ตอนที่ 11 อาหารของเรา
“ถ้างั้น คืนนี้โอ้เอ้ก็ขึ้นไปอยู่กับเราบนคอนโดก่อนแล้วกัน”
“แล้วสโนว์จะไม่รู้สึกอึดอัดหรอ สภาพเราตอนนี้มัน..” ถ้าเป็นเมื่อตอนที่ยังแอ๊บเป็นตุ๊ดก็คงไม่เป็นไรเพราะผมในตอนนั้นไม่เหลืออะไรให้น่ากลัวเลยสักอย่าง แต่ดูสภาพผมในตอนนี้สิครับ ไอ้หนวดเฟิ้มทั่วกรอบหน้า ผิวกลับมาแทนอีกรอบเพราะไม่ดูแลตัวเองแล้ว หน้าตาก็ย่ำแย่ รวมๆเหมือนโจรจริงๆ สโนว์จะไม่กลัวผมจริงๆหรอ
“ไม่เป็นไร เรารู้ว่าโอ้เอ้จะไม่ทำอะไรให้รู้สึกอึดอัดแน่นอนเราไว้ใจ...แล้วเราก็ไม่ได้กลัวโอ้เอ้แล้วด้วย เพราะงั้นไปบนห้องเราเถอะ ยืนนานกว่านี้จะไม่สบายเอานะ” เพราะคำพูดที่บอกว่าไว้ใจผมและไม่กลัวผมแล้ว ทำให้ความกังวลก่อนหน้านี้จางลงไป มันรู้สึกดีใจนะที่สว์ไว้ใจผมแถมบอกเองกับปากว่าไม่กลัวผมแล้วแม้สภาพผมจะโจ๊นนโจรก็ตาม โคตรดีใจเลยอันนี้ ผมเลยพยักหน้าตกเดินตามสโนว์ขึ้นไปบนห้อง
แล้วตอนนี้ผมก็ได้เข้ามาอยู่ในห้องของสโนว์เป็นครั้งแรก!
รู้สึกเหมือนซ้อมเข้าเรือนหอเลยล่ะครับ ฮ่าๆๆๆๆ มโนไปโน้นนน
ห้องของสโนว์ตกแต่งได้เหมือนตัวตนของเจ้าของห้องไม่มีผิด ภายในตกแต่งด้วยโทนสีไม้อ่อน ขาว แล้วก็สีฟ้าอมม่วงออกพาสเทลนิดๆผมก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าสีอะไร แต่โดยรวมแล้วเข้ากันมาก สิ่งของภายในห้องก็ดูมินิมอลเรียบง่ายแต่มีครบทุกสิ่งอำนวยความสะดวก
มันสวยและดูสบายใจที่ได้อยู่ในนี้มากเลยล่ะครับ
ห้องนี้คงเป็นพื้นที่ ที่สโนว์อยู่แล้วสบายใจที่สุดแน่นอน
“โอ้เอ้จะอาบน้ำก่อนไหม?”
“สโนว์อาบก่อนเถอะ เราขออาบทีหลังดีกว่า”
“เอางั้นหรอ...ก็ได้ ถ้าโอ้เอ้หิวก็หยิบของในตู้เย็นมาเวฟทานได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“โอเคครับ” ^^ ผมยิ้มรับ สโนว์ก็เดินเข้าห้องนอนไปอาบน้ำ ผมเลยเดินไปที่ห้องครัวสำรวจเสบียงดูว่าอะไรบ้าง ก็พบว่าสโนว์น่าจะเป็นคนนิสัยเดียวกับอาม่า คือชอบซื้อของมาตุนครับ มีดีกว่าไม่มีประมาณนั้น สังเกตได้จากมาม่าแบบยกลัง โจ๊กซองแบบแพ็คนึง 12 ถุง อาหารซองแบบสำเร็จรูปหลากหลายยี่ห้อ ไหนจะพวกกระดาษทิชชู่ แชมพู ยาสีฟัน โฟมล้างหน้า และของตั้งต่างที่ซื้อเก็บไว้ไม่น้อยกว่าครึ่งโหล คิดว่าที่ซื้อเก็บไว้เยอะไม่น่าจะเพราะงกแบบอาม่าที่ถ้าซื้อทีเดียวเยอะๆจะได้ราคาส่งหรอกครับ แต่คงเป็นเพราะไม่ค่อยได้ออกไปไหนมากกว่า
