ตอนที่5
“กลับมาแล้วครับ”ผมเดินเข้าไปในครัวเพื่อทักทายป้าจำปีที่กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่
“กลับมาแล้วหรอน้องเกรว กลับซะเย็นเลย”ปกติโรงเรียนจะเลิกประมาณบ่าย3ครึ่ง ผมจะถึงบ้านไม่เกิน4โมงครึ่ง แต่เพราะผมหยุดเรียนไปหลายวันเลยมีงานที่ยังไม่ได้ทำส่งอาจารย์อยู่หลายวิชา ทำให้กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เกือบจะ6โมงครึ่งแล้ว
“พอดีเกรวต้องทำงานส่งอาจารย์ครับ เลยกลับช้า”ผมบอก ก่อนจะขอตัวไปเปลี่ยนชุดข้างบน
ห้องที่ผมพักอยู่ตอนนี้นั้นเป็นห้องนอนแขกที่ปกติจะไม่มีใครใช้ ซึ่งก่อนจะเดินไปถึงห้องของผมก็ต้องเดินผ่านห้องนอนของพี่นนต์ก่อน ไม่รู้ทำไมทั้งๆที่คิดว่าทำใจเรื่องคืนนั้นได้แล้ว แต่ทุกครั้งที่ต้องเดินผ่านห้องนี้ ตัวผมมันก็เกร็งสั่นไปหมด จนบ้างครั้งก็แทบก้าวขาให้พ้นประตูห้องนี้ไม่ได้
“พี่เกรว”ผมสะดุ้งตัวโย เมื่อได้ยินเสียงเรียกหันกลับมาก็เจอน้องกันต์ที่ในมือมีตุ๊กตากระต่ายสีน้ำตาล กำลังดึงชายเสื้อนักเรียนของผมอยู่
“คะ..ครับ”ผมตอบรับพร้อมหับเอามือลูบหัวน้องกันต์
“ไปไหนมา”น้องกันต์ช้อนสายตาถามอย่างสงสัย
“ไปโรงเรียนครับ น้องกันต์เหงาหรอ”ผมจุงมือน้องกันต์เดินไปที่ห้องตัวเอง โชคดีที่มีน้องกันต์เดินด้วยผมเลยเดินผ่านประตูห้องพี่นนต์ได้อย่าไม่ลำบากใจ
“กันต์ก็ไปโรงเรียนต์มา”น้องกันต์ส่ายหน้าก่อนจะตอบอย่างอารมณ์ดี
“น้องกันต์ไปโรงเรียนมาหรอ”ผมเปิดประตูห้องก่อนจะจูงมือน้องกันต์เดินเข้าไป น้องกันต์พยักหน้าแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงพร้อมมองสำรวจรอบๆห้องอย่างสนใจ
จะว่าน้องกันต์เองก็คงถึงวัยเข้าเรียนแล้ว เคยได้ยินว่าอยู่ที่เชียงใหม่ก็เข้าเตรียมอนุบาลแล้ว เพราะย้ายกลับมาที่กรุงเทพกะทันหัน เลยหยุดเรียนไประยะหนึ่งซินะ
“แล้วสนุกไหมครับ”ผมเอากระเป๋าไปวางแล้วเดินมาหาน้องกันต์ที่เตียง
“สนุกครับ มีเพื่อนเยอะเลย แต่ไม่มีจี”น้องกันต์พยักหน้าก่อนจะตอบด้วยเสียงติดเสียดายที่ไม่เห็นเพื่อนที่โรงเรียนเก่าในโรงเรียนใหม่
“เดี๋ยวสักวันต้องได้เจอกันแน่ครับ”ผมปลอบพร้อมลูบหัวน้องกันต์เบาๆ
ผมไม่ค่อยรู้เรื่องน้องกันต์เท่าไหร่นัก เพราะตั้งแต่พี่นนต์แต่งงานก็ย้ายออกจากบ้านไปอยู่เชียงใหม่เลย เพราะพี่นนต์ตั้งใจที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั้น ผมไม่ค่อยรู้เรื่องแม่ของน้องกันต์มากนัก รู้แค่ว่าพี่นนต์หย่ากับเธอเมื่อ3ปีก่อน ซึ่งในตอนนั้นน้องกันต์อาจจะเพิ่งคลอดออกมาก็ได้
