อีกเดี๋ยวคงมาต่อให้ มาปูเสื่อรอเลยละกันครับ
หวังว่าอะนะ ถ้าไม่มามีเคืองจริงๆๆด้ว
แสนรู้....เอ๊ย....เก่งจิง
รู้ได้ไงว่าจะมาต่อ
มามะ มาจุ๊บที
ตอนแรกนึกว่าจะได้นอนโรงพยาบาลแล้ว แต่อาการดีขึ้นเลยไม่ต้อง
ก็เลยมีโอกาสเอามาต่อให้เนี่ยแหละจ้า
หัวใจขายแพงๆ 13 โดย mam เช้านี้ผมชวนหมอนั่นไปเยี่ยมคุณวิชุดาแต่เช้า แต่กว่าพ่อคุณจะทำธุระเสร็จก็โอ้เอ้ซะจนเกือบ 10 โมงแล้ว ดูเหมือนเขาไม่อยากให้ผมไปเยี่ยมคุณวิชุดาเท่าไหร่นัก ตอนขับรถไปก็หน้าตาบอกบุญไม่รับ ผมก็พอจะรู้ว่าทำไมเขาถึงไม่อยากให้ผมเข้าใกล้เธอนัก โธ่~ ก็ผู้หญิงคนนี้ใครได้คุยได้รู้จักก็… เอาเถอะ พูดไปก็ไม่ดี จะเป็นการพูดถึงเธอในแง่ไม่ดีเกินไป ยังไงเธอก็เป็นคนที่เรารู้จักจะทำเมินเฉยกับเธอนักก็ไม่ดี
“ไอ้ยะ!!~”
ได้ยินเสียงทักมาแต่ไกล ดังจริง ๆ นายคนนี้ ผมหันไปมองตามเห็นคนที่เดินเข้ามาทักแต่งตัวเหมือนจะเป็นหมอ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงดำ แต่เอ~….หมอโรงพยาบาลนี้ไม่ชอบผูกเนคไทกันแฮะ
“อ้าวไอ้วุฒิ!~ จะไปไหนล่ะมึง? หนีงานเรอะ”
“มึงนี่ปากหมาตั้งแต่เด็กยันแก่เลยว่ะ กูออกเวรแล้วโว้ย”
“อ้อเรอะ!?~”
หมอคนที่ชื่อวุฒิหันมายิ้มให้ผม “สวัสดีครับ วรวุฒิครับ เป็นหมอกระดูกและกล้ามเนื้อ…”
หมอวุฒิยื่นมือมาข้างหน้าพอผมจะยื่นไปเช็คแฮนด์ด้วยหมอนั่นก็คว้ามือหมอวุฒิไปแทน
“สวัสดีครับ พสุธรครับ แฟนกูครับอย่ามองมากเดี๋ยวมึงจะตาเขียว”
ผมได้แต่ยืนกุมขมับ อาการเดียวกับตอนเจอคุณคมสันเปี๊ยบ
“อะไรวะ!~ ทีตอนเรียนบอกไม่คิดจะคบใครแล้วดันเสือกมีแฟนก่อนคนอื่นอีก แถมยังเสือกมีแฟนสวยเกินหน้าเกินตาเพื่อนจนไอ้คมมันเอาไปพูดซะกูอยากเห็นตัวจริง”
เอาไปพูด… มิน่าล่ะ…สายตา เยิ้ม แบบเดียวกันเลย
“แฟนกูนี่หว่า อิจฉาก็หาเอาให้ได้แบบนี้สิ เออ…ว่าแต่น้องมึงไปไหนวะ? ตั้งแต่เข้ามากูยังไม่เห็นเลย”
หมอวุฒิทำหน้าหน่าย ๆ “ก็เพื่อนมึงน่ะสิ มาลาออกน้องกูออกจากโรงพยาบาลเอาไปกกไว้ที่คอนโดไม่ให้ได้เจอพี่เจอเชื้อกันมั่ง โทรศัพท์คุยกันทีก็ได้ไม่กี่นาที กูกำลังจะไปเยี่ยมที่คอนโดเพื่อนมึงเนี่ย”
เพื่อน?… น้อง?…
“เออ… งั้นมึงอย่าเพิ่งไป รอกูไปเยี่ยมเพื่อน 20 นาทีเดี๋ยวกูไปด้วย”
หมอนั่นลากผมออกมาเดินไปขึ้นลิฟท์
“คุณยะ… เดี๋ยวถ้าคุณจะไปเยี่ยมเพื่อนคุณไปเลยก็ได้ เดี๋ยวผมเยี่ยมคุณวิชุดาเสร็จก็จะกลับ”
หมอนั่นทำหน้างง ๆ “คุณพูดอะไรน่ะ?”
