บทส่งท้าย
ปี 3 เทอม 2
เริ่มเข้าเทอมใหม่ แน่นอนว่าเด็กศิลป์อย่างพวกผมต้องมาพบเจอกับระเบียบฯวิจัยซึ่งไม่ใช่ทางถนัดเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ถือเป็นบททดสอบก็แล้วกัน ไอ้ผิง ไอ้โก๋ ไอ้เชี่ยว นัดรวมตัวกันที่หลังห้องปั้น ปรึกษาหารือเรื่องฝึกงานช่วงซัมเมอร์ ไอ้เชี่ยวจะหาแนวร่วม
“เออ มึงสนใจกันไหมวะ อย่างน้อยๆก็ได้ประสบการณ์ พอเราขึ้นปีสี่ก็ลุยเรื่องศิลปะนิพนธ์อย่างเดียวเลย”ไอ้เชี่ยวพูดจบมันคอยมองสีหน้าท่าทางของพวกผมที่เหลืออย่างมีความหวัง ผมก็ว่าน่าสนใจ มีรุ่นพี่หลายคนไปหาประสบการณ์ช่วงซัมเมอร์ถึงจะไม่ใช่การฝึกงานจริงๆเพราะช่วงเวลาของซัมเมอร์มันสั้นๆเอง ไอ้โก๋มุ่นคิ้วท่าทางลังเล ผมคิดว่ามันสนใจแต่อาจยังไม่แน่ใจ ส่วนไอ้ผิงมันไม่ไปหรอกมีงานต้องช่วยที่บ้าน ไม่ก็งานของมันเอง
“กูว่าก็น่าสนใจดี”ผมบอกมัน แต่ถ้าหากผมไปซัมเมอร์ พี่ท็อปก็คงกลับจากฝึกสหกิจพอดี ไอ้เชี่ยวพูดขึ้นมาเหมือนอ่านใจออก
“ลังเลเพราะแฟนเหรอไง”มันส่ายหน้าแล้วหัวเราะเบาๆทำนองว่าหมดหวัง
“ถ้ามึงอยากไป ไม่ต้องหาข้ออ้างหรอก”ไอ้ผิงออกโรงด้วยอีกคน ผมนิ่งคิดอย่างลังเล ปรึกษาพี่ท็อป เจ้าตัวคงบอกให้ผมคิดเอง “กูไป”ไอ้โก๋พูดเสียงดังฟังชัด มันตัดสินใจได้แล้ว มันยิ้มกับผม ไอ้เชี่ยวตบมือเข้าหากัน สีหน้าสดชื่นขึ้นกว่าหลายนาทีที่ผ่านมา ไอ้โก๋มันรู้ใจผมพอสมควร มันรู้ว่ากำลังลังเลอะไร เรื่องอะไร
พี่ท็อปไปฝึกงานแล้ว ความรู้สึกแรกหลังจากที่พี่ท็อปไปฝึกงานเเล้วคือ เงียบเหงา ผมเป็นคนขี้เหงา และขี้เบื่อ ผมคิดว่าข้อนี้มันไม่เปลี่ยน ผมฆ่าเวลาด้วยการไปสตูฯกับเพื่อนๆ ใช้เวลากับคนอื่นๆทำให้ผมไม่คิดฟุ้งซ่านมากนัก
ตั้งแต่เปิดเทอมสองมาพอมีเวลาว่าง ผมก็เลยมีโอกาสไปตลาดนัดมอแล้วเจอเจ้าแคคตัสเลยตัดสินใจซื้อมาเลี้ยง ตอนนี้ผมก็ซื้อกระถางดินเผารูปแบบต่างๆมาใส่แคคตัส ให้ดูสวยงาม ผมเลี้ยงเจ้าแคคตัสมารวมๆแล้ว 10 กระถาง เป็นอิชินอปซิส ดอกสีขาว คอนโดนางฟ้า ดิสโก้ แมมขนนก และนูดัมปนๆกันไป ผมเลี้ยงดูปูเสื่อพวกมันอย่างดี ดูๆไปมันก็สวยดี เพลินตาดี ผมเลยไปซื้อหนังสือแคคตัสมาอ่านบ้างเพราะสนใจพวกมัน เดี๋ยวนี้คนก็นิยมเพาะ นิยมเลี้ยงแคคตัสพืชต้นเล็กๆแบบนี้
ส่วนพี่ท็อปพอเห็นว่าผมเลี้ยงแคคตัสเจ้าตัวเลยซื้อมาเลี้ยงไว้บ้าง แต่แค่สามต้น ซึ่งหน้าตาออกจะดุดัน ทั้งยิมโนหัวสี กับแอสโตร แคปริคอน อันกลมๆขนาดใหญ่กว่าไอ้พวกเด็กๆที่ผมเลี้ยงอีก เจ้าตัวไม่สนใจความสวยงามเลยแฮะ “น่ารักสมเป็นมึง”พี่ท็อปแอบเหน็บเมื่อเห็นหน้าตาแคคตัสของผม
..............
