Friend's brother Brother's friend 03
[NET's talk]
"ไอ้บอมให้มารับ?"ผมพูดประโยคนั้นทวนเป็นรอบที่สองหลังจากเห็นอดีตนายแบบชื่อดังยืนพิงเมอร์ซิเดสอยู่หน้าโรงอาหารวิศวะ แว่นสีเข้มที่ชายหนุ่มตรงหน้า ใส่ปกปิดแววตาได้ดีพอๆกับโครงหน้านิ่งๆที่ไม่เคยแสดงความรู้สึกใดๆออกมานั่นแหละ
"รับไปไหน?"
"แดกข้าว"
"ห๊ะ?" ผมขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะคลายออกแล้วกระพริบตาปริบๆ แม่งไม่เมคเซนส์เลย ทำไมผมต้องไปกินข้าวกับพี่ชายเพื่อนด้วยครับ ขอเหตุผลดีๆสักข้อหน่อยเถอะ
"มันบอกว่ามึงเป็นโรคกระเพาะ"
กระเพาะครากล่ะสิไม่ว่า ผมน่ะกินยังกับยัดห่า ไอ้ตัวคนพูดแม่งยังเคยบ่นๆผมด้วยซ้ำว่าเป็นพวกกินแล้วเสียของ ไม่ไปเพิ่มเนื้อหนังให้ตัวเองเสียบ้าง
"แล้วที่มึงเป็นกระเพาะเนี่ย เพราะมึงจะไม่ยอมแดกอะไร ถ้าไม่มีเพื่อนกินด้วย"
ไม่มีเพื่อนกินสิดี ไม่ต้องมีใครแย่ง
ไอ้เชี่ยบอมแม่งเล่นอะไรกับกูอีกแล้ววะครับ มันไปตอแหลกับพี่ชายมันทำไมในเมื่อสัปดาห์ก่อนผมเพิ่งบอกมันไปว่าเฮียไม่ได้เป็นเกย์แน่ๆเพราะผมน่ะสืบเสาะชอนไชให้ตั้งแต่วันนั้นที่ผมเกือบเสียตัวเสียตูดให้แล้ว คือถ้าเฮียเป็นเกย์จริงๆ แล้วผมที่โดนเพื่อนสุดที่รักมอมเหล้ายกขึ้นเขียงให้ขนาดนั้น ไม่ต้องถามหรอกว่าตอนนี้ไอ้บอมและพลพรรคต้องตามงอนง้อผมขนาดไหน
'มึงอย่าวางใจไป พี่กูแม่งปากแข็ง'กูว่าหน้าแข้งเฮียคงแข็งยิ่งกว่าปากแน่ๆ อยากจะบอกไอ้ผู้ชายหน้าเกาหลีตรงหน้าเหลือเกินว่าเลิกทำตามคำรบเร้าของน้องชายมันได้แล้ว
คนห่าอะไร ยัดเยียดให้พี่ตัวเองเป็นเกย์ฉิบหาย"ผมมีเพื่อนกินน่า ทั้งข้าวทั้งเหล้านั่นแหละ อย่างวันนี้ก็นัดไอ้โชติไว้"
"มึงนัดกันกินเหล้า"
ไอ้ห่า เตี่ยมึงเป็นอัปดุลย์เหรอครับเฮีย แม่งรู้ได้ไงว่าผมจะไปกินเหล้ากับไอ้บูม ไอ้โชติ หรือไอ้บูมน้องชายคนเล็กของมันจะบอก? แต่ก็ไม่นะ ได้ข่าวว่าเฮียบีมห้ามเรื่องอบายมุขกับบูมมันจะตาย
"ไปกินข้าวก่อน เสร็จแล้วจะได้ตามเพื่อนมึงไป"
"เดี๋ยวดิ ผมยังไม่รู้เลยว่ามันนัดกันไปที่ไหน"
วันนี้ไอ้โชติโดดเรียน แต่โทรมาบอกผมว่าเย็นๆทำตัวให้ว่างจะได้ไปหาที่กินเหล้ากับมันแต่ก็ยังไม่ได้บอกรายละเอียดอะไร จนถึงเมื่อครู่ที่ผมนั่งเล่นหมากรุกจีนกับพวกไอ้แว่น รอรับโทรศัพท์จากมันอยู่นั่นแหละ เสียงบีบแตรไร้มารยาทก็ดังเรียกให้ผมเดินมาหา
"กูรู้"
