LOVE extra HIGH STORY – 01 – Home | บ้านห้อง 706
หนุ่มร่างสูงนั่งดูหนังอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เป็นหนังแอคชั่นฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์ที่จริงๆ แล้วตั้งใจว่าจะไปดูในโรง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป เลยต้องซื้อเป็นแผ่นดีวีดีมาดูที่ห้อง...
“เปี๊ยกกกกกกก” โบ๊ทเอ่ยปากเรียกรุ่นน้องคนสนิทที่มัวแต่ทำอะไรก๊อกแก๊กอยู่ในห้องนอน ไม่ออกมาดูพร้อมกันสักที
“...”
“ทำไรอยู่ มาเร็ว รอนานแล้วนะ”
“แปบนึง แปบนึง”
“...”
โบ๊ทนั่งรออีกสักพักก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหากีต้าร์ในห้องนอนเพื่อจะดูว่ากีต้าร์ทำอะไรอยู่นานสองนาน... เมื่อโผล่หน้าพ้นประตูห้องนอนก็เห็นไอ้เปี๊ยกของเขากำลังค้นตู้เสื้อผ้า นั่งอยู่บนพื้นโดยมีกองเสื้อผ้าวางตั้งอยู่รอบตัว
“ทำไรอ่ะ” โบ๊ทเอ่ยถามโดยยังยืนอยู่นอกห้องนอน โผล่แค่หน้าเข้าไปในห้อง
“หาเสื้ออยู่... คุณโบ๊ทเห็นเสื้อโปโลน้ำตาลปกเขียวของผมไหม” กีต้าร์หันมาถามหน้ายู่ ดูเหมือนเด็กโดนขัดใจ
“หืม?”
“จำได้ป่าว ตัวที่ซื้อมาจากจตุจักรอ่ะ”
“จำได้ดิ ตัวนั้นโบ๊ทเป็นคนเลือกให้เหอะ จำไม่ได้ก็บ้าแล้ว... หาไม่เจอเหรอ”
“อือ ไม่รู้หายไปไหน”
“ส่งซักเมื่อคราวก่อนได้ดูหรือเปล่าว่าตอนไปรับเขาคืนมาครบไหม”
“ครบดิ จำได้ว่าเอามาแล้วนะ”
“แล้วดูห้องโบ๊ทยังว่ามันติดไปกับกองเสื้อโบ๊ทหรือเปล่า?”
“ยัง”
“อาจอยู่ในห้องโบ๊ทก็ได้ เดี๋ยวไว้ไปหาดู... พอดีเลย ย้ายไปดูหนังห้องโบ๊ทเลยก็ดี ห้องเอ็งมันดูไม่สะใจ”
“ใช่สิ ห้องผมมันไม่มีโฮมเธียเตอร์นี่ ชิ!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ มาๆ เดี๋ยวช่วยเก็บ จะได้รีบไปดูหนังกัน”
ว่าแล้วโบ๊ทก็เดินเข้าไปหย่อนตัวลงนั่งข้างหลังกีต้าร์ เกยคางลงบนไหล่... แล้วโอบกอดจากด้านหลัง
- เฮือก! –“ฮึ่ย!! ทำไรเนี่ย”
“ก็ช่วยเอ็งไง” ไม่พูดเปล่า มือโบ๊ทเริ่มซน ลูบเบาๆ ไปตามอกและหน้าท้องช้าๆ
“อ๊ากกกกก ไอ้หื่น ปล่อยเลยนะ แบบนี้เขาไม่เรียกว่าช่วยแล้ว!!”
“นี่แหละช่วย... ช่วยเร่งไง เพราะถ้าเอ็งมัวแต่โอ้เอ้ เก็บช้าขึ้นมา...... หึหึหึ” โบ๊ทตั้งใจกระซิบข้างหูไม่จบประโยค แต่ส่งมืออุ่นเข้าไปสัมผัสผิวขาวละเอียดใต้เสื้อยืดตัวโคร่ง
“เฮ้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าเพิ่งๆๆๆๆๆๆๆ เก็บแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆ.... อ๊ากกกกกก หยุดนะ!!!!!!”
“หึหึหึ”
วิธีนี้ได้ผลเกินคาด เพราะไอ้เปี๊ยกเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้อย่างไวทันใจ... เอิ่ม แต่อาจจะไม่เรียบร้อยเหมือนเดิมนะ ฮ่าๆๆๆ
.
.
.
