ตอน ดังคลื่นใต้น้ำ
คุณเคยรู้สึกรำคาญหรือเบื่อกับชีวิตของตัวเองบ้างหรือเปล่า ชีวิตที่แสนสับสนและวุ่นวาย ชีวิตที่คุณเองก็ไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับคุณ และคุณเองก็ไม่ต้องการมัน แต่คุณก็หลีดเลี่ยงคำว่าชะตาชีวิตไม่ได้ ถ้าคุณเคย คุณก็คงจะรู้สึกเหมือนผม ก็ไอ้ความรู้สึกเหล่านี้แหละครับที่ทำให้ผมต้องมานั่งหลบผู้คนอยู่ที่นี่ หนีจากเพื่อนฝูง มันคงเริ่มจากเมื่อเช้านี่เอง....
เหตุการณ์เมื่อเช้ามันเริ่มทำให้คนสมองนิ่มๆ อย่างผมได้เริ่มคิดขึ้นมาว่า ถ้าคนที่เคยทำร้ายเราถึงขนาดที่ไม่ว่ากี่ชาติภพก็ไม่มีวันลืมว่าเขาเคยทำร้ายอย่างไงหรือเขาร้ายกาจแค่ไหน หันมาทำดีกับเราแบบหลังเท้าเป็นหน้ามือ เขาหวังจุดประสงค์อะไรจากผม การแสดงความห่วงแหน แววตาที่รู้สึกผิดและเสียใจอยู่ตลอดเวลานั้นมันหมายความว่าอย่างไง
แต่ไอ้อาการเหล่านี้ที่เขาแสดงออกมา มันทำให้ผมเบื่อ และรำคาญ
เบื่อ....อาการที่แสดงความเป็นเจ้าของ...แบบไม่ลืมหูลืมตา
รำคาญ...ที่ผมเองต้องขาดอิสระในการตัดสินใจและการใช้ชีวิตประจำวันโดยที่ผมเองก็ไม่อยากได้ชีวิตอย่างนี้
หากทุกสิ่งทุกอย่าง....มันคงจะไม่แย่จนทำให้ผมต้องมานั่งกลุ้มอยู่อย่างนี้ ถ้าเกิดว่ามันมาที่ละคนหรือที่ละเหตุการณ์ แต่เปล่าเลย นี่...มาที่เดียวสองคน จนผมรับมือไม่ไหว
เอาอย่างนี้แล้วกัน....ผมจะเล่าเรื่องเมื่อเช้าให้ฟัง....
หลังจากที่ผมแต่งตัวเสร็จแล้วผมก็พร้อมที่จะมาเรียนในเช้าวันนี้ แม้ว่าจะรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยจากคำพูดหรือการกระทำบางอย่างของคนบางคน แต่นั้นมันก็ไม่ได้รบกวนจิตใจของผมมกนัก แต่มันเริ่มมีปัญหาตรงนี้แหละ ตอนที่หลังจากผมกับพี่กันต์และไอ้เฟคทานโจ๊กที่ไอ้เฟคเป็นคนซื้อมาเสร็จ และผมจะต้องเดินทางไปมหาลัย ไอ้ปัญหาที่ว่าก็คือคนที่จะมาส่งผมนั้นเอง ถ้าไม่มีคนมาส่งผมมันก็คงจะไม่มีปัญหามากเท่านี้ผมก็แค่เดินออกไปที่รถของผมแล้วขับออกไปเหมือนกับทุกๆ วันที่ผมเคยทำมา แต่นี่...มีแต่คนแย่งกันมาส่งผม
มันก็เลยเป็นเหตุไงครับ
พี่กันต์กับไอ้เฟคต่างคนก็ต่างอยากจะมาส่งผมมาเรียนจนเริ่มมีปากเสียงกันแต่ก่อนที่มันจะเกิดเรื่องขึ้นมา ผมก็ตัดสินใจแก้ปัญหาที่มันไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรกโดยการเรียกแท็กซี่ที่ผ่านมาทันที
หลังจากวิ่งขึ้นรถมาได้ผมก็บอกพี่คนขับรถทันทีว่า
“พี่ครับไป......ด่วนเลยครับ”
พี่คนขับรถหันมามองหน้าผมนิดนึงก่อนที่จะยิ้มออกมา พี่เขาคงเห็นแล้วล่ะครับว่าผมวิ่งหนีใครมาแต่เขาคงไม่รู้หรอกว่าไอ้คนที่ผมเพิ่งวิ่งหนีมามันเป็นใครและมันมีความสัมพันธ์อะไรกับผม ผมถึงได้วิ่งหนีมันมา ไม่งั้นพี่เขาคงไม่ถามผมว่า....
