน่อย......” ตอนนี้อีพี่หนุ่มสาดไฟโฟโล่มาที่ผมดวงเบ่อเริ่ม
“สวัสดีครับ พี่ ๆ น้อง เพื่อน ๆ ทุกคน ผมมะขามครับ ขอบคุณมาก ๆ นะครับที่สนใจกิจกรรมของชมรมเรา”
ผมหยุดรออยู่แป็บหนึ่งเพื่อให้ทุกคนปรบมือ แต่แม่ง กริบครับพี่น้อง ไม่เห็นมีใครมีน้ำใจเลย กรูตดยังดังกว่า
“ตบมือหน่อยสิครับ” ต้องให้กรูกระตุ้น หลังจากพูดจบ เสียงตบมือก็ดังขึ้นสองสามแปะ อีเชี่ย
“เอาหละ ไม่เป็นไร และแล้วก็มาถึงวันนี้ วันที่ทุกคนรอคอยกันแล้วนะครับ
กิจกรรมของชมรมเราในวันนี้ อาจจะเสี่ยงต่อศิลปวัฒนธรรมไทยไปบ้าง แต่ผมเชื่อว่ามันก็เป็นกิจกรรมที่เพื่อน ๆ ทุกคนคงจะชอบกัน.....
“ในนี้มีใครไม่เคยมีความรักบ้างครับ” หลังจากที่ผมไม่เห็นว่าไม่มีใครยกมือ ผมเลยพูดต่อ...
“ครับผม ผมเชื่อว่าทุกคนในที่นี้มีความรัก ดังนั้น กิจกรรมในวันนี้จะเป็นกิจกรรมที่จะสนองนี๊ดของทุกคนกันครับ ไม่ยากครับ ไม่ยาก กิจกรรมของเราวันนี้ไม่ยากครับ เพียงแค่เพื่อน ๆ มีความกล้า และจริงใจในความรัก”
ตอนนี้ผมสังเกตเห็นทุกคนสนใจกันมากขึ้นแล้ว ครับ อิอิ เสร็จตู
“หากว่าใครในที่นี้ มีความรัก หรือว่าแอบรักใคร และต้องการบอกเขา ก็แค่เดินขึ้นมาบนเวทีนี้ได้เลยครับ และแสดงความจริงใจให้เขาเห็น แค่นี่เองครับ”
“แสดงความจริงใจยังไงอะ” เสียง ๆ หนึ่งตะโกนถามขึ้นจากด้านล่างเวที
“หึ น้องก็แค่บอกรักเขาบนเวทีนี้สิครับ ไม่เห็นยากเลย
เห็นดอกไม้หน้างานไหมครับ ใครอยากบอกรักก็แค่ซื้อดอกกุหลาบสีแดงขึ้นมา
ส่วนคนที่ถูกบอกรัก และอยากรับรักเขา ก็แค่ซื้อดอกกุหลาบสีขาวไปให้เขา
แต่ถ้าอยากปฏิเสธเราก็มีดอกกุหลาบสีเหลืองไว้เช่นกัน”
พอผมพูดจบ เสียงอื้ออึงก็ดังไปทั่วบริเวณ ตามมาด้วยเสียงเงียบ ทำไมวะ แป้กหรอวะ
“ไม่มีใครกล้าเลยหรอครับ”
ชิบแล้วไง ตรูลืมนึกไปเลยว่าถ้าไม่มีใครกล้าขึ้นมา แล้วตรูจะทำยังไงเนี่ย!!!