สำรวจตู้ต่างๆในห้องครัวเสร็จก็มาสำรวจตู้เย็นต่อ แต่พอเห็นของข้างในแล้วก็ได้แต่คิดว่าสโนว์เป็นคนแบบไหนกันถึงได้มีแต่อาหารแช่แข็งมันเต็มตู้เย็นแบบนี้เนี่ย! มีไม่ต่ำกว่า 10 กล่องเลยด้วยซ้ำ ถ้านับวันหมดอายุที่ไล่ๆกันในหนึ่งอาทิตย์สโนว์แทบจะกินอาหารแช่แข็งทั้งตอนเช้าและตอนเย็นแน่ๆ ผมได้แต่ถอนหายใจกับความเป็นอยู่ของสโนว์ กินแบบนี้เดี๋ยวผมนุ่มๆนั่นก็ได้ร่วงจนหมดหัวหรอก เฮ้อ
มิน่าล่ะตอนพาไปกินข้าวที่บ้านครั้งนั้นถึงได้กินอาหารที่บ้านผมอย่างเอร็ดอร่อยเชียว ไม่ได้การๆ ผมต้องสร้างคุณภาพชีวิตในการกินที่ดีกว่านี้ให้สโนว์ครับ ผมเป็นแฟนเขา ผมคิดว่าผมน่าจะมีสิทธิ์ดูแลสโนว์ในส่วนนี้นะ ไอ้อันโทนิโอ้คนนี้จะดูแลสโนว์ไวท์เอง โฮ๊ะๆๆๆๆ
จากนั้นผมก็ลองมองหาวัตถุดิบอื่นๆที่พอจะทำอาหารมื้อค่ำกินกันได้ แต่ก็เห็นจะมีแต่ไข่ไก่นี่แหละครับที่พอทำอาหารได้ เลยคิดว่าคงจะทำเมนูไข่เจียวเกี่ยวหัวใจให้สโนว์ทาน คึคึคึ แค่ชื่อเมนูก็กินขาดล่ะ แม้แท้จริงมันก็คือไข่เจียวบ้านๆนี่แหละครับ ฮ่าๆๆๆ เอาไว้ทอดตอนจะทานดีกว่าจะได้กินร้อนๆอร่อยนักแล อ้อ มีปลากระป๋องด้วยแฮะ งั้นทำต้มยำปลากระป๋องไว้ซดน้ำให้คล่องคออีกหนึ่งอย่างแล้วกัน ง่ายๆไม่ยุ่งยาก ทอดเบคอนที่เหลือติดตู้เย็นอีกอย่างก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับมื้อค่ำของเราสองคน
จากนั้นผมก็จัดการหุงข้าวไว้รอ โชคดีที่มีข้าวสารติดไว้บ้างมื้อค่ำของเราทั้งคู่เลยน่าจะรอดตายกันไปอีกหนึ่งมื้อ ไว้คราวหน้าผมจะซื้อวัตถุดิบอื่นๆมาไว้ในตู้เย็นบ้าง เพื่อได้มีโอกาสเข้ามาในห้องของสโนว์อีกจะได้ทำอาหารให้สโนว์ทาน ถึงผมจะไม่ได้ทำอาหารเก่งกาจมากแต่ก็พอทำเป็นรสชาติกินได้ไม่ทุเรศจนเกินไปหรอกนะครับ
กดหม้อข้าวหุงเรียบร้อยผมก็กลับมานั่งที่โซฟาตามเดิม เล่นเกมในโทรศัพท์รอจนกระทั่งนึกอะไรบางอย่าง ผมรีบกดออกจากเกมแล้วกดโทรหาใครคนนึง
‘ม๊าของอันโทนิโอ้’
ตู๊ดดด
ตู๊ดดด