ผมมาทำงานที่คณะตามปกติ นั่งสิงสถิตที่ห้องปั้น มีไอ้โก๋อยู่เป็นเพื่อนเพราะมันกำลังทำงานปั้นกับรุ่นน้องมัน
“ว่างๆก็ช่วยกูหน่อยก็ได้นะเว้ย จะได้มีอะไรทำไงวะ”มันเงยหน้าจากงานปั้น ที่ขึ้นเป็นรูปเป็นร่างบ้างเเล้ว มีรุ่นน้องมันยืนมองตาปริบๆอย่างไม่ช่วยอะไร
“แล้วจะให้กูเสือกแทรกอยู่ตรงไหนของงานมันวะ”ผมบ่น ก่อนจะมองไอ้โก๋ที่ขูดดินส่วนเกินออกจากแผ่นปั้นไป มันสอนงานรุ่นน้องมันสองสามนาทีแล้วล้างมือ ก่อนจะเดินมาหาผมด้วยสีหน้าประหลาดๆ
“มีอะไร”ผมเอ่ยถาม
“มีเรื่องอะไรจะขอร้องหน่อย”
“อย่ามาสลิด”
“เออ ไปช่วยกูทำซุ้มหน่อย ไอ้ผิงก็ไม่ว่าง”
“โอเค”
“ดี”ไอ้โก๋มองผมด้วยรอยยิ้มประหลาด
ช่วงเย็นที่คณะครึกครื้นไปด้วยเหล่าปีหนึ่ง และปีสอง เป็นส่วนใหญ่ พวกเด็กๆมาช่วยงานของแต่ละสาขา ผมกับไอ้โก๋ช่วยกันจัดซุ้มขายของ ไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมายเพราะจัดแค่สองวัน ส่วนมากก็หาของเหลือใช้จากห้องเพ้นท์ มีพวกกระดาษสเก็ตแผ่นใหญ่ เอามาตั้งเป็นฉากได้ โซนที่ผมได้มันก็แค่บล็อกสี่เหลี่ยมผืนผ้านาดเท่าๆกัน Background ด้านหลัง
จึงใช้เป็นผ้าสีดำ ประดับด้วยหลอดไฟ ห้อยลงมาสี่ห้าดวงสลับสั้นยาวกันไป แสงไฟถูกปรับไส้ให้เป็นสีโทนเย็น พวกสีฟ้า สีเหลืองนวล สีส้ม พอจะตัดกันได้ ส่วนด้านข้าง ก็ขึงด้วยด้ายเส้นใหญ่ มีไม้หนีบ สำหรับโชว์กระเป๋าผ้าต่างขนาด มีพวกสร้อยข้อมือ แหวน Hand makes ตั้งอยู่ตรงกลางเป็นโซนเล็กๆของผมเอง มีกระจกทรงกลมขนาดเล็ก
หลังจากที่จัดของเสร็จ ไอ้ผิงก็โผล่หัวมาพอดี ไอ้โก๋พ่นไฟใส่มันไม่ยั้งโทษฐานอู้ไม่มาช่วยกัน มันแค่ยักไหล่ ทำหน้าตากวนประสาท
“นึกว่าจะมีอะไรให้ช่วย”มันว่า
“พูดแบบนี้กูรื้อของออกให้หมดดีกว่า”ไอ้โก๋สวน
“เออ ที่กูมากะจะมาให้กำลังใจเพื่อนๆ แล้วก็...”มันทำเป็นพูดกระแดะ ก่อนจะหันมาทำหน้าตามีลับลมคมในกับผม ไอ้โก๋มองหน้ามันก่อนจะเลิกคิ้วสงสัย “อะไร”
