คืนนี้อาจไม่ว่าง ขอลงบทที่ 5 ให้ก่อนเลยนะครับ บทที่ 6 เจอกันวันศุกร์นี้ช่วงบ่ายๆ ครับ
ตอนนี้เป็นเรื่องของแทนกับไบร์ทเป็นหลัก บทถัดไปจะเป็นเรื่องของบิ๊กกับแพรวที่ถึงจุดสำคัญละครับ^^
********************
Chapter 5ผมพาร่างผ่านสงครามกลับมาร้านเฮียโบ้อีกครั้ง ตอนนี้ในหัวผมกำลังคิดว่า จะเข้าบ้านยังไง โดยที่ไม่โดนแม่บ่นว่า
“ไปมีเรื่องมาอีกแล้วเหรอ” บ่นหูชา น่ารำคาญที่สุด ผมหยุดอยู่ที่น้องถ่านที่จอดอยู่หน้าร้าน ใช้กระจกมองข้างมองหน้าตัวเองหน่อยว่าเป็นยังไง สภาพยังหล่ออยู่นะ เหมือนพระเอกหนังเลยแหละ เฮียคงไม่ตกใจนะ และทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าร้านเฮียโบ้ เฮียกำลังอ้าปากจะทัก แล้วมองผมหัวจรดเท้าแทน
“เฮียมีอะไรจะถามผมใช่ไหมละ” เฮียโบ้พยักหน้าช้าๆ
“คือ เฮียชินแล้วนะ เวลาแกมาในสภาพยับทั้งตัวแบบนี้ แต่ก็คงต้องถามว่าโดนไรมา” เฮียถามเสร็จเดินไปหลังร้านหยิบชาเขียวเย็นขวดใหญ่มาให้ผม
“มีกุ๊ยไถ่เงินเด็กประถมโรงเรียนผม ผมเลยซัดกับมันไป” เจ็บมือจริงจัง ขนาดเปิดฝาขวดชาเขียว ยังเจ็บมือเลย
“ไม่ได้ไปหาเรื่องเค้าใช่ไหมละ” เฮียแมร่งมองโลกในแง่ร้าย ผมไม่เคยตีใครก่อน มีแต่คนอื่นนั้นแหละทำผมก่อน
“เฮียเห็นผมเป็นคนชอบมีเรื่องเหรอครับ” ผมซดชาด้วยอารมณ์หิวน้ำ ใช่ซิ ทั้งบ่ายนี้ นอกจากน้ำลาย น้ำสักแก้ว ยังไม่ตกถึงคอผมสักหยดเลย
“ตั้งแต่รู้จักแกมา เดือนไหนชุดนักเรียนไม่ขาด เลือดไม่เลอะเสื้อ หน้าไม่ช้ำ ตัวไม่ช้ำ มันไม่ใช่แกไง” เฮียโบ้ซดชาตามผมบ้าง เฮียแมร่งบ่นยังกับแม่ผมอีกคนซะงั้น
“นี่ไม่รัก ไม่เห็นว่าเป็นน้อง ไม่บ่นนะเว้ย” เฮียไม่ต้องทำหน้าเครียด ผมยังไม่ตาย
“เฮียดูให้ผมหน่อย ว่าน่วมเปล่า” ผมวางขวดชาลงที่เก้าอี้ แล้วถอดแว่นวางไว้ข้างๆ ก่อนจะถอดเสื้อออก แล้วหมุมรอบๆ ให้เฮียโบ้ดูว่าช้ำไหม
“เออ เขียวนิดหน่อยบางจุด ที่เหลือก็ยังหล่ออยู่” ผมใส่เสื้อกลับแล้วใส่แว่นอีกที ทำไมเฮียต้องมองผมด้วยสายตาเบื่อแบบนั้นอะ
“ไอ้บิ๊ก วันนี้แกมีนัดสาวเปล่า” กลัวผมจะหล่อไปใช่ม๊า
