บทที่30
หัวคิ้วที่ขมวดเข้าน้อยๆ ก่อนที่ดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้มาอย่างหนักจะค่อยๆปรือตาขึ้นมาช้าๆ สายตาโฟกัสมองไปรอบๆห้องนอนที่ไม่รู้จัก แต่บรรยากาศกลับเหมือนเคยเห็นมาก่อน ก้มมองสภาพตัวเองที่ยังอยู่ในชุดนอนลายกล้วยเหมือนเดิม ยันตัวจะลุกขึ้นแต่กลับรู้สึกเจ็บที่แขน หัวสมองค่อยๆประมวลเหตุการณ์ก่อนหน้าที่แล่นเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ ฝ่ามือเรียวได้แต่กำเข้าหากันแน่นๆ น้ำตาที่รื่นขึ้นมาที่ขอบตาแบบอัตโนมัติ ... ความรู้สึกตื้อๆที่อธิบายไม่ถูก แต่บอกได้ดีว่ารู้สึกแย่มากแค่ไหน
‘แกร๊ก แอ๊ดดด’
เสียงเปิดประตูทำให้คนร่างบางต้องสะดุ้งหันไปมอง ร่างสูงที่เปิดประตูเข้ามาก่อนจะเต๊ะท่ายืนกอดอกพิงกรอบประตูอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มที่ถูกจุดขึ้นที่มุมปากของเขาทำเอาดวงตาสวยต้องเบิกกว้าง
“มึง!มะ...มึงงง”
“จุ๊ๆ ...มึงจะพูดจาไม่ดีกับผู้มีพระคุณแบบกูไม่ได้นะ” คนตรงหน้าว่าแบบนั้น ก่อนจะก้าวขาเดินเข้ามานั่งลงบนเตียงอย่างถือวิสาสะ ฝาที่ได้แต่กระเถิบๆหนีไปเรื่อยๆจนชิดขอบเตียงอีกฝั่ง
“กลัวกูหรอ?”
“หน้าตามึงจังไรขนาดนี้ไอ้คนกาม ไม่น่าถามให้กูต้องตอบ”
“ด่ากูขนาดนี้ กูน่าจะขับรถชนมึงให้ตาย”
“อ๋อออ ไอ้แสงไฟที่สาดมาเข้าตากูคือรถเวรรถกรรมของมึงเรอะไอ้กัณฐ์ ไอ้อันธพาล!”
“ช่วยสำนึกหน่อยได้ไหมว่ากูช่วยมึงมานะเว้ย พอ อย่าอ้าปากอีก เดี๋ยวกูจูบแม่งเลยนิ”
“มึง! ไอ้เชี่ย มึงจับกูมาอีกทำไมวะ โรคจิตหรอ กูขอล่ะ อย่ายุ่งกับกูอีก กูเหนื่อยไอ้เหี้ยเอ๊ย ถ้ามึงแค้นไอ้รบก็เชิญไปลงที่มันได้ตามสบาย กูกับมันไม่ได้ข้องเกี่ยวกันอีกแล้ว” พูดออกมาแบบนั้น พร้อมปลายประโยคที่เสียงเบาลงจนคนตรงหน้าสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
“ทำไม มันทิ้งมึง?” กัณฐ์ที่นั่งมองทำหน้ายิ้มๆกวนประสาทอีกฝ่าย แต่ฝากลับเลือกที่จะเงียบ และไม่พูดตอบอะไรออกมา
“มึงอย่าบอกว่าเรื่องจริง...เป็นไปไม่ได้หรอก ไอ้คนที่กล้าบุกเดี่ยวมาช่วยมึง จะบอกว่ามันไม่รักมึงได้ไง มันจะกล้าทิ้งมึงได้ยังไง หวงชิพหายขนาดนั้น”
“เหอะ มึงอย่าพูดว่ารักออกมาเลยว่ะ กูว่ามันไม่เคยมีหรอก” ฝาที่หันหน้ามามอง แค่นยิ้มออกมาน้อยๆอย่างสมเพศตัวเองนิดๆ
“พอไอ้เหี้ย เลิกทำหน้าเหมือนหิวดีหมีได้แล้ว เห็นแล้วเกะกะลูกตา มึงไม่ได้เจ็บตรงไหนไม่ใช่ไง นอกจากข้อศอกถลอกเพราะเสือกล้มสลบลงไปเอง มึงไปอาบน้ำไป เดี๋ยวกูพาไปแดกข้าว บอกแม่ครัวไว้ละ”
ฝาที่หันมามองคนตรงหน้าก่อนจะทำสีหน้าระแวงใส่ แน่ล่ะ...สันดานที่มันทำไว้ครั้งที่แล้วกูยังตราตรึงใจ ไอ้ส้นตีน
“ไม่ต้องมาทำหน้าหวาดระแวงใส่กูขนาดนั้น กูไม่วางยามึงหรอก”
“ก็มึงเคยทำไงไอ้เห็บหมา!”