ผมไม่รู้จะทำยังไง เลยหันไปขอความเห็นจากพี่หญิง พี่โมบาย และพี่หนุ่ม
สักพักพี่โมบายก็กระโดดออกมา แต่ผมว่าเหมือนถูกถีบออกมามากกว่า ผมเห็นไอ้พี่โมบายหันไปทำปากขมุบขมิบกับไอ้คนที่ถีบมันออกมาจากหลังเวที สงสัยว่ากำลังด่าไอ้คนที่ถีบมันออกมาเมื่อกี้
ตอนนี้ไอ้คนข้างล่างเวทีก็งงว่าไอ้พี่โมบายขึ้นมาทำไม
“ช่วยหน่อยดิ แป้กว่ะ”
“เออ ก็ได้วะ พี่ขอคิดก่อน” ระหว่างที่ไอ้พี่โมบายใช้เวลาคิด ผมก็หันไปยิ้มแห้ง ๆ ให้กับคนดูที่ทำหน้างง ๆ อยู่ข้างล่าง
“เฮ้ย ไอ้พวกข้างล่างอะ พวกเมิงไม่กล้ากันเลยหรอวะ” จู่ ๆ พี่โมบายตะโกนถามข้างล่างไป แม่งเถื่อนได้ใจมากๆ
“เอางี้ ถ้าพวกเมิงกล้ากันนะ กรูเนี่ยแหละก็จะทำด้วย แต่พวกเมิงต้องทำก่อน เอาป่าว ๆๆๆ”
ตอนนี้ไอ้พวกข้างล่างทำหน้าสนใจใหญ่ ก็แหม ๆ ใคร ๆ ก็รู้ว่าไอ้พี่โมบายมันฮ็อตขนาดไหน มันเสนอมาแบบนี้ใคร ๆ เขาก็ต้องสนใจกันทั้งนั้นแหละว้า
ผมกลัวว่าไอ้พี่โมบายจะได้หน้าไปคนเดียว ผมเลยขอพูดบ้าง
“ทุก ๆ คนครับ ความรักนะ มันไม่ใช่สิ่งที่เสียหายอะไรหรอกนะครับ หากเปรียบกันแล้ว ผมว่า เวทีแห่งนี้ก็คงเปรียบเสมือนประตูที่จะนำพาทุก ๆ คนไปพบกับความรักที่รอคอย ผมรู้นะว่าหลาย ๆ คนก็คงจะอายที่จะแสดงความรัก ผมเองก็เคยเป็นแบบนั้นครับ อายที่จะแสดงความรัก อายที่จะบอกรัก แต่ผมว่า เพราะความอายเนี่ยแหละที่จะทำให้เราไม่กล้าแม้กระทั่งที่จะเปิดประตูเพื่อเข้าไปหาความรัก ผมเชื่อนะครับว่าหลังประตูที่เพื่อน ๆ รอคอยนั้น จะยังมีความรักรอคอยเพื่อน ๆ ทุกคนอยู่”
เมื่อผมพูดจบ เสียงปรบมือด้วยความทึ่งก็ดังขึ้นกระหื่ม ไอ้พี่โมบายมองหน้าผมอย่างไม่น่าเชื่อ
“และวันนี้ ผมจะเปิดประตูเพื่อไปหาความรักของผม ด้วยเพลง ๆ นี้ครับ
Baby life was good to me
But you just made it better
I love the way you stand by me
Throught any kind of weather
I ont wanna run away
Just wanna make your day
When you fell the world is on your shoulders
Dont wanna make it worse
Just wanna make us work
Baby tell me i will do whatever
[Chorus]
It feels like nobody ever knew me until you knew me
Feels like nobody ever loved me until you loved me
Feels like nobody ever touched me until you touched me
Baby nobody, nobody,until you
Baby it just took one hit of you now I'm addicted
You never know what's missing
Till you get everything you need,yeah
I don't wanna run away
Just wanna make your day
When you feel the world is on your shoulders
Don't wanna make it worse
Just wanna make us work
Baby tell me,I'll do whatever
It feels like nobody ever knew me until you knw me
Feels like nobody ever loved me until you loved me
Feels like nobody ever touched me until you touched me
Baby,nobody,nobody until you
See it was enough to no
If I ever let you go
I would be no one
Cos I never thought I'd feel
All the things you made me feel
Wasn't looking for someone until you
[Chorus repeat twice]
Nobody, nobody, until you
หลังจากบทเพลง until you แบบกระท่อนกระแท่นจบลง เสียงปรบมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมหันไปมองพี่โมบาย ก็แอบเห็นมันเช็ดน้ำตาปร้อยๆๆ มันทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับมีมือ ๆ หนึ่งชูขึ้นท่ามกลางคนดูข้างล่างเบี่ยงเบนความสนใจจากผมและมัน
“หนูขอขึ้นไปเปิดประตูของหนูได้ไหมค่ะ” พอสิ้นเสียงพูด ทุกคนทั้งข้างบนเวที ข้างล่างเวที ต่างหันมองซ้ายขวา เพื่อหาที่มาที่ไปของเสียง
สักพักนึง เจ้าของเสียงนั้นก็ค่อย ๆ เดินแหวกผู้คนเดินขึ้นมาบนเวที
“น้องโฟร์”
ทุกคนต่างก็พากันอื้ออึง บางคนก็ไม่เชื่อ บ้างก็ตะลึง ไม่คิดว่าสาวน้อยแสนสวยผู้อยู่ชมรมการละครผู้นี้จะกล้าบ้าบิ่นถึงกับใช้เวทีนี้ในการบอกรัก เพื่อน ๆ จำกันได้ไหมครบ น้องโฟร์คนนี้แหละครับ ที่เล่นละครตบตาให้ผมบอกรักพี่โมบาย
เมื่อผมเห็นทุกคนเงียบกันไปหมด ขณะที่น้องโฟร์ ปรากฏตัวบนเวทีพร้อมดอกกุหลาบสีแดง
ผมกลัวว่าน้องเขาจะเขิน เลยให้ทุกคนปรบมือ
“ขอเสียงปรบมือดังๆๆ ให้กับน้องโฟร์ ผู้กล้าของเราคนแรกด้วยคร้าบบบบ”
ว่าแล้วผมก็ปรบมือ ก่อนที่เสียงปรบมือ พร้อมกับเสียงผิวปากดังขึ้นทั่วบริเวณ ก่อนที่ผมจะเริ่มสัมภาษณ์น้องโฟร์
“สวัสดีครับ น้องโฟร์”
“สวัสดีค่ะ” น้องโฟร์ตอบด้วยท่าทีอายๆๆ
“น้องโฟร์ตัดสินใจดีแล้วนะครับที่จะใช้เวทีนี้ในการบอกรัก” ผมถามเพื่อให้น้องโฟร์หายอาการตื่นเต้น
“ก็....ก็เพิ่งตัดสินใจได้เมื้อกี้นี้เองค่ะ หลังจากได้ยินพี่มะขามพูด
“อืม..ก็ดีครับ เอาละครับ ต่อจากนี้ไป ผมขอมอบเวทีนี้ให้กับน้องโฟร์นะครับ” แล้วผมก็ลากพี่โมบายไปยืนข้าง ๆ เวที ปล่อยให้น้องโฟร์ได้บอกความในใจตามที่เธอต้องการ...
