|11: Solar Storm & Tsunami|
เป็นการปิดเทอมที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป เมื่อมีอีกฝ่ายคอยอยู่เคียงข้าง อรรณพตัดสินใจอยู่กับศศินที่หอพักเป็นเวลาหนึ่งเดือน ก่อนจะกลับบ้าน เป็นเวลาที่ศศินได้วางแผนเอาไว้ เขาเคยบอกอีกฝ่ายว่าปิดเทอมใหญ่ครั้งนี้จะกลับบ้านช้าสักหน่อย สาเหตุก็เพราะมีสัมมนาเกี่ยวกับดาราศาสตร์ที่ศศินสนใจ และลงชื่อไว้แล้วว่าจะไปเข้าร่วม
โอกาสงามๆ แบบนี้ หมึกร้ายเจ้าเล่ห์ไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปได้หรอก
ปิดเทอม โอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองมากกว่าตอนเปิดเทอมเป็นไหนๆ รู้อย่างนี้แล้วอรรณพมีหรือที่จะรีบกลับบ้านไปอยู่คนเดียว ที่บ้านไม่มีศศินให้หยอกแหย่ กลับไปก็คร้านจะเบื่อแย่
อยู่แกล้งคนขี้เขินให้หนำใจดีกว่า
และอรรณพก็ทำตามเป้าหมายได้อย่างลุล่วง เขาแกล้งหยอกเอินศศิน จนเจ้าตัวเขินม้วนตัวแดงไปหลายต่อหลายครั้ง อรรณพเกาะติดศศินแน่นเป็นปลิงยักษ์ อยู่กับศศินทุกเวลา เขาหอบตัวเองมานอนค้างหอศศินโดยที่ไม่ต้องรอคำเชิญ ส่วนศศินก็ไม่คิดจะเอ่ยปากไล่ แค่ใจเต้นเป็นส่ำเวลาถูกเจ้าปลาหมึกกลั่นแกล้งด้วยสารพัดวิธี
แม้ดวงจันทร์ตัวน้อยจะรู้ตัวว่าถูกแกล้ง แต่กลับไม่รู้สึกรำคาญ อาจเพราะวิธีแกล้งขออรรณพมีแต่ทำให้เขาเขินอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น ทั้งการสัมผัส การพูดหยอดคำหวาน
ทั้งนี้ ก็ไม่ได้แปลว่าอรรณพจะแกล้งศศินทุกวินาที มีหลายช่วงเวลาที่พวกเขาใช้ความเงียบอยู่ร่วมกัน ไม่มีบทสนทนา จมอยู่ในโลกของตัวเอง และต่างฝ่ายต่างปล่อยให้แต่ละคนอยู่กับตัวเอง เคารพในพื้นที่ส่วนตัวของกันและกัน เพราะต่างเข้าใจกันดี ว่ายามที่ได้หมกมุ่นกับเรื่องที่ตัวเองชอบแล้วนั้น จะละเลยแวดล้อมรอบข้างเพียงไหน
เพราะแบบนี้ ถึงอยู่ด้วยกันได้ตลอดหนึ่งเดือน โดยที่ไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่น้อย
จะมีก็แต่ศศินที่บ่นอรรณพเวลาเจ้าปลาหมึกซนมาแกล้งตนก็เท่านั้น
ถึงจะบ่น แต่ก็ไม่คิดห้ามจริงจัง
ระยะเวลาหอมหวานของคู่รักคู่ใหม่เติบโตไปอย่างราบรื่น กระทั่งเวลาจากลามาถึง ทั้งสองแม้จะเสียดายที่ไม่ได้อยู่ร่วมกัน แต่ก็ไม่ถึงกับเสียใจ เดี๋ยวเปิดเทอมใหม่ก็ได้เจอ
อรรณพติดต่อหาศศินบ้างเป็นครั้งคราว แต่ไม่บ่อยนัก และก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรระหว่างทั้งคู่
อยู่ตัวคนเดียวมันก็ดี แต่คงจะดียิ่งกว่าถ้าอีกฝ่ายมาอยู่เคียงข้าง
เวลาเลยผ่าน สองเดือนที่เหลือผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทว่าเมื่อวันเปิดเทอมมาถึง พวกเขาก็ยังเหมือนเดิม ทั้งการกระทำและความรู้สึก ทุกอย่างยังคงสภาพเดิม เพียงแต่อรรณพไม่แกล้งศศินในที่สาธารณะแล้ว เพราะห่วงว่าอีกฝ่ายจะเขินจนตัวแดงแปร๊ดไปเสียก่อน
จะมีก็เพียงแต่...
