ยกที่18 สนใจ
กินข้าวเสร็จซันขับพาทุกคนกลับมาที่มหา’ลัยแล้วแยกกันไปเรียน ถึงเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ใช่ว่าตัวต้องติดกันตลอดเวลา ยิ่งแต่ละคนเรียนต่างคณะต่างสาขายิ่งไม่ต้องพูดถึง
พอเลิกเรียน ผมเดินพร้อมกับฝูงชนที่แห่กันออกจากห้องเหมือนวันปล่อยผี เสียงเอะอะทักทายสอบถามดังไปทั่วทางเดิน ขนาดอาจารย์โผล่หน้ามาด่ารอบแล้วรอบเล่ายังไม่สำนึก บทสนทนาส่วนใหญ่ ถ้าไม่บ่นเรื่องชั่วโมงเรียนที่ผ่านมา ก็จะชวนกันไปต่อตอนกลางคืน
ผมเองมีหลายคนชวนด้วยเหมือนกัน แต่แผลที่ปากยังไม่ทันจะหาย ผมไม่อยากออกไปซ่าให้ซันมันองค์ลงอีก เลยทำตัวเป็นเด็กดี บอกปัดเพื่อนแล้วลงมาชั้นล่างหมายจะโทรหาคนขับรถส่วนตัว
“เฮ้ย ถ้ามึงจะโทรหาซันกูว่าไม่ต้องละ”
แม็คโผล่มากอดคอ ด้านอาร์ทที่เพิ่งเข้ากลุ่มด้วยไม่นาน เผ่นไปหาแฟนสาวตั้งแต่ยังอาจารย์ปล่อยออกจากห้อง
“ไมวะ จะเล่นมุกบอกมึงอิจฉานี่ไม่ได้นะ เพราะมึงเองก็กำลังจะไปหาแฟนไม่ใช่ไง”
ส่วนใหญ่มีแฟนกันหมด สวยๆ ทั้งนั้น แม็คมันส่ายหัวหวืด บุ้ยปากไปด้านหน้าคณะเห็นรถคุ้นตา คนคุ้นเคยกำลังยืนเต๊ะจุ้ยพิงประตูรถคุยกับเพื่อนข้างตัว พอเพื่อนตัวเล็กเห็นผม เจ้าตัวเรียกชื่อโบกไม้โบกมือให้ร่าเริงไม่สังเกตสายตาสาวคณะนี้เลยว่าอย่างพุ่งเข้ามาหาแค่ไหน หากไอ้ซันไม่ยืนคุมเชิงอยู่ คิดว่าโดนรุมชัวร์!
ผมหวั่นว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ต้องรีบพาสองตัวเด่นออกไปจากคณะไวๆ
“ขอบใจที่บอก กูไปก่อนนะ”
“เออๆ กลุ่มมึงนี่น่าอิจฉาจริงๆ มีแต่พวกหน้าตาดี” มันจิ๊ปากอย่างขัดใจ ผมทำหน้าใสซื่อ
“ทำใจว่ะ คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วง พักหลังกูไม่ค่อยได้อยู่กับมึงแล้ว ไม่มีคนหน้าตาดีแย่งซีน หลังจากนี้มึงจะได้เป็นที่สนใจกับเขาบ้าง ดีใจด้วยนะเพื่อน”
“นั่นสิ มึงพูดจามีเหตุ...ไอ้สัตว์โป้ หลอกด่ากูเรอะ!!”
“กูป๊าวว!” ลากเสียงยาวเดินเนียนไปหาไอ้ซัน แม็คมันชี้ตัวผมแต่จ้องหน้าซันเป็นเชิงบอกว่า ดูแลเมียมึงด้วย ไอ้ซันก็รับมุกดีเหลือเกิน คว้าคอผมไปกอดแล้วยกคิ้วกวนทำมือโอเค พวกมึงไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหน คงไม่ใช่ว่าพวกมึงแอบคบชู้สวมเขากูหรอกนะ!