สองหนุ่มพากันเดินไปที่ห้อง 707 ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นห้องของโบ๊ท แต่ตั้งแต่คบกัน โบ๊ทก็แทบไม่ได้กลับมานอนในห้องตัวเองสักเท่าไร เรียกได้ว่าจะกลับมาห้องของตัวเองก็เพื่ออาบน้ำ แต่งตัว หรือเข้าไปหยิบของเท่านั้น เพราะวันทั้งวันโบ๊ทก็จะคลุกอยู่กับกีต้าร์ในห้อง 706 เรียกได้ว่าตั้งแต่ตื่นยันหลับเลยทีเดียว
คู่เกรียนหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาหน้าโทรทัศน์จอใหญ่พร้อมชุดโฮมเธียเตอร์ของโบ๊ท ใช้เวลาในช่วงบ่ายของวันดูหนังด้วยกันสองคน โดยที่กีต้าร์ไม่ลืมขนขนมและน้ำอัดลมมากินระหว่างดู... เพลินหู เพลินตา เพลินปากเขาล่ะ... ดูไปกินไป ติดคอก็ยกน้ำขึ้นมาดื่ม ยืดแขนยืดขาได้ สบายกว่าดูในโรงตั้งเยอะ
พอหนังจบ ร่างสูงก็หยิบรีโมทมากดเปลี่ยนโหมดโทรทัศน์ให้กลับมารับสัญญาณเคเบิ้ลทีวี รู้ตัวอีกทีก็มีหัวของกีต้าร์ก็นอนบนหนุนอยู่บนตักแล้ว เขาเห็นเช่นนั้นก็ไม่ขัดอะไร ยิ้มให้รุ่นน้องหน้าใสอย่างเอ็นดู แต่มันกลับทำหน้ากวนประสาทกลับมาให้ เลยอดไม่ได้ที่จะลงไม้ลงมือสนองความกวนของมัน
“ยังจะมาทำหน้ากวนประสาทอีก... กินๆๆๆๆ แล้วก็นอน สบายนักนะไอ้เปี๊ยกกกกก” โบ๊ทพูดด้วยน้ำเสียงหมั่นเขี้ยวพลางใช้มือทั้งสองข้างจับหัวและคางของกีต้าร์แล้วเขย่าๆๆๆ จนหัวของกีต้าร์คลอนอยู่บนตัก
“โอ้ยยยยยย หัวจะหลุดแล้ว!!!” กีต้าร์โวยวายพลางคว้ามือของโบ๊ทไว้ไม่ให้เขย่าหัวตัวเองอีก
“ฮ่าๆๆๆๆ” โบ๊ทหัวเราะร่า ไม่ได้ออกแรงขืนอะไร ปล่อยให้กีต้าร์จับมือไว้อย่างนั้น
“คุณโบ๊ททททท” กีต้าร์เปลี่ยนโหมด อ้อนเอ่ยเรียกชื่อเจ้าของตัก
“หือ?” โบ๊ทก้มหน้าลงมามองพร้อมขานรับคำเรียก
“...” กีต้าร์ไม่พูดอะไรต่อ แค่ยิ้มให้... ยิ้มหวานซะด้วย
“ยิ้มอะไรอ่ะเรา”
“เปล่า”
“ไม่ต้องเลย ทำหน้าแบบนี้ดูก็รู้ จะอ้อนอะไร หืม?”
“คุณโบ๊ทจะกลับบ้านวันไหน”
“อืมมมม คงมะรืนนี้แหละ”
“วันพุธเหรอ”
“อืม”
“กลับกี่วัน”
“สัก 4 วันก็พอ นานกว่านั้นเดี๋ยวเอ็งเบื่อแย่”
“ฮึ่ยยยย ไม่ต้องห่วงผมเลย คุณโบ๊ทอยากอยู่บ้านจนเปิดเทอมเลยก็ได้นะ... เพราะว่า... ผมก็ว่าจะกลับบ้านเหมือนกัน”
“อ้าว ไหงงั้นล่ะเปี๊ยก จะไม่ไปค้างบ้านโบ๊ทเหรอ”
“ตอนแรกก็จะไปแหละ แต่ตอนนี้ผมอยากกลับบ้าน”
“งั้นก็ไปบ้านโบ๊ทก่อนดิ สัก 2-3 วันค่อยกลับเชียงใหม่ ดีไหม? เรายังเหลือเวลาอีกเกือบ 2 สัปดาห์ก่อนเปิดเทอมนะ”
“ไม่เอาอะ ผมอยากไปหาแม่เร็วๆ ไม่ได้เจอนานแล้ว ได้แต่โทรคุย”
“ข้ออ้าง... จริงๆ แล้วอยากกลับไปกินไส้อั่วละสิ”
“ฮ่าๆๆๆๆ รู้ทันอีก ลิงเอ้ย ฉลาดนะเรา”
“อืมมมมมม งั้นก็โอเค ถ้าเอ็งคิดถึงแม่ก็จะกลับเชียงใหม่ก็ได้.... แต่...”
