ผมตื่นขึ้นในตอนสายๆ หันไปมองข้างกายก็พบกับความว่างเปล่า ความรู้สึกแรกคือใจหายแต่ก็ยังปลอบใจตัวเองว่าคนที่ผมมีสัมพันธ์ด้วยเมื่อคืนอาจอยู่ในห้องน้ำ แต่เมื่อไปเปิดห้องน้ำดูก็ไม่เห็นใคร เดินสำรวจรอบคอนโดแต่ก็ไม่มีไอ้ตัวเกรียนสิงอยู่มุมไหนเลย
“ไปตอนไหนวะเนี่ย” ปกติผมไม่ใช่คนหลับลึก ออกจะหูไวซะด้วยซ้ำแต่เมื่อคืนกว่าจะจัดการทำความสะอาดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้จ้าวเสร็จก็ปาเข้าไปตีสอง อาบน้ำเสร็จก็ปลุกมันให้ตื่นกินยาเพราะมันมีไข้ต่ำๆ ได้นอนจริงๆ ก็ตีสี่
“รู้งี้กอดไว้ก็ดีหรอก ตื่นมาจะได้เคลียร์กันให้รู้เรื่อง” ผมบ่นกับตัวเอง ก็เมื่อคืนผมงอนมันน่ะสิ โกรธที่มันทำให้ผมผิดความตั้งใจของตัวเองที่จะไม่มีเซ็กส์ถ้ามันยังไม่มีสติรับรู้ ที่ผมบอกจะรุกก็คือจะรุกจีบมันแค่นั้น ไม่ได้จะรุกเอามันซะหน่อย
“เฮ้ออ ชุดอะไรก็ไม่เปลี่ยน กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ พวงกุญแจก็อยู่ในลิ้นชักเหมือนเดิม แล้วมึงออกไปยังไงวะจ้าว” รู้สึกเป็นห่วงจนต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปตามหามันที่หอ
ผมขับรถเร็วที่สุดเท่าที่เคยขับมา พอถึงก็รีบขึ้นไปเคาะประตู รออยู่นานแต่ก็ไร้วี่แววสิ่งมีชีวิต
“เอาไงดีวะเนี่ย ใจคอไม่ดีเลยว่ะ” ขบคิดจนรู้สึกแสบร้อนทรวงอก สงสัยเครียดลงกระเพาะซะแล้วเพราะมองนาฬิกาก็เกือบบ่ายแต่ข้าวสักเม็ดยังไม่ตกถึงท้อง
เมื่ออับจนปัญญาผมจึงกดโทรศัพท์หาไอ้ดินทันที “มึงรู้จักบ้านไอ้จ้าวมั้ยวะ”
“ไม่รู้เว้ย กูไม่ใช่ผัวมัน” เหนื่อยหน่ายกับไอ้ห่านี่เป็นอันดับสองรองจากไอ้จ้าว เมื่อก่อนมันเป็นอันดับหนึ่งนะแต่พอเจอจ้าวเข้าไป ไอ้ดินก็เทียบไม่ติดฝุ่นเลยสักนิด อาจเป็นเพราะผมคิดกับจ้าวในแบบคนรักไม่ใช่เพื่อนด้วยล่ะมั้ง
“กูจะหาตัวมันได้ไงวะเนี่ย ช่วยกูคิดดิ๊” รู้สึกร้อนใจอย่างหนัก สงสัยวันนี้ผมคงต้องโดดเรียน
“ก่อนมึงจะให้กูคิด มึงควรบรรยายฉากเรตยี่สิบบวกให้กูฟังก่อนนะครับทั่นผู้บริหารหญ่ายยยย” ก็ว่าแล้วว่าไอ้ดินคงไม่ปล่อยให้ผมมีความลับกับมันหรอก
“รู้แค่ว่ากูเอากับมันไปแล้วและกูก็อยากรับผิดชอบ” ผมบอกไปอย่างแมนๆ