“กูไม่อยากให้มึงคิดมากนะสอง”มันเริ่มแบบนี้ มันคงยิ่งกว่าต้องการให้ผมคิดมากน่ะสิ ร้ายกาจจริงๆ ผมเดินไปหามัน “ว่ามาสิ เรื่องอะไร”ผมถาม แน่นอนว่า ชื่อพี่ท็อปโผล่มาในใจ ไอ้ผิงมองหน้าผมด้วยสายตานิ่งสงบท่าทางจริงจังกว่าปกติ
“คือ มึงว่าพี่แกไปฝึกงาน อาทิตย์นี้ยังไม่กลับมาบ้านใช่ป่ะ”
“เออ เห็นว่าต้องอยู่กับแม่”
“เหรอ แต่กูเจอพี่แกที่เซ็นทรัลในเมือง”ไอ้ผิงพูด ผมชะงักไป ไม่อยากเชื่อที่มันพูดด้วย
“จริงเหรอ”ผมถามมันด้วยน้ำเสียงสูงกว่าปกติ เหมือนไม่ใช่เสียงตัวเอง
“เออ กูไม่ได้พูดอำ กูเห็นจริงๆ นั่งอยู่ร้านเชสเตอร์กริล เหมือนรอใคร เพราะกูเห็นมีแก้วน้ำสองใบ”ไอ้ผิงเล่า ผมเหลือบมองไอ้โก๋ที่ทำหน้าจริงจัง ผมขมวดคิ้ว รู้สึกใจหายแบบแปลกๆ พี่ท็อปไม่มีทางนอกใจผมแน่ๆ เพราะเจ้าตัวเกลียดเรื่องแบบนี้และไม่มีทางทำแน่ๆ ขนาดแม่พี่ท็อปยังเคยพูดกับผม แต่ไอ้เรื่องปกปิดมกเม็ดจากผม อันนั้นผมไม่รับประกัน ผมไม่เคยก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวของพี่ท็อปเลย ถึงจะไม่ได้ชอบใจที่อีกฝ่ายมีความลับก็เถอะ
“มึงเห็นหรือไงว่ามากับคนอื่นจริงๆ”ผมย้ำ
“ไม่รู้ดิ มีแก้วน้ำอีกใบ คงมากับใครสักคนแน่ๆ ไม่ได้ใส่ไฟ แต่กูเดินวนสองสามรอบ ไม่เห็นใครนอกจากพี่ท็อป แต่มีแก้วน้ำฝั่งตรงข้ามแสดงว่ามีคนนั่ง...ใช่ไหมล่ะ”ไอ้ผิงหันไปหาไอ้โก๋ที่ฟังเงียบๆ ผมรู้สึก...ไม่อยากเชื่อมากกว่า พี่ท็อปอาจมีนัดสำคัญจริงๆ แต่ทำไมต้องมาที่เซ็นทรัลฯแถวนี้ ไม่ใช่ที่ชลฯล่ะ
“อืม...มึงคิดว่าไง”ผมไม่อยากคิดเป็นตุเป็นตะ ไม่อยากมานั่งคิดมากให้ปวดหัว ผมเกลียดความรู้สึกระแวงไม่ไว้ใจที่จะเกิดกับพี่ท็อป
“คิดว่าคงมากับใครสักคน อาจเป็นเพื่อนก็ได้ แต่ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ ไม่บอกมึงด้วย นี่คือประเด็น”เพราะไม่อยากให้ผมรู้ไง แค่นั้น
“อือ แต่ก็ฟันธงอะไรไม่ได้ว่าพี่แกจะมากับคนอื่น อาจเป็นธุระสำคัญมากๆก็ได้นะเว้ย”ไอ้โก๋พูดต่อเหมือนไม่อยากให้ผมคิดมาก ผมไหวไหล่ ปกติ ผมไม่ใช่พวกใจร้อน คงต้องรอดูต่อไป...
