บทส่งท้าย
อิสระ :
ติ๊ง!
ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูหลังจากได้ยินเสียงไลน์ พลิกหน้าจอมาดูเห็นว่าเป็นลินา ส่งรูปตัวเองหน้าบึ้งใกล้ๆ หน้าจอคอมที่เปิดหน้าประกาศผลสอบรอบรับตรงมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งมาให้ดู
“ไม่ติด”
สั้นๆ ก่อนจะรัวสติกเกอร์หน้าบึ้งเหมือนหน้ามันมาอีกสิบกว่าตัว ลินากับหลินปิงคล้ายกันเรื่องหนึ่งคือการคลั่งไคล้สติกเกอร์ไลน์เป็นบ้าเป็นบอ โหลดกันเหมือนพ่อพวกมันเป็นซีอีโอไลน์คอร์ป ผมขี้เกียจพิมพ์เลยกดโทรออกหาน้องแทน พอรับก็ไม่รอให้พี่มันทักทายอะไร รัวมาเป็นชุดอย่างฟูมฟาย
“แง้! ไม่ติดอ่าพี่อิส ได้ไงอะ มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง! หนูเสียใจ! หนูเครียด! หนูจะบ้าตาย!”
“ใจเย็นๆ”
“ก็หนูไม่ติดอะ! ไม่มีที่เรียนต่อแล้วเนี่ย!”
“ที่อื่นก็มีไหม”
“ก็คาดหวังที่นี่มากนี่นา”
“ลองเลือกที่อื่นดู มันต้องติดสักที่แหละ”
“พี่อิสไปบนเก้าวัดให้หนูเลยนะ”
“พี่ให้สิบวัดเลย”
“เฮ้อ ค่อยสบายใจหน่อย ถ้าหนูสอบติดมาเลี้ยงชาบูหนูด้วยนะ”
“ได้ดิ เลี้ยงสิบมื้อเลย”
“เย้! งั้นแค่นี้ก่อนนะพี่อิส หนูต้องไปบอกพ่อแม่ก่อนว่าไม่ติด เตรียมหูชาได้เลย”
“จ้ะ ไว้คุยกัน”
“คิดถึงพี่อิสนะ”
“คิดถึงเหมือนกันค่ะ”
ผมกดวางสายจากลินา ก่อนจะหันไปมองไอ้สามตัวที่สามัคคีกันหันมามองด้วยหางตา คว่ำปากลงนิดๆ ด้วยใบหน้ากวนตีนจัด
“อะไรของพวกมึง”
“คุยกับน้องสาวนี่พูดเพราะ พูดคะพูดขาอย่างนั้นอย่างนี้ คุยกับพวกผมนี่ยังกะจะขู่กรรโชกทรัพย์”
“สร้างภาพฉิบหายเลยพี่”
“ก็นี่น้องสาวกู พวกมึงเป็นน้องสาวกูหรือไง ฮะๆๆ!?” ผมว่าแล้วตบกบาลพวกมันกันไปคนละที กระแนะกระแหนกูเหลือเกิน
“ปิงมาแล้ว” ไอ้ปรินซ์ว่าแล้วชี้ไปยังเด็กตัวขาวโอโม่หน้าตามึนเป็นแมวอดนอน วันนี้ที่โรงเรียนปิงมีงานปัจฉิมนิเทศ เลิกแค่ครึ่งวัน ผมก็เลยบอกว่าจะไปรับที่โรงเรียน แต่ก่อนออกจากบ้านเจอไอ้พวกนี้พอดี ก็เลยพากันตามมาด้วย
“ปิง!” ไอ้โอมตะโกนเรียก เมื่อเห็นพวกเราหน้ามึนๆ ก็เบิกตาโพลงเหมือนถูกปลุกให้ตื่นแล้ววิ่งหน้าบานเข้ามา
“พวกพี่มาได้ไงครับ”
“ก็มารับไง”
“ยินดีด้วยนะปิง จบม.หกแล้ว”