พอมองน้องกันต์ก็ทำให้นึกถึงเรื่องตัวเองในสมัยเด็กๆ ผมจำได้ลางๆว่าผมอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่สีขาว มีสนามหญ้าที่มีต้นไม้ปลูกเต็มไปหมด มีพ่อและแม่ที่ใจดี เมื่อผมนึกถึงผมได้ยินแต่เสียงหัวเราะของพวกท่านที่ฟังดูเต็มไปด้วยความสุข แต่กลับไม่เคยเห็นใบหน้าของพวกเขาเลย ผมจำได้แค่นั้น มันเลื่อนลางจนบ้างครั้งอาจจะเป็นเพียงแค่จิตนาการที่ผมสร้างขึ้นมาหลอกตัวเองก็ได้
หากผมมีชีวิตอย่างที่คิดจริง แล้วทำไมผมถึงถูกบังคับให้ไปขายพวงมาลัยกลางสี่แยกแบบนั้นล่ะจริงไหมครับ
“พี่เกรว ๆ”เพราะมั่วแต่เม่อ จมไปกับความคิดของตัวเองจนน้องกันร้องเรียกหลายครั้ง
“หืมห์”ผมตอบรับเสียงเรียกเล็กนั้นอย่างไม่ค่อยมีสตินัก
“หิวแล้ว”น้องกันพูดเสียงอ้อนก่อนจะมองที่ท้องป่องเล็กๆของตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มอย่างเขินอาย ถึงเเม้จะไม่มีแม่แต่พี่นนต์ก็เลี้ยงน้องกันมาได้อย่างดีที่สุด ผมรับรู้ได้ถึงสิ่งที่น้องกันต์เป็น เด็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาใจใส่ในครอบครัวที่อบอุ่นมักจะมีบรรยากาศรอบตัวที่สดใสและน่ารักเสมอ
“งั้นไปกินข้าวกันต์ พี่นนต์เอ่อ คุณพ่อน้องกันต์อาจจะกลับดึกน้องกันต์ไปกินพร้อมพี่เกรวกัน”ผมบอก พร้อมลูบหัวเบาๆอย่างเอ็นดู น้องกันพยักหน้ารับ ผมเลยขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน หลังจากนั้นก็พาน้องกันต์เดินลงมาข้างล่างเพื่อทานอาหารเย็น
ตอนนี้เกือบจะสองทุ่มแล้ว แต่พี่นนต์ยังไม่กลับ ผมเลยอาสาไปพาน้องกันต์ไปอาบน้ำแล้วเตรียมตัวเข้านอน เพราะน้องกันต์ดูจะง่วงแล้ว
“คุณพ่อล่ะ คุณพ่ออยู่ไหน”ผมอุ้มน้องกันต์วางลงบนเตียงในห้องนอนของผม ตอนแรกน้องกันต์หลับไปแล้วแต่พอผมวางลงที่บนเตียงก็งัวเงียตื่นขึ้นมา ถามหาพี่นนต์
“คุณพ่อยังไม่กลับครับ น้องกันต์นอนก่อนเลยครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน”ผมบอกพร้อมกับตบหลังเบาๆเป็นเชิงกล่อมให้น้องกันต์นอน ที่จริงน้องกันต์นอนที่ห้องพี่นนต์ผม แต่เพราะไม่รู้ว่าคืนนี้พี่นนต์จะกลับมาไหมหรือจะกลับดึกแค่ไหน ผมเลยไม่กล้าให้น้องกันต์นอนห้องโน้นคนเดียว อีกอย่างผมก็ไม่กล้าที่จะเปิดประตูเข้าไปที่ห้องนั้นด้วย เลยตัดสินใจพาน้องกันต์มานอนห้องผมแทน
