ตอนที่ 9 เหตุเกิดที่ไซท์งาน
ขับรถฝ่าการจราจรที่ติดขัดมากว่าหนึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงสถานที่ก่อสร้างกัน เมื่อรถจอดเรียบร้อยแล้วผมเดินไปทางสำนักงานก่อสร้างชั่วคราวที่มีไว้สำหรับพนักงานที่ทำงานประจำหน่วยงานก่อสร้าง พนักงานที่นี่มีทั้งพนักงานของบริษัทและผู้รับเหมาที่รับงานก่อสร้าง สำนักงานชั่วคราวในไซท์งานสร้างค่อนข้างเรียบง่ายแต่ต้องมีความปลอดภัย เนื่องจากสถานที่ก่อสร้างเป็นอะไรที่อันตรายอยู่แล้ว ผมจึงต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพนักงานที่ทำงานอยู่ประจำไซท์งานเป็นอันดับแรก
เดินเข้าไปในสำนักงาน ผู้จัดการโครงการเดินเข้ามาพอแล้วพาผมเดินเข้าไปในห้องประชุม เหลือเวลาอีกประมาณ 20 นาทีจะถึงเวลาที่นัดประชุมภายในโครงการ
“คุณประสิทธิ์ ผมขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประชุมวันนี้ด้วยนะ แล้วนี่คุณกันตพิชย์ ผู้ช่วยคนใหม่ ต่อไปนี้เดี๋ยวเขาจะเป็นคนประสานงานระหว่างโครงการกับสำนักงานใหญ่ มีอะไรก็ให้ติดต่อที่เขาก่อน” ผมเอ่ยขอเอกสารทั้งหมดของโครงการที่ต้องอ่านดูอีกรอบก่อนการประชุม
“ครับ เดี๋ยวคุณภูรอสักครู่นะครับ ผมจะจัดการเอกสารให้แล้วจะให้พนักงานนำมาให้ที่ห้องประชุม ผมขอไปสั่งงานลูกน้องก่อนครับ” คุณประสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้จัดการโครงการบอกพร้อมขอตัวไปทำงานที่ค้างก่อนจะเข้าร่วมการประชุมในอีกครึ่ง ชม.
“นายมานั่งข้าง ๆ จะได้ดูว่าเอกสารที่โครงการเตรียมมามีอะไรบ้าง วันนี้แค่ฟังการประชุมจดบันทึกย่อเอาไว้ รายละเอียดต่าง ๆ คงตามไปส่งที่สำนักงานใหญ่วันหลัง แต่ที่ให้เข้ามาเพื่อจะได้คุ้นเคยกับคนในหน่วยงาน เวลาประสานงานต่าง ๆ จะได้รู้ว่าควรติดต่อกับใคร”
ผมเดินไปนั่งข้าง ๆ คุณภูดิส รอไม่ถึง 10 นาทีก็มีพนักงานเดินหอบแฟ้มเอกสารมาให้ในห้องประชุม ร่างของหญิงสาวที่ถือแฟ้มมาหยุดตรงหน้าพลางวางแฟ้มทั้งหมดลงที่หน้าท่านประธานอย่างแผ่วเบา ราวกับเกรงกลัวร่างสูงดวงตาคมเข้มเจือแววดุ จากนั้นจึงถอยออกไปจากห้องประชุมอย่างเงียบกริบ
มือใหญ่ยื่นไปหยิบแฟ้มตรงหน้ามาเปิดอ่าน ใบหน้าคมเข้มก้มหน้าโดยไม่ได้ให้ความสนใจกับผมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แม้แต่น้อย ผมไม่มีอะไรทำเลยนั่งเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้น ขนาดจะหายใจยังไม่กล้าส่งเสียงดังกลัวไปรบกวนสมาธิร่างสูง ใบหน้านั้นดูเคร่งเครียดขึ้นมาเมื่ออ่านไปได้เกือบครึ่งนึงของเอกสารภายในแฟ้ม แล้วก็ยื่นมือไปเปิดหาเอกสารในแฟ้มอื่นมาประกอบ เสียงเปิดแฟ้มกับพลิกหน้าสลับของเอกสารดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