“คิดอะไรมึง ทำหน้าตลกชิบ” ซันก้มหน้ากระซิบคุย จำเป็นต้องใกล้ขนาดนี้ไหม แล้วปอนด์ที่ทำหน้าฟินอยู่ข้างๆ นั่นยังไง
ผมแสร้งทำหน้าเคร่งเครียดดันมันออก นี่มันที่เปิดโล่งเว้ยคิดจะทำอะไร “กูกำลังคิดว่ามึงกับแม็คดูสนิทกัน พวกมึงแอบคบกันลับหลังกูรึเปล่า”
ซันตัวแข็งทื่อ ปอนด์ขำพรืด หัวเราะจนน้ำตาไหล
“ฮ่าๆ จิ้นไม่ออกเลย ถึกเป็นหมีควายทั้งคู่ คิดภาพมากอดคอกันแบบพวกนายแล้ว โอ๊ยย ต่อให้หนุ่มวายอาวุโสอย่างพี่เฟย์ก็จิ้นไม่ลง!”
ดึงสติกลับมาได้ พี่ท่านเริ่มโวยวาย “ขึ้นรถกันให้หมด!” พูดพลางเปิดประตูยัดผมเข้ารถ แกล้งมันวันละนิดจิตแจ่มใส วันนี้ป่วนไว้หลายคนรู้สึกมีความสุข
ปัง!
เจ้าของรถปิดประตูแบบไม่ถนอม ตวัดมองจ้องเขม็ง ผมยกมือสองข้างแบบยอมแพ้
“ใจร่มๆ กูแค่พูดเล่นเอง”
“ขำบ้าขำบออะไร ดูแขนกูหนิ ขนลุกไปหมดแล้ว วันหลังอย่าพูดแบบนี้อีกนะ พูดเล่นก็ห้าม กูไม่มีทางมองคนอื่นนอกจากมึงแน่นอน”
มันยกแขนให้ดู ขนมันลุกเป็นหนังไก่ ผมทั้งขำทั้งเขิน มันพูดบ้าอะไรไม่เกรงใจคนที่นั่งจ้องตาแป๋วด้านหลังเลยนะ นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่หน้าคณะตัวเองผมคว้ามันมาจูบตอบแทนวาจาน่ารักๆ
“เอาเลยตามสบาย คิดซะว่าฉันไม่มีตัวตน เป็นเพียงอากาศ” ปอนด์ยกสองมือปิดตาแต่แหวกนิ้วซะกว้าง ผมกับซันยื่นแขนไปดันหัวคนละทีด้วยความหมั่นไส้ เพื่อนตัวเล็กมันน่ารักจริงให้ดิ้นตาย แต่น่ารักแบบผู้ชายนะ ดูสดใสร่าเริงมีชีวิตชีวาอยู่ด้วยแล้วมีความสุขดี ผมถึงถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ ซันเองก็ไม่ต่างกัน
“แล้วไมวันนี้มาด้วยล่ะ หรือจะแวะไปเที่ยวห้องพวกฉัน?”
“ไม่ใช่อะ พอดีว่าอยากแวะร้านหนังสือ แต่ตอนนี้เพิ่งเลิกเรียนที่ป้ายรถเมล์คนเยอะมาก เลยขอให้ซันไปส่ง ยังไงก็เป็นทางผ่าน อยากแวะมารับโป้ด้วย ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่ตามไปเป็นก้างขวางคอที่รังรักพวกนายหรอก”
เจ้าตัวแลบลิ้นทะเล้นมองมาทางผมอย่างรู้ทัน เห็นแบบนี้ผมว่าปอนด์ไม่ใช่พวกไก่กา การคบกับคนอายุมากกว่า อาศัยความรักอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องมีความเข้าใจและมีเหตุผลด้วยถึงจะอยู่กันยืด
สิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการคือความมั่นคงจริงจัง มันมีความกดดันเจือจางอยู่ เทียบกันแล้วการคบกันระหว่างผมกับซันดูเหมือนเด็กเล่น แค่คำว่าแฟน อยู่ด้วยกัน หยอกล้อกันไปวันๆ มันไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกลึกๆ ข้างในหรอก เอาความจริง ทุกวันนี้ผมยังไม่ชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองเลยว่ายังไงกันแน่ ฝั่งซันนี่ผมไม่รู้ เพราะผมไม่มีวิชาอ่านใจคน
ผมชอบซันนะ ให้อยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็มีความสุขดี แต่อนาคตข้างหน้าเราไม่อาจรู้ได้ ผ่านไปหนึ่งปี สองปี เข้าสู่วัยทำงาน ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกผมจะพัฒนาไปทางไหน หากมองในแง่ร้าย มันอาจจะเป็นแค่ประสบการณ์มีแฟนครั้งหนึ่งในชีวิต
แค่คิดก็ปวดใจแล้ว ไม่อยากให้ถึงวันนั้นเลย...