“ขอบคุณครับ”
ปิงเรียนจบแล้ว ผมก็ยินดีกับปิงด้วย แต่อีกใจกำลังกังวล ปิงยืนยันกับผมว่ายังไงก็จะเลือกเรียนต่อที่เชียงใหม่ ผมไม่อยากให้ไปเลย พูดตรงๆ แบบไม่เท่ ไม่ใช่ปิงที่ขาดผมไม่ได้ แต่ผมต่างหากที่ห่างน้องไม่ได้ หัวใจมันเรียกหาแต่ปิงอะ เข้าใจกันบ้างไหม
“ไปกินพิซซ่ากัน”
ไอ้สามคนนี้คุยกันตั้งแต่ตอนมาแล้วว่าจะชวนปิงไปกินพิซซ่า คนถูกชวนพยักหน้าหงึกๆ อย่างไม่มีปฏิเสธ ปิงไม่รู้จักเบื่อพิซซ่าทั้งๆ ที่กินบ่อยมาก อาทิตย์หนึ่งนี่ต้องมีสักมื้อที่ไปจบที่พิซซ่า กินจนกูจะพูดอิตาลีได้อยู่ละ แล้วขัดใจได้ไหมล่ะ กฎของทาสแมวข้อที่หนึ่งถึงร้อยคือห้ามขัดใจแมวไง
“พี่จอดรถไว้ที่ไหนครับ”
“หน้าโรงเรียนนู่น”
ไอ้ปรินซ์ว่าแล้วเดินนำไป ที่จริงผมตั้งใจจะพาปิงไปเที่ยวต่อ ไปหาไรกิน ไปกันสองคน ไปตามลำพัง แต่ไอ้พวกนี้เสือกมาด้วยเลยเสียแผนหมด ไม่รู้จะเขี่ยพวกมันทิ้งยังไงก็เลยตามเลย
“ใครให้ดอกไม้มา” ผมหันไปคุยกับปิง
“เพื่อนๆ แล้วก็รุ่นน้องด้วย อันนี้ช็อกให้” ปิงชูกล่องช็อกโกแลตให้ดู
“ใครให้นะ”
“ช็อกครับ”
“ปาทิ้งแม่ง!”
“เฮ้ย พี่อิส! ผมชอบกิน เก็บไว้กินสิ”
“มันมาให้มึงทำไมล่ะ”
“ช็อกก็ให้ทุกคนแหละ”
“เออ แล้วไป”
“หวงน้องเหลือเกินนะพี่มึง”
“หวงดิ”
“หวงแบบลุงหวงหลานน่ะเหรอ”
“พ่อมึงสิ! เจ้าของหวงแมวเว้ย!” ผมว่าแล้วยกมือคล้องคอปิง เกาคางให้เบาๆ คนตัวเล็กก็เคลิ้มเลย มันจะทำตัวคล้ายแมวไปทุกวันๆ ละ
“ปิง”
ผมหันขวับไปตามเสียงเรียก เมื่อเห็นว่าเป็นไอ้เด็กอันธพาลที่ชื่อไอ้ยิ้ม? ไอ้ยิม? ไอ้ห่าอะไรก็เหอะ! เห็นว่าเป็นมันผมก็ดึงมือปิงไปหลบหลัง ปิงชะโงกหน้าออกมาจากหลังผมไปหามัน
“มีอะไรเปล่ายิม”
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
“กูไม่ให้คุย”
“แป๊บเดียวครับพี่”
“ก็คุยตรงนี้เลย”
“ผมอยากคุยกับปิงสองคน”
“กูบอกให้คุยตรงนี้เลย มึงจะเอาไง” สิ้นคำผมไอ้สามตัวที่มาด้วยก็ก้าวเท้าเรียงแถวกันเข้ามาเผชิญหน้ากับไอ้เด็กนี่
“ใครวะพี่” ไอ้โอมหันมาถาม
“ไอ้คนที่ชกหลินปิงหน้าแหกไง”
“มึงนี่เอง!” ไอ้ปรินซ์พรวดเข้ามาแล้วยกมือผลักอกไอ้เด็กนี่
“ทำน้องกูเหรอ!” ไอ้สองตัวที่เหลือเข้าไปร่วมด้วย
“เฮ้ยๆๆ พวกมึงใจเย็น!”
