>>>>>>>>>>ต่อนะค๊า<<<<<<<<< ผมตัดสินใจสาวเท้าเข้าไปยังจุดหมายที่มีกระดาษสีขาววางเอาไว้ แค่อีกไม่กี่ก้าวเท่านั้น อีกไม่กี่ก้าว ผมก็จะสามารถไปถึงมัน อีกไม่กี่ก้าว ชีวิตของไหมก็จะมีความสุข อีกแค่ไม่กี่ก้าวแท้ๆ แต่มันกลับ.....
ปัง!!! “มึงเข้ามาทำอะไร”
เฮือก!!!“พะ พิตต์” ผมสะดุ้งก่อนจะหันไปมองเจ้าของห้องที่ยืนกอดอกพิงประตูที่มันจงใจปิดจนเกิดเสียงดังและใช้สายตาคมกริบมองมาที่ผม
“มึงเข้ามา......ทำอะไรในห้องนอนกูครับ กร” จะตอบยังไงดี ผมกลัวว่ามันจะเผาเอกสารนี้ทิ้ง เอาวะ ตายเป็นตาย ผมยอมทั้งนั้น เพราะคิดได้แบบนั้นผมจึงหันไปคว้าเอกสารมาถือเอาไว้ อย่างน้อย ถ้ามันอยู่ในมือผม มันก็ปลอดภัยกว่า และผมก็ไม่ต้องกลัวข้อต่อรองใดๆจากมันอีก
“กูต้องใช้......มึงต้องเข้าใจกูนะพิตต์” ผมกอดเอาไว้แน่น กลัวมันจะมาแย่งไปเหลือเกิน รู้ว่าไม่ควรมาหยิบไปเอง แต่ให้ผมรอมันเอามาให้ คงเสียเวลาไปอีกมาก
“แล้วยังไง”
“หะ??” ผมมองหน้ามันด้วยความไม่เข้าใจ สีหน้ามันไร้ซึ่งความโกรธ มีเพียงแค่รอยยิ้มที่ส่งมาให้ผม
“แล้วมึงจะทำไง.....มึงจะกอดเอกสารเอาไว้ แล้วหายตัวออกจากห้องกูได้เหรอ” ไอพิตต์ค่อยๆสาวเท้าเข้ามาหาผมอย่างช้า จนตัวผมเองเผลอถอยหนีอย่างไม่รู้ตัว
“มะ มึง...”
“มึงจะออกไปยังไงวะกร..”
ตึง!!!“อ๊ะ...”
“ถ้าถูกกูขังเอาไว้แบบนี้ ไม่ยอมให้มึงออกไปไหน มึงจะเอาเอกสารที่สำคัญนักหนาของมึงออกไปยังไง” ไอพิตต์ใช้แขนทั้งสองข้างกักตัวผมเอาไว้จนหลังชนผนัง กลัวหรือเปล่าไม่รู้ แต่ตัวสั่นไปแล้วอย่าไม่มีสาเหตุ
“มึง....ทำแบบนั้นไม่ได้นะ มึงก็รู่ว่ามันสำคัญกับ...”
“กับไหม....”
“......” ผมพยักหน้าตอบหลบสายตาที่ฉายแววเจ็บปวดออกมาจากสายตาคู่นั้น
“หึ....กูเคยทำพลาดที่เลือกไม่พูดคำว่ารักตอนมีโอกาส”
“อะ ไอพิตต์”
“กูเคยพลาดที่ยอมปล่อยให้มึงไปแต่งงานกับไหม ทั้งๆที่กูควรเห็นแก่ตัว แล้วเก็บมึงเอาไว้กับตัว”
“อึก..”
“แต่เมื่อวันนี้ กูมีโอกาสนั้นอีกครั้ง กูจะไม่ยอมเสียมันไป” มันมองผมด้วยแววตาจริงจังจนผมแทบจะลืมหายใจ
“มึง......หมายความว่าไง” ผมเกือบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ มึนงงกับคำบอกรักและทุกอย่างที่ออกมาจากใจมัน
“หมายความว่า......ต่อให้ใครจะเป็นจะตายยังไง กูก็ไม่ยอมให้มึงไปไหนอีกแล้ว”
“มึง อ๊ะ เดี๋ยว!!”
ตุบ!!