“ถามหน่อยว่าตอนมึงเอากัน ไอ้จ้าวมันรู้ตัวมีสติรึเปล่า ถ้ามีก็แล้วไปแต่ถ้าไม่มีกูว่ามึงควรมาให้กูเป่ากระหม่อม ลงนะหน้าทอง ทำของให้ดีกว่า” ผมถอนหายใจหนัก ไม่รู้คิดถูกมั้ยที่ปรึกษามัน
“ยังไงมันก็เป็นเมียกูแล้วไอ้ดิน ก็แค่ไปบอกมันให้มาอยู่ด้วยก็ไม่เห็นจะยากเลย” ผมเชื่อว่าลึกๆ มันต้องรับรู้ได้ว่าผมเป็นใครและคงไม่ปฏิเสธหรอกเพราะเมื่อคืนมันก็ไม่ได้ต่อต้านผมเสียหน่อย
“ไอ้จ้าวมันเป็นโคลนนิ่งกูเลยนะเว่ย ถอดรหัสโครโมโซมกูมาเป๊ะๆ แต่ที่หนักกว่าคือมันโง่ด้วย โง่แบบโง่ใสใสไม่ได้แอ๊บ แล้วทำไมมึงถึงคิดว่าจะเอาคนที่เรื้อนบ้ากว่ากูได้อยู่หมัดวะไอ้บั๊ค” นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมก็คิดอยู่เหมือนกันแต่ผมก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าน่าจะเอาอยู่
“กูก็ไม่มั่นใจแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะยากกว่าความจริงใจของกูนะ”
“ถ้าไม่ยากก็ดีไป แต่ถ้ายากล่ะ มึงคิดว่าคนแบบกูจะทำยังไงกับสิ่งที่กูไม่ยอมรับ” ผมคิดตามแล้วตอบมันอย่างเซ็งๆ
“ก้าวข้ามหัวกูไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่ได้ทำเหมือนเกลียด แค่ทำเป็นว่าทุกอย่างปกติและ..” ผมถอนหายใจเพราะรู้สันดานคนแบบไอ้ดินดีกว่าสันดานตัวเองซะอีก “ทำทุกอย่างตรงข้ามกับสิ่งที่กูต้องการทั้งหมด”
“แล้วถ้าหนักกว่านั้น” ไอ้ดินกดดันต่อเนื่อง
“หาคนอื่นมาแทนกูเพื่อลบความหลังที่มันคิดว่าไม่มีความหมาย”
“ถ้าหนักกว่านั้นอีกล่ะ”
“โว้ยย ไม่ต้องหนักกว่านี้แล้วไอ้ห่า กูทนไม่ได้ตั้งแต่มันทำเป็นไม่สนแล้วโว้ย!!” ใจผมร้อนรุมขึ้นมาทันที แค่คิดก็แทบจะทนไม่ไหว ผมยอมรับว่ากลัวเพราะผมรู้จักไอ้ดินดีและผมก็รู้จักไอ้จ้าวดีพอๆ กัน ผู้ชายด้วยกันมันดูกันออกว่าสันดานและวิธีการตัดสินใจจะออกมาแนวไหน
ไอ้จ้าวไม่ใช่เกย์แต่มันไม่ใช่คนที่จะแคร์ในเรื่องแบบนั้นหรอก ออกจะไม่แคร์อะไรเลยซะมากกว่า มันเป็นคนรักอิสระและมองทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกโดยสามารถปรับตัวเพื่อให้อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่มันฝันได้อย่างดี
