Special เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
เริ่มต้นปีใหม่
วันนี้วันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันสิ้นปีที่หลายๆ คนรอคอยที่ เป็นวันที่ทุกๆ คนหยุดกัน ซึ่งบริษัทในเครืออภิหชัยบดินทร์ รัตนมณีโชติ และอมรไพพิจิตร ปิดให้พนักงานในบริษัทยาวเลย และในวันหยุดยาวแบบนี้ ผู้บริหารอย่างปฐพีกับอัคนีก็ไปเที่ยวต่างประเทศตามฉบับของทั้งคู่ แน่นอนว่าสองแฝดแยกกันไปตามลำพังเมื่อรู้สึกอยากพักผ่อนเงียบๆ คนเดียว พีชธินมีแพลนเคาท์ดาวน์ที่จังหวัดเลย ส่วนพุฒิเจ็มควงกันไปญี่ปุ่น ก็เหลือเพียงแค่พัฒน์ธีร์ ที่ไม่มีแผนอะไรเลย ยังคงนั่งมองหน้ากันอยู่ที่ห้องในวันหยุดแบบนี้
“กูถามอีกที มึงมีแผนจะพากูไปไหน” ถามเป็นรอบที่ร้อยกว่าแล้ว แต่คำตอบที่ธีร์ได้ก็หวังว่ามันจะแตกต่างจากคำตอบเดิมๆ
“ไม่มี”
หมดหวัง...วันสิ้นปีที่แสนจะไม่มีอะไรต่างกันเลย
“ที่กูไม่พูด ไม่บ่นเหี้ยอะไรเลยเนี่ย คือกูไม่สน ไม่อยากใช่ป่ะ กูก็คิดว่ามึงจะฉลาดคิดได้เองว่าควรจะพากูไป ไม่ใช่รอให้กูขอแบบนี้!!” เสียงโวยวายดังออกมาจากปากของธีร์อย่างทนไม่ไหวที่พัฒน์เอาแต่เงียบ
แทนที่จะได้ไปเที่ยว ไปฉลองหรือได้เคาท์ดาวน์ต่างถิ่นบ้าง แต่นี่ไม่มี... พอเขาทนไม่ไหวก็เลยถามมันไปว่ามีพาไปไหนหรือเปล่า คำตอบที่ได้คือไม่ ไม่ ไม่ แล้วก็ไม่!!
กูควรจะทิ้งแล้วไปหาแฟนใหม่ดีไหมวะเนี่ย...
“กูผิดเอง กูพลาดเองที่คิดว่ามึงอยากจะพาไปเที่ยวไปไหนมาไหนแล้วแอบจัดการไว้เรียบร้อยอะไรแบบนี้ แต่กูคงฝันมากไป ลืมได้ยังไงว่ามีคนอย่างมึงเป็นแฟนเนี่ย”
“เลิกบ่นสักทีได้ไหมวะ หนวกหู!”
“เอ้าไอ้นี่ กูกำลังโมโหเว้ย!!”