ร่างผมถูกมือใหญ่ของไอพิตต์เหวี่ยงไปอยู่บนเตียงกว้างจนทำเอาผมจุกลุกแทบไม่ขึ้น ความอึ้งบวกกับอาการทางกายภาพมีผลต่อการเคลื่อนไหว นั่นทำให้ไอพิตต์มีโอกาสขึ้นคล่อมทับตัวผมไว้แทบจะทันที ผมพยายามจะดันตัวมันออก อยากจะถีบมันด้วยซ้ำไปแต่ติดที่มันทับผมอยู่ มีแค่มือสองข้างเท่านั้นที่ยังพอจะใช้งานได้
“พิตต์ ปล่อยกู อย่าทำแบบนี้” ไอพิตต์ลูบไล้แก้มของผมอย่างแผ่วเบา
“อย่าโกรธกูเลยนะ กูรักมึงมากนะกร กูรักมึงมาตลอด อย่าไปจากกูอีกเลยนะ”
ใจผมสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงทุ้มที่สั่นราวกับจะร้องไห้และแววตาที่อ้อนวอนขอร้องให้ผมตอบรับความรู้สึกที่มันมีให้ มือของผมที่ดันอกแกร่งอยู่เกิดชะงัก สติเลื่อนลอยหายไปจนไม่รู้ตัวเลยว่าถูกอีกคนจับขึ้นมาแนบแก้มของมันก่อนที่จะเลื่อนมาจนถูกมันกดจูบใส่ฝ่ามืออย่างแผ่วเบา
“รักกูเถอะ รักกูได้ไหม ให้กูได้ดูแลมึงไปตลอดทั้งชีวิตเถอะ กูอยากอยู่กับมึง”
จุ้บ จุ้บ
ผิวแก้มของผมร้อนผ่าวกับการกระทำที่มันแสดงออกมา ยิ่งฝ่ามือของผมสัมผัสกับริมฝีปากของมันมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลให้หัวใจกระหน่ำเต้นจนแทบไม่เป็นจังหวะ ผมรู้ว่ามันไม่ได้พูดเล่น รู้ว่าผมคงหนีมันไม่ได้ ไม่ใช่เพราะมันเลือกจะกักขังผมเอาไว้ แต่เป็นเพราะลึกๆแล้ว ในใจผมเองก็อาจจะรักมันมาโดยตลอดก็เป็นได้ เพราะว่าถ้าลองมาเรียบเรียงความรู้สึกที่ได้เจอมันอีกครั้งจนถึงตอนนี้ หัวใจผมเองก็เต้นเพราะมันมาไม่รู้กี่ครั้ง มันบ่อยเกินกว่าที่จะดีใจหรือตื่นเต้นที่ได้เจอเพื่อนด้วยซ้ำไป ถ้าผมไม่ได้เป็นโรคหัวใจ ก็คงเป็นโรคหลงรักคนตรงหน้านี้มากกว่า
“เป็นแฟนกับกูนะ.....กร” แววตาอ่อนโยนกับน้ำเสียงนุ่มๆพาผมให้เคลิบเคลิ้มไปราวกับติดอยู่ในฝันจนผมเผลอยิ้มออกมา
“มึงก็รู้ว่ากู.......เป็นอะไร กูไม่ตอบสนองกับใครแบบนี้ มึงไม่อายเหรอพิตต์”
“กูต้องอายด้วยเหรอ......คนพวกนั้นอยากจะพูดอะไรก็ให้มันพูดไปสิ กูเป็นหมอ ยังไงกูก็รักษามึงได้อยู่แล้ว”