“จะจัดการคนอย่างกู ก็ต้องให้กูช่วย” ไอ้ดินเสนอ
“ก็คงไม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้แล้วล่ะ เฮ้อ” ผมเล่าเรื่องที่ไอ้จ้าวมันหายไปเมื่อเช้าอีกนิดหน่อย ไอ้ดินบอกให้ใจเย็น เพราะไอ้จ้าวมันเป็นเด็กที่เอาตัวรอดเก่ง มันไม่ไปโดยที่ไม่มีทางหนีทีไล่เพราะฉะนั้นก็ยังไม่ต้องตามหา
ไอ้ดินให้ผมไปหาที่ร้านเพื่อคุยกันเรื่องแผนการ เมื่อไปถึงมันก็รอท่าอยู่ในห้องผู้จัดการร้านเหล้าเมาดินของมันเรียบร้อยแล้ว
‘ร้านเมาดิน’ เปิดตัวขึ้นเพราะเจ้าของเป็นพวกมนุษย์สังคมจัด เพื่อนฝูงไอ้ดินเยอะจนมันเสียดายเวลาที่จะต้องเทียวไปกินเหล้าร้านอื่นก็เลยเปิดร้านของตัวเองซะเลย ร้านอาหารกึ่งผับ ด้านนอกเป็นสวนร่มรื่นและมีห้องกระจกขนาดใหญ่ที่เป็นโซนอึกทึกเอาไว้ให้พวกชอบตึ๊ดได้โยกขยับกันได้อย่างเมามัน
ฐานะที่บ้านไอ้ดินจัดว่าเศรษฐี ป๋ามันเป็นผู้แทนจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ดังระดับโลกแต่มันเป็นลูกเมียน้อย แม่มันถูกตากับยายยกให้พ่อมันเพราะเป็นหนี้บุญคุณและพ่อมันก็รักแม่มันมาก แต่เมียหลวงก็เหมือนในละครนั่นแหละครับ ใจร้ายกดขี่และเหยียดหยามพยายามข่มทุกวิถีทางจนแม่มันตรอมใจจนตาย ไอ้ดินเลยขอพ่อออกมาใช้ชีวิตอิสระ เรียนเองหาเงินเองจนเปิดร้านของตัวเองได้ มันค่อนข้างแข็งแรงและหัวแข็งแบบฉลาดก็เลยมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข
“เมื่อกี้พี่ดอทมาหาว่ะ” มันทำหน้าเซ็ง เมียหลวงพ่อมันมีลูกชายคนเดียวชื่อดอทอายุมากกว่ามันสามปีและเปิดโมเดลลิ่งและห้องเสื้อไฮโซ
“มาทำไมวะ ไม่ได้อะไรกันมาตั้งนานแล้ว” ผมนั่งลงบนโซฟารับแขกในห้องทำงานของมัน
“ขอให้ไปเดินแบบแทนนายแบบที่โดนรถชน ไอ้ห่าเอ้ย แม่งจะรอให้พ้นงานไปก่อนแล้วค่อยเจ็บค่อยตายก็ไม่ได้” มันพูดพร้อมกับเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างซังกะตาย
ไอ้ดินมันหล่อเท่รูปร่างก็เพอร์เฟ็คเพราะออกกำลังกายเข้าฟิตเนสไม่ได้ขาด มันเคยเดินแบบให้ป๋ามันสามครั้งแต่ตอนนั้นเดินเพราะป๋าขอและพี่ดอทก็ยังไม่ได้ทำโมเดลลิ่ง มีแต่คนสนใจชวนมันถ่ายแบบชวนเข้าโมฯ แต่ไอ้ดินไม่ชอบก็เลยไล่ตะเพิดกลับไปรายแล้วรายเล่าจนในที่สุดก็ไม่มีใครมายุ่งกับมันอีก