เหยดดดด!เตี่ยมึงเป็นอัปดุลย์จริงๆ!ผมสะบัดหน้าหันไปมองคนที่สูงกว่าผมไม่เท่าไหร่(แค่สิบเซ็นต์นิดๆ)ด้วยเครื่องหมายคำถาม ใครก็ได้บอกกูทีว่าเฮียบีมทำงานอยู่กูเกิ้ลไม่ใช่กองถ่ายละคร
อดีตนายแบบยกมือขึ้นเสยผมหน้าที่ปรกลงมาบังแว่นของตัวเองเบาๆ ทำให้ออร่าวิ้งวั้งค์แผ่กระจายจนผมเบ้หน้าแสบตา ปกติผมก็ไม่ได้หล่ออะไร ยิ่งพอยืนอยู่ข้างเฮียแล้วก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหลุมดำ ใช่สิ ถ้าผมหล่อได้สักเสี้ยวของมัน ผมก็คงเป็นดาราประดับวงการไม่มาเล่นตัวมีงานเข้าแต่ไม่รับแบบมันหรอก นั่น ยังไม่พอ สุดหล่อมันเอาศอกท้าวSLK เต๊ะท่าเท่ห์ให้สาวๆที่มีอยู่จำนวนจำกัดในคณะวิศวะหันมามองจนผมเสียเซลพ์ฉิบหาย
กูเข้าวิศวะมาสามปี ชะนีนางไหนก็ไม่เคยเอี้ยวคอมอง นี่มันมาได้ไม่ถึงสามนาทีเสือกกวาดเรียบ
โลกนี้ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย!"มันยกกันไปแดกเหล้าที่คอนโดกู" ผมหงุดหงิดในออร่าไอดอลของมันได้ไม่นาน ก็ต้องร้อง ‘ห๊ะ?’ ในใจตอนที่เฮียบอกว่าไอ้โชติ(ซึ่งนัดผมแต่ไม่บอกเอี้ยอะไรเลย)ไปกินเหล้ากับใครที่ไหน
"พวกไอ้บอมหรอกเหรอ? นึกว่าไอ้โชติจะไปกับพี่ก้องซะอีก"
"ใคร?"
"พี่รหัสน่ะ ชมรมคนตับแข็ง" ชื่อนี้พี่ก้องเป็นคนตั้งครับ แข่งกับพวกพี่ตี๋ พี่รหัสไอ้โชติ รายนั้นเป็นชมรมคนรักครอบครัว เหล้ายาปลาปิ้งนี่เอาไปให้ไกล กลัวเมียขึ้นสมอง
"แม่งจะแดกอะไรกันนักวะ สัปดาห์ทีแล้วก็เพิ่งกินกันไป เอ้า เปิดรถสิเฮีย" ผมบ่นอุบอิบแต่ก็เดินไปแงะที่ประตูรถสีบลอนด์
ตอนนี้ผมไม่เห็นแววตาใต้แว่นสีทึบนั่นหรอกครับ แต่ถ้าให้เดาเฮียคงเหลือบตามองเหมือนคนรำคาญอยู่ๆแน่ๆ ความรู้สึกผ่านสีหน้าของเฮียบีมเหมือนจะดูเก็กขรึมตลอดเวลาก็จริง แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้จับสังเกตยากจนเกินไป เวลาอยากรู้ว่าเฮียคิดอะไรยังไงให้มองที่ตาเล็กๆคู่นั้นของพี่แกในวินาทีแรก ไม่งั้นไทม์เอาท์ครับ หมดเวลา เพราะฮีจะเปลี่ยนสายตามาเป็นนิ่งเฉยได้อย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนได้อย่างแนบเนียน
"ว่าแต่มีใครไปบ้างอะเฮีย" ผมถามขณะที่คาดเข็มขัด แล้วเอี้ยวตัวกลับไปมองเสื้อผ้าที่ยัดๆทิ้งไว้ตามซอกหลืบของรถเท่าที่ความสามารถของรถเปิดประทุนจะซุกไว้ได้ของเฮียบีมเพื่อสำรวจ แม่งรกชิบหาย มึงซื้อรถบ้านเถอะเฮียถ้าบนเมอร์ซิเดสของมึงจะกลายเป็นรังงูเคลื่อนที่แบบนี้
"แก๊งมึงนั่นแหละ แล้วก็บูม"