“สัด เกลียดคำด่ามึงชิพหาย มีแต่มึงที่กล้ามาด่ากูแบบนี้”
“กูต้องภูมิใจไหม”
“พอๆ เลิกพูดมากสักที มึงไปล้างหน้าล้างตา กูจะลงไปรอข้างล่าง”
ร่างสูงที่ส่ายหัวให้อย่างเหนื่อยๆที่จะต้องเถียงด้วยเลยได้แต่รีบเดินหนีออกจากห้องไป ฝาที่หันไปมองตามอีกคนที่เดินหายไปพร้อมกับเสียงปิดประตู มองจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่อยู่แล้วจึงค่อยๆชันเข่าขึ้นมากอดไว้ ใบหน้าใสที่ซบลงไปกับหัวเข่า ก่อนที่น้ำตาใสจะค่อยๆไหลลงมาอาบแก้ม ไร้ซึ่งเสียงสะอื้นใดๆ มีเพียงน้ำตาใสเท่านั้นที่บ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้คนๆนี้เสียใจมากแค่ไหน ทั้งเสียใจ เจ็บใจ รู้สึกแย่ และสับสนไปหมด
เปลือกตาที่หลับลงช้าๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอยู่แบบนั้น ในหัวยังฉายภาพที่นักรบนั่งอยู่บนเตียง สภาพเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย และอันนั้นของมันที่เด่นชัดจนขึ้นมา ยังจำได้ดีว่าข้างตัวของมันมีใครคนนึง ใครคนนึงที่ครั้งนึงมันเคยนอนกับเค้า และครั้งนี้ก็คงไม่ต่างจากเดิม สภาพที่เห็นกันอยู่ทำให้ไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรมาหักล้างให้ได้ ไม่รู้จะใช้ความคูลตรงไหนของตัวเองมาลบล้างเรื่องเหี้ยๆนี้ออกไปได้
“ฮึก...โดยเฉพาะ ... ความไม่ชัดเจนของมึงกูหาอะไรมาหักล้างไม่ได้เลย...หรือจริงๆนี่มันอาจจะเป็นความชัดเจนที่สุดของมึงก็ได้ ฮึก...”
.
.
.
“กว่ามึงจะเสด็จลงมานะ”
“กูจะกลับบ้าน”
“มาแดกก่อน เดี๋ยวกูไปส่ง”
“ไม่เป็นไร”
“มึงอย่าให้กูได้พูดอีกครั้งนะ”
กัณฐ์ที่หันมาทำเสียงดุใส่พร้อมถลึงตามอง ฝาที่ได้แต่ถอนใจเหนื่อยๆ มีแต่เรื่องให้เหนื่อยหัวใจ และเพราะไม่อยากเหนื่อยมากไปกว่านี้จึงเลือกเดินไปนั่งร่วมโต๊ะกับอีกฝ่ายที่รออยู่ก่อนแล้วอย่างไม่อยากมีปัญหา
“ไม่รู้ว่ามึงชอบอะไร กูเลยสั่งๆให้แม่บ้านทำมา”
มันที่บอกแบบนั้น เลยกวาดสายตาดูอาหารบนโต๊ะว่าเมนูที่มันสั่งแม่บ้านทำมามีอะไรบ้าง ซูชิหน้ารวม มีซูชิฟัวกราส์ ปลาดิบด้วย ข้างๆมีจาจังมยอน และบิบิมบับวางคู่กับกิมจิ ถัดไปคือถ้วยแกงส้ม ต้มจืด แกงไตปลา และน้ำพริกหนุ่มที่มีแคบหมู ต่อกันไปติดๆเป็นจานสปาเก็ตตี้ซอสแดง ข้างๆมีรวมมิตรโคลด์ คัท มีพาร์ม่าแฮม ซาลามี่ที่โรยด้วยถั่วต่างๆ ทานคู่กับมะกอกดองและแก้วไวน์แดง ...อืม อะไรเอ่ยไม่เข้าพวก? .... ไม่ไม่เข้ากันมันทุกอย่างเนี่ย!