ไอพิตต์ก้มหน้าลงมาหาผมจนหน้าผากของเราทั้งสองคนติดกันรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน มันยิ้มหวานราวกับว่าสิ่งที่ผมกังวลมันไม่เคยเก็บมาคิดเก็บมาใส่ใจ ความอ่อนหวานและความอ่อนโยนที่ถูกมันมอบให้เล่นเอาใจผมอ่อนยวบ ร่างกายแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรง ทำได้แค่แหงนหน้ารอรับริมฝีปากของคนตรงหน้าที่ค่อยๆเข้ามาใกล้ รอคอยความหวานหยดย้อยจากจูบที่ตราตรึงใจ จากสัมผัสแผ่วเบาราวปัดผ่านก็ค่อยๆหนักหน่วงเพิ่มแรงปรารถนามากขึ้นจนเราทั้งคู่ปลดปล่อยเสียงครางออกมา
ยิ่งได้ลิ้มรสก็ยิ่งกระหาย
จากความหวานล้ำก็กลายเป็นความร้อนแรงที่แผดเผาเราทั้งคู่ มือของไอพิตต์รวบแขนผมทั้งสองข้างไปโอบรอบคอของมันไว้ ทั้งๆที่เราทั้งคู่ยังคงมัวเมาในรสจูบของกันและกัน ผมตอบรับลิ้นร้อนที่สอดเข้ามากวาดต้อนจนผมหัวอื้อตาลาย หัวใจเต้นระรัวจนกลัวจะระเบิด อดเปรียบเทียบไม่ได้ว่าตอนผมจูบกับไหม ไม่เคยใจเต้นแรงขนาดนี้
เสื้อบนตัวถูกถอดออกตอนไหนไม่รู้....เพราะตอนนี้ผมเปลือยเปล่าเหลือเพียงแค่ชั้นในตัวน้อยที่ยังคงปกปิดตัวตนของผมเอาไว้ พิตต์ค่อยๆลูบไล้ไปทั่วทั้งร่าง ใบหน้าซุกไซร้ไปตามแอ่งชีพจรอย่างช่ำชอง ยอดเล็กตรงอกถูกนิ้วมือของมันสะกิดเล่นจนผมเสียววาบ
“อ๊ะ อื้อ”
ยิ่งได้ยินเสียงครางไอพิตต์ยิ่งชอบใจ จากปลายนิ้วก็ถูกแทนที่ด้วยปลายลิ้นสากที่สัมผัสตุ่มไตอย่างหยอกล้อ ผมได้แต่หันหน้าไปอีกทางไม่กล้ามองภาพตรงหน้าที่มันช่างชวนให้เกิดอาการแปลกๆ ไอพิตต์ดูดดึงยอดเล็กจนสนุกปาก ทั้งเลียทั้งขบเม้นจนเกิดเสียงดังไปทั่วทั้งห้อง ความอายทำให้ผมยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าเอาไว้ อับอายกับการที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้กับคนที้คยเรียกว่าเพื่อน แต่ความรู้สึกลึกๆมันกลับปฏิเสธไม่ได้ว่าพึงพอใจกับสัมผัสที่มันมอบให้ไม่น้อย
“อย่าปิด......ให้กูได้เห็นหน้ามึง ได้ฟังเสียงมึงเถอะ”
“อ๊ะ มึง....อื้ออ”
ผมถูกมันจับมือที่ปิดหน้าเอาไว้ออก สายตาสบเข้ากับสีหน้าเร้าอารมณ์ของมันจนหน้าแดงซ่าน เสียงลมหายใจที่ดังออกมาจากปากมันยิ่งทำให้รู้ถึงความปราถนาที่พุ่งสูงจนไม่อาจจะหนุดได้ง่ายๆ ต้นขาผมสัมผัสถึงความตื่นตัวที่อยู่ใต้กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวนั้น ยิ่งมันขยับตัวร่างของเรายิ่งเสียดสีกัน ร่างกายผมร้อนไปทั่วทุกจุดที่ริมฝีปากร้อนๆของไอพิตต์ลากผ่าน เสียวซ่านแต่ก็ทำได้เพียงบิดเร่ากายอยู่ใต้ร่างของมัน
“อ๊ะ อ๊า!”