“ไม่มีๆ ถ้านัดสาวผมจะเอาให้น่วมกว่านี้ จะได้เหมือนพระเอกไง” เฮียส่ายหน้ายังกับโลกนี้กำลังจะแตก
“พระเอกดับอนาถคาตีนใช่มะ กูละเบื่อ เอาไปทำแผลไป” เฮียโบ้ยกกล่องพยาบาลมาวางเก้าอี้ข้างๆ ผม ปกติเวลาผมซัดกับใครมา นี่เป็นที่แรกที่ผมจะแวะมาทำแผล เพราะเฮียเค้ามีครบทุกอย่าง ใครเป็นลูกค้าร้านเฮียจะรู้ว่า จะทำแผลหลังไปตีกับเค้ามา จะหาลายเซ็นผู้ปกครอง หรือซื้อสุราให้ไปฉลอง เฮียโบ้คือที่พึ่งพาของเด็กสยามได้เสมอ
แต่ที่แน่ๆ ปะยาเอง เจ็บเอง ซิ๊ดๆๆๆๆ ต่อย ตี ก็บ่อย เจ็บตัวทุกรอบ ทำแผลเก่งจนวิชาสุขศึกษาได้เต็ม ก็เพราะเรียนจากนอกห้องเรียนมาเองนี่แหละ หวังว่ามันจะดีขึ้นสักนิด ไปหาแพรวพรุ่งนี้อย่าช้ำมากนะ เดินควงด้วยแล้วมันไม่หล่ออะ T_T
………………..
วันนี้อารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก ได้ให้ของที่เราอยากให้ ไม่มีซ้อมบาสฯ ได้แวะไปเล่นบาสฯ กับเด็กๆ สนามใกล้ๆ กับชุมชนแถวคอนโด กลับมาถึงห้อง ยืนอยู่ริมระเบียง มองไปรอบๆ มันก็รู้สึกไม่เหงาอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะไหล่ซ้ายผม ไม่อยากปลุกให้เค้าตื่นขึ้นมาเลย บอกไม่ถูก ทำไมก็ไม่รู้ แต่เรารู้สึกตื่นเต้นมาก ตอนที่เค้านอนเอาหัวพิงไหล่เรา อยากให้ถึงวันจันทร์เร็วๆ จัง
กินมื้อเย็นเสร็จ อาบน้ำ แล้วมาทำสรุปบทเรียนวันนี้ต่อ จริงๆ น่าจะทำให้หมดเล่มเลยดีกว่า รู้นะว่ามาเรียนไม่ได้เข้าหัวอะไรหรอก ทบทวนให้ตัวเอง เป็นของขวัญผูกมิตรเค้า ดีสองเด้ง^^ แล้วผมก็สะดุ้ง เพราะเสียงโทรศัพท์ดัง ใครโทรมานะ
“สวัสดีไบร์ท” ผมมีนัดด้วยเปล่านะ? น่าจะใช่?
“แทน พรุ่งนี้กี่โมงดี” ผมนึกไม่ออกว่านัดอะไรไว้ เดี๋ยวนะ...
“เออ เราขอโทษอะ ลืมว่านัดไบร์ททำอะไร” ตรงๆ เลยนะว่าลืม โทษด้วย
“ดูหนังไง ที่คุยกันเมื่อสองวันก่อนอะ เลี้ยงเราเลย โทษฐานที่ลืม” เออ..ดูหนังนี่หว่า ลืมจริงนะเนี่ย
“เที่ยงแล้วกัน จะได้ออกไปกินข้าวด้วยเลย แล้วก็ ขออย่างเดียวนะ” ผมมีกติกาอย่างหนึ่งกับการดูหนัง
“อือ อะไรอะ” อย่าขำนะไบร์ท จะบอกว่า...
