บทที่ 1
สิบหกปีที่เกิดมา ความรักที่ผมรู้จักก็คงจะเป็นความรักแบบครอบครัวหรือความรักแบบเพื่อนที่มีให้กัน
ถามว่าอยากรู้รึเปล่าว่าความรักแบบหนุ่มสาวนั้นมันเป็นอย่างไร ผมก็อยากรู้นะ อยากรู้มากๆเลยว่ามันจะเหมือนในละครหลังข่าวหรือไม่
จริงสิ
ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลย
ผมชื่อกุมภา สิริกุล หรือเรียกสั้นๆว่ากุมภ์ อายุสิบหกปี เพิ่งสอบย้ายเข้าโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลได้ สูงร้อยหกสิบห้า น้ำหนักอย่ามาถาม ของที่ชอบคือข้าวขาหมู แต่ถ้าเป็นกระเทียมหรือมะเขือเทศขอให้เอามันออกไปไกลๆ งานอดิเรกคือการถือกล้องตัวโปรดออกเดินทางไปถ่ายสถานที่ต่างๆรวมถึงการทำ vlog ลงยูทูป คนดูไม่ค่อยมากแต่ถือว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิต
ผลการเรียนอยู่ในระดับกลางๆ ถนัดวิชาชีววิทยา วิชาที่สมควรตกคือคหกรรม อย่างอื่นค่อยไปรู้คราวหลังแล้วกัน
ถ้าให้พูดว่านอกจากส่วนสูงแล้วลักษณะของผมเป็นอย่างไร ..อืม...เอาเป็นว่าสีผมของผมนั้นเป็นสีน้ำตาลเข้มธรรมชาติ หน้าตาออกหวานนิดๆ กล้ามเนื้อไม่ค่อยมีเหมือนผู้ชายทั่วไปสักเท่าไหร่
กลับเข้าประเด็นกันดีกว่า ตอนนี้ก็ผ่านไปแล้วเดือนกว่าๆกับการเปิดเทอม เพื่อนที่เริ่มสนิทก็มีสองสามคน ซึ่งรวมถึงคนที่กำลังตั้งใจเรียนอยู่ข้างๆผมคนนี้
นที
ด้วยส่วนสูงที่เกือบจะแตะร้อยแปดสิบอยู่แล้ว ยิ่งทำทรงผมรวบหางม้ากลางหัวแบบนั้นยิ่งทำให้เด่นเข้าไปใหญ่ โชคดีที่โรงเรียนนี้ไม่ได้บังคับว่าจะต้องไว้ทรงไหนหรือบังคับให้เรียนรด.เพราะว่าที่นี่คือโรงเรียนเอกชน ไม่งั้นทรงผมที่เจ้าตัวเคยเล่าว่าเลี้ยงมานานคงจะเหลือแค่ผมเกรียนๆเท่านั้น แต่คุณอย่าเพิ่งคิดนะครับว่ามันจะหล่อแบบวัวควายตายล้ม สาวเห็นแล้วกรี๊ดสลบเป็นแถบ ไอ้หล่อน่ะหล่ออยู่ เสียที่มันใส่แว่นตากรอบดำหนาเฉิ่มมาเรียนทุกวันนี่แหละที่ทำให้ไม่มีสาวที่ไหนมามองเท่าไหร่
ผมรู้จักเขาตอนเปิดเทอมวันแรก วันนั้นผมนั่งไม่สบายปวดหัวอยู่คนเดียวตอนเที่ยง ไม่รู้ว่านทีโผล่มาจากไหน มันลากผมไปที่ห้องพยาบาลโดยไม่บอกกล่าว หนำซ้ำยังโดดเรียนมานั่งเฝ้าผมถึงเย็น หลังจากนั้นนทีก็ตัวติดกับผมอย่างกับปลิง ไปที่ไหนก็เดินตาม จะไปห้องน้ำมันก็ยังเฝ้ารอหน้าประตูเลยคิดดู
แต่เอาจริงๆแล้วนทีเป็นคนที่ดีมากๆคนหนึ่ง ถ้าไม่ติดว่ามันชอบสกินชิพชาวบ้านกับเป็นคนขี้งอนขี้งอแง...
