Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต
ในตอนสายของวันใหม่ เตชิตลุกจากที่นอนขึ้นมาบิดขี้เกียจ ขณะที่เอียงคอไปมาก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญนอนอยู่ข้างนอกห้อง เขาจึงเดินออกไปดู
คีรีนอนอ้าซ่าอยู่บนโซฟา ยังคงหลับแบบเอาเป็นเอาตาย
ภาพที่เห็นทำให้ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ เขาเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินเข้าครัว
พอได้ยินเสียงประตูเปิดปิด เด็กหนุ่มก็ค่อยๆ ลุกขึ้นบ้าง จากนั้นก็เดินสะโหลสะเหลไปที่ครัว “คุณเตชิตตื่นไวจัง”
“ไปล้างหน้าแปรงฟันไป เดี๋ยวจะได้กินมื้อเช้ากัน คุณจะดื่มกาแฟมั้ย”
คีรีพยักหน้าหงึกๆ แล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำไป พอเดินออกมา เห็นทันตแพทย์หนุ่มกำลังยืนทอดไข่ก็ยิ้มกว้าง เขาย่องเข้าไปหยุดอยู่ข้างหลังอีกฝ่าย สายตาไล่มองจากท้ายทอย ต้นคอ ลงมายังสะโพก
เตชิตชำเลืองมอง เห็นคนอ่อนวัยกว่ายืนจ้องเขาเขม็งก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกัน หากก็ยังไม่พูดอะไร เขาจะรอดูท่าทีเด็กหนุ่มก่อนว่าควรจะเอาตะหลิวในมือเขกกบาลดีไหม
นั่นไง ยื่นมือมาแล้ว ไอ้เด็กเวรเอ๊ย
ทันตแพทย์หนุ่มหันไปดุ “จะทำอะไรวะ! เก็บกลับไปเลยมือคุณน่ะ!”
เด็กหนุ่มทำหน้าอ้อน “ก็คุณเตชิตน่ารัก ผมคิดถึงคุณนี่นา ขอผมกอดหน่อยไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้เว้ย คุณจะบ้าเรอะ ถ่างตาดูดีๆ ด้วย อย่างผมนี่มีอะไรน่ารักตรงไหนกันวะ”
“ที่ถามนี่อยากรู้จริงๆ เหรอ”
“ไม่ ถามไปงั้นแหละ” เตชิตหันกลับไปปิดเตา “ไปหยิบจานมาสองใบ เร็วๆ”
“ครับ” คีรีก้าวไปหยิบจานมาถือรอ
พอเตชิตตักไข่ดาวกับไส้กรอกใส่จานแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบขนมปังแผ่นจากในเตาปิ้งขนมปังมาวาง “ยกไปวางที่โต๊ะก่อนไป เดี๋ยวผมยกกาแฟตามไปให้”
สองหนุ่มนั่งกินมื้อเช้ากันเงียบๆ บนจานไม่ได้มีอะไรมากพวกเขาจึงกินเสร็จอย่างรวดเร็ว แล้วก็ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม
“อิ่มมั้ยน่ะ ตอนเช้าผมไม่ค่อยกินอะไรหนักท้องสักเท่าไหร่ ถ้าคุณยังหิว ผมยังมีมาม่าในตู้นะ”
“อิ่มครับ แค่ได้นั่งกินมื้อเช้ากับคุณเตชิตก็อิ่มแล้ว อิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งใจ”
ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้ารัว “พูดออกมาได้ น่าขนลุกชะมัด คุณไม่กระดากปากบ้างรึไง”
“ผมก็พูดไปตามจริงเท่านั้น”
เตชิตถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อย “แล้ววันนี้จะไปไหน”
“คุณเตชิตล่ะครับ จะไปไหน”
“ผมคงไม่ได้ไปไหนหรอกมั้ง แต่ผมถามคุณก่อนนะ”
“งั้นผมขออยู่กับคุณเตชิตได้มั้ยอะครับ”
“จะนั่งอยู่ด้วยกันในห้องแบบนี้เนี่ยนะ ไม่น่าเบื่อเหรอคุณ”
คีรีขมวดคิ้ว “ถ้างั้น คุณเตชิตอยากไปเที่ยวมั้ยล่ะครับ”
“ที่นี่มีอะไรให้เที่ยวกัน ผมไปมาหมดแล้ว”
“งั้นไปไกลหน่อย”
“ไปไหน”
“ดอยปุย...”