“เราไม่ดูหนังผี แค่นั้นแหละ” จริงๆ ดูได้นะ แต่ต้องเปิดไฟสว่างๆ ดู มืดๆ แบบในโรงหนัง ดูแล้วจิตตกทุกที
“กลัวผีเหรอ อิๆๆ” ไม่น่าบอกเลย เหมือนเผยจุดอ่อนให้รู้อะ
“ผีไม่กลัว แต่เราไม่ชอบดูหนังผีในบรรยากาศมืดๆ แค่นั้นแหละ” เข้าใจยัง
“เราจะชวนไปดูการ์ตูนดิสนีย์ที่เข้าเมื่อต้นเดือนอะ” นึกออกละเรื่องอะไร ก็อยากดูอยู่พอดีเลยแหละ
“งั้น เที่ยงที่มาบุญครองละกัน” แถวสยามมันแพงอะ
“ได้เลย เจอกันนะ อ้อ...ฝันดีนะ บาย” ผมกลับมาทำสรุปบทเรียนวันนี้ต่อให้หมด
เวลาผ่านไปเร็วมาก ทำเสร็จของวันนี้ ว่าจะทำของบทแรกสุด เวลาก็จะสี่ทุ่มแล้ว อีกสักชั่วโมงแล้วกัน ผมเปิดบทแรกที่เรียนแล้วเริ่มอ่านซ้ำ ก่อนจะสรุปใส่กระดาษอีกชุด เพื่อเตรียมไว้ให้เพื่อนข้างๆ ผม ก่อนวันปิดคอรส์ศุกร์ที่จะถึงนี้
ยิ่งทำ ยิ่งคิดถึงอย่างบอกไม่ถูก ผมตั้งใจทำสรุปมากนะ เขียนไปลบไป กลัวว่าที่เขียนแล้ว เค้าจะอ่านไม่เข้าใจ ต้องเขียนให้ละเอียดและง่ายพอที่จะให้เค้าเข้าใจด้วย
แต่ถ้าเค้าไม่เข้าใจแล้วมาถามเราซิ จะดีมากเลย...นี่เราอยากให้เค้าอยู่ใกล้ๆ เรา ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เพ้อเจ้ออยู่ได้...เค้าไม่รู้หรอก ว่าเราคิดถึงเพื่อนเรียนพิเศษคนนี้อยู่
แล้วผมก็ทำบทแรกเสร็จตอนเกือบตีหนึ่ง ไปนอนดีกว่า
………………..
เก้าโมงเช้าวันเสาร์ แดดส่องหน้าต่างจนผมต้องตื่นขึ้น เป็นคืนที่หลับสนิทสุดตั้งแต่มาอยู่กรุงเทพฯ เที่ยงนี้ไปหาไบร์ท ยังพอมีเวลาเข้าฟิตเนสก่อน ผมดื่มนมสักแก้ว เปลี่ยนชุดเรียบร้อย ได้เวลาลุย วันนี้เล่นอก ท้อง แล้วปิดท้ายด้วยวิ่งอีกชั่วโมง ตึงได้ที่ใช้ได้ละ อาบน้ำ แต่งตัว ไปหาไบร์ทมันละ
ผมไปถึง MBK ละ แต่ไม่ได้บอกนี่ ว่านัดตรงไหน ถามไบร์ทมันก่อน
Tan : เจอกันตรงไหนอะ
Brightening : ที่ขายตั๋วหนังชั้น 7 ขึ้นมาเลยนะ เราจองให้แล้ว
Tan : Ok ชอบแย่งผมจ่ายตลอดเลยอะ ป๋าจริงเพื่อนเรา เดินเพลินๆ มองโน่น มองนี่ไปเรื่อย เดินมาถึงชั้นโรงหนังแล้ว เดินไปถึงช่องขายบัตรแล้ว แล้วไบร์ทมันอยู่ไหนอะ? ผมมองซ้าย มองขวา แล้วจู่ๆ เหมือนใครสักคนชนผมจากด้านหลัง แล้วผมก็โดนปิดตา
“ปล่อยเลยนะ เล่นเป็นเด็กอีกแล้ว” มีอยู่คนเดียวแหละ ที่ชอบปิดตาผมจากข้างหลังแบบนี้
“อิๆ ชอบไม่ระวังตัวเองอะ กินไรดีๆๆ” ใครมันจะไประวัง เล่นทีเผลอแบบนี้อะ ว่าแต่กินอะไรดี
“ให้ไบร์ทเลือก เรากินได้หมด” เพราะเลือกเองทีไร เดี๋ยวไม่กิน ไม่ก็บ่นไม่อิ่ม แล้วเดี๋ยวจะบอกผมว่า
“ตามใจแทน เราขี้เกียจเลือก” นั้นไง งั้นเราเลือกนะ อย่าบ่นด้วย ที่เราจะกินนั้นก็คือ....