"อ่าหะ งั้นซื้อขนมขึ้นไปกินแกล้มเหล้าก็พอมั้ง"
"ไม่ได้ กูรับปากไอ้บอมมันไปแล้วว่าจะพามึงไปกินข้าวก่อน"
"อย่ามาเวอร์" ผมตอบ เอนปรับเบาะให้นั่งสบายแล้วกดวิทยุเล่นเพลงสากลคลอขณะที่รถค่อยๆเคลื่อนออก
"ไม่ได้เวอร์ แล้วกูก็จะมารับมึงไปแดกข้าวทุกเย็นด้วย"
หือ?? ผมชำเลืองมองผ่านเส้นผมสีน้ำตาลแดงของตัวเองไปยังคนพูด
"ทุกเย็น?" รู้สึกแปลกแต่ถ้าคาดเดาจากลางสังหรณ์อันแม่นยำของผมแล้ว นี่คงเป็นแผนการณ์พิเรนทร์ๆอะไรของไอ้บอมอีกแน่ๆ
คือมึงจะทำอะไรกับพี่ชายมึงก็ทำไปเถอะครับ แต่สิ่งที่มึงกำลังทำนี่แม่งเสือกเอากูเข้าไปเป็นตัวเดินเรื่องเต็มๆนี่กูอยากจะเรียกค่าตัวฉิบหาย
เฮียนี่ก็เหลือเกิน แม่งสปอยล์น้อง ไอ้บอมขออะไรทำให้หมด ผมยังแอบคิดนิดๆด้วยซ้้ำว่าที่เฮียเลิกกับพี่ทรายนั่นเพราะไอ้บอมแม่งไปขอเมียเฮียมาเป็นเมียตัวเองรึเปล่า
"เฮียจะมารับผมไปกินข้าวทุกเย็นอย่างที่รับปากมันจริงดิ?" ผมถามย้ำ มองเสี้ยวหน้าของผู้ชายหน้าตาดีจัดอย่างไม่ค่อยเชื่อ เฮียบีมถอนหายใจพรืดเหมือนระอาใจไม่น้อยออกมาก่อนบ่นออกมายืดยาว
"กูก็ไม่ได้อยากทำหรอกไอ้สัด แต่นี่มึงอยู่หอคนเดียวใช่ไหม? ไอ้บอมบอกไม่มีคนคอยดูแล มึงเลยไม่ค่อยแดกข้าว"
"ถูกมันตอแหลใส่อีกละ ถามจริงเหอะเฮีย เป็นพี่น้องกันมายี่สิบกว่าปีนี่ดูไม่รู้เลยเหรอไหนเรื่องจริงเรื่องไหนไอ้บอมโกหก"
ผมล่ะนอยด์กับนิสัยของเฮียจริงๆ โชคดีที่ไอ้บอมมันรักดี ถูกสปอยล์แค่ไหนก็ยังไม่ใจแตก นี่ถ้าแม่งเกเรไม่รงไม่เรียน ผมล่ะพร้อมจะตอบได้เลยครับเพราะไอ้ตัวโตข้างๆผมนี่แหละ ตามใจจนน้องชายทั้งสองคนของมันเคยตัว
"เอาเถอะ ยังไงกูก็รับปากมันไปแล้วว่าจะช่วยมันดูแลมึง"
"นี่ผมเป็นลูกชายคนที่สี่ของพาณิชยโชติรึเปล่าวะ" ผมประชด เฮียหัวเราะในลำคอ และผมคิดว่าแม่งเป็นมารยาทที่กวนส้นตีนชิบหาย แต่คำตอบของมันทำให้อากัปกิริยานั้นดูไม่วอนบาทาเมื่อเอามาเทียบกันเลยสักนิด
"มึงเป็นคนในตระกูลกูไม่ได้หรอก ไม่มีดีเอ็นเอส่วนไหนของป๊า ม๊ากระเด็นไปทางมึงได้เลย ตัวแห้งยังกะไม้เสียบผี ผิวนี่ก็ซีดยังกะซากศพ หูกาง ตาห่าง หัวเถิก ถ่างตาดูซิว่ามีส่วนไหนพอจะเป็นพาณิชยโชติได้บ้าง"
.
.
.
"ฟวย!"ไอ้เหี้ยบีมครับ ถึงผมจะไม่ได้หล่อราวเทพบุตรมาจุติอย่างมึง แต่มึงเล่นพูดซะกูขี้เหร่ขนาดนี้ เอาน้ำกรดมาสาดกูเลยเหอะ!! ก่อนขึ้นรถผมก็เปล่าเหยียบหางมันนะ แต่แม่งพูดจาเหมือนเกลียดกูขนาดนี้ ถามหน่อยเหอะกูไปทำอะไรให้มึ๊ง?