ส่วนเพื่อนอีกสองคน อันนี้มาแพ็คคู่
อุ้มกับดิน
คู่หูนักเผือกที่ช่วงกลางเดือนที่แล้วถูกจับพลัดจับพลูมาอยู่กลุ่มทำงานด้วยกันโดยที่ผมโดนสองคนนี้ถามตลอดว่าผมกับนทีเป็นอะไรกันถึงได้ตัวติดเป็นแม่ลูกตลอดเวลา (ย้ำนะครับว่าแม่ลูก) เอาไปเอามาสองคนนี้ก็เข้ามาสนิทด้วยกันตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวตอนที่ไปนั่งกินข้าวด้วยกันสี่คนทุกวันเสียแล้ว
อุ้มเป็นคนที่เดาอารมณ์ค่อนข้างยาก บางครั้งก็ร่าเริง บางครั้งก็ง่วงทั้งวัน แต่รวมๆแล้วไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น
ส่วนดินเป็นคนง่ายๆสบายๆ อะไรก็ได้แต่สมองช้าเรื่องข่าวสารชาวบ้านไปนิด
“เย็นนี้ไปเที่ยวห้างด้วยกันปะ มีร้านมาเปิดใหม่ด้วย”
อุ้มเดินตรงมาที่โต๊ะคู่ของผมกับนที สีหน้าเหมือนรอคำว่า ‘ไป’ นทีพยักหัวรัวๆพร้อมกับสะพายกระเป๋ากีตาร์สารพัดประโยชน์ขึ้นหลัง ดินกำลังยืนถือถุงขนมกินสบายใจอยู่ข้างๆกัน “แล้วมึงอะกุมภ์?”
“มีเรียนพิเศษ วันหลังแล้วกัน” ผมโบกมือ สะพายกระเป๋าบ้าง “ก็น่าจะรู้ๆกันดีว่าทุกวันพุธพฤหัสกูมีเรียน”
“ตลอดดดด ไม่ไปกับเพื่อนกับฝูงบ้างเลย งอน” นั่นไง ผมว่าแล้วว่านทีมันต้องงอนเพื่อน ได้ข่าวว่าก็ไปด้วยกันทุกวันจันทร์มั๊ย
“เออๆ ไปเถอะ วันหลังก็วันหลัง” อุ้มจูงแขนนทีที่ตีหน้าบูดบึ้ง “นที ถ้ามึงยังไม่เลิกงอนง่ายเหมือนผู้หญิง กูจะเอากีตาร์ลูกมึงไปขายทอดตลาด!”
“อย่าเอาไปขายนะเจ๊!”
นั่นแหละครับ ผมปล่อยให้สองคนนี้ตีกันต่อไปโดยที่สะพายกระเป๋าหนีออกมาเลย ขี้เกียจทนฟัง
โชคดีที่ผมสามารถทนกลิ่นเหงื่อกลิ่นเหม็นเปรี้ยวบนรถสายสีฟ้าผ่านหน้าโรงเรียนมายังที่เรียนพิเศษได้ ในเวลาเร่งรีบของที่นี่ นักเรียนและคนทั่วไปก็จะทยอยขึ้นรถจนเบียดแน่นเต็มพื้นที่ ถ้าคุณนึกไม่ออกนะครับ ค่อยๆฟังผม คือรถสายเนี่ยเป็นรถที่ดัดแปลงมาจากรถกระบะสองที่นั่ง เอาคันกั้นท้ายรถออกแล้วเพิ่มหลังคากันลมกันฝนแทน สูงประมาณสองเมตร สองข้างทำเบาะยาว ถ้าคนนั่งเต็มก็จะมีราวจับบนเพดานหลังคาให้ยืนตรงกลาง ส่วนทางขึ้นจะเป็นขั้นแผ่นเหล็กเล็กๆที่เวลาส่วนท้ายเต็มแล้วหลายคนชอบไปยืนจับราวตรงนั้นเพื่อไม่อยากเสียเวลารอคันต่อไป
แล้วประเด็นก็คือโรงเรียนนี้คนเยอะไม่พอ ก่อนหน้าที่รถสายจะถึงหน้าโรงเรียนผมก็จอดที่ห้างดังก่อน ฉะนั้นแล้วจึงมีพนักงานที่เลิกกะงานแล้วมาขึ้นรถอยู่พอควร เมื่อมาถึงโรงเรียนผมปุ๊บ นักเรียนก็จะแย่งกันขึ้นราวว่าหนีตายฝูงซอมบี้ บางคนก็วิ่งมาจากหลังโรงเรียนทำไมมีกลิ่นเหงื่อกลิ่นไคลติด ถ้าโชคร้ายหน่อยเขาก็จะยืนจับราวอยู่หน้าคุณและสัมผัสกลิ่นไอธรรมชาติจนต้องยกยาดมขึ้นมา
