ตอนนั้นเองตอนที่ผมเอื้อมมือไปเปิดสวิตไฟ พลางคิดไปว่าผมก็รอดไปอีกหนึ่งวัน ผมจะต้องคิดอย่างนี้ทุกครั้งที่ออกไปจากห้องแล้วกลับมาถึงห้องในสถาพปลอดภัย แต่แล้วพอผมหันกลับมา ผมก็เจอกับคนที่ผมคอยหลบเลี่ยงอยู่ตลอดเดือนที่ผ่านมายืนยิ้มอยู่ข้างหลังผม
“เอ๊ย....มึงมาได้ไงว่ะ”
ด้วยอะไรสักอย่างในตัวผมทำให้ผมถอยหลังอัตโนมัติทันที แล้วรีบหันหน้าไปเพื่อไปเปิดประตูห้อง แต่ผมช้าไปกว่าคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังผมเมื่อมันได้เอื้อมมือใหญ่ไปจับที่ลูกบิดเอาไว้เสียก่อน
พร้อมกับล็อคกลอนประตูอีกชั้นหนึ่ง เท่ากับว่ามันปิดประตูทางเข้าออกเอาไว้แล้วและมันก็เป็นทางหนีทางเดียวที่ผมคิดออกในตอนนี้ แต่มันไม่ได้ล็อคเฉยๆ มันไปยืนบังประตูเอาไว้อีกชั้นหนึ่งด้วย
“จะไปไหนละครับคนเก่ง”
มันพูดพร้อมกับยิ้มไปด้วย แต่รอยยิ้มของมันทำให้ผมขนลุก มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจมากที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมาก่อน ไอ้นี่มันยิ้มเหมือนพวกโรคจิตที่ผมเคยเห็นในหนังเลย ถ้าอย่างนั้นผมก็จะกลายเป็นเหยื่อที่จะถูกมันทำร้ายนะซิ
“ทำไมไม่พูดละครับ ฮือ....ดูซิหน้าซีดหมดเลยไม่สบายหรือเปล่า”
มันเอามือมาจับที่คางของผมแล้วจับหันไปหันมาเพื่อมองหน้าผมให้ชัดยิ่งขึ้น แต่แคมันเอามือมาสัมผัสกับหน้าของผม ก็ทำให้ผมขยะแขยงดังนั้นผมจึงเอามือปัดมือของมันออก
“อย่ามาจับกู ไอ้ชั่ว เอามือสกปรกของมึงออกไป”
ผมค่อยๆ เดินถอยหลังหนีจากมันมาอย่างช้าๆ สมองค่อยๆ คิดหาทางออกให้ตัวเองนอกจากออกทางประตูที่ถูกปิดอย่างแน่นหนา แถมมันยังยืนขวางเอาไว้อีก ผมจะหนีหรือหลบไปทางไหนได้อีกนะ ที่นี่ชั้นสี่ถ้ากระโดดลงไปก็คงรอดอยาก ห้องน้ำก็ไม่ใช้ที่ซ่อนที่ดีนักเพราะว่ามันไม่ได้แข็งแรงมากมายแค่มันถีบครั้งเดียวมันก็คงพังไปทั้งแถบแน่นอน แล้วผมก็ต้องหาเงินมาซ่อมอีก คิดหาอาวุธก็ไม่มีอีกเพราะว่าในห้องของผมไม่มีอะไรที่พอจะเอามาป้องกันตัวเองได้เลย
“ทำไมล่ะครับ ไม่คิดถึงพี่บ้างหรือไง ไม่เจอกันตั้งเดือนนึงแล้ว”