ใช้เวลาไม่นานร่างสูงก็ปิดแฟ้มเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้าทั้งหมด พลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้กอดอกนั่งนิ่งสายตาเรียบเฉยมองไปด้านหน้าเหมือนจมอยู่กับความคิดของตัวเองโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าผมยังนั่งอยู่ด้วย จากนั้นจึงหันมาเลื่อนแฟ้มเอกสารให้ผม พลางพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ผมอ่านเอกสารที่อยู่ภายในแฟ้มด้วย
“เดี๋ยวอ่านเอกสารในแฟ้มคร่าว ๆ นะ อันไหนสำคัญก็จำไว้ แต่ครั้งแรกนายอาจจะไม่เข้าใจอะไรมากนัก ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็จดไว้แล้วค่อยถามตอนกลับไปที่ออฟฟิศได้ หน้าที่ตอนประชุมก็บันทึกการประชุมไว้ กลับไปทำสรุปการประชุมครั้งนี้ ทุกเดือนต้องมาประชุมที่ไซท์งาน แต่จะหมุนเวียนกันไปตามแต่ละที่ ไม่ได้เข้ามาบ่อยแต่สลับกันไปเพื่อดูความเรียบร้อยและความก้าวหน้าของโครงการก่อสร้าง” คุณภูดิส หันมาสั่งพร้อมทั้งเลื่อนกองแฟ้มเอกสารมาให้ผม ซึ่งผมมองดูแฟ้มแล้วเริ่มเปิดมาเพื่ออ่านดูก่อนจะถึงเวลาประชุม นั่งอ่านไปเงียบ ๆ เข้าใจไม่มากแต่ก็พยายามทำความเข้าใจกับเอกสารตรงหน้าอย่างเร่งรีบ
สักพักก็มีเสียงเปิดประตูตามมาด้วยกลุ่มคนหลายสิบคนเดินมานั่งที่เก้าอี้ภายในห้องประชุม คาดว่าคงเป็นวิศวกรและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโครงการทั้งหมดของที่นี่ คนทั้งหมดทำความเคารพท่านประธานแล้วนั่งลงอย่างเงียบเชียบ ผมกวาดสายตาไปตามกลุ่มวิศวกรที่นั่งอยู่ที่นี่ เลื่อนสายตาไปมาจนกระทั่งมาสะดุดกับชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าคร้ามแดดคนหนึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลเยื้องไปจากตำแหน่งที่ผมนั่งไม่กี่คนเท่านั้น
“ถ้าพร้อมกันแล้วก็เริ่มการประชุมได้ เริ่มจากคุณประสิทธ์ก่อนเลย” เสียงเข้มของท่านประธานเอ่ยออกมาให้เริ่มการประชุมได้ จากนั้นมาการประชุมที่ก็เริ่มต้นขึ้นด้วยความเคร่งเครียดท่ามกลางกลุ่มชายนับสิบคนที่ถกเถียงกันบ้าง อธิบายเหตุผลต่าง ๆ ของการก่อสร้างบ้างทำให้บรรยากาศค่อนข้างเป็นไปอย่างน่าอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนมากหัวข้อสนทนาในที่นี้กล่าวถึงการทำงานให้ทันตามกำหนดเวลา รายการวัสดุต่าง ๆ ที่ต้องใช้เพราะมีบางรายการที่ต้องรอวัสดุจากทางต่างประเทศ ซึ่งการเดินทางเกิดการล่าช้าเพราะว่าช่วงนี้เป็นฤดูฝนการขนส่งทางเรือเป็นไปอย่างยากลำบาก รวมถึงการควบคุมสเปควัสดุให้เป็นไปตามมาตราฐานอย่าให้มีการหลุดลอดของวัสดุที่ไม่ได้คุณภาพเพราะมันหมายถึงชื่อเสียงของบริษัท
“คุณเพทาย งานที่สระว่ายน้ำไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ผมอยากให้เสร็จตามกำหนดเพราะการที่จะเปิดใช้อาคารตามกำหนดได้ ระบุว่าเราต้องเปิดพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นสระว่ายน้ำ ฟิตเนส รวมทั้งสวนด้วย” คุณภูหันไปถามร่างสูงของวิศวกรคุมงานคนหนึ่ง และนั่นก็ทำให้สายตาผมเลื่อนไปตามสัญชาติญาณของตัวเอง ซึ่งก็เห็นชายหนุ่มที่ถูกถามหันใบหน้าหล่อเข้มมาทางคุณภู
