22:00 ปมสุดท้าย
อินที่นั่งไถมือถือเล่นไปมาเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีของบางอย่างวางลงบนโต๊ะไม้ เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นคนคุ้นหน้าส่งยิ้มหวานมาให้ เจ้าตัววางข้าวของทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสะพายข้าง, แฟ้มใส่โน๊ตเพลงและกีต้าร์โปร่งลงบนโต๊ะไม้ก่อนจะเอ่ยปากถามเสียงใส
“มานานยังครับ” อินส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบก่อนที่จะดึงถุงกระดาษที่อยู่ข้างตัวไปวางบนที่ว่างบนโต๊ะ หยิบมัฟฟิ่นกล้วยหอมที่วันนี้ตื่นมาทำแต่เช้ายื่นให้คนตรงหน้า
“งานเสร็จหรือยัง เมื่อกี้ดินบอกว่ายังไม่ได้กินอะไรนี่ กินขนมรองท้องก่อนเนอะ เสร็จแล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน” มือส่งของที่ภูมิใจนำเสนอให้อีกคน ก็เขาอุตส่าห์จริงจังขนาดไปลงเรียนคอร์สทำขนม ลองทำหลายรอบจนคนที่บ้านน้ำหนักขึ้นกันไปหลายโล ดังนั้นจึงรับรองได้ว่าต้องอร่อยแน่ๆ คนรับไปมีสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ดูก็รู้ว่าดีใจมากแค่ไหน เจ้าตัวนั่งลงไม่พูดไม่จา งับของในมือคำโตจนแปปเดียวก็เหลือแต่ถ้วยกระดาษ
“อร่อยที่สุดตั้งแต่มีคนทำมัฟฟิ่นมาเลย” อินหัวเราะให้กับคนขี้โม้ที่ตอนนี้มาค้นถุงกระดาษหยิบชิ้นที่สองไปกินอย่างมูมมามจนสำลักไอค่อกแค่ก
“ช้าๆ ก็ได้ ไม่มีใครแย่งหรอก” อินเอ่ยแซว
“ใครแย่งอะไร อ่ะ ดินกินอะไรอยู่ อยากกินบ้าง”
เพี้ยะ!
ทิวถามขึ้นมาทันทีที่นั่งลงข้างอิน เหลือบมองเห็นถุงขนมก็เอื้อมมือจะไปหยิบแต่โดนมือหนาตีหลังมือซะก่อน
“ของเรา”
“อะไรดินนนน มีตั้งเยอะแยะ ขอชิ้นนึง”
“แต่อินทำมาให้เรา”
“ห๊า อินทำเองหรอ น่ากินมากกกก ขอกินชิ้นนึงนะ” ทิวส่งสายตาอ้อนวอนมาให้อิน สองมือจับแขนคนข้างตัวเขย่าไปมา แต่ก็ต้องปล่อยออกอย่างรวดเร็วเมื่อมือหนามือเดิมตามมาตีข้อมือเขาอีกรอบ
“ปล่อยอินเลยนะ”
“ดินใจร้าย อินเลิกกับคนแบบนี้เถอะ มาคบกับเราแทน” ทิวพูดเสียงใส อินถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนให้กับสงครามย่อมๆ ตรงหน้า ได้แต่ยกสองนิ้วขึ้นมานวดหว่างคิ้วคลายอาการปวดหัว เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจริงๆ ในที่สุดอินจึงหันไปหาคนรักจ้องอยู่สักพักจนอีกฝ่ายรู้สึกตัวและหันมาสบตากัน