เมื่อมันเห็นผมเงียบไป มันจึงเดินมาหาผมอย่างเชื่องช้าเหมือนกับเสือที่พร้อมจะตะครุบเหยื่อที่ไร้ทางหนี คำพูดของมันแม้จะไม่ใช้คำหยาบคายอะไร แต่กับเป็นคำพูดที่หวานหูเสียด้วยซ้ำ แต่ผมฟังแล้วกลับไม่สบายใจ
“ไม่กูไม่คิดและกูก็ไม่อยากเจอมึงด้วยไอ้สัด มึงออกไปจากห้องกูเลย ไม่งั้นกูจะร้องให้คนช่วย”
เอาว่ะคิดอะไรไม่ออกขอขู่มันไว้ก่อนก็ดี ถ้ามันเกิดกลัวขึ้นมาผมจะได้รอดตัวไป แต่มันกลับนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านกับคำขู่ของผมเลยแม้แต่น้อย และมันก็พูดว่า
“ฮึ...อยากร้องก็ร้องไปเลยครับเรื่องของผัวเมียไม่มีใครกล้ายุ่งอยู่แล้วหรือน้องขิงอยากให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ร้องไปก็เท่านั้นเจ็บคอเสียเปล่าๆ เอาปากไว้ทำอย่างอื่นจะดีกว่านะครับ”
มันพูดออกมาได้ไม่อายปากว่าเรื่องของผัวเมีย ใครเขาเป็นอย่างนั้นกับมึง มันเป็นคำพูดที่หยามศักดิ์ศรีของผมที่สุด ไม่เคยมีใครดูหมิ่นผมเท่านี้มาก่อน แล้วเลือดแห่งความโกรธของผมก็พุ่งขึ้นหน้า ทำให้ผมทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดทำมาก่อน
ผมวิ่งเข้าไปหามันพร้อมกับส่งหมัดของผมไปที่หน้าของมัน ผลปรากฏว่าโดนเต็มๆ เพราะว่ามันเองก็ไม่ได้ตั้งตัวเอาไว้เหมือนกัน มันคงไม่คิดว่าคนอย่างผมจะกล้าต่อยมัน
“เป็นไงล่ะปากดีนักนะมึง หมัดของกูเป็นไงบ้างอร่อยดีหรือเปล่า”
มันไม่พูดอะไรเพียงแต่เอามือของมันมาลูบที่ปากที่ตอนนี้มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย
“อะไรมีแรงแค่นี้หรือไง อืม...แต่...”
มันพูดไม่ทันจบมันก็ต่อยผมคืน มันชกมาที่ท้องของผมเต็มแรงทำให้ผมจุกจนตัวง้อล้มลงกับพื้น แต่มันยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น มันเตะเข้ามาซ้ำที่ท้องของผมอีกหลายครั้งผมทำได้เพียงแต่เอามือป้องกันไม่ให้มันเตะเข้ามาโดนตัวผมเต็มที่เท่านั้น
“เป็นไงครับ ความรักที่พี่มีใครมันถึงใจหรือเปล่า น้องขิงชอบแบบนี้ก็ไม่บอกพี่ตั้งแต่แรก ถ้าชอบแบบนี้บอกพี่คำเดียวพี่จัดให้ได้”
มันเดินมานั่งยองๆ มองผม ก่อนที่จะจับปลายคางของผมให้หันมาเผชิญกับมัน
“ไอ้สัด....บ้านมึงซิชอบแบบนี้ไอ้เชี๊ยมึงไปตายซะเถอะไป ถุย...”
