จบแล้วๆๆๆๆๆ
รีบตัดจบ แบบรวบสองตอนเลยทีเดียว
เพราะวันนี้จะได้ใช้คอมที่ทำงานเป็นวันสุดท้ายแล้ว
เหอเหอ
ต่อๆๆๆๆๆๆ
น้องแมวน้อยยูยะ
“เฮ้อ ให้ตายสิ ฉันไม่ได้อยากจะไปงานเต้นรำบ้าบออะไรนั่นสักหน่อย แต่เอาเถอะ ไปแค่นี้คงไม่เสียหายอะไรหรอก ถือซะว่าไปเดินเล่นแล้วกัน แล้วเจ้าชายอะไรนั่นก็คงจะไม่มาถูกใจฉันเหมือนอย่างในนิทานด้วย” พูดกับตัวเองขณะที่อยู่ในรถม้าเพียงลำพัง เฮ้อ เซ็งชะมัดเลย เมื่อไรเขาจะได้กลับบ้านซะที ให้ตายเถอะ
“ถึงแล้วครับ” ยูยะยิ้มน่ารักแล้วเปิดประตูรถม้าให้ทัตสึยะลง
โอ้โห! ใหญ่อย่างกับวังแน่ะ ...เออเนอะ ก็วังนี่หว่า เกาหัวตัวเองแก้เก้อ ร่างบางเดินเข้าวังไปด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว หน้าตาสวยหวานจึงบึ้งตึงเป็นพิเศษ
ภายในงานเต้นรำหรูหราอลังการงานสร้างมีบางคู่ที่ออกมาเต้นรำกันบ้างแล้ว
ทัตสึยะมองไปรอบลานห้องโถง เขายังไม่เห็นบรรดาพี่สาวเลยสักคน แต่ช่างเถอะ ไม่เห็นต้องสนใจเลย เอ แล้วเขาจะไปไหนดีนะ ไม่มีอะไรน่าทำเลย
นี่เหรองานเต้นรำ น่าเบื่อจะตายชัก เฮ้อ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ กำลังจะเดินไปทางซุ้มของกินด้านใน ที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงามและประณีต เท้าเล็กชะงักเมื่อ
“กรุณาให้เกียรติเต้นรำกับข้าสักเพลงได้หรือไม่ สาวน้อย” เสียงนุ่มเสียงหนึ่งทักขัดความคิดของร่างบาง ทำให้เขาจำต้องหันไปทางต้นเสียง พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว ผมยาวเส้นเล็กสีน้ำตาลเข้ม ยืนส่งยิ้มกว้างจนตาปิดมาให้คนตรงหน้า จนร่างบางอดคิดไม่ได้ว่า ช่างเป็นรอยยิ้มที่สว่างสดใส ราวแสงอาทิตย์ฤดูใบไม้ผลิยิ่งนัก
“เอ่อ ครับ ... เอ้อ ค่ะ” ทัตสึยะตอบรับเต้นรำกับอีกฝ่าย เฮ้อ ก็ยังดีกว่าที่ไม่มีอะไรทำ นั่งหง่าวอยู่คนเดียวที่นี่หรือตั้งหน้าตั้งตายัดของกินทุกอย่างที่ขวางหน้าลงกระเพาะเพื่อฆ่าเวลาล่ะนะ
จากนั้นชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นจึงนำพาร่างบางเข้าสู่วงเต้นรำทันที และชวนทัตสึยะพูดคุย ไม่รู้ว่าถูกใจในหน้าตาอันบูดบึ้งได้ใจหรือใบหน้าหวานใสของอีกฝ่ายกันแน่
“ท่านชื่ออะไรหรือ ข้า...จุนโนะสุเกะ” ชายร่างสูงถามขึ้น มองสบตา ส่งยิ้มหวานไปให้ร่างเล็กในอ้อมแขน
“ฉันอุเอดะ ทัตสึยะ” ถามมาร่างบางก็ตอบไป แต่ไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย เห็นสายตาคนสูงกว่าแล้วเขาทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรทำหน้ายังไงดี สักพักจุนโนะก็เต้นนำให้ออกจากวงเต้นรำ