“...”
“โบ๊ทจะไปด้วย”
“ห๊ะ!?!!”
“พอดีเลย ไม่ได้ไปเชียงใหม่นานแล้ว ถือโอกาสไปเที่ยวด้วยเลยละกัน”
“ฮึ่ยยยย เดี๋ยวก่อนๆๆๆๆๆ...” กีต้าร์ดีดตัวลุกพรวดขึ้นมานั่งเมื่อได้ยินสิ่งที่โบ๊ทพูด เพราะจุดประสงค์ของเขาจริงๆ แล้วคือจะบอกโบ๊ทว่าเขาจะกลับบ้าน จะไม่ไปค้างที่บ้านของโบ๊ท และจริงๆ แล้วนี่เป็นประโยคบอกเล่า ไม่ใช่คำชวนให้โบ๊ทไปเชียงใหม่ด้วยกัน
“อะรายยยย” โบ๊ทเองก็พอจะเดาได้ว่าไอ้เปี๊ยกกำลังจะพูดอะไรต่อ
“ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าให้ไปด้ว... เอ้ยยย!!” กีต้าร์ยังพูดไม่จบประโยคก็โดนมือของโบ๊ทกดลงไปให้กลับลงไปนอนบนตัก
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า แค่เชียงใหม่เอง โบ๊ทขับได้ ชิลๆ”
“ไม่ใช่แล้ว!!!”
“ไม่ต้องห่วงเลย ไม่คิดค่าน้ำมันเลยสักบาทเดียว”
“อ๊ากกกก ไม่ใ... อุ๊บ!” กีต้าร์กำลังจะโวยวายแต่ก็โดนมือของโบ๊ทปิดปากไว้ก่อน เลยได้แต่ดิ้นๆๆๆๆ อยู่อย่างนั้น
“อืมมมม เชียงใหม่มีอะไรเที่ยวบ้างนะ” โบ๊ทยังแกล้งตีมึนไปเรื่อย
“อ๋มอังไอ่ไอ้ออกใอ้ไออ้วยอันเอยยยยยยยยยยยยย”
“แต่คงถามเอ็งไม่ได้หรอก เพราะเอ็งอยู่แต่ในกรุงเทพ กลับเชียงใหม่ไปก็ไม่รู้ว่ามีอะไรให้เที่ยวบ้างอยู่ดี”
“...” กีต้าร์หยุดดิ้น หยุดโวยวาย ส่งเพียงสายตาจริงจังไปสบตาโบ๊ท
“...” โบ๊ทเห็นแค่แว๊บเดียวก็รู้ว่ากีต้าร์ไม่ได้ล้อเล่นกับสายตาแบบนั้น ว่าแล้วก็เลยหยุดตีมึนแล้วปล่อยมือ
“...”
“...”
“คุณโบ๊ท ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ผมจะกลับบ้านของผม ส่วนคุณโบ๊ทก็ต้องกลับบ้านของตัวเอง โอเคไหม”
“ทำไมล่ะ? ทำไมให้โบ๊ทไปด้วยไม่ได้”
“ก็... ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ไปด้วย...”
“...”
“แต่ บ้านผมเป็นสวน มีคนงานเป็นสิบๆ... ขืนคุณโบ๊ทไปแล้วทำอะไรรุ่มร่ามแล้วมีคนเห็นก็แย่สิ”
“ไม่ทำหรอก สาบานเลย”
“ไม่เชื่อหรอก”
“แล้วถ้าต้าร์ไม่ไปบ้านโบ๊ท หรือโบ๊ทไม่ได้ไปเชียงใหม่กับต้าร์... ห่างกันหลายๆ วันต้าร์จะไม่คิดถึงโบ๊ทบ้างเหรอ หืม?”
“...” เจอคำถามนี้เข้าไปทำเอาร่างเล็กหน้าขึ้นสี ใจเต้นตึกตึก แววตาที่ดูจริงจังนั้นฉายแววอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“...”
“อย่าคิดมากดิ มันก็ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย...” กีต้าร์เอ่ยพลางบีบมือของโบ๊ทเบาๆ
“...”