“โป้ เป็นอะไรรึเปล่า” ปอนด์ถามด้วยความเป็นห่วง หลังสังเกตสีหน้าเพื่อนมาได้สักพัก ซันเองก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่แปลกไป เพราะขับรถเลยหันมามองตรงๆ ไม่ได้ ทำได้แค่ชำเลืองมองอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไร ฉันแค่คิดเรื่องงานกลุ่มนิดหน่อย”
“เพื่อนในกลุ่มมึงมีปัญหา? แม็ค อาร์ท ใคร? หรือไอ้ปากหมาวันนั้น” พูดถึงตรงนี้ซันกำพวงมาลัยแน่นขึ้น บ่งบอกว่ายังไม่พอใจอยู่ ผมคงต้องฝากเพื่อนมันไปเตือนให้คนดวงซวยนั่นแล้ว อย่าริบังอาจเสนอหน้ามาให้ซันเห็น ไม่แน่อาจเจอตีนได้
“ไม่ใช่ๆ กูมนุษย์สัมพันธ์ดีขนาดนี้ จะมีปัญหาแบบนั้นได้ไง แค่กูคิดงานไม่ออกเท่านั้นเอง” ผมรีบแก้ตัว ไม่น่ายกหัวข้อนี้มาเลยตู ปอนด์แสดงสีหน้าไม่เชื่อเท่าไหร่แต่ไม่เซ้าซี้เพิ่ม ส่วนซันมันบื้อ ช่างมันเถอะ
“ก็แล้วไป แต่มีอะไรต้องบอกกู เข้าใจนะ”
“คร้าบๆ คุณพ่อ” ผมรับคำ ปอนด์มองผมกับซันสลับไปมาเอียงคอครุ่นคิดบางอย่าง สุดท้ายก็ถอนหายใจคล้ายจะปล่อยวาง
“ก็ทั้งคู่นั่นแหละ มีอะไรมาปรึกษาฉันได้ หรือถ้าไม่ชัวร์ถามพี่เฟย์ก็ได้” เพื่อนตัวเล็กทิ้งท้ายด้วยความหวังดี ก่อนจะลงจากรถวิ่งลิ่วเข้าห้างไป
“ดูเหมือนจะทำให้เพื่อนเป็นห่วงแฮะ”
“เพราะมึงนั่นแหละ จู่ๆ ก็เงียบไป แล้วตกลงมึงต้องไปช่วยงานรุ่นพี่เขาเมื่อไหร่”
มันทักผมถึงนึกขึ้นได้ มัวแต่คิดเรื่องนู่นนี้จนลืมไปซะสนิท ซันเองก็คงรอจังหวะอยู่ด้วยกันสองคนถามรายละเอียด
“งานมีวันพุธตอนบ่าย แต่พรุ่งนี้กูต้องไปฝึกมือตอนเย็นว่ะ ไม่ได้จับเครื่องทอผ้าตั้งแต่เข้ากรุงเทพ กลัวจะทำพลาด”
“โอเค เดี๋ยวกูไปกับมึงด้วย”
ผมหันขวับ มันจะมาด้วยทำไม ถ้าบอกว่าอยากมานั่งดูผมฝึกทอผ้าไม่ใช่มั้ง นิสัยซันไม่โรแมนติกขนาดนั้นหรอก!