/ฮะโหลว ว่างายว๊าอาอันโทนิโอ้ ม๊าบอกแล้วช่ายม๊าย ง้ออาสโนว์ม่ายสำเร็จ ลื้อไม่ต้องเข้าบ้าน! ไม่ต้องโทรมาหาอั๊วะเลย!/ เสียงแว๊ดๆดังออกมาจากโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด จนผมต้องถือโทรศัพท์ให้ห่างจากหูเพราะกลัวหูจะแตกเสียก่อนทันได้พูดอะไร ใช่ครับตั้งแต่วันที่แผนแตกสโนว์โกรธ ม๊าก็โกรธผมยิ่งกว่าไปอีก ถึงกับบอกว่าถ้าง้อสโนว์ไม่สำเร็จไม่ต้องเข้าบ้าน เพราะงั้นผมเลยไม่ได้กลับไปบ้าน สภาพผมเลยโจรได้ใจปล่อยเนื้อปล่อยตัวได้มากขนากนี้ไง เพราะม๊าไม่เห็น ถ้าม๊าเห็นคงบ่นหูชาไปสามวันเจ็ดวันแน่นอนครับ
“ถ้าอั๊วะไม่โทรมา ม๊าก็ไม่รู้ข่าวดีนะสิ” ผมรีบพูดก่อนที่ม๊าจะกดตัดสายทิ้ง
/ข่าวดีอะไรของลื้อว๊า อาอันโทนิโอ้/ ม๊าถามเสียงยังหงุดหงิดเช่นเคย
“อั๊วะมีแฟนแล้วนะม๊า!” ^0^ ผมบอกน้ำเสียงร่าเริงอย่างดีใจที่สุดในสามโลก คิดว่าม๊าเองก็คงดีใจมากแน่ๆ
/ว่าไงนะ! ลื้อมีแฟน แฟนที่ไหน มันเป็นคราย นี่ลื้อเทอาสโนว์แล้วงั้นหรอ อาอันโทนิโอ้ ลื้อมัน มันชั่ว ทำร้ายจิตใจอาสโนว์ไม่พอ! ยังทำร้ายจิตใจอั๊วะกับอามาเรียฟิเซนน์อีก โฮฮฮฮฮฮ ลื้อมันลูกทรพีจริงๆ ฮืออออ โฮฮฮฮฮ/ เสียงม๊าคร่ำครวญแถมด่าผมกระเจิง คนล่ะอย่างกับที่คิดไว้ทำให้ผมพยายามนึกว่าผมพลาดไปตรงไหน.....อ้อ พลาดที่ไม่ได้บอกว่าใครเป็นแฟนนี่เอง!
“ใจเย็นนะม๊า คนที่..”
/ไม่เย็นแล้ว! อั๊วะม่ายฟังอาร่ายจากลื้อแล้วอาอันโทนิโอ้ โฮฮฮ อั๊วะจะตัดลื้อออกจากกองมรดก!/
“สโนว์เป็นแฟนอั๊วะครับม๊า!” ผมตะโกนตอบไปสุดเสียง ก่อนที่อะไรมันจะไปกันใหญ่เพราะม๊านี่แหละ เอะอะตัดจากกองมรดกตล๊อดดดด
/ฮืออออ.....ลื้อว่าไงนะ พูดใหม่อีกทีสิ/ ม๊าชะงักหยุดร้องไห้ไป ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมแทบปรับอารมณ์ตามไม่ทัน เมื่อกี้ร้องไห้จริงหรือแสดงกันแน่ ผมล่ะอยากจะถามจริงๆ
“อั๊วะบอกว่า... อั๊วะกับสโนว์เป็นแฟนกันแล้วครับม๊า” ผมพูดเน้นเสียงให้ม๊าได้ยินชัดๆ กลัวม๊าหูตึงแล้วจะไม่ได้ยินอีก
/แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย/ เสียงกรี้ดร้องดังทะลุจนลำโพงแทบแตก ตามมาด้วยเสียงโวยวายตะโกนโวกเวก
/อาอันโทนิโอ้มีเมียเลี้ยวววววว ป๊า อาม่า อาหลิง อาฟู่ฟู่ อาอันโทนิโอ้มีเมียเลี้ยววววววว/ ได้ข่าวว่าแค่แฟนเฉยๆนะม๊า..ถึงจะอยากเป็นมากกว่านั่นก็เถอะ
/ว่าไงนะใครเป็นเมียมัน มันไปทำผู้หญิงที่ไหนท้อง อั๊วะจะไปเฉาะกระบาลมัน! อุตส่าห์ส่งไปเรียนมันกลับไปหาเมีย ใช้ได้ที่ไหนวะ!/ ชะอุ้ย!