“โมโหก็โมโหสิวะ แต่มึงไม่มีสิทธิ์บ่นว่าการมีแฟนแบบกูมันแย่นะเว้ย ทำไม คนอย่างกูมันทำไม”
“ก็คนอย่างมึงมันเย็นชา ตายด้าน โรแมนติกไม่เป็น ไม่เคยเอาใจอะไรกูสักอย่างแล้วที่สำคัญ นอกจะไม่หวานไม่อะไรแล้ว ยังคงเป็นตัวทำลายบรรยากาศอีกด้วย! อยู่กับมึงนี่แบบทุกวันหยุดก็เอาแต่อยู่ห้อง ไม่ก็ไปบ้านพ่อกับแม่มึงหรือบ้านกู บ้างก็ไปเดินเที่ยวห้าง ชีวิตทั้งปีกูก็มีอยู่แค่นี้ แล้วนี่มันส่งท้ายปีเก่า แล้วพรุ่งนี้ก็ปีใหม่แล้ว มึงไม่คิดที่จะทำอะไรให้มันดีขึ้นเลยหรือไงวะ!! มึงเข้าใจไหมว่ากูเบื่อ!!!” ระบายออกมาอย่างทนไม่ไหว
ทำงาน วันหยุดก็อยู่แต่ที่เดิมๆ ไม่ได้เที่ยวพักผ่อนเลย
ที่จริงธีร์ไม่ใช่คนชอบอะไรที่มันหวานๆ โรแมนติกอะไรมากนัก เพราะรู้ดีว่าเขากับพัฒน์ต่างเป็นผู้ชายทั้งคู่ แล้วถ้าหวานมันก็เลี่ยนจนดูไม่ใช่ผู้ชาย แต่ก้ใช่ว่าธีร์จะชอบที่ไม่มีอะไรแบบนี้เลยนะเว้ย
ไม่ต้องหวานก็ได้ แต่แค่ฉากประทับใจแบบนี้ ทำให้หน่อยไม่ได้หรือไงกัน นี่แฟนนะเว้ย คนรักนะเว้ย เมียนะเว้ย...มึงให้อะไรกับกูบ้างก็ได้
ร่างสูงมองหน้าคนพูดน้อยๆ ใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่รู้สึกอะไรเลย แววตาที่จ้องมองธีร์เต็มไปด้วยความตัดพ้อน้อยใจ จนธีร์นิ่งไป เพราะคิดว่าตนอาจจะพูดแรงจนเกินไป
“งั้นหรือ” เสียงทุ้มต่ำถามออกมาบางเบา หันหน้าหนีธีร์ จนร่างโปร่งรู้สึกใจไม่ดีที่เห็นร่างสูงเมินเขา
“เอ่อ...ค่ะ คือว่า”
“การที่อยู่กับกูมันทำให้มึงเบื่อขนาดนี้เลยหรือไง ขอโทษด้วยละกันที่หวานไม่เป็น ไม่โรแมนติก ไม่เคยเอาใจ ก็ทำยังไงได้ กูมันผู้ชายห่ามๆ กูก็แค่คิดว่าเป็นกูที่กูเป็นนี่แหละดีแล้ว” ประโยคที่แสนจะเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไรแต่ถ้าเห็นสายตาดุๆ ตอนนี้ รับรอง ธีร์น้ำตาแตกแน่
เพราะมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด น้อยใจ และเสียใจ
“คิดว่ามึงจะมีความสุขที่ได้อยู่กับกู กูที่กูเป็นกู”
“พัฒน์...มึงจะไปไหน” ธีร์ถามเสียงสั่น กลัวคำตอบที่ธีร์ไม่อยากจะได้ยินที่สุด ร่างแกร่งที่ทำท่าจะเดินหนีหันมามองร่างโปร่งที่หลบสายตาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเบาๆ ที่ทำให้ธีร์ใจหาย
“เราลองทบทวนความรู้สึกกันหน่อยไหม” พัฒน์ถาม
“มึง...จะเลิกกับกูใช่ไหม” ถามเสียงสั่น พัฒน์ยังคงมีสีหน้าไม่รู้สึกอะไร ทั้งๆ ที่คนรักกำลังจะร้องไห้
“เปล่า...กูแค่อยากให้มึงคิด ว่ามึงต้องการอะไรกันแน่ เพราะที่มึงพูดมา กูทำให้ไม่ได้ กูหวานให้ไม่ได้ กูโรแมนติกให้ไม่ได้ แค่พูดดีๆ ด้วยยังทำไม่ได้เลย” พัฒน์ยิ่งพูดออกไปก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองแย่มาก เป็นคนรักที่แย่จริงๆ โดยไม่เข้าใจธีร์เลยว่า ร่างโปร่งไม่ได้ต้องการจะหมายถึงแบบนั้น
ธีร์เห็นว่าท่าจะไม่ดี ก็ยอมอ่อนให้อย่างง่าย ไม่ว่าครั้งไหน ธีร์จะเป็นฝ่ายยอมก่อนเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงที่พัฒน์โมโหราวกับพายุ เขาก็รู้ตัวดีว่าไม่ควรรุนแรงกลับ เลยไม่ค่อยทะเลาะกันแบบรุนแรงสักครั้ง
ครั้งนี้ก็ไม่ได้รุนแรง แต่มันเกิดจากความเอาแต่ใจของธีร์ เขาผิดเอง...