“แบ่งให้ทิวอันนึงนะ” อินพูดเหมือนขอร้องแต่น้ำเสียงที่ใช้ทำให้คนหวงของไม่กล้าขัด ล้วงเข้าไปหยิบมัฟฟิ่นชิ้นที่ดูเล็กที่สุดยื่นให้คนที่ยิ้มหน้าบานรออยู่ คนรับกัดมัฟฟิ่นไปนึงคำก็กระโดดโลดเต้นไปมารอบโต๊ะ ร้องฟินกับรสชาติที่แตะปลายลิ้นจนคนหันมามองกันเต็ม ทิวบิขนมเป็นคำๆ ยัดใส่ปากเพื่อนที่นั่งทำงานอยู่แถวนั้นสองสามคนก่อนจะชี้มาที่คนทำ คนที่ได้กินไปก็ยกนิ้วโป้งชูขึ้นเป็นการเอ่ยชมกันยกใหญ่ อินอดหัวเราะให้กับอาการโอเว่อร์ของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่เขาก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อหันกลับมามองหน้าคนตัวโตที่นั่งหน้าบูดเหมือนเด็กโดนแย่งขนมไปแล้ว
“เดี๋ยวว่างวันไหนดินก็แวะไปเอาคุ้กกี้เนยสดที่บ้าน” ได้ยินอย่างนั้นเด็กโข่งก็ยิ้มร่าขึ้นมาอีกครั้ง ดีใจที่อินจำได้ว่าเขาชอบกินคุกกี้เนยสดที่สุด ดินเอื้อมเอามือมาวางทับบนมือเล็ก พูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“งั้นไปเย็นนี้เลย”
“เย็นนี้ไม่ได้!!” ไม่ใช่อินแต่เป็นคนที่จัดการขนมหมดไปแล้วต่างหากที่เอ่ยขึ้น
“ทำไมไม่ได้ล่ะ” อินถามอย่างสงสัย นึกว่างานทั้งหมดเสร็จแล้วซะอีก “ยังเหลืออะไรต้องทำอีกหรอ” พอหันไปหาคนตัวโตเพื่อขอคำตอบ กลับเห็นสีหน้าที่มีความสงสัยไม่ต่างกัน เลยหันไปหาคนพูดอีกที
“เสร็จแล้ว ดีมากๆ เลยด้วยมีแต่คนชมดินกันทั้งนั้น” ทิวว่าต่อพร้อมนั่งลงที่โต๊ะไม้ ส่งสายตาอ้อนวอนขอขนมเพิ่มอีกชิ้น ดินดึงถุงมัฟฟิ่นไปถือทันที แต่พอมองหน้าอินก็สบถในลำคอนิดหน่อยก่อนจะยอมหยิบขนมออกมาชิ้นนึง ดึงแบ่งครึ่งก่อนจะยื่นครึ่งที่น้อยกว่าให้ทิว อินอดขำไม่ได้เมื่อคนตัวเล็กบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมรับไปกินอยู่ดี
“ก็วันนี้เราเตรียมปาร์ตี้ขอบคุณให้ดิน ไม่มีใครมาเยอะหรอก มีแต่คนรู้จักกันทั้งนั้น ร้านประจำแถวนี้แหละ” เมื่อทิวบอกชื่ออินก็ร้องอ๋อ ในใจ เป็นร้านประจำที่เขาเคยไปกับพวกธันก่อนหน้านี้
“อินชวนเพื่อนมาด้วยก็ได้นะ จะได้ไม่เบื่อ”
“ให้เราไปด้วยหรอ” อินที่ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับงานถามขึ้นมาอย่างเกรงใจ
“เอ้า งานของดิน แล้วอินจะไม่ไปได้ไง แล้วระวังเหอะ ปล่อยดินไปที่แบบนั้นคนเดียวบ่อยๆ จะหาว่าเราไม่เตือน”
“ทิว..” ดินว่าขึ้นเสียงเข้ม ตัั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทิวกลายเป็นพวกอินขึ้นมาเขาไม่แน่ใจจริงๆ
“ตกลงไปนะ” คนร่างเล็กไม่คิดฟังดิน เซ้าซี้คนข้างตัวอย่างไม่ลดละ
“ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจนะ แต่อยากไปด้วย” อินเหลือบมองคนตัวโตหน้าเขาอย่างไม่แน่ใจ ไม่อยากให้อีกคนคิดว่าเขาคอยตามประกบแจตลอดเวลา
“ไม่ให้อินปฎิเสธหรอกนะ” ดินเอื้อมมาจับมือเขาแบออก วางมือประสานกันก่อนจะสอดนิ้วเข้าไประหว่างนิ้วเขาแล้วกำมือลง ความอบอุ่นแผ่ซ่านผ่านฝ่ามือมาถึงอกข้างซ้าย พอเผลอไปสบตากับอีกฝ่ายที่มองอยู่ก่อนแล้ว ผิวเนื้อบริเวณแก้มก็ขึ้นสีแดงเรื่อขึ้นมา
“ไปด้วยกันนะครับ”
.