“เย็นอะไรพี่ มันทำปิงอะ พี่ยอมเหรอ!” ไอ้โอมหันมาเสียงดังใส่ผม ก่อนทั้งหมดจะหันไปมองหน้าไอ้เด็กนั่นอย่างเอาเรื่องจนกลายเป็นผมที่ต้องเอ่ยปากห้ามเอาไว้
“เฮ้ย พวกมึง ไม่เอา”
“อย่าห้ามดิพี่”
“นี่มันในโรงเรียนนะโว้ย พอๆ ไม่เอา”
“อย่านะครับพี่” ปิงเข้ามาห้ามตรงกลาง ไอ้สามหมาบ้านี่ถึงได้ยอมถอยออกมา ไอ้พวกนี้ ออกตัวแรงเกินเรื่อง นี่มันหลินปิงของผม พวกแม่งก็ปกป้องซะผมกลายเป็นดอกเห็ดไร้ประโยชน์เลยไอ้พวกบ้า! แย่งซีนกูหมด ลำบากต้องมาห้ามพวกมันทั้งๆ ที่ผมเองก็อยากเอาตีนยัดปากไอ้เด็กนี่สักที แต่ปิงไม่ชอบใจเท่าไรที่ผมมักจะใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาเสมอ ปิงเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับไอ้เด็กนี่แล้ว ผมก็เลยต้องเลยตามเลย
“มึงจะพูดอะไรก็พูดมา” ผมหันไปบอกกับไอ้เด็กนี่ที่หน้าเสียไปนิดหน่อย เจอแก๊งพี่ชายปิงเข้าไป ซีดเลยสิมึง
“ปิงคือ...”
“ว่ามาเลย” ปิงพูดเบาๆ ขณะที่ถอยออกมาเกาะชายเสื้อผมอย่างดูหวั่นๆ ไม่ต้องกลัวนะลูก ถ้ามันพูดอะไรไม่ถูกใจหนู เดี๋ยวพี่สั่งกระทืบเอง ไอ้เด็กนั่นมองมาที่ผม ก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปหาปิง
“ขอโทษ”
“ฮึ?”
“ขอโทษไง ที่กูแกล้งมึงตลอดเลยอะ กูขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไร”
“...”
“ไม่ได้โกรธอะไรแล้ว แล้วก็คงไม่ได้เจอกันแล้วด้วย ไม่เป็นไรหรอก”
“ขอบคุณมึงนะ แล้วก็ขอให้โชคดี”
“โชคดีเหมือนกัน”
ไอ้เด็กนั่นยิ้มนิดๆ ให้ปิง ปิงใช้มืออีกข้างโบกให้มันเบาๆ บทสนทนาสั้นๆ จบลงง่ายๆ อย่างนั้น ก่อนปิงจะหันไปมองไอ้สามตัวที่ยังเดือดไม่หยุด
“มาสำนึกได้วันสุดท้าย สายไปเปล่าวะ” ไอ้โอมพูดขึ้นมา
“นั่นดิ สำนึกผิดจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ถ้าพี่อิสไม่ห้ามนะ เละไปแล้ว”
“พวกมึงจะโมโหอะไรนักหนา มันคิดได้ก็ดีแล้วไง ยังดีกว่ามันไม่มาขอโทษปะวะ” ผมว่าแล้วตบไหล่พวกมันให้หันหลังเดินต่อ
“แล้วปิงอะ ไม่โกรธมันจริงๆ เหรอ” ไอ้ปอนด์หันไปถามปิง
“ผมโกรธใครเป็นที่ไหนล่ะครับ” ปิงพูดยิ้มๆ เขาเป็นแบบนั้น อยู่กับปิงผมเหมือนเป็นไอ้บ้าขี้โวยวาย ขณะที่ปิงจะเฉยๆ ไม่เคยโมโหใคร ปิงเลยเหมือนเป็นน้ำเย็นๆ คอยดับไฟให้ผมอยู่ตลอด ผมก็พยายามที่จะใจเย็นลงเพราะเขา แทนที่โตกว่าจะเป็นคนสอน แต่ผมกลับได้เรียนรู้อะไรมากมายจากน้องมากกว่า
เอี๊ยด!