“ไม่เอาแล้วก็ได้ นะ...ไม่ไปนะ” ธีร์เดินไปคว้าชายเสื้อของพัฒน์เอาไว้เพื่อกันไม่ให้พัฒน์เดินหนี ดวงตาที่สั่นไหวช้อนมองคนตัวสูงด้วยความกลัว
“กูอยากให้เวลามึง เผื่อบางที กูไม่ใช่...”
“ไม่เอา...ไม่เอาแล้ว อยู่กับกูนะ”
ถ้าต้องห่างกับพัฒน์ ต้องทะเลาะกับพัฒน์ ต้องทำให้พัฒน์รู้สึกไม่ดี เขายอมก็ได้ เขายอมไม่เรื่องมาก เขายอมไม่เอาแต่ใจก็ได้ ขอให้พัฒน์ไม่ไปก็พอ
เขายอมทุกอย่างเลย
“เฮ้อ...ธีร์ กูไม่ได้จะเลิก กูแค่ให้ให้มึงคิด แล้วกูก็ขอคิด” พัฒน์พยายามอธิบาย แต่ธีร์ก็ส่ายหน้าอย่างเดียวอย่างไม่ยอม
“ไม่เอา ถ้ามึงคิดได้ว่าไม่ได้รักกูล่ะ”
“ธีร์...กูไม่ใช่คนที่จะรักใครหรือเลิกรักได้ง่ายๆ พ่อแม่กู กูยังไม่เลิกรักเลย ไม่ต้องกลัว”
“แต่มันไม่เหมือนกันนี่”
“สำหรับกูคือเหมือน...เพราะมึงเป็นคนในครอบครัวกูแล้วนะธีร์ การที่มันจะไม่ใช่หรือเลิกเป็นคือไม่มีทาง เหมือนกับพ่อแม่กูที่ไม่เคยเลิกเป็นคนในครอบครัวสำหรับกูนั่นแหละ”
ได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกผิด
“กูขอโทษ กูแค่น้อยใจที่มึงไม่มีแพลนพากูเที่ยว”
“กูก็น้อยใจที่มึงเบื่อที่ต้องอยู่กับกู”
“ไม่ใช่นะ!” ธีร์รีบแย้ง
“แต่กูเข้าใจแบบนั้น”
“พัฒน์...กูขอโทษจริงๆ กูมีความสุขที่ได้อยู่กับมึงนะ แต่กูแค่เบื่อที่ต้องไปไหนมาไหนอย่างเดิมๆ” รีบชี้แจงเพื่อไม่ให้คนรักเข้าใจผิด
“กูขอเวลาคิด...” ร่างแกร่งยังคงยืนยันคำเดิม จนธีร์ใจเสีย น้ำตาไหลอกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่พัฒน์นี่แหละที่คอยเช็ดน้ำตาออกให้
“พัฒน์...จะทิ้งกูเหรอ ฮึก”
“เปล่า...เดี๋ยวก็กลับมา”
“นานไหม ฮึก กูอยากเคาท์ดาวน์กับมึง” ธีร์ถามปนสะอื้น จนพัฒน์แทบจะใจอ่อน แต่คนอย่างพัฒน์พูดคำไหนก็คำนั้น
“ไม่รู้...”
“ตอนเย็นมึงต้องกลับนะ”
“กูขอดูก่อน ถ้าไม่กลับจะโทรมาบอก”
“นี่มึงจะไม่นอนกับกูเหรอ” ถามกลัวๆ
เพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็ไม่เคยห่างกันสักครั้ง ยกเว้นเสียว่าต่างคนต่างมีงานที่ต้องค้างคืนต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ แต่มันก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่อึมครึมแบบนี้
“ขอดูก่อน”
“พัฒน์...”
