Title : At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 36
เช้านี้พระอาทิตย์ไม่มาทักทายกันเหมือนเช่นเคย
แสงแรกของผมในวันนี้ คือแสงไฟที่ทแยงเข้ามาทางหางตา พอหันหน้ามองตรงๆ ถึงได้รู้ว่าเป็นแสงของหลอดไฟกลางห้อง
ใครคนหนึ่งนอนตะแคงหน้าเข้าหาผม ใบหน้ายาวของเขานาบกับหมอนที่ยวบลงตามรูปศีรษะ แขนเขาพาดยาวมาทางตัวผม ปลายมือเขาคือกลางอกผม หากหัวใจผมขยับแรงอีกสักนิด เดาว่ามือเขาคงได้เต้นเบาๆ ในจังหวะเดียวกัน
“พี่โป๊ะ”
“ครับ” ทำไมตอบทันควัน ก็หลับอยู่ไม่ใช่หรอวะ? ผมนึกสงสัยแล้วจิ้มแก้ม แหกตาเขาเล่น ฝ่ายเขาร่นหน้าหนีนิดหน่อย พอหรี่ตามองเห็นมือผมป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ หน้าเขา นายมือโปรก็จับนิ้วผมหมับ ขืนบังคับ(นิดเดียว)ให้แผ่ฝ่ามือออกแล้วแนบลงที่แก้มเขา โดยมีมือเขากุมไว้อีกทอด
“ตื่นแล้ว เรียกทำไม หือ ไอ้ยุ่ง”
“ตื่นแล้วไม่ลุกล่ะ”
“กี่โมงแล้ว เผื่อสาย จะไปงานคุณตาไม่ทัน”
“เพิ่ง7โมง”
“หิว” พูดจบผมก็เป็นไทครับ เขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ขยับลงจากโซฟาตัวใหญ่ที่เรานอนเบียดนอนด้วยกันทั้งคืน เพื่อไปทำมื้อเช้า ช่างเป็นเอ่อ...แฟน...ที่สารพัดประโยชน์มาก
“เจียวหรือดาว” อื่มม ก็ไม่ค่อยสารพัดประโยชน์เท่าไหร่นะ
“วินชงกาแฟให้ที” ใช้กูอีกต่างหาก
“เร็วสิครับ ไอ้ยุ่ง” ด่ากูด้วย ไรวะ! ผมถอนหายใจ บิดขี้เกียจอยู่บนโซฟาแล้วเตะขาอย่างขัดใจ แต่ก็ยอมลุกแหละครับ เขาทำมื้อเช้า ผมชงกาแฟไม่กี่นาทีก็เสร็จแล้ว งานง่ายๆ
พอชงกาแฟให้แล้ว นายมือโปรก็บอกกำหนดการคร่าวๆ ซึ่งเป็นกำหนดการที่ผมไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเขาจะร่างมันขึ้นมาทำไม มันประกอบไปด้วย ไปคอนโดพี่ ชุดหล่อมากอยู่ที่นั่น กลับไปบ้านไม้เพื่อให้ผมแต่งชุดหล่อ ซึ่งผมต้องให้ข้อมูลเพิ่มว่าไม่มีชุดเหมาะกับงานคุณตาที่บ้านไม้หรอก ชุดอยู่ที่โรงแรม ป้าสุจัดหาไว้ให้ เพราะฉะนั้น เราก็ควรจะแยกกันตั้งแต่ เขาไปคอนโดเขา ผมไปโรงแรม ใช่มั้ยครับ? ไม่เลย
กำหนดการที่ไร้ขอบเขตมีเพิ่มเข้ามาจนได้ ประกอบด้วย ไปคอนโดพี่ ไปโรงแรมวิน แล้วไปงานด้วยกัน
“พี่โป๊ะ ทำไมเราต้องไปงานพร้อมกัน ป๊อดหรอครับ กลัวหมาที่บ้านวินรึไง”
“พี่ก็กลัวหมานะ วินไม่เคยรู้ล่ะสิว่าพี่ไม่ถูกกับหมา เผ่าพันธุ์มันก็ไม่ถูกใจพี่เหมือนกัน”
“แต่ที่อยากไปงานพร้อมกัน ก็เพราะอยากไปพร้อมกัน”
“เหตุผลและมันทับซ้อนกันได้ด้วยหรอพี่โป๊ะ”
“อืม ทำไม วินไม่อยากไปพร้อมพี่หรอ”
“ทิ้งกันซะงั้น”
“ทิ้งบ้าบออะไร วินก็แค่ถาม พี่ก็บอกเหตุผลมา”
“แล้วให้วินเข้าบ้านพร้อมแขกคุณตา มันประหลาด วินเป็นทีมเจ้าภาพ”
“พี่เป็นหลานเขยเจ้าภาพ ไปพร้อมกันประหลาดตรงไหน”
“เอาจริงๆ พี่โป๊ะกลัวอะไร”
“ไม่ได้กลัวอะไร วินนั่นแหละกลัวอะไร”
หรือจะเป็นผมเอง...ที่กลัว?