พอผมลงจากรถสาย ผมก็ตรงเข้าไปในเซเว่นแถวๆนั้นเพื่อซื้อน้ำซื้อขนมเข้าไปกินในที่เรียน โดนพนักงานล่อซื้อโปรฯสเลอปี้ไปได้หนึ่งแก้วก็เดินเข้าที่เรียนพิเศษที่อยู่ใกล้ๆกัน ย่างเท้าไปกินไปอย่างมีความสุข ยื่นบัตรนักเรียนให้พนักงานที่เคาท์เตอร์ดูเพื่อที่จะเอารหัสเข้าห้อง ผมมาเรียนที่นี่วันแรกแต่ก็พอรู้บ้างว่าจะต้องทำอะไร
“ชั้นสามห้องสามนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ผมหยิบคีย์การ์ดเข้าห้องมาถือแกว่งไปมาจนขึ้นบันไดมาถึงชั้นสาม สองข้างทางมีแต่ผนังสีขาวและต้นไม้สีเขียวตรงสุดทางเดิน ประตูแต่ละบานจะมีป้ายเขียนติดเอาไว้ว่าห้องไหนคือห้องไหน ผมเดินไปถึงบานที่เขียนไว้ว่าห้องเรียนที่สามแล้วแตะคีย์การ์ดเข้าไป เจอกับพาติชั่นกั้นความเป็นส่วนตัวของนักเรียน
ในเมื่อพนักงานไม่ได้บอกว่าบังคับให้นั่งโต๊ะไหน ก็เอาตรงมุมห้องแล้วกัน
ผมเดินมาถึงมุมห้องก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาจดอะไรเป็นระวิงอยู่โต๊ะสุดท้าย ผมจึงเลือกที่จะนั่งห่างจากเขาออกมาอีกหนึ่งช่วง วางของไปสังเกตไปว่าสีหน้าเขาเครียดมากเหมือนกำลังหัวเสียอะไรสักอย่าง แต่ผมก็ไม่ได้สนใจต่อในเมื่อผมไม่รู้จักเขาและไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับเรื่องชาวบ้าน
นั่งเรียนไปได้สามสิบนาทีผมก็ได้ยินเสียงเก้าอี้ข้างๆดังขึ้น ผู้ชายคนนั้นลุกออกจากโต๊ะเก็บข้าวของลงกระเป๋าด้วยความเร่งรีบ ก่อนที่จะสะบัดตัวออกไปอย่างรวดเร็ว แต่คงเร็วไปหน่อยที่ทำให้ปากกาที่เสียบอยู่ข้างกระเป๋าถูกเหวี่ยงออกมาด้วยตามแรง ผมจึงก้มลงเก็บแล้ววิ่งตามไปสะกิดไหล่เขาให้ทันก่อนที่เขาจะออกจากห้องไป
“เอ่อ ขอโทษนะครับ พอดีว่าพี่ทำปากกาหล่น”
“อะ...”
เขาหันมาตรงๆ ทำให้ผมเห็นใบหน้าของชายคนนี้เต็มๆ
ใบหน้าที่เรียวได้รูป ผมสีดำถูกหวีเรียงสวยงาม ปากและจมูกที่เข้ากับใบหน้าราวกับว่าตั้งใจปั้น อีกทั้งส่วนสูงที่เกินมาตรฐานชายไทย หลายอย่างบนใบหน้าของเขามันขับทำให้ชายคนนี้ดูดี
“เมื่อกี๊ปากกาหล่นจากกระเป๋าพี่ครับ”
“ขอบคุณนะ” เขาว่าสั้นๆก่อนที่จะหยิบปากกาจากมือผมไปแล้วเดินออกจากห้องไปเลย
ผมเดินกลับมานั่งที่ของผม เสื้อนักเรียนที่เขาใส่มันปักด้ายสีน้ำเงินสื่อว่าเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกันกับผม จะว่าไปก็คุ้นๆหน้าด้วยเหมือนกันว่าเคยเห็นจากไหน คงจะเคยเดินผ่านล่ะมั๊ง?