น้องกันต์หลับลงอีกครั้งอย่างง่ายด้าย ผมเลยเข้าไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวนอนเหมือนกัน พรุ่งนี้บาสบอกจะมารับผมไปโรงเรียนพร้อมกัน ถึงผมจะปฏิเสธแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมฟังจะมารับท่าเดียว ผมเลยกะจะตื่นแต่เช้าผมไม่อยากให้บาสมารอ เพื่อทางนั้นตื่นเช้าขึ้นมา
อาบน้ำสระผมเสร็จผมก็เดินออกมาเพื่อจะแต่งตัว ผมชอบออกมาแต่งตัวนอกห้องน้ำครับ เพราะไม่อยากให้เสื้อผ้าชื้น ผมเองก็ค่อนข้างซุ่มซ้ามด้วย กลัวจะทำเสื้อผ้าที่จะใส่หล่นลงพื้น
“คุณพ่อ”ผมพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวไว้แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำตามปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติกลับอยู่ตรงหน้าผม
พี่นนต์ที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตอนไหน กำลังนั่งอยู่บนเตียง มือกำลังลูบหัวน้องกันต์อยู่ ทั้งสองคนพ่อลูกหันมามองที่ผมโดยอัตโนมัติ ส่วนผมก็ได้แต่ยืนเปลือยท่อนบนโดยที่ท่อนล่างมีเพียงแค่ผ้าขนหนูพ้นไว้อย่างเหม่นเหม่
“จะยืนอ่อยอีกนานไหม”พี่นนต์พูดเสียงเย็นติดไม่พอใจ ผมเลยรีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าที่มีชุดนอนห้อยเตรียมไว้แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
แอบน้อยใจพี่นนต์ไม่น้อยที่ว่าผม ทั้งๆที่ตัวเองเข้ามาห้องของผมโดยไม่ได้รับอนุญาตแท้ๆ
“จะนอนในนั้นหรือยังไง จะอยู่ในนั้นไปถึงเมื่อไหร่”หลังจากที่ผมใส่ชุดนอนเสร็จ ก็ยืนอยู่ในห้องน้ำเพื่อรอให้พี่นนต์กลับก่อน เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับพี่นนต์ตอนนี้ แต่ผ่านไม่สักพักพี่นนต์ก็มาเคาะประตูเรียกผมออกไป
“..........”กะจะยืนทำเตรียมใจต่ออีกหน่อย แต่ก็ทนเสียงเคาะประตูเร่งอีกครั้งไม่ไหว ผมเลยเปิดประตูห้องน้ำออกมา
พี่นนต์ยืนกอดอกพิงขอบประตูห้องน้ำ หรี่ตามองว่าที่ผมอย่างตำนิ ส่วนน้องกันต์ตอนนี้หลับสนิทลงอีกครั้ง
“พี่นนต์มีอะไรหรือเปล่าครับ”หลังจากเปิดประตูห้องน้ำออกมาพี่นนต์ก็เอาแต่ยืนจ้องผมไม่พูดไม่จา จนผมทนกับบรรยากาศน่าอึดอัดนี้ไม่ได้เลยถามออกไป
“เดี๋ยวนี้พี่ต้องมีอะไรหรือไง ถึงจะเรียกเราให้ออกมาเจอหน้าพี่”พี่นนต์ยืนตัวตรงก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ ใกล้จนผมได้กินน้ำยาคาเชื้อที่ใช้ในรพ. มันไม่ได้เหม็นหรือฉุนหรอกนะครับ แต่ก็นั้นแหละ จะบอกแค่ว่าเรายืนใกล้กันจนผมได้กลิ่นที่ติดมาจากรพ.
