คุณคือความรัก บทที่ 40
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่คนอย่างณธิป โชติตระกูลมีโอกาสสวมวิญญาณเป็นผู้ปกครองและเข้ามารับเด็กในโรงเรียนอนุบาล แม้ว่าเขาจะไม่ได้มาตามลำพัง แต่การเดินผ่านเด็กตัวเล็กๆ ที่วิ่งวุ่นวาย แถมบางคนก็ร้องไห้กระจองอแงเพราะเพิ่งตื่นนอน เป็นอะไรที่น่าเวียนหัวสุดๆ
เดินผ่านห้องเรียนของเด็กๆ มาหลายห้อง ในที่สุดก็ถึงที่หมาย เมื่อเขาและกมลโผล่หน้าไปยังห้องอนุบาล 2/1 เด็กชายฝาแฝดที่ณธิปคุ้นหน้าก็ร้องทักพร้อมกับทำตาโตทันที ราวกับมีเรดาร์จับสัญญาณผู้ปกครองอย่างไรอย่างนั้น
“ลุงไอมาแล้ว!” น้องหยินว่า
“อาเล็กก็มาด้วย!” ตามมาด้วยน้องหยาง
“ทำยังไงก่อนคะเด็กๆ” ส่วนคนหลังเป็นคุณครูประจำชั้นคนสวยที่ร้องเตือน
“สวัสดีครับลุงไอ สวัสดีครับอาเล็ก!~” สองแฝดเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
กมลยิ้มรับก่อนจะย่อตัวลงนั่งระดับเดียวกับหลานชาย พร้อมเอ่ยถามเหมือนกับทุกวัน
“สวัสดีครับพี่หยิน น้องหยาง วันนี้เป็นเด็กดีหรือเปล่าครับ”
“หยินเป็นเด็กดีครับ”
“หยางก็เป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน”
สองพี่น้องผลัดกันรายงานแข็งขัน ทว่าแฝดคนพี่กลับยกมือฟ้อง
“แต่น้องหยางดื้อนิดหน่อย”
“หืม?” กมลเลิกคิ้ว “น้องดื้อยังไงครับพี่หยิน”
“หยางไม่ยอมนอนกลางวันครับ”
“อึ้ย…” ครั้นถูกฟ้อง เจ้าตัวเล็กก็ย่นคอ แล้วเถียงเบาๆ “พี่หยินก็ไม่นอนเหมือนกัน”
“พี่นอนนะ แต่หยางปลุกพี่มาเล่นด้วย”
“นั่นแหละ พี่หยินก็ไม่นอน”
“ก็หยาง…”
“พอครับๆ ไม่เถียงกันนะ คุณครูก็อยู่ อาเล็กกับเพื่อนๆ ก็อยู่ด้วย อายเขานะครับ เดี๋ยวเราไปคุยกันต่อในรถดีกว่า” กมลตัดบท เด็กทั้งสองถึงเงียบเสียงได้ “ผมไปก่อนนะครับคุณครู ขอบคุณที่ช่วยดูแลเด็กๆ ครับ”
“เป็นหน้าที่อยู่แล้วค่ะคุณไอ”
หนุ่มหน้าสวยยิ้มหวานให้ครูสาวตามมารยาท ก่อนจะจูงมือหลานชายตัวแสบไปที่รถโดยมีณธิปเดินตามหลังอย่างสงบเสงี่ยม
ครั้นมาถึงลานจอดรถ เด็กๆ ก็ทำตาพองโตเมื่อเห็นว่ารถที่มารับในวันนี้ ไม่ใช่รถคันเดิม มิหนำซ้ำยังเป็นรถคันใหญ่ ติดฟิล์มดำ ดูเท่เหมือนในทีวีไม่มีผิด
ด้วยความตื่นเต้น แฝดคนน้องจึงรีบสะกิดคุณลุงแล้วถามทันที
“รถคันใหม่ของลุงไอเหรอครับ”
“ไม่ใช่หรอกครับ นี่รถอาเล็ก”
“ว้าว~” เด็กน้อยร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น ณธิปจึงถือโอกาสเข้าแทรกในบทสนทนา
“น้องหยางชอบหรือครับ”
“ครับ” หยางพยักหน้ารับ