“แล้วมึงยอมเหรอ” ผมถาม
“แม่ใหญ่โทรมาบอกว่างานนี้เป็นงานการกุศลของป๋า เป็นงานประมูลนาฬิกาฝังเพชรรุ่นลิมิเต็ดที่ป๋ามีไว้ครอบครองมีแค่สองเรือนในโลก ป๋าเชิญดีลเลอร์ทั้งในไทยและต่างประเทศมาร่วมประมูลและป๋าไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดแม้แต่อย่างเดียว”
“แล้วทำไมป๋าไม่โทรมาเองวะ แค่ป๋าขอก็จบ” ผมถาม
“โทรมาเมื่อกี้หลังจากแม่ใหญ่วางสายไปสักพัก ป๋าบอกว่ามอบหมายให้โมฯพี่ดอทรับงานไปด้วยจำนวนเงินไม่น้อย ป๋าบอกว่าปล่อยให้พี่ดอทจัดการเอาเอง มันโตแล้ว รับงานแล้วก็ต้องแก้ปัญหาให้ได้ ถ้ากูไม่ชอบก็ไม่ต้องฝืน” ไอ้ดินทำหน้านิ่งขรึม มันรักป๋ามันมากและเขาก็รักมันมากเหมือนกัน
ป๋ามันตามใจและคอยสนับสนุนอยู่ห่างๆ ถึงไอ้ดินจะหางานทำส่งเสียตัวเองแต่ป๋าจะแอบไปฝากฝังลูกชายและเป็นสปอนเซอร์ให้ที่นั่นจนเขาขึ้นเงินเดือนให้ไอ้ดินพรวดๆ จนในที่สุดมารู้ความจริงตอนที่ได้ยินเจ้าของร้านคุยโทรศัพท์กับป๋ามันนั่นแหละ แต่ไอ้ดินไม่โกรธนะ มันเก็บเอาไว้เป็นความประทับใจที่อย่างน้อยป๋าก็ไม่ได้ละเลยชีวิตมันถึงแม้มันจะดื้อออกมาจากบ้านแต่เขาก็ยังติดต่อมาหาและนัดกินข้าวด้วยอย่างสม่ำเสมอ
“แล้วมึงจะเอาไง” ผมถาม
“มีพ่ออยู่คนเดียว ไม่ช่วยพ่อจะให้ช่วยใครวะ” มันพูดแล้วหมุนเก้าอี้ทำงานสองสามรอบ ไอ้นี่ทำตัวอย่างกับเด็ก
“เกิดมาหล่อก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ” ผมแซว อยากคลายเครียดให้มันบ้าง
“หล่ออย่างกูไม่เสียของเว้ย ไม่เหมือนมึง ผู้ชายยิ่งมีน้อยแต่มึงก็สอยกันเองซะงั้น” มันเดินมายืนค้ำหัว เท้าสะเอวมองผมอย่างน่าหมั่นไส้
ผมยักไหล่ “ทำไงได้วะ สอยไปแล้ว”
“มิน่า น้องน้ำตาลทั้งหวานทั้งอึ๋ม มึงกลับวิ่งหนีซะจนแม่มึงต้องออกโรงเป็นแม่สื่อซะเอง” น้ำตาลเป็นลูกของหุ้นส่วนบริษัท พ่อเธอเป็นเพื่อนกับแม่และผู้ใหญ่ก็หวังให้ดองกัน แต่ผมไม่ชอบเธอเลย เคยเห็นในร้านไอ้ดินนี่แหละว่าเธอมากับเพื่อนและนัวเนียกับผู้ชายอยู่ในโซนห้องกระจก ตอนนั้นเธอไม่เห็นผมหรอกแต่ผมเห็นอย่างถนัดชัดเจนว่าไม่ได้นัวแค่คนเดียวแต่ตั้งสาม เหอะ ผู้หญิงสมัยนี้