ตัวตนของผมถูกปากร้อนครอบครองจนเผลอร้องครวญครางออกมาอย่างลืมอาย บิดกายไปมาทั้งที่มือของผมได้แต่จิกผมสีดำของมันจนแน่น ยิ่งปากร้อนๆนั่นดูดจนลึกมากเท่าไหร่ มือของผมก็ยิ่งกดหัวของมันมากเท่านั้น ไม่อยากจะเชื่อว่าร่างกายผมจะตอบสนองต่อสัมผัสของมันขนาดนี้ สิ่งที่ไม่เคยแข็งตัวยามอยู่ต่อหน้าคนเป็นเมียอย่างไหม กลับตั้งตระหง่านอยู่ในปากร้อนๆของไอพิตต์อย่างง่ายดาย
อยากได้มากกว่านี้ อยากได้มากกว่านี้เหลือเกิน
เสียงเรียกร้องจากภายในจิตใจทำให้ผมลืมตัวยับยั้งชั่งใจไว้ไม่ได้เผลอตัวดึงมันขึ้นมาประกบจูบแลกลิ้นกันอย่างเร่าร้อนจนเรียก
เสียงครางจากไอพิตต์ได้อย่างดี ไอพิตต์ค่อยๆดึงกางเกงตัวเองออก มือมันเอื้อมไปหยิบบางอย่างใต้หมอน ก่อนจะส่งปลายนิ้วเข้ามายังช่องทางเล็กๆด้านหลังของผม ไม่เคยรู้เลยว่ามันเตรียมพร้อมขนาดที่มีเจลหล่อลื่นอยู่ใต้หมอนแบบนี้
อึดอัด นั่นคือคสามคู้สึกแรกที่ปลายนิ้วถูกส่งเข้ามา มันทั้งแน่นทั้งจุกจนผมต้องรัดนิ้วของไอพิตต์จนแน่น มันเป็นไปตามธรรมชาติเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามาภายในพื้นที่ต้องห้าม
“กร.....อย่าเกร็ง กูต้องเตรียมมึงให้พร้อม”
“มัน....อื้อ.....จุก”
ไอพิตต์ก้มลงดูดเลียตุ่มไตเล็กๆเพื่อให้ผมได้คลายตัวจากความเกร็งที่เป็นอยู่ สัมผัสร้อนๆจากลิ้นสากเล่นเอาผมหลงลืมทุกอย่าง แอ่นอกรับลิ้นที่ไล่วนอยู่กับเม็ดบัวสีชมพูอ่อนของผมที่อบัดนี้ถูกดูดจนเป็นสีแดงช้ำ ช่องทางด้านหลังคลายตัวลงจนไอพิตต์เริ่มขยับนิ้วเข้าออกได้โดยง่าย ความอึดอัดจากคราแรกค่อยๆหายไป หลงเหลือเพียงแค่ความร้อนรุ่มจากปลายนิ้วเท่านั้น
“อะ อื้อ”
ปากถูกบดจูบจากปากหนา ช่องทางถูกรุกรานจากปลายนิ้ว อารมณ์ปราถนาถูกกระตุ้นจนผมรู้สึกราวกับลอยละล่องขึ้นไปจนสูงเสียดฟ้า ไอพิตต์เริ่มสอดแทรกปลายนิ้วเข้ามาเพิ่งจนเป็นสอง ความอึดอัดจึงเพิ่มขึ้นจนรับรู้ได้ แต่ก็ไม่เท่าความเสียวซ่านที่ผมได้รับมันจึงกลายเป็นแค่สิ่งเล็กๆที่อยู่นอกเหนือตวามสนใจ ยิ่งปลายนิ้วถูกดึงเข้าออกมากเท่าไหร่ สะโพกผมก็ขยับตอบรับตามอย่างไม่ยอมแพ้ก่อนที่มันจะดึงปลายนิ้วออกจนผมรู้สึกโหวงทางช่องรักที่ถูกเบิกให้อ้ากว้างกว่าปกติ
“ทำให้กูบ้างสิ”
“เดะ เดี๋ยว อู้!!”
ไม่ทันได้ปฏิเสธใดๆก็ถูกความใกญ่โตที่ยาวจนแทบจะทะลุลำคอยัดเข้ามาในปาก กลิ่นคาวของเจ้าสิ่งนั้นมันทำให้ผมเวียนหัวแต่ความหวานปะแล่มที่แตะปลายลิ้นกลับทำให้ผมอยากลิ้มชิมรส ผมขยับหัวมองดูสิ่งนั้นค่อยๆเข้าออกภายในปากอย่างช้าๆเนิบๆ ไม่เร่งเร้ามากมาย
“ซี๊ด อา กร....มึงเก่ง”
คำชมจากปากหนาที่คอยแหงนหน้าขึ้นร้องซี๊ดทำให้ผมหยามใจ พยานามกลืนความใหญ่โตเข้าไปจนเกือบถึงลำคอแล้วดึงออก ใช้ปลายลิ้นเลียส่วนปลายที่เริ่มมีน้ำใสๆออกมาดูดชิมมันจนหมดแล้วครอบริมฝีปากลงไปจนสุดอีกครั้ง
“อื้อ อื้อ” ประท้วงเมื่อถูกอีกคนจับขาให้ขึ้นไปหันก้นให้มัน จะเล่นท่านี้เลยเหรอ!!
สุดท้ายผมก็ถูกจัดท่าทางจนได้ตามที่มันต้องการ ผมอายจนแทบจะมุดหน้าลงไปกับขามัน เพราะตอนนี้ทุกอย่างก็อยู่ในสายตามันหมด ทั้งตัวตนที่ตื่นตัวและจีบรักสีชมพูที่อ้าเปิดจากการถูกมันกระตุ้นเมื่อครู่ ผมยังคงทำหน้าที่ดูดเลียแท่งไอติมหวานๆอย่างดี จนตอนนี้มันพองคับปากไปหมด
“อ๊า ไอพิตต์ อย่า!!!”