“งั้นเอาไว้อาว่าง จะมารับน้องหยางกลับจากโรงเรียนบ่อยๆ ดีไหมครับ”
“ดีครับ!” เด็กน้อยตอบรับเสียงเริงร่า จนพานให้หยินเองก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย
ระหว่างที่เด็กทั้งสองกำลังหันไปคุยกัน และสนใจกับรถคันใหม่ กมลก็หันกลับมาหาคนเจ้าเล่ห์ด้านหลัง แล้วกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน
“หลานๆ ผมสองคนนี้ ความจำดีมากนะคุณเล็ก อย่าไปสัญญาอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าสิครับ เดี๋ยวพวกแกงอแงขึ้นมา ผมกับยายอ้ายจะลำบากนะ”
“ผมไม่ได้สัญญาสุ่มสี่สุ่มห้าเสียหน่อย”
“หมายความว่าไงครับ”
“ผมพูดจริงๆ ต่างหาก”
“คุณเล็ก…” กมลเรียกอีกฝ่ายอย่างอ่อนใจ “คุณคงไม่คิดจะมารับเด็กๆ บ่อยๆ หรอกใช่ไหมครับ”
“แล้วคุณคิดว่าไงล่ะ”
“ทำแบบนั้นมันจะเบียดเบียนเวลางานคุณนะ ผมเกรงใจ”
“ถ้าเกรงใจจริงๆ เอางี้ไหมครับ”
“หืม?” กมลหยุดเดิน พลางหันมองด้วยสีหน้าฉงน เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนอีก
“คุณก็รับรักผมเสียสิครับ ต่อไปหากผมทำอะไรให้ คุณจะได้ไม่ต้องนั่งคิดว่าจะเกรงใจ เพราะผมเป็นแฟนคุณ ถือเป็นคนกันเองใช่ไหมล่ะ”
ใช่ไหมล่ะ อะไรกัน…กมลได้แต่คิดในใจ แล้วทำเฉไฉกลับไปโฟกัสที่หลานชาย ทิ้งให้ณธิปยืนยิ้มกับข้อเสนอของตัวเองอยู่เพียงลำพัง
“หึ ใจแข็งจริง” คนตาเรียวส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินตามสามคนลุงหลานไปขึ้นรถ
กมลไม่ได้ตรงกลับบ้านหรือไปพบน้องสาวที่ I promise Tower อย่างที่ตั้งใจ เพราะพ่อคนเจ้าเล่ห์ดันมาชักชวนให้หลานๆ ของเขาออกนอกลู่นอกทางโดยการพาไปทานไอศกรีมที่ห้างสรรพสินค้าใกล้โรงเรียนก่อน
แล้วมีหรือที่เด็กวัยไร้เดียงสาจะไม่ถูกล่อลวงง่ายๆ เพราะทันทีที่ได้ยินคำว่าไอศกรีม เจ้าสองพี่น้องฝาแฝดก็ทำตาโต พร้อมกับหันมาจับมือสามัคคีชุมนุม เพื่อเข้ามาออดอ้อนขอให้ลุงไอคนดีอนุญาต
แล้วคนอย่างกมลที่รักหลานชายยิ่งชีพ มีหรือจะปฏิเสธตาใสๆ ของพวกเขาได้
เวลานี้ทั้งสี่คนจึงต้องมานั่งอยู่ในร้านไอศกรีมดัง โดยมีบอดี้การ์ดของคุณชายณธิปคอยเป็นยามเฝ้าระวังอยู่ที่หน้าร้านให้ใครต่อใครผวาเล่น
“เมื่อไหร่ไอศกรีมของพวกเราจะมาน้า…”
น้องหยางว่าพลางถือช้อนคันเล็กราวกับอาวุธประจำกาย พร้อมกับชะเง้อชะแง้คอมองว่าพนักงานคนไหนจะตรงมาที่โต๊ะของพวกเขาด้วยใจจดจ่อ ส่วนน้องหยินก็ไม่แพ้กัน เพียงแต่ยังมีหันมาคุยกับณธิปบ้าง กระทั่งไอศกรีมมาเสิร์ฟ เด็กๆ จึงตั้งหน้าตั้งตาจัดการของหวานของตัวเอง