เตชิตอยากจะยกขาถีบ “มันไกลกว่าดอยสุเทพแค่ไม่กี่โลเองนะเว้ยคุณ” เขาเท้าแขนลงกับโต๊ะ “ที่จริงผมไม่อยากไปไหนที่คนเยอะๆ มันเหนื่อยน่ะ ผมอยากไปที่ที่มันสงบหน่อย แต่ไม่อยากเข้าวัดนะ”
“อืม...” คีรีนิ่งคิด ก่อนจะนึกไปถึงสถานที่ที่เขากับเพื่อนๆ เคยโดดรับน้องขึ้นดอยไปเที่ยวกัน “คุณเตชิตรู้จักออบหลวงมั้ย”
“ไม่เคยได้ยิน”
“อยู่ในเชียงใหม่อะครับ ถ้าขับรถไปจากที่นี่ก็น่าจะราวๆ ร้อยโลได้ครับ ชื่อออบเนี่ย มันแปลว่าช่องแคบที่มีน้ำไหลผ่าน ที่ออบหลวงมีผาหินคู่ มีแม่น้ำแม่แจ่มไหลผ่าน เดินเล่นริมน้ำได้แบบสบายๆ หรือจะเดินขึ้นผาช้างไปดูวิว คนไม่เยอะเท่าไหร่ ผมกับเพื่อนเคยไปเที่ยวกัน ไปเช้าเย็นกลับก็ได้ หรือจะไปตั้งเต็นท์นอนริมน้ำก็ได้นะครับ”
“ตั้งเต็นท์ริมน้ำเลยเหรอ เล่นน้ำได้มั้ยน่ะ”
“ใช่ครับ ตั้งเต็นท์ได้ติดน้ำเลย นอนฟังเสียงน้ำไหล สบายใจดี แต่ที่นี่เล่นน้ำไม่ได้นะครับ น้ำแรงมาก ถ้าคุณเตชิตอยากเล่นน้ำก็แวะที่อื่นระหว่างทางก็ได้”
“อือ...” ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว ถึงอย่างไรเขาก็ว่าง ไปเที่ยวก็ดีเหมือนกัน จากที่ฟังเด็กหนุ่มเล่าให้ฟังก็น่าสนใจดีนะ เขาอยากหาที่พักผ่อนหลังจากไปออกหน่วย
แต่ถ้านอนเต็นท์ เขาก็ต้องนอนกับคีรีสิวะ ตกดึกจะโดนยั่วหรือโดนปล้ำมั้ยวะเนี่ย คิดไปพลางยกมือขึ้นกุมขมับ
“คุณเตชิต...”
“ไปเช้าเย็นกลับละกัน ขับรถไปไม่ยากใช่มั้ย”
คีรียิ้มกว้าง “ไม่ยากครับ เดี๋ยวผม...” เด็กหนุ่มชะงัก “เอ่อ...” ฉิบหาย เกือบหลุดปากบอกว่าจะขับไปให้แล้วไหมล่ะ!