“มันไม่เกี่ยวกับน้ำตาล มันเกี่ยวกับว่ากูปิ๊งของกูเอง ชัดปะ” ผมมองมันอย่างเคืองๆ
“โคตรแมนว่ะเพื่อนกู เฮ้ยไม่ใช่สิ ต้องบอกว่า โคตรเกย์ กร๊ากกกกก” อยากถีบยอดหน้า นี่ผมมาปรึกษาถูกคนรึเปล่าวะ
“สาธุ ขอให้งานเดินแบบการกุศลที่มึงจะไปมีหนุ่มหน้าหล่อมาสะดุดตีนจนมึงยอมพลีตูดให้ด้วยเถ๊อะ เพี้ยงงง” ผมยกมือท่วมหัว
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ยากส์” มันหัวเราะอย่างกับคนเสียสติ “คนอย่างกูไม่นิยมดุ้น ถ้าไม่สวยใสวัยเยี่ยวหวานอย่าคิดว่ากูจะสน” บอกได้คำเดียวว่าเสื่อม “ถ้าชาตินี้กูปิ๊งผู้ชายนะ กูจะยอมเป็นฝ่ายรับให้เลยเอ๊า” แหม่ มั่นใจเหลือเกินนะมึง ขอให้ได้ขอให้โดนทีเถ๊อเจ้าประคู้ณณณ
“คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน อย่าดูถูกบุพเพอาละวาดนะมึง” ผมพูดคำที่มันเคยบอกแต่คงไม่ชั่วพอที่จะเล่นพระเล่นเจ้าอย่างมัน
“อั๊ยย่ะ ยอกย้อนซ่อนเงี่ยนกับพี่เหรอน้อง มามะ ถ้าเงี่ยนมากเดี๋ยวพี่ดินจะสวนให้น้องบั๊คเอง” มันมายืนคร่อมแล้วจับหน้าผมเข้าไปใกล้จนผมยกตีนถีบมันให้ออกห่าง “เชี่ย! ไข่กู จุกฉิบหายไอ้สัด! มานวดไข่ให้กูเลย!!” สงสัยจะโดนเข่า สมน้ำหน้า
“เข้าเรื่องเหอะ ก่อนที่กูจะฆ่ามึงไอ้ดิน” ชอบเล่นอะไรงี่เง่า น่าสงสารคนที่เป็นคู่มันว่ะ คงปวดหัวกว่าที่ผมปวดหัวกับไอ้จ้าวหลายเท่า
“ถ้ากูเป็นหมันกูจะไปฟันไอ้จ้าวแก้แค้น” พูดจบปุ๊บหัวมันก็โดนตบปั๊บ “โอ๊ย! ไอ้บั๊ค! ตบหาพ่อมึงเหรอ แตะไม่ได้เลยนะเมียเรื้อนของมึงเนี่ย” มือนึงกุมเป้า อีกมือลูบหัวป้อยๆ สมน้ำหน้าอยากปากหมาดีนัก
“บอกแผนมึงมาดีดี ก่อนที่จะตายคาตีนกู” ผมขู่
ถึงไอ้ดินจะเป็นเจ้าพ่อฟิตเนส แต่ผมก็ไม่แพ้มันนะครับ ผมนักกีฬาเทควันโดสายดำแชมป์กีฬามหาวิทยาลัยสองปีซ้อน ก่อนจะออกมาดูแลบริษัทจนไม่ค่อยได้ไปฝึกซ้อมแต่ก็ยังไปยิมอยู่บ้างเพื่อออกกำลังกาย
“เออๆ มึงนี่เย็นได้ทุกเรื่องเน๊าะ ยกเว้นเรื่องไอ้ห่าจ้าวเจี้ยวเนี่ย ไม่รู้มีอะไรดี” มันบ่นแล้วเดินไปรินน้ำกิน ลีลาท่ามากไม่มีใครเกิน “ถ้ามึงอยากได้มันโดยละม่อม ต้องเล่นเกม” แล้วมันก็บอกแผนการทั้งหมดให้ผมฟัง “แผนกูก็ประมาณนี้” มันสรุปในที่สุด