“ก่อนอื่น หนูต้องขอขอบคุณพี่ ๆ ชมรมนี้มากนะคะ ที่เปิดโอกาสให้หนูได้ขึ้นมาแสดงความในใจครั้งนี้
มันอาจจะไม่ใช่คำพูดที่สวยหรูนัก...
เพราะมันไม่ใช่ละคร
มันไม่ใช่บทนิยายที่หนูต้องท่องเป็นประจำ
แต่มันเป็นเพียงความรู้สึกของหนูที่อยากจะบอกกับคน ๆ นึง
มันอาจจะเล็กน้อยในคำพูด
แต่มันยิ่งใหญ่ในความรู้สึก
ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา
ที่หนูได้มีโอกาสเห็นและพบคน ๆ นั้น
ในความรู้สึกหนู
เขาสดใส
เขาร่าเริง
เขารักเพื่อน
เขาขี้เล่น
เขาอาจจะซน ๆ เหมือนชื่อของเขา
แต่ทุกอย่างที่เขาทำ มันคือความน่ารัก
คำพูดของน้องโฟร์ ทำเอาผมเคลิ้มและพาลคิดไปถึงไอ้พี่โมบาย ที่ทั้งสดใส ร่าเริง น่ารัก
เมื่อพูดจบ น้องโฟร์ก็ค่อย ๆ เยื้อย่างลงจากเวที ค่อย ๆ เดินไปหาเป้าหมาย ผู้ชายหลายคนต่างลุ้นว่าอาจจะฟลุ๊คเป็นตัวเอง เธอเดินไปเรื่อยๆๆ จนหยุดหน้าผู้ชายคน ๆ นึง
ผมอ้าปากค้างด้วยความตะลึงปนอึ้ง
“ไอ้ๆๆๆๆๆ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอ้ลิง” ผมกับพี่โมบายมองหน้ากันเหวอแดก
ส่วนไอ้ลิง ก็ยืนหน้าเหวอแดก ไม่ต่างกับผม ผมค่อย ๆ ลุ้นให้ไอ้ลิงรับดอกไม้ที่น้องโฟร์ยื่นให้
รับสิเมิง...
รับสิเมิง...
อีนี่ เล่นตัวอีก...
ไม่น่าเชื่อว่าอย่างไอ้ลิงจะมีน้องน่ารักๆๆ มาชอบ
สักพักท่ามกลางความลุ้นของทุกคน
ไอ้ลิงก็ค่อย ๆ ยื่นมืออกไปรับดอกไม้จากน้องโฟร์อย่างเขินๆๆ พร้อมกับเอามืออีกข้างเกาหัวแก้เขิน
พอไอ้ลิงรับดอกไม้เสร็จ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นกระหึ่ม ท่ามกลางความเขินของทั้งสองคน
ไอ้ลิงคงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามันเป็นผู้ชาย มันเลยวิ่งไปซื้อดอกกุหลาบสีขาว
พร้อมกับจูงมือน้องโฟร์วิ่งหายไปท่ามกลางเสียงโห่ร้องของทุก ๆ คนที่เห็นเหตุการณ์
หลังจากปรากฎการณ์ลิงเขินผ่านไป ก็ปรากฏว่ามืมือหลาย ๆ มือยกกันสลอนจนผมนับไม่ทันว่าใครมาก่อนมาหลัง ร้อนถึงพี่หนุ่มที่อยู่หลังเวทีต้องมาจัดคิวให้
ดอกไม้หน้างานก็ขายกันแทบไม่ทัน บ้างก็สมหวัง บ้างก็ผิดหวัง แต่ก็นี่แหละครับ ความรับ มันก็ต้องมีทำใจกันบ้าง จะให้สมหวังไปหมดทุกคนก็เป็นไปไม่ได้