“ทำไม”
“เดี๋ยวผมบอกทางให้”
“จำทางได้ด้วยเหรอ”
“ก็เปิดกูเกิล...” กูเกิลห่าอะไร! ฉิบหายอีกรอบแล้วกู! คนอ่อนวัยกว่าหน้าเสีย
“รู้จักด้วยแฮะ แต่เดี๋ยวดูเนวิเกชันซิสเต็มในรถก็ได้” เตชิตเท้าแขนลงกับโต๊ะพร้อมกับเอนตัวไปทางเด็กหนุ่ม สายตาสอดส่องสแกนกรรมอีกฝ่าย จะว่าไป...เขาคุ้นๆ ว่าคีรีใช้ไอโฟนรุ่นใหม่ซะด้วย แต่เด็กรุ่นใหม่ก็คงเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง การใช้สมาร์ตโฟนคงเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ถ้ามีเงินซื้อโทรศัพท์มือถือแพงๆ ได้ ทำไมไม่เอาไปเรียนหนังสือวะเนี่ย
แล้วกูจะเดือดร้อนทำไม ไม่ใช่เรื่องของตัวเองไหม
จู่ๆ ก็รู้สึกแก่ขึ้นมาเลยกูหนอ
เตชิตนั่งคิ้วกระตุกอยู่สักพักก็โพล่งขึ้น “นี่คุณ ผมขอดูมือถือหน่อยสิ”
ทว่าคราวนี้คีรีหน้าซีดลงไปอีก “ไม่... ไม่ดูได้มั้ยครับ”
“มีอะไรต้องปิดบังรึไง”
“.....” คือที่จริงในโทรศัพท์มือถือเขาก็ไม่มีอะไรมากหรอก มีแอปพลิเคชันที่เขาใช้เล่นหุ้นและดูแลเงินในธนาคาร แล้วก็แอปพลิเคชันสำหรับอ่านหนังสือ มีเท็กซ์บุ๊คอีกเป็นสิบๆ เล่ม ส่วนเบราเซอร์ก็ไม่รู้เปิดอะไรค้างไว้บ้าง แต่น่าจะเป็นข้อมูลที่เขาใช้ทำรายงานล่าสุดส่งอาจารย์ ส่วนในอัลบั้มรูปก็มีรูปกับคลิปหมอเต้ที่เขาเซฟๆ มาจากอินเทอร์เน็ตเป็นร้อยๆ รูปร้อยๆ คลิป แต่ไอ้ทั้งหมดเนี่ย ถ้าหมอเต้เห็นเข้าคงได้ซักเขาต่อจนซีดเป็นไก่ต้มแหงๆ
ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว งงกับตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจะไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายทำไมนัก เขาไม่ใช่ผู้ปกครอง แล้วก็ไม่ใช่ญาติของเด็กหนุ่มสักหน่อย “ที่จริงมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณแหละ ขอโทษที่ถามนะ เมื่อกี้ผมปากไวไปหน่อย”
คนอ่อนวัยกว่านิ่งเงียบเป็นรูปปั้น ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือส่งให้ กะว่าถ้าหมอเต้มีคำถาม ค่อยหาข้อแก้ตัวเอาทีหลัง “ผมอยากให้คุณเตชิตเชื่อใจผมนะ ผมไม่มีอะไรต้องปิดบังคุณหรอก”
เตชิตยิ้มบาง “ขอบใจ แต่ไม่เอาดีกว่า” เขาเอื้อมมือไปตบไหล่เด็กหนุ่ม จากนั้นจึงลุกขึ้นบิดขี้เกียจ “ไปเที่ยวกันเถอะ เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน จะได้เก็บเสื้อผ้าเอาไว้ไปเผื่อแวะเล่นน้ำด้วย” ทันตแพทย์หนุ่มสาวเท้าเข้าไปในห้องนอน เปลี่ยนใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีน สักพักก็เดินออกมาพร้อมเป้อีกใบ แล้วส่งเสื้อยืดให้คนที่ยืนรออยู่
“เอ้า เปลี่ยนเสื้อซะ จะได้เหมือนมาด้วยกันหน่อย”
คนอ่อนวัยกว่าเบิกตากว้าง รับเสื้อจากมือทันตแพทย์หนุ่มมาทันที “ขอบคุณครับ” จากนั้นก็รีบถอดเสื้อตัวเก่าออกมันตรงนั้นล่ะ แล้วเปลี่ยนใส่เสื้อตัวใหม่อย่างอารมณ์ดี ก็แบบว่า หมอเต้ให้เขายืมเสื้ออะ ได้ใส่เสื้อที่หมอเต้เคยใส่เชียวนะเว้ย
พอใส่เสร็จก็ยกมือขึ้นลูบๆ ไปตามลำตัว แล้วครางในลำคอเบาๆ “อา...เสื้อคุณเตชิต”
“เว้ย! ไอ้เด็กทะลึ่งนี่! คิดอะไรอยู่วะ!” เตชิตยกมือขึ้นเขกศีรษะอีกฝ่าย
“ผมเปล่านะ แค่ดีใจที่ได้ใส่เสื้อที่คุณเคยใส่” เด็กหนุ่มจับคอเสื้อขึ้นดม “อา กลิ่นคุณเตชิต ผมขอไปเลยได้มั้ย”
“คุณจะบ้าเรอะ! กลิ่นผงซักฟอกเว้ย อีกอย่าง ถ้าผมให้ คุณก็จะเอาเสื้อผมไปทำอย่างอื่นน่ะสิ! เพราะงั้นไม่ให้โว้ย!” ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจอย่างอ่อนใจ ไอ้เด็กผีนี่ บางทีก็น่ารัก บางทีก็น่าถีบจริงๆ “ไปได้แล้ว!”