.
.
.
.
.
.
ในเวลาที่แสงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า ร้านอาหารกึ่งผับประจำย่านก็เริ่มคึกคักขึ้นอย่างที่เป็นประจำ อาจจะไม่มากเท่าช่วงเปิดเทอม แต่คนวัยทำงานและนักศึกษาที่ไม่กลับบ้านก็ยังมีมากพอที่จะเติมเต็มที่ว่างของร้านให้ไม่ดูเงียบเหงา ถึงจะบอกว่ามีแต่คนรู้จักแต่คนที่ชอบจัดปาร์ตี้เป็นชีวิตจิตใจก็ยังชวนคนที่คิดว่า ‘น่าจะเกี่ยวข้อง’ มาเยอะจนตอนนี้โต๊ะของเขากลายเป็นโต๊ะที่ใหญ่ที่สุดกลางร้าน นี่ถ้ามองเผินๆ เขาคิดว่าคนตัวเล็กตั้งใจจะจัดงานวันเกิดให้ดินอีกรอบซะอีก
“มันก็แบบนี้แหละ หาข้ออ้างปาร์ตี้ไปเรื่อย” ลูกน้ำว่าขึ้น พร้อมยื่นแก้วเหล้าที่ชงแล้วมาให้อิน กี และธัน เพราะเป็นกลุ่มเพื่อนที่ก่อนหน้านี้เคยเจอกันแล้วที่หัวหิน พออินเอ่ยชวนมาพวกมันเลยตอบตกลงกันทันที มีแต่อีแนทที่มีนัดอยู่ก่อนแล้วจึงมาไม่ได้
“ติดผัวมึงงง” ธันเริ่มเม้าเพื่อน
“ว่าแต่วันนี้ฉลองอะไรกันวะ” อินหลุดขำเพื่อนสนิท ก็พอชวนมันมา มันก็ตอบตกลงโดยไม่ได้ถามอะไรเลยสักนิด
“เลี้ยงขอบคุณที่ดินไปช่วยงานอักษรอะ”
“อ่อ กูไม่เกี่ยง เหล้าฟรีกูยังไงก็ได้”
ว่าแล้วมันก็เริ่มเม้านู้นเม้านี่จนเสียงหัวเราะกระจายไปทั่วโต๊ะ พอกินเหล้าเข้าไปได้สองสามแก้วอินที่เริ่มอยากเข้าห้องน้ำจึงขอตัวออกจากโต๊ะ เดินไปทางห้องน้ำที่คนไม่เยอะเท่าไหร่ รอคิวไม่นานก็ได้เข้าไปทำธุระส่วนตัว
“เอ้า เจ มาแล้วหรอ” ออกมาจากห้องน้ำก็ต้องตกใจเมื่อไม่คาดคิดว่าจะเจออีกฝ่ายยืนล้างมืออยู่ก่อนแล้ว
“อืม ยังไม่ได้ไปโต๊ะก็แวะมาห้องน้ำก่อนเลย อั้นแทบตาย” อีกฝ่ายว่าขึ้นพร้อมทำหน้ายุ่งๆ จนอินอดขำไม่ได้ อินเอื้อมไปบีบสบู่เหลวก่อนจะเริ่มต้นล้างมือบ้าง เจปิดน้ำเอื้อมไปดึงกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดมือก่อนจะเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนที่ล้างมืออยู่
“อิน..”
“หืม” อินหันหน้าไปมองเมื่อคนเรียกชื่อตน
“ขอบใจนะแล้วก็ขอโทษ..”
“มาขอบใจเราทำไม” อินพูดกลั้วหัวเราะ ถึงจะไม่ได้แปลกใจกับคำพูดของคนตรงหน้า อินเอื้อมไปปิดน้ำก่อนที่จะดึงทิชชู่มาเช็ดมือบ้าง
“กิตมาคุยกับเราแล้ว..”