“คะนิ้งครับ”
เพี้ยะ!
อรรณพพยายามหาโอกาสในช่วงเวลาที่ศศินอยู่คนเดียว อย่างเช่นตอนนี้ ศศินกำลังเข้าห้องน้ำ ขณะที่ล้างมืออยู่ อรรณพก็ลอบมองทั่วห้องน้ำ เมื่อไม่พบใครก็รีบย่องเข้าไปข้างหลังศศินตัวน้อย เอ่ยกระซิบเสียงทุ้มข้างหู พร้อมกับใช้ปลายจมูกแตะแก้มนุ่มของอีกฝ่าย
และถูกศศินโจมตีกลับมาภายในเสี้ยววินาที
อรรณพหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ส่วนศศินตัวแดงเป็นกุ้งเผา กุมแก้มตัวเองที่ถูกคนฉวยโอกาสหอมไปเมื่อครู่
“ผมไปเรียนก่อนนะ”
คนตัวโตเมื่อพอใจก็ฉีกยิ้มร่า วิ่งออกจากห้องน้ำไปพร้อมกับรอยฝ่ามือแดงประดับกลางหลัง ส่วนคนตัวเล็กได้แต่ยืนควบคุมสติ หายใจเข้าออกช้าๆ รอจนกว่าตัวเองจะหน้าแดงถึงค่อยกล้าเดินออกไปพบฝูงชน
พอขึ้นปีสามพวกเขาก็เริ่มมีวิชาที่เรียนไม่ตรงกัน ด้วยเพราะอยู่คนละสาขา วิชาร่วมเริ่มน้อยลง แต่นั่นไม่เป็นปัญหาในการคบกัน แต่ไหนแต่ไรมาพวกเขาก็เจอกันที่ห้องสมุดบ่อยกว่าห้องเรียนอยู่แล้ว
อรรณพรู้เสมอว่าศศินไม่ชอบทำอะไรเปิดเผย ผิดกับน้อยหน่า ที่ต้องการให้คนรอบข้างรู้ว่าตนเป็นแฟนของเธอ ซึ่งก็ไม่ผิด และอรรณพก็ยินดีที่จะปรับเปลี่ยนตนตามนิสัยใจคอของแฟนแต่ละคน
หากศศินไม่ชอบให้เดินจับมือถือแขน หรือแสดงความรักออกทางที่สาธารณะ เขาก็จะไม่ทำมัน แต่ในทางกลับกัน ศศินก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้เขาหยอกเย้าอีกฝ่ายได้ อรรณพเองก็มีความต้องการที่จะแสดงความรักของตนเหมือนกัน ก็แค่แสดงออกในที่สาธารณะไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้ เลือกหาสถานที่ลับตาคนก็พอแล้ว
ความสัมพันธ์เหมือนจะดำเนินไปด้วยดีอย่างราบรื่น เพียงแต่ไม่มีอะไรถาวร เมื่อมีสุขก็ต้องมีทุกข์ เป็นของคู่กัน เป็นเรื่องปกติ
อย่างเช่นในตอนนี้ ศศินที่เลี่ยงการเลี้ยงสายมาหลายปี ครานี้เขาหาข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงการกระชับมิตรนี้ไม่ได้แล้ว จากที่เมื่อก่อนเขาส่งไปแค่เงินร่วมแชร์ แต่ตัวไม่มาร่วมเลี้ยงด้วย คราวนี้ถูกน้องๆ รุมลากไปทานข้าวด้วยกัน และแน่นอนว่าวัยรุ่นเลือดร้อนอย่างพวกเขาย่อมพาไปต่อกันที่ร้านแสงสี
ศศินไม่ใคร่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้พยายามหลบหลีกหลายทีแต่สุดท้ายก็ถูกจับนั่งกลางโต๊ะ ขนาบข้างด้วยรุ่นพี่รุ่นน้องสายรหัสเดียวกัน ป้องกันไม่ให้เขาหนีกลับไปก่อน
ศศินไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนหมู่มากมานานมากแล้ว เขาจึงทำได้เพียงนั่งนิ่ง มองแก้วของตัวเอง ไม่กล้าดื่ม ใครชวนคุยเขาก็ตอบแต่ประโยคสั้นๆ พอให้ได้ใจความสำคัญ จากนั้นก็เงียบกริบ ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดเองคนเดียว
เรื่องแบบนี้อรรณพไม่มีทางไม่รู้ เขาตามติดชีวิตศศินอย่างเงียบๆ และรู้ว่าศศินมีเลี้ยงสาย คนเป็นแฟนก็ได้แต่เป็นห่วงแฟนตัวเองที่มนุษยสัมพันธ์เข้าขั้นแย่ กลัวว่าอีกฝ่ายจะโดนใครรังแกเอา เขาไม่ยอมหรอกนะ ศศินเป็นของเขา ใครก็ห้ามแตะ ห้ามแกล้งทั้งนั้น
อรรณพจึงแอบตามศศินมาอยู่ด้วยที่ร้านเดียวกัน จองโต๊ะนั่งอยู่ห่างๆ คอยสอดส่องสถานการณ์ แต่ดูเหมือนจะยังไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ
จวบจนแอลกอฮอล์ได้เข้าปากศศิน ก็เป็นเรื่องทันที
อรรณพสังเกตเห็นคนน่ารักอยู่ตลอดเวลา พอเห็นศศินเริ่มจิบน้ำเมาก็ยิ่งไม่ละสายตา และไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ศศินก็เมาคอพับ แว่นตากรอบหนาเอียงกระเท่เร่ ศีรษะเริ่มไม่ตั้งตรง เอนไปพิงไหล่รุ่นน้องที่นั่งข้างๆ ใบหน้าแดงก่ำอย่างง่ายดาย เพียงแอลกอฮอล์แก้วเดียวเท่านั้น สติของศศินก็หลุดลอย
ในโต๊ะยิ่งครึกครื้นกันใหญ่เมื่อเห็นคนเรียบร้อยอย่างศศินในมุมที่ไม่เคยเห็น นับว่าการเลี้ยงสายครั้งนี้ประสบผลสำเร็จอย่างสูง ทุกคนเฮฮา ครื้นเครง จะมีก็แต่จ้าวสมุทรที่หน้าดำคร่ำเครียด จ้องมองศศินไม่วางตา พยายามหาจังหวะเข้าไปรับตัวคนเมา
แต่ทั้งโต๊ะไม่เปิดโอกาสให้เขา ทุกคนยังเฮฮา ขืนเขาเข้าไปแทรกตอนนี้คงทำให้บรรยากาศงานกร่อย เลยได้แต่กัดฟันมองแฟนตัวเองซบไหล่ไอ้หนูที่ไหนไม่รู้
อรรณพทำเป็นจิบเบียร์ในแก้วไป มองอีกฝ่ายไป เขาไม่คออ่อนง่ายๆ เหมือนศศิน แม้จะชอบเก็บตัวอ่านหนังสือ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ออกสังคมเลย ทำให้เขานั่งดื่มได้เรื่อยๆ แถมยังพอจะอ่านบรรยากาศได้
ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเป็นอันตรายต่อดวงจันทร์ตัวน้อย
กระทั่งรุ่นน้องที่ศศินใช้เป็นที่ซบนั้นได้ขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ รุ่นพี่ผู้ชายคนข้างๆ ศศินอีกฝั่งจึงดึงตัวศศินให้มาซบไหล่ตนแทน ดูไม่ใช่เรื่องแปลกหากมองในภาพรวมแล้ว ศศินเมามากและไม่สามารถทรงตัวได้ การที่จะมีใครสักคนให้ยึดเกาะเป็นเรื่องที่ดี
แต่อรรณพไม่ชอบใจที่แฟนของตัวเองซบคนนั้นทีคนนี้ที
ทีแรก อรรณพคิดว่าคงจบแค่ซบ ไม่มีอะไรเกินเลย หากแต่ไม่เป็นเช่นนั้น