สายตาที่ผมเห็นเมื่อกี๊นั้น..ถึงคนอื่นจะดูไม่ออก แต่ผมดูออกว่าเขาเหนื่อยแค่ไหน
อาจจะเรียนทั้งวันจนเหนื่อยเหมือนคนอื่นก็ได้ ใครจะรู้
กุมภ์ 20.15 pm
พรุ่งนี้มีงานอะไรต้องส่งบ้างนะ
นทีที่แปลว่าแม่น้ำ 20.17 pm
คณิตครูเจนกับชีวะครูมยุรี
Smol 20.18 pm
ฉิบหายแล้ว กูยังไม่ได้ทำเลย
Smol 20.18 pm
เอามาลอกหน่อย
นทีที่แปลว่าแม่น้ำ 20.19 pm
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนโว้ย
Smol 20.19 pm
ฟ้าคคคคคคคค
ผมหัวเราะกับแชทกลุ่มที่ตอนนี้นทีกับอุ้มเถียงกันเรื่องลอกงานส่งครู ผมถามไปงั้นแหละเพื่อเตือนเพื่อนว่ามีงานต้องส่ง ซึ่งก็มีคนลืมจริงๆเสียด้วย
Din not Tin 20.21 pm
ลอกด้วยดิ กูก็ยังไม่ได้แตะ
Smol 20.21 pm
โฮฮฮฮ ดินเพื่อนรัก
นทีที่แปลว่าแม่น้ำ 20.21 pm
มึงไม่พูดไรวะกุมภ์ สองตัวนี้งานไม่ทำเนี่ย
กุมภ์ 20.22 pm
จะให้พูดอะไรล่ะ เอ้ออ
นทีที่แปลว่าแม่น้ำ 20.22 pm
สัด
เอ้า ก็คนมันไม่มีอะไรจะพูดจริงๆนี่หว่า
Din not Tin 20.23 pm
กุมภ์ มึงคือความหวังสุดท้ายของพวกกู
Smol 20.23 pm
^
ไม่มีอะไรจะพูดเพราะเดี๋ยวสองคนนี้จะหันมาพึ่งผมแทนเนี่ยแหละ
กุมภ์ 20.23 pm
เออๆ แป๊บ
กุมภ์ 20.25 pm
*ส่งรูปภาพ*
นทีที่แปลว่าแม่น้ำ 20.25 pm
มึงนี่ก็ตามใจเพื่อนตลอด พากันสอบตกกูไม่โทษใครเลยนอกจากมึงเนี่ย
กุมภ์ 20.26 pm
เรื่องของกูน่า ช่วยเพื่อนบ้างจะเป็นไร
นทีที่แปลว่าแม่น้ำ 20.26 pm
….
ผมรู้ว่านทีไม่อยากให้เพื่อนลอกเท่าไหร่เพราะกลัวจะสอบตกกัน แต่ช่วยบ้างก็จะอะไรล่ะ หลายครั้งเหมือนกันที่ผมกับนทีเถียงเพราะเรื่องนี้ สุดท้ายจบที่มิตรภาพด้วยนมสตรอเบอร์รี่และกาแฟนมร้านพี่ดาวหน้าโรงเรียน
กุมภ์ 20.27 pm
จะว่าไปวันนี้ก็เจอคนที่น่าจะเป็นรุ่นพี่คนหนึ่งด้วยว่ะ
กุมภ์ 20.27 pm
หน้าตาอย่างดี เสียตรงที่สายตาดูเหนื่อยกับชีวิต
นทีที่แปลว่าแม่น้ำ 20.27 pm
รุ่นพี่?
นทีที่แปลว่าแม่น้ำ 20.28 pm
แล้ว...?
Smol 20.28 pm
อย่าบอกนะว่ามึงชอบเขา?