“ข้าขอเวลาอยู่กับท่านตามลำพังได้หรือไม่” ร่างสูงกล่าวขอ
“ได้สิ” ทัตสึยะพยักหน้ารับ โดยไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ในเมื่อตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าเมื่อยขามาก และคิดว่าเต้นรำต่อไปคงไม่ไหวแล้วด้วย เนื่องจากเขาชอบที่จะเต้นผิดไปเสียทุกที ถึงแม้ว่าเขาจะเคยเรียนเต้นรำมาบ้างก็ตาม แต่นั่นเขาก็เคยเต้นเป็นฝ่ายชาย หาใช่ฝ่ายหญิงไม่ จึงตอบรับอีกฝ่ายไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จนทำให้การเต้นรำเกือบล่มกลางคัน
“ทัตจัง ข้าเรียกเช่นนี้ได้หรือไม่” จุนโนะเอ่ยถามทัตสึยะ มือไม้ชายหนุ่มเริ่มอยู่ไม่สุข คอยลูบไล้ไปที่มือเล็กของอีกฝ่าย โดยที่ทัตสึยะไม่รู้ตัว(เอาให้เนียน : จุนโนะ)
“อืม ตามใจนายสิ” ทัตสึยะตอบกลับ พยายามเสมองไปทางอื่น
“เจ้าเป็นบุตรีของขุนนางท่านใดกัน” ริมฝีปากบางของคนที่ตัวสูงกว่าถาม สายตาที่มองมาทำเอาร่างบางทำอะไรไม่ถูก มือใหญ่ก็ทำหน้าที่(ลวนลามร่างบาง)ไปเรื่อย พลางค่อยๆลูบไล้แผ่นหลังเนียนปราศจากสิวเสี้ยน ทำเหมือนโอบ โดยไม่ให้คนข้างๆรู้สึกตัว!
“เอ่อ คือ ....” ร่างบางเริ่มรู้สึกตัวว่าถูกสายตาคมจ้องมองอย่างมีความหมาย ทำให้ใบหน้าเขาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ และแล้ว ทันใดนั้น
แต๊ง! แต๊ง! แต๊ง! เสียงนาฬิกาดังขึ้นบอกเวลาเที่ยงคืน ทำให้ทัตสึยะตื่นจากภวังค์ที่คนข้างๆสร้างขึ้นทันที ร่างบางเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองโดนลวนลามไปมากเพียงใด ทำให้เลือดขึ้นหน้าขึ้นมาทันที ลืมหมดแล้วความเขินอายที่มีเมื่อครู่ มีเพียงความโมโหเท่านั้น! บังอาจมาทำอย่างนี้กับคนอย่างฉันเหรอ! พลั่ก!!! เสียงหมัดขวาตรงกระทบหน้าใครบางคนเข้าอย่างจัง จนอีกฝ่ายเสียหลักล้มลงไปก้นกระแทกพื้นทันที ทัตสึยะใช้จังหวะนี้วิ่งหนีไปเพื่อขึ้นรถม้าที่จอดไว้ แต่ขณะที่ลงบันไดนั้นลำบากที่สุด ต้องคอยยกกระโปรงขึ้นไม่ให้กรอมเท้า เพราะอาจตกบันไดคอหักตายได้ ระหว่างที่ระวังกระโปรงอยู่ จึงทำอะไรบางอย่างหล่นโดยไม่รู้ตัว
เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ร่างบางวิ่งขึ้นห้องทันที
“เชี่ย!! บังอาจมาลวนลามกรูได้ ให้ตายเถอะ มันน่าซัดอีกสัก 2-3 หมัดก็ดี โว๊ยยยยย ไอ้คนบ้าหื่นกาม!!! เมิงจะไปตายที่ไหนก็ไปเลยไป๊” ทัตสึยะพูดกับตัวเองเสียงดัง ให้ตายเถอะ ไม่น่าไปเลยจริงๆงานนี้ เปลืองตัวชะมัด เฮ้อ ..........
