18
#Secretlove
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน... เขาพบว่าน้ำตาที่เสียไปมากมายยังไม่ทันแห้ง
ร่างสูงของหมอก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้งในสภาพเต็มร้อย ความเมาแห้งเหือดหายไป
“กลับมาอีกทำไม”
เขาพูดทั้งน้ำตา ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากพบเจอ ใจมันยังไม่เข้มแข็งพอ
มันยื่นบางอย่างมาให้
ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นผ้าเช็ดหน้า แต่มันไม่ใช่ เป็นกระดาษเอสี่ที่พับทบครึ่งซ้อนกันหลายแผ่น
“ถือไว้ ถ้ากูบอกให้เปิดเมื่อไหร่ค่อยเปิด”
หมอมันบอก เขารับมาถือไว้ ใจว่าจะตัด แต่ร่างกายก็ยังทำตามคำสั่งใจไม่ได้ ยังคงยอมอยู่เรื่อยไป
“ตอนนี้มึงจะร้องไห้ยังไงก็ได้ แต่ขอให้ตั้งใจฟังกูจนจบ”
หมอบอกจริงจัง มันจับไหล่เขา คราวนี้อ่อนโยนและอบอุ่น เขารู้สึกได้
“มึงเคยอ่านหนังสืออย่างอื่นที่ไม่ใช่ประวัติศาสตร์บ้างมั้ย”
นี่เขางงว่าอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ก็อือๆตอบตามน้ำไป
“เคย ฮึก แต่กูชอบประวัติศาสตร์ที่สุด”
เน้นที่สุด เพื่อให้รู้ว่าเขาไม่ได้ชอบมันแล้ว พบว่านี่เขากำลังหลอกตัวเองอยู่ชัดๆ
“แม่ง ย้ำจังนะของชอบเนี่ย” หมอสบถ
เขาปาดน้ำหูน้ำตาที่ไหลนองหน้า
“มองหน้ามึงแล้วหมดอารมณ์” งั้นมึงก็ไม่ต้องมอง ฮึก
สามวันมานี้ หมอเปลี่ยนไปมาก พูดคำหยาบ พูดไม่เพราะ ทำเขาเสียใจ
สองอันแรกคือทำเป็นประจำ แต่หมั่นไส้มันเลยเหมารวมหมด
เขาตั้งใจจะคลี่กระดาษ
หมอมันตบหัวเขา
“กูบอกว่าห้ามเปิดดู”
“แม่ง”
“ด่ากูในใจเดี๋ยวโดน”
นี่เขาโกรธมันอยู่นะ
“มึงโกรธกูมั้ยที่หายไป”
“โกรธ” ตอบแบบไม่คิด เพราะตอนนี้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
“งั้น มึงอยากทำอะไรกู”
“…”
เขาเงียบ
“โอเค งั้นมึงโกรธกูเพราะอะไร”
“มึงไม่ตอบแชท”
หมอดูงงๆกับคำตอบ แต่ก็ยังถามต่อ
“แค่นั้น”
เขาถูกหมอกดดัน
ฮ่วย จะให้บอกว่ากูหึงมึงที่อยู่กับน้องรหัส กูเสียใจ กูเจ็บใจ เขาจะเอาสิทธิ์ไหนไปบอกมัน
“งั้นมึงรู้มั้ย ว่ากูโกรธมึงเพราะอะไร”
ปิดหู ไม่อยากฟัง นี่เขาดูเสียนิสัยมาก เป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะเรา
หมอดูจะเพลียใจกับท่าทางเขานะ = =
“ยังไม่ต้องฟังก็ได้”
หมอควรออกไปจากห้องเขา
“วันนี้กูจะเล่านิทานให้มึงฟัง”
“?”