ผมดูหวาดกลัวหรอ เขาถึงได้รบเร้าจะเข้าบ้านพร้อมกัน
ผมไม่เถียงกับเขาต่อ นั่งตัดไข่ดาวเฉียดซอสมะเขือเทศแล้วก็ยัดเข้าปาก กินไป 2-3 คำก็รู้สึกอิ่ม ส่วนนายมือโปรแย่งผมกิน 1 คำแล้วก็กระดกกาแฟดำ เขาบ่นว่าขมไป แต่ก็ไม่เห็นเติมน้ำตาลเพิ่ม
เมื่อเห็นว่าผมอิ่มดีแล้ว เขาก็พาผมไปคอนโดตามกำหนดการที่เขาคิดเอง ยอมรับเอง และแน่นอน นี่คือการไปเยือนคอนโดอของนายมือโปรครั้งแรกของผม....ตื่นเต้นครับ แต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น
คอนโดเขาอยู่บนถนนสาทร ดูจากภายนอกก็รู้ว่าแพง และยิ่งได้รู้ว่าแพง ผมก็ยิ่งไม่เข้าใจว่านายมือโปรมาขลุกอยู่ที่บ้านไม้กับผมทำไม ไหนจะฐานเก็บตัวเองที่ชั้นใต้ดินของผับย่านสุขุมวิทอีก หรือคอนโดเอาไว้ซ่อนเมีย?
“มาสิวิน”
“วินรู้น่า” ผมเถียง นิดหน่อยก็ขอให้ได้เถียง ก็ผมไม่ใช่มนุษย์ที่มีรูตรงปลายจมูกให้ใครร้อยเชือกแล้วพาเดินเสียหน่อย
“ชั้น 15 ห้อง 420 จำด้วยนะ”
“เดี๋ยวเอาคีย์การ์ดไว้ด้วย มี 2 แบบ เข้าลิฟท์กับที่จอดรถอันเดียวกัน อีกใบใช้เข้าห้อง”
“....................” ผมไม่ได้รับปากรับคำอะไร นายมือโปรก็เลยม้วนคิ้วใส่ หมอนี่จริงจังแล้วหน้าดุมากครับ
“งงหรอ?”