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะป๊า..” ผมแย้งไปแต่เหมือนว่าจะไม่มีใครได้ยินเสียงในโทรศัพท์
/แอร๊ยยย ใจเย็นๆๆ แฮ่กๆ โอ๊ย หายใจไม่ทัน อาหลิงเอายาดมมาให้ม๊าหน่อย/
/ม๊าก็นะ เล่นกรี้ดเป็นวัยรุ่นแบบนี้ก็หายใจไม่ทันน่ะสิ เอ้าๆ ยาดมจ่ะม๊า ใจเย็นๆค่อยๆดม/
/เออ ดีๆค่อยยังชั่ว ป๊า อาอันโทนิโอ้มีเมียแล้วน๊า อาสโนว์ไงอาสโนวววว ฮืออออ อั๊วะดีใจมั่กมากเลย ฮือออ/
/อ้าวหรอ.. เออๆ งั้นแล้วไป จบๆ ลื้อก็ไม่บอกอั๊วะแต่แรกความดันอั๊วะจะขึ้นสมองอยู่แล้วเนี่ย เฮ้อ/
ผมหลุดยิ้มเบาๆเมื่อนึกภาพตามเสียงที่ได้ยิน ว่าที่บ้านจะวุ่นวายปนน่าขำขันแค่ไหน
/อาหลิง ไปหยิบโทรศัพท์อั๊วะมาให้ที/
/ฮัลโหล อาอันโทนิโอ้ลื้อยังฟังอยู่ไหมว๊า/
“ฟังอยู่ครับม๊า”
/ลื้อไม่ได้โกหกอั๊วะใช่ไหม อาอันโทนิโอ้ อย่าหลอกให้ดีใจเก้อน๊า ไม่งั้นอั๊วะจะเอาอีโต้ไปเฉาะหัวลื้อจริงๆด้วย/
“โห ม๊าโหดอ่ะ แต่อั๊วะไม่ได้ล้อเล่นแน่นอนครับ เนี่ยตอนนี้อั๊วะก็อยู่ที่คอนโดสโนว์...จะค้างคืนที่นี่ด้วยแหละ” อร๊ากกกกกกก พูดเองเขินเองเว้ย หึ่ยยย เกลียดความสาวน้อยนี่จริงๆ
/จริงหรออาอันโทนิโอ้ ดีๆๆ คราวนี้จับให้มั่นอย่าให้หลุดมืออีกนะ รวบหัวรวบหางอาสโนว์เลย!/
“เฮ้ย! ม๊าก็ พูดอะไรแปลกๆอีกแล้ว เพิ่งจะได้เป็นแฟนกันเอง” จะมารวบหงรวบหางอะไรกัน
/อาอันโทนิโอ้! ถ้าลื้อได้อยู่สองต่อสองกับอาสโนว์ถึงสามครั้ง แล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้า ลื้อก็อย่ามาเป็นลูกอั๊วะเลย!!!/
“โหยยยยม๊า อั๊วะไม่พูดกับม๊าแล้ว”
/แล้วทำไมลื้อจะไม่พูดกับอั๊วะ ห๊า มีธุระสำคัญมากมายหรือง๊าย/ ม๊าตะโกนสวนกลับอย่างเคย
“ใช่ เพราะอั๊วะจะไปทำกับข้าวให้สโนว์กิน!”
/เออ งั้นลื้อวางสายได้ แค่นี้นะ ติ้ด/
กรรม ไหงกลายเป็นม๊าที่วางสายไปดื้อๆซะงั้น แค่บอกว่าเป็นสโนว์ม๊าก็ยอมง่ายๆเลยเชียวนะ เห็นแววหัวเน่าอยู่ไม่ไกลเลยล่ะครับ - -
ผมเดินกลับไปที่ครัวเพื่อเตรียมตีไข่ทำไข่เจียว สโนว์ก็เดินออกมาจากห้องพอดี เขาอยู่ในชุดนอนสีฟ้าอ่อนลายตารางพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กที่กำลังเช็ดผมที่เปียกชื้นนั่น กลิ่นหอมอ่อนๆของครีมอาบน้ำลอยเข้าจมูกให้ใจสั่นไม่น้อย
“อาอันโทนิโอ้! ถ้าลื้อได้อยู่สองต่อสองกับอาสโนว์ถึงสามครั้ง แล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้า ลื้อก็อย่ามาเป็นลูกอั๊วะเลย!!!”