“เฮ้ย!” เราทั้งหมดร้องลั่น ผมคว้าร่างปิงที่เกือบลอยไปโขกเบาะหน้าไว้ได้ทันจากการที่ไอ้ปรินซ์เบรกรถกะทันหัน เพราะมีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งปาดหน้าเราไป
“ขับรถยังไงของมันวะ!” ไอ้ปรินซ์โวยทันที
“มันจะรีบไปตายที่ไหน!” ไอ้โอมเสริมอีกคน
“แม่มันตายมั้ง!” ไอ้ปอนด์ว่าอีก
“มึงจอดเลย กูลงไปด่าพ่อมันให้!” ผมก็ด้วย
“ใจเย็นๆ สิครับ เขาไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย”
เสียงใสๆ ประโยคเดียวของปิงทำให้พวกเราพยักหน้าเบาๆ ก่อนไอ้ปรินซ์จะขับรถต่อไป ใจสงบเหมือนสายฝนชโลมความรุ่มร้อนในทรวง ไอ้ที่โมโหกันเป็นบ้าเป็นบอหายเป็นปลิดทิ้ง นี่แหละอำนาจแห่งหลินปิงละ
หลังจากกินพิซซ่าและเดินเล่นกันสักพัก ไอ้ปรินซ์มาส่งผมกับปิงที่บ้าน แต่พวกมันก็ยังไม่กลับ มาสุมหัวกันต่อที่บ้าน ไล่ก็ไม่ไปก็เลยต้องปล่อยให้มันอยู่ที่นี่ต่อ
“เออปิง พวกพี่มีของขวัญให้ด้วยนะ”
“ของขวัญอะไรครับ”
“ของขวัญเรียนจบไง”
“งือ...ที่จริงไม่ต้องก็ได้นะครับ”
“ทำมาแล้วไง เดี๋ยวไปเอาให้” ไอ้ปรินซ์ว่าแล้วหายออกไปข้างนอก พักหนึ่งก็กลับมาพร้อมเฟรมขนาดย่อมๆ ห่อด้วยกระดาษน้ำตาล ผมบอกกับพวกมันไว้เป็นอาทิตย์แล้วแหละว่าปิงจะเรียนวันนี้วันสุดท้าย งงเหมือนกันที่ไปเตรียมของขวัญอะไรกันด้วย ไอ้ปรินซ์นี่หลงปิงอย่างไม่น่าไว้วางใจ ฆ่าทิ้งก่อนดีไหม ถือว่าตัดไฟแต่ต้นลม
“อันนี้พวกพี่ช่วยกันทำ”
“ขอบคุณนะครับ แกะเลยนะ”
“แกะเลยๆ”
ปิงยิ้มนิดๆ แล้วค่อยๆ ฉีกกระดาษน้ำตาลที่ห่อออก เผยให้เห็นรูปวาดสีน้ำมันบนเฟรมผ้าใบเป็นรูปปิงกำลังยิ้มกว้าง เป็นภาพวาดแท้ๆ แต่เหมือนมีปิงอีกคนยืนยิ้มอยู่ตรงนั้นเลย ปิงช็อกไปแล้ว ตาโตอ้าปากค้างเป็นแมวเห็นอาหารเม็ด แล้วหันกลับมาหาคนวาด
“เป็นไง ชอบเปล่า”
“ชอบครับ สวยมาก ชอบมากเลยครับ”
“แล้วพี่อิสอะ ไม่มีของขวัญให้น้องเหรอ”
“เลี้ยงพิซซ่าไปแล้วไง”
“โห่ ทุกงานเลยพี่เนี่ย เอาของกินเข้าแลก มันต้องมีของขวัญเป็นชิ้นเป็นอันบ้างโว้ยพี่ ไม่เท่เลยว่ะ”
“พี่อิสให้ของขวัญผมมาแล้วแหละครับ”
“อะไรเหรอ”
ผมเองก็หันไปหาปิง เอาจริงๆ ยังไม่เคยให้อะไรปิงเป็นชิ้นเป็นอันอย่างที่มันว่านั่นแหละ นอกจากมือถือเครื่องหนึ่ง ขนาดหน้าจอแตกยังไม่พามันไปซ่อมเลย แล้วนี่ไปให้อะไร...