“อร่อยไหมครับ” กมลเท้าคางมองยิ้มๆ
“อร่อยครับ ลุงไอกินไหม หยางป้อน อ้าม~”
ไม่ใช่แค่ถาม แต่แฝดน้องตักไอศกรีมส่งให้กมลคำโต ชายหนุ่มจึงต้องอ้าปากรับอย่างเสียไม่ได้
“ขอบคุณครับ” กมลยิ้มรับ
“แล้วอาเล็กล่ะครับ จะมีใครใจดีป้อนบ้างไหมนะ”
“นี่ครับ” น้องหยินที่ก้มหน้าก้มตากินอยู่นานเป็นฝ่ายตักบ้างอย่างรู้งาน ณธิปจึงได้ชิมไอศกรีมที่เด็กๆ สั่งมาด้วย
“หวานจัง” คนตาเรียวว่า เพราะเขาไม่ค่อยนิยมทานของหวานเท่าไหร่
“ไอศกรีมก็ต้องหวานสิครับอาเล็ก” หยางบอก
“อ่า…จริงสินะ ไอศกรีมก็ต้องหวานเป็นธรรมดาเนอะ”
“ใช่ๆ อาเล็กไม่รู้เรื่องเลย” เจ้าตัวแสบย้ำ พร้อมกับก้มหน้าก้มตากินต่อ แต่คำพูดของหลานชาย ทำเอากมลเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ
“หึๆ”
“หัวเราะอะไรครับไอ”
“เปล่าครับ…อ๊ะ” ขณะตอบ กมลพบว่าที่มุมปากของณธิป มีสีครีมของไอศกรีมวนิลาเปรอะอยู่ ชายหนุ่มจึงดึงกระดาษทิชชู่ไปช่วยเช็ดให้อย่างลืมตัว เพราะเขาก็ทำแบบนั้นกับหลานๆ อยู่แล้ว แต่ความใส่ใจนั้นกลับกระแทกใจของณธิปอย่างจัง
สัมผัสเบาๆ ทำให้ณธิปนิ่งไปนิด ก่อนจะครางออกมา
“ไอ…”
“มันเลอะน่ะครับ” กมลละมือออกมาเมื่อเช็ดสะอาดแล้วแต่คนเจ้าเล่ห์กลับจับเอาไว้ แล้วจูบเร็วๆ ผ่านหลังมืออย่างถือวิสาสะ
“ขอบคุณครับ”
“คุณเล็ก!”
กมลรีบชักมือกลับทันที เพราะกลัวว่าหลานชายสองคนจะเห็น แต่โชคดีที่เด็กๆ ไม่ได้สนใจพวกผู้ใหญ่ กมลจึงรอดตัว
“ก็คุณอยากทำตัวน่ารักเองนี่”
“น่ารักที่ไหนกัน” คนหน้าหวานบ่นอุบอิบ แต่ถึงอย่างนั้นณธิปก็ได้ยินอยู่ดี แต่เขาแค่ไม่คิดตอบโต้ เพราะกลัวทำให้คนใจร้ายนึกเคืองขึ้นมาจริงๆ
แต่เด็กตัวแสบที่ไม่ได้สนใจอะไรแต่แรก ดันแทรกขึ้นมา พร้อมกับเอานิ้วชี้ที่หน้าตัวเอง
“น่ารักที่นี่” หยินบอก
“น่ารักที่นี่ด้วย” แล้วหยางก็ทำตาม
“ครับๆ น่ารักทั้งหมดนี่เลย ทั้งน้องหยิน น้องหยาง แล้วก็ลุงไอด้วย…เนอะ” ณธิปเสริม พร้อมกับมองกมลด้วยสายตาสื่อความหมาย
ครั้นถูกมองราวกับว่าอีกฝ่ายอยากกลืนเขาเข้าไปทั้งตัว กมลก็ต้องเบี่ยงสายตาหลบ แล้วพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่หลานชายอีกรอบ
ไม่รู้ทำไม ทั้งที่ณธิปทำตัวเหมือนเดิม แกล้งหยอกเขาเหมือนเดิม แต่นับวันกมลชักรู้สึกว่าตัวเองต้านทานคนคนนี้ได้น้อยลงทุกที…ทุกที
หลายวันต่อมา หลังจากกมลไปทานไอศกรีมกับหลานๆ และณธิปในวันนั้น พวกเขาก็ไม่มีเวลาว่างพอพบกันอีก แต่ณธิปยังขยันโทรหาเขาเช้าเย็น วันไหนยุ่งหน่อยไม่ลืมส่งข้อความมาหา ทำราวกับว่ามันคือกิจวัตร จนกมลเริ่มชินกับการมีผู้ชายคนนั้นอยู่ในชีวิต