หมอเล่นอะไร
“ตั้งใจฟังให้ดี”
“…”
“นิทานเรื่องนี้ กูใช้ใจเขียน และเล่ามันให้มึงฟัง…แค่คนเดียว”
เขาจ้องตาหมอ หมอก็จ้องตาเขา
หมอแม่ง จะควักหัวใจออกมาเขียนได้ไงวะ มีตายนะงานนี้
= = >>> หน้าหมอ
“อย่าเพิ่งไปคิดถึงความสมเหตุสมผล”
ตกลงนี่เขาโกรธมันจริงจังหรือคุยกันมุ้งมิ้งอยู่เนี่ย
“มึงต้องตั้งใจฟังให้ดีๆ”
“…”
“ฟังนะ”
หมอค่อยๆแอบขยับมานั่งใกล้เขา แอบเหล่ตามอง แต่หมอก็คือหมอ แกล้งทำเมินไม่เห็นสายตามองแรงที่ถูกส่งมาจากเขา
“เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของหมากับคนคู่หนึ่ง”
เรื่องมันแปลกมาตั้งแต่ต้น
“หมาเป็นตัวผู้ และคนก็เป็นตัวผู้”
โปรดอ่านผ่านคำพูดที่ใช้กับคนของหมอที่แสนเถื่อนนี้ไป
“ควรใช้คำว่าผู้ชาย”
เขาไม่รู้ว่าตัวเองถูกหมอล่อลวงให้ตอบหรืออะไร แต่เขาก็ตอบไปแล้ว เขาอยากมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ถ้าหมอเป็นคนเล่า
“เออ ขี้เกียจพูดยาว ไม่ต้องจิกกูครับ ฟังต่อ”
“…”
“พวกมันสองตัวอยู่ด้วยกัน” จะไม่แก้คำ ปล่อยเลยตามเลย = =
“…”
“แล้วไงต่อดีวะ” ถามเขาแล้วใครจะตอบ ไหนบอกใช้ใจเขียน นี่มันเหมือนด้นสด
“ไม่ๆ พวกมันสองตัวแยกกันอยู่”
“ตกลงยังไง?” ว่าจะไม่พูดแทรกแล้วมันอดไม่ได้
“แยกกันอยู่”
“…” เขาพยักหน้า
“แล้ววันหนึ่งมันก็มาเจอกัน”
“เดี๋ยว ตกลงมันรู้จักกันมั้ย ไอ้หมา ไอ้คนเนี่ย” เขางงกับการด้นสดของหมอมาก ไม่รู้เมื่อไหร่ อารมณ์อยากรู้มันเข้าครอบงำความเศร้าไปเสียสิ้น บางที แค่หมอมาอยู่ตรงนี้ อารมณ์เสียใจที่มีมาหลายวันดูจะมลายหายไป ยิ่งมารับรู้ว่ามันยังคงเป็นหมอคนเดิม ไม่รู้ทำไมหัวใจถึงดีใจจนเต้นแรงขนาดนี้
“เปล่า หมามันรู้จักคนอยู่ฝ่ายเดียว”
“…” หมาตัวนี้ชักจะเหมือนเขาซะแล้ว
“คนมันโง่ มันเสือกไม่รู้ว่าหมาคอยตามไปทุกที่” นี่มันเขาชัดๆ เขาตั้งใจฟัง
“…”
“แต่หมาแม่งโง่กว่ายังตามแม้คนไม่สนใจ” โอ๊ย น้ำตาเขาจะไหล
“แล้วไงต่อ” เขาตั้งใจฟังต่อไป
“คิดไม่ออก ตัดจบแม่ง”
เผลอเอามือยกตบหัวหมอไปหนึ่งที ค้างมากมาย
“เหี้ย”
ขอมอบคำนี้แด่มัน
เมื่อนิทานจบห้องดูเหมือนจะเงียบไป
“คราวนี้ฟังเรื่องของกูบ้าง”
“…”
“สามวันนี้มึงสบายดีมั้ย”