“ไม่ได้งง แต่ไม่เข้าใจว่าพี่โป๊ะจะให้คีย์การ์ดวินไว้ทำไม”
“ก็เผื่อมานอน มาอยู่ มาทำอะไรก็ได้”
“ห้องพี่ก็คือห้องวินไง พี่ยังมีกุญแจบ้านไม้เลย เราต้องเท่าเทียมสิ”
“แต่บ้านไม้ไม่แพงเท่าคอนโดพี่โป๊ะหรอก”
“นี่ๆ พี่โป๊ะ”
“ครับ” เขารับคำ หันไปสนใจตัวเลขสีเขียวที่แสดงลำดับชั้นของอาคารนิดหน่อย เขาคงรู้สึกได้ว่าลิฟท์เคลื่อนที่ช้าลง อาจจะมีใครกดเรียกและเข้ามาเป็นผู้ใช้ลิฟท์ร่วมกับเราก็เป็นได้
“ถ้าวิน.....มีแต่ตัว พี่โป๊ะจะคบมั้ย”
“ถามประหลาด”
“พี่ก็รักวินแต่ตัว เดี๋ยวได้กันก็เขี่ยทิ้งแล้ว”
“แม่งงงงงงง”
“ล้อเล่น”
“พี่ไม่รักเงินวินเสียหน่อย อีกอย่าง เงินทุกบาทของวินก็คือเงินอาสุเขา วินไม่ได้หาเองเลย เว้นเงินเดือนที่ได้จากบริษัทของเรา”
“วินยังต้องทำอะไรอีกมาก มากจนไม่มีเวลามาสงสัยความรู้สึกของพี่หรอก ว่ามันปลอมแปลือกรึเปล่า”
“ตอบให้ดีใจหน่อยก็ไม่ได้”
“รักครับ มาสภาพไหนก็รัก” ก็เท่านี้ ทำเป็นท่ามากมาอบรมเยอะแยะ เฮอะ! แต่ผมก็ก้มหน้าอมยิ้มกับคำตอบตรงๆ ที่ได้ยิน รู้สึกขอบคุณเขาอยู่ในใจและไม่คิดจะถ่ายทอดมันออกมา ผมคิดว่าเขารับรู้ได้จากภาษากายของผม ภาษาดวงตาของผม ไม่อย่างนั้นคงไม่ลูบหัวผมเบาๆ แบบนี้หรอก
เรามีแขกเพิ่ม 1 คนในลิฟท์ตัวนี้ ผู้หญิงคนนี้มองนายมือโปรแล้วส่งยิ้มให้ ซี่งผมรู้สึกได้ว่าเธอหลบรอยยิ้มของเธอจากสายตาผม เธอกดลิฟท์ไปชั้น 22 และเมื่อถึงขั้น 15 ผมกับนายมือโปรก็ออกจากลิฟท์ แต่ผมได้ยินเธอพูดไล่หลังมาเบาๆ ฟังความได้ว่าทักกันหน่อยก็ไม่ได้ เธอคนนี้ น่าจะเคยเป็นคนที่นายมือโปรรู้จัก....ล่ะมั้ง
“ไม่ถามหรอ” นายมือโปรถามขึ้นเมื่อเราเข้ามาในห้อง กะจากสายตาแล้วน่าจะขนาดใหญ่กว่า 80 ตารางเมตรได้ ที่นี่ไม่แคบเลย โอ่โถง กว้างขวาง เป็นสัดส่วน และดูสะดวกสบายเสียจนผมต้องขมวดคิ้ว
“พี่โป๊ะ ทำไมไม่ค่อยอยู่ห้องนี้ล่ะครับ ดูสบายออก”
“ก็อยู่ประจำนะ เพิ่งไม่ค่อยได้มาเพราะไปนอนบ้านวิน”
“เตียงวินนิ่มกว่าตั้งเยอะ หมอนข้างก็หอม” กาม ผมจำกัดความน้ำเสียง อาการโน้มตัวมาหา หลับตา และสูดผมแก้มผมด้วยคำนี้คำเดียวครับ
“ไง ไม่ถามหรอไอ้ยุ่ง”
“ถามอะไรครับ เรื่องห้องหรอ มีอะไรที่พี่โป๊ะอยากบอกก็พูดเลยเถอะ บางทีวินก็เข้าไม่ถึงความซับซ้อนของคน”
“ไมใช่บางทีหรอกวิน วินไม่เคยเข้าถึงความซับซ้อนของใครเลย ตัววินเอง วินก็รู้จักไม่หมดทุกซอก”
“แล้วที่ถามว่าไม่ถามหรอ? ก็ไม่ใช่เรื่องห้องครับ เรื่องคนเมื่อกี้”
“อ้อ....”
“เคยเดทกัน”
“ครับ?”
“พี่กับเขา เคยเดทกัน”
“แบบ....ควง”
“แต่เลิกกันนานแล้ว ไม่มีอะไรต่อกันแล้ว”
“..................”