“กูไปล่ะ แล้วจะโทรหา” พัฒน์แกะมือร่างโปร่งที่กำชายเสื้อของเขาแน่น ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ธีร์ทิ้งตัวกับพื้นร้องไห้ด้วยความเสียใจ
เขาต้องนานแค่ไหนมันถึงจะกลับมา...
แล้วถ้ามันกลับมา คำตอบของพัฒน์ไม่ใช่เขาอีกต่อไปจะทำยังไง...
มันเป็นวันสิ้นปี...ที่เขาแทบจะสิ้นใจ โดยไม่รู้ว่าจะมีต่อไป หรือจบลง
“กูรักมึง...ฮึก กูไม่เอาอะไรแล้วก็ได้ ฮือ”
…
…
…
ตลอดทั้งวันธีร์เดินไปเดินมาอย่างสับสน ร้อนใจ รอให้พัฒน์กลับมา เขาไม่ได้ร้องไห้ต่อเพราะร่างแกร่งบอกว่าไม่ได้จะเลิกกับเขา เพราะฉะนั้น แค่รอให้เจ้าตัวกลับมาเท่านั้น จากนี้ไปธีร์จะไม่ทำอะไร ไม่เอาแต่ใจ ไม่โวยวายแล้วก็ได้ จะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ แม้ใจอยากจะให้พัฒน์ทำอะไรให้บ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าแลกกับการต้องห่างกันแบบนี้ ไม่เข้าใจกันแบบนี้ ธีร์ก็ขออยู่แบบนี้ดีกว่า
อย่างน้อยเขายังมีพัฒน์อยู่...
“สวัสดีครับ พัฒน์ได้กลับบ้านหรือเปล่าครับคุณแม่” ธีร์ทนไม่ไหวโทรหาแม่ของพัฒน์ทันที
(ไม่นี่คะ มีอะไรหรือเปล่าลูก)
“ป่ะ เปล่าหรอกครับ”
(น้องธีร์ อย่าโกหกแม่นะคะ)
สุดท้ายก็ปิดบังผู้ใหญ่ไม่ได้ และธีร์ก็ยอมเล่าบอกผู้ใหญ่ทั้งหมด เพราะไม่สามารถเก็บเอาไว้คนเดียวได้ อยากให้ใครสักคนเข้าใจและรับฟังความอึดอัดตอนนี้ที่สุด
(ไม่ต้องกังวลไปลูก ตาพัฒน์แค่ขอคิดเท่านั้นลูก บทจะติสท์ก็บ้าแบบนี้แหละลูก ที่สำคัญ พี่เขาไม่ทิ้งให้น้องธีร์นอนคนเดียวหรอกลูก) คุณหญิงปลอบเสียงอ่อนโยน
“แต่...ผมกลัว”
(ไม่ต้องกลัวไป ตาพัฒน์รักน้องธีร์มากนะคะ)
“ครับ ผมทราบ”
(งั้นน้องธีร์จะยังกลัวอะไรอีก ไม่คิดว่าที่พี่พัฒน์โกรธหรือขอเวลาคิดแบบนี้ จะแอบไปทำอะไรเซอร์ไพรส์น้องธีร์บ้างหรือลูก) สิ้นเสียงของคุณหญิง ธีร์ก็นิ่งคิดตาม
มันก็จริงอย่างที่แม่พัฒน์พูด ปกติไม่เคยคิดจะน้อยอกน้อยใจอะไรง่ายๆ คำพูดแรงๆ เขาก็เคยพูดกับอีกคนไปแล้ว แต่โดนปิดปากด้วยปากแทน และจบลงที่เตียงตลอด
ไม่เห็นจะเคยน้อยใจ ขอเวลาคิดอะไรแบบนี้เลย
นี่กูโดนหลอกหรือวะ!!!