“พิซซ่าอีกแหละ ไอ้แทน มึงเป็นอเมริกันกลับชาติมาเกิดหรือไง” ผมกำลังทานหน้า Seafood อย่างอร่อย ชีสอย่างยืด ช่วยไม่ได้ บอกเองนี่หน่า ว่ากินอะไรก็ได้
“บอกเองนี่ กินอะไรก็ได้ตามใจหมด” ผมไม่สนไบร์ทละ กินต่อไป ไบร์ทมันส่ายหัวก่อนจะหยิบหน้าไส้กรอกรวมมิตรมาใส่จานตรงหน้า แล้วบอกเองนะว่าไม่ชอบกิน แต่กินหมดก่อนผม แถมบรรดาไก่ หอมทอด ก็กินเกลี้ยงจนผมต้องสั่งเพิ่มนี่นะ กวน...นะ ไบร์ท
“อิ่มอะ” ไม่ต้องเลยไบร์ท ไหนบอกไม่ชอบกิน แล้วแย่งเรากินหมดแบบนี้คืออะไร
“นี่ขนาดไม่ชอบกินนะ หมดไม่พอ แย่งเรากินด้วย” ทำหน้ากวนประสาทอีก
“จริงๆ ไม่ชอบกินนะ แต่กินกับคนที่เราอยากกินด้วย ก็อร่อยดี” อยากกินกับเรา?
“เรานี่นะ เวอร์ละไบร์ท” พูดยังกับจีบเรา
“ได้เวลาแล้ว เดี๋ยวหนังจะฉายแล้วนะ” ผมดูเวลาที่ข้อมือ ใกล้ถึงเวลาแล้วจริงด้วย พอไปจ่ายเงิน ไบร์ทมันแย่งจ่ายผมอีกแล้ว
“ไบร์ท ค่ากินของเรา” ผมยื่นแบงค์ห้าร้อยให้ ไบร์ททอนให้ผมมาสองร้อย
“เราเลี้ยงข้าว เรากินเยอะ แทนเลี้ยงหนังเราละกัน” อีกละ ผมจ่ายน้อยกว่าอีกละ ผมยัดสองร้อยที่เหลือใส่มือไบร์ท
“ทีหลังไม่มาด้วยแล้ว เลี้ยงตลอดเลย” ไบร์ทเก็บเงินสองร้อยกล้บลงกระเป๋าเรียบร้อย
“โอเคๆๆ งั้นเราเลี้ยงหนังนะ นะๆๆๆ” ผมควักเงินค่าตั๋วหนังแล้วยัดใส่มือไบร์ททันที แล้วยกมือชี้ไบร์ทเลยว่า
“หยุดเลย เอาไป เลี้ยงมากกว่านี้เราไม่มาจริงด้วย” ไบร์ทรับเงินผมโดยการบังคับ ยกมือสองข้างแบบ ยอมแล้ว
“โอเคๆๆ ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ” ไบร์ทยิ้มกว้างๆ ในขณะที่ผมขมวดคิ้วไปแล้ว
หนังสนุกนะ ผมไม่รู้คิดไปเองเปล่า ไบร์ทมันนั่งชิดผมจัง ไหล่ขนเลยแหละ มันบ่นว่าแอร์เย็น จับมือหน่อย แต่จับแล้วมือก็เย็นจริงนั้นแหละ จนหนังจบยังแอบไม่ปล่อยมือผมอีก
“ไบร์ทปล่อยมือเราได้แล้ว” ไบร์ทนั่งดูเครดิตท้ายเรื่องในขณะที่ยังจับมือผมอยู่ จนผมต้องกระตุกมือนิดๆ
“ฮือ ก็มือแทนอุ่นดีอะ เราขี้หนาวอะ ลุกละนะ” ไบร์ทปล่อยมือผม ก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วจับมือผมอีกที
“โรงหนังมันมืด จะได้ไม่ล้มไง” เออ เราเดินเองได้นะ
“เอ้ย เราไม่ซุ่มซ่ามขนาดนั้นหรอก” แล้วไบร์ทก็จูงมือผมเดินนำจนออกจากโรง ก่อนจะปล่อยมือผม