“หนีเจ้าหนี้มาหรือไงน้อง เดี๋ยวพี่จะซิ่งสุดชีวิตเลย”
พี่เขาถามเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่ผมก็ขอบคุณความเข้าใจผิดของพี่เขา ถ้าพี่เขา เข้าใจว่าอย่างนั้นก็ดีครับ เพราะผมไม่อยากอธิบายมาก
“ครับพี่...ไปเลยครับ”
พอรถออกตัวไปได้ผมก็เห็นว่าไอ้เฟคมันวิ่งตามรถมา พี่คนขับก็ยิ่งเร่งความเร็วขึ้นและคงเป็นความโชคดีของผมด้วยที่รถไม่ติด แต่พอผ่านมาได้เพียงหน่อยเดียวโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ผมไม่ต้องดูก็รู้ว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา ก็ใครล่ะครับที่รู้เบอร์ใหม่ของผม มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
ผมตัดสินใจรับสาย ถ้าผมไม่รับสายไอ้เฟคมันคงไม่เลิกโทรเข้ามา และถ้าผมปิดเครื่องหนี ผมก็คงจะเดือดร้อนมากกว่านี้
“มีอะไรอีกล่ะพี่เฟค”
“ทำไมบีมไม่รอพี่ไปส่งล่ะ”
เสียงไอ้เฟคหอบผ่านมาทางสาย มันคงวิ่งตามรถผมาไกลแหละไม่งั้นมันคงไม่เหนื่อยหอบอย่างนี้ และผมก็ยังได้ยินเสียงพี่กันต์แววเข้ามาด้วย แต่ไอ้เฟคมันก็ไม่ได้สนใจ
“ผมขี้เกียจรอพวกพี่เถียงกัน แค่ใครจะมาส่งผมทำไมจะต้องทำให้มันยุ่งยากด้วยล่ะ ผมมาเองก็ได้ไม่ต้องมีใครมาส่งหรอก”
ผมตอบกลับไปด้วยความเบื่อหน่ายไม่รู้ว่าพวกนี่จะเอาอะไรกับผมหนักหนา โดยเฉพาะไอ้เฟค ผมเริ่มรู้สึกว่าการที่มันปล่อยให้ผมกลับมาอยู่ห้องมันก็ไม่ได้ต่างจากที่ผมอยู่ที่ห้องของมันเลยสักนิดเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผม มันก็ยังบังคับจัดการเหมือนเดิม ตอนแรกที่ได้กลับมาอยู่ห้องของตัวเองผมก็ดีใจว่าผมจะได้กลับมาใช้ชีวิตอิสระเหมือนเดิม ตอนเช้าไปเรียนตอนเย็นอยู่กับเพื่อน แต่เปล่าเลยผมคิดไปเองทั้งนั้น
“ไม่ได้...อย่าเถียง พี่ใจดีด้วยก็อย่าทำเป็นเก่ง แล้วตอนเย็นรอด้วยพี่จะไปรับกลับห้อง”
มันไม่รอให้ผมได้พูดอะไรบ้างเลย มันสั่งเสร็จมันก็ปิดสายกับผมทันที ผมคงต้องเริ่มทำใจกับนิสัยของมันแล้วล่ะครับ ผมนั่งรถมาพร้อมกับเริ่มคิดทบทวนสิ่งที่พวกพี่กันต์และไอ้เฟคมันแสดงต่อผม จนผมต้องมานั่งหลบคนอยู่ที่นี่นั้นแหละ
แต่ผมก็สงบได้ไม่นานไอ้อ้นมันก็เป็นคนค้นพบผมจนได้ แต่มันก็ไม่ได้มาชวนผมคุยหรือกวนตีนผมเหมือนปกติ มันแต่เดินมานั่งกับผมแบบเงียบๆ เหมือนไม่ใช่ตัวมันเอง ว่าไปช่วงนี้ไอ้อ้นก็ดูจะยุ่งวุ่นวายมาก ตอนเย็นที่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ก็ไม่มีอีกแล้ว บางครั้งมันรับโทรศัพท์ใครก็ไม่รู้แล้วก็เถียงกับปลายสายก่อนที่มันจะหน้างอหงิกหลังจากที่วางสายลง แล้วมันก็จะรีบขอตัวไปทันที