กุมภ์ 20.28 pm
ไม่ใช่โว้ยยยยย
กุมภ์ 20.30 pm
คือหน้าตาเขาดีมากนะ กูคุ้นๆหน้าเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน ตัวสูงๆหน่อย ผมสีดำสนิท หวีจัดทรงเรียบร้อยมาก ดูเป็นคนสมบูรณ์แบบสุดๆ
Din not Tin 20.31 pm
จำได้แบบนี้ กูว่าชอบเขาชัวร์
Smol 20.32 pm
...พี่เดือนปะ?
พี่เดือน? ใครวะ
Smol 20.35 pm
พี่เดือนชื่อจริงชื่อพีรดล เป็นนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนเราอะ ตอนนี้อยู่ม.6 แล้ว พี่เขามีผลงานเยอะมากเลยนะเว้ยตั้งแต่ทำคะแนนสอบได้สูงสุดติดกันสองปีซ้อน เป็นตัวท็อปสอบวัดผลระดับชาติ ไหนจะทำหน้าที่เป็นคฑากรชายงานกีฬาสีของโรงเรียนปีที่แล้วอีก ล่าสุดพี่เขาก็ได้โควตาเข้าเรียนคณะแพทย์ที่กรุงเทพที่ไม่เคยมีมาก่อน
Smol 20.35 pm
กูไล่สรรพคุณความเก่งพี่เขาไม่หมดอ่ะ
นทีที่แปลว่าแม่น้ำ 20.36 pm
อ๋อ กูจะบอกว่าพี่เดือนเป็นลูกพี่ลูกน้องกูด้วยนะ
Smol 20.36 pm
ว้อท?! เอาจริง? จริงจัง?
นทีที่แปลว่าแม่น้ำ 20.36 pm
ให้กูเอาแผนผังญาติให้มึงดูมั๊ย...
นทีที่แปลว่าแม่น้ำ 20.37 pm
พี่เดือนเป็นลูกของน้ากู แม่กูออกจากบ้านนี้ไปได้ยี่สิบกว่าปีแล้ว ได้ยินมาว่าเลิกกับพ่อแท้ๆแล้วแต่งกับผู้ชายลูกติดหนึ่ง ไม่ค่อยได้คุยกับบ้านนั้นมากหรอก
Din not Tin 20.37 pm
โหยย แม่งเป็นญาติกับคนดังของโรงเรียน ให้ตายเถอะ ทำไมมึงไม่เคยอวดว่ามึงมีพี่เป็นคนเก่งวะ
นทีที่แปลว่าแม่น้ำ 20.38 pm
จำเป็นเหรอวะ กูไม่ใช่เขา จะไปป่าวประกาศทำซากหอยปูปลาอะไร
ก๊อก ก๊อก
“พี่ครับ ผมเอง”
เสียงเล็กๆดังมาจากหน้าห้องผม นั่นเป็นเสียงของมีนา น้องชายแท้ๆของผมเอง
มีนาเป็นผู้ชายที่ตัวเล็กเหมือนแม่ หน้าเด็กยิ่งกว่าเด็กเพราะเจ้าตัวดูแลดูประกอบกับสีผมเหมือนผม ยิ่งทำให้ดูเหมือนเด็กเข้าไปใหญ่ หลายคนชอบเข้ามาลูบๆคลำมีนาเพราะว่าตัวเล็กน่ารักนี่แหละ แต่บอกไว้ก่อนเลยว่ามีนาเล็กพริกขี้หนู แถมยังเข้าใจยาก สิ่งที่เขาแสดงออกมานั้นบ่อยครั้งก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดจริงๆ ผมอยู่ด้วยกันมาตลอดยังไม่เคยเห็นทุกด้านของน้องเลย
“เข้ามาเลย ไม่ได้ล็อก”
“ผมเอาเค้กมาแบ่งให้ครับ พอดีว่าวันนี้ผมทำไปที่โรงเรียนแล้วกินไม่หมดกัน ผมก็กินจนไม่ไหวแล้ว”
มีนาชอบทำอาหารชอบทำขนม งานบ้านก็เชี่ยว นับได้ว่าผู้ชายแบบนี้หาได้ยากในสังคมไทย แต่สิ่งที่ผมจะให้โฟกัสก็คือ
“กินเก่งแบบเราเนี่ยนะเหลือ?”