เขาเงียบ อยากจะถามว่าไม่เช็คสภาพเขาเลยเหรอตอนนี้
“แต่กูโคตรหงุดหงิดตัวเอง”
“…”
“อยากเตะตัวเอง อยากชกตัวเองแรงๆ”
มันทำได้นะหมอ
“ที่โกรธมึง เพราะแค่มึงไม่ติดต่อ ไม่มาหากู อย่างน้อยกูก็ยังหวัง หวังว่ามึงจะแชทมาหากู บอกกูสักนิดว่ามึงไปทำอะไรที่ไหน กูโกรธมาก วันแรกกูใจแข็งไม่บุกไปหามึงที่หอ วันที่สองกูโคตรอยากไปแต่ทิฐิแม่งก็ครอบงำ วันที่สามกูเกือบบ้า แต่มึงก็ยังไม่โผล่หัวมา กูเลยบุกไปถามไอ้เป้ แต่มันไม่บอกอะไรกู แถมยังมาชิ่งหนีไปอีก”
“…”
“กูทำอะไรไม่ถูก ผ่านวันนั้นไปมึงก็ยังไม่โผล่หัว กูเลยไปร้านเหล้า นั่งกินเหล้า บ่นไปเรื่อย กูเหมือนคนบ้ามากป่ะ บ้าที่โกรธมึงด้วยเรื่องแค่นี้”
“…”
มันพูดเรื่องอะไร
“แต่เมื่อเย็นที่ไอ้เป้มันส่งรูปมึงให้กูดูในแชท กูใจหาย แม่งสภาพมึงเหมือนศพ”
อย่าพูดความจริง ได้โปรด แค่นี้ภาพพจน์เขาก็ไม่เหลืออะไรแล้ว T^T
“ทำให้กูอยากฆ่าตัวเองให้ตาย ตลอดหลายวันที่มึงหายไป กูโง่มาก โง่ที่ไม่เคยคิดเลยว่า…”
“…”
“มึงอาจจะไม่สบาย…และกูน่าจะได้ดูแลมึงอยู่ข้างๆ มากกว่าเสียเวลาไปกับทิฐิที่มีอยู่”
“…”
“หรือเพราะรูปกูกับเนตร กูแม่งก็คิดได้นะว่ามึงหึง ฮ่าๆ”
คือ จะไม่มีปากเสียงใดๆ เพราะกูหึงจริงจัง
“…”
“จะอะไรก็ช่าง แต่กูไม่มีคำอธิบายเรื่องรูปเหี้ยนั่น”
“…”
“แต่ว่า…”
หมอยังพูดจ้อต่อไปอีก
“เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้กูได้คิด”
“…”
“กูไม่รอเหี้ยอะไรแล้ว กูไม่อยากให้มันสายเกินไปสำหรับเรา ไม่อยากปล่อยเวลาไปเรื่อยๆอีกแล้ว”
“…”
“มิว ตั้งใจฟังคำนี้ให้ดีๆ”
“…”
“กูเขิน”
หมั่นไส้อยากเตะคน
“กู…”
“…”
เขาตั้งใจฟัง
“กู…”
“…”
มันดูพูดออกมาจากปากหมอยากมาก
“กู รัก มึง” ทั่วห้องดูเงียบลง ราวเวลาถูกหยุด ทุกสิ่งชะงักงัน มีเพียงเสียงลมหายใจอุ่นร้อนที่ยังพอพิสูจน์ได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน
“ตลอดเวลา กูคอยแอบมองมึงมาตลอด มึงอาจจะยังไม่รู้”
“…”
“แต่กูรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับมึง”
“…”
“มึงชอบไปห้องสมุด
มึงชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์