“ก็คุณจะไปเยี่ยมเพื่อนไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวคุณก็เลยไปเลยก็ได้เดี๋ยวผมกลับเอง”
“คุณจะไม่ไปดูหน้าเจ้านพมันหน่อยรึไง?”
หา?
“นพเหรอ? อ้าว!~ ก็คุณจะไปเยี่ยมน้องของหมอวรวุฒิไม่ใช่เหรอ?”
ยังไงกัน?
“ก็นพนั่นล่ะ ไอ้วุฒิมันตู่เอาไปเป็นน้องตัวเองตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว”
หมอนั่นหันมามองหน้าผมแล้วก็หัวเราะ ทำไม? หน้าผมมันตลกขนาดนั้นเลยรึไง ผมสะบัดมือออก จับอยู่ได้ ไม่เมื่อยมั่งรึไง
“เอาน่า~ อย่างอนน่า ถึงจะงอนแล้วน่ารักก็เถอะแต่งอนบ่อย ๆ เดี๋ยวผมอดใจไม่ไหวหรอก”
ไอ้!!!~….
“คุณยะ!!!~”
หมอนั่นยังหัวเราะดังลั่น
เราเปิดประตูห้องพักเข้ามาก็เห็นคุณลุงกับคุณป้านั่งอยู่ที่โซฟาข้างเตียง คุณวิชุดาตื่นแล้วแต่เธอยังขยับไม่ได้มากนัก เธอแขนเดาะ ขาซ้ายหัก กระดูกซี่โครงหักรู้สึกว่าหมอจะใส่เฝือกอ่อนเอาไว้ให้เพื่อไม่ให้ขยับมาก ผมกับหมอนั่นไว้คุณลุงคุณป้าแล้วก็เดินเข้าไปข้างเตียงคุณวิชุดา
“เป็นยังไงบ้างครับ?”
“คราวนี้ฉันนอนไปเกือบ 24 ชั่วโมงแล้วคุณคงไม่บอกให้ฉันนอนอีกนะ”
แม้เสียงจะฟังแหบ ๆ แต่ถ้ามีแรงประชดได้อย่างนี้ก็คงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ
“ผมพูดเพราะผมเป็นห่วงคุณนะ”
“…ขอบคุณ….”
จริง ๆ เธอก็น่ารักดีนะ เขินหน้าเป็นสีชมพูเชียว
“รีบหายมาทะเลาะกับผมเร็ว ๆ ล่ะ”
คุณยะยิ้มให้เธอ ตบหลังมือเธอให้กำลังใจเบา ๆ แล้วก็เดินไปนั่งคุยกับคุณลุงคุณป้า
“คุณธร…”
“ครับ?”
“คุณพ่อบอกว่าคุณให้เลือดฉันเหรอ?”
“ครับ”
“ทำไม? ถึงคุณจะให้เลือดฉันมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมถอยให้คุณหรอกนะ”
“ผมรู้…”
“แล้วทำไม?”