“โอ้เอ้ เราอาบน้ำเสร็จแล้วนะ รีบไปอาบต่อเถอะเดี๋ยวจะไม่สบาย” เสียงของสโนว์ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิด
“อ..อืม ตีไข่เสร็จพอดี เดี๋ยวออกมาทอดให้นะกินร้อนๆจะได้อร่อย” สโนว์พยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มอ่อนๆให้เช่นเคย ผมถึงกับต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำด้วยอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ หน้าดำหน้าแดงไปหมด
อร๊ากกกกก ไม่ๆๆ มึงอย่าคิดอะไรบ้าๆเด็ดขาดไปอันโทนิโอ้! พุธโธ พุธโธ ไว้
สงบสติอารมณ์ได้ผมก็รีบอาบน้ำอาบความร้อนรุ่มในใจอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบชุดที่สโนว์เตรียมไว้ให้มาสวมใส่ มั่นใจล้านเปอร์เซนต์ว่านี่คือชุดนอนของสโนว์เองแน่นอน โฮ๊ะๆๆๆ เพราะว่ามันเป็นลายตารางเหมือนกันต่างตัวนี้เป็นสีน้ำเงินเข้ม มีความชุดคู่ด้วยเว้ย ไอ้อันโทนิโอ้นี่ยิ้มหน้ายิ่งกว่าจานดาวเทียมอีกครับ
พอผมเดินออกมาก็เห็นสโนว์นั่งดูทีวีพร้อมกับใช้ไดร์เป่าผมไปด้วยอย่างใจเย็น
“หิวหรือยังครับ” ผมถามคนตัวขาวพลางช่วยเอามือสางผมเบาๆ
“อื้ม ก็นิดนึง” สโนว์หันมาตอบไม่ได้มีท่าทีกลัวการสัมผัสของผมแต่อย่างใด
“โอเค งั้นรอแป๊บนึงนะ ผมไปทำอาหารก่อน”
“ให้เราช่วยทำอะไรไหม” สโนว์ดึงชายเสื้อถามตาแป๋ว
“อยากช่วยทำหรอครับ” คนตัวขาวพยักหน้ารับ
“โอเค งั้นมาช่ววยกันทำอาหารกัน” ^^
มื้อนี้ก็กลายเป็นว่าเราช่วยกันทำอาหารสโนว์คอยช่วยหยิบสิ่งของเครื่องปรุงต่างๆให้ผมเป็นคนปรุง ผมจัดการทำต้มยำปลากระป๋องก่อน โดยมีสโนว์ช่วยฉีกใบมะกรูดให้อย่างตั้งใจ ต่อมาผมทำการทอดไข่เจียวที่ตีค้างไว้ปรุงรสเสร็จก็ทอดกับน้ำมันร้อนๆจนฟูฟองโดยมีสโนว์คอยถือจานรอใส่ไข่เจียวอย่างตั้งใจ แล้วสุดท้ายผมก็ทอดเบคอน โดยมีสโนว์เป็นคนหั่นชิ้นเบคอนให้สั้นพอดีคำอย่างตั้งใจ ก่อนจะส่งให้ผมเป็นคนทอดเพราะว่าสโนว์กลัวน้ำมันกระเด็น
“โอ้เอ้สุดยอดไปเลย ทำอาหารน่ากินมากๆ” สายตาวิบวับมองอาหารที่ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะทานข้าวอย่างตื่นเต้น
“สโนว์ก็ช่วยทำเหมือนกันนิครับ มันก็ต้องอร่อยอยู่แล้ว” ผมส่งยิ้มให้สโนว์
“งั้นเราทานข้าวกันเลยเนอะ” สโนว์พูดก่อนจะอาสาตักข้าวใส่จานให้ผมทานตามด้วยของตัวเอง
เราสองคนผลัดกันตักอาหารใส่จานให้กัน ถึงมันจะมีอยู่แค่สามอย่างแถมเป็นเพียงอาหารเมนูบ้านๆ แต่มันก็อร่อยเหลือเกิน
“อร่อยจังโอ้เอ้” สโนว์บอกทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวแก้มตุ้ย
“อร่อยก็กินเยอะๆครับ ต่อไปอย่าเอาแต่กินอาหารสำเร็จรูปนะ มันไม่ดีต่อร่างกายเดี๋ยวจะเสียสุขภาพ เราเป็นห่วง” ผมได้ทีก็ถือโอกาสพูดซะเลย
“ก็ถ้าเป็นห่วงจริงๆ...” สโนว์เงียบเสียงไปทำให้ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“ทำไมไม่มาทำอาหารให้เรากินทุกวันเลยล่ะ”
“...” ผมสตั๊นไปสามวิกับประโยคนั้นของสโนว์ กำลังใช้สมองคิดอยู่ว่ามันมีนัยยะอะไรหรือเปล่า แต่ปากผมคงรู้ว่าสมองคิดไม่ออกแน่ๆเลยพลั้งปากถามไปก่อนความคิดว่า..