“อืม... คืนดีกันแล้วใช่ไหม” อินพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเสี่ยงถามคำถามที่คิดว่าตัวเองเดาถูก
“อืม..”
“ก็ดีแล้วเนอะ...” อินส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมเอามือตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ
“ไม่ต้องคิดมากเรื่องเราแล้วนะ” ร่างเล็กตรงหน้าพยักหน้าลงอีกครั้ง ดวงตากลมเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาแสดงความซาบซึ้งใจอย่างที่สุด
“แล้วเราก็ขอโทษ.. สำหรับทุกอย่างแล้วก็เรื่องดิน...”
“เราบอกแล้วว่าอย่าคิดมาก แค่อย่าทำอีกก็พอ รอบที่แล้วดินโกรธจนเราเกือบไม่รอด” อินเย้าทีเล่นทีจริง ถึงจะไม่ได้นึกโกรธเคืองอะไรแล้วแต่เขาก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง
“ก็เราแค่อยากให้อินกับกิตกลับมาคบกัน ตอนนั้นคิดได้แค่นั้นจริงๆ” อินยิ้มเอ็นดูคนตรงหน้า รู้ว่าเจรักกิตมาก มากจนยอมทำทุกอย่างให้กิตมีความสุข แม้กระทั่งการส่งรูปไปให้ดินเพราะอยากให้เราเข้าใจผิดกัน ทั้งหมดก็แค่เพื่อให้อินกลับไปหากิต อินมารู้ทีหลังก็ตอนตัดสินใจถามดินไปตรงๆ ว่ารู้ได้ยังไงเรื่องที่เขาไปเจออีกฝ่าย แล้วพอเห็นชื่อคนส่งรูปมาก็ถึงเข้าใจเรื่องทั้งหมด
“ช่างมันเถอะ แบบนี้ดีที่สุดแล้วเนอะ”
“อินเป็นคนดีจริงๆ เราไม่แปลกใจเลยที่กิตรักอินมากขนาดนี้”
“ไม่มากเท่าเจหรอก ป่ะ เข้าไปนั่งกันนะมูมมาม” อินจับไหล่สองข้างดันอีกคนให้เดินนำไปก่อน
“อ่ะ กิตก็เรียกเราแบบนี้ เม้าส์อะไรเรากัน” เจโวยวายขึ้นมาทันที รู้เลยว่าต้องมีอะไรแฝงขึ้น
“ก็กินเยอะหรือเปล่าช่วงนี้”
“ก็ไม่นะ เราก็กินปกตินี่” อินไม่ได้ตอบอะไรทำได้แค่หัวเราะแล้วดันอีกฝ่ายไปตามทางเดิน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ครืด ครืด
โทรศัพท์ในมือของกีสั่นขึ้น เขาขอแยกตัวออกจากโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อออกไปหาที่สงบเพื่อรับสาย เมื่อเดินออกมานอกร้านก็หันซ้ายหันขวาเจอม้านั่งว่างอยู่ก็เดินไปหย่อนตัวลงนั่งก่อนที่จะกดรับ
“อยู่ไหนแล้วเนี่ย ทำไมยังไม่ถึงสักที” แค่ประโยคแรกที่เอ่ยทัก กีก็อดไม่ได้ที่จะบ่นคนที่มาสาย เพื่อนๆ มากันหมดแล้วแต่คนของเขายังไม่โผล่มาสักที
[รถติดนิดหน่อยน่ะ ใกล้ถึงแล้วน้องกี]
“ใกล้ถึงนี้กี่นาที ให้นั่งรอหน้าร้านเลยไหม”
[ไม่เป็นไรครับ ไปนั่งรอข้างในเถอะ ไม่เกินสิบนาทีถึงแน่นอน]
“เอางั้นนะ ขับรถระวังๆ ด้วยแล้วกัน”
[คร้าบ จะรีบไปเลย คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว] ปลายจมูกกีเริ่มขึ้นสีแดง ใจเต้นรัวขึ้นทันที ถึงจะโดนอีกฝ่ายปากหวานใส่เป็นประจำแต่ก็ไม่ชินสักที
“นายก็เว่อร์ ไม่เจอกันสองวัน”
[แค่สองนาทีก็ไม่ไหวแล้ว]
“หึ ล่มปากอ่าวหรอ สองนาทีก็ไม่ไหว” ต้นหัวเราะร่าเมื่อโดนคนขี้โวยวายย้อนกลับ นึกหมั่นไส้คนในสายจนอยากจะไปถึงเร็วๆ แล้วฟัดอีกฝ่ายให้หายปากเก่งไปเลย
[เดี๋ยวคืนนี้ก็รู้ว่าจะจบที่ปากอ่าวหรือปากกี]
“ทะลึ่ง!”
