“ เจ้าเสือ เจ้าเสือ ! ”
เวสเปอร์ที่เล่นน้ำจนพอใจวกกลับมาหาโลกัสที่นั่งหลับตาเงียบๆ และเบิกตากว้างเมื่อเห็นรอยแผลเป็นพาดยาวบนหน้าอกของโลกัส รอยกรีดลึกที่แม้จะเหลือเพียงรอยแผลแต่ก็ทำให้คนมองรู้สึกสะท้านในอก
ราวกับผู้ที่ลงดาบฟันนั้นต้องการจะฟันให้ตาย !
“ เจ้าเสือ.. เจ้า เจ้าทำอะไรมา เจ็บ เจ็บไหม ”
องค์ชายถามเสียงเบาหยุดยืนตรงหน้าโลกัส
เวสเปอร์รู้จักรอยแผลแบบนี้ดี
โลกัสลืมตายิ้มมุมปาก
ไม่มีใครกล้าถามข้าแบบนี้มานานมากแล้ว
หญิงที่ข้าร่วมหลับนอนด้วยจะเก็บปากเงียบเมื่อรู้ว่าข้าเป็นใคร
“ แค่โดนฟันเท่านั้น ไม่เจ็บหรอก ”
มือหยาบขยี้หัวผมสีขาวด้วยความเอ็นดู
“ ไม่กลัวเป็นตากุ้งยิงแล้วเหรอ ? ”
ถามหยอกเย้า
มันยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะรู้ที่มาจริงๆ หรอก องค์ชายของข้า
ในเวลานี้เจ้าจงเล่นสนุกให้พอใจเถอะ
เวสเปอร์สะดุ้งเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
“ จริงด้วย จริงด้วย ! ”
เอามือลูบตาตัวเองด้วยความตกใจแต่เมื่อไม่พบความเปลี่ยนแปลงก็หน้าบูด
“ ท่านแม่ แม่หลอกข้า ! ”
โชคดีที่ความทรงจำเลวร้ายถูกฝังลงไปอีกครั้ง
เพราะสติปัญญาที่ยังคงเด็ก
จดจำในสิ่งที่ควรจำ ทิ้งในสิ่งที่เลวร้าย
เพื่อให้ในแต่ละวันเต็มไปด้วยความสนุก
มันอาจจะดูน่าอิจฉาสำหรับใครหลายๆ คน แต่ถ้าหากเวสเปอร์เลือกได้ คงเลือกที่จะไม่เป็นเช่นนี้
“ แต่เจ้าเสือไม่หลอกเจ้า ”
โลกัสหัวเราะเหลือบมองฟินน์ที่นั่งนิ่งมององค์ชาย
ครั้งนี้เจ้าแพ้ข้าแล้ว ฟินน์
ฮื่ออ
ฟินน์แยกเขี้ยวขู่ใส่โลกัสด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์
องค์ชายยิ้มกว้าง
“ เจ้าเสือ ! ข้า ข้าชอบเจ้าจัง ใจดี ”
พยัคฆ์ดำส่งเสียงอือออรับในลำคอไม่ได้ใส่ใจ เพราะสมาธิอยู่กับเสียงฝีเท้า เสียงลากเลื่อนของบางอย่างที่ดังแว่วมาจากที่ไกลๆ
“ ดูท่าเราจะมีโชคแล้วล่ะ องค์ชาย ”
โลกัสยิ้มพอใจ
กองคาราวานขนสินค้ากำลังผ่านมาทางนี้ ไปยังเมืองที่พวกเขาต้องการพอดี
“ เจ้าแมว ! อย่ามุดใส่ท้องข้าสิ คิกๆ ”
ไหล่ของพยัคฆ์ดำสั่นสะท้าน
แมวเวร !