ทันตแพทย์หนุ่มขับรถ Honda CR-V ของเขาออกจากที่จอดรถของโรงพยาบาลไปช้าๆ มุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่เขาขับรถไป เด็กหนุ่มก็หันมองมาทางเขาสลับกับหน้าจอเนวิเกชันซิสเต็มในรถไปเรื่อยๆ
“คุณจะมองผมให้ได้อะไรขึ้นมาวะ”
“เวลาคุณเตชิตขับรถ เท่ชะมัดเลย”
เจ้าของชื่อหัวเราะเบาๆ ไอ้เด็กนี่ก็พยายามเต๊าะเขาได้ทุกที่ทุกเวลาเลยเนอะ “เดี๋ยวไปถึงคงจะเกือบๆ เที่ยง แถวนั้นมีอะไรกินรึเปล่า”
“มีร้านอาหารสองสามร้านครับ ผมเคยไปกิน รสชาติก็พอไหวมั้ง” คีรียังคงมองคนที่ขับรถอยู่ตาละห้อย ที่จริงเขาอยากจะเป็นคนขับรถพาหมอเต้ไปเที่ยว ไปกินของอร่อยๆ มากกว่าต้องนั่งเฉยๆ แบบนี้
แม่งไม่เท่เลย แบบนี้ชาตินี้จะจีบติดหรือวะเนี่ย
เตชิตชำเลืองมองคนข้างกันเป็นระยะๆ “คีรี”
“ครับ”
ทันตแพทย์หนุ่มอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจพูดออกมา “เมื่อไหร่จะไปเรียนหนังสือ”
คราวนี้คนอ่อนวัยกว่าเลยนิ่งไปบ้าง เขาหันหน้าไปมองทางเบื้องหน้าแทน
“ผมเข้าใจนะ พอทำงานได้เงิน มีเงินใช้ ก็จะรู้สึกว่าการเรียนมันไม่ได้จำเป็นอะไร.... แล้วที่จริงคนเรียนจบปริญญาก็ตกงานเยอะแยะไป” เตชิตพูดเองก็งงเอง เขายกมือขึ้นเกาศีรษะ “ที่ผมบ่นเป็นลุงแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงแหละ ในสายตาคนรุ่นผมก็คิดว่าการเรียนสำคัญล่ะนะ”
“ตอนนี้ก็เรียนอยู่” คีรีพูดเสียงอ่อย “...ที่ในเชียงใหม่”
“จริงเหรอ”
“ครับ เรียนวันธรรมดา”
“ก็ดีแล้ว” เตชิตเอื้อมมือไปตบลงบนตักเด็กหนุ่มเบาๆ พร้อมกับหันไปยิ้มให้ “ผมดีใจนะ ที่คุณรู้จักนึกถึงอนาคตของตัวเอง ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย คุณคงเหนื่อยมากเหมือนกัน ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย... เอ้อ...”