[ต้นไม่ได้เริ่มเลยนะ]
“อ่ะๆ งั้นแค่นี้แหละ แล้วเจอกัน” คนที่เถียงไม่ออกจงใจเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้เข้าตัวไปมากกว่านี้ กดวางสายทันทีโดยไม่ได้ฟังว่าปลายสายตอบรับมาว่ายังไง แม้วางสายไปแล้วแต่คนร่างเล็กยังคงนั่งจ้องโทรศัพท์ไม่วางตา
‘คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว’
คำหวานที่ถูกเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้ตราตรึงอยู่ในหัวของเขา ยิ่งมันใกล้กำหนดหนึ่งเดือนที่ตกลงกันไว้ ทุกการกระทำของอีกฝ่ายจึงมีผลกับเขามากเป็นพิเศษ ยิ่งอีกคนทำแบบนี้ความหวังที่เคยมีน้อยนิดมันยิ่งเพิ่มขึ้นมากขึ้นทุกวัน
“เราก็รักจนใจจะขาดอยู่แล้ว”
กีพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจลุกยืนขึ้นเดินกลับเข้าร้าน เขาก้มมองพื้นตอนที่รู้สึกเหมือนเหยียบอะไรสักอย่าง แต่ก็พบว่าเป็นแค่เศษใบไม้
ปึ้ก!
“ขอโท...อ้าว ไอ้นท!” ขณะที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาก็ดันไปชนเข้าอย่างจังกับคนที่เดินสวนออกมา พอจะเอ่ยขอโทษก็ต้องแปลกใจเมื่อดันเป็นคนรู้จัก
“มึงมาตอนไหนเนี้ย ไม่เห็นๆ เลย ไอ้เตมาด้วยหรือเปล่า” นทเป็นเพื่อนที่รู้จักกันตอนไปเข้าค่ายอาสา บังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อที่เจ้าตัวดันเป็นเพื่อนห้องเดียวกับต้นและดินสมัยมอปลาย
“เปล่ามันไม่ได้มาหรอก” อีกฝ่ายตอบเสียงอู้อี้ กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยหึ่งออกมาจากเจ้าตัว นี่ยังไม่ดึกเลยเจ้าตัวเริ่มเมาอีกแล้ว
“มาตั้งแต่กี่โมง มึงเมาไม่ไหวแล้วเนี้ย”
หมับ!
“นิดหน่อยน่า แค่โลกเอียงๆ แล้วแค่นั้น” นทเอามือพาดบ่ากีรัดเข้ามาใกล้ก่อนที่จะเอ่ยกระซิบข้างหู กีหัวเราะให้กับคนขี้เมาตรงหน้า มันเป็นแบบนี้ประจำตอนไปค่ายอาสามันก็น๊อคก่อนใครเพื่อน คออ่อนแล้วยังจะกินเยอะอีก
“แล้วจะเอาไง มึงจะให้กูเรียกแท๊กซี่เลยไหม”
“ไม่ๆ ขอสูดอากาศบริสุทธิ์แปป เดี๋ยวกูกลับเข้าไปใหม่”
“จะไหวไหมมึง แล้วคิดว่าจะกลับยังไงวันนี้” พูดไปก็ต้องคอยหลบคนหน้าร้านไป จนในที่สุดกีก็เดินหิ้วปีกคนเมาไปยืนตรงที่โล่งใกล้ๆ ทางเข้า
“เดี๋ยวไอ้กันต์ไปส่ง” นทพูดชื่อเพื่อนคนหนึ่งสมัยมอปลายที่กีก็เคยเจอตอนไปหัวหินด้วยกัน
“โอเค งั้นยืนรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวกูไปตามกันต์ให้” พอกีปล่อยคนข้างตัว มันก็ดันเซลงมาแทบจะล้มลงกับพื้นจนต้องรีบกลับไปเอาแขนอีกฝ่ายมาพาดคอตัวเองไว้ดังเดิม