มึงเคยฉีกหนังสือประวัติศาสตร์ครั้งแรกตอนที่มึงเสียใจเพราะได้เกรดวิชาประวัติศาสตร์สากลน้อย
มึงชอบไปสนามมอ เพราะมึงชอบฟุตบอล มึงชอบไปดูพวกวิศวะเล่นบอล กูก็เลยต้องไปเตะบอลทุกวันที่สนามมอ
มึงชอบเล่นเฟส เพราะมึงชอบไลค์ตัสกูบ่อยๆ กูเลยต้องเล่นเฟส อัพตัสตลอดเวลา เพราะอยากให้มึงไลค์
มึงจำกูไม่ได้ตอนเราเดินผ่านกันที่หน้ามอ กูไม่กล้าทักมึงเพราะกูเขิน” ผิดแล้วหมอ
กูชอบไปห้องสมุด กูชอบประวัติศาสตร์ มันคือจริง
แต่…
ที่กูฉีกหนังสือประวัติศาสตร์ เพราะกูเสียใจที่มึงจำกูไม่ได้ กูไม่ได้ติดเอฟวิชาประวัติศาสตร์สากลอย่างที่โพสต์บอกในเฟส
ที่กูชอบไปสนามมอ เพราะกูจะไปดูมึง กูไม่ได้ชอบฟุตบอลอย่างที่โพสต์บอกในเฟส
ที่กูไลค์ตัสมึงบ่อยๆ กูไม่ได้ชอบเล่นเฟส แต่เพราะมึง กูเลยต้องมีเฟสไว้คอยไลค์ตัสมึง
ที่กูไม่กล้าทักมึงเพราะกูก็เขินเหมือนกัน สรุปทั้งหมดทั้งมวล
เราใจตรงกันใช่มั้ย
ใครช่วยตอบที
“อีกหลายข้อความอยู่ในกระดาษที่มึงถือ กูทำมาลวกๆนะ เพราะมึงแม่งอยู่ดีๆก็ร้องไห้ทำกูตกใจมาก”
หมอเอ่ยบอกหลังจากเราเงียบไปนาน
เขาค่อยๆคลี่กระดาษออก มันเป็นรูปการ์ตูน ที่แบ่งช่องไว้หกช่อง
ช่องแรก
เป็นรูปคนขี้ก้างคนหนึ่งที่แอบเอาหนังสือเล่มหนึ่งไปวางไว้ที่โต๊ะสี่ มีกรอบเขียนไว้ติดโต๊ะว่า ‘โซนประวัติศาสตร์’ มีลูกศรชี้ที่หนังสือว่า หนังสือฟิสิกส์ XXX
คนขี้ก้างคนนั้น คือ หมอ
ช่องสอง
เป็นรูปคนขี้ก้างอีกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะที่มิวเกือบจะดูไม่ออกว่ามันคือโต๊ะ มีลูกศรชี้ว่าคือเขา และมีคนขี้ก้างอีกคนหลบอยู่ เอ่อ… หลังชั้นหนังสือละกัน
ช่องสาม
คนขี้ก้างก้มเล่นโทรศัพท์ ไอโฟนหรือแผ่นสี่เหลี่ยมนะนั่น มิวหัวเราะ มีลูกศรชี้ว่า
‘หาหนังสือฟิสิกส์ XXX’
หมอ หล่อ ช่องสี่
หมอคนขี้ก้างแอบมองมิวคนขี้ก้างที่ก้มลงดูโทรศัพท์ มีก้อนเมฆหนึ่งก้อนชี้ที่หมอคนขี้ก้าง เขียนว่า
‘มิวจะเม้นมั้ยนะ’
ช่องห้า
เป็นรูปหน้าเศร้าใจ เป็นวงกลมแล้วมีเส้นโค้งนูนขึ้นเป็นปาก >>> รูปเบะปาก คนขี้ก้างคนนั้นคือหมอ
ข้อความเขียนว่า
‘มิวไม่เม้นอ่ะ เสียใจ’
ช่องสุดท้ายเป็นตัวหนังสือ
#คืนดีกันนะ ไม่รู้ว่าโกรธอะไร แต่คืนดีกันเถอะ