“ขอบคุณครับ แต่เรื่องนี้ผมช่วยเหลือตัวเองได้ คุณเตชิตไม่ต้องห่วง ผมน่ะ แค่คุณยอมให้มาหา มาเจอกันเป็นครั้งคราวก็พอใจแล้ว” คีรีหันกลับไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มประดับ รอยยิ้มที่เขาหลงรัก หมอเต้ช่างเป็นคนที่มีจิตใจดีชะมัดเลย ช่างเอาใจใส่ คิดถึงคนอื่น จนบางครั้งเขาก็สงสัยว่าอีกฝ่ายจะทำให้เขาตกหลุมรักได้มากขนาดไหนกันนะ
ก็คงมากจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วนั่นล่ะ
ทันตแพทย์หนุ่มหันไปสบสายตาคนที่นั่งข้างกันแวบหนึ่ง แล้วหันไปมองทางต่อ นัยน์ตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองเขาน่ะหวานเยิ้มเชียว ถ้าเขาเป็นผู้หญิงและถูกจ้องแบบนี้คงต้องมีแข้งขาอ่อนบ้างล่ะ ไอ้เด็กนี่จะรู้ตัวไหมนะว่าใช้สายตาแบบไหนมองเขาอยู่ “เฮ้อ...” เขาส่ายหน้าช้าๆ อย่างอ่อนใจ
ทว่าท่าทางกับเสียงถอนหายใจของเตชิตเป็นผลให้หัวใจของเด็กหนุ่มกระตุกวูบ “คุณเตชิตครับ”
“ว่าไง”
“รำคาญผมรึเปล่า”
ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมองใบหน้าของคนถาม จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ “นั่นสินะ ถ้าคุณเป็นผม จะรำคาญตัวคุณเองมั้ยล่ะ อยู่ดีๆ ก็มีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาตามเต๊าะตามแต๊ะอั๋งเนี่ย”
คีรีนิ่งอึ้งพลางขมวดคิ้ว ถ้าหากเป็นเขา... ถ้ามีใครที่ไม่ได้ชอบมาทำแบบที่เขาทำกับหมอเต้ เขาก็คงไม่รู้สึกดีสักเท่าไหร่ และคงจะรำคาญมากด้วย
เตชิตเห็นว่าเด็กหนุ่มเงียบไปจึงหันกลับไปมอง “โห ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นหรอกน่ะ ถ้าผมรำคาญ ผมคงไล่ตะเพิดคุณไปนานแล้ว”
เขาโชคดีที่หมอเต้เป็นคนใจดี ไม่อย่างนั้น...
หัวใจของคีรีหนักอึ้ง อันที่จริงก็กลัวเหมือนกันว่าจะโดนไล่ กลัวมาตลอด แค่ที่อีกฝ่ายล้อเล่นเมื่อคืน ความรู้สึกเจ็บในอกตอนนั้น... ยังไม่จางหายไปเลย
ถ้าหมอเต้รู้ว่าเงินที่เขาจะคืนให้เหลือหนึ่งร้อยบาทสุดท้ายแล้ว จะว่ายังไงนะ จะให้ความหวังเขาสักนิดมั้ย
พอนึกถึงตัวเองเมื่อต้องยอมรับความจริงว่าอกหักและตัดใจจากอีกฝ่าย ตอนนั้นเขาคงมีสภาพไม่ต่างกับตายแน่ๆ
กว่าชั่วโมงผ่านพ้นไป รถของทันตแพทย์หนุ่มก็เคลื่อนเข้าไปจอดในที่จอดรถของอุทยานแห่งชาติออบหลวง บริเวณนั้นมีรถจอดอยู่เพียงแค่ไม่กี่คันเท่านั้น
ผืนป่าตรงหน้าสีเขียวขจีและเงียบสงบ พอลงจากรถพวกเขาก็เห็นป้ายของอุทยานเด่นตระหง่าน เตชิตทิ้งเป้ไว้ในรถ เพราะคิดว่าจะไปกินข้าวและเดินเล่นใกล้ๆ ดูลาดเลาก่อน