“ไม่มีทางหรอกครับ คนแบบมันน่ะ”
(ฮ่าๆ แม่เองก็คิดอย่างนั้น คนแบบพัฒน์จะทำอะไรหวานๆ เป็นที่ไหน มีแฟนก็มีแฟนเป็นคนแรกอีก และที่สำคัญน้องธีร์เป็นผู้ชาย พัฒน์คงคิดว่าธีร์คงไม่อยากได้อะไรจากพี่เขาหรือเปล่า)
“ผมก็ไม่เคยอยากได้อะไรหรอกครับคุณแม่ สำหรับผมแค่มีพัฒน์ก็พอแล้ว”
ถึงได้อยากให้อีกคนพาเขาไปเที่ยว ไปเคาท์ดาวน์ไง เขาอยากอยู่กับพัฒน์ในวันสิ้นปี แล้วเป็นคนแรกที่อวยพรวันปีใหม่ให้กันและกัน แค่อยากเปลี่ยนสถานที่บ้างก็เท่านั้น
ไม่คิดว่าการที่เขาจะพูดว่ามัน มันจะเก็บมาเป็นความน้อยใจขนาดนี้ ตอนที่พัฒน์ทำหน้าเศร้าเสียใจ ธีร์ก็สนใจแค่ตอนนั้น สนใจแค่ความรู้สึกของพัฒน์ ไม่มีกระจิตกระใจคิดว่ามันแปลกเลยที่เห็นมุมน้อยใจของพัฒน์เป็นครั้งแรก
ใช่!! ครั้งแรก ทำไมมึงโง่แบบนี้นะไอ้ธีร์ เพิ่งจะมาคิดได้ว่าอาการของไอ้พัฒน์มันไม่ปกติ
(ดีแล้วลูก งั้นแม่ขอตัวก่อนนะจ้ะ มีอะไรก็โทรมาได้ตลอดนะคะ)
“ครับ คุณแม่ ขอบคุณนะครับ”
หลังจากที่ร่างโปร่งวางสายจากแม่ของพัฒน์ ก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างแรง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะเยาะเย้ยตัวเอง ที่ดันเป็นห่วงความรู้สึกของพัฒน์ จนมองไม่เห็นความผิดปกติ
กูจะทำยังกับมึงดีวะพัฒน์ ที่เอาความขี้สงสาร ขี้ใจอ่อนของกูมาล้อเล่นเนี่ย
“เอาเถอะ กูจะรอดูว่ามึงจะมีเซอร์ไพรส์อะไรหรือเปล่า”
ธีร์คิดได้แบบนั้นก็นอนคิดหาทางเอาคืนไอ้คนเจ้าบทบาท เจ้าแผนการนั่น ถ้าหากว่ามันมีแผนจริง เขาก็ต้องมีแผนบ้าง...
ไม่ยอมหรอกนะ ทำกูใจเสียไปแบบนี้แล้วน่ะ...