----------------------------------------------
คอนโดใกล้มหาวิทยาลัยแห่งนี้ผมเพิ่งเหยียบเข้ามาเป็นครั้งที่สอง เสียงโหวกเหวกโวยวายดังกระแทกแก้วหูเมื่อประตูไม้สีขาวถูกเปิดออก มันมาครบเลยครับและดูเหมือนกำลังตั้งวงไพ่กันอยู่ด้วย
"พอดีเลย ไอ้เน็ต มาๆ ดูไพ่ให้กูหน่อย ปวดเยี่ยวจะตายห่าแล้ว"
ถ้ามึงจะปวดถึงขั้นคอขาดบาดตายก็หยุดเล่นซักตาเถอะครับปัน ผมพยักหน้าหงึกหงักให้มันแล้วโยนกระเป๋าสะพายข้างลงบนโซฟา ลากตัวเองที่อิ่มก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นหน้าปากซอยจนพุงจะแตกมานั่งขัดสมาธิล้อมวงกับไอ้พวกที่มือถือไพ่ ปากคาบแก้วกันอยู่
"ไหงมากะเฮียได้เนี่ย?" ไอ้บูม น้องรหัสผมและน้องชายคนเล็กของเจ้าของห้องถาม ผมแทบไม่เชื่อสายตาที่สองมือเล็กๆขาวๆของมันจะถือแก้วใสจุของเหลวสีแดงที่พร่องไปกว่าครึ่งเอาไว้ คือปกติไอ้บูมเวลาไปกินเหล้ากับพวกผมมันจะซ่ามาก ผมได้ยินจากไอ้พวกเกย์รุกในร้านบ่อยๆว่าวางแผนจะมอมเหล้าไอ้บูม แต่สุดท้ายต่อให้แน่มาจากไหน ผมก็ไม่เห็นว่าไอ้บูมจะร่วงให้พวกพี่ๆที่ไม่ค่อยดูแลน้องอย่างผมต้องคอยเป็นห่วงเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้แม่งแดกสปาย.. สปายของไอ้พวกเด็กหัวนมไม่แตกพานหัดแอลกอฮอล์เขาแดกกันเนี่ยนะ?
"ไปกินข้าวกันมา นี่อะไรบูม เฮียบอกว่าไม่ให้ดื่มเหล้า"
"แค่สปายเอง" เออ แค่สปาย ไม่ระคายเส้นเลือดมันหรอก
"ยังเด็กยังเล็ก"
"พอเหอะเฮีย ไอ้บูมมันก็เด็กกว่าพวกผมแค่ปีเดียวเองนะ เกิดพ.ศ.เดียวกับไอ้หมอด้วยซ้ำ" ประโยคหลังนี่ผมสุดจะทน เรื่องที่ไม่ควรเคร่งนี่เสือกเคร่ง เรื่องที่ควรจะสั่งสอนน้องบ้างแม่งเสือกปล่อย
ถึงมันจะไม่รู้ว่าน้องมันคอทองแดงขนาดไหน แต่มันน่าจะทำใจเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าวิศวะน่ะแดกเหล้าแทนน้ำ เรื่องแบบนี้ปล่อยๆมันเห๊อะ จะห่วงจะหวงอะไรกันนักหนา
"มึงก็ด้วยไอ้เน็ต กูให้แดกแค่สามแก้ว"
อ้าว สัส! ไหงพาลมาที่กูด้วยครับ ประโยคคำสั่งนั้นไม่ได้ทำให้แค่ผมเหวอ แต่ตาขวาของไอ้บอมมันก็กระตุกเหลือบมองผมกับเจ้าของห้องเงียบๆแล้วดูไพ่ในมือต่อ
"กูป๊อก"ไอ้โชติร้องขึ้นมา มันเป็นเจ้าครับ พอแม่งป๊อกคนอื่นก็ไม่ต้องเรียกไพ่เลย ยอมจำนนกับความพ่ายแพ้นั้นอย่างราบคาบ
"เป็นไงวะ ได้ปะ?"ปันเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วนั่งซ้อนผมด้านหลังเพื่อดูไพ่ ก่อนมันจะผลักหัวผมเมื่อเห็นไอ้โชติรวบกองเงินเข้าหาตัว ความผิดกูรึไงที่เจ้าแม่งป๊อก แต่ไพ่ที่ถูกกินไปนี่ก็แพ้อย่างสมศักดิ์ศรีแล้วครับ แม่งแจกมาได้ไง สิบกับแจ๊ค ทุเรศชิบหาย