“ไปถ่ายรูปกัน” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง พลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
“ให้ผมถ่ายให้มั้ย”
“ไม่ถ่ายด้วยกันเหรอ”
“ผมถ่ายด้วยได้เหรอ” เด็กหนุ่มทำหน้าเหรอหรา ก่อนจะถูกอีกฝ่ายดึงเข้าไปยืนข้างกัน
“เอ้า ยิ้มสิ”
คีรีรีบทำตามที่ทันตแพทย์หนุ่มบอก “เอาของผมถ่ายด้วยนะ”
“ถ่ายไว้เฉยๆ ห้ามเอาไปทำอะไรมิดีมิร้ายนะเว้ย”
เด็กหนุ่มอมยิ้ม เขารีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายรูปเซลฟี่ของพวกเขา เสร็จแล้วก็หันกล้องไปทางเตชิต “ขอผมถ่ายรูปถ่ายคลิปคุณเตชิตเก็บไว้หน่อยนะ”
เจ้าของชื่อถอนหายใจ “เออๆ ถึงผมห้ามคุณก็แอบถ่ายอยู่ดีมะ จะถ่ายก็ถ่ายไปเถอะ”
สองหนุ่มเดินถ่ายรูปกันอย่างไม่รู้เหนื่อย พวกเขาเดินเลียบริมน้ำ มองดูพื้นที่ตั้งเต็นท์ซึ่งมีเต็นท์ตั้งอยู่ห่างๆ กันสามหลัง เสียงกระแสน้ำไหลกระทบโขดหินดังก้องไปทั่วบริเวณ คละเคล้าเสียงใบไม้เสียดสีกันเมื่อยามลมพัด
“เฮ้อ ที่นี่บรรยากาศดีชะมัดเลย” เตชิตหยุดยืนอยู่ริมฝั่ง เขาเงยหน้าขึ้นให้สายลมโลมไล้ใบหน้า เส้นผมปลิวไปตามแรงลมน้อยๆ พอหันไปทางเด็กหนุ่มก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองเขาเขม็ง ในมือถือโทรศัพท์ถ่ายคลิปเขาอยู่ “คุณจะถ่ายไปทำไมนักวะ ไม่คิดจะดูวิวเก็บบรรยากาศบ้างรึไง”
รอยยิ้มของคีรีดูเศร้าลงไปเล็กน้อย เขาลดโทรศัพท์มือถือในมือลง “ขอโทษครับ”
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ถามเฉยๆ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนผมดุคุณก็ได้” ทันตแพทย์หนุ่มเดินเข้าไปเอามือวางบนศีรษะคนอ่อนวัยกว่า เขาว่าวันนี้คีรีดูแปลกๆ ไปนิดหน่อย เหมือนมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ไอ้เขาก็ใจอ่อนง่ายเสียด้วย พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเศร้าทีไรก็สงสารทุกทีสิน่า “หิวรึยัง ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
หลังเสร็จจากมื้อเที่ยง สองหนุ่มก็เดินกลับมาที่ริมน้ำ แล้วนั่งลงบนม้านั่งตัวยาวตรงโต๊ะไม้ที่ทางอุทยานจัดไว้
คนอ่อนวัยกว่านั่งลงข้างๆ ทันตแพทย์หนุ่ม “คุณเตชิตจะไปเดินเล่นย่อยอาหารหน่อยมั้ย”
“ไม่อะ ตอนนี้ยังอิ่มเกิน นั่งเล่นตรงนี้สักพักดีกว่านะ”
คีรียังคงจับจ้องทันตแพทย์หนุ่มอย่างไม่วางตา เขาแค่คิดว่าอยากจะเก็บช่วงเวลาตอนนี้ไว้ อยากจะมองหมอเต้ให้เยอะๆ ให้นานที่สุดเท่าที่จะยังมีโอกาส เขาหลุบตาลงมองมือที่อีกฝ่ายวางอยู่ข้างลำตัว ก่อนจะค่อยๆ ขยับมือเข้าไปหา แล้วใช้นิ้วก้อยวางพาดลงบนนิ้วอีกฝ่าย