ต่างคนต่างมีเรื่องให้คบคิดดังนั้นบรรยากาศจึงเงียบสงบอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จนเวลาล่วงเลยไปไอ้อ้นมันก็ถอนใจก่อนที่มันจะชวนผมไปห้องสมุดเพื่อทำรายงานที่เราสองคนต้องทำร่วมกัน
โดยมันให้เหตุผลว่า ตอนเย็นมันต้องไปทำธุระอีก ดังนั้นเมื่อมีเวลาควรรีบไปทำให้เสร็จจะดีกว่า
ผมทำงานอยู่ในห้องสมุดกับไอ้อ้นจนเวลาล่วงเลยมานานเท่าไรไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือผมเสร็จงานผมก็เห็นว่าไอ้เฟคมันมานั่งรอผมอยู่ในห้องสมุดแล้ว ไอ้นี่ชักน่ากลัวขึ้นทุกวัน มันรู้ได้อย่างไงว่าผมอยู่ที่ไหน
มีนักศึกษาสาวๆ เดินผ่านสงสายตาให้มันตลอดเวลา ผมล่ะอยากให้มันเกิดไปปิ๊งใครสักคนเข้าเหมือนกัน มันจะได้ไม่มีเวลามายุ่งวุ่นวายกับผม
“เสร็จแล้วใช่ไหม....ไปกันได้แล้ว”
แค่มันเห็นว่าผมหยุดมือเตรียมเก็บของเท่านั้น ไอ้เฟคมันก็เดินตรงมาที่ผม หน้าตาน่ากลัว สงสัยว่ามันยังโกรธเรื่องเมื่อเช้าอยู่แน่ๆ แต่ผมก็เริ่มชินกับไอ้นิสัยแบบนี้ของมันแล้วล่ะ
“เสร็จแล้วแต่ผมไม่ไปกับพี่หรอกผมมีนัดกับไอ้อ้นแล้ว.....ใช่ไหมไอ้อ้น”
ผมรีบขยิบตาให้ไอ้อ้นทันที ที่พูดจบก่อนที่ไอ้อ้นจะปล่อยไก่ออกมา อันที่จริงผมไม่ได้นัดกับไอ้อ้นหรอกครับเพียงแต่ผมไม่อยากกับห้องพร้อมไอ้เฟค
“อ๋อ....ครับ พี่เฟคบีมมันนัดกับผมไว้แล้ว”
ไอ้อ้นมันก็หัวไวใช้ได้ แค่ผมขยิบตาให้มันนิดเดียวมันก็เข้าใจแล้ว สมแล้วที่เป็นเพื่อนกันมานาน ถึงแม้ช่วงนี้มันจะดูมีเรื่องให้คิดมากก็ตาม
“ไปไหนกันเหรอครับน้องอ้น”
ไอ้เฟคมันถามกลับทันที
“เออ....เออ.....”
“ไปหาซื้อของกันนิดหน่อย พี่เฟคกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวผมไปกับไอ้อ้นแล้วจะกลับห้องเอง”
ผมรีบพูดออกมาทันทีเพราะไอ้อ้นมันเริ่มพูดไม่ออกแล้ว
“อืม...นั้นพี่ไปด้วย จะไปที่ไหนกันล่ะ”
“พี่เฟคไม่ต้องไปหรอก พวกผมไปกันได้ ใช่ไหมอ้น”
ผมหันไปพยักหน้ากับไอ้อ้น แต่ก่อนที่มันจะรับมุขผมกลับก็มีโทรศัพท์เข้ามาเสียก่อน มันพูดสายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะส่งยิ้มมาให้ผม
“ไอ้บีมกูคงไปกับมึงไม่ได้แล้วว่ะ กูต้องรีบไปทำงานก่อน เม่ง..ปัญหาเยอะชิบ ไม่รู้กูคิดผิดหรือถูกว่ะที่รับงานนี้ กูไปก่อนนะโว๊ยเจอกันวันจันทร์”
ว่าแล้วไอ้อ้นก็รีบเก็บของยัดใส่กระเป๋าใบโปรดของมันก่อนที่จะรับเดินหายไปจากห้องสมุด จนผมงงไปหมด แล้วจะเอาอย่างไงดีกับไอ้คนที่เปลี่ยนจากหน้าโหดเป็นหน้ายิ้มระรื่น มันคงรู้ทันผมแน่ๆ ว่าผมหาทางเลี่ยงที่จะไม่ไปกับมัน
“เอาไง...จะไปซื้อของหรือจะกลับห้อง ถ้าไปซื้อของพี่จะไปด้วย”
“ไม่อยากได้แล้วกลับห้องก็ได้”