ผมยิ้มให้เธอ ยกมือเธอขึ้นมากุมไว้ “ผมไม่ได้หวังให้คุณตอบแทนหรือทำอะไรให้ผม ผมให้เลือดคุณเพราะอยากให้คุณมีชีวิตรอด อยากให้คุณหาย ผมเป็นห่วงคุณด้วยใจจริงนะ”
ดูเธอหน้าแดงขึ้นจนแทบจะเป็นสีเดียวกับแอปเปิ้ลของเยี่ยมข้าง ๆ เตียง จริง ๆ เธอเป็นคนน่ารักนะ น่าเสียดายเธอไม่ได้ใส่ใจกับหัวใจเธอมากกว่านี้ ถ้าเธอเปิดมันให้คนอื่นได้เข้าไปเธอจะพบว่ามีคนจริงใจอยากจะเข้าไปจับจองหัวใจเธอโดยไม่สนใจเงินทองของเธออีกหลายคน
“…ขอบ…คุณ…” คราวนี้เสียงเธอเบาจนเหมือนกระซิบ
“วิชุดา เดี๋ยวผมกับธรมีธุระต้องไปต่อ ขอตัวก่อนนะ” หมอนั่นเดินมาโอบเอวผมแอบดึงมือผมออกไม่ให้จับมือคุณวิชุดา
“อืม ขอบคุณที่มาเยี่ยม” เธอหันมายิ้มให้ผม เป็นยิ้มที่อ่อนโยนและสดใส ผมว่าเธอคงจะยอมเปิดใจออกบ้างแล้ว
“ผมกลับก่อนนะ วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่”
ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากหมอนั่นก็ลากผมออกจากห้อง
“คุณยะ!~ เสียมารยาทนะ”
หน้าหงิกตั้งแต่ออกประตูมาจนเข้ามาในลิฟท์แล้วก็ยังหงิกอยู่
“ทำไมคุณชอบหว่านเสน่ห์จังนะ…”
ดู~ มาทำเป็นถอนใจ
“ผมไปหว่านเสน่ห์ใส่ใครเมื่อไหร่ไม่ทราบ…”
“จะใคร ก็วิชุดาไง ไม่เห็นสายตารึไง หวานเชื่อมขนาดนั้น”
“คุณนี่ต้องบ้าแน่ ๆ เห็นใครคุยกันดี ๆ ไม่ได้ต้องคอยหาเรื่องผมตลอด”
“ผมจะไม่หาเรื่องเลยถ้าไอ้คนที่คุณว่าคุยกันดี ๆ น่ะจะไม่ทำตาน้ำเชื่อมเข้าใส่คุณ”
หมอนี่ต้องบ้า!~…. น่าจะเอาไปให้หมอเขาตรวจประสาทซะหน่อยนะเนี่ย
พวกคุณจะเชื่อมั้ยถ้าผมจะบอกว่า ระหว่างทางที่มาคอนโดคุณคมสัน หมอวุฒิกับหมอนี่คุยกันด้วยความรักความคิดถึงจนแทบจะจอดรถชกกันตาย เชื่อผมเถอะ เพราะมันทำให้ผมกลัวสองคนนี่จนอยากจะโดดลงจากรถแล้วเรียกแท็กซี่กลับบ้าน
กว่าที่รถจะจอดหน้าคอนโดคุณคมสันผมก็อยากจะร้องไห้กลับบ้าน ไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนกันมาได้ยังไง และสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจก็คือพอเจอนพทั้งสองคนนี่ก็กลายเป็นพี่ชายที่แสนดีโดยไม่ได้นัดกันเลย คงเพราะนพเป็นคนน่ารักล่ะมั้ง
ผมสังเกตว่านับจากนพไปค้างที่บ้านหมอนั่นวันนั้นจนวันนี้นพเปลี่ยนไปมาก ผมไม่ได้หมายถึงนิสัยนะ นพยังนิสัยน่ารักเหมือนเดิม ที่ต่างไปก็คือนพดูมีน้ำมีนวลขึ้น ผิวพรรณผุดผ่อง ผิวขาวอมชมพู แก้มก็เป็นสีชมพูระเรื่อ น่ารักแฮะ นี่สินะลักษณะของคนมีความสุข