“หนังสนุกปะ” ผมพยักหน้าให้กับคำถามของไบร์ท
“หิวยังแทน ขนมสักหน่อยมะ” ผมพยักหน้าเหมือนเดิม
สุดท้ายก็นึกไม่ออก ไปจบที่ Starbucks ชั้น 2 ในพารากอน คนเยอะทุกวัน เกือบไม่มีที่นั่งอีกเหมือนเดิม แล้วไบร์ทก็กลับมาพร้อมกับกาแฟปั่นสองแก้ว มัฟฟินสองลูก ผมเริ่มลงมือทานช้าๆ สลับดู Facebook ในมือถือไปเรื่อยๆ
“ไบร์ท วันจันทร์มีซ้อมปะ” ผมนึกขึ้นได้แต่ไม่แน่ใจ
“ใช่ๆ จันทร์ อังคาร พุธ แล้วเจอกันอีกทีเปิดเทอมเลย” ผมปิดจอมือถือแล้ววางไว้ข้างๆ จานขนม ผมเห็นหน้าไบร์ทแล้ว บอกไม่ถูก ดูเจ้าตัวจะมีความสุขมากกว่าปกติ
“แค่มาดูหนังด้วย ตาเป็นประกายยังกับเราเป็นแฟน” ผมไม่กล้าสบตานะ มันเป็นสายตาที่ทำให้ผมบอกไม่ถูกเลยแหละ
“แล้วถ้าเราเป็นแฟนกันละ” ดีนะที่ส้อมไม่ได้อยู่ในปาก ไม่งั้นคงเผลอจิ้มเพดานปากไปแล้ว
“ถามแบบนี้เราไปไม่ถูกนะ” ผมหยิบมือถือกลับมาอีกรอบ เปลี่ยนเป็นเล่นเกมแทน ผมไม่กล้ามองหน้าไบร์ทจริงๆ
“เขินเราเหรอ” บ้าเอ้ย ก็บอกแล้วอย่าทำสายตาแบบนั้นกับเรา เราแพ้สายตาแบบนั้นอะ
“พึ่งรู้ว่าไบร์ทก็เป็น...” ผมไม่กล้าพูดหมด เพราะเป็นเรื่องที่ผมก็ไม่เคยถามเพื่อนสนิทคนนี้เหมือนกัน
“เป็นคนหล่อมากใช่มะ” ดีนะที่ส้อมไม่ได้อยู่ในปาก แต่เงยหน้าจากโทรศัพท์มาแล้ว ไบร์ทกำลังจะป้อนมัฟฟินช็อกโกเล็ตให้ผม
“กินดิ อร่อยนะ” ผมอ้าปากทาน รอยยิ้มกับสายตาของไบร์ทตอนนี้ ผมกำมือแน่น รู้สึกทำอะไรไม่ถูก จะบอกว่ารู้สึกดีก็ไม่เต็มปาก จะบอกว่าอึดอัด ก็ไม่ใช่อีก
ผมมองไปทางอื่นแทน ตอนนี้รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก กินก็ไม่กล้าสบตา ดูดกาแฟก็แกล้งมองอย่างอื่น เพื่อนสนิทผมกำลังจีบผมอยู่เหรอ บอกไม่ถูกเลยจริงๆ ไม่ใช่ไม่ดี ดีเลยแหละ แต่บอกไม่ถูกอยู่ดี
“ยังไม่ตอบเราเลยอะ” ทวงคำตอบไหนอะไบร์ท? หรือที่ถามว่า ถ้าเป็นแฟนกัน?
“ไบร์ทก็ยังไม่ตอบเราเหมือนกัน” ผมทวงบ้าง บอกมาก่อนซิ
“ถ้าเราใช่ แล้วเป็นแฟนกันไหมละ” ถ้าผมไม่คุมสติ แก้วกาแฟในมือตอนนี้ ผมคงบีบกระจายแล้ว ไบร์ทที่เป็นที่หมายปองของสาวๆ หลายโรงเรียนนี่นะ ชอบผม...ไม่ใช่มั่ง ถึงมันจะดีกับผมเป็นพิเศษหลายอย่าง แต่ก็ไม่ใช่มั่ง...