เช้าของอีกวัน
ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง! เสียงออดดังขึ้น
“ค่ะ อุ้ย ...” พี่สาวคนรองมาเปิดประตู แต่เมื่อเห็นผู้ที่มาด้วยกลับพูดไม่ออกทันที
“อะไร ใครมากันแต่เช้าเนี่ย” พี่สาวคนโตกล่าวขึ้นอย่างรำคาญเมื่อท่าทางของน้องสาวตัวเอง
“อุ้ย! ท่าน” เมื่อเห็นว่าใครมาก็เป็นต้องอุทานเหมือนกันออกมาราวกับนัดกัน
“ใครมากันน่ะ อุ้ย ท่านคะ เชิญเข้ามาก่อนค่ะ” เสียงหญิงสูงวัยของแม่(เลี้ยง)ที่เดินเข้ามาทีหลังเอ่ยเชิญชวนให้เจ้าชายและคณะเข้ามาพักผ่อนในบ้านเสียก่อน และรีบให้คนรับใช้คนอื่นไปเอาน้ำชามาเลี้ยงรับเจ้าชายกันให้วุ่น โดยไม่ยอมให้ทัตสึยะเอาน้ำมาให้เหมือนทุกครั้ง
“อรุณสวัสดิ์ครับ ต้องขออภัยที่มารบกวนแต่เช้า ข้ามาเพื่อที่จักถามบางอย่างกับท่าน ท่านเคยพบหญิงผู้นี้หรือไม่” คนสนิทของเจ้าชายกล่าวถามออกไปอย่างสุภาพดังที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี พลางชูรูปในมือใบหนึ่งให้ดู
“เอ่อคือ ... ” แม่เลี้ยงพูดไม่ออกทันที เพราะในรูปนั่นก็คือ ทัตสึยะหรือซิลเดอเรลล่าที่เจ้าตัวเข้าใจนั่นเอง
“อุ้ย ขอโทษที ไม่ทราบจริงๆว่ามีแขก” เสียงจีบปากจีบคอที่ฟังดูแล้วกวนอวัยวะเบื้องล่างดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่เฉยสนิทบ่งบอกถึงความตั้งใจมารบกวนปรากฏขึ้นที่อีกมุมห้อง เมื่อร่างบางที่บังเอิญเดินผ่านมาที่ห้องโถงนั่นพอดี
“โอ้ ท่านนั่นเอง ที่ข้าเฝ้าตามหา ทัตจังยอดหญิงแห่งดวงใจข้า” เสียงนุ่มพูดขึ้นเสี่ยวได้ใจ เมื่อทัตสึยะมองไปยังผู้พูดเป็นต้องชะงักทันที นั่นมัน... ไอ้คนบ้าหื่นกามเมื่อคืนนี้นี่ แล้วมันมาทำอะไรที่นี่วะเนี่ย
“เจ้าชายพะยะค่ะ ใช่หญิงผู้นี้จริงๆด้วยที่เจ้าชายทรงตามหา” คนสนิทของเจ้าชายเอ่ยขึ้น ทำให้ทัตสึยะงงเป็นไก่ตาแตกทันที หา เจ้าชาย!! ไอ้บ้านี่หรือเจ้าชาย!
“เจ้าจักว่าอันใด หากข้าจักขอเจ้าแต่งงาน” จุนโนะกล่าวขอทัตสึยะแต่งงาน โดยร่างบางไม่ทันได้ตั้งตัว
“...ไม่!! ใครจะไปอยากแต่งงานกับแกเล่า ไอ้...” ทัตสึยะพูดขึ้นเสียงดัง ใครจะไปยอมไม่มีทางเด็ดขาดไอ้บ้าหื่นกาม อ้อ ที่แท้มันก็เป็นเจ้าชายสินะ งั้นก็ต้องเป็นเจ้าชายบ้าหื่นกามน่ะสิ เชอะ คิดแล้วก็สะบัดหน้าไปอีกทาง
“เอ่อ ซิลเดอเรลล่าจ๊ะ ตอบรับแต่งงานกับเจ้าชายไปสิจ๊ะ” แม่เลี้ยงกล่าวเสียงหวานกับทัตสึยะ แต่แววตาบอกว่า แกจะแต่งไม่แต่ง ก็ถ้าซินเดอเรลล่าไม่ยอมแต่งเธอจะเกาะใครกิน ค่าใช้จ่ายภายในบ้านก็แทบจะไม่มีเหลือกันแล้วเดี๋ยวนี้ และเธอก็ไม่หวังอะไรมากนักแล้วกับลูกๆของเธอ
“เออ ก็ได้” ทัตสึยะตอบกระแทกเสียงลงไป เนื่องจากเขามีลางสังหรณ์บางอย่างที่ทำให้รู้ว่า เขาจะไม่ต้องอยู่ที่นี่ไปจนตลอดชีวิตแน่ จึงตอบตกลงไปอย่างนั้นเอง โดยที่ลืมนึกถึงเรื่องที่สำคัญกว่านั้นไปเสียสนิท