"เล่นยังไงของมึง ปกติกูได้ตลอดนะไอ้เชี่ยเน็ต" ดูจากตังค์ที่กองเอาไว้มันคงไม่พูดเกินไปหรอกครับ ผมเบะปากแล้วมองไอ้โชติสับไพ่ทำเนียนไม่ลุก สบายออกเล่นไพ่ตังค์คนอื่น กูสนุกฟรีไม่ใช่ตังค์ตัวเอง แต่ปันมันรู้ทันครับ ดึงคอเสื้อยืดสีขาวให้ผมลุกแล้วออกคำสั่ง "ไปชงเหล้าให้กูดิ๊"
"เออ กูด้วย" พอปันพูดจบ ไอ้หมอก็เอาด้วย มันยื่นแก้วที่ยังมีน้ำแข็งเหลืออยู่สองสามก้อนให้ ผมทำท่าฟึดฟัดแล้วเดินหนีโดยที่ไม่รับแก้วมาจากใครทั้งนั้น
"เชี่ยนี่ใช้งานยาก" ไอ้บอมบ่นทั้งๆที่มันไม่ได้ใช้ให้ผมทำอะไร คือแถวบ้านกูเรียกว่าเสือกนะครับ ถึงแบบนั้นผมก็ทำหูทวนลมเดินไปหยิบบลูเลเบิ้ลที่พร่องไปเกือบครึ่งขวดขึ้นมาเท
"สามแก้ว"เฮียบีมนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา ตะโกนย้ำทำให้ไอ้พวกวงไพ่ส่งเสียงเงียบกริบสังเกตการณ์ ตาไอ้บอมนี่เป็นประกายวับเลยครับ เหี้ยนี่แม่งคิดอะไรจังไรๆอยู่แน่นอน ผมเคยบอกไอ้บอมหลายครั้งแล้วว่าตามันน่ะไม่เคยโกหกหรือปิดบังอะไรใครได้เลย ชอบใครตามันจะเลื่อมๆหื่นๆ ไม่ชอบใครมันจะมองคู่กรณีตาขวาง โดนยำตีนไปหลายครั้งแล้วครับเพราะสายตามันนี่ล่ะ แล้วลองลอกแลกวับแววแบบนี้ คิดอะไรไม่ซื่ออีกแหงๆ
"ผมไม่ขยันเปลี่ยนถึงสามแก้วหรอกเฮีย แก้วเดียวหมดแล้วเติมๆนี่แหละ ไม่ต้องล้างเยอะ"
ทำตามคำสั่งมึงก็ป๊อดสิครับ ยิ่งไอ้พวกเพื่อนเวรมองผมเหมือนกับจะคอยดูว่ากูกลัวเฮียรึเปล่ายิ่งไม่ยอมฟัง นี่เลย แก้วแรกก็ชงให้แม่งเข้มๆเลยด้วย ทำไม? มึงจะทำไมกู?
"ไอ้เน็ต อย่าดื้อ"
"ผมไม่ใช่ลูกชายคนที่สี่ของพาณิชยโชตินะครับเฮียบีม"
คู่สนทนาทำท่าหัวเสีย มันฮึดฮัดลุกจากโซฟามาดึงแก้วเหล้าในมือผมออกจนบลูเลเบิ้ลหกรดมือ ห่า ของแพงนะเนี่ย! กะจะเงยหน้าขึ้นไปด่ามันแต่พอเห็นว่าปลายคิ้วเข้มๆของเฮียบีมขมวดเข้าหากันยุ่ง ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอทำท่าหงุดหงิด ผมก็เงียบ
เอ๊ะ? มันทำท่าทางหงุดหงิด???ตาเล็กๆของผมกระพริบปริบๆ คือถ้าคนทั่วไปแม่งไม่แปลกหรอกครับถ้าจะแสดงอารมณ์ออกทางสีหน้าบ้าง แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่เฮียบีมไม่ได้สวมหน้ากากคุณชายเอาไว้
"โกรธเหรอเฮีย? น่ารักว่ะ ฮ่าๆ"
ผมเอื้อมมือไปหยิกแก้มขาวๆของมัน เฮียปัดๆมือผมออกแล้วยิ่งทำคิ้วยุ่งกว่าเดิม ไม่รู้ว่าไม่ชอบที่ผมไปหยอกมันหรือว่าเขินกันแน่
"พอเลยมึง ไปนั่งแดกสปายกับไอ้บูมเลย"
เออ... ไอ้บูมเพราะห้องมันเงียบกริบ ผมเลยลืมไปสนิทเลยครับว่ายังมีสิ่งมีชีวิตอีกห้าตัวอยู่ด้วยกันตอนนี้ พอหันหน้ากลับไปที่วงไพ่ไอ้พวกเวรตะไลก็อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ล้อกันจนน่าถีบ
ถ้าตะโกนแซวจะไม่น่าหมั่นไส้เท่านี้เลยครับ แซวด้วยสีหน้าและแววตานี่แม่งกวนตีนสุดๆแล้ว ประเด็นคือผมเถียงมันก็ไม่ได้ โวยวายก็ไม่ได้ งั้นกูพาลแล้วนะ!