ในมุมของคนในโต๊ะ ไม่มีใครเห็นมือของรุ่นพี่คนนั้นที่กำลังล้วงเข้าสาบเสื้ออีกฝ่าย แต่ไม่ใช่สำหรับอรรณพ เขานั่งอยู่ข้างหลังศศิน เห็นการกระทำหยาบช้าเต็มสองลูกตา ดวงจันทร์ตัวน้อยที่ไร้เกราะป้องกัน มีหรือจะปฏิเสธสัมผัสของอีกฝ่ายได้
มือเลวไม่หยุดแค่การล้วง แต่เริ่มไล้ลูบเอวบาง ลามขึ้นไปถึงกลางแผ่นหลังอย่างแนบเนียน
เสียใจด้วย ไม่พ้นสายตาจ้าวสมุทร
อรรณพในตอนนี้ไม่สนแล้วว่าตนจะทำให้บรรยากาศงานกร่อยไหม ศศินที่ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ไม่ควรถูกใครก็ตามจับล้วงหรือสัมผัสโดยที่เจ้าของร่างไม่ยินยอม
อรรณพลุกขึ้น เดินตัวตรงไปยังโต๊ะเลี้ยงสายของศศิน ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายมองมาทางตน ที่เรียกได้เต็มปากว่าเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ
จ้าวสมุทรไม่ถึงกับขาดสติ เขายกยิ้มให้ทุกคนรอบโต๊ะ รวมถึงรุ่นพี่ชั่วช้าที่นั่งข้างศศินด้วย รุ่นพี่คนนั้นรีบเอามือออกจากเอวศศินเมื่ออรรณพมาถึง แย้มยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาอยากจะต่อยไอ้หมอนี่จริงๆ
แต่อรรณพทำเพียงแต่เอ่ยคำพูดง่ายๆ ไม่กี่คำ เขาไม่อยากทำให้ศศินมีปัญหาภายหลัง และก็ไม่อยากให้ศศินโดนแตะต้องไปมากกว่านี้
“ศศินบอกให้ผมมารับเขาตอนห้าทุ่ม ตอนนี้ก็เลยเวลาแล้ว ผมขอตัวเขากลับก่อนนะครับ”
ว่าจบก็พยุงร่างอ่อนปวกเปียกพาดบ่า ไม่รอให้ใครขัดจังหวะนี้ รีบรุดพาคนเมาออกจากร้านทันที คะนิ้งน้อยหน้าแดงก่ำ ดวงตากึ่งเปิดกึ่งปิด สะลึมสะลือไม่ได้สติ
อรรณพใช้เวลาอยู่นาน กว่าจะพาศศินไปยังหอพัก พาเข้าห้องที่คุ้นเคย ค่อยๆ พาคนเมาล้มตัวนอนบนเตียงช้าๆ
“คุณ?” ศศินเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า จนอรรณพต้องไปเตรียมน้ำมาให้
“ดื่มน้ำก่อน”
คนเมาทำตาม ดื่มน้ำจนหมดแก้ว ถอดแว่น เตรียมตัวทิ้งตัวนอน ทว่าที่อรรณพไม่คาดคิดคือศศินเอื้อมมือมาดึงให้ตนล้มมานอนเคียงข้างกัน
ดวงจันทร์ตัวน้อยที่หัวหมุนเคว้ง เหมือนอยู่ในยานอวกาศที่กำลังร่วงสู่ผืนโลก เขาทำอะไรแทบไม่ได้เลย เพียงแต่ไม่ได้ขาดสติเสียหมด เรื่องราวในวันนี้เขาจำมันได้ เสียงเฮฮารอบโต๊ะ เขาจำมันได้ สัมผัสขยะแขยงนั้น เขาจำมันได้ เพียงแค่ร่างกายไม่ขยับตามคำสั่ง
คะนิ้งน้อยซบเข้าแผ่นอกอีกฝ่าย เอ่ยเสียงเบา
“ผมไม่ชอบเลย...” ซุกเข้าหาอีกฝ่ายมากขึ้น “ไม่ชอบสัมผัสของใครเลย นอกจากคุณ...”
