: special :
ฟ้าลั่น : ช่วงนี้ชีวิตแย่ว่ะ
เต็งหนึ่ง : ทำไมวะ
ฟ้าลั่น : ไม่มีใครเข้าข้างกูเลย
เต็งหนึ่ง : เดี๋ยวมึงก็ชิน
ฟ้าลั่น : พูดเหมือนง่าย
เต็งหนึ่ง : ก็ไม่ง่ายหรอก แต่ตั้งแต่ตอนแรกยันตอนสุดท้าย 40 กว่าตอนไม่มีทีมมึง เดี๋ยวมึงก็ชิน กูผ่านจุดนั้นมาแล้ว
ฟ้าลั่น : ....กูลาออกจากการเป็นพระเอกทันไหม?
เต็งหนึ่ง : มึงคิดว่ามึงเป็นพระเอกหรอ...ในฐานะรุ่นพี่นะฟ้านะ...กูว่าเรามันพลเมืองชั้นสองว่ะ
(สองคนมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจหนึ่งเฮือก)
========================================
ตอนที่ 15
“มึงจะอยู่ก็อยู่ไป แต่ต่อไปนี้กูกับมึงไม่รู้จักกัน” หลังจากเชอเบทพูดแบบนั้นฟ้าลั่นไม่ได้ออกมาทันที แต่อยู่ดูแลจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายไข้ลดลง เช็ดตัว ออกไปเซเว่นที่หน้าหมู่บ้านซื้อของกินมาแช่ไว้ให้ในตู้เย็นที่ว่างเปล่า
เกือบเที่ยงคืนไข้ลดลงจนเอาหนอนอวกาศออกจากหน้าผากได้
“ไปแล้วนะ”
เชอเบทไม่ตอบ ไม่พยักหน้า ไม่แม้แต่จะมอง
ทำได้ก็แค่ถอนหายใจ ปิดบ้านให้เชอเบทแล้วเดินออกมา แล้วก็กลับมานั่งเครียดคนเดียว
เกิดมาไม่เคยต้องง้อใคร ลูกคนเดียวแถมอยู่คนเดียวตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ทำทุกอย่างตามใจตัวเองมาจนชิน จากชีวิตที่มีแต่คนเข้าหาก็ทำให้เคยชินกับนิสัยมีแต่คนตามใจ
การขอโทษใครสักคนไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่รู้ตัวว่าเป็นคนแสดงออกไม่เก่งเลย…แค่คำพูดมันก็ช่างดูไร้น้ำหนัก ต้องทำยังไงถึงจะให้อีกฝ่ายเชื่อว่ารู้สึกผิดจริงๆ ภาพที่ตัวเองทำร้ายอีกฝ่ายเพราะแรงอารมณ์มันตอกย้ำความแย่ของตัวเองจนนอนไม่หลับ
วันจันทร์ก็เรียนทั้งวันแถมอาจารย์มีนัดเรียนชดเชย ไม่มีเวลาว่างจะไปหาสักนิด ทั้งไลน์ไปถาม เฟสไปถามว่าดีขึ้นยังก็ไม่มีคำตอบ แค่ขึ้นว่าอ่านแต่ไม่ตอบอะไร
เลิกเรียนหกโมงไปถึงคณะสถาปัตย์คนก็หายหมดแล้ว ตามตารางแข่งขันกีฬาของเชอเบทก็แข่งตะกร้อพรุ่งนี้ วันนี้เลยเป็นหนึ่งวันที่เสียไปฟรีๆ
Fhafar : เชอ…ตอบไลน์พี่หน่อยนะ
Fhafar : ไม่ต้องพูดอะไรเยอะก็ได้ แค่อยากรู้ว่าโอเคขึ้นหรือยัง
Fhafar : เป็นห่วง
ถอนหายใจกับข้อความของตัวเอง ไม่เคยส่งหาใครทั้งวันขนาดนี้มาก่อน ไม่ได้ฝืนตัวเองเพราะรู้สึกผิดอย่างเดียวแต่มันวุ่นวายใจ
ตัวอักษร read ปรากฏขึ้นเหมือนข้อความที่ส่งไปทั้งวันแต่ก็ไร้คำตอบ โคตรใจแข็ง…
ฟ้าลั่นปามือถือทิ้งบนเบาะข้างกายแล้วขยี้หัวตัวเองแรงๆ หงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเป็น อยากจะไปหาแต่รู้ว่าถ้าไปก็คงไม่ต้อนรับ แถมไม่รู้ว่านอนบ้านหรือคอนโด