“ทันครับคุณภู เพราะว่าตอนนี้ผมเร่งให้คนงานเข้ามาทำงานในส่วนนี้ให้มากกว่าเดิม แล้ววัสดุต่าง ๆ ก็เข้ามาพร้อมแล้ว เพียงแต่ว่าอาจจะมีปัญหากับผู้รับเหมาบางรายเท่านั้น เพราะช่วงนี้ผู้รับเหมาเริ่มจะขาดคนงานเหมือนกัน ทางผมเลยคิดว่าจะจัดให้คนงานของทางบริษัทมาทำงานทดแทนบ้างเป็นบางส่วนเพื่อให้ทันกับวันที่กำหนดเสร็จงานของทางโครงการ” เพทายวิศวกรหนุ่มเอ่ยตอบประธานบริษัทอย่างรวดเร็ว แต่พอตอบเสร็จใบหน้าหล่อก็หันมาสบตากับผมพลางยิ้มให้ ผมเห็นดังนั้นจึงยิ้มตอบด้วยอาการดีใจ
“ถ้าทันก็ดีแล้ว อย่าให้เกิดความล่าช้าได้เพราะผมต้องการงานที่เสร็จทันกำหนด แต่ก็ต้องมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน” คุณภูกล่าวกลางที่ประชุม เท่ากับเป็นการกดดันการทำงานของเหล่าวิศวกรในที่นี้เป็นอย่างยิ่ง
“คุณภูไม่ต้องกังวลครับ ผมจะช่วยเร่งรัดให้ทันกำหนดอย่างแน่นอน” คุณประสิทธิ์กล่าวทับอีกครั้งเพื่อให้ชายหนุ่มผู้ที่เป็นประธานบริษัทไว้ใจในการทำงานของตนเองและทีมงาน
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ผมจะเดินดูหน้างานขอให้คุณประสิทธิ์จัดคนไปกับผมด้วยสัก 3-4 คนก็พอ ขอคนที่รับผิดชอบแล้วก็รู้เรื่องต่าง ๆ ครอบคลุมพอที่จะอธิบายเรื่องต่าง ๆ ที่ผมสงสัยได้” เสียงเข้มดังขึ้นพลางขยับลุกจากเก้าอี้ ทำให้ทุกคนในห้องประชุมต้องลุกตามอย่างพร้อมกัน
“เดี๋ยวผมให้เพทายไปกับคุณภูครับ เพราะงานส่วนมากเพทายรับผิดชอบเกือบทั้งหมด”
คุณภูเดินนำหน้าไปทางประตูที่เปิดรอโดยผม มีพนักงานยื่นหมวกนิรภัยสำหรับเดินหน้างานเพื่อความปลอดภัยให้คุณภูกับผมคนละใบ ส่วนวิศวกรคนอื่น ๆ มีเป็นของตัวเองอยู่แล้ว
สำนักงานก่อสร้างส่วนออฟฟิศ สร้างแยกมาจากตึกโครงการ เพราะความสะดวกและปลอดภัย แต่ก็ยังอยู่ภายในโครงการ ซึ่งเราใช้เวลาเดินไม่นานตึกนี้สร้างเสร็จไปแล้วกว่า 80% ซึ่งมีกำหนดเปิดขายกลางปีหน้า ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่ปีเดียวเท่านั้นในการดำเนินการให้แล้วเสร็จ รวมถึงการเก็บรายละเอียดงานให้ครบถ้วนด้วย
วิศวกรที่ทำหน้าที่เดินตรวจงานภายในตึก เดินนำหน้าคุณภูไปด้านใน เริ่มจากห้องพักตัวอย่างที่สร้างเสร็จแล้ว ซึ่งแต่ละห้องจะมีรูปแบบต่างกัน ซึ่งราคาห้องพักเหล่านั้นก็ขึ้นอยู่กับขนาดห้อง ซึ่งที่นี่จัดว่าเป็นคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมของเมืองไทย เพราะต่างอยู่ใจกลางเมืองแล้วยังมีวิวแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ทำให้ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ห้องแรกที่เดินมาตรวจเป็นห้องตัวอย่างของห้องพักที่มีเยอะที่สุด เพราะเป็นราคาเริ่มต้นของที่นี่ เปิดประตูเข้าไปจะพบกับโถงลิฟท์ซึ่งเป็นลิฟท์ส่วนตัวของทุกห้อง มีประตูอีกบานเพื่อกั้นตัวลิฟท์ ห้องแรกที่เจอจะเป็นห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่น ด้านซ้ายมือจะเป็นมุมของเคาร์เตอร์ครัว มีโต๊ะอาหารสำหรับ 4 ที่ตั้งอยู่ กลางห้องเป็นโซฟาเข้าชุดกันพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มองเห็นประตูเลื่อนหนี่งบาน ถ้าเปิดออกไปจะเจอกับระเบียงเล็ก ๆ สำหรับชมวิวได้
วิศวกรที่นำตรวจรายงานเกี่ยวกับรายละเอียดของการตรวจรับห้องว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งผมก็เห็นคุณภูมองอย่างเก็บรายละเอียด สายตาคมกวาดไปรอบ ๆ เพื่อดูว่ามีอะไรผิดพลาดไปหรือไม่
“ผมขอดูแบบห้องนี้หน่อย นี่คือห้องที่ราคาเริ่มต้นของเราใช่ไหม” คุณภูหันไปขอแบบแปลนห้องพร้องกับส่งคำถามให้กับวิศวกร
“ครับนี่เป็นห้องขนาด 45 ตร.ม. ห้องตัวอย่างนี้เราเสร็จหมดทุก Type แล้ว แต่ห้องที่ลูกค้าจองมีบ้างที่เหลือการเก็บรายละเอียดบ้างนิดหน่อย แต่คาดว่าคงทันให้ลูกค้าเข้าตรวจรับห้องครับ” ร่างสูงอีกร่างอธิบายให้คุณภูดิสฟัง
“เดี๋ยวเดินดูให้ครบทุกห้องก่อน ถ้าอย่างนั้นขอแบบทุกห้องมาเลยแล้วกันผมจะเดินดูไปด้วยจะได้ไม่เสียเวลา” วิศวกรประจำโครงการส่งแบบทั้งหมดให้กับคุณภู ซึ่งก็รับมาแล้วเปิดดูรายละเอียดต่าง ๆ
“ขออีกชุดให้เลขาผมด้วย เขาจะได้ศึกษาดูงานทางนี้เอาไว้”
ร่างสูงของวิศวกรหนุ่มยื่นแบบอีกชุดให้ผมพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งผมก็ยิ้มตอบไปพร้อมยื่นมือไปรับแบบมาดู เปิดดูคร่าว ๆ ก็พบว่าแบบไม่ได้ยากเกินไปกว่าที่ผมจะทำความเข้าใจนัก เพราะมันเป็นแบบที่เสร็จแล้ว และระบุว่าอะไรอยู่ตรงไหนเท่านั้นเอง แต่ถ้าเป็นแบบที่ใช้สำหรับก่อสร้างผมว่าผมคงต้องทำหน้ามึนงงอีกนานกว่าจะเข้าใจแน่นอน
คุณภูเดินนำหน้าไปเปิดดูห้องต่าง ๆ มองรอบด้านหาจุดที่งานไม่เรียบร้อย พวกเราก็ได้แต่เดินตามไปห่าง ๆ ผมได้แต่มองไปรอบ ๆ ภายในห้องมีทุกอย่างครบสมกับเป็นคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมจริง ๆ ใช้เวลาเดินตรวจห้องตัวอย่าง ก็เกือบหนึ่งชั่วโมง
“เดี๋ยวคุณพาผมไปดูห้องที่ลูกค้าจองไว้หน่อย ผมอยากทราบความคืบหน้าจะได้เอามาเปรียบเทียบกับห้องตัวอย่างว่าได้มาตรฐานตามนี้หรือเปล่า ไม่อยากให้ห้องตัวอย่างที่สร้างออกมาดูเรียบร้อย แต่ห้องที่ลูกค้าต้องตรวจงานคุณภาพไม่ทัดเทียมกัน จะเสียชื่อเสียงเปล่าๆ” คุณภูเอ่ยบอกให้วิศวกรนำไปยังห้องที่ยังไม่เสร็จ ทางด้านวิศวกรก็ออกเดินนำหน้าไปที่ลิฟท์ พร้อมกดขึ้นไปชั้น 44 ทันที
ห้องที่อยู่ชั้นนี้เป็นห้องที่เรียกว่าดูเพล็กซ์ ซึ่งเป็นห้องที่มี 2 ชั้น ตามทางเดินยังเต็มไปด้วยวัสดุต่าง ๆ ช่างกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น ต่างพอเห็นคุณภูก็ทำความเคารพกันไปตามระเบียบ ไม่นึกว่าท่านประธานจะมาเดินตรวจงานในพื้นที่ทำงานอย่างนี้