และแล้วงานอภิเษกสมรสก็ถูกจัดขึ้นในวังอย่างอลังการงานสร้าง เมื่อค่ำคืนแรกของการแต่งงานมาถึง ในห้องนอนที่กว้างใหญ่ไพศาล อาจใหญ่กว่าบ้านทัตสึยะทั้งหลังอีกก็เป็นได้ มีชายหญิงคู่หนึ่งเล่นวิ่งไล่จับกันทั่วห้อง และมีเสียงโวยวายดังขึ้นไม่หยุดหย่อน
“หยุดนะ ไอ้เจ้าชายหื่นกาม” ทัตสึยะตะโกนร้องขึ้น สองเท้ายังทำหน้าที่วิ่งต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ
“ไม่หยุดหรอก อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องกลายเป็นของข้าอยู่ดีนั่นแหละ” จุนโนะไม่เพียงแต่ไม่หยุดวิ่งไล่ทัตสึยะเท่านั้น ยังพูดมาให้ทัตสึยะได้โมโหเล่นเสียอีก
“บ้า อ๊ะ!!...” ทัตสึยะที่สะดุดขาตัวเองกำลังจะล้มหน้าฟาดพื้นเดี๋ยวนี้แล้ว อ๊ากกกกกก ช่วยด้วย !!! ถ้าล้มหน้าฟาดพื้นไปต้องเสียโฉมแน่เลย ทัตสึยะหลับตาแน่นอย่างพยายามเตรียมตัวเตรียมใจรับกับชะตากรรมที่จะต้องประสบ ทันใดนั้นจุนโนะก็เข้ารับตัวทัตทัตสึยะเอาไว้ และถือโอกาสนี้อุ้มร่างบางไปที่เตียงทันที!! จากนั้นจัดการทาบทับตัวเองลงไปบนร่างบางที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ได้แต่ร้องโหวกเหวกโวยวายอยู่ด้านล่าง
“ออกไปนะ! ไอ้บ้า! ไอ้เจ้าชายหื่นกาม!” ร่างบางพยายามดันร่างสูงออกไป ดิ้นอย่างสุดแรงก็หาได้กระเทือนผู้ที่อยู่ด้านบนไม่ ใบหน้าหล่อนั้นใกล้เข้ามาทุกขณะ
“อ๊ากกกกกกก อย่าน้าาาาาา” ร่างบางหลับตาแน่น...
“นี่คุณ คุณ เป็นอะไรมากหรือเปล่า” เสียงใครคนหนึ่งเรียกร่างบาง เป็นเสียงที่ฟังดูคุ้นหูมากมาย ใครกันนะ หน้าตาคุ้นจัง เมื่อร่างบางค่อยๆปรือเปลือกตาขึ้นมามองอย่างเต็มตาแล้วก็ถึงกับร้องเสียงดังลั่นออกมาทันที
“อ๊ากกกกกกกกกก อย่านะ! อย่าเข้ามานะ! ไอ้เจ้าชายหื่นกาม” จากนั้นทัตสึยะจึงรีบวิ่งหนีออกจากห้องพยาบาลทันที
“เฮ้ คุณออโรร่า คุณออโรร่า เดี๋ยว~” จุนโนะเรียกอีกฝ่ายแล้ววิ่งตามออกไปข้างนอกเช่นกัน
เรื่องราวความรักที่แสนวุ่นวายของซิลเดอเรลล่าและเจ้าชายบ้าหื่นกามนั้นยังคงไม่จบลงง่ายๆแน่นอน
อยากรู้หรือเปล่าว่าทำไมจุนโนะถึงเรียกทัตสึยะว่าออโรร่า 555+ กร๊ากกก
…………..THE END……………
รูปจุนโนะกับทัตจัง น่ารัก
ทางุจิสไมล์ 555
เอาไว้มีอารมณ์จะแต่งฟิคคู่นี้ต่อแล้วกัน
จริงๆมีหลายเรื่องนะ หลายคู่ในเรื่องเดียวกันแหละ
แต่หมดไฟซะก่อน คิดไม่ออกมาหลายปีดัก
แต่งค้างไว้กี่เรื่องๆก็คิดมุกไม่ออกซักเรื่อง เรื่องมันเศร้า
จะแต่งเรื่องใหม่ก็คิดพล็อตไม่ออก
ยังไงก็ฝากผลงานเรื่องนี้ด้วยนะคะ
วันหลังจะเอาเรื่องสั้นมาลงอีก มีอีก 2 เรื่อง 555
ขอบคุณที่อ่านมันจนจบนะคะ