ส่วนเรื่องที่มีคนมาติดตามเขา เวลานี้ทุกอย่างดูเหมือนกลับมาเป็นปรกติแล้ว ที่เห็นก็มีแค่บอดี้การ์ดหน้าเดิมซึ่งผลัดเวรกันมาเฝ้าครอบครัวของกมลทั้งเช้าและเย็น จนเด็กๆ รวมถึงหทัยคุ้นชิน และสนิทสนมกับพวกเขาไปด้วย
เช้าวันนี้กมลมีงานข้างนอก ใกล้กับโรงเรียนเจ้าแฝด เขาจึงรับอาสาไปส่งหลานๆ ด้วยตัวเอง อะไรๆ ดูเหมือนจะเป็นไปอย่างปรกติสุขทุกอย่าง เพียงแต่ชายหนุ่มรู้สึกว่า เช้านี้มีสายตาหลายคู่ จ้องมองมาที่เขาเป็นพิเศษ
ในทีแรกเขาคิดว่าตนเองอาจคิดมากไปเอง จนกระทั้งเขาได้รู้เรื่องเอาก็ตอนที่ไปพบลูกค้าในโรงแรมที่นัดเอาไว้
ขณะที่ตกลงงานเรียบร้อยด้วยดี กมลก็เตรียมจะบอกลากับลูกค้า แล้วกลับไปยัง I promise แต่อยู่ๆ ว่าที่เจ้าสาวก็เอ่ยบางอย่างขึ้นมา ก่อนจากกัน
เธอหันมองซ้ายขวา คอยดูว่าสามีที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำยังไม่กลับมา จึงเอ่ย
“เอ่อ…คุณไอคะ”
“ครับคุณวิ”
“คือวิมีเรื่องอยากบอกคุณไอนิดนึงค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะเหมาะไหม”
“เรื่องอะไรครับ บอกได้ครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
“พูดได้ใช่ไหมคะ”
“ครับ” กมลพยักหน้ายิ้มๆ
“คือวิเห็นข่าวของคุณไอเมื่อเช้า ตอนแรกวิก็กังวลมากๆ แต่พอได้คุยกับคุณไอจริงๆ ดูยังไงคุณไอก็ไม่ได้เป็นเหมือนในข่าวเลย คุณไอก็สู้ๆ นะคะ ไม่ต้องคิดมากนะคะ”
“หืม? ข่าวหรือครับ”
ครั้นเห็นกมลทำหน้างง หญิงสาวก็หน้าถอดสี “นี่…คุณไอยังไม่เห็นข่าวหรือคะ”
“ข่าวอะไรครับ”
“ตายล่ะ…วิไม่น่าพูดเลย”
“มันอะไรกันครับคุณวิ ผมงงไปหมดแล้ว” กมลยังยิ้มอยู่ แต่เสียงของเขาดูจริงจังขึ้น หญิงสาวจึงจำต้องเปิดไปในหน้าข่าวที่ว่า แล้วเอาให้กมลดูด้วยตัวเอง แทนการอธิบายตรงๆ
เผยแล้ว! สาเหตุไฮโซดังสลัดรัก ทิ้งเจ้าสาวกลางงานแต่ง
หัวข้อข่าวตัวโตพาดหัวดูน่าตกใจ แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่าภาพของเขาที่ถูกณธิปจูบหลังมือในร้านไอศกรีม แม้ภาพไม่ได้ถ่ายใกล้นัก แต่ก็พอดูออกว่าใครเป็นใคร
กมลรู้สึกใจสั่นนิดๆ ในตอนแรก แต่หัวใจของเขาต้องหล่นวูบ เมื่อเลื่อนลงไปอ่านเนื้อหาข่าวที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งมีใจความใส่สีตีไข่ราวกับคนเขียนมานั่งอยู่ในทุกเหตุการณ์ของชีวิตเขาอย่างไรอย่างนั้น