“มึงจะมีงานเลี้ยงหรอ”
“เอ้า ก็ไม่รู้ว่ามึงแดกไรได้ไม่ได้ เกิดดัดจริตเรื่องมากเดี๋ยวด่ากูอีก รำคาญหู”
“นานาชาติซะกูคิดว่าจะมีงาน”
“แล้วแดกได้ไหม”
“แดกได้ แต่ไม่กล้าแดก”
“เลิกกลัวกูได้ละ กูไม่ทำอะไรคนอกหักแบบมึงหรอก ทำไม่ลง เห็นตามึงช้ำขนาดนี้ก็ไม่กล้าข่มเหงแล้วสัด อีกอย่างขืนทำ ไอ้รบแม่งก็สั่งน้องมันเอามีดมาแทงมือกูอีกสิ”
“มึงพูดไรนะ หลังๆกูฟังไม่รูเรื่อง”
“เรื่องกู ว่าแต่มึงน่ะ ลงมาช้าขนาดนี้ แอบร้องไห้มาล่ะสิ” ไอ้กัณฐ์ที่ว่าแบบนั้นพร้อมมองหน้าแบบสำรวจไปด้วย
“เปล่า”
แต่ก็ตอบมันออกไปแบบนั้นทั้งๆที่เม้มปากแน่นและเสตาหลบมัน มือทั้งสองข้างที่กำจนแน่น ไม่อยากยอมรับตามที่มันพูด ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตอนนี้มันอ่อนแอแค่ไหน ไม่เลย...ไม่มีแล้วพี่ฝาคนคูล
“หึ...แดกสิ”
อีกฝ่ายที่เปลี่ยนเรื่องทั้งแบบนั้น แต่ก็ดี ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ไม่อยากร้องไห้ให้ใครหน้าไหนเห็น ... มันไม่คูล
“อร่อยไหม”
“กูยังไม่ได้เอาเข้าปากสัดกัณฐ์”
“ก็แดกสิ”
“เออๆ”
อื้อหืออ อร่อยว่ะ เงยหน้าขึ้นมาทันทีตอนงับซูชิเข้าปาก รสชาตเหมือนร้านดังแถวทองหล่อเลยว่ะ
“อร่อยล่ะสิ”
“กูพูดหรอ”
“เปล่า แต่หน้าตามึงบอกมา แดกๆเข้าไปจะได้รู้สึกดีขึ้น”
มันที่ว่าแบบนั้น ก็หยิบนู่นนี่นั่นมาวางบนจานผม เงยหน้ามองมันหน่อยๆ อีกฝ่ายที่เลือกจะทำเป็นไม่เห็นว่าผมมองมันอยู่ ก้มหน้าลงไปกินของที่มันตักมาให้ต่อ ... จริงๆมันเป็นคนที่ผมไม่ควรจะไว้ใจที่สุดแล้ว แต่ไม่รู้สิ ในตอนนี้ อาจจะดีที่สุดที่เป็นมัน เพราะมันไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่คนที่สนิท เพราะแบบนั้น เลยสบายใจที่สุด
“ขอบใจนะมึง”
“ไม่เป็นไร กูเข้าใจความรู้สึกมึง”
เงยหน้าขึ้นมามองมันอีกครั้งที่มันพูดออกมาแบบนั้น แต่ก็นั่นแหล่ะ ช่างมันเถอะ กับเรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอดเลย
“มึงพักอยู่ไหนเดี๋ยวกูไปส่ง”
“ไม่เป็นไรมึง เดี๋ยวกูนั่งแท็กซี่กลับเอง”
“เดี๋ยวกูไปส่ง อย่าให้กูพูดย้ำมากได้ไหมวะ รำคาญ”
“ทำไมต้องมาดีกับกูวะ คนเหี้ยๆแบบมึงมันไม่น่าจะดีได้ มึงต้องการไรสัด”
“ตัวร้ายแบบกูนี่ขอมีที่ยืนบ้างได้ไหม...สัด เบะปากใส่กูไปอีก”
“ก็มันไม่น่าไว้ใจ....”