ธีร์ตัดสินใจโทรไปหาพัฒน์เพื่อจับผิดประโยคหรือคำพูดเพื่อให้แน่ใจว่าพัฒน์มีแผนการจริงๆ จะได้วางแผนรับมืออีกฝ่าย แต่อีกใจก็รู้สึกกลัวด้วย เพราะมันคิดได้ห้าสิบห้าสิบ คือครึ่งหนึ่งพัฒน์วางแผนเพื่อเซอร์ไพรส์ ส่วนอีกครึ่งหลังคือความรู้สึกจริงล้วนๆ
ใช่ว่าธีร์อยากจะเข้าข้างตัวเอง แต่เขาเป็นคนรัก มันก็หวังอะไรบ้างแหละ
(ว่าไง) ปลายสายรับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบจนธีร์ถอนหายใจ
“อยู่ไหน เมื่อไหร่กลับ”
(กูยังไม่อยากกลับ เอาไว้จะกลับจะโทรบอกก็แล้วกัน)
“มึงไม่เป็นห่วงกูหรือไง เนี่ย! กูจะปอกแอปเปิ้ลแล้วมีดบาดด้วยล่ะ สะดุดล้มในห้องน้ำด้วย เจ็บไปหมดแล้วเนี่ย” แน่นอนว่าทั้งหมดธีร์โกหกออกไป
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ดีกว่าที่คิด
(ว่าไงนะ!! ทำไมมึงไม่หัดระวังตัวเองวะ แล้วเป็นไงบ้าง ทำแผลหรือยัง แล้วที่ล้มในห้องน้ำ มึงเจ็บตรงไหนหรือเปล่า)
“เป็นห่วงกู อยากรู้ ก็กลับบ้านดิวะ” ธีร์ว่า แอบอมยิ้มเล็กน้อย
(กูบอกแล้วไงว่ากูไม่พร้อมกลับ ยังไงทำแผลก่อนนะ) ร่างแกร่งพยายามกล่อมให้ธีร์ทำแผล
“ทำไมถึงไม่พร้อม มึงทำงานอยู่หรือไง ยุ่งหรือไง ถึงมาหากูไม่ได้” ธีร์เริ่มทำเป็นเหวี่ยง
(เย็นๆ กูจะกลับนะ แค่นี้พอใจหรือยัง) ปลายสายถามอย่างหงุดหงิดที่ทุกอย่างไม่เป็นตามที่เขาต้องการเลยสักนิด แต่เพียงแค่นี้ มันก็ทำให้ธีร์รู้แล้วว่า พัฒน์คิดจะทำอะไร
“มึงยังโกรธกูอยู่เหรอ” ถามเสียงอ้อน แอบได้ยินพัฒน์ถอนหายใจเบาๆ ด้วย
(เปล่า...แต่ตอนนี้กูขอเวลานิดหนึ่ง มึงนอนพักไปก่อน ตอนเย็นๆ กูกลับบ้านแน่ๆ ทำแผลด้วยนะ เจ็บตรงไหนก็ไปหาหมอ) พัฒน์พยายามพูดออกมา อดเป็นห่วงไม่ได้ เพียงแค่ตอนที่ธีร์บอกว่ามีดบาด ล้มในห้องน้ำ เขาก็แทบจะถลากลับไปหาแล้ว อยากจะเห็นกับตาว่าธีร์ไม่เป็นอะไร แต่เพราะอะไรบางอย่างทำให้พัฒน์ไม่สามารถกลับได้อย่างที่ต้องการ
“แล้วถ้าเกิดว่ากูนอนตกเตียง หัวฟาดพื้น ความจำเสื่อมขึ้นมาล่ะ”
(ธีร์!!) เรียกชื่อเขาเสียงเข้ม จนร่างโปร่งหัวเราะออกมาเบาๆ
“เป็นห่วงก็รีบกลับ เข้าใจนะ”
(เออ...ไอ้แสบเอ้ย!) ก่อนที่เขาจะวางสาย เขาก็ได้ยินประโยคนั้นดังออกมาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างสุขใจ มันไม่ใช่การทะเลาะกัน แต่มันเป็นเหตุการณ์ที่ทำเหมือนทะเลาะกันก็เท่านั้น
เวลาทุ่มกว่าๆ ร่างแกร่งก็ยังไม่กลับบ้าน ธีร์ที่ตื่นขึ้นมาก็มองผ่านความมืดอย่างหงุดหงิดที่พัฒน์ผิดสัญญา
“ทำไมยังไม่กลับวะ” ในจังหวะที่คิดด่าร่างแกร่ง หน้าจอก็โชว์ว่ามีข้อความจากพัฒน์เข้ามา ธีร์จึงเปิดอ่านทันที เพราะถ้าเป็นข้อความบอกว่าไม่กลับในวันเคาท์ดาวน์แบบนี้ เขาจะเลิกแล้วหาแฟนใหม่จริงๆ ด้วย
‘มาที่ดาดฟ้า DINZ’
เป็นข้อความสั้นๆ ได้ใจความ แต่มันก็ทำให้ธีร์รีบพรวดพราดลุกขึ้น เพราะความมืดเลยทำให้ธีร์สะดุดผ้าห่มลงไปนอนบนพื้นเย็นๆ
“โอ้ย!! เจ็บชิบ” ธีร์พยายามลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินไปเปิดไฟห้อง ก่อนจะเดินเร็วๆ ไปที่ห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปหาพัฒน์ให้เร็วที่สุด
ก็อยากจะรู้ว่ามันอะไรกันแน่
แต่เดี๋ยวนะ...ก่อนไปก็ควรจะทำอะไรให้มันรู้สึกผิดหน่อยก็แล้วกันที่ให้เขาอยู่คนเดียวในวันหยุดแบบนี้ วันหยุดที่ควรจะอยู่ด้วยกันทั้งวัน หึหึ...