เตชิตหันไปมองเด็กหนุ่ม แล้วดึงมือออก “เผลอไม่ได้เลยแฮะ หาเรื่องแต๊ะอั๋งผมได้ตลอดเลยนะคุณน่ะ”
“ผมพยายามห้ามตัวเองแล้ว แต่มันช่วยไม่ได้นี่ครับ” คนอ่อนวัยกว่าพูดเสียงอ่อย
ทันตแพทย์หนุ่มพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด “อันที่จริง ผมว่าคุณเป็นคนหน้าตาดีเอาเรื่อง ทำงานโรงแรมน่าจะมีลูกค้าสาวๆ สนใจเยอะนะ”
“ก็มีบ้างครับ แต่... ตั้งแต่พบคุณเตชิต ผมก็ไม่สนใจใครอีกเลย”
“ขนาดนั้นเลย” เตชิตหันกลับไปมองสายน้ำในแม่น้ำเบื้องหน้า “ผมเป็นผู้ชายนะคุณ”
“ครับ ผมรู้”
“ผมมีอะไรดีนักวะ”
“ทุกอย่างครับ”
“ผมแก่กว่าคุณตั้งหลายปีนะ”
“ผมชอบคนแก่กว่าครับ”
สีหน้าและน้ำเสียงจริงจังของเด็กหนุ่มทำให้เตชิตต้องยกมือขึ้นกุมขมับ เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าเด็กหนุ่มคิดอย่างไร แต่ก็ยังยอมให้มาหา ยอมให้ค้างด้วย แถมยังมาเที่ยวด้วยกันตามลำพังแบบนี้
เขาคิดอย่างไรกับคีรีกันแน่วะ
“คุณเตชิต”
“หืม”
“ไม่อยากลองนอนเต็นท์บ้างเหรอครับ” คีรียื่นหน้าเข้าไปใกล้ “นอนฟังเสียงน้ำ ช่วยให้ผ่อนคลายดีนะครับ”
อีหร็อบนี้ ถ้านอนข้างกันเขามีโอกาสที่จะโดนลักหลับสูงแน่ๆ
“ผมไม่ทำอะไรคุณเตชิตหรอกน่า ยังไม่อยากโดนถีบตกน้ำ แล้วก็มีเต็นท์คนอื่นอยู่อีกตั้งหลายเต็นท์”
เตชิตยังคงคิดไม่ตก อันที่จริงที่นี่บรรยากาศดีมาก และเขาก็อยากลองค้างในเต็นท์ริมน้ำสักคืนเหมือนกัน แต่ถ้าไอ้วินกับพวกน้องๆ รู้เข้าว่าเขาไม่ไปหาทุกคนแต่มาแรดกับคีรีที่ออบหลวงแบบนี้ จะโดนด่าหูชาขนาดไหนวะเนี่ย เฮ้อ~
“กลัวอะไรกับเด็กอย่างผมด้วยเหรอครับ”
“ไม่ได้กลัวเว้ย”
“งั้นค้างกันนะ” คีรียิ้มกว้าง
พอเห็นดวงตาใสเป็นประกายราวกับลูกสุนัขได้กลิ่นรอยัลคานินกับรอยยิ้มที่เขาคิดว่าน่ารักมากๆ แล้วก็ปฏิเสธไม่ลง เตชิตเบือนหน้าหลบไปอีกทาง “เออ ก็ได้ แล้วจะค้างยังไงล่ะ ที่นี่มีเต็นท์ให้เช่ามั้ย”
“มีครับ เดี๋ยวผมไปเช่าเต็นท์ของอุทยานฯ มาให้”
“อือ” เตชิตตอบรับแบบไม่ค่อยพอใจนัก คือไม่พอใจตัวเองนี่แหละ ที่เสือกไม่หนักแน่นเอาเสียเลย สุดท้ายก็ยอมค้างคืนด้วยกันจนได้ “ผมมีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเผื่อขากลับจะแวะเล่นน้ำ มีสบู่กับแชมพูมาด้วย ส่วนยาสีฟันกับแปรงสีฟัน ท้ายรถน่าจะยังมีที่ได้มาจากโรงบาล”
“ครับ” คนอ่อนวัยกว่าลุกขึ้นพรวด “คุณเตชิตนั่งเล่นไปก่อนนะ เดี๋ยวผมมา ไปติดต่อเรื่องเต็นท์ก่อน”
“ผมไปด้วย มาด้วยกันก็ไปด้วยกันสิ” หากพอทันตแพทย์หนุ่มจะลุกขึ้น เด็กหนุ่มก็ส่งมือให้เขาจับทันที เขาทำหน้าแบบเซ็งๆ ผลักมืออีกฝ่ายออกแล้วรีบลุกขึ้น “ผมยังไม่แก่ขนาดนั้นเว้ย”