ร่างสูงของคุณภูเดินดูรอบ ๆ เหมือนอย่างเคย บางตำแหน่งที่งานยังไม่เรียบร้อยคุณภูก็ให้คำแนะนำไปว่าควรจัดการอย่างไรงานที่ออกมาถึงจะดี ผมก็เดินตามไปอย่างเคย สายตาก็มองไปรอบ ๆ เพราะว่าเนื่องด้วยผมไม่เคยทำงานด้านนี้มาก่อน ความระมัดระวังในการเดินอยู่ในพื้นที่ทำงานที่มีสิ่งกีดขวางทางเดินมากมายอย่างนี้เลยไม่ได้นึกถึงว่าต้องใช้ความระมัดระวังและสกิลในการเดินแม้แต่น้อย นั่นก็ทำให้ปลายเท้าไปสะดุดเอากับปลายเหล็กที่โผล่ออกมาจากพื้น ทำให้ผมเสียหลัก ตอนนี้นึกได้ก็สายไปเสียแล้วคาดกว่าต้องล้มหน้าคะมำแน่ เตรียมใจหลับตารับการกระแทกพื้นอย่างเสียไม่ได้
แต่พอผ่านไปได้สักเสี้ยวนาทีเมื่อรู้สึกว่าตนเองไม่ได้ล้มลงจึงค่อย ๆ ลืมตามองรับรู้ได้ถึงอ้อมแขนของใครบางคนมาโอบรัดรอบเอวเอาไว้ หันไปด้านหลังก็พบกับใบหน้าของวิศวกรหนุ่มประจำโครงการยิ้มส่งมาให้
“ระวังหน่อยสิ ที่ไซท์งานก่อสร้างนะไม่ได้ห้างจะได้มาเดินเอ้อระเหยโดยที่ไม่มองพื้นน่ะ” เสียงเข้มดุส่งออกมาจากปากได้รูป
“ขอโทษครับ ผมไม่ทันระวังเลยไม่รู้ว่าตรงนี้มีเหล็กโผล่ออกมา ดีนะที่พี่ทายรับไว้ได้ทันไม่งั้นผมโหม่งโลก หน้าแหกแน่เลย ฮ่าๆๆๆ”
“ยังจะมามีหน้าหัวเราะอีก ถ้าล้มลงไปนะอันตรายขนาดไหนรู้หรือเปล่า อาจจะโดนเหล็กหรือเศษอะไรบาดหรือทิ่มเข้าไปได้นะ” ยังครับยัง ยังไม่หยุดส่งเสียงเขียวมาดุผมอีก
“เฮ้อ เราก็เป็นซะแบบนี้ตลอดแหล่ะ อะไรก็ทำเป็นเล่นไปหมด หัดจริงจังกับอะไรเหมือนกับคนอื่นเขาบ้างสิ เอ้า ...เดินดี ๆ ได้แล้วใช่ไหม ต่อไปก็อย่าซุ่มซ่ามอีกล่ะ
“งั้นพี่ทายก็ปล่อยมือจากเอวกันต์ได้แล้วมั้ง เนี่ยไม่ล้มแล้วล่ะน่า ไม่ต้องห่วง ต่อไปจะเดินระวังครับผม ไม่มีให้ต้องมารับไว้อีกแน่นอน” ผมยิ้มส่งให้พร้อมกับเอ่ยแหย่คนร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาไปด้วย พออ้อมแขนนั้นคลายออก มือใหญ่ก็ยกขึ้นมาขยี้ผมเสียแรง พร้อมหัวเราะเหมือนกับดีใจที่ได้แกล้งผม
“อื้อ ~~~ อย่าขยี้ผมกันต์สิ เนี่ยเสียทรงหมดแล้ว แล้วมือนั่นนะสะอาดหรือเปล่าเหอะมาจับผมคนอื่น” ผมยกมือขึ้นปัดมือใหญ่เป็นพันวันไม่ให้มือนั้นแกล้งผมได้อีก
ไม่รู้หรอกว่านานไหมแต่รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่ามีพลังงานอะไรบางอย่างพุ่งตรงมาทางผมกับร่างสูงทำให้เราทั้งคู่ค่อย ๆ หันไปทางที่คาดว่ามีสายตาจับจ้องอยู่ เมื่อหันไปจึงพบกับตาดุเข้ม ส่งสายตามาอย่างเคร่งขรึม ใบหน้านั้นบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ... เมื่อกี้ผมสะดุดเหล็กที่โผล่ออกมา จนเกือบจะล้มแล้วพี่ทาย เอ้อ คุณเพทายเขามารับไว้ได้ทันเลยไม่ได้ล้มลงกับพื้นนะครับคุณภู” ผมหันไปอธิบายเสียงอ่อย ๆ ยอมรับว่าเป็นความซุ่มซ่ามของตัวเอง