“โถ่พี่ครับ ผมทำไปเยอะเกินกำลังจริงๆอะ”
นอกจากว่าจะชอบทำอาหาร ยังชอบกินอีกด้วย สงสัยรอบนี้ทำเยอะเกินจริงๆถึงเหลือมาให้ผม
“ก็ได้ๆ”
“เย้ ขอบคุณครับ” มีนาเดินเข้ามากอดแล้วซุกหัวกับหน้าอกผมก่อนที่จะผละตัวออกแล้วเดินอารมณ์ดีออกไป เค้กที่มีนาเอามาให้เป็นเค้กแยมผลไม้เคี่ยวเอง รสชาติก็จะเปรี้ยวๆหวานๆหน่อย เนื้อแป้งฟูนุ่มหอมกลิ่นวนิลาอ่อนๆ ครีมที่ตีแล้วใส่เนยนิดหน่อยช่วยดึงรสให้เข้มขึ้น อีกทั้งผลไม้ที่วางไว้ประดับสวยงามแต่กินได้จริงที่ให้ความรู้สึกสดชื่น ทุกอย่างมันลงตัวมาก
..จะว่าไปมากินขนมช่วงกลางคืนแบบนี้ จะไม่อ้วนเอาเหรอวะ
เช้าวันต่อมาผมนั่งรถสายไปโรงเรียนเพราะไม่อยากรบกวนพ่อให้ขับรถวนส่งพี่น้องที่เรียนโรงเรียนห่างกันเป็นโยชน์ จนเมื่อก้าวเท้าลงจากรถสาย ผมก็เพิ่งสังเกตเห็นป้ายไวนิลที่เอามาติดใหม่โดยฝีมือลุงภารโรงสองคน
ขอแสดงความยินดีกับนายพีรดลที่ได้รับรางวัลนักเรียนตัวอย่างประจำภาค 256x…..งั้นเหรอ?
แสดงว่าปีนี้ตำแหน่งนักเรียนตัวอย่างก็เป็นของเขาสินะ เก่งจริงๆนั่นแหละ
ผมซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งหน้าโรงเรียนเดินเข้าไป บริเวณฝั่งซ้ายมือของเกาะกลางถนนนั้นเป็นทางเดินมุงหลังคาไว้ให้เดินตอนช่วงฝนตก มีต้นไม้ปลูกประปราย ส่วนฝั่งขวาจะเป็นสนามฟุตบอลที่นำมาใช้เป็นที่เข้าแถวทุกเช้าซึ่งตอนนี้ก็มีกลุ่มนักเรียนชายกำลังไล่ลูกกลมๆอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
อืม เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมกลิ่นตัวของพวกเด็กกีฬามันถึงแรงมากตอนขึ้นรถสาย
ทันใดนั้นสายตาของผมก็เห็นกลุ่มคนสามสี่คนกำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ที่ผมกำลังจะผ่าน โดยมีคนตัวสูงกว่าที่เป็นผู้ชายกำลังทำหน้าที่ผมเดาอารมณ์ไม่ถูก ที่เหลือเป็นผู้หญิง
“พี่คะ คือว่าหนูชอบพี่มากเลยนะคะ”
“หนูก็ชอบพี่นะคะ”
“พี่เดือนคะ คบกับหนูได้มั๊ยคะ”
…ผู้หญิงสมัยนี้ออกตัวแรงขนาดนี้เลยเหรอวะ
คนที่พวกเธอกำลังรายล้อมอยู่ก็คือรุ่นพี่คนดังที่ผมเจอเมื่อวาน นายพีรดลกำลังหันซ้ายขวาไม่รู้จะจัดการยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้า แต่แล้วเขาก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาโบกวนซ้ำๆ
“ขอโทษนะ พี่รับได้แค่ความชอบของน้องเท่านั้นแหละ”
“ทำไมคะ..”