“ยังไงก็ต้องดูต่อไปเรื่อยๆ กูก็ไม่ได้ตัวติดกับพี่ท็อปนี่”
“หาใครไปช่วยดูก็ไม่ได้ แล้วพี่ธามล่ะ แกฝึกงานที่ไหน”
“แถวในเมืองนี่แหละ จะมีก็พี่อิฐล่ะมั้งไปฝึกที่ชลฯเหมือนกัน”แต่ผมคงไม่อยากให้ไปสืบอะไรหรอก แอบกลัวนิดหน่อยเพราะผมมั่นใจว่าพี่ท็อปจะไม่นอกใจ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ สิ่งเร้ารอบตัวมันก็เยอะ ยิ่งไปอยู่ในสังคมใหม่ เจอคนหลายประเภท จะเจอประเภทที่พี่ท็อปชอบหรือเปล่านะ จะว่าไปผมก็ไม่เคยถามว่าสเป็คของพี่ท็อปเป็นแบบไหนเหมือนกัน
“อือ กูทำให้มึงเครียดใช่ป่ะวะ”
“นิดหน่อย”ผมบอก แต่ไม่อยากเก็บมาใส่ใจ
“เอาน่า นี่แค่ข้อเท็จจริง ออกได้สองหน้า”ไอ้โก๋ว่า มันพยายามทำให้ผมรีแลกซ์ ผมถอนหายใจ ผมไม่เคยคิดว่าพี่ท็อปจะทิ้งผมไปหรือไปคบกับคนอื่น ผมไม่ได้มองไปจุดนั้นเลย แค่มองเห็นแต่เรื่องราวปัจจุบันสิ่งที่กำลังจะเกิดมากกว่า หรือพี่ท็อปจะคิดแบบนั้น เรื่องของอนาคต
พี่ท็อปเป็นพวกจอมวางแผน แต่อีกฝ่ายเคยพูดว่าอนาคตที่มีผมอยู่ด้วยคงดีไม่ใช่เหรอ
ผมสบายใจขึ้นมาบ้าง ไม่ได้เก็บเอามาคิดเกิน 40% ของเรื่องที่วนเวียนอยู่ในหัว ผมแยกตัวจากไอ้โก๋ ไอ้ผิงกลับไปที่ห้องเพ้นท์ ไปเก็บของใส่กระเป๋า
เวลาแบบนี้ ผมอยากโทรหาพี่ท็อป อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้าด้วย ผมลองโทรไปหาพี่ท็อป แต่เจ้าตัวไม่รับ ผมมองโทรศัพท์ที่เด้งประวัติการโทรออกมาด้วยใจลอย มีไลน์เด้งมาหาจากพี่ท็อป
‘ตอนนี้ยังคุยไม่ได้ ไว้โทรกลับนะ’ ผมมองข้อความที่เด้งมาอย่างครุ่นคิด ทำไมกันนะ? ผมสงสัยเหลือเกิน
ผมกลับหอพัก ด้วยอารมณ์หมองหม่นเหมือนฟ้าในวันฝนตก
....
