ตอนที่ 8
“ลุงงงงงง เร็วววววววววววววววว”
“เออออ แปปปปป”
ผมรีบคว้าผ้าเช็ดตัวผูกเอวออกจากห้องน้ำด้วยความเร็วแสง ไอ้ตูบมันก็เปิดตู้หยิบเสื้อเชิ้ตส่งให้ผมใส่ทันที มันแต่งตัวเรียบร้อย หวีผมเรียบแปล้
“ใส่เร็วๆๆๆๆ”
“กางเกงด้วยๆ”
ผมเปิดเกะหยิบกางเกงในออกมาใส่ รับกางเกงสแลคจากมันมาสวม ยืดตัวรูดซิบติดตะขอ เงยหน้าให้มันติดกระดุมให้
“เนคไทด้วยปะลุง”
“ด้วยๆ มีประชุม”
ผมจัดการติดกระดุมแขนเสื้อ ให้มันผูกเนคไทให้ ตามด้วยใส่เข็มขัด ก็รับหวีจากมันมาหวีเสยผมไปมาสองสามทีเสร็จ เราสองคนก็เร่งฝีเท้ากระโดดขึ้นรถ ซิ่งไปมหาลัยด้วยความรวดเร็ว
ปกติก็ไม่เป็นแบบนี้ถ้าไม่ติดว่า … ไอ้ตูบมันลืมว่ามีสอบย่อย ! เพื่อนโทรมาตามเพราะนัดติวหนังสือก่อนสอบ 1 ชั่วโมง ไอ้ผมก็เข้างานตั้งสิบโมงครึ่ง เลยได้ฤกษ์งามยามดีแหกตาตั้งแต่เจ็ดโมงเพื่อไปส่งมันให้ทันสอบ
“ตึกนี้ล่ะลุงงง จอดๆๆๆๆๆ”
“เอ้าลงไป เดินดีๆ ยิ่งขาเป๋”
“คร้าบ ไปละครับ สวัสดีครับ”
ผมมองจนมันกระโผลกกระเผลกขึ้นตึกไป เอาไงดี ไปทำงานตอนนี้ก็ขี้เกียจ กินข้าวก่อนแล้วกัน
หลังจากจอดรถใกล้ๆตึกไอ้ตูบ ก็เดินเลยไปโรงอาหารคณะมัน มีนิสิตนักศึกษาอาจารย์นั่งกันประปรายเพราะยังเช้ามาก ผมสั่งโจ้กร้านริมสุดมานั่งกิน
“คุณหมอสวัสดีครับ”
ผมเงยหน้ามอง เอ๊ะนี่มัน ?
“ผมเนมเองครับ ที่เจอกันเมื่อวาน”
รอยยิ้มออร่าสว่างจ้าส่องมายังผม ไอ้เด็กนี้มันจะหน้าใสไปไหน
“อ๋อ สวัสดีครับ มาทานข้าวเหมือนกันหรอ”
“ใช่ครับ แล้ว … เบียร์ไม่มาหรอครับ”
“ขึ้นไปสอบน่ะ พี่มาส่งเสร็จเลยแวะมาหาอะไรกิน แล้วกินข้าวยัง มากินด้วยกันสิ”
“งั้นผมนั่งด้วยคนนะครับ ขอไปสั่งโจ๊กก่อน”
ตามมารยาทผมก็หยุดกินทั้งที่พึ่งกินไปได้คำเดียวเพื่อนั่งรอผู้ร่วมโต๊ะพ่วงตำแหน่งศัตรูหัวใจ !