ผมยอมเดินตามไอ้เฟคกลับห้องแต่โดยดี ไอ้เฟคมันก็ไม่พูดอะไรมากมันเดินมาแย่งของกับกระเป๋าของผมไปถือ ก็ดีผมจะได้ไม่เหมื่อย จนมาถึงห้องของผม
“ขอบใจที่มาส่งนะ กลับคอนโดของพี่ได้แล้ว แล้วพรุ่งนี้ถ้ายังอยากจะไปส่งอีกก็โทรมาบอกแล้วกัน”
ผมรีบไล่มันกลับแต่ไอ้เฟคก็คือไอ้เฟคอยู่วันยังค่ำ มันยืนหน้ามึนไม่ยอมขยับตัวไปไหน ผมจึงจับขอบประตูเพื่อจะปิดห้อง แต่ก่อนที่ผมจะได้ปิดห้องตามที่ใจผมคิดไอ้เฟคมันก็เอามือมายันไว้เสียก่อน
“ใครบอกว่าพี่จะกลับห้อง พี่จะอยู่ทานข้าวกับบีมแล้วพี่ก็จะนอนที่ห้องนี้ด้วย”
ตาย...อย่างเดียว
“ไม่ได้ พี่ก็ไปนอนที่ห้องของพี่ซิ จะมานอนที่ห้องผมทำไม ห้องก็เล็กเตียงก็แคบ พี่อยู่ไม่สบายหรอก”
“พี่อยู่ได้ไม่เป็นไรหรอก เตียงแคบซิดีจะได้นอนไม่หนาว”
ผมล่ะกลุ้มกับความดื้อบวกเอาแต่ใจของมันเหลือเกิน แล้วไอ้สายตากรุ่มกริ่มเวลาพูดอีกล่ะ มันน่าไว้ใจอยู่เมื่อไร แต่ผมก็คงห้ามอะไรมันไม่ได้หรอก แต่ผมก็ต้องหาวิธีเอาตัวรอดจากคืนนี้ให้ได้
“งั้นก็ตามใจพี่แล้วกัน ผมมันก็แค่ตัวอะไรที่พี่จะจับให้ทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว”
ผมว่าประชดมันแต่มันก็หาจะสนใจในคำพูดผมไม่ มันเดินเข้ามาในห้องของผมแล้วไปคุ้ยหาเสื้อผ้าในตู้ของผม เหมือนกับว่ามันเป็นเจ้าของเสียอีก
“บีมไม่มีเสื้อผ้าตัวใหญ่กว่านี่เหรอไง พี่ใส่ไม่ได้”
หลังจากมันค้นเสื้อผ้าในตู้ของผมราวกับเป็นเจ้าของอยู่สักพักมันก็หันมาตะโกนถาม
“ไม่มีหรอก เห็นไหมว่าพี่อยู่ไม่สะดวกสบายหรอกพี่เฟคกลับห้องพี่ไปดีกว่า”
“ไม่มีก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ไปเอาเสื้อที่รถก็ได้ ส่วนกางเกงคงไม่ต้องหรอก ใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวก็พอ”
แล้วไอ้เฟคก็ออกจากห้องไป มันหายไปได้สักพักก็กลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าและอาหารสำหรับเย็นนี้ ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะมาทำดีอะไรกับผมมากขนาดนี้ พอมาถึงมันก็สั่งให้ผมไปเทอาหารส่วนตัวมันก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อในห้องของผม
ทุกสิ่งทุกอย่างดูมันจะสงบและดีจนเกินเหตุ มันราบเรียบเกินไปไอ้เฟคและพี่กันต์ก็ทำตัวดีเกินไปต่างเอาอกเอาใจผมจนเกินเหตุ ส่วนผมกับขิงก็คงเป็นได้แค่คนเคยรู้จักกันเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ขิงบอกให้ผมเลิกยุ่งกับเขา ขิงก็หายตัวไปจากชีวิตของผมทันที
เอาซี่.....ถ้ามันดีมาผมก็จะดีกลับ แต่...ถ้ามันร้ายกับผม ผมก็จะร้ายกับมัน
สรุปว่านายจะร้าย หรือ....นายจะรัก