แผล่บ จุ้บ
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะทำให้ผมขนาดนี้ ไอหมอบ้านั่นมันใช้ปลายลิ้นเสียที่ช่องเล็กๆของผมสอดปลายลิ้นเข้าออกราวกับมมันคือปลายนิ้วเมื่อก่อนหน้านี้ ขาผมสั่น ตัวผมอ่อนไปหมดได้แต่ทิ้งหน้าและแผ่นอกลงกับหน้าท้องแกร่งของมัน เสียงหอบและเสียงครวญครางดังออกมาจากผมไม่ขาดปาก ยิ่งเมื่อมันใช้ปลายนิ้วเข้ามาสำรวจยิ่งร้อนวูบไปหมด ทำได้เพียงขมิบตอดรัดอย่างพอใจ สติผมหายไปหมด ในหัวมันขาวโพลน แต่ความร้อนจากแท่งรักของไอพิตต์ที่อยู่ตรงหน้ามันล่อตาล่อใจจนผมต้องกลืนกินอีกครั้ง
ยิ่งไอพิตต์ขยับปลายนิ้วเร็วมากเท่าไหร่ จังหวะการเข้าออกของแท่งรักในปากผมก็เร็วเท่านั้น จนผมได้ยินเสียงครางแผ่วในลำคอของไอพิตต์ที่บ่งบอกถึงความพอใจอย่างมาก ไอพิตต์ดันร่างผมให้นอนลงบนเตียงก่อนตัวมันจะทาบทับลงมา แขนทั้งสองข้างดันขาผมให้เปิดทางกว้างขึ้นจนเห็นปากทางสีสวย ไอพิตต์โน้มหน้ามากดจูบดูดดุนปลายลิ้นผมอย่างเมามันก่อนที่ช่องทางด้านหลังของผมจะถูกบางอย่างที่ใหญ่โตดันเข้ามา ผมเบิกตากว้าง หวีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างทั้งร่างของผมแทบจะแหลกสลาย ความเจ็บแล่นมาจุกอกจนร้ำตาใสๆไหลลงมา
"อื้อ!!!! อ่า!!! ฮึก ฮือ”
เพราะริมฝีปากยังถูดคนตัวโตดูดดึงประกบและสอดแทรกปลายลิ้น จึงไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้อย่างใจนึก มีเพียงเสียงร้องประท้วงที่ดังอู้อี้เท่านั้น มือหนาของไอพิตต์จับแก่นกายที่ชูชันเอาไว้ รูดรั้งมันเพื่อให้ผมได้รู้สึกดี ให้ได้ลืมความเจ็บปวดไปให้หมดสิ้น
ผมดิ้นรนทั้งจิก ทั้งข่วนในตอนแรก แต่เพียงไม่นานก็ได้แต่จิกไหล่หนาของมันแทนเมื่อความเสียวซ่านจากมือหนาที่ชักนำอารมณ์หวาบหวามให้พัดมาอีกครั้ง สะโพกขอไอพิตต์กดเข้ามาช้าๆ ผมทำเพียงนิ่วหน้าเนื่องจากความเจ็บแสบเท่านั้น มันเองคงพอจะเข้าใจจึงได้หยุดและขยับมือกับแก่นกายผมไปด้วยแทน จนในที่สุดมันก็ถูกสอดเข้ามาจนสุด มันใหญ่และคับไปหมด ผมทั้งจุกและอึดอัดจนเผลอขมิบรัดความใหญ่โตไป
“ซี๊ดด กร อย่ารัด อา”
“พิตต์ มัน อื้อ มันแน่นไป”
แต่ไอเพื่อนตัวดีกลับไม่เคยจะฟัง มันยังคงขยับตัวออกช้าๆแล้วดันเข้ามาจนสุดอีกครั้งเล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก ผมรู้สึกได้ถึงความปราถนาที่จะไปให้สุดทางของมัน เพราะสีหน้าเว้าวอนร้องขอจากมันทำให้ผมไม่อจจะปฏิเสธได้ จึงได้แต่หันหน้าหนีไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธใดๆ ไอพิตต์ที่ราวกับจะเข้าใจก็ค่อยไขยับกายเข้าออกช้าๆพร้อมเสียงครางที่ดังลอดออกมาจากปากมันไม่หยุดหย่อน
“อา แน่น...ซี๊ด กร.....กรจ๋า”