“มาแล้วคร้าบ พี่หมอมากินที่นี่บ่อยมั้ยครับ”
คนถามพูดพลางยิ้มจนตายิบหยีจัดการตักเครื่องปรุงให้ตัวเอง
“ครั้งแรกครับ ปกติพี่ไม่กินข้าวเช้า”
“ร้านนี้ดังที่สุดในมอเลยครับ โจ้กรัฐศาสตร์ ทานนะคร้าบบบบ”
เจ้าตัวยิ้มแฉ่งก่อนจะเริ่มลงมือจนผมอดยิ้มออกมา เออมันสดใสดีไอ้เด็กนี่ คุยเก่งแถมเฟรนด์ลี่ซะด้วย มิน่าไอ้ตูบมันถึงชอบ
“อุ่ย ถึงเวลาเรียน ผมไปเรียนก่อนนะครับบบ ไว้เจอกันนะครับพี่หมอ”
“อ้อ ครับ ตั้งใจเรียนล่ะ”
เด็กมันก็มารยาทดียกมือไหว้ผม ก่อนจะแบกแฟ้มชีทเดินออกไป
“หืม อะไรน่ะ”
ผมหยิบเศษกระดาษใบเล็กที่น่าจะหล่นจากแฟ้มคนที่พึ่งเดินไปขึ้นมาดู
‘087-XXXXXXX – เนม’
คิ้วผมเริ่มขมวด ใบนี้มันหล่นลงมาเอง หรือมันตั้งใจ ? มันคงหล่นมั้งจะตั้งใจได้ยังไงก็เด็กมันคุยกับไอ้ตูบของผมอยู่ … แต่ถ้ามันตั้งใจล่ะ โวะ บ้าบอ
สุดท้ายเลยขยำๆก้อนกระดาษใส่กระเป๋าเกางเกงเตรียมไปทิ้งถังขยะ แต่…. ก็ลืมทิ้ง จนกลายเป็นประเด็นทีหลัง
“พี่เนมมมมม กินข้าวกันครับ”
กลุ่มผู้ชายสวยทำท่าวี้ดว้ายแซว ’เนม’ เมื่อรุ่นน้องหน้ารักยิ้มจนตาหายไปหมดกระเผลกเข้ามาหา
“แหมมม ชวนคนอื่นด้วยไม่ได้หรอจ๊ะ ชวนแต่พี่เนมๆ พวกพี่นี่อิจฉาจนอกจะแตกตายยยย”
เสียงขำดังลั่นไม่ได้สนใจรุ่นน้องที่โดนแซวจนเขินหน้าแดง
“เลิกแซวเบียร์ได้แล้ว ป่ะไปกินข้าวกัน ไปก่อนนะพวกแก”
แต่ละคนก็เชิดใส่ด้วยความหมั่นไส้ ตะโกนแซวจนทั้งสองคนเดินหายไปในฝูงชนถึงก้มหน้าซุบซิบกัน
“แก อีเนมนี่ร้ายว่ะ กี่คนๆนางแดกหมด เฮ้อ … รายต่อไปน้องเบียร์สุดน่ารักของฉันหรอเนี่ย”
“เอ้าก็มันสวย เลยเลือกได้ไงแก”
คนที่สองแทรกขึ้นมา
“ว้ายย ฉันว่ามันไม่เลือกมากกว่านะ เมื่อกี๊มันยังเม้าเรื่องคุณหมอรูปหล่ออยู่เลย ทำไมไม่มีตกถึงท้องฉันบ้างวะแก เสร็จอีเนมหมด”
คนที่สามเอ่ยขึ้นมา
“เอออ เมื่อเช้าฉันเห็นนะ มันนั่งกินข้าวกับชายหนุ่มหล่อผิวเข้ม อร้ายย กะเทยอิจฉาค่า”
สามกะเทยเม้ากันจนน้ำลายแตกฟองสุดท้ายก็ไม่พ้นสรุปว่า เด็กเบียร์น่าใสนี่คงจะเป็นแค่ ‘ของเล่นชั่วคราว’
“สอบเป็นไงบ้างล่ะเบียร์ ทำได้หรือเปล่าฮึ”
เบียร์ก็ยิ้มตอบ
“สบายมากกกกกกกกกก อ่านมาแบบโชกโชนจนเลือดตาแทบกระเด็น”
“หรอ แล้วนี่อยู่บ้านคุณหมอถึงวันไหนเนี่ย”
น้ำเสียงสบายๆทำให้คนถูกถามไม่ได้คิดอะไรก็ตอบไปตามตรงว่าอีกสามวัน ไม่ได้สังเกตแววตาวาววับของคนตรงหน้าเลยสักนิด
“อืมม… งั้นวันนี้ไปกินข้าวที่บ้านได้มั้ย คือ พี่อยากทำอาหารขอบคุณคุณหมอด้วยที่ดูแลเบียร์ให้พี่ แต่ถ้าเขาไม่สะดวกพี่ก็ไม่ว่าอะไรนะ เพราะยังไงก็บ้านเขาเนอะ”
“ผมลองโทรถามก่อนแล้วกันครับ แต่ผมก็อยากกินฝีมือพี่เนมด้วย”
เบียร์หยิบมือถือมากดโทรหาเบอร์ที่ช่วงนี้โทรบ่อยเป็นพิเศษ ส่วนเนมก็ยังทำตัวนิ่งๆเหมือนไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ทั้งๆที่ตั้งใจฟังสุดๆ