ตัดสินใจกลับไปหงุดหงิดต่อที่บ้าน ไม่คิดจะออกไปหาแสงสีเหมือนที่ชอบทำเวลาหงุดหงิด วันนี้ต่อให้ไปก็กินเหล้าไม่อร่อย
กลับมาก็ว่ายน้ำให้ความเครียดมันผ่อนออกจากร่างกายไปบ้าง
สระว่ายน้ำไม่ใหญ่มากทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าเน้นใช้ออกกำลังกายมากกว่า ดีไซน์เป็นสระปูนแปลือยเหมือนตัวบ้าน ว่ายไปว่ายกลับเกือบชั่วโมงถึงรู้สึกดีขึ้น
กล้ามเนื้อและซิคแพคของฟ้าลั่นไม่ได้มาง่ายๆ ทั้งตารางออกกำลังกาย อาหารการกิน แม้พรรคหลังๆจะเริ่มหย่อนลงมาบ้าง แต่ทุกครั้งที่ไม่ไปไหนกับใครก็มักจะเข้าฟิตเนสหรือว่ายน้ำ
อาบน้ำเปลี่ยนมาใส่กางเกงผ้าร่มขายาว เดินลงมาที่ห้องครัวหยิบน้ำผลไม้มารินใส่แก้ว มืออีกข้างถือผ้าเช็ดตัวผืนเล็กขยี้หัวเปียกๆ
วางแก้วลงบนโต๊ะคว้ามือถือมาเลื่อนดู…เชอเบทก็ยังไม่ตอบไลน์หรือเฟส
แต่หน้าไทม์ไลน์เฟสบุค…มีเพจของมหาลัยโพสภาพเจอเชอเบทนั่งชิวอยู่แถวข้าวสารในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำและรองเท้าแตะหูคีบสีเดียวกัน ผมยาวรวบขึ้นยุ่งๆปล่อยปอยผมมาปรกหน้ากำลังคุยกับฝรั่งสาวสวย
ในมือถือโฮกาเด้น…
ร่างกายที่บาดเจ็บคงหายแล้วไม่งั้นก็คงออกไปไม่ได้
ชั่งใจสักพักแต่ก็หยิบมือถือส่งไลน์ไปอีกรอบแม้จะรู้ว่าก็คงไม่ตอบเหมือนเดิม
Fhafar : อยู่ข้าวสาร?
Fhafar : อย่าเมาล่ะครับ รีบกลับนะ
ล้างแก้วเรียบร้อยก็เดินขึ้นห้องนอนตั้งแต่ยังไม่ห้าทุ่ม…ทำอะไรไม่ได้ก็นอนดีกว่า ดีกว่ามาหงุดหงิดบ้าบอจนหงุดหงิดตัวเอง
“Message from girl-friend? ”
ฝรั่งสาวสวยที่นั่งข้างกันยิ้มแซว วันนี้เชอเบทไม่ได้คิดจะควงสาวกลับแค่หงุดหงิดจนอยู่คนเดียวไม่ได้ มาข้าวสารให้ผู้คนรอบข้างและความจอแจเยียวยา
“Of course not”
“really? I don’t think so. You always look at that messages, just reply back! lol”
“No.. We done”
ยักไหล่ไม่ใส่ใจ เก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วยกขวดเบียร์ขึ้นจิบ การตัดขาดที่ดีที่สุดคือการเลิกติดต่อกัน ร่างกายยังปวดร้าวแม้จะดีขึ้นแล้ว
ฟ้าลั่นเป็นคนแรงเยอะ…
มีอะไรกันแต่ละครั้งทั้งกัดทั้งเคล้นจนเจ็บแต่มันก็ออมแรง ผ่อนแรงให้เสมอจนกระทั่งเมื่อคืนที่หน้ามืดตามัวกระแทกเอาๆจนแทบเดินไม่ได้
วันนี้ยังต้องหยุดเรียนเพราะเดินไม่ไหว
ข้อความที่ส่งมาทั้งไลน์ทั้งเฟส แมสเสจห้วนๆที่บอกว่าเป็นห่วงของฟ้าลั่น…ได้แต่อ่านและไม่ตอบ
เดี๋ยวมันก็เหมือนคนอื่นๆ เบื่อก็จากไปเอง
มันก็จะเป็นแบบเมื่อก่อน คนเราพบเพียงเพื่อผ่าน อยู่กันมาได้อาทิตย์หนึ่งก็ถือว่าแปลกแล้ว แต่ก็นั่นแหละทุกอย่างก็จบ ยิ่งเรื่องมันเอียงกระเทเร่มาแบบนี้ก็ยิ่งต่างคนต่างไป…ก็ดีแล้วนี่