“ทีหลังก็ระวังหน่อย ไซท์ก่อสร้างอันตราย ของก็วางไม่เรียบร้อยเพราะต้องทำงานแต่คนที่ทำงานก็ต้องระมัดระวังบ้าง อย่าวางเกะกะมาก” เสียงเข้มดุอีกคน แต่คนนี้ดุทั้งหน้า ดุทั้งตา รวมดุทั้งเสียงมาครบ ไอ้ผมเลยได้แต่รับคำเสียงอ่อยว่าต่อไปจะระวังให้มาก แต่ท้ายประโยคสร้างความสงสัยว่าคงจะดุวิศวกรคุมงานแน่เลย เพราะทางร่างสูงอีกคนก็รับคำพร้อมขอโทษไปในตัว
“นี่เดินแค่ไม่กี่ห้องเท่านั้น ถ้าเดินต่อให้ครบทุกห้องเนี่ยไม่โดนเหล็กทิ่มตัวไปเลยเหรอ” ยังไม่เลิกอีก ผมจึงได้แต่หันขวับไปส่งตาขวางไปให้ พลางคิดในใจดุรอบเดียวก็พอแล้ว จะดุอะไรหนักหนา เข้าใจหรอกน่า
“ครับ ๆ ผมจะระวังอย่างมากไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้วครับ ท่านประธาน” ผมโต้กลับคุณภูไป ซึ่งก็ทำให้ใบหน้าของวิศวกรหนุ่ม หันมามองหน้าผมพร้อมขมวดคิ้ว แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ไปเดินดูงานต่อได้แล้ว เดี๋ยวจะกลับมืดค่ำกว่านี้ นี่ก็เริ่มมืดแล้ว” จบประโยคนั้นก็หันหลังกลับเดินนำหน้าไปดูงานที่เหลือทันที ทิ้งผมกับอีกคนหันมามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจแต่ก็เดินตามร่างสูงไป ใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง การเดินดูหน้างานของคุณภูก็เสร็จเรียบร้อย จุดไหนที่ไม่เรียบร้อยก็จะมีการติและคำแนะนำให้แก้ไข ทางวิศวกรก็รับคำพร้อมจดรายละเอียดที่สั่งให้แก้ไข
ร่างสูงเดินมาที่สำนักงานออฟฟิศชั่วคราว ถอดหมวกนิรภัยยื่นให้ผม ซึ่งผมก็รับมาถือไว้แล้วส่งต่อให้กับพนักงานที่เข้ามารับพร้อมกับน้ำดื่มสองแก้ว ผมเอื้อมมือไปรับมาแล้วก็ยื่นให้ร่างสูงของคุณภู คุณภูคุยงานกับผู้จัดการโครงการอีกนิดหน่อยก็ได้เวลากลับเพราะตอนนี้ฟ้ามืดลงไปแล้ว คุณภูเดินนำหน้าไปทางรถที่จอดอยู่
“เอ่อ คุณภูครับ ผมขอเวลาสัก 5 นาทีนะครับเดี๋ยวมาแป๊บเดียว” ว่าจบก็รีบวิ่งกลับไปทางสำนักงานไม่รอคำตอบจากร่างสูงตรงหน้าว่าจะอนุญาตหรือไม่
ผมรีบวิ่งกระหืดกระหอบเปิดประตูสำนักงานเข้าไป พนักงานในนั้นต่างหันมามองหน้าผมกันหมด ไม่เว้นแม้แต่ร่างสูงของวิศวกรประจำโครงการ ซึ่งพอเห็นว่าเป็นผม ร่างนั้นก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“พี่นึกว่ากันต์จะกลับเลยไม่นึกว่าจะวิ่งกลับมาอีก” เสียงทุ้มบอกออกมา พลางเดินนำหน้าผมออกมาจากสำนักงานเพื่อคุยกันด้านนอก
“ก็ว่าจะกลับแต่กันตัยังไม่ได้คุยกับพี่ทายเลย นี่ว่าจะมาขอเบอร์ไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกันนะครับ พอดีคุณภูท่านรออยู่ด้วย เดี๋ยวจะโกรธเพราะว่าผมบอกให้รอก่อน” ผมยิ้มให้แล้วรีบบอกธุระออกมา ร่างสูงนั้นก็บอกหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้อยู่ให้ผมได้รับรู้ ผมรีบกดบันทึกลงในเครื่องพร้อมทั้งโทรออกไปให้อีกเครื่องในมือของร่างสูงดังขึ้น มือใหญ่ยกมือถือขึ้นมาแกว่งเบา ๆ ประมาณว่าได้เบอร์ของผมมาแล้ว