“นพ… เอาไว้ว่าง ๆ ไปค้างที่บ้านอีกสิ” ผมลองชวน ปฏิกิริยาที่ได้จากแต่ละคนก็ต่างกัน
ตัวนพนั้นยิ้มแย้มพยักหน้ารับ
คุณคมสันหน้างอจ้องหน้านพเป๋ง
ส่วนหมอวุฒิเสนอตัวขอไปค้างบ้าง
และหมอนั่นทำหน้าหงิกคอยกันไม่ให้หมอวุฒิมาที่บ้าน
สนุกดีแฮะ ทำไมนะผมถึงรู้สึกว่ามีความสุขจังเวลาอยู่ในกลุ่มคนกลุ่มนี้ คงเพราะความจริงใจที่ทุกคนมีให้ผมล่ะมั้ง
เรากลับถึงบ้านกันอย่างปลอดภัย ก่อนกลับหมอวุฒิพยายามจะขอมาบ้านให้ได้แต่หมอนี่ยืนคำขาดว่าถ้าจุดหมายการมาไม่ใช่เที่ยวบ้านอย่างเดียวไม่ให้มา หมอวุฒิก็เลยขอตัวกลับบ้านไปตามระเบียบ
“คุณนี่นะ หวงบ้านเกินเหตุไปได้” ผมว่าเขาหลังจากเดินขึ้นเรือนมาแล้วก็นั่งลงที่ประจำ
“ใครว่าผมหวงบ้าน ผมหวงคนในบ้านต่างหาก”
“จะมาหวงอะไรคนในบ้าน หมอวุฒิเค้าจะมาลักตัวใครในบ้านคุณไปรึไง”
“ใช่สิ หน้าตาบอกยี่ห้อลามกแบบนั้น”
“ทำอย่างกับคุณไม่ลามกอย่างนั้นแหล่ะ”
หมอนั่นหน้าตึงขึ้นมาทันที หน้าตาแบบนี้ไม่น่าไว้วางใจ ผมรีบกระเถิบหนีแต่ไม่ทันโดนหมอนี่คว้าแขนไว้ซะก่อน
“ว่าผมลามกใช่มั้ย!~ งั้น…..”
“อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะคุณยะ!!”
“อะไรบ้า? ใครว่าผมจะทำบ้า ๆ ผมจะทำดี ๆ ต่างหาก”
เฮ้ย!!! หมอนั่นกระโจนเข้าทับตัวผมพยายามจะจูบไปทั่ว หมอนี่มันร้อยปากรึไงนะ!!~ ปิดตรงโน้นก็ย้ายไปตรงนั้น ปิดตรงนั้นอ้อมมาทางนี้อีก
“คุณยะ!!! จะบ้าเรอะ!!! ลุกไปนะ!!”
ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเยอะแยะเนี่ย ผลักไม่ออกเลย!~
“ไม่ลุก จ่ายค่าเสียหายที่ว่าผมลามกมาซะดี ๆ“
“อะแฮ่ม….”
รู้สึกว่าได้ยินเสียงกระแอม เสียงคุ้น ๆ หันไปมองที่ประตู อ๋า~ คุณลุงธัชพล
“นี่มันนอกห้องนะ เกรงใจหน่อย…”
พอหมอนี่คลายแรงที่จับผมไว้ลงผมก็รีบลุกวิ่งไปหลบหลังคุณลุงทันที หมอนั่นลุกขึ้นนั่งในท่าเรียบร้อยขึ้น
“มาค้างรึเปล่าพ่อ?”
ดูทำหน้าเข้า ไอ้ลามกเอ้ย~
“ไม่ค้าง”
เป็นคำตอบที่ผมชอบจริง ๆ
“โธ่พ่อ~ ค้างเถอะผมจะให้ต้อยจัดห้องให้”
“ไม่ค้างโว้ย มีเรื่องมาคุยด้วยเฉย ๆ เดี๋ยวจะกลับแล้ว”
“โธ่พ่ออ่ะ~”
ดูเหมือนจะน่ารักนะที่ลูกงอนพ่อ แต่เสียใจด้วย ต่อมในสมองที่ใช้มองหมอนี่น่ารักของผมมันพิการไปแล้ว
“ไม่ต้องพูดมาก ฉันจะมายืมคนสวนบ้านแกไปหัดงานคนสวนบ้านใหญ่หน่อย”
หือ?….
“อ้าว~ เปลี่ยนคนใหม่เหรอพ่อ? แล้วคนเก่าล่ะ?”