“มึงจะต้องรู้สึกผิด!!”
ร่างโปร่งเดินเข้ามาในตัวตึกที่ปิด มีรปภ.คอยพาเขาไปยังลิฟต์พอถึงชั้นบนสุดที่เคยมาเหยียบบ่อยๆ ก่อนจะเดินไปที่บันไดทางขึ้นไปยังดาดฟ้า พอเปิดประตูเข้าไป ลมเย็นของความหนาวก็ตีมาที่หน้าของธีร์จนต้องกอดตัวเองแน่น โชคดีที่ใส่เสื้อคลุมมาหนา
“อะไรวะเนี่ย”
จากที่โกรธๆ โมโหๆ มันก็มลายหายไปแล้วสิ้นกับภาพที่เห็น
ดาดฟ้าของ DINZ ถูกเนรมิตเป็นสวนขนาดใหญ่ มีเต้นนอนอันใหญ่ตั้งอยู่ด้านข้าง คาดว่าคงเป็นที่นอนในค่ำคืนนี้ มีโต๊ะอาหารที่พร้อมด้วยอาหารและเครื่องดื่ม รอบๆ เต็มไปด้วยต้นไม้แล้วไฟประดับที่สวยงาม มองไปอีกฝั่งก็มีเตียงนอนที่มีผ้าห่มหนาๆ หมอนสูงๆ ตรงที่เป็นหัวนอนมีต้นคริสมาสต์ประดับไฟ โยงมาล้อมเตียงนั้นเอาไว้ เสียงเพลงดังคลอเบาๆ อย่างโรแมนติก อากาศที่หนาวเย็น ยังทำให้ใจของธีร์หนาวไปด้วยไม่ได้เลย ใบหน้าที่นิ่งเฉยตอนแรก บัดนี้กลับยิ้มกว้างที่สุด
พอเขาเดินเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อมองหาเจ้าคนที่วางแผนจัดงานไว้ทั้งหมดทันที หันกลับมาด้านหลังก็มีคำว่า Happy New Year อย่างใหญ่ติดเอาไว้ ไฟของมันกระพริบสวยงาม
มันเป็นอะไรที่สวยมาก สวยจนเขาอยากจะกอดขอบคุณพัฒน์แน่นๆ และอยากจะขอโทษที่ว่าอีกคนหวานไม่เป็น โรแมนติกไม่เป็น คำพูดของพัฒน์น่ะช่างมัน บรรยากาศได้ก็พอแล้ว จะว่าไป...พัฒน์อยู่ไหนนะ
“พัฒน์!!”
“อะไร” เสียงดังมาจากด้านหลัง เขารีบหันกลับไปมองทันที ร่างสูงของคนรักปรากฏต่อหน้า ไม่รอช้า ร่างโปร่งรีบตรงไปหาร่างแกร่ง เอาแขนคล้องคออย่างออดอ้อน หอมแก้มร่างสูงเบาๆ ด้วยความลืมตัว เพราะความตื่นเต้นดีใจมันบดบังไปหมด
จุ๊บ!!