ผมถ่มน้ำลายที่ปนเลือดใส่หน้าของมันเต็มๆ มันเองก็ไม่หลบไปไหนดังนั้นน้ำลายของผมจึงโดนหน้ามันเต็มๆ
มันค่อยๆ เอามือของมันปาดน้ำลายของผมที่ถูกหน้ามันออกอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะเอาน้ำลายนั้นมาป้ายที่หน้าของผมคืน แล้วตบมาที่หน้าของผมอย่างแรง จนผมคิดว่ามันคงเป็นรอยนิ้วมือแน่ๆ
“ทำไมน้องขิงทำตัวไม่น่ารักเลยครับ พี่อุสาห์มาหาทั้งๆ ที่พี่ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไร แทนที่จะเอาอกเอาใจพี่นิดนึงก็ไม่ได้หรือไงครับ”
มันพูดไปด้วยจับแขนผมลากไปด้วย มันลากผมไปที่เตียง ผมไม่มีแม้แต่แรงจะขัดขืนมัน มันจะลากหรือจะทำอะไรกับผม ผมต้องยอมมันทุกอย่าง
“ครั้งต่อไปมึงก็ไม่ต้องมาซิ กูไม่ได้ขอร้องสักหน่อย ปล่อยกูนะไอ้สัด”
ผมพยายามพูดออกมา มันกลับไม่สนใจมันลากให้ผมไปขึ้นเตียงจนได้ แล้วมันก็หาหมอนมาให้ผมหนุน แล้วมันก็แกะกระดุมเสื้อของผมออกที่ละเม็ด
“มึงจะทำอะไรไอ้เชี๊ยกันต์...”
ผมรีบเอามือตะครุบมือของมันไว้ก่อนที่กระดุมเม็ดสุดท้ายจะหลุดออกจากตัวผม
“ก็จะทวงสิทธิ์ของความเป็นผัวไง รู้สึกว่าห่างกันแค่เดือนเดียวจะทำตัวไม่น่ารักขึ้นอีกมากโขเลยนะ”
มันไม่พูดเปล่ามันขึ้นมาค่อมอยู่บนตัวของผมด้วย
“ไม่นะ ปล่อยกู”
ผมดิ้นอีกครั้ง ความรู้สึกกลัวและเจ็บในครั้งก่อนมันย้อนเข้ามาสู่ความทรงจำของผมอีกครั้ง ถึงต่อให้ตายผมก็ไม่มีวันยอมหรอกครั้งนี้ ผมใช้ฟันกัดเข้าไปที่แขนของมัน
“โอ๊ย.....ปล่อย”
เสียงของมันร้องบอกให้ผมปล่อยแขนของมันที่ผมกัดอยู่ แต่ต่อให้ตายผมก็ไม่มีวันปล่อยหรอก ถ้าผมปล่อยก็เท่ากับว่าผมยอมเสียศักดิ์ศรีอีกครั้ง ผมกัดแขนมันแน่น มันเองก็พยายามทำทุกวิธีทางที่จะให้ผมปล่อยปากออกผมค่อยๆ ขยับตัวออกจากอ้อมแขนของมันก่อนที่มันจะยอมแพ้ผมในที่สุด
สุดท้ายผมก็หลุดออกมาจนได้ ผมวิ่งออกไปที่ระเบียง เอาว่ะ ถ้าสุดท้ายแล้วไม่มีทางจริงๆ ผมยอมตายดีกว่าที่จะปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นอีก
ความเจ็บในครั้งก่อนมันยังหลอนอยู่ในประสาทของผมอยู่เลย รวมถึงความสะอิดสะเอียนที่มันทำกับผมไว้อีกละ
“มึงอย่าเข้ามานะมึงไม่งั้นกูกระโดดแน่ กูไม่ได้ขู่นะไอ้สัด”
ผมเหมือนหมาจนตรอก แม้ผมจะพูดอย่างนั้นไปมันก็ไม่หยุดมันเดินตรงเข้ามาหาผมช้าๆ เอาว่ะขอตายดีกว่า ผมปีนขึ้นไปบนกำแพงที่กั้นระเบียงเอาไว้
“ฮึ...คิดให้ดีนะครับ ก่อนที่จะทำอะไรไป”
“ไม่....กูคิดดีแล้วมึงอย่าเข้ามานะ”