“จริงๆเมื่อคืนนี้กูกำลังรีบ เพราะพ่อกูโทรตามยิกๆให้รีบมางานบ้านไอ้รบ คนยิ่งรีบๆแต่เสือกมีไอ้โง่ที่ไหนไม่รู้ แม่งมาเดินทะเล่อทะล่าขวางรถซะงั้น จริงๆตั้งใจจะลงไปตบสักที แต่พอเห็นเป็นมึงที่นอนสลบก็เลยหิ้วกลับมาด้วย”
“มึง ทำไมถึงจะไปงานนั้นล่ะ”
“เอ้า ก็พ่อกูกับพ่อมันเพื่อนกัน ทำธุรกิจวงการเดียวกัน จริงๆกูเอง...ก็เคยเป็นเพื่อนมันนะ”
“หรอ...มึงสองคนดูไม่น่าเรียกว่ามิตรภาพของความเป็นเพื่อน”
“หึ เลิกคบกันเพราะผู้หญิงว่ะ จริงๆกูก็โง่เองแหล่ะ พึ่งรู้ความจริงทุกอย่างก็ตอนจับตัวมึงมา”
“หื้ม เรื่องไรวะ?”
“ไม่เสือกเรื่องกูสิ”
“ฉัด”
“แล้วนี่มึงอิ่มแล้วหรอวะ อาหารไม่อร่อยหรอ”
“เปล่า กูกินไม่ลง”
“เออ งั้นไป เดี๋ยวกูไปส่ง”
“มึงไม่ได้จะพากูไปถ่วงทะเลใช่ไหม แบบว่าพากูมากินอาหารมือใหญ่ให้สุขใจเป็นมื้อสุดท้าย แล้วก็พาไปฆ่างี้”
“มโนเก่งจังนะ ลุกไอ้สัดจะไปส่ง”
“อืมๆ” ก็ไม่รู้ยังไง แต่สุดท้ายก็ลุกตามมันขึ้นรถไป แต่ก็อีกแหล่ะ ถึงกูจะบอกว่าไม่ คนแบบมันคงให้ลูกน้องหิ้วกูขึ้นรถได้อยู่ดี
“มึงจะให้กูไปส่งที่ไหน บอกทางกู” ตอนที่เราขึ้นมานั่งบนรถ ไอ้กัณฐ์ก็ถามออกมาแบบนั้น คิดสักพักเพราะจริงๆก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน ใจจริงอยากกลับบ้านแต่ไกลเกินไป เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็มีเรียน คงจะกลับบ้านไม่ได้ เลยคิดว่าอยากจะไปหาไอ้หมอก ยังไม่อยากกลับไปหอ กลัว กลัวว่าไอ้รบมันจะมารอดัก แต่จริงๆ...มันก็ไม่จำเป็นที่ต้องมารอ
“อืม...ไปคอนโดแถวพร้อมพงษ์”
“เค”
มันตอบรับ ก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกไป ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบ เพราะไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรกัน มันกับผมไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่ที่ยอมมากับมัน ก็เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าผมจะต้องทำอะไร ทำยังไง ปกติไปไหนมาไหนก็เคยชินกับการที่มีไอ้รบหิ้วไปหิ้วมา เป็นมันที่จะเอารถมารับที่คณะ พาไปกินข้าวกลับหอ นอนและตื่นไปเรียนพร้อมๆกัน ช่วงเวลาไม่นานเท่าไหร่ แต่กลับทำให้ผมลืมไปเลยว่า ก่อนหน้าที่จะมาเจอมัน ผมใช้ชีวิตอยู่มายังไง ลืมไปเลยว่า ตอนที่ไม่มีรถออร์ดี้สีเหลืองของมันขับมารับ ผมไปไหนมาไหนยังไง ความเคยชินเป็นสิ่งที่น่ากลัว และการเคยมี ก็เป็นสิ่งที่เจ็บปวดกว่าการที่ไม่มี เพราะเราเคยชินที่จะมี พอมาวันนึงสิ่งที่เคยมีหายไป มันจะเจ็บปวดหัวใจมากกว่าคนที่ไม่เคยมีมาก่อน ... และก็ไม่ต่างจากตัวผม ที่ครั้งนึงเคยมีไอ้รบ แต่ต่อจากนี้ ผมจะไม่มีมันอีกแล้ว
“ทิชชู่อยู่เก๊ะหน้ารถ”
ไอ้คนข้างตัวที่พูดออกมาแบบนั้น ทำให้ผมรีบยกมือปาดน้ำตาทิ้งแบบลวกๆ ไม่คิดว่าจะร้อง ไม่ได้อยากร้องออกมาแบบนี้ แต่มันก็ทำไม่ได้ แค่เผลอคิดไป น้ำตามันก็ไหลออกมาแบบที่ไม่รู้ตัว เพราะจริงๆเรื่องมันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง แต่ผมกลับรู้สึกว่าเหมือนตัวเองแบกรับเรื่องนี้มาหลายปีหลายเดือนแล้ว
“คอนโดนี้หรอวะ ให้กูขึ้นไปส่งไหม”
“ไม่ต้องหรอก นี่คอนโดเพื่อนกู” บอกมันตอนที่มันจอดรถเข้าที่ลานจอดเรียบร้อยแล้ว มันที่มองหน้าผมแบบใช้ความคิดนิดหน่อย ก่อนที่มันจะถามออกมา
“นี่มึงหนีไอ้รบหรอวะ?”
