ตอนที่ 44 น้องฐาพาเข้าครัว
กึก กึก กึก.... เสียงอะไร
เสียงสับหมู
ซื้ดดดดดด ....หอมอะไร
หอมหมูสับ
อะไรนะ ...ไม่ใช่โฆษณามาม่าหรอ? ฮ่าๆๆ (โอ๊ย โฆษณานี้เก่าไปป่ะ)
คริคริ แน่นอนค่ะ นี่ไม่ใช่โฆษณาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อดังแต่อย่างใด แต่เป็นรายการน้องฐาพาเข้าครัวต่างหาก....
เจอกันเวลาดีๆ สายๆวันเสาร์ เมนูเด็ดวันนี้ขอนำเสนอเมนูมะกะโรนีไก่อบ...
ส่วนผสมมะกะโรนี 200 กรัม
ไก่สด 300 กรัม
หอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยม 1 หัว
มันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยมต้มสุก 1 หัว
แครอตหั่นสี่เหลี่ยมต้มสุก 1 หัว
ข้าวโพดอ่อนลวกพอสุก 80 กรัม
บร็อกโคลี่หั่นชิ้นพอคำ 150 กรัม
น้ำมัน ¼ ถ้วย
ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น ½ ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ซอสมะเขือเทศ ¼ ถ้วย
น้ำซุป 1 ถ้วย
เนยสด ¼ ถ้วย “ให้พี่ช่วยอะไรไหมคะ?” พี่โต้งถามขึ้นมาขณะที่หนูกำลังหั่นส่วนผสมเป็นชิ้นๆ ตามสูตรที่เคยอ่านมาจากตำราทำอาหารและท่องจำมาเป็นอย่างดี
แต่หนูไม่ได้ตอบเพราะกำลังตั้งใจหั่นแครอตอยู่ พี่โต้งแกเลยเดินเข้ามาเบียดอยู่ข้างๆ จนแอบหงุดหงิดเบาๆ มิหนำซ้ำยังอุตส่าห์ลูบๆ อยู่ตรงเอวเพื่อเรียกร้องความสนใจอีกต่างหาก ซึ่งมันก่อกวนสมาธิเป็นที่ยิ่งจนหนูต้องขยับตัวออกห่างจากพ่อค้าตับและเคาท์เตอร์ในที่สุด
หลังจากขยับตัวออกก็รู้สึกว่าชุดที่ใส่มันหลวม พอก้มดูก็พบว่าผ้ากันเปื้อนสีหวานแอบโดนปลดปมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ทำเอาห้อยต่องแต่งเลยทีเดียว
“ความรู้สึกช้าชะมัดเลย” พี่โต้งแซวทำหน้าทำตาล้อเลียน
ชิ!! เก่งจริงเนอะเรื่องปลดๆ แก้ๆ ถอดๆ เนี่ย
“หนูว่าพี่ช่วยอยู่เฉยๆ ดีกว่านะคะ” หนูตอบงอนๆ แล้วพยายามผลักตัวกวนออกจากมุมครัวไม่ให้กวนประสาท
“จ้าก็ได้ แต่อย่าทำไฟไหม้ครัวอีกแล้วกัน” พี่โต้งตอบพลางหัวเราะ ไม่วายคว้าแครอตฝานแล้วแต่ยังไม่ได้หั่นบนเขียงมาหนึ่งชิ้นก่อนจะเดินออกไปตามแรงดันของหนู
แหม... อวยพรซะแรงเลยนะยะพ่อ!!
ดูถูกกันดีนัก เดี๋ยวแม่ก็เผาจริงๆ ซะหรอก!!