เอ่ยเพียงเท่านี้ก่อนที่ดวงจันทร์จะปิดสวิตช์ตัวเอง จะว่าเป็นคำพูดที่ทำให้อรรณพโกรธมากขึ้นก็ว่าได้ โกรธตัวเองที่ปล่อยให้คนรักของตนโดนคนอื่นสัมผัส โกรธที่ไม่ทำอะไรไอ้หมอนั่น
แต่อีกใจหนึ่งอรรณพก็คิดว่านี่เป็นคำบอกฝันดี...
ที่ผ่านมาศศินแทบไม่แสดงออกเท่าไหร่ว่ารักชอบเขาเท่าไหน แต่อรรณพรู้ว่าถ้าศศินไม่ชอบเขาคงไม่ตกลงเป็นแฟน ไม่ยอมให้เขาหยอกเล่นด้วยขนาดนี้ ศศินไม่เคยพูดว่าชอบ แต่การกระทำก็ไม่ได้แสดงออกว่าไม่ชอบ
ครั้งนี้มีประโยคชัดถ้อยชัดคำ เติมเต็มจิตใจของอรรณพ ทำให้เขามั่นใจมากขึ้นว่าคนตัวเล็กนี้เองก็รู้สึกไม่ได้ต่างจากเขา
อรรณพนอนเบียดอีกฝ่าย กกกอดดวงจันทร์ตัวน้อยไว้แน่น กดจูบกลางกระหม่อมหนึ่งที
ในเมื่อศศินบอกเองว่าไม่ชอบสัมผัสใครนอกจากเขา เช่นนั้นต่อจากนี้ไป จ้าวสมุทรตั้งมั่น จะไม่ปล่อยให้ใครมาสัมผัสศศินของเขาแล้ว
✳
มีเรื่องกวนหัวใจอรรณพมาสักพักแล้ว สาเหตุมันเริ่มมาจาก หนึ่ง เขาเป็นอาจารย์สอนป.โท ไม่ค่อยได้เข้าคณะบ่อยเท่าไหร่ ถ้าไม่จำเป็นต้องออกไปไหนเขามักจะหมกตัวตรวจวิจัยอยู่ในบ้านมากกว่า จึงทำให้แม้ว่าจะทำงานที่เดียวกับศศินก็ไม่ค่อยได้เจอกันในที่ทำงาน
สอง เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีก้าวไกลไปมากจริงๆ การติดต่อสื่อสารผ่านสัญญาณไร้สายเป็นที่แพร่หลายและยอดนิยม เว็บไซต์ต่างๆ เข้าถึงง่าย และแน่นอนว่าเฟซบุ๊คและไลน์เป็นสิ่งที่คนรอบตัวเขาต้องรู้จัก และมีแอคเคาน์ไว้ทุกคน นั่นทำให้อรรณพต้องยอมสมัครเล่นแอปพลิเคชันพวกนี้ เพื่อให้ก้าวทันโลก และง่ายต่อการสื่อสาร
สาม เพราะเทคโนโลยีก้าวไกล เปิดพื้นที่ให้หลายๆ คนได้แชร์เรื่องราวต่างๆ ของตัวเองลงบนโซเชี่ยล และนั่นทำให้อรรณพได้เห็นโพสต์บนเฟซบุ๊คของศศิน ที่ว่าด้วยเรื่องนักศึกษาคนหนึ่ง เป็นนักศึกษาชายและเป็นลูกศิษย์ของศศิน และได้รางวัลอะไรสักอย่างที่น่าภาคภูมิใจ
สี่ ศศินโพสต์รูปเด็กคนนั้นพร้อมกับข้อความแสดงความยินดี และดีใจในตัวศิษย์
มันควรจะไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น แต่ห้า เขาคิดว่าศศินโพสต์และแชร์เรื่องของเด็กคนนี้มากเกินไปแล้ว...