“ยังไงก็โทรหากันได้ใช่ไหมละ หรือถ้าผมกลับเชียงใหม่แล้วคุณโบ๊ทจะไม่โทรหาผมเลยหรือไง”
“ไม่โทร”
“โหหหหหห ตอบเร็วไปไหม ใจร้ายวะ”
“จะโทรทำไม ก็โบ๊ทจะไปด้วย”
“โอ้ยยยยยย คุณโบ๊ทอะ ผมบอกว่าไม่ให้ไปไง เข้าใจไหมเนี่ยยย”
“ทำไมล่ะต้าร์ ถามจริงๆ ทำไมถึงไม่ให้โบ๊ทไปด้วย”
“ก็บอกแล้วไง ว่าเดี๋ยวคุณโบ๊ทไปทำรุ่มร่ามแล้วมีคนเห็นอ่ะ”
“ไม่ทำหรอก เชื่อโบ๊ทสิ”
“ถึงคุณโบ๊ทจะไม่ทำ แต่ผมก็ไม่อยากโกหกแม่อยู่ดี...”
“โกหกอะไร?”
“ก็ถ้าแม่ถามเรื่องเราสองคนจะให้ผมตอบว่าอะไร... ผมไม่อยากบอกแม่ว่าเราเป็นแค่เพื่อนกันหรอกนะ” กีต้าร์ตอบเสียงแผ่ว
หลบตาหนีไปทางอื่น
“...” โบ๊ทได้ยินเช่นนั้นก็ใจเต้นด้วยความดีใจ สำหรับเขาแล้ว ความคิดนี้เป็นความคิดที่น่ารักมาก จนอดไม่ได้ต้องเผลอยิ้มกว้างออกมา
“อะไร ยิ้มอะไร...”
“...”
“ไม่ต้องมายิ้มเลย ผมแค่ไม่อยากตายแล้วตกนรกเพราะโกหกแม่เฉยๆ หรอกนะ”
“...”
“ก็บอกว่าไม่ต้องยิ้มไง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงห๊ะ ลิงภูเขาเอ้ย!!”
“เอ็งนี่มัน... จะน่ารักไปถึงไหนวะเปี๊ยกกกกกก แบบนี้ต้องให้รางวัล”
“อ๊ากกกกกกก ปล่อยนะ!!! ฮ่าๆๆๆๆ จ๊กจี้!!!”
.
.
.
สองหนุ่มฟัดกันอยู่บนโซฟาอยู่พักใหญ่ๆ ก็หยุด... ไม่ได้มีอะไรเกินเลยหรอกนะ (ณ จุดนี้ยังมีคำว่าเกินเลยเหลืออยู่ไหมนะ? ฮ่าๆๆๆ) เพียงแค่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันขำๆ เท่านั้นเอง... แต่แค่นี้ก็ทำเอาสองหนุ่มเหนื่อยหอบจนลงไปนอนกองอยู่บนพื้นกันทั้งคู่...
“เดี๋ยวโบ๊ทจองตั๋วให้” โบ๊ทเอ่ยขึ้นหลังจากที่พักให้หายเนื่อยสักพัก
“จริงอ่ะ?” กีต้าร์หันมาถามเสียงสูง นึกสบายใจอยู่ลึกๆ ที่โบ๊ทยอมเข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่อยากให้โบ๊ทไปเชียงใหม่ด้วยกัน
“ก็จริงอ่ะดิ โบ๊ทไม่ให้นั่งรถทัวร์หรอก อันตราย ถ้าจะกลับก็กลับเครื่องเลยดีกว่า”
“แต่รถทัวร์ถูกกว่านะ”
“ไม่เอาอะ นั่งนานด้วย แล้วต้องไปเสี่ยงดวงกับคนขับรถอีกว่าขับดีหรือไม่ดี... โบ๊ทไม่สบายใจ”
“โหยยยยยยยย หล่อ สปอร์ต ใจดี กทม สุดๆ อ่ะ”
“ฮ่าๆๆๆ ไอ้เกรียน!”
“มาๆ เดี๋ยวดูดวงให้เป็นการตอบแทน” ไม่พูดเปล่า กีต้าร์คว้ามือของโบ๊ทมาหงายดูลายมือ
“ดูเป็นเหรอเอ็ง หมอเกรียนมากกว่ามั้ง”
“โธ่ ผมไปอ่านเจอมา คอยดูนะ รับรองต้องอึ้ง”
“ไหนๆ ลองสิ ถ้าเกรียนนะจะโบกให้”
“รับรองเลย แม่นเสียยิ่งกว่าแม่น... นี่เลย เส้นนี้ เป็นเส้นชะตาชีวิต อืมมมมมม อายุยืนนะเนี่ย... อืมมมมม วาสนาดีนะเนี่ย”
“ฮ่าๆๆๆๆ อะไรของเอ็งครับ พ่อหมอเปี๊ยก แบบนี้เขาไม่เรียกว่าหมอดูแล้ว”
“อย่าเพิ่งขัดสิ โว๊ะ!!... นี่เลยๆ... เส้นนี้ทีเด็ด...”