เข้าสัปดาห์ที่ 2 ผมกับพี่ท็อปก็ยังคงคุยกันปกติ เหมือนทุกครั้ง บางทีไอ้ผิงมันคงคิดมากไปเอง อาจจะมีธุระกับใครก็ได้ งาน street art เริ่มตั้งแต่วันนี้ ผมอยู่ซุ้มกับไอ้โก๋ ไอ้ผิงไปช่วยพวกไอ้เชี่ยวอีกซุ้มนึงแทน กระจายตัวกันไป เด็กปีหนึ่งในมอมาเลือกซื้อของกันเยอะเพราะ ก็อยู่หอในกัน กระเป๋าผ้าขายออกได้เยอะกว่าที่คิด คงเพราะราคาถูกกว่าตลาดนัดมอด้วย ต้นทุนของพวกผมก็ไม่สูงนัก เกรดผ้าไม่ได้ระดับพรีเมี่ยม
งาน Street art เริ่มเปิดตั้งแต่ 5 โมงเย็น ล่วงเลยมาถึงเวลา 3 ทุ่มครึ่ง คนเริ่มน้อยลง พวกผมเริ่มเก็บของใส่กล่อง ขณะนั้นเองเสียงคุ้นหูดังขึ้น
“ขายดีไหมจ๊ะ”พี่ธามนั่นเอง ผมหันไปมอง มีพี่แบม กับใครอีกคนที่ผมไม่เคยเห็นหน้า “ถ้าไม่ซื้อก็ออกไปเลยครับ”ผมบอก พี่ธามหัวเราะ “พ่อค้าปากแบบนี้นี่ น่ากระทืบจริงๆ”พี่แบมแทรกตัวเข้ามาหาผม ก่อนจะทำเป็นหยิบกระเป๋าใบหนึ่งมาดู
“นี่พี่จะมาซื้อจริงๆหรือแค่กวนประสาทเนี่ย”
“เปล่า แค่แวะมาดูน้องหน่อย”พี่ธามว่า ผมเหลือบมองไอ้โก๋ที่กำลังเก็บของอยู่อีกฝ่าย มันหูผึ่งแน่นอน
“ก็สบายดีนี่ครับ แล้วพี่ๆล่ะ ฝึกงานเป็นไงบ้าง”
“ก็เรื่อยๆแหละ เด็กฝึกงาน ใครใช้ทำอะไรก็ทำไป”พี่ธามพูด ก่อนจะเดินมากอดคอผม ส่งยิ้มหวานมาให้ ดูท่าทางจะมาปั่นหัวผมเล่นล่ะมั้ง
“พี่ท็อปล่ะ เป็นไงบ้าง”ผมถาม ยังไงซะพี่ธามต้องพูดถึงอยู่แล้ว
“ก็ยุ่งบ้างแหละนะ อยู่ฝั่งนู้นยังไงก็มีงานทำล้นมืออยู่แล้ว...”ผมเงียบ รอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรอีก
“แน่นอนว่าไม่มีเวลาไปกิ๊กกับใครหรอก”พี่ธามบีบไหล่ผมแน่น
“ใครคิดกันล่ะ”ผมทำหน้าตาย
“หึหึ เออ ถ้ามีอะไรก็โทรมาหาพี่ได้นะเว้ย”พี่ธามว่า ก่อนจะผิวปากมองไปรอบๆร้านที่ไม่มีของขายแล้ว พี่แบมเกาจมูกเหลือบมองผมยิ้มๆ
“ที่มาถึงนี่เรื่องแค่นี้เหรอ”
“ก็ส่วนนึงแหละ เออ ไอ้อิฐก็ฝึกใกล้ๆไอ้ท็อป อยากได้เบอร์มันป่ะ”
“เอาไปทำไม”
“อย่ามาไขสือ เอาเป็นสปายไง มีไว้หน่อยก็ดีนะเว้ย”พี่ธามว่า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา ขยั้นขยอให้ผมเมมเบอร์พี่อิฐให้ได้
“โอเคๆ ...พี่ท็อปได้ฝากอะไรมาบอกผมไหม”
“จะฝากกูมาทำไม ก็โทรหากันตลอดไม่ใช่เหรอ”
“มันก็ใช่...แล้วที่พี่มาวนเวียนแถวนี้ เพราะพี่ท็อปสั่งไว้หรือไง”