“พวกเราไม่ได้รู้จักกันเลยนะ อีกอย่างก็พี่ไม่รู้หรอกว่าอะไรทำให้น้องมาชอบพี่ได้ ชอบแบบไหนก็ยังไม่รู้” พี่เดือนจุดยิ้มน้อยๆขึ้นมา แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ายิ้มนี้มันเหมือนฝืนธรรมชาติแปลกๆ “ถ้าจะชอบพี่ตามคนอื่น อย่าเลยดีกว่านะครับ”
ว่าแล้วผู้หญิงกลุ่มนั้นก็หน้าถอดสียกมือไหว้พี่เดือนแล้วเดินจากไป ผมมองตามสักพักก็รู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่ข้างขวา
“...น้องที่เก็บปากกาให้พี่เมื่อวานรึเปล่า?”
“อะ..ครับ สวัสดีครับพี่เดือน”
“รู้จักพี่ด้วยเหรอเนี่ย?”
เพิ่งรู้เมื่อวานครับ แล้วก็ที่หน้าโรงเรียนขึ้นไวนิลรูปพี่ด้วย “ครับ นทีบอกผมว่าพี่เป็นญาติเขา”
“อ้าว เพื่อนนทีเหรอ? ชื่ออะไรเหรอน้อง?”
“ผมชื่อกุมภาครับ ชื่อเล่นชื่อกุมภ์” ผมยิ้มตอบกลับไป ดูเหมือนพี่เดือนคนนี้จะคุยง่ายกว่าที่คิด “แล้วเมื่อกี๊มันเกิดอะไรขึ้นครับ?”
“เรื่องเดิมๆ ผู้หญิงมาจีบพี่แล้วขอคบน่ะ”
แสดงว่าเรื่องมีคนมาจีบนี้เป็นประจำเลยสินะ ผมพอจะเชื่ออยู่หรอกเพราะทั้งเก่งทั้งหน้าตาดีแบบนี้น่ะ
“อ๋อ ลำบากแย่เลยนะครับ ยังไงก็ผมขอตัวก่อนนะ พอดีต้องเอาหมูปิ้งไปให้เจ้าฝุ่นที่หลังโรงเรียนกิน”
“ฝุ่นหมาปอมตัวเล็กๆที่หลงมาจากไหนก็ไม่รู้น่ะเหรอ? ถ้าจำไม่ผิดฝุ่นมันชอบหมูปิ้งมากนี่นา”
“ครับ หลายวันก่อนผมนั่งกินหมูปิ้งอยู่หน้าตึกแล้วมันก็เดินมาจากไหนไม่รู้มามองกดดันผม” ว่าแล้วก็หัวเราะ คือเมื่อช่วงสี่ห้าวันก่อนผมนั่งกินข้าวเหนียวหมูปิ้งรอเพื่อนหน้าตึกเรียน เจ้าฝุ่นมันเดินเตาะแตะมาจากไหนไม่รู้แล้วนั่งมองไม้หมูปิ้งของผมจนใจอ่อนแบ่งให้กิน หลังจากนั้นมันก็ตามผมจนถึงคาบเรียนเลย
“ฝุ่นมันน่ารักดีนะ ตอนพี่เรียนม.5 พี่เคยเห็นมันไปนั่งมองเพื่อนพี่คนหนึ่งกินข้าวจนต้องยกหมูให้” พี่เดือนหัวเราะ และนั่นทำให้ผมได้เห็นรอยยิ้มที่ไม่ฝืนธรรมชาติของเขาเป็นครั้งแรก มันเป็นยิ้มที่สดใสที่เปล่งออร่าของเขาออกมาเต็มที่
เป็นรอยยิ้มที่สามารถสะกดให้ผมตกอยู่ในภวังค์
“...กุมภ์?”
“อะ ครับๆ เอ่อ..ผมไปก่อนนะครับ” ผมยกมือไหว้ลาคนอายุมากกว่าแล้วจากมาทันที ให้ตายเถอะ นี่ผมหลงรอยยิ้มผู้ชายกันเองไปตั้งแต่ตอนไหน
แต่ผมก็ยอมรับจริงๆนั่นแหละว่ายิ้มนั้นมันสวยมาก
วันนี้ผมแยกกับเพื่อนที่หน้าโรงเรียน นทีต้องไปที่ร้านอาหารที่พ่อเขาเปิดเอาไว้เพื่อไปเล่นดนตรีให้ทุกวันพฤหัส ส่วนคู่หูอุ้มดินนั้นไปต่อที่ร้านเกมแถวๆนี้ ผมจึงต้องยืนรอรถสายไปที่เรียนพิเศษคนเดียว แถมฟ้าฝนยังดูเหมือนว่าจะตั้งเค้าตกเร็วๆนี้เสียด้วย
ขอให้ตกหลังจากไปถึงที่เรียนแล้วเถอะ
ซ่า
สัด พูดไม่ทันขาดคำ
ผมวิ่งมาหลบฝนตรงลานจอดรถที่ใกล้ๆกันของโรงเรียน พอดีมีรางน้ำฝนยื่นออกมายาวพอสมควรทำให้ผมได้อาศัยที่นี่เป็นที่กำบังชั่วคราว แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือหลังจากนี้ผมจะไปเรียนยังไงนี่สิ..