“ความสุขไงครับ ให้มาเยอะเลย”
ปิงว่าแล้วยิ้มกว้างให้ หัวใจผมหลุดออกนอกอก ลอยออกนอกโลกไปจักรวาลไหนแล้วไม่รู้
“พูดดี! มาจุ๊บเหม่งที!”
ผมดึงหน้าผากปิงเข้ามาจุ๊บลงไปอย่างล้อเล่นสี่ห้าที อยากฟัดแต่คนเยอะ เดี๋ยวเก็บไว้ฟัดในห้องคนเดียวดีกว่า
“ฆ่าพวกผมให้ตายไปเลยเหอะพี่”
“เออ อยู่กันสองคนบนโลกนี้ไปเลย”
“เห็นปิงเป็นของพี่อิสแล้วกูปวดใจ กูไปดีกว่า ก่อนที่ไฟในตากูจะเผาบ้านนี้”
“กลับไปเลยไป กูจะได้อยู่กับปิงสองคน ไปชิ่ว!”
พวกมันอยู่คุยต่ออีกพักหนึ่งก็พากันกลับไป ปิงเข้าห้องไปอาบน้ำ ส่วนผมก็เดินหาที่เหมาะๆ ติดภาพที่พวกมันให้ปิงมา ก่อนจะเลือกตรงผนังระหว่างห้องผมกับห้องปิงที่ว่างอยู่ เจาะตะปูแล้วแขวนเอาไว้ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนในบ้านก็มองเห็นได้ ตัวจริงปิงไม่ค่อยยิ้ม ในภาพเลยดูมีความสุขมาก แค่มองก็มีความสุขตามแล้ว
ยิ่งอยู่ด้วยผมยิ่งหลง ปิงแม่งโคตรพอดีกับชีวิตเลย ผมตามใจใครไม่เป็นขณะที่ปิงไม่ใช่คนเอาแต่ใจ ผมไม่ชอบง้อใครขณะที่ปิงไม่เคยงอนอะไร ผมเป็นคนขี้รำคาญขณะที่ปิงไม่ใช่คนน่ารำคาญ เรื่องเดียวที่ปิงทำให้ผมลำบากใจ คือการที่เขาชอบทำตัวน่าฟัดตลอดเวลาแหละ...เรื่องเดียวเลย
ผมเดินเข้าไปในห้องปิง แมวน้อยกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ยังไม่ใส่เสื้อด้วย เห็นร่างเล็กๆ ขาวๆ นิ่มๆ ตัวเท่าหางหมา ปีนี้ก็อายุสิบแปดแล้ว จบม.ปลายแล้ว ทำไมมันยังเหมือนลูกแพนด้าตะงุ้ยๆ อยู่เลยวะ ผมรอให้ปิงใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินเข้าไปหา
“พี่อิส ทำไมยังไม่อาบน้ำอีก”
“หล่อ ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้” ผมว่าแล้วนั่งลงบนเตียง
“หล่อก็สกปรกได้เหอะ”
“เออ เดี๋ยวอาบ มานั่งนี่มา”
ปิงเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ แล้วเดินมานั่งข้างๆ ผม
“มีอะไรเปล่าครับ”
“เอาของขวัญมาให้”
“จะสำลักความสุขตายอยู่แล้วนะ”
“มีให้มากกว่าความสุขอีก”
ผมหยิบสร้อยเส้นหนึ่งในกระเป๋ากางเกงแล้วสวมให้ ปิงก้มมองสร้อยที่ผมสวมให้ก่อนมุมปากจะยกขึ้นนิดๆ แล้วขยับเป็นรอยยิ้มกว้าง ผมมองสร้อยคอกับจี้วงกลมข้างในเป็นเกสรดอกแดนดิไลออนที่สวมให้ ตอนแรกคิดว่าสร้อยจะยาวไป แต่มันพอดีกับคอเล็กๆ ขาวๆ ของปิงเลย
“สวยจังเลยครับ”
“แน่นอนสิ เลือกมาดี”
“ขอบคุณนะครับ”
แมวน้อยโผเข้ามากอด แขนเล็กๆ ยกขึ้นโอบคอผมเอาไว้ ก่อนจะซบหน้าลงมาบนไหล่ ใกล้จนผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากปิง ใกล้จนคิดอะไรไม่ค่อยออกเลย...อยากฟัดน้องมาก
“ผมรักพี่อิสมากนะ”
“แต่พี่อยากแดกปิงมากนะ”
“พี่อิส!” เขาโวยลั่นแล้วผละตัวออกจากผม
“ไม่ล้อเล่นนะเนี่ย”
“บ้าแล้ว”
“พี่จะไม่ทน”
“ม่าย!”