ในทีแรก อรรณพก็ไม่ใคร่คิดเก็บเอาเรื่องกิ๊กก๊อกนี้มาใส่ใจหรอก แต่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาเข้าเฟซบุ๊คที่มีเพื่อนไม่กี่คน ก็มักจะเจอศศินอัพเดทเรื่องราวใหม่ๆ อยู่หน้านิวฟีดเสมอ มันคงไม่มีอะไรให้เขาหนักใจ ถ้าหากว่าเรื่องราวนั้นเกี่ยวข้องกับเด็กนักศึกษาชายคนนั้นทั้งหมด
ย้ำว่าทั้งหมด
ศศินจะปลาบปลื้มลูกศิษย์คนนี้อะไรมากมาย แค่โพสต์สองโพสต์ก็น่าจะพอแล้วรึเปล่า นี่เล่นโพสต์ทุกวัน แชร์ข่าวนักศึกษาดีเด่นคว้ารางวัลบลาๆ นี่ตลอด
อรรณพชักจะไม่ชอบใจ
เมื่อหันไปทางศศินที่นั่งจ้องคอมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาก็ไม่กล้าเอ่ยถาม สลับกลับมาเล่นโทรศัพท์ เจอโพสไม่น่าอภิรมย์ หันไปมองศศิน เป็นอย่างนี้อยู่หลายทีจนอรรณพตัดสินใจเดินไปหาศศิน
และก็ได้รู้ว่าที่ศศินกำลังเคร่งเครียดอยู่นั้น ไม่ใช่เพราะกำลังทำงานนอกเวลา...แต่ศศินกำลังเล่นเกมโซลิแทร์ ที่เป็นเกมในคอมพิวเตอร์อยู่ต่างหาก แถมยังเล่นอย่างจริงจังเสียด้วย ศศินคำนวณความน่าจะเป็นในหัวหลากหลายวิธีเพื่อที่จะได้ชนะ และทำลายสถิติเดิม
อรรณพถอนหายใจ เจ้าดวงจันทร์แสนน่ารักนี่ติดเกมอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
“มีอะไรรึเปล่า”
คนติดเกมเป็นฝ่ายถามก่อน เมื่อเห็นอรรณพเดินมาหา แต่ไม่พูดอะไรเสียที
“รอคุณเล่นจบก่อนแล้วกัน”
ศศินพยักหน้า เขาไม่ได้รู้สึกร้อนใจเหมือนอีกฝ่าย ตั้งหน้าตั้งตาเล่นโดยที่อรรณพยืนมองอยู่ห่างๆ
สุดท้ายคนตัวโตก็ทนไม่ไหว ศศินยังไม่ทันเล่นให้จบตาดี อรรณพก็เข้ามาแนบกายชิดใกล้
“อะไรของคุณ”
“ลุกหน่อย”
ศศินขมวดคิ้ว แต่ก็ทำตาม ลุกขึ้นจากที่นั่ง และพอเก้าอี้ว่างปุ๊บ อรรณพก็แทรกตัวเข้าไปนั่งแทนทันที ศศินตั้งท่าจะร้องโวยวาย แต่อรรณพจับคนติดเกมลงมานั่งบนตักของตน
“อะไรกันน่ะ”
“เล่นต่อสิ”
อรรณพว่า กอดศศินไว้อย่างหลวมๆ เอาคางเกยไหล่อีกฝ่าย ซบแผ่นหลังเปราะบาง
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศศินนั่งตักอรรณพ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องปกติเท่าไหร่นัก ถึงแม้ในหัวศศินจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่สุดท้ายเขาก็กลับไปสนใจหน้าจอคอมที่มีเกมกำลังเล่นค้างไว้อยู่ ศศินเพ่งสมาธิ เล่นให้จบเกม และได้รับชัยชนะอย่างสวยงาม