“หึหึ”
พัฒน์หัวเราะในลำคอเล็กน้อย เอาแขนเกี่ยวรอบเอวของธีร์แล้วดึงอีกคนเข้ามาแนบชิดกว่านี้ เพราะส่วนสูงที่ไล่เลี่ยกันเลยทำให้มองตากันได้โดยไม่ต้องกลัวเมื่อย พัฒน์ยิ้มมุมปากอ่อนๆ ส่วนธีร์ยิ้มจนตาหยี
“มึงใช้เวลานานไหม” ถามทั้งๆ ที่ยังไม่ผละออกจากกัน ยังคงมองตากันอย่างหวานซึ้ง
“ก็จัดการมาเกือบอาทิตย์น่ะ” สิ้นคำตอบ ความรู้สึกก็ตีแล่นเข้าสู่หัวใจ เขามองตาพัฒน์อย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษนะ”
“กูไม่โกรธหรอก จริงๆ ก็เป็นแผนนั่นแหละ ทำเป็นน้อยใจให้มึงใจเสียเล่นๆ”
“ไอ้บ้า! ที่จริงกูก็คิดได้ตอนบ่ายๆ ก่อนจะโทรมาหามึงนั่นแหละ คุยกับแม่มึง ท่านบอกว่ามึงมีแผนหรือเปล่า กูก็ฉุกคิด เพราะมึงเป็นคนที่น้อยใจอะไรเป็นที่ไหน แล้วยิ่งมึงพูดเหมือนไม่อยากกลับ กำลังวุ่นอยู่กับอะไรสักอย่างกูก็เข้าใจชัดเจน แต่ไม่คิดว่ามันจะเกินจินตนาการไปหน่อยแบบนี้” ธีร์สารภาพไป ทำเอาพัฒน์ถึงกับนึกหงุดหงิดแม่ตัวเองที่ชี้ทางให้ธีร์รู้เสียได้
กะว่าจะเซอร์ไพรส์ กลายเป็นว่าไม่สำเร็จเสียงั้น
“ชิ!! อุตส่าห์ทำตั้งนาน” พัฒน์หันไปข้างๆ บ่นเบาๆ อย่างไม่พอใจ
“เอาน่า ยังไงกูก็ดีใจอยู่ดีแหละที่มึงทำให้แบบนี้” ว่าแล้วก็กดจมูกและปากที่แก้มของพัฒน์อีกครั้ง จนพัฒน์หันมามองหน้าธีร์ และกลายเป็นร่างสูงโปร่งที่ประกอบริมฝีปากไปที่ริมฝีปากหยักของพัฒน์เบาๆ ด้วยความอ่อนโยน แต่ร่างสูงกลับไม่ทำตาม บดเบียดความร้อนแรงมาแทน
“อื้ม”
เสียงจูบของทั้งคู่ดังกังวารไปทั้งหู เสียงครางอื้ออึงของธีร์ทำให้พัฒน์ยิ่งดูดริมฝีปากเจ้าตัวแรงๆ ลิ้นทั้งสองสอดเข้ามาหยอกล้อกันและกัน ก่อนจะผละออกมาเมื่อพอใจกับสัมผัสหวามนั้นแล้ว และที่สำคัญ ก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้ด้วย
“กินข้าวก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วกูจะกินมึงต่อ” พัฒน์พูดแบบนั้นมันก็ทำให้ธีร์รับรู้ชะตากรรมของตัวเองแล้วล่ะ แต่ยังไงก็ช่าง วันนี้เขายอมด้วยความเต็มใจ เพราะตอนนี้ธีร์เองก็อยากจะทำรักกับอีกคนมากๆ
อยากตอบแทนความรักที่อีกคนมอบให้
“อื้อ...กูยอม”
“หึ!”
ฟอด!
พัฒน์อดใจไม่ไหวได้แต่ฟัดแก้มนุ่มที่เย็นเพราะอากาศด้วยความหมั่นเขี้ยว ระงับอารมณ์ที่อยากจะกอดรัดอีกคนเสียเต็มแก่ แต่ว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแพลนที่เขาวาง
(มีต่อ)