“..............”
“กูไม่รู้หรอกนะ ว่ามึงกับมันทะเลาะอะไรกัน แต่กูว่า การหนีมันไม่ใช่ทางออกหรอก โดยเฉพาะหนีคนแบบไอ้รบ มึงหนีไม่พ้นหรอก”
“กูไม่ได้หนี...กูแค่ขอเวลาพัก คิดอะไรนิดหน่อย”
“อืม เอาเหอะ”
“มึง”
“ว่า?” มันที่เลิกคิ้วใส่นิดหน่อย มองมันจากมุมนี้มันเป็นคนที่หล่อมากๆคนนึง ถ้าตัดเรื่องที่มันเคยทำเลวกับผมไว้ก็จะดูเป็นคนดีคนนึง
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไร อย่างน้อยถ้าไอ้รบมันรู้ว่าเมื่อคืนมึงไปนอนกับกู มันก็คงอกแตกตายในระดับนึง กูก็จะสะใจดี”
มันที่ว่าแบบนั้นพร้อมกระตุกยิ้มมุมปากและหัวเราะหึหึแบบสะใจอยู่คนเดียว กูนี่รีบถอนหนีไปติดกระจก ปลดสายคาดเบลท์ออกจากตัวเลย ไอ้ห่า ไอ้ตัวร้าย
“เออๆ ยังไงก็ขอบใจนะที่มึงไม่ชนกู แถวเก็บศพกูมาให้ข้าวให้น้ำด้วย”
“ไม่เป็นไร ถือว่ากูไถ่โทษที่ครั้งนี้เคยใส่ยาปลุกและจูบมึงอย่างบ้าคลั่ง”
“ไอ้สัด! กูไปล่ะ”
“เออๆ เจอกัน”
“ใครจะเจอกับมึง ห่า”
กูว่าแล้ว ตัวร้ายก็คือตัวร้าย มึงจะกลับใจมาเป็นพระเอกไม่ได้หรอก ไอ้บ้า กูนี่รีบเปิดประตูรถออกไปเลย แต่ก็ออกไปไม่ได้ไกล กำลังจะปิดประตูรถใส่ แต่ไอ้กัณฐ์มันก็เรียกเอาไว้ก่อน
“มึงน่ะ พยายามเข้มแข็งให้มากๆล่ะ อย่าให้ไอ้เรื่องอกหักแบบนี้ มาทำลายรอยยิ้มที่มึงเคยมีไปซะล่ะ มันไม่ดีหรอก ... อย่าเปลี่ยนไปเพราะเสียใจมาก ...แบบกู”
ผมที่นิ่งฟังมันพูด ถึงแม้จะไม่ได้ยินสิ่งที่มันพึมพำตอนสุดท้าย แต่ก็เข้าใจที่มันบอก ผมที่ยิ้มให้มันหน่อยๆก่อนจะพยักหน้าให้ อีกฝ่ายที่ทำแค่โบกมือไล่ให้ผมอย่าเกะกะ แล้วมันก็ขับรถออกไปทั้งแบบนั้น มองตามรถมันที่ขับออกไปจนลับสายตา
เดินเข้าไปในตัวอาคารกดชั้นของห้องไอ้หมอก คิดแค่ว่าไม่รู้จะไปไหน อยากไปหาไอ้ธาร แต่ก่อนหน้านี้ลองโทรไป แต่มันไม่รับสาย จะไปหาไอ้เซียร์ มันที่เป็นผู้หญิงและบ้านมีแต่มันกับอาม่า ก็คิดว่าไม่ควรเท่าไหร่ สุดท้ายเลยเลือกมาหาไอ้หมอก เดินออกมาจากลิฟท์ กำลังจะเคาะประตูห้อง แต่ประตูกลับถูกกระชากออกมาอย่างแรง
“มึงกลับไปเลยไอ้เชี่ย!”