“แกล้งเราใช่ปะไบร์ท” ผมไม่เชื่อว่านี่เรื่องจริงนะ แต่ถ้าแกล้งผม ก็แกล้งได้สมจริงสุดๆ เลยแหละ ผมมองหน้าไบร์ทอีกทีเพื่อความชัวร์ สายตาของเพื่อนผมตอนนี้ ดูจริงจังมากกว่าจะล้อเล่น ผมควรทำไงดี....
ผมรวบรวมคำพูดสักครู่นะ....
“เรา...ดูเป็น...เป็น...แบบนั้นเหรอ” ผมแค่อยากแน่ใจว่า ผมไม่เคยแสดงให้ใครเห็นว่า ผมเป็นอะไร ผมกลัวมัน ไม่อยากให้ใครรู้ในสิ่งที่ติดตัวผมมาแต่เกิด ไบร์ทมองผมจริงจังมาก ก่อนจะยิ้มกว้างขึ้นแล้วบอกผมว่า
“เป็นคนดีที่สุดของเราไง” น้ำเสียงไบร์ทที่นุ่มนวลจนไม่เหมือนเพื่อนที่ผมรู้จัก ไบร์ทคงเห็นแววตาไม่มั่นใจของผม ส่วนผมเห็นแววตาจริงจังของไบร์ท ผมพูดอะไรไม่ออกแล้ว
“เราแค่อยากบอกเฉยๆ อยากซึ้งบ้าง อะไรบ้าง ไม่ได้เหรอ” ผมแทบอยากจะปาแก้วกาแฟในมือใส่ เมื่อไบร์ทขี้เล่นกลับมาอีกครั้ง ผมอายอย่างบอกไม่ถูก บ้า!!! ไม่คุยด้วยแล้ว
ไบร์ทปล่อยให้ผมอยู่ในสภาพนี้ โดยที่เจ้าตัวกินขนมกับกาแฟต่อไป ปล่อยให้ผมหยุดนิ่ง จนผมต้องรวบรวมสติให้ตัวเองกลับมาปกติเหมือนเดิม ผมกวาดสายตาไปรอบๆ เพื่อลดความตึงที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้
เดี๋ยวนะ คนที่ยืนจ่ายเงินซื้อกาแฟตรงนั้น ทำไมคุ้นหน้าจัง ผู้ชายหัวกลมสกินเฮด ใส่แว่น เสื้อเชิ้ตเนี๊ยบๆ กับกางเกงขาเดฟแบบนี้ มีคนเดียวแหละ นั้นเพื่อนเรียนพิเศษผมนี่หน่า เหมือนอัตโนมัติ ผมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว อยากลุกไปทักทาย แต่ดูเค้าจะรีบๆ
ทำไมเค้าถือเครื่องดื่มไปสองแก้วละ? มาคนเดียว แต่ซื้อสองแก้ว เค้ามากับใครละ? ลุกไปดูดีกว่า
“เราไปเข้าห้องน้ำนะ” ไบร์ทพยักหน้ารับทราบ ผมรีบลุกแล้ววิ่งตามไป แต่ผมหาไม่เจอซะแล้วซิ เพื่อนเรียนพิเศษผมหายไปไหน ไวจัง เดินไปทางไหนอะ ผมหันมองทีละมุม จนครบ 360 องศา แล้วก็ไม่เจอ
คงมากับเพื่อนมั่ง ช่างเถอะ แต่อยากรู้นะ ว่าอีกแก้วอะของใคร...ทำไมต้องคิดด้วย คงไม่กินจุคนเดียวสองแก้วหรอก ตอนนี้ไม่ใช่โปร 1 แถม 1 ด้วยเถอะ
บ้าจริง มีแต่เรื่องให้เราว้าวุ่นใจติดๆ กันเลย
**********
บทที่ 6 เจอกันวันศุกร์บ่ายๆ นะครับ ตอนนี้เขียนถึงบท 16 กลางๆ บท จะขึ้น 17 ละครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ^^