น้องฐาส่ายหัวน้อยๆ แล้วผูกผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายดอกนั้นอีกครั้ง
อะแฮ่ม พาสๆๆๆๆ คุณผู้ชม อย่าไปสนใจบรรยากาศเพี้ยนๆ ก่อนการถ่ายทำรายการเลยนะคะ กลับมาทำอาหารกันต่อดีกว่าเนอะ
หลังจากเตรียมส่วนผสมเรียบร้อยแล้วมาเข้าสู่วิธีการทำเลยดีกว่าค่ะ
วิธีทำ
1. เตรียมอกไก่ ล้างไก่ให้สะอาด หมักกับซอสปรุงรสเล็กน้อย นำไปทอดพอสุก ตักใส่หม้อ ใส่น้ำซุป เครื่องปรุงรสเกลือป่น พริกไทย น้ำตาลทราย อบไฟอ่อนๆ จนไก่สุก ตักไก่ขึ้น ปรุงรสส่วนของน้ำ เมื่อรสดีแล้วใส่ซอสมะเขือเทศ ลักษณะของน้ำจะข้นเล็กน้อย
2. ใส่เนยในกระทะ พอเนยละลายใส่มะกะโรนีผัดให้เข้ากัน ใส่หอมใหญ่ มันฝรั่ง แครอต ข้าวโพดอ่อน ปรุงรสด้วยซอสผัดให้เข้ากันตัดใส่จาน นำไก่ที่อบแล้วเสิร์ฟคู่กัน ตกแต่งด้วยผัก ราดซอสที่ปรุงไว้เสิร์ฟร้อนๆ
(ส่วนผสมและวีธีทำลอกตามหนังสือเป๊ะ!!) เย้!! เสร็จแล้ว มะกะโรนีไก่อบของหนู
กลิ่นมาดามหอมชื่นใจ แถมหน้าตาน่าทาน แต่ไม่รู้รสชาติเป็นไงบ้าง
และหนูยังไม่กล้าเสี่ยงชีวิตชิมมันหรอกค่ะ ดังนั้นผู้ที่ต้องเสียสละครั้งนี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก....
พ่อค้าตับ.... นักวิจารณ์อาหารจำเป็น!! เห็นบ่นอย่างงั้นอย่างนี้แต่พอเอาอาหารไปเสิร์ฟจริงๆ พี่แกก็ยอมทานแต่โดยดีไม่มีเรื่องมากหรอกนะคะ ไม่รู้ว่าหิวจัดหรือว่าไร
“น้องฐาคะ พี่ยอมกินก็ได้ค่ะ วางมีดลงก่อนเถอะ” พี่โต้งต่อรอง ทำให้เพิ่งสังเกตว่าตัวเองถือมีดมาข่มขวัญนักชิมด้วย
ชิ!! วางก็ได้ย่ะ
ว่าแต่ถ้าไม่มีอาวุธแล้วพี่แกจะชิมอย่างยุติธรรมหรือเปล่าก็ไม่รู้เนี่ย....
น้องฐานั่งมองหน้าพ่อค้าตับที่ตอนนี้พยายามก้มลงชิมอาหารรสเลิศ ด้วยอาการลุ้นสุดกู่ จนกระทั่งพี่โต้งเอ่ยออกมาหลังจากได้ชิมมักกะโรนีไก่อบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อืม...อร่อยเหมือนกันนี่นา”
เย้!!! จุดพลุฉลอง เฮ้อ....รอดตัวไป
“ใช่ม้า?? บอกแล้วว่าหนูอ่ะเป็นแม่บ้านแม่เรือน กับคงกับข้าวนี่ไม่ต้องห่วงอร่อยทุกอย่าง” หนูเชิดหน้ามั่นอกมั่นใจ กระดี๊กระด๊าขึ้นมาทันทีผิดกับตอนแรกอย่างกับหน้ามือเป็นหลังเท้า
“แหม ชมหน่อยล่ะโม้เชียวนะ เพิ่งทำอย่างแรกเอง ฟลุ้กหรือเปล่าก็ไม่รู้” ใจร้าย ยังอุตส่าห์เบรกกันอีกนะ
“โอ๊ย... ฟ้งฟลุกอะไรกัน คนน่ารักทำอะไรก็อร่อยทั้งนั้นแหละ” หนูเถียงคอเป็นเอ็น หน้ามุ่ยเมื่อโดนไก่จิกอีกจนได้ พี่ท่านนี่ทุกงานเลยนะ ได้ข่าว
“เกี่ยวเหรอ?” พี่โต้งย่นคิ้วถามยิ้มๆ
“เกี่ยวสิ” หนูตอบมั่นอกมั่นใจ
“งั้นวันหลังคนน่ารักทำแกงเทโพให้พี่กินหน่อยนะ” อุ๊ย...พี่โต้งมีแอบอ้อนขอให้ทำอาหารให้กิน
เอ๋ เทโพเหรอ... แกงหมูบวกผักบุ้งใส่กะทิ แล้วมันใช้น้ำพริกแบบไหนหว่า แบบเดียวกะแกงเผ็ดหรือเปล่าอ่ะ
“เอ๋ ทำยังไงอ่ะ หนูทำไม่เป็นอ่ะพี่” หนูหันไปส่ายหน้าเศร้าๆ
“ไม่เป็น?? งั้นแกงเขียวหวานก็ได้” เขียวหวาน?? ลูกชิ้นบวกมะเขือ แล้วใส่อะไรให้น้ำแกงเป็นสีเขียวล่ะ??