ทว่าเด็กหนุ่มยังคงอารมณ์ดี ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ผมไม่เคยมองว่าคุณเตชิตแก่เลยนะ เห็นแต่ความน่ารัก”
“ขอร้อง อย่าชมแบบนี้ ผมขนลุกว่ะ”
“ผมพูดความจริงนะครับ”
เตชิตส่ายหน้าไปมาพลางสาวเท้าออกไป “จะไปไหนก็รีบไปสักที”
หลังจากจัดการเรื่องเต็นท์เรียบร้อย สองหนุ่มก็ไปเดินเอื่อยเฉื่อยบนเส้นทางริมน้ำของอุทยานฯ สองข้างทางเป็นต้นไผ่สูง เมื่อมองผ่านกอไผ่ไปก็จะเห็นแม่น้ำ อากาศสบายๆ บรรยากาศเงียบสงบ ทำให้เดินได้เรื่อยๆ ไม่รู้สึกเหนื่อยสักเท่าไหร่
“คุณเตชิต ดูสิ นั่นไง ถึงผาจูบกันแล้ว ตรงนั้นมีสะพานให้เดินข้ามด้วย จะเดินต่อไปถึงจุดชมวิวผาช้างก็ได้นะครับ”
“ไปแค่จุดชมวิวผาจูบกันข้างหน้านี่ก็พอแล้ว ผมขี้เกียจเดินละ”
คีรีอมยิ้ม “คุณเตชิตเคยไปเที่ยวค้างคืนบนภูเขาบ้างรึเปล่า”
“เคยสิ เคยไปม่อนแจ่ม กับสารพัดม่อนใกล้ๆ กันด้วย”
“โห ไม่น่าเชื่อ ไปกับ...” พอจะถามก็หยุดกึก อย่างหมอเต้จะไปกับใครได้วะ เขาจะถามให้ตัวเองเจ็บทำไม
“อือ ไปกับไอ้วิน แล้วก็แก๊งน้องๆ วิดวะกับวิจิตรศิลป์อีกคน”
คีรีหันขวับไปจ้องมองใบหน้าทันตแพทย์หนุ่ม “คุณเตชิต... สนิทเหรอครับ”
“ก็ไปเที่ยว ไปกินเหล้าด้วยกันบ่อยๆ อันที่จริงก็ไปด้วยกันแทบทุกอาทิตย์ นี่ถ้าพวกเขารู้ว่าผมหนีมาเที่ยวกับคุณ มีหวังโดนด่าหูชา”
“ขอโทษนะครับ” คนอ่อนวัยกว่าพูดเสียงเศร้า “แต่ก็ขอบคุณมากที่ให้โอกาสผม”
ดูพูดเข้าสิ รู้ดีเนอะว่าจะทำยังไงให้เขาใจอ่อนปวกเปียก เตชิตยกมือขึ้นลูบศีรษะคนอ่อนวัยกว่าอย่างอ่อนโยน เด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่ขนาดนี้ ยังอ้อนเขาจนรู้สึกว่าน่าเอ็นดูได้ “เดินกลับกันเหอะ ไปนั่งเล่นริมน้ำกันดีกว่า”
คีรีคว้ามือที่ลูบเส้นผมเขาไว้ทันที “ขอเดินจับมือหน่อยได้มั้ยครับ”
“จะบ้ารึไงวะคุณ อยากดูเหมือนพ่อลูกรึไง” ทันตแพทย์หนุ่มรีบดึงมือออก ทว่าเด็กหนุ่มจับไว้ไม่ยอมปล่อย
“เหมือนพ่อลูกตรงไหน คุณเตชิตน่ะ แก่กว่าผมแค่ไม่กี่ปี หน้าก็เด็กจะตายไป อีกอย่างแถวนี้ไม่มีคนอื่นสักหน่อย”
แก่กว่าไม่กี่ปีกับผีอะไร เกินครึ่งโหลเลยนะเว้ย!
แต่แล้วเตชิตก็แพ้ลูกอ้อนกับดวงตาลูกสุนัขที่มองมาทุกครั้งไป เขาทอดถอนใจ “เออ จะทำไรก็ทำ”
มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
สุดท้ายก็ปล่อยให้เด็กหนุ่มเดินจูงมือลงกลับมาจนเกือบถึงบริเวณตั้งเต็นท์ พอเห็นคนเดินอยู่ไม่ไกลออกไปนัก อีกฝ่ายจึงยอมปล่อยมือเขาได้
(มีต่อค่ะ)