“หึงมั้ย” ถามเฉยๆ ก็ได้ ทำไมต้องลากมานั่งบนโซฟานิ่มชิบหายนี่ด้วย ทำไมต้องดึงตัวให้เกยขากันด้วย
“พี่โป๊ะรักเขาหรอครับ มากกว่าลูกแพร์....”
“ไม่ ไม่ได้รัก ก็แค่...ผู้ชายอ่ะวิน”
“ผู้ชายเซ็กส์จัดด้วยใช่มั้ยครับ”
“ใช่ แต่ตอนนี้เซ็กส์จัดว่าขาดมาก แฟนหวงตัว”
“แฟนพี่โป๊ะไม่ได้หวงตัว แต่พี่โป๊ะบอกว่าต้องให้ผู้ใหญ่ไฟเขียวก่อน พี่พูดเองนะ” ผมดักทาง และก็ดักทางถูกด้วยครับ เขาทำปากยื่นเหมือนเด็กงอแง ผมก็เลยดีดไปเหนาะๆ ท่าทางจะเจ็บน่าดู ถึงได้ฟัดผมเป็นการเอาคืน ลงท้ายก็แค่จูบกันยาวนาน นัวเนียกันจนถึงเส้นกั้น ถ้าตัดสินใจล้ำเส้นนี้ไป สิ่งที่เขาตั้งใจไว้ก็จะหมดความหมายทันที และเขาก็เลือกที่จะไม่ยอมให้มันหมดความหมายลงง่ายๆ
นายมือโปรูดหน้าอกผมเหมือนเหี้ยหิวโหยมา 18 ปี แล้วก็ผละออก กางริมฝีปากแดงจัดจ้านออกเป็นรอยยิ้ม
“พี่คิดมาตลอดทางเลย”
“อื้อ วินรู้”
“รู้ว่า”
“รู้ว่าพี่โป๊ะคิดอะไร”
“และก็...วินเองก็ใช่ว่าจะไม่คิดอะไร”
“แต่เราเชื่อมั่นในกันและกันอยู่แล้ว ใช่มั้ยครับ”
“ครับ”
“งั้นก็ไม่ต้องคิดอะไรไปล่วงหน้า”
“วินจะรักพี่โป๊ะในแบบของวิน พี่โป๊ะเองก็เหมือนกัน รักวินในแบบของพี่โป๊ะเถอะครับ”
“บอกได้เลยว่าบ้านวินคาดหวังอะไรไว้มากมาย เรียกว่าการวาดฝันในอากาศยังเป็นคำอธิบายที่ตื้นเขินเกินไป”
“พวกเขาคาดหวังกับวิน กับคนที่วิน...เลือก เสมอแหละ”
“จะเปลี่ยนใจ ไม่เปิดตัวว่าเราคบกันก็ได้นะครับ รักหลบๆ ซ่อนๆ คงสนุกดี”
“ไม่ ไม่เห็นต้องหลบต้องซ่อน”
“นอกจากวินแล้ว พี่ไม่มีอะไรที่ห้ามเสียไปแม้ว่าต้องตายก็ตาม"
“และที่บ้านวินก็ควรได้รับรู้ ว่าลูกเขา หลานเขา อยู่ในสายตาของใคร อยู่กับความรักของใคร”
“พวกเขาควรได้หมดห่วง โดยเฉพาะอาสุ”
“งั้นเราบอกป้าสุคนเดียว”
“ไม่ได้หรอก ทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าให้อาสุช่วยปิดบังเรื่องวินกับทุกคนในบ้าน”
“ไม่ดี”
“อื้อพี่โป๊ะ” จู่ๆ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าเราทั้ง 2 คนมัวแต่สนใจทางบ้านผม แล้วบ้านเขาล่ะ เปิดทางหรอ?