“งั้นผมไปก่อนนะครับ พี่ทายเดี๋ยวโทรหา ไปล่ะ สวัสดีครับ” ผมรีบยกมือไหว้ร่างสูง ก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไปยังรถที่คุณภูจอดรออยู่
เมื่อวิ่งไปถึงรถก็เปิดประตูเข้าไปนั่งพร้อมรัดเข็มขัดเป็นสัญญาณว่าพร้อมจะกลับกันได้แล้ว ใบหน้าหล่อเข้มของสารถีหันมามองหน้าผมแว่ปหนึ่งแล้วหันกลับไปขับรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน ผมรู้สึกไปเองไหมว่าใบหน้านั้นเคร่งขรึมขึ้นกว่าเมื่อตอนขามาอีก แต่คงเป็นเพราะว่าผมทิ้งให้อีกฝ่ายรอละมั้ง ก็ให้รอไม่นานเองนะ ผมรีบวิ่งไปรีบวิ่งมาออกขนาดนี้ไม่น่าจะอารมณ์เสียนี่นา
ในรถเงียบมาก เงียบขนาดที่ว่าผมยังไม่กล้าหายใจแรงเลยล่ะครับ รถที่ร่างสูงขับก็รู้สึกว่าความเร็วมันเพิ่มมาขึ้นเรื่อย ๆ ผมได้แต่นั่งเอามือเกาะเข็มขัดไว้แน่น เม้มปากแต่ไม่กล้าจะหันไปบอกให้ร่างสูงชะลอความเร็ว รีบกลับบ้านไปหาลูกชายมั้ง ผมก็รีบนะแต่ยังไม่ต้องรีบมากขนาดนี้ก็ได้
ใช้เวลาบนท้องถนนประมาณ หนึ่งชั่วโมงรถยนต์คันงามที่มีประธานบริษัทสุดหล่อก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่กลางกรุง เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วร่างสูงก็รีบเดินเข้าไปในบ้านทันที ผมเลยได้แต่เดินตามไปพร้อมถอนหายใจออกอย่างโล่งอก เดินเข้าไปก็พบร่างน้อยของเด็กสองคนนั่งเล่นอยู่หน้าทีวี ผมเดินเข้าไปหาร่างอ้วนพร้อมยิ้มให้น้องฟ้าเมื่อน้องฟ้าหันมายกมือไหว้ผม
“สวัสดีครับน้องฟ้า ตุลย์ดื้อไหมครับวันนี้ พอดีน้ากันต์ไปทำงานกับคุณพ่อของน้องฟ้านะครับเลยกลับมาดึก ต้องฝากตุลย์ไว้ที่บ้านน้องฟ้าอย่างนี้”
“สวัสดีครับ น้ากันต์ ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะว่าฟ้าจะได้มีเพื่อนเล่นตอนเลิกเรียน เพราะทุกทีฟ้ากลับบ้านก็ไม่มีเพื่อนเล่นด้วยสักคน มีแต่พี่พลอยคนเดียวเบื่อจะแย่” ร่างเล็กใบหน้าเรียวเล็ก ริมฝีปากแดงบอกพร้อมทำหน้ายู่ว่าเบื่อจริง ๆ ผมยกยิ้มให้กับรอยยิ้มน่ารักนั้น
“น้ากันต์ตุลย์ไม่ดื้อหรอก นี่ทำการบ้านกันเสร็จแล้วด้วย ข้าวเย็นก็ทานกันแล้ว แต่ว่าตุลย์อยากนอนกับน้องฟ้า น้ากันต์ให้ตุลย์นอนที่นี่นะ ได้ป่ะ” หมูอ้วนตุลย์เดิมมาจับมือผมเขย่าไปมาพร้อมเงยหน้ากลม ๆ ทำตาปริบ ๆ อ้อนผม ผมก็ก้มลงมามอง ไอ้อ้วนผมทำท่าทางแบบนี้สงสัยคิดว่าตัวเองน่ารักละสิ จำขำก็ขำไม่ออกได้แต่นั่งกัดปากตัวเองเบา ๆ
“ไม่ได้หรอกครับ เรารบกวนบ้านพ่อน้องฟ้าเรื่องที่ไปรับตุลย์แล้ว ต้องกลับบ้านครับ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธไอ้อ้วนของผม ซึ่งเมื่อได้ฟังคำปฏิเสธของผมไปใบหน้าอ้วนก็ทำปากคว่ำทันที
ยังไม่ทันจะคุยอะไรกันอีก ร่างสูงที่เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ลงมานั่งข้าง ๆ น้องฟ้า แล้วหันไปถามน้องฟ้าเบาๆ
“น้องฟ้าทานข้าวเย็นหรือยังครับ” เสียงอ่อนเชียวนะคุณภู