ผมที่ยืนตาค้างอยู่หน้าประตู มือที่กำลังจะยกขึ้นเคาะก็ชะงักค้างอยู่แบบนั้น ไอ้หมอกที่จับลูกบิดประตูห้องไว้แน่น คนที่ยืนอยู่ภายในห้องของมันคือพี่เทียน ดูเหมือนทั้งคู่จะมีปากเสียงกันน่าดู มันกับพี่เทียนที่รับรู้ว่าไม่ได้อยู่กันสองคนเบิกตากว้างขึ้นเมื่อเห็นผมยืนทำหน้าโง่อยู่ตรงนี้
“ไอ้...ฝา”
“เอ่อ กู....”
“คือมันไม่มี....”
“คือพี่มีเรื่องจะเคลียร์กับหมอกน่ะฝา”
พี่เทียนที่เปิดปากแทรกประโยคของไอ้หมอกออกมาแบบนั้น ก่อนที่ร่างสูงจะรีบตรงไปจับมือของไอ้หมอกมันไว้
“ปล่อยกูไอ้สัด! กลับไป!!”
“ไม่! กูต้องคุยกับมึงก่อน”
“กูบอกให้กลับไป! ไอ้ฝา มึงเข้ามา”
“คือเอ่อ.....”
“ฝา พี่ขอโทษทีนะ พี่มีเรื่องต้องเคลียร์กับหมอก”
“อ่อ...เอ่อ...ครับ”
“ขอบใจนะ”
‘ปัง’
พี่เทียนที่บอกออกมาแบบนั้น มือก็ยังคงยื้อยุดฉุดกระชากอยู่กับไอ้หมอก ท่าทางที่ดูร้อนรนเอามากๆ คิดว่าคงเป็นเรื่องที่สำคัญ และอีกอย่างพี่เทียนที่พูดออกมาแบบนั้น จะให้กูบอกปฏิเสธว่าไม่ได้ ผมมีปัญหาอยากเข้าไปนั่งในห้องเพื่อนตอนนี้ กูจะตอบออกไปแบบนั้นก็คงจะไม่ได้ ... และเพราะตอบรับไปแบบนั้น พี่เทียนเลยปิดประตูใส่หน้ากูทั้งแบบนี้ ตอนนี้เลยกลายเป็นไอ้โง่ที่ยืนเอ๋ออยู่หน้าห้องเพื่อน ไม่มีที่ไปอีกแล้ว ....
สุดท้ายเลยออกมาจากคอนโด เดินทะลุเข้ามาที่สวนสาธารณะที่อยู่ติดกับห้างดังและไม่ไกลจากคอนโดของไอ้หมอก ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี ไม่มีที่ให้ไปแล้ว นั่งลงที่พื้นหญ้าข้างๆริมน้ำที่อยู่กลางสวนสาธารณะ เหม่อมองไปในสายน้ำที่เงียบนิ่ง สายลมเอื่อยๆที่พัดมากระทบตัว ไม่เย็นแต่ไม่ทำให้ร้อน มองไปรอบๆตัวที่มีผู้คนอยู่มากมาย แต่ผมไม่มีใคร ในตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ไอ้รบเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของผม จนกลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้ แค่นึกมาถึงตรงนี้น้ำตาก็รื่นขึ้นมาที่ขอบตาแล้ว น่าสมเพชชิพหาย ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา เครื่องที่ร้อนเหมือนมันจะระเบิด ไม่ได้สนใจมันมานานเพราะตั้งปิดเสียงปิดสั่นไว้ เปิดหน้าจอออกมองเห็นเบอร์ของไอ้รบที่โทรเข้ามาเป็นร้อยๆสาย มีเบอร์ของเลิฟด้วย คิดว่าไอ้พี่รบมันคงให้ช่วยโทรหาผม ข้อความจากทางไลน์ก็มีรัวเข้ามา แต่ไม่คิดจะเปิดอ่าน ไม่อยากเปิดอ่านอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ผมแค่อยากอยู่กับตัวเองสักพัก เพราะผมยังทำใจไม่ได้ ผมไม่ไหวจะรับรู้อะไรในตอนนี้
“เห้ย มานั่งทำอะไรตรงนี้วะ”
เสียงเรียกทำให้ผมต้องหันไปมอง ร่างสูงที่อยู่ในชุดอยู่บ้านสบายๆ ในมือมีแก้วกาแฟเย็นอยู่ และบนใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มสดใสอยู่เหมือนเดิม เขาที่กำลังมองมาที่ผมและยิ้มให้เหมือนเคย
“พี่โซล...”