“คร้าบลุง เบียร์นะ คือว่า พี่เนมเค้าอยากมาทำอาหารเลี้ยงขอบคุณลุงที่ดูแลผมอ่ะครับ ลุงว่าไงอ่ะ สะดวกเปล่า …. อืม ผมยังไงก็ได้อ่ะ แล้วแต่ลุง เอาสะดวกลุงดิให้ผมตัดสินใจได้ไงโวะ บ้านตัวเองนะนั่น”
“อ่าวผมเรื่องมากยังไง ก็คนมันมีมารยาทอ่ะโถ่ว จะมาตัดสินใจได้ไง ลุงอ่ะแหละเป็นเจ้าบ้านก็เลือกเด้ จะโยกโย้ทำไมเนี่ย Yes or No แค่นี้มันจะยากอะไรฟระ”
เนมเริ่มขมวดคิ้ว ดูสองคนนี้จะสนิทกันกว่าที่เขาคิด
“เออออ ครับๆ ตกลงโอเคนะ เอ้อก็แค่นั้น บาย ไอ้ลุงบ้าหน้าแก่”
เจ้าตัวกดวางสายพร้อมแลบลิ้นใส่โทรศัพท์ เนมก็หันมายิ้มให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ลุงเค้าโอเคครับ … ว่าแต่พี่เนมจะทำอะไรหรอครับ บอกผมได้มั้ยเนี่ย”
“ซื้ออะไรกันมาเยอะแยะ”
ผมเดินออกมาช่วยยกของจากหลังรถแท็กซี่ ก่อนจะเหลือบมองสำรวจไอ้คนขาเป๋ หวังว่ามันจะไม่ได้แบกของอะไรมาเยอะจนฝืนสังขาร
ทำให้ตัวเองเดี้ยงอีกรอบ
“ของสดทั้งนั้นครับ จะโชว์ฝีมือให้เต็มที่เลย พี่หมอชอบทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”
คนข้างๆดึงความสนใจให้เขาหันไปมอง รอยยิ้มสดใสยังคงส่งมาให้ปกติ
“พี่ได้หมดเลย แล้วแต่คนทำแล้วกัน จริงๆก็ไม่น่าจะซื้อมาเยอะแยะ เกรงใจแย่”
“ไม่หรอกครับ สบายมาก”
ผมยกของทั้งหมดไปวางไว้ในครัว ก่อนจะยกพื้นที่ให้พ่อครัวยิ้มเก่งไปซะ อยากทำอะไรก็ทำ ดีซะอีกไม่ต้องมานั่งเถียงกับไอ้ตูบว่าจะกินอะไร
“ดูคล่องเนาะ สงสัยจะทำเก่ง”
เจ้าตูบที่ชะเง้อจนขอยื่นขอยาวคอมเม้นคนของตัวเองมาลอยๆ
“อร่อยหรือเปล่านี่สิ ลูกชายเจ้าของร้านอาหารไม่ใช่เรอะ น่าจะทำเก่งกว่าอีกทำไมไม่ทำเอง”
“โด่ว ก็เขาอาสา ถ้าไม่อร่อยก็ทนๆกินนะลุง ถือซะว่ารักษาน้ำใจ”
ผมอดขำไม่ได้ อยู่กับมันมาวันนี้ก็วันที่ห้ารู้เลยว่าผมกับมันมีนิสัยเหมือนกันคือเรื่องกินเรื่องใหญ่ ไม่ได้กินยากแต่เพราะทำอาหารเก่งทั้งคู่เวลาเจออะไรอร่อยไม่อร่อยก็เลยคุยกันถูกคอ
“แล้วสอบทำได้มั้ย”
“ระดับนี้ เอนอนมาเลย”
“โม้เก่งจริงๆ เล่นโดมิโนกัน เพิ่งซื้อมาไม่ได้เล่นนาน”
“ไหนๆ จัดมาเลย ผมนี่เซียนโดมิโน พูดแล้วจะหาว่าคุย”
“หึหึ เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคงเกิดไม่ทันมือฉมังโดมิโนแบบข้าสินะ”
ผมแกล้งเลียนเสียงจอมยุทธ์ในหนังจีน แล้วมันก็รับมุกทันที
“คนแก่หงำเหงือกก็คงอยู่ไม่ทันยุคสมัยราชาไร้พ่ายแบบข้าซะแล้ว”
ไอ้เด็กเปรต ! ผมถลึงตาใส่มัน แต่มันก็ขำก๊ากกลงไปนอนกับพื้น ได้ … มาวัดกันว่าใครจะเจ๋งกว่า ! ฮึ่มมมมม เสียหน้าโว้ย เสียหน้า
ทั้งสองคนหัวเราะกันเสียงดังเล่นกันไปมา ไม่ได้รู้เลยว่าบุคคลที่สามจ้องมองด้วยสายตาแบบไหนจากห้องครัว
- --------------------------------------------------------------------------------------------------------
อิอิ