“ก็ส่วนนึงด้วยแหละ แต่กูก็แค่อยากแวะมาที่มอบ้างไง”พี่ธามบอก คุยกันไม่นาน สามคนนั้นก็กลับ ผมถอนหายใจ ยังไงซะ พี่ท็อปก็ไม่ให้ผมห่างหูห่างตาหรอก ไอ้โก๋เดินมาหา
“เออ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะ”มันว่า มองผมอยู่นาน “กูไม่ได้คิดมาก มีแต่พวกมึงนี่แหละมายุกู”ผมส่ายหน้าอย่างนึกขำ ถ้าพี่ท็อปรู้คงหัวเราะลั่น
ผมได้รับข่าวดีจากพี่ท็อปว่าเสาร์อาทิตย์นี้เจ้าตัวว่าง เลยนัดชวนผมมาหา ส่วนการเดินทางไปพร้อมกับแม่พี่ท็อปเพราะแม่พี่ท็อปก็ตั้งใจว่าจะลงไปหาลูกชายพอดิบพอดี ผมเลยรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง จนแล้วจนรอด ผมก็ไม่ได้ถามว่าพี่ท็อปมาทำอะไรแถวเซ็นทรัลฯ และผมก็ยุ่งจนกว่าจะเก็บมานั่งคิดอีก แต่ไอ้พวกที่เดือดร้อนดันเป็นไอ้เพื่อนๆผมน่ะสิ มันทำตัวเป็นนักสืบ เฮ้อ อยากจะขำให้ฟันร่วงหมดปาก วันศุกร์ผมเก็บกระเป๋าไปหาแม่ที่บ้าน จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้พูดคุยกับแม่พี่ท็อปบ่อยมากนัก ถ้าไม่มีเรื่องอะไรสำคัญหรือเร่งด่วนผมก็ไม่ได้แวะไปที่บ้านหรือโทรหาท่าน
วันนี้ไอ้ทูอยู่บ้านแสดงว่าแม่พี่ท็อปก็อยู่ ผมกดออด ผมเองก็ไม่อยากเสียมารยาทเปิดประตูเข้าไปเอง ถึงพี่ท็อปจะทิ้งกุญแจไว้ให้ผมชุดหนึ่งก็ตาม แม่เดินออกมา สีหน้าดีใจที่เห็นผม
“เอ้าสอง เข้ามาสิจ๊ะ”แม่เปิดประตูให้ ผมยกมือสวัสดีแม่ ไอ้ทูเห่าเสียงดังท่าทางดีใจที่เห็นผม
“ไง...อ้วนปุ๊กเชียว”มันอ้วนมากกว่าเดิมด้วย สงสัยแม่เลี้ยงดี ผมกับแม่เดินเข้าไปข้างในบ้าน
“แม่ไปหาพี่ท็อปทุกอาทิตย์เลยเหรอครับ”ผมลองถามดู แม่พาผมไปนั่งก่อนจะรินน้ำให้ผม
“ไม่หรอกจ๊ะ พอดีเสาร์อาทิตย์นี้ก็ว่างๆพอดีเลยแวะไปหาท็อปมันซะหน่อย เพราะช่วงหลังๆแม่คงไม่ได้บินไปหาแล้วล่ะ งานล้นมือเลย”
“อ๋อ งั้นเหรอครับ”ผมพึมพำ ไม่ได้ติดใจอะไร
คืนนี้ผมมาค้างที่บ้านพี่ท็อป เพราะต้องออกเดินทางช่วงเช้าตรู่ ผมเดินไปที่ห้องพี่ท็อป เห็นแบบนี้ก็ยิ่งคิดถึงเจ้าของห้องจริงๆ ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ ในลิ้นชักมีสมุดสเก็ตของผมเก็บไว้ ผมหยิบออกมาดู ด้านในมีรูปที่ผมเคยวาดไว้นานมาแล้ว ในหน้าหลังก็มีภาพร่างของผมบ้างประปราย ฝีมือพี่ท็อปก็ไม่เลวหรอก