“ว่าแล้วว่าต้องเป็นมึง มองมาจากไกลๆก็คิดว่าใช่ กูเลยเดินเข้ามาหา มึงตื่นสายหรอวะทำไมยังอยู่ในชุดนอน แต่ชุดนอนมึงแจ่มดีนะ” พี่มันที่พูดออกมาติดจะขำๆ ก่อนจะเดินมานั่งลงข้างๆผม อีกคนหันมามองทั้งรอยยิ้มก่อนจะเริ่มขมวดคิ้ว
“ฝา มึงเป็นไรวะ ร้องไห้มาหรอวะ”
น่าแปลกที่พอพี่มันถามออกมาแบบนั้น น้ำตาของผมก็ไหลลงมาแบบไม่อยากจะกลั้นไว้อีกต่อ อีกคนที่ทำหน้าตกใจ และนาทีต่อมาก็เป็นมันที่ยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ
“ใจเย็นๆมึง ค่อยๆร้อง ไหนหายใจเข้าลึกๆหน่อย” เสียงทุ้มที่ปลอบประโลมของมันยิ่งทำให้ผมร้องไห้หนักขึ้นไปอีก รู้สึกเหมือนกำลังมีพ่อมาปลอบ
“ฮึก อึก...พี่ พี่โซล”
“ไม่เป็นไรนะมึง เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”
“ฮึก ฮื่ออ พี่...”
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่ผมนั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ โดยมีพี่โซลทำหน้าที่ลูบหัวปลอบ พี่โซลไม่ได้ถามอะไรอีก จนตอนนี้ที่ผมสะอึกสะอื้นน้อยลงแล้ว พี่มันเลยเลิกลูบผม
“ดีขึ้นไหม” พยักหน้าตอบมันกลับไป อีกคนที่ก็ยกมือมาเช็ดน้ำตาให้
“ถ้าดีขึ้นแล้ว มึงกลับหอไหม เดี๋ยวกูไปส่ง” มันว่าแต่ผมก็ส่ายหน้า ผมไม่อยากไป ไม่อยากกลับไปในที่ๆเคยอยู่กับไอ้รบ
“แล้วมึงอยากไปไหน”
“ผมไม่รู้ ผม....ไม่มีที่ไป”
“งั้นไปคอนโดกูไหม"
“เห้ย กูไม่ได้คิดจะทำไรเหี้ยๆอีกนะ แค่คิดว่า มึงน่าจะอยากพัก ดูจากสภาพมึงตอนนี้”
พี่มันที่พูดต่อออกมาเพราะคงเห็นผมที่เอาแต่มองหน้ามันอยู่แบบนั้น จริงๆไม่ได้คิดอะไรหรอก แค่คิดว่า ทำไมกูไม่ชอบคนดีๆแบบพี่โซลวะ ... แต่นั่นแหล่ะ คนเราก็มักจะรักคนที่เราเลือก ไม่ใช่รักจากคนที่ดี
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นพี่...แต่ถ้าไปได้จริงๆ ผมก็จะไปนะ”
...