"ฮะๆ ไอ้บูม ป๊อดกลัวพี่เหรอวะ? ปกติมึงนี่ซัดยาดองเหล้าขาวเป็นว่าเล่นไม่ใช่เลยเหรอ? อาทิตย์ก่อนที่ไปกินกับพวกพี่ก้องมึงยังท้าชนพี่เช็งซะจนฝ่ายนั้นร่วงเลยด้วยซ้ำ แหม พออยู่กับพี่ทำเป็นแมวซ่อนเล็บ ถุ้ย!" (อันนี้ผมพาลเปลี่ยนเรื่อง กูขอโทษครับน้องรหัส พวกพี่ๆมึงนั่นแหละบังคับให้กูหยิบเรื่องมึงมาเผาให้กูรอดตัว)
"พี่เน็ต!" ไอ้บูมร้อง มันเหลือบตามองเฮียหวาดๆเหมือนกลัวจะโดนดุแต่พี่ชายมันกลับไม่ทำอะไรนอกจากเสยผมไปด้านหลัง ไอ้ห่า ในห้องตอนนี้ก็มีแต่ผู้ชายด้วยกัน มึงจะเต๊ะหล่อให้ไอ้โชติมากรี๊ดมึงหรือไง?
"โดนด่าคนเดียวไม่พอ ยังจะลากน้องมันไปซวยอีกคนนะ" ไอ้บอมออกโรงปกป้องเต็มที่ ผมยักไหล่แล้วเดินไปแทรกในวงระหว่างปันกับไอ้บอม พอหย่อนตูดถึงพื้นเท่านั้นครับ ไอ้บอมแม่งก็ใช้แขนขวารวบคอผมไปกระซิบกระซาบซักไซ้
"เล่ามา!"
"เล่าเหี้ยอะไร?"
"เฮียจีบมึง หรือมึงได้กันแล้ว?" ไอ้พวกที่เหลือเร่งทำเสียงล้งเล้งไม่ให้เฮียได้ยินที่ผมถูกคาดคั้น แต่หูทั้งสิบของพวกมึงนี่กระดิกกันอย่างกับหมา
"เตี่ยไอ้บูมตาย! ไม่มีอะไรทั้งนั้นโว้ย"
"อ้าวพี่เน็ต เกี่ยวไรกะเตี่ยบูมอะ พาลอีกแล้ว"คนถูกพาดพิงร้อนตัว มันร้องขึ้นมา ทำหน้ายุ่ง
"เตี่ยมึงก็เตี่ยกูไงไอ้บูม" ไอ้บอมฉลาด มันมะเหงกใส่หัวผมหนึ่งทีแล้วกระซิบต่อ "เฮียมีท่าทีสนมึงบ้างปะ"
"ไม่เลย"
มันทำตาไม่เชื่อ เอ้า! กูบอกว่าไม่ก็ไม่สิครับ ก่อนมาผมยังโดนเฮียมันด่าเหมือนเป็นขี้อยู่เลย
พอไอ้บอมคิดว่าไม่ได้อะไรจากผมแน่ๆมันก็ตะโกนเรียกเฮียที่กลับไปนั่งโซฟาแดกเหล้าที่ผมชงไปเมื้อกี้ให้มาร่วมวง
ซวยละมึง โดนยัดเยียดให้เป็นเกย์ซึ่งๆหน้าก็ตอนนี้แหละครับเฮีย ดันเสือกพลาดมานั่งแจมในวงไพ่ด้วยซะงั้น
"วันก่อนเหนื่อยไหมเฮีย?"
ไอ้หมอโต๊ด กูได้ข่าวว่ามึงไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการที่เฮียเป็นเกย์เลยนะ แต่ที่ซักขึ้นมาคนแรกนี่ต่อมอยากแดกส้นตีนกำเริบรึยังไง
"วันไหน?"
"วันที่เอาไอ้เน็ตกลับมาไง" ไอ้โชติเสริมทัพ เฮียบีมยกแก้วขึ้นดื่มแล้วมองผมด้วยหางตา แก้วที่แม่งแย่งผมไปตอนนั้นแหละครับ
"เหนื่อยสัส!" ไอ้โชติทำตาวิบวับ กูรู้นะว่ามึงคิดอะไร!