“หือ” หือแล้วก็คว้ามือไปบีบเล่นต่อ
“แล้วคุณตะวันล่ะครับ บอก”
“บอกแล้ว โดนเตะแล้วด้วย”
“โดนด่าสารพัดเลย หาว่าดึงวินมาตกต่ำ ระดับหลานนายแบงก์ต้องมีขนาดไหน เขาถึงเชื่อว่าดูแลลูกหลานเขาได้”
คงซีเรียสน่าดู ผมไม่รู้ว่าคุณตะวันรังเกียจเดียดฉันท์ผมระดับไหน แต่ถ้าเขาคิดจะเตะลูกชายเขาจนตายคาตีน ผมก็คงต้องขวางทางตีนเขาแล้วแหละ ก็ลูกชายเขาคือคนที่ผมรักนี่หว่า
“ดีไม่ดี ทางวินอาจจะล้มดีลเจวีเลยก็ได้”
“พ่อถามพี่ว่ารับได้รึเปล่า ถ้าได้วินมาแล้วโปรเจคสตูฯล่ม”
“........................”
“........................”
ผมไม่ถามหรอกว่าเขารับได้ไหม
ผมกำลังถามตัวเองอยู่ว่า ผมล่ะรับได้รึเปล่า
การรักใครสักคน มันต้องใจแข็งขนาดไหนกัน
ขนาดที่ว่ากัดฟันเดินบนคมมืดก็ได้
ขนาดที่ว่า ต่อให้เห็นว่าก้อนหินใหญ่กำลังพุ่งมาอัดร่างก็จะไม่หลบ
ผมต้องเข้มแข็งขนาดมั้ย ยอมหักไม่ยอมงอ ยอมตายๆ ไป แต่ไม่ยอมปล่อยมือกันเด็ดขาด
การรักใครสักคน มันต้องเข้มแข็งขนาดไหนกัน
#### @ D A W N #####
นายมือโปรหล่อเหี้ยๆ เลยครับ
ผมมองรูปร่างสง่าของเขาแล้วอิจฉาจริงๆ ขาก็ยาว ลำตัวสมส่วน กล้ามท้อง กล้ามแขนดูแค่ตายังรู้ว่ามันได้รับการจัดระเบียบมาอย่างดี ผิวไม่ขาวใสแต่ก็เป็นสีน้ำผึ้งชุ่มฉ่ำ
เขาสวมกางเกงแล้วแต่ก็ยังไม่รูดซิป มายืนร่อนเป้าอวดผมอยู่นี่แหละ เปล่าหรอกครับ ผมแค่ล้อเล่น เขากำลังสามเสื้อเชี้ต พอสวมเสร็จก็ยัดชายเสื้อใส่กางเกง เดินมายืนเท้าเอวตรงหน้าผมที่นั่งอยู่ริมขอบเตียงนอนใหญ่
“อะไรครับ”
“ช่วยหน่อย หน้าที่เมีย”
“โอ้ย!!” ต้องร้องสิครับ เพระผมทุบเป้าเข้าให้ ปากดีนัก เรียกใครเมียวะ ไม่ใช่เว้ย! ยังไม่ได้เป็น
“เกิดใช้ไม่ได้ทำไงเล่าวิน”
“ใช้ไม่ได้ก็ไม่ต้องใช้ครับ วินเสียบให้ก็ได้”
“อื้อหือ ฝันแล้วไอ้ยุ่ง”
“เร็วครับ ช่วยพี่ เดี๋ยวพี่ช่วยวินแต่งตัวบ้างไง”
“วินเต่งตัวเองได้ พี่โป๊ะก็ควรทำได้”
“ก็อยากอ้อนไง แค่นี้เอง ทำให้หน่อย ให้ชื่นใจหน่อยสิ”
“เร็วๆๆ”
“เร้วๆๆๆๆๆ” มีเพิ่มระดับน้ำเสียงด้วย คงคิดว่ากำลังหลอกล่อลูกหมาลูกแมวอยู่ล่ะมั้ง ผมหัวเราะระหว่างช่วยเขาติดกระดุม ติดทีละเม็ด ทีละเม็ด จี้ๆ กล้ามท้องเขาเพื่อพิสูจน์ความแข็งแรง ผมไม่รู้สึกเขินอายสักนิด ไม่ใช่ว่าผ่านมาเยอะหรอกครับ แค่รู้สึกและเชื่ออยู่ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวันว่าทุกสิ่งของเขาคือของผม