ข่าวว่าเหตุที่ทายาทเอ็นพีกรุ๊ปล่มงานวิวาห์เมื่อคราวที่แล้วก็เพราะหลงเสน่ห์นักธุรกิจหน้าหวานหัวปักหัวปำ จนสลัดรักเจ้าสาวของตัวเองอย่างไม่ไว้หน้าสักนิด ข่าวเล่าว่าต้นรักของพวกเขาผลิบานขึ้นตอนที่กมลช่วยจัดงานแต่งให้ อ่านดูอย่างไรก็เหมือนกับว่ากมลไปแย่งชิงเจ้าบ่าวที่เป็นลูกค้าของบริษัทมาเป็นของตัวเอง
เหมือนกล่าวหาว่ากมลเป็นคนจัดงานวิวาห์ แต่ก็เป็นสาเหตุของการล่มงานวิวาห์ด้วย
ครั้นอ่านจบ รอยยิ้มหวานๆ บนใบหน้าของกมลก็เลื่อนหายไปจนหมด เขาคืนโทรศัพท์ให้กับลูกค้า ก่อนจะบอกลาและขอตัวกลับออกมาทันที
ชายหนุ่มรู้สึกโกรธมาก โกรธอย่างที่ไม่เคยเป็นมานานแล้ว เขาก้าวฉับๆ กลับไปที่รถอย่างรวดเร็ว ในหัวคิดอะไรไม่ออกสักอย่าง
ขณะกำลังก้าวไปถึงรถ อยู่ๆ โทรศัพท์ของเขาก็มีสายเข้า ชายหนุ่มล้วงมันออกมา เขามองชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอ เป็นน้องสาวของเขาเอง กมลจึงถอนหายใจออกมา พยายามปรับอารมณ์ให้เย็นที่สุด ก่อนกดรับทันที
[พี่ไอคะ]
“ว่าไงอ้าย”
[พี่ไออยู่ไหนคะ]
“อยู่ที่โรงแรมAA เพิ่งคุยกับลูกค้าเสร็จ กำลังจะกลับเข้าบริษัท เรามีอะไรหรือเปล่า”
[พี่ไออย่ามานะคะ!]
“หมายความว่าไง”
[ตอนนี้ที่หน้าตึกมีนักข่าวเต็มไปหมดเลยค่ะ]
“อะไรนะ!”
[ไม่รู้พี่ไอ รู้เรื่องข่าวนั่นหรือยัง แต่เชื่ออ้ายนะคะ พี่ไออย่าเพิ่งมา กลับไปที่คอนโดก่อนก็ได้ วันนี้ไม่มีคิวคุยงานอะไรแล้ว เดี๋ยวอ้ายเคลียร์ทางนี้แล้วจะรับเด็กๆ แล้วตามไป…] หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะว่า [เท่านี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวอ้ายโทรหา]
“อ้าย! เดี๋ยวก่อน อ้าย!”
น้องสาวของกมลวางสายไปเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มเผลอสบถออกมาคำหนึ่ง ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า เขามือสั่นไปหมด เพราะรู้ว่าเรื่องราวมันไปไวและใหญ่โตเกินกว่าจะตั้งตัว
ที่สำคัญคือกมลคิดอะไรไม่ออก และแก้ไขอะไรไม่ได้เลย
เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ สงบสติอารมณ์ แล้วไปขึ้นรถก่อนขับไปรอน้องสาวที่คอนโดอย่างที่เธอบอก เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องแก้ไขเรื่องเข้าใจผิดนี้ให้ถูกต้อง
<><><><><><><><><><>
คุณเล็กคุณไอคัมแบคแล้ววววว
แล้วพร้อมข่าวร้อนๆ
เป็นกำลังใจให้คุณไอกับคุณเล็กด้วยนะคะ ^^
ขอโทษที่ปล่อยให้รอนานนะคะ
ขอบคุณที่ยังทวงถามหากันอยู่
จากนี้เป็นช่วง 10 ตอนสุดท้ายแล้ว
จะรีบมาต่อค่ะ
ละอองฝน.