“ใครเป็นคนสอนคุณเล่นเกมนี้น่ะ”
“ไม่มี ผมฝึกเอง”
“...งั้นใครเป็นคนบอกคุณว่าในเครื่องมีเกมอะไรแบบนี้”
อรรณพเปลี่ยนคำถาม เขารู้ว่าศศินมีความสามารถมากพอที่จะศึกษาเกมลับสมองนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว แต่เขาเชื่อมั่นว่าคนอย่างศศินไม่มีทางเล่นเกมนี้ได้ ถ้าไม่มีคนเอ่ยชวนหรือแนะนำ
ก็ศศินของเขาไม่สนอะไรนอกจากงานและเหล่าดวงดาวนี่นา
ถ้าไม่นับรวมอรรณพด้วยล่ะก็นะ จ้าวสมุทรนึกคิด ก่อนศศินจะให้คำตอบกลับมา
“ลูกศิษย์ผมคนนึงบอกมาน่ะ”
“ลูกศิษย์คุณ? คนไหนหรือ”
อรรณพขมวดคิ้วเป็นปม กอดศศินจากด้านหลังแน่นขึ้น ศศินไม่สนิทกับนักศึกษา อรรณพรู้เรื่องนี้มานานแล้ว และไม่คิดว่าศศินจะไปผูกมิตรใหม่กับใครที่ไหน
“คนที่ผมแชร์ลงเฟซบุ๊คบ่อยๆ”
“อ้อ...” ไอ้หมอนั่นน่ะเอง ประโยคหลังสบถอยู่ในใจ
“ผมลองเข้าไปคุยกับนักศึกษาดูตามที่อาจารย์ฟิสิกส์บอก คิดว่าการได้รู้จักคนรุ่นใหม่ๆ น่าจะสามารถนำมาปรับใช้กับการเรียนการสอนได้ แล้วผมก็ได้รู้จักกับนักศึกษาคนนี้ เขาเก่งมากๆ เลยรู้ไหม”
ยังไม่พอ มีการอวดใครก็ไม่รู้ต่อหน้าเขาอีก
อรรณพแอบเบะปาก ก่อนวางใบหน้าตัวเองลงบนไหล่บาง กระชับอ้อมกอด เขาไม่ได้อยากรู้จักนักศึกษาคนนี้ แต่ศศินก็ยังคงพรรณนาเกี่ยวกับเด็กคนนี้ไม่เลิก เก่งอย่างนู้น ขยันอย่างนี้ เขาไม่ได้อยากรู้ เขาอยากให้ศศินสนใจแค่เขาแค่คนเดียว
อีกอย่าง ในตอนนี้นักศึกษาหลายๆ คนรู้แล้วว่าศศินคบกับเขา ศศินเป็นที่ชื่นชอบไม่เบา อรรณพพอรู้ แต่ไม่หึงหวงอะไรเพราะศศินมักมีกำแพงกั้นกับผู้อื่นเสมอ แต่นี่อะไร ศศินเริ่มเปิดใจให้คนอื่นมากขึ้น แถมเจ้าเด็กนี่ต้องรู้แน่ๆ ว่าศศินมีเจ้าของแล้ว ยังจะมายุ่งกับคนของเขาอีก
ถึงแม้เด็กคนนั้นอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับศศินก็เถอะ แต่อรรณพก็ไม่ชอบใจเวลาเห็นแฟนตัวเองพูดถึงคนอื่น มากจนเกินพอดี
“ถึงขั้นโพสต์เกี่ยวกับนักศึกษาคนนั้นทุกวัน ดูท่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคุณมากสินะ”
“หืม ก็ใช่น่ะสิ ผมบอกไปแล้วว่าเขาเก่งและก็ขยัน แถมสนใจดาราศาสตร์ด้วย สมัยนี้หาเด็กที่พยายามหาความรู้จากหนังสือยากนะคุณ อินเทอร์เน็ตเข้าถึงง่าย ข้อมูลก็เข้าถึงง่าย แต่ก็มีทั้งลวงทั้งจริง...”