ผมเลยถอยหลังทันทีที่พี่นนต์เริ่มขยับเข้ามาใกล้ แต่เพราะความไม่ระวัง พื้นที่ผมถอยหลังไปนั้นเป็น พื้นลดระดับลง เพื่อไม่ให้น้ำไหลออกจากพื้นห้องน้ำมาในส่วนของพื้นห้อง เลยทำให้ผมเสียหลักเกือบจะล้มหงายหลัง แต่โชคดีที่พี่นนต์คว้าตัวผมไว้ได้ทัน
เหมือนเวลาหยุดนิ่ง หัวใจผมเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ร่างกายสั้นสะท้าน ภาพคืนนั้นลอยเข้ามาในหัวจนผมเผลอผลักพี่นนต์ออกห่างอย่างไม่เบาแรง ด้วยความตกใจ พี่นนต์ก็ยอมคลายอ้อมแขนที่ประคองผมไว้ออกอย่างง่ายดาย
“ขอโทษครับ”ผมบอกขอโทษเสียงอูอี้เริ่มรู้สึกผิดเมื่อเห็นสีหน้าพี่นนต์ที่ดูเหมือนตกใจกับการกระทำของผม
“ที่หลังก็ระวังหน่อย”พี่นนต์ว่าแค่นั้นแล้วหันหลังเดินไปเปิดประตู ก่อนจะหยุดค้างไว้แบบนั้น
“พรุ่งนี้เช้ามีธุระอะไรหรือเปล่า”พี่นนต์หันมาถาม
“เอ่อ คือพรุ่งนี้ลูกชายคุณหญิงน้ำทิพย์ข้างบ้าน ที่เพิ่งย้ายมาเรียนที่โรงจะมารับไป โรงเรียนพร้อมกันครับ”ผมตอบตามจริง
“โทรไปบอกเขาไม่ต้องมา พรุ่งนี้พี่จะไปส่งพร้อมกันต์ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องไปช่วยงานในครัว ช่วยกันต์เตรียมตัวไปโรงเรียนแทน เข้าใจไหม”ไม่ปล่อยให้ผมได้พูดแทรกเพื่อโต้แย้ง พี่นนต์พูดจบก็เลิกคิ้วถามแกมบังคับ
“ครับ”ผมเลยได้แต่ตอบรับเพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องโต้แย้ง แม้จะแบรู้สึกไม่พอใจนิดๆก็ตาม
พี่นนต์เดินออกจาห้องไปทั้งทีที่ผมรับปาก ผมเลยกะโทรไปบอกบาสเรื่องยกเลิกไม่ต้องมารับ แต่โทรไปเบอร์มือถือก็ไม่มีคนรับ จะโทรไปเบอร์บ้านก็เกรงใจเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว ผมเลยไม่ได้โทรไป เอาไว้โทรตอนเช้าอีกที
ผมก็เลยเข้านอน และทำใจเตรียมพร้อมสำหรับกิจวัตประจำวันที่ต้องเปลี่ยนไปตั้งแต่วันพรุ่งนี้
....................................................
“วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกตินิดหน่อย เพื่อไปเตรียมเสื้อผ้าและข้าวของของน้องกันต์ที่จะไปโรงเรียนอนุบาล หลังจากจัดเตรียมข้าวของของน้องกันต์ที่จะไปโรงเรียนเรียบร้อยแล้วผมก็ไปจัดการตัวเอง อาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จและร้อยเพื่อให้น้องกันต์ได้นอนต่ออีกนิด
“น้องกันต์ครับ ตื่นเถอะ”เมื่อผมจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วผมก็เดินไปปลุกน้องกันต์ที่นอนอยู่บนเตียงกับผมตั้งแต่เมื่อคืน
“งืมมม”น้องกันต์ขยับตัวหนีมือผมที่เขย่าตัวเบาๆเพื่อให้ตื่น
“เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะครับ พี่นนต์ เอ้ย คุณพ่อจะรอนานนะครับ”ผมบอกอีกครั้งน้องกันต์ลืมตาขึ้นมาพร้อมใช้หลังมือขยี้ตาเพราะความง่วง ก่อนจะหันมาจ้องน้าผม แล้วพยักหน้ารับในสิ่งที่ผมพูดเมื่อกี้