“Just give me a reason
Just a little bit's enough
Just a second we're not broken just bent
And we can learn to love again
It's in the stars
It's been written in the scars on our hearts
We're not broken just bent
And we can learn to love again”
just give me a reason -
Pink ft. Nate Ruess
เสียงร้องจากวงโฟล์คซองบนเวทีเล็กในร้านทำเอาถอนหายใจ…
“just give her a chance….not only her, but yourself”
ฝรั่งคนสวยหันมาขยิบตาให้อีกครั้ง
…ไม่ได้รู้จักไอ้ฟ้าสักหน่อยทำไมต้องเข้าข้างมัน ทั้งฝรั่งคนนี้ทั้งนักร้อง…แค่นเสียงด้วยความเซ็งก่อนจะกระดกเบียร์ทีเดียวหมดขวด เอ่ยลาสาวตาน้ำข้าวแล้วเดินเอื่อยไปกับถนนข้าวสาร
ไม่ให้โกรธน่ะได้…แต่เรื่องปริ๊นซ์…
ใจหล่นวูบ กัดปากตัวเองแน่น
ก็เคยแซวปริ๊นซ์อยู่ไม่ใช่หรอว่าถ้าชอบฟ้าลั่นจะติดต่อให้ แล้วคราวนี้กลายเป็นฟ้าลั่นชอบปริ๊นซ์ทำไมจะติดต่อให้ไม่ได้
หรือหวงฟ้าลั่น?
แล้วจะหวงทำไมไม่ได้เป็นอะไรกัน…ทำไมต้องงี่เง่าตั้งแต่ฟ้าลั่นมีรอยเล็บติดตัวกลับมาจากทะเล
ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ
“โทษนะครับ…อยากรู้จักจัง”
ผู้ชายในถนนข้าวสารคนหนึ่งถือเบียร์เดินเข้ามาหา หน้าตาไม่ใช่สเปคเท่าไหร่
“ขอโทษทีผมกำลังจะกลับ”
“อยู่ต่อหน่อยสิ…รีบกลับไปไหน ราตรีนี้ยังอีกยาวไกลนะครับ”
ไม่พูดเปล่าแต่ยังดึงมือเขาไปจับ สายตาสื่อความหมายว่าคงไม่จบที่การทำความรู้จัก แต่ในวันที่หงุดหงิด ร่างกายไม่พร้อม จิตใจไม่สมบูรณ์
เชอเบทยิ้มปฏิเสธและขอตัว ออกมาถึงถนนใหญ่ก็เรียกรถแท็กซี่กลับคอนโด
ไปอยู่กับเฌอแตมหนอนหนังสือดีกว่าอยู่คนเดียว
“มาซะดึก”
เฌอแตมในชุดนอนลายทางเอ่ยทัก ก่อนจะก้มหน้าสนใจชีทในมือต่อ นับวันหนังสือยิ่งล้นห้องนี้เข้าไปทุกที ช่างมันมันเลือกเรียนหมอเอง
“กินข้าวยังแตม”
ถามไร้สาระไปเรื่อย
“ไปอาบน้ำไป เหม็น”
เดินเข้าไปอาบน้ำอีกรอบใส่ชุดนอนลายทางเหมือนกันที่ทิ้งไว้ในตู้ออกมานั่งบนโซฟาข้างนักศึกษาแพทย์ที่หน้าเหมือนกันเด๊ะ
“ไม่สบายใจอะไรมา”
สมกับเป็นฝาแฝด แค่ไม่พูดอะไรก็รู้
“นิดหน่อย”
“ไม่มั้ง”
วางชีทก่อนจะหันมาสบตา…ฝาแฝดที่เพิ่งจะกลับมาอยู่ด้วยกันได้สามปีหลังจากแยกกันตอนจบ ป.3 แต่เพราะเป็นฝาแฝดมันก็ไม่ได้ทำให้ลำบากใจอะไรเลย
คนที่รู้ใจที่สุดยังคงเป็นกันและกัน
“เด็กมึงเป็นไง”
“…เรื่องของกูน่า”
“ลงทุนโดนกูต่อยจนหน้าช้ำ หึหึ ไม่ธรรมดา”
เฌอแตมยังยกยิ้มจางแต่ก็ส่ายหน้าเบาๆ ทิ้งตัวลงพิงไหล่น้องชายที่คลานตามกันมา
“ไม่อยากเล่าหรอ?”