ผมทำได้แค่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะนอนลงบนเตียงแล้วจับปิงนอนลงข้างๆ ด้วย ปิงยังก้มหน้าลงไปยิ้มกับสร้อยคอที่ผมให้อยู่เลย ชอบจังเลยเวลายิ้มเนี่ย
ปิงไม่ค่อยยิ้มแต่ปิงทำให้ผมยิ้มได้ตลอด ปิงเหมือนคนไม่ค่อยมีความสุขแต่ปิงเป็นความสุขของผม เพราะฉะนั้นหน้าที่ของผมคือการทำให้ปิงได้รับเช่นเดียวกับสิ่งที่ให้ผมมา อยากทำให้ยิ้ม ให้มีความสุขไปด้วยกันเท่าที่จะทำได้
“คืนนี้พี่นอนนี่นะ”
“พี่อิสไม่ชอบนอนบนเตียงไม่ใช่เหรอ”
“คิดว่าไม่น่าจะได้นอน”
“กลับห้องไปเลยไป!”
“โห ล้อเล่น ไม่แกล้งๆ”
“แต่ผมรู้ว่าพี่อิสไม่ทำหรอก”
“ทำไม ไว้ใจ?”
“พี่อิสแก่แล้ว น่าจะไม่ไหว”
“เดี๋ยวจะโดน!”
“ล้อเล่น ไว้ใจต่างหาก”
“รู้จักพี่ดีพอแล้วเหรอ”
“ผมอยู่กับพี่มาตั้งนาน”
“รู้อะไรเกี่ยวกับพี่บ้างเหอะ”
“อืม...” ทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนร่ายยาวถึงความเป็นตัวผมเท่าที่รู้ออกมาให้ฟัง
“พี่อิสชื่ออิสระ พี่อิสมีรอยสักรูปดอกแดนดิไลออนตรงนี้” ปิงจิ้มเข้ามาที่ข้างลำตัวด้านซ้ายของผม
“พี่อิสถนัดมือซ้าย พี่อิสชอบแมว พี่อิสชอบกินนมเปรี้ยว พี่อิสชอบกินผัก พี่อิสชอบกินเหล้า”
ผมพยักหน้าตามสิ่งที่ปิงกำลังสาธยาย
“พี่อิสชอบดูหนัง พี่อิสไม่ชอบที่คนเยอะๆ พี่อิสชอบพูดคนเดียว แล้วก็...พี่อิสเป็นคนรักอิสระ”
“หมดแล้ว?”
“นึกไม่ออกแล้ว”
“มีอีกอย่างที่ปิงควรรู้ไว้นะ”
“อะไรครับ”
ผมเขยิบเข้าไปใกล้ๆ แล้วดึงปิงเข้ามากอดไว้หลวมๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู ด้วยประโยคที่เขาควรรู้เอาไว้
...
“พี่อิสรักปิงมาก”
-HAPPY-