“นั่นก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน” หนูส่ายหน้าซ้ำสองหน้าเริ่มหงอย
“งั้นหมูชะมวง หลนเต้าเจี้ยว หรือไม่ก็หมูมะนาวก็ได้” เยอะ!! จะตะกละไปแล้ว จะกินอะไรขนาดนั้นยะพ่อ!!
“เอ๊ะ!! พี่นี่ ทำไมจะกินแต่อะไรที่หนูไม่เป็นแบบนี้ล่ะ” หนูโวยวายขึ้นมาอย่างเหลืออด เมื่อได้ฟังเมนูแต่ละอย่าง
“อ้าว...ก็ไหนบอกว่าเก่งการบ้านการเรือน กับข้งกับข้าววางใจได้ไง” หนอยแน่ะ!! มีการย้อน... ยังจะมาเถียงอีก ไม่รู้เลยว่าตัวเองน่ะผิด
“ก็วางใจได้เฉพาะอะไรที่ทำเป็นสิ พี่น่ะแกล้งหนู อยากจะกินแต่อะไรที่ทำยากๆ ทำไมไม่กินของง่ายๆ จำพวกผัดกะเพรา หมูทอดกระเทียม ผัดพริกหยวก แกงเผ็ดหรือแกงส้มล่ะคะจะได้ทำให้กิน” เรื่องมากนัก เดี๋ยวแม่ทอดไข่ให้กินทุกวันเลยนี่
หันไปหน้ามุ่ยใส่พ่อค้าตับที่มัวแต่เอานิ้วอุดหูตัวเองเมื่อโดนหนูร่ายยาวเป็นชุด
“จ้า.... จ้า..... งั้นไม่เรื่องมากก็ได้ ทำอะไรเป็นก็ทำเถอะ กินได้หมดล่ะขอแค่ไม่ท้องเสียก็พอแล้ว” พี่แกสรุปแล้วก้มลงไปกินอาหารตรงหน้าต่อ แต่ตอนท้ายยังมีหน้ามีแขวะเขาอีกนะ
“งั้นอยากกินอะไรจดไว้แล้วกัน เดี๋ยวกลับบ้านไปจะให้แม่สอนทำให้ก็ได้ ไว้ทำเป็นเมื่อไร จะทำให้กินจนบ่นว่ากินไม่ไหวเลย” หนูบอกออกมาในที่สุด ถึงจะรู้สึกเสียความมั่นใจที่ทำกับข้าวยากๆ ไม่เป็นก็เถอะ แต่ก็นึกอยากจะทำอะไรเอาใจบ้างอีกฝ่ายบ้างอยู่ดี
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ค่อยๆ ฝึกไปทีละนิด ทีละอย่างก็ได้...........” พี่โต้งเงยหน้าขึ้นมาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและยิ้มให้ทั้งปากและตา ในช่วงเวลาที่เราสองคนสบตากัน มันไม่ต่างกับฉากโรแมนติกในละครเท่าไรเลยค่ะ
“ถึงยังไง...พี่ก็มีเวลาทั้งชีวิตที่รอชิมอาหารของเราอยู่ดี” อยากจะถามเหลือเกินว่า “จริงเหรอ?” แต่มันก็พูดอะไรไม่ออก มีแค่ความรู้สึกดีใจที่ท่วมล้นอยู่ในอกแค่นั้น
ถ้าหากตอนนี้สามารถขอพรอะไรได้หนึ่งอย่าง หนูก็คงอยากจะขอ....