“ทำไม หรือมันเป็นความลับที่ให้คนนอกเข้าไปดูไม่ได้”
“ไม่อะ งั้นเดี๋ยวกูบอกพี่เขาอีกทีแล้วกันว่าจะมีคนตามไปด้วย แต่มึงไม่มีเรียนบ่ายนี่หว่า มึงจะแช่รอที่มหา’ลัยจนเย็นเลยเรอะ”
ซันยักไหล่แบบไม่เดือดร้อน ในเมื่อตัวมันไม่มีปัญหา ผมก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน ผมส่งข้อความบอกพี่แอมเรื่องซัน พี่เขาตอบตกลงเร็วมาก ยังบอกอีกว่า วันงานให้พาเพื่อนมาทั้งกลุ่ม ไม่รู้ผมคิดเองรึเปล่านะ พี่แอมดูกระตือรือร้นกับคำว่าเพื่อนผมแปลกๆ
วันต่อมา ซันเอารถมาอีกเช่นเคย เพราะไม่รู้ว่าผมจะอยู่จนเย็นแค่ไหน จะได้ไม่ต้องไปยืนรอรถกันมืดๆ ค่ำๆ ผมนัดกันซันไว้ให้มันไปไหนก็ไป ไว้ผมเลิกเรียนค่อยไปเจอกันที่ประจำ
ทางเดินใต้ร่มไม้ภายในมหา’ลัย มีนักศึกษาเดินกันประปราย ผมแยกตัวกับพวกแม็คเพื่อมุ่งหน้าไปจุดนัด แดดตอนเย็นไม่ร้อนเท่าไหร่ สามารถเดินกินลมชมวิวได้ เห็นหลังซันนั่งอยู่กับพวกมิทไกลๆ ไม่ทันจะเดินไปดันมีเสียงเรียกจากทางด้านหลังซะก่อน
“โป้ๆ รอเดี๋ยว”
เสียงเรียกปนหอบจากการวิ่ง ผมหันไปมองพบผู้ชายหน้าตาดี ลุคสะอาด
“เก้า?”
“ดีใจจังที่ยังจำได้ พรุ่งนี้โป้จะไปช่วยงานที่คณะศิลปกรรมเหรอ”
“ก็ใช่ นายรู้ได้ไง” นั่นสิมันรู้ได้ไง ผมกับเก้าเหมือนเป็นแค่คนรู้จัก เจอกันครั้งสุดท้ายตอนผมทำเสื้อขาดแล้วซันโผล่มาหาถึงคณะ หลังจากนั้นก็ไม่เจออีกเลย ผมเลยลืมไปซะสนิท
“เรื่องของโป้ฉันรู้ทุกอย่าง ขอโทษนะ พักหลังกิจกรรมเยอะมากฉันเลยไม่ได้ไปหา” หนุ่มหน้าใสพูดอย่างภูมิใจ แต่คนฟังรู้สึกขนลุกชอบกล มันเป็นสตอล์กเกอร์รึเปล่า
“ไม่เป็นไร ฉันไปก่อนนะ” ไปดีกว่าผม ไอ้มิทหันมาเห็นผมแล้วด้วย
จู่ๆ แขนถูกคว้าไว้อย่างกับนางเอกในละคร ผมหันไปขมวดคิ้วมองเก้าดึงแขนออกแบบเนียนๆ
“โป้ พรุ่งนี้ฉันขอไปดูด้วยนะ”
“ตามใจสิ เข้าฟรีไม่ได้เสียค่าเข้าสักหน่อย”
“โป้มีแฟนแล้วใช่มั้ยถึงได้เมินกันแบบนี้ ตอนแรกยังดูสนใจกันอยู่เลย” น้ำเสียงมันดูไม่ค่อยพอใจ ผัวกูนั่งหัวโด่อยู่นั่นจะอะไรนักหนาวะ ผมหันขวับมายืนประจันหน้า พูดตรงๆ ให้มันจบไปเลยดีกว่า
“นายบอกว่ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฉัน น่าจะรู้นะว่าฉันคบกับใครอยู่” มันอึ้งไปเหมือนผมย้อนมันบ้าง อาจจะดูใจร้ายไปหน่อย แต่สำหรับคนแบบนี้ควรจะพูดไปตรงๆ ดีกว่า มัวแต่ใจดีกลัวเขาเสียใจจะกลายเป็นการให้ความหวังแล้วเรื่องมันจะวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม
“ใช่ ฉันรู้ รู้ด้วยว่าซันเป็นผู้ชายแท้ๆ โป้คิดเหรอว่าจะเปลี่ยนผู้ชายคนหนึ่งเป็นเกย์ง่ายๆ ฉันเห็นมาหลายคนแล้ว สุดท้ายก็เลิกกันหันกลับไปคบผู้หญิงอยู่ดี”
ถูกจี้ใจดำเข้าอย่างจังจนอารมณ์ฉุนกึก ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมพยายามไม่นึกถึงเรื่องนี้ แล้วเก้าเป็นใครถึงมาพูดจาหมาไม่แดก ผมแสดงสีหน้าชัดเจนมากว่าไม่พอใจ เก้านิ่งไปเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองหลุดพูดอะไรออกมา หลังจากนี้แค่คำว่าเพื่อนผมก็ไม่มีให้
“รีบไปซะก่อนที่กูจะชกมึงไอ้เก้า”
“โป้...”