ผมร้องด่ามันอีก มันไม่หยุดก้าวเท้าเลย แม้ว่าผมจะพูดอย่างนั้นกลับมัน ผมก้มมองไปด้านล่าง ถ้าตกลงไปก็ขอตายไปเลยดีกว่าอย่าได้ฟื้นขึ้นมาอีกเลย แต่แค่ผมเผลอมองด้านล่างของตึกเพียงนิดเดียวไอ้กันต์มันก็เข้ามาประชิดตัวของผม พร้อมกับล็อกคอผมแล้วดึงลงมาจากกำแพงกั้นระเบียงทันที
“ปล่อยกู”
ผมดิ้นร้นอย่างสุดกำลังแม้จะยังรู้สึกเจ็บที่ท้องอยู่ แต่ผมขอเถอะ ผมขอดิ้นร้นเพื่อตัวเองเถอะ ความจำเมื่อครั้งก่อนมันวนเข้ามาในสมองของผมอีกครั้งทำให้ผมคลั่งมากยิ่งขึ้น
“ปล่อยกู....ปล่อยกูได้ยินไหม”
ผมร้องออกมาสุดเสียงเท่าที่ผมจะร้องออกมาได้ ผมหวังว่าจะมีใครสักคนได้ยินเสียงของผมแล้วมาช่วยผมออกไปจากเรื่องร้ายๆ นี่เสียที
“เงียบ”
มันพูดพร้อมกับเอามือมาอุดปากของผมไว้
“ไม่....ปล่อยกู”
“พี่ไม่อยากทำเลยจริงๆ”
มันพูดอะไรไม่รู้แต่ที่รู้ๆ คือผมรู้สึกเจ็บที่ปลายคางก่อนที่ความรู้สึกทั้งหมดของผมจะหมดไป
ผมรู้สึกตัวอีกครั้ง คงหลังจากสลบไปหลายชั่วโมงแน่ๆ เพราะว่าตอนนี้มีแสงแดดโผล่อมาทางหน้าต่างแล้ว ผมค่อยๆ ใช้สมองคิดดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับผมบ้างเมื่อคืน ผมทบทวนอยู่สักครู่ก็นึกออกว่าเกิดอะไรขึ้น ผมรีบลุกขึ้นทันที
“อู๊ยยยย...”
ผมเอามือจับคางตัวเองทันที มันรู้สึกเจ็บและปวดมาก เมื่อคืนผมคงสลบก็เพราะโดนต่อยแน่เลย แล้วมันก็ยังส่งผลถึงตอนเช้าทำให้ผมเจ็บอยู่ ผมมองไปรอบๆ ห้องแต่ก็ไม่เห็นไอ้คนที่ทำร้ายผมเมื่อคืนอยู่เลย ทำให้ผผมโล่งใจขึ้นมาอีกนิดนึง
เอาว่ะอย่างน้อยมันก็ไม่อยู่ให้รกตาตั้งแต่เช้า ผมจึงลุกขึ้นจากเตียง แต่เฮ้ย เมื่อคืนผมไม่ได้ใส่ชุดนี้นี่หว่า ผมก้มสำรวจตัวเองจึงเห็นว่าชุดที่ผมใส่อยู่ตอนนี้กับเมื่อวานมันคนละชุดกัน แต่ผมไม่มีเวลาให้คิดมากแล้วผมมองไปทางนาฬิกาตอนนี้เกือบได้เวลาเข้าเรียนแล้ว
ผมจึงรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียนตอนมองตัวเองในกระจกแล้วมองไม่ได้ชะมัด ปลายคางก็เขียวจนคล้ำ หน้าก็เป็นรอยนิ้วมือแดงจนมองเห็นได้ชัดเจน เอาว่ะไปอย่างนี้ก่อนก็ได้ มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนี่
ผมรีบขึ้นรถมาเรียนอย่างรวดเร็วดีว่าหอกับมหาลัยมันอยู่ไม่ไกลกันเท่าไร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มาถึงแบบฉิวเฉียด พอมาถึงผมก็รีบวิ่งไปนั่งข้างไอ้ปิงทันที ไอ้ปิงมันมองหน้าผม
“ไม่ต้องถามเดี๋ยวเลิกเรียนแล้วคอยถาม”
ผมรีบพูดดักไอ้ปิงเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้อาจารย์กำลังเดินเข้าห้องมาแล้ว