“รกหน่อยนะมึง ห้องชายโสดก็งี้”
พี่มันว่าตอนที่เปิดประตูห้องออก เป็นห้องชุดในคอนโด ไม่ต่างจากห้องไอ้รบเลย คอนโดพี่มันไม่ไกลจากคอนโดไอ้หมอกเท่าไหร่ มองไปรอบๆห้องก็ไม่ถึงกับรกหรอกครับ สไตล์ผู้ชาย เห็นตรงหน้าทีวีมีแผ่นหนังแผ่นเกมส์ อ่อ แผ่นหนังโป๊ด้วยกระจายอยู่เลย หันไปมองมัน พี่มันที่รีบวิ่งพุ่งไปเก็บ
“เห้ย ไม่เป็นไรพี่”
“โทษทีมึง เมื่อคืนเพื่อนกูมากันอ่ะ”
“อ่อ”
เดินไปนั่งตรงโซฟา แล้วต้องสะดุ้งลุกขึ้นมา คือกูนั่งทับอะไรวะ หยิบขึ้นมาเป็นกล่องถุงยาง เอิ่ม ขอบคุณที่มันไม่ใช่อันที่ใช่แล้ว แต่ถึงแบบนั้น กล่องมันก็ถูกแกะไปแล้วมองเข้าไปมันเหลืออยู่ชิ้นเดียว หื้ม...ใช้ไปแล้วสองอันด้วยว่ะ
“เห้ยไอ้ฝา” พี่มันที่กระโจนมาจากหน้าทีวี พอเห็นของที่อยู่ในมือผม พี่มันก็ได้แต่ทำหน้าเจือนมาให้
“คือ...กูว่ามึงเข้าไปนอนในห้องเหอะ”
“อ่า”
“ห้องซ้ายมือมึง ไม่มีใครใช้ เมื่อคืนก็ไม่มี”
“อ่อออออ จ้า”
ตอบรับมันไปแบบนั้น ก็รีบลุกเดินออกไปจากตรงนี้ กลัวพี่มันอายครับ แค่นี้มันก็หน้าล้าพอแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่ะ พี่โซลแม่งก็ไม่ธรรมดานะ แต่ว่า พี่มันบอกว่าห้องนี้ไม่มีคนมาใช้ แล้วห้องนอนพี่มัน...ถูกใช้หรอวะเมื่อคืน อ่ะ กูนี่จินตนาการเลย เหมือนว่าจะได้กลิ่นบางอย่าง อยากเสือก แต่ความรู้สึกในตอนนี้ไม่เอื้ออำนวย แค่เรื่องตัวเองก็มีปัญหามากพอแล้ว รู้สึกเจ็บตาและปวดหัวมาก อาจเพราะร้องไห้มากไป
“ไอ้ฝา”
“หื้ม”
พี่มันโผล่หน้าเข้ามาตอนที่ผมกำลังจะหลับ
“กูจะออกไปราวน์ วอร์ดนะ ส่วนมึงก็นอนนี่แหล่ะ ถือว่าเฝ้าห้องให้กูละกัน คืนนี้กูอยู่เวรด้วย กลับมาพรุ่งนี้นู้นแหล่ะ”
“ขอบคุณนะพี่”
“ไม่เป็นไรเว้ย แต่มึง....ถ้าทะเลาะกับไอ้รบนั่น ก็คุยกันเหอะว่ะ กูเห็นโทรศัพท์มึงสั่นนะ กูว่ามันคงเป็นห่วงมากนะ”
“ผมนอนก่อนนะพี่ บ๊ายบาย”
“ดื้อเหมือนกันนะมึงเนี่ย เสื้อผ้าในตู้กูมึงหาใส่เอานะ ไปละ”
“ครับพี่”
โบกมือให้มันน้อยๆ อีกคนก็ปิดประตูห้องไป ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กจากข้างนอก สงสัยจะออกไปแล้ว ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง ไฟที่สว่างขึ้นมาพร้อมๆกับภาพหน้าจอที่เป็นรูปของไอ้รบ เป็นรูปที่ผมเคยถ่ายมันตอนที่เจอมันโดยบังเอิญที่สวนสาธารณะเมื่อนานมาแล้ว ตั้งใจจะเอาภาพนี้ไปส่งงานอาจารย์ มองเห็นรูปมันคนที่ผมรัก คนที่ผมเชื่อมันหมดใจว่ามันจะไม่ทรยศผม แต่ไม่ใช่ ผมคิดผิด .... น้ำตาผมไหลออกมาอีกครั้งเมื่อหน้าจอดับลง สัญญาณโทรเข้าตัดไปแล้ว และไม่กี่วิต่อมาก็โทรเข้ามาใหม่ ไม่ใช่ใคร ก็ยังคงเป็นมันแบบเดิม ผมที่เอาโทรศัพท์มากอดไว้ ปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่เงียบๆ ผมเสียใจ แต่ผมก็คิดถึงมันนะ คนที่ทำร้ายความรู้สึกผมซ้ำไปซ้ำมา และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หลับไป มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงออดหน้าห้องดัง เลยงัวเงียลุกขึ้นมา มองออกไปด้านนอกฟ้ามืดแล้ว เดินเลยไปเปิดประตู อาจจะเป็นพี่โซล มันอาจจะลืมอะไร
(มีต่อด้านล่างจ้า)