"นอนกันกี่โมงอะ"
"เกือบตีสี่"
ไอ้บอมยกนิ้วขึ้นมานับ "สามชั่วโมงหลังจากกลับจากผับอะนะ? โหยแม่งโคตรฟิต"
"ก็เพื่อนมึงเสือกไม่ช่วยตัวเองเลย ลำบากกูชิบหายเนี่ย"
ไอ้เหี้ยยยยยย ประโยคนั้นกูรู้ครับว่าแม่งไม่มีอะไร แต่อีพวกจบโรงเรียนดิสนีย์นี่แม่งจินตนาการเลิศล้ำไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ยิ่งไอ้โชติ ไอ้สมองเหี้ยมันหันไปยักคิ้วกับไอ้หมอโต๊ดแล้วเอื้อมมือผ่านปันมาตบหน้าขากูเนี่ยยิ่งหงุดหงิด
"เน็ต ทีหลังมึงก็หัด
'ช่วยตัวเอง' บ้างสิวะ จะได้ไม่เหนื่อยเฮียเขา"
"พ่อมึง! ไม่ใช่แบบนั้นโว้ย" ผมโวยวาย ไอ้โชติหัวเราะชอบใจ "อะไร? แบบไหน? มึงคิดอะไรอยู่เนี่ยไอ้เน็ต อย่าร้อนตัวสิวะ"
เหี้ย! แม่งชอบรวมหัวแกล้งผมครับ ตลก ตลกสัดล่ะไอ้พวกเวร ขืนนั่งตรงนี้ต่อผมคงได้กลายเป็นขุดหลุมฝังตัวเองเรื่อยๆ ชิ่งแม่งดีกว่า ยิ่งอยู่นานจำเลยของหัวข้อ’เป็นเกย์หรือเปล่า’ จะเปลี่ยนจากเฮียมาเป็นผมไม่รู้ตัว
"กูไม่คุยด้วยแล้ว ไปดูดบุหรี่ละ"
"เออ ของกูหมดพอดี ขอตัวดิ" ไอ้หมอโต๊ดลุกตาม พวกที่นั่งอยู่เลยเลิกสนใจ ไอ้โชติสับไพ่ในมือแล้วหันไปถามเจ้าของห้องว่าสนใจจะร่วมแจมไหม พอเฮียพยักหน้ามันก็ร่อนไพ่แจกรอบวงคนละสองใบ
ปันหยิบไพ่ขึ้น แต่ตาของมันเงยสบกับผมครู่หนึ่ง ก่อนแววตานิ่งสนิทสีนิลคู่นั้นจะหลุบต่ำลงคลี่ไพ่ในมือดูแต้ม
"ป๊อกแปด สองเด้ง!"
ควันสีขาวพวกพุ่งลอยเหนืออากาศ กลิ่นเมนทอลตลบคลุ้งอยู่ในโพรงจมูกให้โล่งยาวไปถึงปอด ไอ้หมอเอนตัวพิงกับระเบียงขณะที่ผมเกาะขอบราวเอาไว้
"ว่างเหรอวะวันนี้ถึงถ่อกันมาถึงนี่ได้"
ผิดปกติครับ มหาลัยของพวกไอ้หมอมันไกลจากคอนโดเฮียพอตัว แล้วไอ้คนที่อัดควันบุหรี่เข้าปอดนี่โดยทั่วไปแล้วเวลาจะกระดิกเจี๊ยวยังไม่มี ทั้งเรียนหนัก ทั้งแฟนมันที่เรียนเภสัชที่เดียวกันอีก ไอ้หมอมันตี๋ครับ ตี๋หิด พวกผมเรียกมันอย่างนั้น
"ไม่ว่างเนี่ย เลยมา ห่าอะไรไม่รู้วุ่นวายชิบหาย"
"เรื่องไหน? เรียนหรือผู้หญิง"
ไอ้โต๊ดยกมือขึ้นลูบสกินเฮดมันแล้วถอนหายใจ "ก็ที่ไปเที่ยวครั้งก่อนนั่นแหละ กูได้สาวกลับไปแล้วอรแม่งจับได้ นี่กูง้อมาทั้งอาทิตย์แล้ว จะงอนห่าอะไรนักหนาไม่รู้"
"ลองให้อรไปนอนกับคนอื่นไหมล่ะ? ทำอะไรก็คิดถึงใจแฟนมึงบ้างเหอะ"
น้องอรนี่เป็นแฟนมันครับ เรียนอยู่เภสัชรุ่นน้องมันหนึ่งปี ผมปรายตามองไอ้หมอ ปกติมันไม่ใช่คนเจ้าชู้ประตูดิน วันนั้นแม่งไม่รู้คึกอะไรพอถูกปันยุเข้าหน่อยแม่งก็สอยสาวไปเปิดโรงแรมเฉยเลย
แล้วไงล่ะมึง พอเกิดเรื่องแล้วไอ้ตัวยุมันมาช่วยมึงแก้ปัญหาไหมครับ
"เออ แต่เรื่องกูนี่ยังไม่หนักเท่าไอ้บอม ไอ้ปัน ไอ้บูมหรอก"
อ้าว สรุปแม่งมีปัญหากันถ้วนหน้า? หมอโต๊ดอัดบุหรี่เข้าปอดอีกครั้งก่อนเล่าต่อ
"มึงรู้ใช่ไหมว่าวันนั้นไอ้ปันแม่งได้สาวกลับไปด้วยเหมือนกัน"
"เออ ไอ้โชติบอกกูแล้ว ดาวมนุษย์ ม.กูนี่ แม่งเจ๋ง"
ปันนภเป็นชายในอุดมคติสาวๆ หล่อ รวย เลว ครบสูตร และมันก็ใช้พรสวรรค์ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยครับ ควงสาวไม่ซ้ำหน้า หน้าหนึ่งๆก็อยู่ไม่เห็นจะพ้นเดือนสักที
"แต่ผู้หญิงเขาไม่วันไนท์สแตนด์กับมันว่ะ ตอนนี้ก็ตื๊อไอ้ปันอยู่"
มันน่าจะชินไม่ใช่เหรอ? ผมเห็นสาวๆวิ่งตามมันเป็นว่าเล่นตั้งแต่ ม.ปลายแล้ว ทว่าไอ้หมอส่ายหัวดิก "ดาวมนุษย์ที่ว่านั่นน่ะ เสือกเป็นเพื่อนไอ้บูม"
กริบเลยครับคราวนี้ สรุปก็คือปัญหาของบอม บูม ปันนี่คือเรื่องเดียวกันสินะ
"ที่ไอ้ปันกับไอ้บอมเครียดหนักคืออะไรรู้ไหม? ไอ้บูมแม่งสนิทกับหลิว สนิทโคตรพ่อโคตรแม่สนิทเลยไง"
อา...