ผมกัดริมฝีปากแน่น ยิ่งมันเรียกชื่อผมด้วยเสียงกระเส่ายิ่งทำให้อารมณ์พุ่งขึ้นจนไม่อาจจะหยุดได้ ผมหอบหายใจรอรับการกระแทกจากมันจนตัวโยน เตียงชนกับผนังจนดังลั่นกลับยังไม่ดังเท่าเสียงเนื้อที่กรัทบกันของเราสองคน
“อ๊ะ อ๊า”
ผมถูกจับพลิกร่างให้หันหลังยกสะโพกขึ้นสูงทั้งที่ตัวตนของมันยังคงคาอยู่ในตัวผม ความเสียดสีมันจุกและแสบไปหใดก็จริง แต่ท่านี้กลับทำให้ผมแทบดิ้นพล่านกับความเสียวซ่านภายในช่องทางรัก ความใหญ่โตกระแทกเข้ามาจนชนกับบางอย่างที่ทำให้ผมแทบจะหลั่งออกมาทันที
“กร ซี๊ด โอ้ว รัดแน่นๆเลย อา”
พับๆ พับๆๆ
“พิตต์ อ๊าๆ พิตต์”
พูดอะไรไม่ออกได้แต่เรียกชื่อมันอยู่ตลอดเวลา ผมขมิบช่องทางตอดรัดมันตามคำเรียกร้องจนมันร้องครางลั่นห้องพร้อมกระแทกเข้ามาอย่างแรงและเร็วจนผมต้องจิกหมอนเพื่อระบายความเสียวซ่านออกมา
“อื้ม ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อ๊า”
“ซี๊ด อย่าเพิ่ง อ๊า ไปพร้อมกู โอ้ว”
ไอพิตต์ดึงแขนผมขึ้นมาจนแผ่นหลังผมสัมผัสกับแผ่นอกของมัน แขนทั้งสองข้างกอดรัดตัวผมไว้ ริมฝีปากบดจูบแลกลิ้นจนเสียงดัง พร้อมกับการขยับตัวระรัวและถี่ แก่นกายของผมถูกมือหนากอบกุมรูดรั้งเพื่อให้ผมปลดปล่อยอารมณ์ ไอพิตต์ขยับกายเข้าออกสองสามครั้งก่อนที่ผมจะรับรู้ถึงความร่อนที่ถูกฉีดพุ่งเข้ามาในร่างกาย และผมที่กระตุกเกร็งปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นออกมาจนเปรอะเปื้อนที่นอน
“แฮ่กๆ อืม”
เราสองคนล้มตัวลงนอนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ไอพิตต์จับหน้าผมให้หันไปรับจูบหวานๆอีกครั้ง ผมรู้แล้วว่าทำไมผมถึงไม่ตอบสนองต่อคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฏหมาย มันเป็นเพราะ ตลอดมาผมไม่ได้รักไหมเลย ผมแค่หลอกตัวเองเท่านั้นเพื่อไม่ให้รู้สึกเกินเลยกับเพื่อนของผมคนนี้ เพราะตลอดมาผมรักมันเกินกว่าเพื่อน รักแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักใครได้ ผมไม่ได้ป่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ มันก็แค่อาการของคนที่ไม่อยากมีเซ็กส์หากไม่ใช่คนรัก ทำไมผมถึงมารู้ตัวเอาตอนนี้กันนะ ทำไมเรื่องของเราถึงไม่จบลงสวยงามก่อนหน้านี้ ก่อนที่ผมจะแต่งงาน เพราะผมไม่ยอมรับความรู้สึก เพราะไอพิตต์ที่ไม่กล้าพูด หรือเพราะเราสองคนไม่ยอมหันหน้ามาคุยกัน เพราะเราสองคนกลัวจะเสียกันและกันไปกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร ผมไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ที่วันนี้ได้มีมัน ได้ยอมรับความรู้สึกที่มีให้มันอย่างเปิดเผย ผมไม่เคยรู้สึกโล่งขนาดนี้มาก่อนเลย