“คนเก่ามันชอบทำกระถางแตก นี่ยังมาตัดบอนไซฉันซะโล้นอีกเลยไล่ออกไป ยังไงก็ให้คนของแกไปช่วยหัดให้ซักอาทิตย์ก็แล้วกัน”
“เดี๋ยวผมจะสั่งต้องให้ก็แล้วกัน”
“ได้ข่าวว่าหนูวิชุดาเกิดอุบัติเหตุ…..” คุณลุงพูดเบา ๆ แค่พอได้ยิน
“ครับ ก็อาการหนักพอดูแต่หมอช่วยได้แล้ว โชคดีที่เลือดกรุ๊ปเดียวกับธร ธรเค้าก็เลยให้เลือดจนหน้าซีดไปเหมือนกัน”
คุณลุงหันมามองหน้าผมยิ้มน้อย ๆ “ขอบใจนะ…”
“ไม่เป็นไรครับ”
“เอาล่ะ…. ถ้าเรียบร้อยแล้วฉันก็ไปละ มีธุระอีกหลายที่” คุณลุงลุกขึ้นจะเดินลงเรือน
“อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนนะครับ” ผมเข้าไปเกาะแขนหาที่พึ่ง ไอ้บ้านี่จะได้ไม่ทำบ้า ๆ ใส่ผมอีก
“ไม่ล่ะ กลัวลูกบ้า ๆ มันสติแตก เดี๋ยวจะไม่มีลูกเอาไว้ทะเลาะด้วย” คุณลุงลูบหัวผมแล้วก็เดินลงเรือนไป
เอาล่ะสิทีนี้ ที่พึ่งของผมก็ไปซะแล้ว จะทำยังไงกันล่ะ
“….ธร~…..” เสียงน่ากลัวมาก
อยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของหมอนั่นก็ดัง เฮ่อ~ ระฆังช่วยชีวิต ระหว่างที่หมอนั่นรับโทรศัพท์ผมก็ย่องหนีเข้าห้อง ค่อยสบายหน่อย… หมอนี่บ้าทีไรผมจะประสาทกินทุกที
“ธร…” หมอนั่นเคาะประตูเรียกหน้าห้อง
“มีอะไร?”
ผมเปิดประตูออกไปดูเห็นเขาทำหน้าเหมือนกลุ้มใจอะไรซักอย่างแล้วก็ถอนหายใจยาว
“สินค้าผมมีปัญหาติดอยู่ที่ด่านตรวจอีกแล้วละนะ ผมคงจะไปนานอาจจะกลับดึก”
“มีปัญหาอะไรเหรอ?”
“ผมก็ยังไม่รู้รายละเอียด ยังไงคุณดูแลให้ต้องไปบ้านใหญ่ด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงผมจะจัดการให้….”
หมอนั่นหันหลังจะเดินไป ทำไมสินค้าเขามีปัญหาบ่อยจัง ดูหน้าตาเขาก็ไม่ค่อยสบายใจ
“คุณยะ….” ผมจับแขนเขาไว้
เขาหันมาทำหน้าเหมือนกับจะถามว่า
‘มีอะไร?’ “…พยายามเข้านะ…”
เขาจะหัวเราะผมมั้ยเนี่ย…. แต่…อยู่ ๆ หมอนี่ก็ยิ้ม เฮ้ย!!!
“คุณยะ!!! มากอดผมทำไม ปล่อยนะ!!!”
ไอ้บ้านี่ไม่ยอมปล่อย ซบหน้ากับไหล่ผมแน่นเลย
“…ขอบคุณมาก…” เขาพูดเบา ๆ
ไม่รู้สิ ผมรู้สึกเหมือนเขากำลังกลุ้มใจเอามาก ๆ ก็เลยปล่อยให้เขากอดไว้อย่างนั้น
“มีอะไรให้ผมช่วยได้ก็บอกนะ”
หมอนั่นค่อย ๆ ปล่อยผมแล้วยิ้มให้แบบที่….ดูไม่ค่อยสดใสนัก “ไม่เป็นไร ผมจะพยายามดูก่อน ไปพักผ่อนเถอะ” เขาหันหลังเดินไป
ผมรู้สึกเป็นห่วงเขาอยู่เหมือนกัน สินค้าคงจะมีปัญหามากถึงได้ทำหน้ากลุ้มใจขนาดนี้ ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็คงจะดีหรอก…..