“ได้หรอ..ผมมาทำอาหารให้สโนว์กินทุกวันได้หรอ” หัวใจเริ่มทำงานหนัก เต้นแรงยิ่งกว่ากลองรัว ฝ่ามือเย็นเฉียบอย่างลุ้นรอคำตอบ
“ทำไมจะไม่ได้..ก็เรา...เป็นแฟนกันแล้วนิ” คนพูดตอบกลับมาก่อนใบหน้าขาวใสจะขึ้นสีอย่างแดงจัดไปทั่วทั้งหน้า
น่ารักคูณร้อยไปเลยครับพี่น้องงงงงง โอยยย หัวใจอันโทนิโอ้วันนี้ทำงานหนักมากเหลือเกินครับ
“รับทราบครับผม!” ผมทำท่าตะเบ๊ะรับคำสั่งแบบทหารเสียงดัง ทำให้สโนว์หลุดขำกับท่าทางประหลาดของผมเบาๆ
มื้อนี้อาจไม่อร่อยที่สุดแต่เป็นมื้อที่มีความสุขที่สุดของเราในฐานะ ‘คนรัก’ กันแน่นอนครับผม
มีความสุขจริงๆเลย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องที่คนโง่ไม่เคยรู้
หลังจากวางสายลูกชายตัวดีเสร็จ กิมย้งก็ยิ้มแป้นแล้นด้วยความดีใจ
“สบายใจแล้วสินะม๊า พอรู้ว่าเฮียกับพี่สโนว์ดีกันแล้ว” อาหลิงพุดพลางกอดม๊าอย่างเอาใจ
“เป็นแฟนกันแล้วต่างหาก ไม่ใช่แค่ดีกันสักหน่อยน๊า” กิมย้งพูดขัด
“จ้า จ้า แฟนก็แฟน” จือหลิงยิ้มแป้นตาม เพราะเธอเองก็ดีใจมากไม่แพ้ม๊าเหมือนกัน พี่สโนว์เป็นคนน่ารัก คนใจดี การที่มาตกลงเป็นแฟนเฮียได้นี่ยิ่งกว่าปาฏิหารย์ด้วยซ้ำไป
“มีความสุขกันแล้วก็มากินมื้อเย็นกันเถอะอากิมย้ง เดี๋ยวอาหารจะเย็นชืดซะก่อน มาๆ” มิ่งขวัญเรียกให้ทุกคนไปรวมกันที่โต๊ะทานข้าวพร้อมหน้า
“พวกลื้อกินกันไปเลย มื้อนี้อั๊วะไม่กินด้วยหรอก”
“ทำไมล่ะ ไม่กินเดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก”
“ไม่ ไม่ คือ...อั๊วะบนกับบรรพบุรุษหว้าย ว่าถ้าอาอันโทนิโอ้ดีกับอาสโนว์อั๊วะจะกินเจ......หนึ่งเดือน”
“ห๊ะ! หนึ่งเดือนเลยหรอม๊า” จือหลิงถามเสียงดัง กิมย้งได้แต่พยักหน้ารับ
“ช่ายๆ นึกม่ายถึงว่าบรรพบุรุษจะให้มากกว่าคำขอร้องของอั๊วะอีก ดูสิ ได้เป็นแฟนกันเลยน๊า คุ้มมั่กมาก”
“งั้นเดี๋ยวอั๊วะกินเจเป็นเพื่อนลื้อเอง อากิมย้ง” มิ่งขวัญพูดขึ้นพลางยกถ้วยข้าว สองถ้วยไปนั่งแยกจากโต๊ะอาหารก่อนจะเดินไปเปิดตู้หยิบเอาถั่วลิสงออกมาคั่วเกลือในกระทะ