หลังจากน้องกันต์ตื่นผมก็พาน้องกันต์ไปอาบน้ำแต่งตัว พอเสร็จก็พาลงมาข้างล่างเพื่อทานอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียน ตะอาหารถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว วันนี้เป็นแบบอเมริกันที่มีขนมปังปิ้ง ไส้กรอกและไข่ดาว ผมเลยพาน้องกันไปนั่งที่โต๊ะ ซึ่งตอนนี้เก้าอี้สำหรับเด็กที่คุณลุงธนต์เคยสั่ง มาส่งแล้ว น้องกันต์เลยนั่งทานมื้อเช้าได้อย่างสะดวก
“มีอะไรในเกรวช่วยไหมครับ”ผมถามป้าจำปีที่ยกน้ำส้มคั้นเย็นๆมาเสริฟให้
“ไม่มีอะไรแล้วจ้า น้องเกรวดูแลคุณหนูเถอะ อีกเดี๋ยวคุณนนต์คงลงมา”ป้าจำปีว่ายิ้มๆก่อนจะรินน้ำส้มใส่แก้วทั้งสามใบให้
ผมลงมือทานมื้อเช้ากับน้องกันต์เพื่อรอพี่นนต์ได้สักพักพี่นนต์ก็ลงมา
“คุณพ่อ”น้องกันต์ที่ในมือยังมีขนมปังปิ้งกับไส้กรอกอันเล็กๆ ร้องเรียกพี่นนต์ตั้งแต่ใกล้
“กินอยู่อย่างพึ่งพูดครับ”พี่นนต์เดิมมาจูบที่หัวน้องกันต์พร้อมกล่าวเตือนไม่จริงจัง ก่อนจะไปนั่งที่หัวโต๊ะใกล้กับน้องกันต์แล้วยกกาแฟที่พี่ษาเอามาเสริฟขึ้นดื่ม พร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย
พอพี่นนต์มาร่างกายของผมมันก็เกร็งโดยอัตโนมัติ ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าพี่นนต์ยังโกรธเรื่องที่ผมเผลอผลักเมื่อคืนหรือเปล่า
ปริ๊นปริ๊น
ก่อนที่ผมจะคิดอะไรไปไกลกว่านี้ผมก็ได้ยินเสียงแตรรถบีบไม่ดังมากนักที่หน้าทางเข้าบ้าน ทุกคนในห้องอาหารหันไปมองทางต้นเสียงเป็นทางเดียวกันหมด
“ใครมาเช้าขนาดนี้กัน”พี่นนต์พูดขึ้น ทำให้ผมนึกขึ้นได้ทันทีว่าผมยังไม่ได้โทรไปบอกบาสเรื่องที่จะไม่ไปโรงเรียนพร้อมบาสวันนี้เลย
“นั้นซิค่ะ เพิ่งจะเจ็ดโมงกว่าเอง”ป้าจำปีพูดเสริม พร้อมทำท่าจะเดินออกไปดู
“น่าจะเป็นบาสเพื่อนเกรวเอง ขอโทษครับเดี๋ยวเกรวไปดูเอง”ผมบอกอย่างร้อนรน พร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ไม่ต้อง ใครอนุญาตให้ลุกออกจากโต๊ะทั้งๆที่คนอื่นยังทานไม่เสร็จ” แต่ก็ถูกพี่นนต์พูดเสียงต่ำหยุดไว้
TBC.............................................
ว่าจะลงตั้งเเต่กลางวันแต่หลับยาวกว่าจะตื่นก็เกือบเที่ยง เลยเพิ่งลง
ช่วงนี้ยุ่งๆเรื่องเรียนกับทำโปรเจ็คจบ เลยไม่ค่อยมีเวลาได้มาลง ขอโทษนะ
ถ้าว่างๆเมื่อไหร่จะพยายามเเวะมาลงเรื่อยๆ ทุกคนอาจจะรอนานไปหน่อยบ้างอย่างเพิ่มเลิกอ่านกันนะ
อย่าลืมอ่านเเล้วรู้สึกยังไงคอมเม้นต์เเสดงความคิดเห็นกันหน่อย นี่ทุกวันนี้ไม่รู้เลยว่าทุกคนอื่านเเล้วรู้สึกยังไง มันดีไหมหรือยังไง หรือยังไม่คนอ่านอยุู่ไหมบางทีก็สงสัย5555