“กูว่ามึงไม่ไหวแล้ว” ว่าแล้วก็พยายามหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แขนข้างหนึ่งพยายามประคองคนที่คอพับคออ่อนแน่นขึ้น
“ธัน มึงเห็นกันต์ไหม เออเพื่อนไอ้นทเพื่อนกูไง บอกให้มันมาดูเพื่อนมันดิ ไอ้นทเมายังกับหมา”
“ม่ายช่ายหมา~” คนโดนว่าเป็นหมารีบแทรกขึ้นมา
“มึงยิ่งกว่าหมาอีก” กีทั้งขำทั้งอดด่ามันไม่ได้
“เออๆ มึงเจอมันแล้วนะ พวกกูรออยู่ทางประตูเข้าร้าน” ว่าเสร็จก็วางสายไป ไอ้คนข้างตัวก็เทน้ำหนักลงมามากขึ้นเรื่อยๆ จนกีเองก็เริ่มไม่ไหว ใช้สองมือสอดเข้าใต้แขนทั้งสองข้างของอีกคน เจ้าตัวคอพับคออ่อนจนตอนนี้เอนทั้งหัวมาซบไหล่เขา
“ลำบากกูฉิบหาย มึงติดเลี้ยงข้าวกูมื้อนึงนะ” กีพูดกรอกหูคนเมาอย่างอ่อนใจ เหงื่อเริ่มออกเพราะตัวอีกฝ่ายใหญ่กว่าเขามาก
“ซูชิ.. อยากกิน..” คนบนตัวเขาว่าพึมพำขึ้นมา จนกีหัวเราะร่าออกมา
“เออ ซูชิก็ดี จะเอาให้กระเป๋าแบนเลยมึง”
“วาซาบิ~”
“เออ ใส่เข้าไปเยอะๆ มึงจะได้สร่าง”
“อื้อ~ อย่าเสียงดัง ง่วงงง” กีอยากโยนคนเมาทิ้งเมื่อมันบ่นออกมา กอดรัดเอวเขาแน่น แนบแก้มข้างหนึ่งบนไหล่ ขยับสองสามทีหามุมสบาย แต่ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา หัวเราะเบาๆ คิดในใจว่าต้องด่ามันจริงๆ จังซะแล้ว นี่ถ้าไม่เจอเขาไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงกันแน่ ปล่อยตัวเองเมาขนาดนี้ได้ยังไง
“ไอ้หมา”
“ไม่ใช่หมา~” มึงยังจะเถียงอีก กีถอนหายใจออกมาอย่างหมั่นไส้ อยากจะเขวี้ยงมัดใส่มันสักสองสามทีเอาให้หายเมากันไปเลย กียังคงต่อล้อต่อเถียงกับคนตรงหน้าโดยที่เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าการกระทำทั้งหมดของเขาตกอยู่ในสายตาของใครคนนึงมาหลายนาทีแล้ว...
*************
ไม่เข้มข้นเราไม่นอนนนนน
เรื่องนี้เหลือใช้แทคเดียว #รักมือสองอินดิน
เดี๋ยวนี้เริ่มหัดเล่นทวิตเตอร์กับเขาแล้วนะ เวลามีตอนใหม่หรือมีรีดแชทจะเอาลิ้งไปแปะไว้ให้นะคะ ฝากตามกันด้วยเน้อ (@maywrite1) ตอนนี้มีสามเรื่องใหม่ที่ตั้งใจว่าจะเขียนหลังจากจบเรื่องนี้ (เรื่องน้องหมีพูห์กับพี่แทนจะมาแน่ๆ) แต่จะเมื่อไหร่นั้น แฮะๆ ๆ ไม่รู้จริงๆ ค่ะ ช่วงนี้วุ่นวายหลายสิ่งเหลือเกินชีวิต ยังไงอย่าเพิ่งไปไหน มาจบเรื่องนี้ไปด้วยกัน ใกล้แล้วๆ ๆ