“ เอาสิ ! อยู่กับเยอะๆ ปลอดภัยดี ”
หัวหน้ากองคาราวานหัวเราะฮ่าๆ ชุดที่ใส่เป็นชุดทะมัดทะแมงประดับด้วยอัญมณีแสดงถึงฐานะที่มั่งคั่งจากการค้าขาย ดาบฝักประดับมุกสีดำทอประกายแวววาวเมื่อต้องกับแสงจันทร์
“ ขอบคุณท่านมาก ”
โลกัสผงกหัวรับ
ตอนนี้ทั้งโลกัสทั้งเวสเปอร์สวมเสื้อคลุมหน้ามิดชิดเพื่อปิดบังตัวเอง ถ้าหากเป็นคนทั่วไปคงสงสัยไม่น้อยและไม่ยอมให้ร่วมทาง แต่ไม่ใช่กับคาราวานกลุ่มนี้
โลกัสรู้จักคารานวานกลุ่มนี้ดี
คาราวานที่ขึ้นชื่อด้านการต่อสู้และการค้าขาย แต่ละคนที่เข้าร่วมคาราวานนั้นล้วนมีฝีมือ ทำให้การเดินทางจากเมืองนึงไปอีกเมืองนึงสามารถไปทางตรงได้เลยไม่ต้องเสียเวลาอ้อม ยิ่งทางผ่านขึ้นชื่อว่าอันตรายเพียงใดกลุ่มคาราวานกลุ่มนี้ก็สามารถผ่านไปได้ทั้งนั้น ผลที่ได้รับจากการเดินทางแบบนี้คือกำไรงามๆ จากการขายสินค้า ทำให้แต่ละคนค่อนข้างร่ำรวย
เวสเปอร์ถูกโลกัสสั่งห้ามให้พูดกับคนในคาราวาน
เพราะถือว่าเป็นการเปิดเผยตัว
จะมีสักกี่คนที่สติปัญญาเป็นเด็กและหนีออกจากเมืองกัน ?
โลกัสตระหนักถึงความจริงข้อนี้
“ อย่าคิดจะขโมยสิ่งใดที่พวกข้านำมาเชียว ไม่เช่นนั้นอาจจะมีหัวของท่านด้วยในยามที่ค้าขาย ! ”
พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้โลกัสกลัว
ถ้าเขาอยากได้ก็สามารถหยิบฉวยและหนีไปได้ทันที
การหลบหนีในป่าเป็นเรื่องที่โลกัสถนัดที่สุด
“ ข้าต้องการเพียงร่วมเดินทางไปกับพวกท่านนั้น ทรัพย์สินที่พวกท่านมีข้า ข้าก็มีเช่นกัน ”
หัวหน้าคารานวานยิ้มพอใจในคำพูดของโลกัส
“ งั้นก็เข้ามาเลยสหาย ! ถ้าเจ้าอยากนั่งก็สามารถนั่งบนตู้นอนเล็กๆ นั่น หรือจะบนเกวียนก็ได้เหมือนกัน ถ้าหากมีที่ว่างให้พวกเจ้า ”
“ ขอบคุณท่านมาก ”
โลกัสผงกหัวอีกครั้งจูงมือองค์ชายให้เดินตาม
เวสเปอร์ดึงเสื้อคลุมของตัวเองให้ปิดหน้าเพราะตัวเองเอาแต่ชะเง้อหน้ามองอย่างสนใจ
ม้าท่าองอาจสวมชุดเกราะเหล็กย่ำเท้าอยู่กับที่ส่งเสียงฟืดฟาดเทียมด้วยตู้เหล็กที่มีของบรรจุจนเต็มชายผ้าขลิบทองที่แลบออกมากล่าวเช่นนั้น คนอื่นๆ ที่เป็นสมาชิกในคาราวานล้วนแต่งตัวตามใจตนเองแต่สิ่งที่เหมือนกันคืออาวุธที่เหน็บไว้ข้างกาย บางคนส่งยิ้มทักทายให้กับอาคันตุกะผ่านทางทั้งสอง แต่ก็มีคนที่ไม่สบอารมณ์เช่นกัน
โลกัสพาองค์ชายมานั่งตู้เหล็กคันสุดท้ายที่เป็นห้องเหล็กโล่งๆ มีคนนอนอยู่ก่อนเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ เจ้าง่วงไหม เวสเปอร์ ”
เวสเปอร์หาวหวอดแทนคำตอบ
“ ง่วง ง่วง เจ้าเสือนอนกันเถอะ ”
ดึงเสื้อให้โลกัสให้ลงมาล้มตัวนอน