ก่อนเข้านอนผมอาบน้ำอีกรอบเพื่อความสดชื่น ใช้ครีมอาบน้ำของพี่ท็อปแล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึง ผมต้องเป็นบ้าเพราะความคิดถึงแหงๆ
ผมกลับมาที่เตียงนอน แล้วล้มตัวลงนอนเหมือนคนหมดแรง คิดถึงมากกว่าเดิมอีก ผมพลิกตัวนอนหงาย นอนมองอากาศที่ว่างเปล่า อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้ใจจะขาดแล้ว ผมเอื้อมหยิบมือถือ พี่ท็อปจะนอนหรือยัง ลองเช็คในไลน์ ปรากฏว่าพี่ท็อปคอลมาหา
[นอนที่ห้องเหรอ]พี่ท็อปถาม ผมลุกขึ้นนั่งพิงหมอนก่อนจะยื่นหน้าไปใกล้ส่งจุ๊บไปหา
“อือ ใช่ คิดถึงเลยแฮะ”
[ก็เห็นหน้าแล้วนี่ หายคิดถึงยัง]เจ้าตัวหัวเราะเบาๆ ผมเห็นว่าเส้นผมของพี่ท็อปเปียกคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“ก็นิดนึงนะ...”
[พรุ่งนี้ก็เจอแล้ว กูยอมให้ฟัดเลยเอ้า]
“จะเหลือเหรอ”ผมก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องเซ็กส์อย่างเดียวหรอกนะ แต่เชื่อเถอะ เป็นคู่ไหนๆก็ต้องโหยหากันบ้างแหละ
[หึหึ ว่าแต่เป็นยังไงบ้าง งานเยอะหรือเปล่า]
“ก็ไม่เท่าไหร่ครับ งานน้อยแต่ต้องละเอียดกว่าเดิมน่ะครับ”ผมบอก
[อื้ม แล้วแม่ว่ายังไงบ้าง]พี่ท็อปถาม ผมมุ่นคิ้วงง
“แม่ก็ไม่ได้พูดอะไรนี่ ทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า”
[ฮื่อ เปล่าหรอก แม่ได้บอกหรือเปล่าว่าจองโรงแรมไว้ ไม่ได้มาพักที่หอกูนะ]
“เหรอพี่ ก็ดีนะ เป็นส่วนตัวดีออกนะ”ผมบอก นอนโรงแรมก็สะดวกดี
[อยากไปเที่ยวที่ไหนไหม จะได้แพลนไว้]
“ไม่ล่ะ อยากอยู่กับพี่มากกว่า มีเวลาเที่ยวแป๊บเดียวเอง”ผมบอก ช่วงเสาร์อาทิตย์ สองวันเท่านั้น ไปเที่ยวก็เหมือนไม่คุ้ม อีกอย่างผมไม่ได้วางแผนอะไร แค่อยากไปหาพี่ท็อปเท่านั้นเอง
[เข้าใจล่ะ]พี่ท็อปยิ้ม
หลังจากนั้นก็คุยกันอีกไม่นาน ผมชักง่วงเลยขอนอนก่อน พี่ท็อปเองก็เพลียๆเลยวางสายไป ผมล้มตัวลงนอน หลับตาแล้วก็ยังหลับไม่สนิท ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับพี่ท็อปว่าจะทำอะไรกันดีจนเผลอหลับไปเอง
ผมตื่นอีกทีก็เมื่อนาฬิกาปลุก ผมจัดแจงธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วลงไปหาแม่ที่ชั้นล่าง ท่านกำลังเทอาหารให้ไอ้ทู คงต้องฝากป้าแม่บ้านเลี้ยง เมื่อได้เวลาเดินทาง ผมยกของขึ้นรถ แม่เอาของว่างไปฝากพี่ท็อป เพราะเจ้าตัวบ่นอยากกินอาหารฝีมือของแม่
...