“ก็…เรื่องไร้สาระ”
“คู่ขาในสต๊อก?”
สมเป็นเฌอแตม บางเรื่องก็พูดได้หน้าตาเฉยและไร้อารมณ์
“ก็…มั้ง”
“สำคัญสินะคนนี้”
“ทำไมคิดอย่างงั้น”
“ไม่สำคัญมึงจะเครียดแบบนี้หรอ กูไม่เห็นเคยเครียดเรื่องใครสักคนนอกจากปริ๊นซ์”
เฌอแตมเงยหน้าขึ้นสบตา คราวนี้เป็นเชอเบทที่หลุบตาลงก่อนทิ้งตัวลงบนตักฝาแฝด…ปล่อยให้ฝาแฝดลูบหัวไปเรื่อยเปื่อย
“อาทิตย์เดียวเองนะที่กูอยู่กับมัน อาทิตย์เดียว…”
“เวลามันสัมพัทธ์”
ขมวดคิ้วเมื่อเจอศัพท์ยาก เมื่อก่อนตอนเด็กๆเรียนนานาชาติกันทั้งคู่ เจอปัญหาพูดภาษาไทยไม่ได้จนแม่ต้องบังคับพูด ทุกวันนี้ดูเฌอแตมจะพัฒนาสกิลภาษาไทยไปไกลโพ้น
“what is that?”
“เวลาของแต่ละคนไม่เท่ากัน เวลาของแต่ละอย่างก็ไม่เท่ากัน…อาทิตย์หนึ่งอาจจะนานจนเราคาดไม่ถึง หรืออาจจะเร็วจนเราไม่รู้สึกตัวเลยก็ได้”
“แล้วไง?”
“หนึ่งอาทิตย์ไม่น้อยไปหรอกสำหรับการตกหลุมรัก”เลิกคิ้วมองรอยยิ้มจางมุมปากของฝาแฝด
“มันใช่รักแน่หรอวะ”
“แล้วทำไมถึงคิดว่าไม่ใช่?”
“กูไม่ได้รักมันหรอก มึงก็รู้ว่าทำไม”
เชอเบทยันตัวลุกขึ้นหันสบตาเฌอแตม…ก่อนจะแนบหน้าผากชิดกัน
“เชอ...เปิดใจบ้างมันอาจจะไม่แย่ก็ได้นะ”
เสียงนุ่มของเฌอแตม
“กูไม่อยากรักคนอื่น…”
เสียงกระซิบแผ่วเบา…
“มึงจะขังตัวเองไว้กับความรู้สึกนี้ไม่ได้ เปิดใจบ้างก็ดีนะ กูอยากเห็นมึงมีความสุข”
เชอเบทผละออกกลอกตาด้วยความเซ็ง
“กูมีความสุขแล้วมึงล่ะแตม! มีหรือเปล่า?”
“มึงมีความสุขกูก็มี”
“กูไม่อยากมีใคร ไม่อยากชอบใครถ้ามึงยังไม่มี”
“อย่าเอาเรื่องของกูไปทำลายชีวิตมึงกับคนที่มึงรัก…กว่ามึงจะรักใครสักคนมันยากนะเชอ นอกจากปริ๊นซ์ก็เห็นคนนี้เป็นคนแรก”
“กูไม่ได้รักมันคนแรก แล้วกับก็ปริ๊นซ์เป็นเพื่อน”
“เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ”
“ก็ถึงจะไม่ซื่อก็แค่ชอบ และตอนนี้มีคนชอบปริ๊นซ์แล้ว แล้วกูก็เห็นว่ามันสองคนเหมาะกัน”
“ตอนนั้นปริ๊นซ์ก็ชอบมึง คนสองคนชอบกันแต่คบกันไม่ได้กูว่ามันตลก”
“แล้วความรู้สึกของกูล่ะแตม…ความรู้สึกของอีกมึงล่ะ…”
“มึงเห็นกูเป็นคนอ่อนแอหรอเชอ? มึงมีใครก็ไม่ได้หมายว่ากูต้องอยู่คนเดียว กูต้องอิจฉาถ้ามึงจะมีความรักหรอ? แบบนั้นมันเห็นแก่ตัว”
เงียบทั้งคู่…เรื่องตั้งแต่สมัยเด็กแต่ก็ยังจำได้ไม่ลืม พ่อแม่เลิกกันด้วยเหตุผลที่พวกเขาคงไม่มีทางเข้าใจ…ชาร์ลกับเชอเบทตามพ่อไปอเมริกา ส่วนเฌอแตมแม่ไม่ยอมให้ไป ฝาแฝดที่เป็นทุกอย่างของกันและกันต้องแยกจากกันไกล ติดต่อกันได้ก็แค่ทางจดหมาย หลังๆก็โทรศัพท์หรืออีเมลล์