และ
#รับรักกูด้วยนะ “อะไรที่เกี่ยวกับมึงกูแม่งไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจอะไรทั้งนั้นแหละ กูเลยไม่รู้ว่าตอนมึงเห็นรูปกูกับเนตร มึงจะรู้สึกยังไง กูไม่กล้าเข้าข้างตัวเองขนาดนั้นหรอก”
เขาเริ่มเข้าใจหมอ ในขณะที่หมอไม่ชัดเจนกับเขา เขาเองก็เป็นความไม่ชัดเจนของหมอเช่นกัน
“…”
“แต่กูก็แอบคิดนะว่ามึงร้องไห้เพราะเสียใจกับรูปพวกนั้น”
มึงคิดถูกแล้ว หมอ
ใช่… เขามัวมานั่งฟูมฟายอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ไม่ได้แสดงความชัดเจนอะไรเลย เขาเอาแต่โทษหมอว่าไม่ชัดเจน และทำให้ความสัมพันธ์มันกลายเป็นแบบนี้ บางทีเราทั้งคู่ก็ผิดเหมือนกัน มันควรถึงเวลาที่เขาจะต้องอธิบาย และเราต้องพูดกัน
ตอนนี้เราควรพูดกันอย่างจริงจังใช่มั้ยนะ
ใช้ใจฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
เขาตัดสินใจทำบางอย่าง
“มึงแม่ง”
“…”
“ทำกูยิ้มจนหุบไม่อยู่เลย”
เขายิ้มจริงๆนะ ยิ้มในใจ
“เพราะว่ามึงกับกู”
“…”
“เราใจตรงกันมาก”
“…”
“กูก็รักมึง” “…”
“รักมานานแล้ว หนึ่งปีเต็ม โง่นะหมอ มึงมันโง่จริงๆ” พูดไปแล้ว หมอมันถึงกับอึ้ง
โคตรเสียดายน้ำตาที่ร้องไห้ไป ดราม่าคนเดียวอยู่นาน นี่มันยิ่งกว่าฝัน
“แต่มึงมันบ้า”
“…”
“มึงว่ากูหายไปเหรอ มึงต่างหากที่หายไป มึงไปไหนมาไหนกับน้องรหัสได้ แต่มึงมาหากูไม่ได้ เอาจริงๆคือมึงได้อ่านแชทกูมั้ย มึงโกรธกูแต่มึงไม่รับรู้เหี้ยอะไรเลย ข้อความในเฟสน่ะ ได้อ่านบ้างมั้ย มึงมันโง่ โง่ โง่ งี่เง่า”
“แชทไหน”
ไม่ต้องมาถามแล้ว
ตอนนี้ใจเขาเต้นแรงมาก
เขากำลังจะยกโทษให้หมอ
ใครจะว่าเขาให้อภัยง่าย ใจง่าย ไม่คุ้มกับค่าน้ำตาที่เสียไป
“ช่างแม่ง กอดกูที”
แค่ตอนนี้ แค่คำว่ารัก
มันก็คุ้มแล้วกับความรู้สึกที่เสียไป
ไม่คุยกัน ไม่พูดกันตรงๆ…
มันทำให้เราเสียเวลาดีๆไปมากมายจริงๆ
เวลาดีๆระหว่างกัน
แต่มันก็ทำให้เราได้รู้ใจกัน มากกว่านี้ กล้าที่จะพูดกันตรงๆ และกล้าที่จะเอ่ยคำว่ารักออกไป
‘แอบรัก’
เขากลับไปลบคำว่า ‘แอบ’ ที่เขียนเมื่อเย็นออกดีมั้ยนะ
แต่ช่างเหอะ
ป่านนี้มันคงเปื้อนเพราะรอยน้ำตาจนดูเป็นคำไม่ได้แล้ว