ถึงเวลาผมต้องแต่งองค์บ้างแล้วครับ อย่างที่บอกว่าชุดของผมนั้น ป้าสุเป็นคนจัดเตรียมให้ พอนายมือโปรพร้อมพบปะผู้คน (จริงๆ แล้วเขาก็ดูหล่อพร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน) แล้ว ผมก็โทรหาป้าสุครับ ผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่คนนี้สั่งให้ผมไปแต่งตัวที่คอนโดโรงแรม เตรียมชุดและรถไว้ให้แล้ว ผมก็เลยต้องบอกว่า ผมจะเข้าไปที่บ้านพร้อมกับนายมือโปร ซึ่งป้าสุก็เห็นชอบ พร้อมยกเหตุผลประกอบให้ผมเบ้ปากว่า “ดีแล้วลูก เป็นพาร์ทเนอร์กันก็ต้องดูแลเขา อย่าให้มาเคว้งที่บ้านเรา” คนอย่างนายวารินทร์ วณิคพันธ์ น่ะหรอจะเคว้ง
“พี่โป๊ะ จะขับรถไปหรือนั่งแท็กซี่ไปที่คอนโดวินครับ”
“ทำไมอ่ะ ทำไมถึงต้องเลือกด้วย เอารถไปไม่ได้หรอ”
“ก็เอาไปได้ แต่ไงๆ เราก็ต้องนั่งรถที่ป้าสุเตรียมไว้ไปที่บ้าน ขากลับพี่โป๊ะจะได้กลับคอนโดเลย ไม่ต้องแวะเอารถที่คอนโดวินอีก”
“แล้ววินล่ะ ทำไมพี่ต้องกลับคอนโดพี่เลย เราก็กลับบ้านไม้กันไง”
“อื่มมม วินอาจต้องค้างที่บ้านนั้น ตอนเช้าคุณตาจะใส่บาตรเป็นประจำ ท่านอยากให้หลานๆ อยู่ด้วย วินละเลยมาหลายครั้งแล้วครับ”
“อ่ออออ ใส่บาตรภายในสินะ”
“แต่ไม่เป็นไร พี่เอารถไปจอดคอนโดวินดีกว่า คงไม่ดึกมากนี่ ใช่มั้ย”
“ครับ คงงั้น” ผมรับคำ ยอมรับเลยว่าในหัวไม่มีเรฟเฟอร์เร้นซ์อ้างอิงเลยว่างานวันเกิดคุณตาในปีก่อนหน้ามีรูปแบบยังไง ส่วนปีที่ผมอยู่ร่วมงานมาตลอด ก่อนจะจงใจบกพร่องหน้าที่หลานนั้น งานก็จะเป็นกันเอง คุยกันอบอุ่นแบบแฝงไว้ด้วยผลประโยชน์ทั้งนั้น คนนอกที่มาสวัสดีและอวยพรวันเกิดคุณตาส่วนใหญ่ก็จะกลายมาเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ ขึ้นอยู่กับแขนงไหนและใครเป็นคนพาเข้าบ้าน
เมื่อก่อน ผมไม่สนใจแขกของงงานเท่าไหร่ ผมก็เลยไม่รู้จะบอกแนวทางการปฏิบัติตัวแก่นายมือโปรยังไงดี มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะครับ การต้อนรับใครสักคน
ความแพงของรถ แรงม้าของรถ หรือกระทั่งทักษะการขับรถของนายมือโปรก็ไม่อาจสู้สภาพการจราจรในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในย่านธุรกิจบนถนนสาทร กว่าจะหลุดช่วงรถติดก็ทำเอาเกือบแย่ พอมาถึงคอนโดหรือห้องชุดที่ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ สิ่งแรกที่ทำก็คือวิ่งเข้าห้องน้ำไปฉี่ครับ ปล่อยให้นายมือโปรยืนหัวโด่อยู่ที่กลางห้องรับแขก
จัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วผมถึงนึกขึ้นได้ว่าเขาเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ก็น่าจะตื่นเต้นเหมือนที่ผมไปคอนโดเขาครั้งแรกเมื่อตอนสายเหมือนกัน
“พี่โป๊ะ ทำอะไรครับ”
“อ๋อ นี่ไง ดูรูปวินกับอาสุ น่ารักเนอะ”
“ตอนเด็กวินจ้ำม้ำกว่านี้นิดหน่อยนะ”
“อันนี้ไปเที่ยวกันหรอ?”