“ไหนๆ เส้นไหน”
“นี่ไง”
“มันหมายถึงอะไร”
“อืมมมมมมม เส้นนี้นะ มันบอกว่าคุณโบ๊ทเนี่ย มีแฟนหน้าตาดีมากกกกกกกกกก”
“...”
“นิสัยก็ดี”
“...”
“ฉลาดสุดๆ”
“...”
“หาแบบนี้ไม่ได้แล้วนะชาตินี้อะ”
“...” โบ๊ทไม่ตอบอะไร แต่ทำท่าตั้งมือเตรียมโบกเกรียน
“เหวอออออ” กีต้าร์เห็นก็ยกมือขึ้นป้องหัวเต็มที่ แต่...
- หมับ –แทนที่จะโดนเขกกะโหลก แต่กีต้าร์กลับโดนดึงเข้าไปกอดแทน เมื่อหันหน้าไปมองคนข้างๆ ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่อย่างสดใส
“หือ?” กีต้าร์แปลกใจที่ไม่โดนโบก
“แหม่ หมอเกรียนคนนี้ แม่นเหมือนกันนะเนี่ย”
“...” กีต้าร์ไม่ตอบอะไร เอาแต่ยิ้มปนขำไปกับคำชม
“หมอเกรียนครับ”
“หืม?”
“วิชาเก่งกาจขนาดนี้ ช่วยอะไรผมอย่างนึงสิ”
“อะไรละ ไอ้ลูกช้าง”
“แฟนผมมันน่ารัก หน้าตาดี นิสัยดี ฉลาด แต่มันดื้อมากเลยอะ ช่วยลดความดื้อของมันลงสักหน่อยได้ไหมครับ มันจะได้ไม่ขัดใจผมเลยสักเรื่องเดียว”
“โอยยยย ทำไม่ได้หรอก ไอ้ลูกช้างเอ้ย”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
และแล้วบรรยากาศภายในห้อง 707 ก็ปกคลุมไปด้วยเสียงหัวเราะร่าของสองหนุ่มก่อนจะหยุดลงเพราะ...
- หมับ! – “เฮือก!”
“หึหึ”
“อ๊ากกกกกกก ปล่อยนะ ไอ้ลิงหื่น!!!!”
ภาพสุดท้ายเป็นกีต้าร์พยายามดิ้นให้หลุดเงื่อมมือของร่างสูง แต่ไม่รู้ว่าดิ้นอีท่าไหนตัวถึงยังดิ้นไม่หลุด เห็นที่หลุดก็มีแต่เสื้อผ้าซะงั้น...
.
.
.
ในขณะเดียวกัน ที่บ้านไม้ชั้นเดียวหลังใหญ่ใจกลางสวนผลไม้แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ หญิงวัยกลางคนนั่งดูละครยามบ่ายอยู่กับแม่บ้านคนสนิทอยู่เพลินๆ ก็หันไปมองกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกลมข้างโซฟา... เกือบปีแล้วสินะที่ลูกชายไม่ได้กลับมาบ้าน... นึกๆ แล้วก็คิดถึงขึ้นมา ว่าแล้วก็เอื้อมตัวไปคว้ารูปมาดูด้วยรอยยิ้มและแววตาอบอุ่น แต่แล้วก็ต้องนึกแปลกใจเมื่อดูดีๆ แล้วเห็นว่าในรูปมีป้ายที่เขียนไว้ว่า....
“โปรดติดตามตอนต่อไป” ------------------------------------------
FlapJack Corner:
extra 01 มาแล้วครับ ตอนแรกกะว่าจะเขียนสั้นๆ เพราะเป็นซีรีส์พิเศษนี่นะ ไม่ต้องยาวเท่าเรื่องหลักก็ได้ แต่ไปๆ มาๆ กลับยาวมาได้ขนาดนี้ ฮ่าๆๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ของบน Intro นะครับ รู้สึกว่าเป็นการตอบรับที่อบอุ่นมากๆ เลย ขอบคุณจริงๆ ครับ
สำหรับตอนนี้ก็หวังว่าคงจะชอบกันนะครับ ขอให้อ่านให้สนุกครับผม