“ไปซะ! ไม่ต้องมาเสือกเรื่องของพวกกู” ผมเคยบอกแล้วว่าคนที่ดีมาผมดีตอบ ร้ายมาผมก็ไม่เอาไว้ เก้าดันตื้อกว่าที่คิด เขาจับแขนผมแน่นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันพูดความจริงมั้ยล่ะ กับความไม่แน่นอนแบบนั้น โป้ไม่ลองคิดถึงฉันบ้างเหรอ ฉันเข้าใจโป้นะ ในอดีตโป้เองคงถูกคนรอบข้างมองด้วยสายตาแย่ๆ เหมือนกัน พวกเราน่าจะเข้ากันได้มากกว่า”
ผมสะบัดแขนออก พวกเราตัวพอกันเรื่องแรงผมมั่นใจว่าสู้ได้แน่ ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ผมเดินหนีไปหาพวกซันที่ลุกทำท่าจะเดินมาทางนี้ตั้งแต่เริ่มมีปากเสีย ผมยกมือห้ามพวกนั้นเพราะไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ คนบางคนแม่งยังไม่วายตะโกนไล่หลังผมอีก
“โป้! จำไว้นายยังมีฉันนะ”
“ไปตายให้หนอนแดกไป!!”
บัดซบเอ๊ย ผมจะไม่โมโหเท่านี้เลยถ้ามันไม่พูดแทงใจดำ ซันก้าวเร็วๆ มาหาผม ดวงตาจ้องเก้าเขม็ง ทางนั้นไม่น้อยหน้าจ้องกลับแบบโต้งๆ มึงไม่กลัวตีนกูมึงควรกลัวตีนซันนะเก้า อย่างกูแค่ช้ำ ถ้าซันมึงเข้าโรงบาลแน่ๆ
“มีอะไรวะ มันกวนตีนอะไรมึง”
“ช่างเถอะ แม่งเรื่องไร้สาระ”
“ไม่ไร้สาระมั้ง ทำให้โป้อารมณ์เสียได้ขนาดนี้” มิทพาดแขนบนบ่าผม ปรายตามองเก้า
“เสียเวลามาเยอะแล้ว ไปกันดีกว่าให้รุ่นพี่รอนานคงไม่ดี มิทมึงจะมากับพวกกูด้วยใช่มะ” ผมเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากคิดเรื่องแย่ๆ
“กูไม่ไปแค่มานั่งเป็นเพื่อนซัน ไว้กูไปดูมึงพรุ่งนี้เลยดีกว่า กูกลับบ้านละเดี๋ยวป๋าโทรตาม” มันตบบ่าซันโบกมือให้ผมแล้วเดินขึ้นรถสีดำที่จอดรออยู่นานแล้ว เห็นคุณอาคมเปิดกระจกส่งยิ้มทักทายก่อนจะขับรถจากไป นับวันผมชัดสงสัย ตกลงมิทมันทำงานอย่างที่ผมเข้าใจ หรือมันเป็นลูกมาเฟียจริงๆ มีคนขับรถควบตำแหน่งบอดี้การ์ดส่วนตัว
“มึงบอกไม่อยากให้พี่เขารอ จะยืนบื้ออยู่ทำไมวะ ไปดิ”
ซันเรียกสติ ผมพยักหน้าเดินตามมันไปขึ้นรถบ้าง ลานจอดรถที่นี่ไม่ต่างจากคณะอื่น เป็นลานจอดกลางแจ้งที่รถโล่งเพราะชาวบ้านเขากลับกันหมดเหลือพวกกิจกรรมอยู่ยันเย็น ผมเดินนำซันไปใต้อาคาร เพราะผมโทรหาพี่แอมก่อนมาถึง พี่เขาเลยมารอตรงนี้
“สวัสดีครับพี่แอม รอนานมั้ยพี่”
พี่แอมยกมือรับไหว้ด้วยรอยยิ้ม ที่ดูจะเผื่อแผ่ไปทางซันเป็นพิเศษ ผมชักสังหรณ์ใจไม่ดีแล้วสิ
“สวัสดีจ๊ะ รอไม่นานหรอก ยังไงพี่ก็อยู่ที่คณะอยู่แล้ว ตามมาสิ ให้ฝึกมือได้ถึงแค่หนึ่งทุ่มนะ”
ผมเดินตามพี่แอม มองเวลาบนมือถือตอนนี้หกโมง เวลาเหลือเฟือ ผมไม่คิดจะทอเป็นผืนแค่จับทบทวนความจำเฉยๆ