ขอให้คำพูดนี้เป็นจริง.... ขอให้เราได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป
...
หลังจากอิ่มแล้วพี่โต้งก็มาช่วยหนูล้างจานค่ะ ที่จริงอยากจะทำคนเดียวแต่รู้สึกว่าพี่แกจะไม่ไว้ใจ บอกว่าหนูซุ่มซ่าม กลัวว่าล้างจานคนเดียวจะทำจานแตกก็เลยมาช่วย แต่เอาเข้าจริงมาช่วยล้างหรือมาช่วยเล่นก็ไม่รู้ กว่าจะล้างจานเสร็จฟองฟอดเต็มเสื้อเลย ขนาดใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ เสื้อยังชื้นเกือบค่อนตัวทำให้ต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรอบเลย
ความพยายามที่จะเป็นแม่บ้านแม่บ้านแม่เรือนยังไม่จบแค่นั้น หนูพยายามถามหาไม้กวาด ไม้ขนไก่เต็มที่ แต่พี่โต้งแกบอกว่าถ้าคิดจะทำความสะอาดห้องให้ล่ะก็ไม่ต้องเลยเพราะจ้างแม่บ้านของคอนโดมาทำให้อยู่แล้วสองวันครั้ง จะช่วยจัดห้องให้ใหม่ก็ไม่เอา จะว่าไปแล้ว ห้องพี่แกก็สะอาดเรียบร้อยเป็นระเบียบจนไม่ต้องจัดตั้งแต่แรกแล้วแหละค่ะ งั้นที่ได้ยินมาว่าคนเป็นเกย์นี่เขาจะเรียบร้อย สะอาด เนี้ยบจนเวอร์นี่เห็นจะจริง แต่หนูเพิ่งเจอผู้ชายเจ้าระเบียบแบบนี้แหละคนแรก ว่ากิ๊งมันเรียบร้อยแล้วมันก็ยังไม่เยอะแยะเท่าพี่โต้งนะคะ คนนี้น่ะเสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะเกินน่ะ สงสัยพี่เขากลัวคนอื่นไม่รู้ว่าเป็นเกย์มั้งเนอะ
บ่นไปตั้งยาวก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เซ็งๆ อ่ะแหละ รู้สึกว่าอยู่กับพี่โต้งแล้วมันสบายเกินไป มันไม่เหมือนอยู่กับคนอื่น เพราะที่ผ่านมาหนูจะต้องคอยดูแลทำอะไรให้คนอื่นๆ อยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือแฟน อย่างอยู่ที่ห้องก็ต้องคอยดูแลทำความสะอาด กับอีกิ๊งสมัยที่มันยังไม่ได้คบกับกันย์ก็ต้องเป็นคนไปรับไปส่งมันตลอด อยู่กับไอ้โรจน์นี่ไปกันใหญ่ เป็นเบ๊ทำทุกอย่างให้จนอีกฝ่ายไม่ได้กระดิก แต่กับพี่โต้งนี่ หนูเปลี่ยนจากเบ๊กลายเป็นคนพิการไปเลย กลายเป็นทำอะไรไม่เป็นแล้วเนี่ย
ที่จริงไม่ใช่ว่าไม่ดีนะคะ ดีมากด้วย แต่สบายมากๆ แบบนี้ไปนานๆ ก็ กลัวจะเคยตัว
ถ้าวันไหนที่ไม่มีพี่เขาขึ้นมา หนูคงไม่รู้จริงๆ ว่าจะอยู่ต่อไปยังไงเท่านั้นเอง
...........................