“ฟ้าทานแล้วครับคุณพ่อ ทานกับตุลย์วันนี้มีของโปรดคุณพ่อด้วยนะครับ” ร่างเล็กหันไปกอดแขนคุณพ่อรูปหล่อเงยหน้าถามอย่างน่ารัก
“อืม ทานเลยก็ได้เดี๋ยวจะดึก น้องฟ้าจะได้ขึ้นนอน นอนดึกมันไม่ดีต่อเด็ก นายก็มาทานด้วยกัน กับข้าวเหลือพออยู่เพราะยังไงตุลย์ก็ทานไปแล้วจะได้ไม่ต้องไปหาทานให้เสียเวลาอีก” เมื่อคุยกับลูกชายเสร็จก็หันมาสั่งผมให้ทานข้าวด้วยกันเสียเลย ผมจะปฏิเสธทำไมล่ะครับ ของฟรีแถมยังไม่ต้องเหนื่อยแรงทำเองอีก คำตอบก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าทานสิครับ
จบมื้ออาหารค่ำที่บ้านคุณภูผมกับตุยล์ก็ขอตัวกลับบ้านเราทันทีเพราะนี่ก็เริ่มดึกแล้ว เหนื่อยมากด้วยอยากอาบน้ำนอนแล้วเดินมากกว่าทุกวันอีกสงสัยพรุ่งนี้ปวดขาแน่นอนเลย
ผมเดินจูงมืออวบ ๆ ของตุลย์กลับบ้านหลังเล็กของเราที่อยู่ข้าง ๆ บ้านหลังใหญ่ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย มืออวบกระตุกมือผมเบา ๆ
“น้ากันต์ ตุลย์ว่าเราต้องเริ่มแผนการจีบน้องฟ้าได้แล้วนะ วันนี้มีเด็กข้างห้องมาแอบมองน้องฟ้าด้วยล่ะ ตุลย์จะได้รีบเป็นแฟนน้องฟ้า แล้วจะได้รีบกันพวกมดปลวกที่จะมาจีบน้องฟ้าให้พ้น ๆ เสียที รำคราญจะแย่” เสียงเล็กออกมาจากปากเด็กอ้วนเสียงเข้มเชียวครับ
“หือ~~~ มีคนมาจีบน้องฟ้า ตุลย์รู้ได้ยังไง เขาอาจจะแค่มาหาเพื่อนที่เขารู้จักในห้องตุลย์ก็ได้นี่นา” ผมเอ่ยถามพร้อมก้มลงไปมอง สบตากับร่างเล็ก ๆ ที่มองมาที่ผม
“รู้สิ มันออกมาจากสายตาเด็กคนนั้นเลยนะน้ากันต์ แถมเด็กนั่นยังเดินเข้ามาแล้วเอาขนมมาให้น้องฟ้าด้วย อย่างนี้ไม่เรียกว่าจีบจะเรียกว่าอะไร ตุลย์ไม่ยอมหรอกนะ บอกไว้ก่อนเลย น้องฟ้าของตุลย์คนเดียวเท่านั้น ใครหรือคนอื่นอย่าคิดมาแย่งเชียวไม่งั้นอย่าหาว่าพี่ตุลย์คนนี้ไม่เตือน” เด็กอ้วนของผมเอ่ยออกมา ทำเสียงเข้มเชียว
“ครับ ๆน้ากันย์รู้แล้ว เดี๋ยวจะช่วยให้หลานชายสุดหล่อของน้าสมหวังในความรักให้ได้เลย น้ากันต์เอาหน้าหล่อ ๆ ของน้ากันต์เป็นประกันเลย” ผมเลยตอยกลับด้วยสำเสียงร่าเริ่ง ให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นไปด้วย
แค่นั้นแหล่ะ ใบหน้ากลมตาโต ยิ้มตอบจนตาหยีมาเลยทีเดียว ซึ่งผมก็คิดว่าจะหาแผนอะไรที่จะทำให้หลานชายสุดที่รักคนนี้สมหวัง ให้คว้าใจน้องฟ้ามาให้ได้ เราเดินกลับบ้านกันอย่างมีความสุขทั้งน้าหลาน ผมชอบนะบรรยากาศแบบนี้มันอบอุ่น ถึงแม้ว่าพี่สาวและพี่เขยจะไม่ได้อยู่กับเราก็ตาม เราจะมีความสุขเผื่อคนทั้งสองที่เฝ้ามองเราจากบนฟ้าให้ได้เลยผมสัญญา
**********************************************************************************
มาเงียบ ๆ แอบดูอยู่ทุกวันแต่เพิ่งเขียนจบ หอที่ย้ายมาก็ยังไม่ได้จัดของเลยค่ะ
ของยังอยู่ในกล่องเหมือนเดิมต้องรอวันหยุดถึงจะได้รื้อออกมา
จะรีบมาลงตอนต่อไปนะคะ สัญญา ^_^