“ไม่ง่ายเลยนะมึง ซับซ้อนไปปะวะ”
“มึงเชื่อกู ซับซ้อนแบบซีรี่ส์เกาหลีงี้แหละเด็ดนัก เดี๋ยวกูกำกับให้เอง ให้ชื่อซีรีส์ว่า ‘รักนี้เข้าข้างหลัง’ ก๊ากกกกกก” ก็ปากมันเป็นซะแบบนี้ถึงได้ไม่มีแฟนซะที จีบใครก็ติดง่ายเหมือนไปซื้อของในเซเว่น แรกๆ สาวเจ้าก็ติดแจอยู่หรอก แต่พออยู่ได้ไม่ถึงเดือนก็ทนปากมันไม่ได้ขอเลิกไปซะทุกราย
ผมคิดตามแล้วก็เห็นด้วย ไอ้ดินมันเจ้าแผนการมาตั้งแต่เด็ก เคยชวนผมไปแอบดูพี่ต้อยติ่งคนงานก่อสร้างที่อยู่ไซด์งานแถวหมู่บ้าน แต่ผมไม่เอาด้วยเพราะพี่ต้อยติ่งมันแปลกๆ ผู้หญิงอะไรเสียงใหญ่แถมยังแต่งหน้าเข้มซะจนน่ากลัว แต่ไอ้ห่าดินก็หลอกผมด้วยการบอกว่า
‘คนเขาบอกว่าพี่ต้อยมันมีสามขา ไปพิสูจน์กัน’ ตอนนั้นผมเพิ่งจะสิบขวบก็เลยตาโตอยากรู้จนตามมันไป ที่ไหนได้อีพี่ต้อยติ่งมันเป็นผู้ชาย พอผมด่ามันก็บอกว่า
‘ก็มึงไม่เห็นขาสำรองที่ห้อยอยู่ตรงหว่างขามันเหรอวะ ใหญ่เท่าขามึงเลย ก๊ากกกก’ ผมไล่เตะมันทั้งวันโทษฐานพาไปดูภาพสยดสยอง นึกถึงทีไรโมโหทุกที
“เอาจริงเหรอวะ กูว่าคุกเข่าขอมันเป็นแฟนไม่ง่ายกว่าเหรอมึง” ผมลองออกความเห็น
“อยากหงายเงิบกับความประหลาดของมันก็เอาสิ มันอาจบอกว่า ถ้ามึงเป็นรับมันถึงจะยอมเป็นแฟน มึงจะทำไง” เอ่อว่ะ ตลอดเวลาแม่งก็พูดตลอดว่าผมเป็นเมีย ขนาดโดนเสียบแล้วยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นฝ่ายรับ เฮ้อ หนักใจกับมันจริงๆ
“กดไปเรื่อยๆ กูว่าสักวันมันก็ต้องยอมรับนั่นแหละ” ขอย้อนแย้งดูหน่อยจะได้ไม่ต้องเล่นเยอะให้ยุ่งยาก
ไอ้ดินไหวไหล่ทำหน้าไม่ยี่หระ “ถ้ามึงคิดว่าดีก็ทำเลย กูไม่ได้ไม่เสีย ดีซะอีกที่กูไม่ต้องเหนื่อย” ผมกลอกตาคิดหนัก ไอ้ดีมันก็ดีอยู่หรอก ผมว่ามันง่ายกว่าเยอะเลยแต่ก็แอบกลัวใจไอ้จ้าวมัน เฮ้ออ ผมจะเอาไม้ไหนจัดการไอ้ตัวยุ่งดีนะ
จัดการคนบ้าก็ต้องเชื่อคนบ้า.. ดีมั้ยวะ!?**************************************
มาแล้วค่าาาาาาาาาา
บอกเจ้าของเรื่องไว้ว่าจะลงเมื่อคืนค่ะ แต่ไปเตร็ดเตร่งาน pet expo มา กว่าจะกลับแวะนู่นนี่นั่นเลยดึกไปหน่อย
ตอนนี้เป็นยังไงคอมเมนต์เอาไว้ได้เลยนะคะ เดี๋ยวเจ้าของเรื่องมาอ่านค่ะ ^^