แต่ไม่นานเมื่อมันแห้ง
เขาจะไปเขียนทับตรงรอยเปื้อนนั้นใหม่
คำว่า ‘รัก’ น่ะ
ทุกคนว่ายังไง
ความเมื่อมิวโหลดแอพดังอย่างเฟสบุ๊คกลับมาสู่ไอโฟน
หมอหลับไปแล้ว ข้างๆเขาเนี่ย เขาอยากเปิดเช็คอะไรสักหน่อย ล็อกอินเข้าแอคเคาท์ของตัวเอง แจ้งเตือนดังระรัว สองพันกว่า นี่มันเยอะมากจริงๆ มันเกิดอะไรขึ้น วันเดียวที่เขาลบแอพนี้ทิ้งไป บอกเขาทีใครถล่มหน้าไทม์ไลน์
‘กูไม่ใช่คนขี้อ่อย อ่อยเรี่ยราด อ่อยไปเรื่อย กูอ่อยแค่มึงคนเดียว
#คืนดีกันเถอะ’
แม้มันจะไม่มีคำพูดไหนเลยที่บ่งถึงเขา แต่มันก็ชัดเจนที่ภาพ
ยังจำกันได้มั้ย เมื่อวันก่อน ที่มีภาพหมอกับเนตรออกมามากมาย วันนี้หมอโพสต์บอกเองทุกสิ่งอย่าง
หมอทำให้เขายิ้มกับภาพที่เห็น
ในรูปมีเนตรจริง
เนตรกับหมอ
แต่… ข้างๆหมอมีเหล่าเพื่อนวิศวะของเขาอีกมากมาย
‘คนตัดต่อนี่มันตอแหล
#แท็กไปให้ถึงมิว ใครเป็นเพื่อนในเฟสน้องแท็กน้องด้วยค่ะ เห็นสภาพน้องแล้วเดาว่าไม่ได้ไม่สบาย แต่น้องเสียใจ’
เป็นรูปเนตรที่ร้านก๋วยเตี๋ยว เพิ่มเติมคือคนที่นั่งขนาบข้างหมอกับเนตรอีกมากมาย
‘ไม่ได้ว่าอะไรนะเมื่อก่อน แต่แบบ เห็นสภาพมิวแล้วขอพูดตรงๆว่า มิวเจ็บมาก
#แท็กไปให้ถึงมิว แท็กน้องด้วย เราใจไม่ดี T^T’
เป็นรูปหมอกับเนตรที่ร้านขายตุ๊กตา หมอหัวเราะอยู่จริง และมองไปทางเนตร แต่ไม่ได้หัวเราะกับเนตร เพราะหมอจ้องขึ้นไปหาเพื่อนอีกคน ที่อยู่ข้างเนตร สรุปมันหัวเราะกับเพื่อนมัน แต่มีมือดีมาตัดต่อภาพ
ตัวละครเริ่มเพิ่มมาทีละคน สองคน ภาพจริงเริ่มปรากฏ เอาจริงแล้วภาพที่ว่าหมอไปไหนมาไหนกับเนตรสองคนมันไม่เคยมีอยู่จริง เพราะรูปทั้งหมด ถูกโพสต์ลงโดยแฟนคลับหมอ ที่พยายามแท็กเขาเมื่อเย็นนี้
E’Nod ได้แท็ก
Thanakorn’X ‘ตอนนี้ตัดสินใจอยู่นาน ขอลงแบบถือวิสาสะนะคะ สงสารเพื่อนจริง’
‘ทำไมเอารูปน้องมาลงแบบนี้คะ พี่ไม่เข้าใจค่ะ คนเสียใจ จำเป็นมั้ยที่จะต้องลงเฟส’
‘เม้นล่า ขอตอบตรงๆนะคะ คือมิวมันไม่กล้าคุย อีกฝ่ายก็ไม่มาหา เราเป็นเพื่อนมีช่องทางนี้ทางเดียว ขอให้ช่องทางนี้เป็นที่ที่ติดต่อหมอได้ ความจริงคือเราถ่ายรูปนี้มาตั้งสามวันก่อนแล้ว แต่เพิ่งเอาลงวันนี้ค่ะ ตัดสินใจนานมาก’
‘มิวเป็นอะไร?’