“กูมีทุกอย่าง มึงไม่มีสักอย่าง จะให้กูไปมีความสุขก่อนมึงได้ยังไง”
“กูพอใจกับทุกวันนี้ แล้วมึงมาตัดสินกูจากความรู้สึกมึงไม่ได้ กูมีทุกอย่างที่กูควรมีแล้ว”
แม่ก็แต่งงานใหม่ แตมก็ต้องอยู่คนเดียว ถึงจะอยู่ในบ้านกับครอบครัวใหม่แม่แต่ความรู้สึกมันไม่ได้มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ด้วย…ความรู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว…และมันก็ดื้อไม่ยอมติดต่อมาเล่าอะไรสักอย่างขนาดโทรไปก็บอกว่าโอเค …แล้วแบบนี้เขาจะทิ้งมันไปมีใครก่อนได้ยังไง
ตั้งแต่กลับไทยมาแล้วรู้ทุกอย่าง เชอเบทปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ทิ้งฝาแฝดไปมีความสุขคนเดียวอีก เฌอแตมฝาแฝดคนสำคัญของเขาถูกทิ้งขว้างเกินไปแล้ว
“แต่กูไม่ได้รักมันจริงๆนะ”
“อาจจะยังไม่ถึงขั้นนั้น ทุกความสัมพันธ์ต้องค่อยเป็นค่อยไป…แล้วก็เปิดใจด้วย”
“คนนี้คงไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะ?”
“กูอาจจะเริ่มรู้สึกนิดหน่อย แต่เขาชอบปริ๊นซ์ ไม่ได้ชอบกู”
เฌอแตมถอนหายใจดึงร่างเชอเบทเข้าไปกอด
“คนที่มึงชอบที่สุดสองคนชอบกันเอง…”
“กูไม่ได้ชอบคนที่สองสักหน่อย ปริ๊นซ์ก็ไม่ได้ชอบมัน”
“แล้วมึงชอบปริ๊นซ์หรือชอบคนที่สองล่ะตอนนี้”
“กูไม่ได้ชอบมัน กับปริ๊นซ์กูไม่ได้อะไรตั้งนานแล้ว”
“หวั่นไหวก็ได้ กับใครมากกว่า”
“ไม่รู้ กูไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่า…กูไม่อยากมีแฟนก่อนมึง มึงต้องมีความสุขก่อนกู”
อ้อมกอดกระชับแน่นขึ้น…
“เชอ…มึงจะรักใคร ชอบใครก็ได้ แต่ต้องไม่ผูกตัวเองไว้กับกู กูไม่อยากเป็นแผลในใจมึง…แล้วก็เลิกเอาเรื่องกูไปเป็นเหตุผลที่มึงไม่อยากคบกับใคร หวั่นไหวขนาดนี้ก็เปิดใจหน่อย”
ความสัมพันธ์ระหว่างฝาแฝด…มันทำให้เชอเบทที่ชีวิตมีแต่ความสุขถูกกัดกินจากข้างใน…
“พูดมากว่ะแตม”
งับมือฝาแฝดเบาๆ
“ก็มึงโง่”
“เรียนหมอแล้วคิดว่าฉลาดกว่ากูหรอ?”
“ถึงไม่เรียนกูก็ฉลาดกว่าอยู่ดี ไม่เหมือนมึง โง่ ดูตัวเองไม่ออก ง่าวว่ะ”
พลั่ก…หมัดคนรักฝาแฝดจนไม่ยอมมีแฟนซัดหน้าแฝดพี่ไปเต็มรัก… นักเรียนแพทย์ก็ใช่ว่าจะอยู่เฉยให้แฝดน้องรังแก…ฝาแฝดตีกันอีกครั้ง
==============================================
ฮือออ สงสารพี่ฟ้า ทุกคนล้วนทีมเชอเบท ไม่เป็นไรนะพี่ฟ้า มีแบมอยู่ ฮือๆ
=========================================