“อืม เป็นป้าหลานที่สนิทกันดีเนอะ”
“เหมือนกับญาติผู้ใหญ่ของวินมีแค่อาสุคนเดียวเลย”
รัวมาเป็นชุดเลย และการสังเกตและตั้งข้อสันนิษฐานของเขาก็ไม่เคลื่อนไปจากร่องความจำนักหรอกครับ ผมไม่ได้บอกอะไรเพิ่ม แค่เดินมาดูรูปในกรอบแบบบานพับต่อกันหลายบานที่วางอยู่ในชั้นวางของด้วยอีก 2 ตา
“พี่โป๊ะล่ะ ญาติเยอะหรอ”
“ไม่เท่าไหร่ พี่เลือก”
“วินก็คงเลือกเหมือนกันล่ะสิ”
“ครับ”
“ตื่นเต้นจังเว้ยยยย”
“บ้านวินจะชอบพี่มั้ย”
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่วินต้องสนว่าที่บ้านนั้นจะชอบหรือไม่ชอบพี่โป๊ะนี่ครับ”
“นี่ถ้าพี่โป๊ะคิดอะไรแบบตำนานรักดอกเหมย ผู้ใหญ่กีดกันข้ามชาติข้ามภพนี่หยุดเลยนะ ชีวิตวิน”
“วินเลือกเอง พูดงี้ตลอด” ไม่พูดเปล่า จิ้มหน้าผากผมด้วยครับ
“พี่ก็แค่คิดแทนคนรอบตัววิน พวกเขาหัวเสียน่าดูที่หลานชายหรือลูกชายทำอะไรข้ามหน้าตลอด”
“พี่ไม่อยากให้ใครมองวินแบบนั้น แล้วก็ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ใครมองวินแบบนั้น”
“พี่ไม่ดื้อหัวชนฝาหรอกนะ แต่ถ้าพี่อยากได้อะไร พี่ก็ต้องได้ อยากรักใคร ก็ต้องรักได้โดยไม่มีใครคัดค้าน”
“ตลก พี่โป๊ะจะบงการความคิดคนทั้งโลกได้ไง”
“ไม่ได้บงการ แต่ทำให้ข้อสงสัยเขาหมดไปต่างหาก”
“ชุดอยู่ไหนครับ ห้องนอนหรอ? ไปสิ”
“รู้แล้วรู้แล้ว” ผมรับคำส่งๆ นึกหมั่นไส้นายมมือโปรที่อวดเก่งไปทุกเรื่อง อวดรู้อยู่ทุกรอบที่ถกเถียงกัน
พอแต่งตัวด้วยชุดหล่อเสร็จ ผมก็โทรหาป้าสุว่าผมคงต้องปฏิเสธอะเจนด้าของป้า เพราะผมจะไปกับนายมือโปรด้วยรถของเขา ส่วนรถของที่บ้านก็แล้วแต่ป้าสุจะจัดการ อีกฝ่ายไม่ได้ถามเหตุผลอะไรนัก ซึ่งหากถามผมก็เชื่อว่านายมือโปรสามารถหาข้ออ้างที่ดูดีมาปรนเปรอหูผู้ใหญ่ได้อยู่แล้วครับ
“พร้อมมั้ย” นายมือโปรถามผม เขายื่นมือมารอให้ผมยื่นไปจับ...ขอเถอะ ผมไม่ใช่คนช่างฝัน ไม่ได้มีภาพจำเกี่ยวกับความโรแมนติกที่อยากให้เกิดเป็นประสบการณ์จริงในชีวิตหรอก ผมมองมือนั้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่ลึกๆ ผมก็ดีใจนะที่มีใครสักคนบนโลกใบนี้ยื่นมือมาให้ผมจับ แต่ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ
ผมใช้หลังมือปัดมือนายมือโปรไปให้พ้นทาง บอกไว้แค่ว่า “วินไม่ใช่เด็ก” นายมือโปรหัวเราะใส่ในลำคอ และเขาก็คือเขา เมื่อยื่นให้จับดีๆ แล้วไม่จับ เขาก็บังคับให้เราจับมือกันในที่สุด
“จับไว้ อุ่นดี เหนียวดี สารพัดจะดี”
“จริงๆ นะวิน”
“พี่คงอยู่เฉยไม่ได้ ถ้าเรื่องของเรามีอะไรมาขวาง”
“งั้นพี่โป๊ะคงต้องทำอะไรอีกเยอะเลยครับ”
“พร้อม”
“ถามวินบ้างสิ”
“พี่พร้อมคนเดียวก็พอ วินชิลไปเถอะ ทำสิ่งที่อยากทำก็พอ”
“จริงๆ” โถ่เอ้ย! ไอ้เหี้ยอัศวิน ผมไม่ได้ด่าออกไปหรอกครับ และที่คิดเปรียบเปรยอยู่นี้ก็ไม่ได้มาจากความรู้สึกดูแคลนน้ำใจเขาเลยแม้แต่น้อย ผมแค่คิดฉายาให้เขาน่ารักมากขึ้นในรัศมีโลกของผม
สิ่งที่รู้สึกในตอนนี้ มันสวนทางกับความนิ่งเฉยมากครับ
มันเข้าใกล้อาการ ‘รักมาก’ เข้าไปทุกที
เขาเดินนำไปก่อน ผมจึงตามออกมา ปิดประตูสนิทและลองดันเข้าไปใหม่เพื่อเช็คความปลอดภัย เมื่อแน่ใจดีแล้วก็ก้าวยาวๆ ให้ทันเหี้ยขายาวที่เดินก้าวอย่างมั่นคง เมื่อตามเขาทันแล้ว ผมก็มองมือที่พ้นออกมาจากปลายสูท
มือใหญ่นี้...เป็นของผม
“จับหน่อยดิ” ผมบอกเบาๆ เบามากเลยนะครับ แต่เขาก็เสือกจะได้ยินและหันมาคว้ามือผมไปจับจูงกันไประหว่างทางเดินไปลิฟท์ที่แสนสั้น
ถ้าหนทางข้างหน้า ทอดยาวออกไปอีกนิดก็คงดี
Cut
วู้วววววววว
เป็นการเตรียมการเปิดตัวหลานเขยเจ้าสัวที่ยาวมากกก กินไป 1 ตอนกันเลยทีเดียว (555 จริงๆ เราเขียนยืดยาดเองนั่นแหละ ขออภัยด้วยนะคะ)
ตอนหน้า!! คือตอนที่ 37 ใช่ไง ไม่ได้รันเลขผิดเลย ฮี่ๆ
เดี๋ยวจะได้หยุดสงกรานต์กันแล้ว ใครมีโปรแกรมเที่ยวพักผ่อนวันหยุดยาว ก็ดูแลความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้างให้ดีนะคะ ช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กับสังคมด้วย เห็นอะไรไม่งาม อาทิ บุคคลรองพื้นหน้าเทา (เอ้ย ไม่ใช่) อาทิ พฤติกรรมไม่สมเหตุสมผล ถ้าเตือนเองไม่ได้ก็แจ้งตำรวจเลยค่ะ (แต่ช่วยได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่องเนอะ)
เทศกาลนี้ ปกติเราไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ เพราะฉะนั้น ก็น่าจะเปิดแอร์นอนกลิ้งไปมา พลังกาลพลังใจมาก็ลุกมาเขียนนิยายนี่ไง อิอิ
เอาล่ะ ขอบคุณที่รู้สึกดีกับนิยายเรื่องนี้ค่ะ
อีกไม่นานก็ลากันแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องนี้หรือเรื่องไหน เราคงคิดถึงคุณๆ น่าดู