ปรี๊ด
“หืม?”
ผมหันไปตามเสียงแตรรถของใครสักคน เป็นรถวีออสสีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดที่กำลังฝ่าฝนตรงเข้ามาทางจุดที่ผมยืนอยู่ ก่อนที่จะหยุดแล้วคนขับปรับกระจกรถต่ำลง
“พี่เดือน?”
“ทำไมมาหลบอยู่ตรงนี้ล่ะ จะโดนละอองฝนเอานะ”
“อ่า พอดีว่าหลบตรงนี้มันใกล้กับจุดรอรถสายที่สุดแล้วครับ เดี๋ยวฝนหยุดผมก็จะไปยืนรอใหม่”
“วันนี้ก็มีเรียนเหรอ? ที่เดิมรึเปล่า?” ผมพยักหน้า “พี่ก็จะไปเหมือนกัน ไปด้วยกันเลยมั๊ย?”
“จะดีเหรอครับ?”
“พี่ไม่ได้หวงรถเหมือนคุณชายในนิยายสักหน่อย” พี่เดือนว่าพลางส่ายหัว “ขึ้นมาเถอะ”
“ขอบคุณครับพี่เดือน” ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูรถเพื่อนั่งข้างหลังทันที ไม่กล้านั่งหน้าหรอกครับ
ภายในรถพี่เดือนเต็มไปด้วยกลิ่นของน้ำหอมปรับอากาศคล้ายๆกลิ่นทะเล แต่สิ่งที่ขัดตาก็คือกองเอกสารที่วางไว้หลังรถจนแทบไม่มีที่นั่งตังหากล่ะที่ทำให้ผมต้องค่อยใช้มือเลื่อนออกไปอีกฝั่งจนสามารถหย่อนก้นลงได้
ระหว่างทางที่ไปที่เรียน ทั้งผมและพี่เดือนไม่ได้พูดอะไรมากมาย ฝนยังคงตกมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงที่เรียนพิเศษ พี่เดือนชวนผมเข้าไปพร้อมกันและเรียนคนละห้อง หวังว่าพี่เดือนจะไม่ทำปากกาหล่นอีกนะ
เมื่อเลิกเรียน ผมเห็นพี่เดือนออกมาจากห้องพร้อมๆกัน ต่างคนต่างยิ้มให้แล้วเดินไปชั้นล่างจนถึงหน้าประตู
“ฝนหยุดตกแล้ว กุมภ์กลับเองได้ใช่มั๊ย?”
“สบายมากครับ ทำไมเหรอครับพี่เดือน?”
“พอดีพี่มีเรียนต่ออีกสองที่น่ะ ไปก่อนนะ” พี่เดือนเดินไปที่รถของตัวเองแล้วขับบึ่งออกไปโดยที่ผมกำลังยืนงงอยู่
เขายังมีเรียนพิเศษต่ออีกสองที่เหรอ? ที่เมื่อวานรีบก็เพราะแบบนี้สินะ?
มิน่าถึงดูเหนื่อยๆ เรียนหนักนี่เอง แต่ถ้าเขาพยายามแล้วได้ผลตอบแทนที่ดีก็แล้วไป ไม่เกี่ยวกับผม
แต่ถึงจะบอกว่าไม่เกี่ยวก็เถอะ ยังไงก็อยากรู้อยู่ดีว่าทำไมตอนที่เดินไป ผมถึงเห็นสีหน้าของความไม่ชอบในสิ่งที่กำลังทำอยู่ด้วยกัน