ผมมองใบหน้าของมันด้วยรอยยิ้ม อดใช้มือลูบแก้มของมันเล่นไม่ได้ คนที่ผมรักตอนนี้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว เราสองคนต่างคนต่างก็ใจตรงกัน ต่างคนต่างก็รักกันมาตลอด นั่นยิ่งทำให้ผมยิ้มกว้าง ไอพิตต์จับมือที่ลูบแก้มของมันเอาไว้ก่อนจะเลื่อนมาจรดริมฝีปากลงไป ทุกอย่างไม่มีอะไรที่เราต้องพูดกันอีก เพราะแค่เราสองคนได้นอนมองหน้ากัน ได้มองสบตากันมันก็บอกได้ทั้งหมด ผมรักมัน และมันเองก็รักผม คนอื่นจะคิดอย่างไรไม่สำคัญ แค่เราสองคนไม่หวั่นไหว ไม่สนใจเสียงครหาต่างนาๆก็เพียงพอแล้ว
“กูรักมึง” ไอพิตต์ยิ้มทั้งที่ในแววตาคลอไปด้วยน้ำใสๆ
“กูดีใจ.....ที่มึงยอมพูดออกมา ดีใจที่กูได้มีมึงอีกครั้งในชีวิต” ปลายนิ้วของมันเกลี่ยแก้มของผม จนผมต่องจับเอาไว้แล้วสอดประสานปลายนิ้วแน่น
“กูจะไม่ไปไหน.....ถ้ามึงไม่ไล่กู” ไอพิตต์ส่ายหน้าช้าๆ กดจูบลงบนไรผมของผมเบาๆ
“ไม่มีวันนั้น......กูไม่มีวันไล่มึงไปกร มันจะไม่มีวันนั้นแน่นอน”
รอยยิ้มของคนที่เรารักมักทำให้อุ่นใจเสมอ แต่ผมกลับใจสั่นกับคำพูดที่ออกมาจากปากมัน น้ำเสียงจริงจังที่เอ่ยราวกับต้องการให้ผมมั่นใจจริงๆว่าสิ่งที่มันพูด จะเป็นไปตามนั้นไม่มีวันเปลี่ยน ผมพร้อมจะเชื่อ พร้อมจะลองใช้ชีวิตไปพร้อมๆกับมัน พร้อมฝ่าฟันปัญหาต่างๆไปพร้อมกัน ตลอดเวลาที่ไม่มีมัน อาจจะไม่ได้ทุกข์จนทรมาน แต่ก็ไม่เคยสุขจนล้นใจเหมือนในตอนนี้ รอยยิ้มของมันเป็นสิ่งที่ปลอบประโลมผมเสมอมา แววตาที่คอยมองผมเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความมีตัวตนของผมเสมอ น้ำเสียงที่คอยเรียกชื่อผม เป็นสิ่งที่คอยบอกกับผมว่ายังคงมีมันอยู่ข้างๆไม่ไปไหน ชีวิตผม......ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่มีมันคนเดียว........ก็พอ
“พิตต์!! ไอพิตต์ตื่น!!!” ผมเรียกมันจนคอแทบจะแตก แต่คนที่นอนหลับสบายอยู่ยนเตียงกลับไม่ยอมลุก ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลย มันควรเป็นผมหรือเปล่าที่ต้องนอนซม แต่กลับเป็นผมอีกนั่นแหละที่ตื่นขึ้นมาก่อนมัน ต้องไปจัดการเอาน้ำรักที่มันปล่อยเอาไว้ในตัวออก ใครจะไปเชื่อว่ามันจะเล่นผมจนบวมขนาดนี้ จะเดินจะเหินทีลำบากต้องฝืนขนาดไหน แต่ไอตัวต้นเหตุกลับนอนหลับสบายไม่สนใจโลกเลยสักนิด
“ไอพิตต์โว๊ย!!!!!!!! ตื่น!!!!!!!!!!”
“ครับๆ!!!!” มันเด้งตัวขึ้นแทบจะทันทีที่ผมตะเบงเสียงใส่หูมัน มันมองผมงงๆก่อนจะขยี้หัวแรงๆเพื่อเรียกสติ หรือผมควรช่วยตบเพื่อเรียกสติมันด้วยดี??
“มึงจะนอนไปถึงไหนวะ นี่กี่โมงแล้ว” แหน่ะ มีหน้ามายิ้ม
“ก็เมื่อคืนกูเพิ่งมีความสุขนี่หว่า.....ก็อยากจะหลับนานๆบ้าง” ผมหันไปมองหน้ามันนิ่งๆ เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“เหรอ.....อยากนอนนานๆเหรอ”
“ครับ...”