ภายในห้องชมรมรกไปด้วยอุปกรณ์ที่เตรียมจะจัดแสดงวันพรุ่งนี้ เครื่องทอผ้าถูกยกออกมาด้านนอกเพื่อสะดวกแก่การขนย้ายและให้ผมมาฝึกมือ ผมมองสำรวจดูมันสร้างจากไม้รูปทรงทันสมัยขึ้นมานิดหนึ่ง ต่างจากที่ร้านแม่ผมใช้แบบต้นฉบับเลย
“โป้ลองฝึกตามสบายเลยนะ ต้องการอะไรบอกคนในห้องนี้ได้” พี่แอมพูดพลางกวาดตามองคนในห้อง ทุกคนส่งยิ้มให้แววตาฉายความรู้สึกขอบคุณที่ผมยอมมาช่วยงานทั้งที่เป็นเด็กต่างคณะ
“ครับ เสียงอาจจะดังหน่อย ไม่ว่ากันนะ ฮ่าๆ”
“ตามสบายน้อง ขอแค่ไม่ทำมันพังก็พอ พวกเราไม่มีเงินซ่อม” มีคนตะโกนมาจากมุมห้อง เรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน แอบเกร็งนิดหน่อยแฮะ ไม่ใช่ของที่บ้าน แถมมีสายตาหลายคู่จ้องซะ
“เดี๋ยวกูไปรอข้างนอกแล้วกัน เสร็จแล้วโทรหากูนะ” ซันเห็นว่าทุกคนในห้องต่างมีหน้าที่ของตัวเอง การที่คนนอกอย่างเขามานั่งเกะกะคงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก ผมยังไม่ทันจะได้พยักหน้ารับพี่แอมก็พูดแทรกขึ้นก่อน
“ไม่ต้องออกไปข้างนอกหรอก แอร์ไม่มียุงก็เยอะ อยู่ในห้องกับพวกเรานี่แหละครึกครื้นดี ว่าแต่น้องชื่ออะไร พี่ชื่อแอมนะ”
รอยยิ้มพิมพ์ใจถูกส่งให้ ผมคิ้วกระตุก นี่มันชักจะยังไงๆ แล้วนะ คนโดนถามทำเพียงแค่เลิกคิ้วมองด้วยท่าทางกวนส้นประจำตัว ตอบเสียงห้วน
“ซัน”
“โอเค น้องซันนั่งอยู่ตรงนี้ ถ้าหิวบอกพี่ได้ พี่ทำข้าวกล่องมาแจกทุกคนที่มาช่วยงานอยู่แล้ว”
“ผมไม่ได้ช่วยอะไร ไม่ต้อง...”
“ช่วยสิ พาโป้มาส่งไง ไม่เอาน่าไม่ต้องเกรงใจ คนกันเอง”
หลังจากนั้นทั้งคู่คุยอะไรกันผมไม่ได้ยินแล้ว เพราะพี่แอมพาซันไปนั่งคุยซะไกลลิบ โดยมีเสียงหนักหน่วงจากการทอผ้าประกอบฉากจนทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว ณ ตอนนี้ไม่ต้องทบทวนอะไรมันแล้ว มือไปเองตามธรรมชาติ ขับเคลื่อนด้วยความฉุนเฉียว
สมองไม่ได้นึกถึงลายที่กำลังทอเลย คิดแต่ว่าสองคนนั้นจะคุยอะไรกัน ที่น่าหงุดหงิดที่สุดก็คือความรู้สึกของผมนี่แหละ เอาตามตรงเลยนะ ผมคบกันซันทั้งที่เตรียมใจไว้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นได้สักวัน ซันเป็นผู้ชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ต่างจากผม ยิ่งมีคำพูดของไอ้เชี่ยเก้ามาสะกิดอีก ทำให้ใจผมว้าวุ่นมากกว่าเดิม
อะไรวะไอ้โป้ เอ็งรู้ดีแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอถึงได้เตรียมใจไว้ไง พอเจอกับตัวทำไมกลายเป็นแบบนี้วะ ไม่สมเป็นมึงเลย แถมเขาอาจจะแค่คุยกันเฉยๆ ก่อนได้ มึงจะรีบร้อนรนไปทำไม...จะอะไรก็ช่างแม่งแล้วเว้ย!!