หมอ หล่อ เม้นแสดงความคิดเห็น
‘หลังไมค์เลยค่ะ’
สรุปเขาก็ไม่รู้ได้เลยว่าเหล่าแองเจิลคุยอะไรกับหมอ
ถึงแม้หมอมันจะไม่อธิบายเรื่องน้องรหัส
แต่ไม่รู้ทำไม เขาต้องยิ้มไม่หุบกับภาพที่เห็น
มันชัดเจนกว่าคำอธิบายอีกนะ
ภาพที่เป็นภาพจริงๆน่ะ
ตบท้ายด้วยไทม์ไลน์เจ๊บอยลี่
ถึงแม้นางจะโพสต์ขอบคุณที่ทุกคนมาอวยพรวันเกิดนางก็มิวายโพสต์ลอยๆมาอีกหนว่า
‘ที่อยู่ด้วยกัน ที่ไปไหนด้วยกัน ไม่ใช่เพราะชอบ แต่เพราะ…หน้าที่
#ช่วยน้องรหัสค่ะแฟนเข้าใจผิด’
เขายิ้มแล้วไลค์ตัสไป
เขาหันไปหาหมอ
พบว่าตื่นแล้ว และจ้องมองเขาอยู่
“กูชัดเจนพอมั้ย”
“อืม”
“ตลกนะ”
“อะไร?”
“ก็แอบรักกันไปมา”
หมอเป็นคนน่ารัก
“ตลกกว่าคือมึงมโนมาก”
“แต่มึงก็ยังคิดว่ากูไม่สบาย มึงมันโง่”
“แต่กูก็หายโง่”
“นั่นเพราะนดบอกใช่มั้ย ตอบ”
“อือฮึ”
“นดบอกว่าไงบ้าง”
“บอกว่ามิวมันบ้า มันขี้มโน”
“หมอแม่ง”
“แล้วตกลงแชทนั่นคือ มึงแชทมาหากู มาบอกกูแล้วว่าต้องปั่นรายงานเหรอ”
“ก็เออ มึงไม่ตอบแชทกู กูเสียใจ”
“แชทเหี้ยไร ไม่มีมาเลย”
เขากดเข้าแอพแล้วเข้าไปในแชทหมอ
“นี่ไง”
‘เย็นนี้ต้องปั่นรายงาน ตั้งแต่วันนี้ไม่กลับห้องนะ จนกว่ารายงานจะเสร็จ’
“มิว” “…”
“มึงแม่ง” “…”
“ลืมกดส่ง” ร้องไห้หนักมาก T^T
“มิวๆ” อย่าคุย ร้องไห้อยู่
“ลืมบอกไป”
“ว่า?”
“หมาตัวนั้นก็คือกูเอง” “…”
“แต่คนๆนั้นคงไม่ใช่มึงแล้วล่ะ” “…”
“เพราะมึง” “…”
“ก็แอบรักกูเหมือนกัน” ง่อววววววววววววววว
“หมอๆ”
“อืม…”
“แล้วแผลที่หน้ามึงล่ะ ปล่อยไว้แบบนี้จะดีเหรอ”
“หลับเหอะ กูขอ”
พรึบ
ไฟดับ
“หมอ แล้วเพื่อนกูล่ะ วันนั้นมึงโกรธมั้ย”
“วันไหน?”