................................
“ตัวนี้ โอยังคะ?” น้องฐาถามขึ้นพลางหมุนตัวประกอบให้พ่อกำนันจอมดุดูความยาว (หรือความสั้น) ของกางเกงที่ใส่ว่าพอจะไปวัดไปวา ไปห้างกับเขาได้บ้างหรือเปล่า เนื่องด้วยรำคาญเวลาโดนบ่นว่าแต่งตัวไม่เรียบร้อย ปากพี่แกก็ไม่ใช่ธรรมดาซะด้วย แหลมเฟี้ยวน่ากลัวมาก จิกมาทีกัดมาทีนี่เลือดสาด พรุนไปทั้งตัวเลยค่ะ ณ จุดนี้
“ค่ะ ชุดนี้น่ารักแล้ว” พี่โต้งเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมาตอบแล้วลุกขึ้นจากโซฟา แปลว่าได้ฤกษ์ได้ยามออกไปเที่ยวกันสักที หนูก็ระริกระรี้เดินตามพี่โต้งออกจากห้องไป แต่ใครจะนึกว่าระหว่างที่เดินตามไปในระยะกระชั้นชิดพี่แกดันหยุดกึกจนหนูเดินชนหลังพี่เขาซะงั้น
“โอ๊ย...น้องฐา ชนซะแรงเลย เจ็บนะเนี่ย” พี่แกโวยวายหน้าเบ้อย่างกับโดนตีด้วยไม้หน้าสาม คนอะไรสำออยซะไม่มีล่ะ
“ก็พี่ดันเบรกกะทันหันไม่บอกนี่คะ แล้วหนูก็ชนเบาๆ เอง จะเจ็บอะไรขนาดนั้น” หนูแก้ตัวพลางถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ยังเอามือลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ เป็นการขอโทษอยู่ดี
“จะไม่ให้เจ็บได้ยังไงล่ะ ก็เราเล่นเอาไม้กระดานฟาดหลังพี่เต็มๆ เลยนี่!” พี่แก้ตอบยังไม่คลายสีหน้าเจ็บปวด
หือ... ไม้กระดานที่ไหนอ่ะงง
เมื่อกี้นี้ได้ข่าวว่าเอาหัว(บน) กับหัวนมชนนะ ไม่ได้มีไม้มีเม้ยอะไรซะหน่อยใช่เหรอ?
คิด
คิด
คิด
เอ๊ะหรือว่า.... ไม้กระดานที่ว่า.....
แอร๋ยยยยย อีพี่บ้า หาว่าหนูแบนเป็นไม้กระดานอีกแล้วเรอะ?
....................................
ผ่านไปอีกหนึ่งตอน....แบบไม่มีอะไร
ขยับไปเรื่อยๆ ทีละน้อยๆ
ช่วงนี้นิอาจจะดำเนินเรื่องเรื่อยเปื่อยและเชื่องช้าหน่อยนะคะ คงไม่มีสาระอะไรนอกเสียจากอารมณ์ขำขัน ยิ้มๆ หวานๆ กันไปแบบนี้
ขอให้นิ(และน้องฐา)มีความสุขแบบนี้ไปอีกสักพัก... เพราะช่วงเวลาหนักๆ มันยากเกินไป และไม่อยากให้มาถึงไว....
ขอบคุณทุกบวกคอมเม้นท์เหมือนเดิม
และขอบคุณสำหรับกำลังใจของผู้อ่านทุกท่าน ที่ทำให้กระทู้นี้ล่องลอยออกทะเลมาไกลได้ถึงหน้าหนึ่งร้อย (ได้ข่าวว่าทีแรกเป็นเรื่องสั้นนะ
)
ยังไงก็ดีใจจริงๆ นะคะ
มีอบเม้นท์ข้างล่างนะคะ
v
v
v
v