และบลาๆ สาธยายเด็กนักศึกษาหนุ่มคนนี้อีกครั้ง
อรรณพชักไม่พอใจ กอดศศินแน่นจนดวงจันทร์น้อยเริ่มอึดอัด ซุกซบแผ่นหลังบอบบาง ยังไม่สมใจ อรรณพยังฝังคมเขี้ยวลงไปที่เนื้อนวลเบาๆ
“ชอบขนาดนั้นเลยหรือ ผมเห็นคุณถ่ายรูปกับเขาด้วย”
“...มันทำไมหรือ”
“ก็เปล่า”
“คุณห-“
“ผมไม่ได้หึงสักหน่อย”
“...ผมจะถามว่าคุณหุงข้าวเสร็จรึยัง”
“...”
อรรณพนิ่งเงียบ ส่วนศศินเอี้ยวตัวมามองหน้าคนขี้หึง พร้อมประดับรอยยิ้มขำ
อรรณพเบือนหน้าหนี เขาไม่ชอบใจนักหรอกเวลาถูกจับไต๋ได้ แต่ให้ทำไงได้ เขากำลังหึงจริงๆ และเถียงอะไรไม่ออก
“หึงหรือ”
“...”
“ปากแข็ง”
“ผมไม่ได้ปากแข็ง”
“งั้นหรือ” ศศินว่าด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
เขาไม่ค่อยแสดงออกว่ารักอรรณพเท่าไหร่ แต่ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รักหรือกำลังมีใครใหม่ เพียงแค่ตื่นเต้นที่ได้ผูกมิตรกับคนรุ่นใหม่มากความสามารถ ไม่ต่างจากการได้เห็นข่าวสารใหม่ๆ เกี่ยวกับดาราศาสตร์ เพียงแค่ชื่นชมเท่านั้น เขาตั้งใจจะอธิบายเรื่องนี้ให้อรรณพฟัง
แต่แล้วจ้าวสมุทรก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือ เมื่อศศินตั้งท่าจะพูด เขารีบคว้าใบหน้าศศินไว้แน่น ประกบริมฝีปากนาบลงไปกับอีกฝ่าย ระดมจูบใส่ดวงจันทร์ที่ไม่ทันตั้งตัวอย่างบ้าคลั่งและอ่อนหวาน
เสียงจูบดังเป็นเสียงเดียวที่ดังกระหึ่มในห้อง กระทั่งพอใจ อรรณพผละตัวออก ยกมือเช็ดริมฝีปากอีกฝ่ายที่น้ำลายไหลเยิ้ม
“ทีนี้รู้หรือยังว่าปากแข็งไม่แข็ง”
คะนิ้งน้อยทำหน้ายู่ ปากแข็งที่ว่าไม่ใช่แบบนี้เสียหน่อย แต่แน่นอน ศศินเขินเกินกว่าจะพูดอะไรออกไป กี่ปีผ่านไป ยังไงเขาก็เขินกับสัมผัสของอรรณพทุกครั้ง
เขิน...พอๆ กับชอบสัมผัสเช่นนี้เสมอ
✳
#จักรวาลใต้สมุทร