“อามิ่งขวัญ ลื้อไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ด้ายน๊า อั๊วะกินคนเดียวก็พอแล้ว ลื้อไปกินอาหารที่โต๊ะเหมือนเดิมเถอะ”
“อั๊วะเป็นผัวลื้อนะ แล้วจะปล่อยให้เมียตัวเองนั่งกินเจอยู่คนเดียวได้ไง” มิ่งขวัญตอบทั้งที่สายตายังไม่ละจากการคั่วถั่วลิสง
“โฮฮฮฮฮ อามิ่งขวัญ อั๊วะเลือกผัวไม่ผิดจริงๆด้วย โฮฮฮฮฮ” กิมย้งกอดผู้เป็นสามีจากทางด้านหลัง พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าคู่กายมาซับน้ำตา
“งั้นอั๊วะจะกินเจเป็นเพื่อนป๊าม๊าด้วย” จือหลิงพูดขึ้น
“งั้น..ฟู่ฟู่..ก็จา..กิงเจ..ด้วยยย” ตี๋เล็กของบ้านบกมือร่วมด้วยอีกแรง ป๊าม๊ากินอะไรฟู่ฟู่ก็จะกินเหมือนกัน
“ไม่เป็นร่ายๆ พวกลื้อยังเด็ก ต้องกินอาหารให้ครบห้าหมู่จาด้ายโตไวๆน๊า อาหลิง อาฟู่ฟู่”
“แต่ว่า..” จือหลิงอยากคัดค้านเพราะกินเจเป็นเพื่อนป๊าม๊าจริงๆ ถ้าให้ตนเองกินเนื้อแต่ป๊าม๊าต้องกินแต่ผัก ก็รู้สึกอกตัญญูอย่างไงไม่รู้
“อาหลิง อาฟู่ฟู่ พวกลื้อกินอาหารธรรมดาเป็นเพื่อนอาม่าเถอะนะ อาม่าอายุเยอะแล้วต้องกินของบำรุงเยอะๆ พวกผักหญ้าสารอาหารไม่พอบำรุงร่างกายอาม่าหรอก ขืนพวกลื้อมากินเจกันหมดอาม่าก็เหงาแย่สิแล้วจะกินข้าวลงได้ยังไง จริงไหม?” มิ่งขวัญประมุขของบ้านพูดอธิบายจนจือหลิงต้องยอมรับเหตุผลของป๊า
“ก็ได้ งั้นป๊าม๊าก็กินข้าวให้อร่อยนะ พวกอั๊วะก็จะกินให้อร่อยเหมือนกัน ใช่ไหม ฟู่ฟู่” จือหลิงก้มลงไปถามน้องชายตัวน้อย
“ใช่กั๊บ! ฟู่ฟู่...หยักกิง....ก่ายทอด” ฟู่ฟู่ ยิ้มตาหยีจนตาเหลือขีดเดียว เรียกรอยยิ้มให้คนในครอบครัวยิ้มตามไปด้วย
ทุกคนต่างลงมือทานอาหารเย็น อาหารเมนูบ้านๆ ที่มีคนในบ้านนั่งทานด้วยกันอย่างพร้อมหน้า
แค่นี้ก็มีความสุขแล้วจริงๆนั่นแหละ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ก่อนอื่นขอสวัสดีนักอ่านทุกคนนะคะ
หายไปนานเพราะมีเรื่องเครียดๆหลายเรื่องเลย มันเหนื่อยและบั่นทอนเรามากๆ
จนเขียนอะไรไม่ได้จริงๆ
ขอโทษด้วยนะคะ
จะพยายามมาต่อให้จบให้ได้นะคะ....ถ้ายังมีคนอ่านกัน