“ผมจำการทอได้แล้วพี่แอม”
เพราะจู่ๆ ผมก็ลุกพรวดพูดขึ้นกลางวง พี่แอมอึ้งมองหน้าผมตาปริบๆ ขนาดไอ้ซันยังเผลอกำมือด้วยความตกใจ
“อะ...เอ่อ จ๊ะ โอเค พี่ขอดูผ้าก่อนนะ” สติเพิ่งกลับเข้าร่าง พี่แอมเดินมาดูผ้าที่ทอไปหน่อยเดียว พร้อมคนอื่นๆ ที่เข้ามาช่วยมุง
“ลายยังเห็นไม่ชัดเจนเท่าไหร่เพราะน้องเพิ่งทอไปนิดเดียว แต่โดยรวมถือว่าทอเป็น ผ่านจ๊ะ” หัวหน้าชมรมพูดจบ คนในห้องเสริมขึ้นมา
“แต่พรุ่งนี้ไม่ต้องจริงจังนักก็ได้นะ พี่กลัวความหนักแน่นของน้องทำคนมางานหนีหมด”
ผมยิ้มแห้งตอบรับคำแซวนั้นพลางตวัดตามองซันเป็นการให้สัญญาณ
“มึงรอนี้ กูไปขับรถมาแป๊บ” เจ้าตัวก้าวเร็วๆ ออกไปจากห้องทันที แม้จะไม่เข้าใจว่าโป้หงุดหงิดอะไร แต่อารมณ์ของอีกฝ่ายเวลานี้ไม่ควรขัดใจหากยังไม่อยากโดนตีนเมียประดับบารมี
ผมท่องยุบหนอพองหนอ สงบสติอารมณ์จนกลับมาอยู่ในระดับปกติแล้วยกมือไหว้รุ่นพี่ทุกคนในห้อง
“วันนี้ผมคงต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ พรุ่งนี้ผมคงมาช่วยจัดไม่ได้เพราะติดเรียน แต่ตอนเลิกผมจะช่วยเก็บนะครับ”
“ไม่เป็นไรๆ แค่มาช่วยสาธิตการทอผ้าก็พอ ที่เหลือพวกเราจัดการเอง โป้จะกลับแล้วสินะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
ทีแรกผมจะปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่าพี่แอมมีอะไรจะคุยกับผม เลยพยักหน้ารับตามพี่แอมออกไปรอนอกห้องชมรม ด้านนอกยามไล่ปิดไฟจนเกือบหมด เหลือแค่ตามทางเดิน ถนน กับแถวหน้าห้องชมรมของพี่แอม หมดช่วงรับน้องแล้วด้วย บรรยากาศโดยรอบเลยวังเวงพอสมควร เห็นนักศึกษาอยู่ไม่กี่คน
เราต่างคนต่างยืนเงียบสักพัก สุดท้ายพี่แอมก็ยอมเปิดปากพูด หันมามองผมด้วยสายตาจริงจัง
“โป้ พี่มีเรื่องหนึ่งอยากจะถาม”
“ครับ ถ้าผมตอบได้ก็จะตอบ”
พี่แอมมองซ้ายมองขวานิดนึง แล้วขยับมากระซิบคุยกับผม
“พี่อยากจะถามเราว่า ซันเขามีแฟนรึยัง พี่สนใจเขาตั้งแต่เจอครั้งแรกแล้ว จะไปถามตรงๆ ก็ยังไงอยู่ โป้เป็นเพื่อนกันพอจะบอกพี่ได้ไหม”
ประโยคขอร้อง กับท่าทางเขินอายของพี่แอมไม่ได้อยู่ในสายตาผมเลย เพราะผมตอนนี้กำลังมองรถที่ซันเพิ่งขับมาจอดไม่ไกล
“มันมีแฟนแล้วครับ ผมไปก่อนนะพี่ ปล่อยให้มันรอนานเดี๋ยวหงุดหงิดซะก่อน”
ผมผละออกมา หัวคิดอยู่อย่างเดียว...วันนี้มันวันบัดซบอะไรกันวะ