“ตอนพวกมันไปที่ห้องมึง”
“โกรธบ้าง”
“อ่อย”
“แต่กูไม่เคยโกรธมึง”
“T^T”
“หยุดมโน และ…นอนได้แล้ว”
ผ้าห่มถูกยกมาคลุมหัว
เขาหลับไปภายในอ้อมกอดหมอ
เป็นคืนแรกที่หลับสนิทหลังเกิดเรื่องขึ้นมากมาย
ในความมืดปรากฏสายตาคมวิบวับ
‘หมอมิวคัมแบ็คสเตจ’
รูปหมอกับมิวถูกอัพโหลดลงเพจคิ้วท์บอย
‘แม้มิวจะยังโทรม แต่อิหมอก็โทรม ยับเยินทั้งคู่ แต่เราแอบโล่งอก’
‘อี่แอดมินไปทุกงานอีกแล้ว’
‘นี่บุกห้องมิวชะ’
แอดมินเพจมาตอบ
‘ซูมค่ะซูม’
‘ป๊าดดดดดด รูประดับเอชดี กล้องแอดมินนี่ดูเลอค่า’
‘เลอค่ากว่ากล้องก็แอดมินนี่แหละ ขอบคุณที่ลงให้ฟินนะคะ’
“มึงๆ ลบรูปอี่มิวเถอะ สงสารมัน” นีพูดขึ้น
“โอ๊ย กูรีบลบแป๊บ” นดพูด
“กูเหนื่อยกับพวกมัน”
“ดีใจด้วยนะคะมิว”
แก๊งแองเจิลเองก็ดูจะสบายใจไปมากโข แต่รายงานที่กองเต็มพื้นนี่มันคืออะไร
“เอาเถอะ ปล่อยมันได้เสพสุขกันก่อน มันเสียใจมาเยอะ” นดพูด
“ค่ะ” นีย้ำ
อี่มิว ถ้ารายงานไม่เสร็จนี่อย่าโทษกันนะคะ
แล้วพวกนางก็นั่งปั่นรายงานกันต่อ
ส่วนเป้
“กูจะร้องไห้ นี่ไอ้มิวมันมโนเก่งอะไรอย่างนี้ โถน้ำตาเป็นลิตรที่เสียไปของเพื่อนกู”
“น่า เป้ก็… สองคนนั้นคืนดีกันแล้ว ยินดีกับมิวมากมาย”
ชลลูบหลังเป้ที่ซึ้งจนน้ำตาไหล แทนคำขอบคุณที่เจ้าตัวซื้อนาฬิกาให้เป็นของขวัญวันเกิด
“สรุปเจ๊เป็นต้นเหตุใช่มั้ย ปล่อยค่ะ จะฆ่าตัวตายลงโทษตัวเอง”
ขณะเดียวกัน บอยลี่ที่กำลังพยายามจะแขวนคอก็ถูกห้ามโดยพนักงานร้านมากมาย
พวกเขาต่างงงงันว่าเธอไม่ดีใจกับของขวัญวันเกิดที่ได้จนถึงกับจะฆ่าตัวตายเลยเหรอ
แถม
‘นอนตื่นสาย’
เป็นวิดีโอความยาวไม่เกินหนึ่งนาที เผยภาพเคลื่อนไหวของมิวที่นอนหลับคว่ำหน้าบนเตียง
‘โอ๊ยยยยย อย่าแบล็คเมล์น้องอย่างนี้ค่ะ #ทีมมิว’
‘ดีกันก็โพสต์อะไรฟินๆมาเต็ม ใจจะละลายค่ะ’
‘กรี๊ดดดดดดดด ดีกันแล้ววว’
‘เฝ้ารอคอยการคัมแบ็คนานมาก’
‘นี่ด่าหมอมากมาย’
เจ๊บอยลี่ถึงกับมาเม้น
‘โอ๊ย คราวหน้าอย่าจัดงานให้เจ๊เลยถ้าจะมีเรื่องกัน เจ๊ไม่ถือค่ะ อย่าทำมิวเสียใจเป็นพอ แอบเห็นรูปตอนน้องโทรมจากแองเจิลแล้วแบบ ไล่หมอไปหาทันที’
หมอ หล่อ กับอีก 435 คนถูกใจสิ่งนี้…
To Be Continue
********************************************************************************************
19
◤แอบรัก◢
มามุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง งุงิ ที่นี่...
MewSN