“ ข้าจะให้ ให้เจ้ากอดนะ ! นอน นอนกัน ”
“ การเดินทางกับกองคาราวานต้องตอบแทนด้วยการช่วยคุ้มกันพวกเขา เวสเปอร์ ”
โลกัสลูบหัวเวสเปอร์เบาๆ ดึงตัวฟินน์ที่อยู่ในร่างแมวมาให้องค์ชาย
แง้วว
หูของฟินน์กระดิกไม่พอใจเมื่อถูกปลุกจากฝันหวาน
“ นอนกอดเจ้าแมวไปก่อนแล้วกัน ”
องค์ชายรับฟินน์ไปกอดอย่างว่าง่าย
พยัคฆ์ดำลูบหัวองค์ชายทิ้งท้ายออกจากตู้เหล็กไปคุ้มกันกองคาราวานตามธรรมเนียม
เสียงฝีเท้าของม้าศึกดังรุนแรงเช่นเดียวกับเสียงของภายในตู้เหล็กที่ส่งเสียงเกรียวกราวในบางตู้
“ เจ้าคงไม่ใช่นักเดินทางทั่วไปสินะ ”
หัวหน้าคาราวานถามกลั้วหัวเราะขณะที่นั่งอยู่บนตู้เหล็ก
“ ข้าเป็นนักเดินทางเพียงแต่เป้าหมายของข้าไม่ใช่เพียงเดินทางเท่านั้น ”
“ ป่านี่ขึ้นชื่อเรื่องสัตว์ร้ายกับปีศาจ คนปกติย่อมไม่ยุ่งเกี่ยว เจ้าบอกข้ามาเถอะว่าเจ้าเป็นใคร ข้าไม่แพร่งพรายออกไปหรอกสบายใจได้ ”
มือประสานไว้อกเพื่อแสดงความสัตย์จริงของคำพูด
โลกัสหัวเราะตอบบ้าง
เสียงหัวเราะดังน่าขนลุกให้คนอื่นๆ จับจ้องโลกัสเป็นตาเดียว โชคดีที่ม้าของพวกเขาชาญศึกจนต่อให้ไม่ควบคุมก็ยังไปตามทิศทางที่ต้องการได้ มือข้างที่ว่างจับอาวุธอย่างเผลอตัว
“ จงรักษาคำสัตย์ของท่านให้ดี ”
ดึงเสื้อคลุมลงเปิดเผยใบหน้า
“ เจ้า !! ”
หัวหน้าคาราวานสะดุ้งเป็นคนแรก
ก่อนที่สีหน้าตกใจจะกลายเป็นเหม็นเบื่อ
“ เป็นใครกัน ”
โลกัสยิ้มรับ
ใบหน้าในยามนี้ไม่ใช่ของโลกัส แต่ถูกเปลี่ยนแปลงเป็นใบหน้าของคนอื่นที่พอจะนึกออก
“ ข้าเป็นเพียงนักเดินทาง ท่านย่อมไม่รู้จักข้า ”
คนอื่นๆ ที่ให้ความสนใจถอนหายใจด้วยความเซ็ง เลิกให้ความสนใจไปกับโลกัสไปโดยปริยาย
ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่โลกัสต้องการ
“ ข้าไม่ได้โง่หรอกนะ ”
เสียงของหัวหน้าคาราวานดังก้องข้างหูโลกัสทั้งๆ ที่ริมฝีปากไม่ได้ขยับ
เพียงแค่จ้องมองด้วยรอยยิ้ม
“ ถ้าเจ้าไม่อยากคนอื่นก็ไม่เป็นไร แค่เปิดเผยฐานะจริงๆ ของเจ้ากับข้าก็พอ ข้าว่าเจ้าก็คงพอจะรู้ว่า เงินไม่สามารถซื้อข้าได้หรอกนะ ”
พยัคฆ์ดำยิ้มตอบคลายเวทแปลงใบหน้าเพียงชั่ววินาทีก่อนจะเปลี่ยนเป็นดังเดิม
หัวหน้าคาราวานเบิกตากว้างแต่ก็สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้เกิดความพิรุธได้
“ เจ้า เจ้า.. ”
พูดเสียงพึมพำ
“ ข้าเป็นเพียงนักเดินทาง ” โลกัสยิ้มแสยะ
“ การเดินทางของท่านครั้งนี้จะปลอดภัย ถ้าท่านรักษาคำสัตย์ของท่าน ”-----------------------------------
ตอนหน้าเข้าเมือง มีแต่เรื่องสนุกๆ 5555
ขอบคุณคอมเมนต์ค่ะ
กอดดด