“งั้นกูกลับบ้านดีกว่า มึงจะได้นอนต่อ” พอผมทำท่าจะเดินออกจากห้อง ไอคนตัวโตที่ไม่ได้ใส่อะไรเลยก็ลุกพรวดมากอดผมเอาไว้แน่น หึหึ ไหนใครว่าอยากนอนนานๆ
“ไม่เอา กูไม่นอนแล้วก็ได้!!” ทีงี้ละมาเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา หันหน้าไปมองมันตรงๆ
“เชี้ย!!! ไอพิตต์ ไอหื่น!!!” เพิ่งผ่านมาเมื่อคืนนี้เอง มายืนตรงเคารพธงชาติเพื่ออะไรวะ
“ก็ตัวเมียหอมนี่ครับ ของกูมันก็ต้องตั้งสิ”
อะ อะ ไอ้!!! ผมไม่รู้ว่าจะด่ามันว่าอะไรดี
“พอเลย วันนี้กูต้องไปหาไหม” ไอพิตต์หน้าตึง มองผมด้วยความไม่พอใจ
“ไปทำไม!!”
“มึงลืมไปแล้วเหรอวะ ว่ากูต้องเอาใบรับรองไปให้ไหม” มันหรี่ตามองก่อนจะยักไหล่ราวกับไม่สนใจ
“เหรอ.....วันนี้กูไม่ว่างด้วยสิ”
“อ้าว มึงไม่ว่างเหรอ” มันพยักหน้าให้ผมราวกับไม่ใส่ใจ
“ใช่ ไม่ว่าง”
“อ๋อเหรอ....”
“....”
“งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวกูบอกไหมว่ามึงไม่ว่าง รอมึงว่างค่อยไปหย่าก็ได้เนอะ”
หมับ!!“เมียจ๋า กูว๊างว่าง ว่างแล้วล่ะ ไปๆ ไปวันนี้แหละเนอะ” หนอย....ทีอย่างนี้ล่ะว่างขึ้นมานะ มันน่านักนี่
“งั้นก็ไปอาบน้ำดิ กูนัดไหมไว้ตอน10โมง”
“คร๊าบบบบบ!!”
ไอพิตต์แทบจะวิ่งเข้าห้องน้ำทันที พอเรื่องหย่าล่ะไวจริงๆ ผมล่ะอยากจะหัวเราะใส่มันเหลือเกิน แต่สุดท้ายมันก็ใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำและแต่งตัว ดีหน่อยที่มันเอายาทั้งหล่ยแหล่มาให้ผมกินกันไว้ก่อน มันบอกว่าครั้งแรกผมอาจจะป่วยได้ ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่แสดงอาการก็ตามที ผมจึงยอมกินยาไม่อิดออดมากมาย ไม่อยากป่วยครับ ผมไม่ค่อยชอบ
ผมกับไหมตัดสินใจหย่ากันอย่างสันติ ไม่มีดราม่าใดๆ ทางครอบครัวฝ่ายชายเองก็มากับไหมด้วย พอเห็นเอกสารและเจอไอพิตต์ที่เป็นหมอยืนยันให้ทางนั้นเองก็ดูจะวางใจ ทุกอย่างมันเดินไปตามทางที่ควรจะเดิน เป็นไปตามทางที่ควรจะเป็น ผมเองก็อยู่กับไอพิตต์จนกว่าจะถึงวันที่มันไม่ต้องการผมแล้ว และอย่างที่มันบอกแหละครับ
หึหึ..........ไม่มีวันนั้นแน่นอน
The End
[/size][/b]
และแล้ว~ เขาก็กินกันค่าาาาาา เหมือนสะกิดใจว่า เฮ้ย!! มันแฮปปีเอนด์ไปหรือเปล่า หรือใครอยากได้แบดเอนด์บ้างหรือเปล่าจ่ะ แมวมาช้า แต่มาแน่นอนนะคะ ใกล้จะจบแล้วสินะ เดี๋ยวเราก็ใกล้จะต้องจากกันอีกแล้ว แมวจะสรรสร้างเรื่องราวสนุกๆให้ได้อ่านกันอีกแน่นอน แต่ต้องรอกันหน่อยน๊า ขอบคุณที่ติดตาม ติชม และกดเฟรบไว้นะคะ กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์เจ้าค่ะ Facebook : https://m.facebook.com/PassionateFiction
Twitter : https://mobile.twitter.com/little_kittensY