นั่นแหละปัญหาใหญ่จริง
"แต่จะไปว่าปันคนเดียวก็ไม่ถูกไม่ใช่เหรอวะ เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก ทั้งผู้หญิงก็ง่ายเอง ไอ้บอมก็ด้วย คืนนั้นทำไมมันไม่เตือนๆกันบ้าง" ผมฉุนนิดๆ ไอ้โชติพูดอย่างกับปันมันไปล่อลวงเขามา เรื่องแบบนี้มันเกิดจากความสมัครใจไม่ใช่เหรอครับ ผู้หญิงนั่นก็ด้วยเจอกันไม่กี่ชั่วโมงไปนอนกับเขาแล้วยังจะคิดให้เขารับผิดชอบ แม่งตลกละ
"ไอ้บอมมันมัวแต่ขลุกอยู่กับมึงจะไปทันดูไหมว่าไอ้ปันไปหม้อใคร ส่วนหลิวน่ะมึงก็อย่าพูดแบบนั้นไป ผู้หญิงเขาเสียหาย ตอนนี้ก็ทำได้แค่ปิดกันอย่างเดียว กลัวผู้หญิงมันเอาเรื่องนี้มาปรึกษาบูมแล้วแม่งจะจับได้ว่าผู้ชายที่ไปหลอกฟันเพื่อนเลิฟมันเป็นเพื่อนพี่ชายตัวเอง"
"............"
"ถึงตอนนั้น ไอ้บูมต้องให้ไอ้ปันมันรับผิดชอบจริงจังกับหลิวแน่ๆ แม่งชอบทำตัวเป็นพระรองเหมือนพี่มันไม่มีผิด"
บูมมันเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนอื่น เรื่องนี้ผมรู้ดีเพราะมันเป็นน้องรหัสผม
นิสัยชอบเสียสละนี่เหมือนถ่ายทอดพันธุกรรมกันมา อย่างที่ไอ้หมอมันบอก ถ้าบูมรู้นี่เป็นเรื่องใหญ่แน่
"สงสารไอ้บอมว่ะ อกหักจากพี่ทรายแก้ว ระแวงเฮียว่าจะเป็นเกย์ แล้วยังต้องเป็นตัวกลางในเรื่องที่แม่งไม่เกี่ยวด้วยอีก"ผมพูดกลั้วหัวเราะ อัดบุหรี่จนปลายมวนเป็นสีส้มแดง ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ยืนดูดบุหรี่ด้วยกันแต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันยืนจ้องเสี้ยวหน้าของผมอยู่
"กูุถามจริงๆนะเน็ต.. มึงกับเฮียน่ะ..."
"อย่าไปบ้าจี้ตามไอ้บอมมัน กูมีคนที่ชอบอยู่แล้ว" ผมไม่สบตาโต๊ด กลัวจะถูกคาดคั้น แต่สายตาที่ทอดไกลออกไปกำลังแสดงออกมาให้เห็นว่าผมไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด ไอ้หมอจึงดูดบุหรี่ไปเงียบๆ
เรื่องนั้นเป็นความลับ โดยที่พวกมันรู้แค่ว่า ผมเองก็มีใครในใจเหมือนกัน
ความลับของผมที่กุมมาตลอดห้าปี
ถึงจะบีบให้ตาย ผมก็จะไม่ยอมพูดมันออกมา
------------------------------------------
COMPLETE Friend's brother Brother's friend 03
08/05/12