..
โรงแรมที่จองไว้ใกล้ๆกับอมตะนคร ทำเลดีใกล้เมือง แหล่งช็อปปิ้งอย่างเซนทรัล ใกล้หาดบางแสนด้วย ไม่อยากจะคิดถึงราคาต่อคืน
“แม่ไม่พักที่โรงแรมเหรอครับ”ผมถามงงๆเมื่อเห็นว่าท่านไม่ได้ลงมา
“อ้าว ท็อปไม่ได้บอกเหรอลูกว่าแม่พักกับเพื่อนน่ะ”แม่บอกด้วยรอยยิ้ม พี่ท็อปนะพี่ท็อป ผมเลยบอกลาแม่ ก่อนจะโทรหาพี่ท็อป เจ้าตัวน่าจะอยู่ที่โรงแรมแล้ว ผมเดินเข้าไปด้านในโรงแรม บรรยากาศดูหรูหราดี ผมเจอพี่ท็อปนั่งอยู่ที่โซฟารับรองพอดี พี่ท็อปดูคล้ำลงนิดหน่อย เจ้าตัวยิ้มหน้าบานเดินมาหาผมทันที
“นึกว่าแม่จะมาหาพี่ซะอีก”ผมพูด จริงๆแล้วแม่มาทำธุระแถวๆอมตะนครนี่แหละ พี่ท็อปเลยถือโอกาสชวนผมมา
“ฮ่ะๆ เถอะน่า...อุตส่าห์อยากเจอ”พี่ท็อปยิ้ม ก่อนจะยื้อแย่งกระเป๋าเดินทางของผมไปสะพายเอง ผมเลยถือแค่กระเป๋าใส่อาหารว่างเท่านั้น
“เจ้าแผนการจริงๆ นี่ผมคบอยู่กับจิ้งจอกร้ายใช่ใหมเนี่ย”ผมบ่นงึมงำระหว่างทางที่เดินไปขึ้นลิฟต์ พี่ท็อปไหวไหล่พร้อมกับยื่นหน้ามาใกล้ๆ
“ไหนว่าคิดถึง แทนที่จะดีใจ อย่าพึ่งบ่นเลยน่า”พี่ท็อปหัวเราะอารมณ์ดี ผมเลยไม่ได้พูดอะไร ไอ้ดีใจก็ดีใจอยู่แล้ว แต่ลงเอยอีหรอบนี้ ผมตกเบี้ยล่างอีกแล้วสิเนี่ย
จนกระทั่งมาถึงห้องพัก เปิดประตูเข้าไป ก็พบว่าห้องกว้าง มีโซฟาหนึ่งตัวกับโต๊ะรับแขก ห้องเป็นสัดส่วนดี ผมวางกระเป๋าลงกับโต๊ะ พี่ท็อปเข้ามากอดผม
“อืม นี่มึงใช้ครีมอาบน้ำของกูด้วยเหรอเนี่ย”พี่ท็อปทำจมูกฟุดฟิดใกล้บริเวณต้นคอผม
“อื้อ หอมป่ะ”
“หอมสิ ถามได้”พี่ท็อปหัวเราะ ยิ้มแยกเขี้ยวเหมือนปีศาจร้าย ผมเลยดันพี่ท็อปออกห่างก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวไปมากกว่านี้
“ไม่ต้องมาทำหน้าระรื่น ไหนลองสารภาพมาสิ ว่าไปทำอะไรแถวๆเซนทรัล”ผมนึกถึงเรื่องที่ไอ้ผิงเล่าให้ฟัง ในเมื่อมันอุตส่าห์ใส่ไฟพี่ท็อปขนาดนั้น เลยถามไปตรงๆ พี่ท็อปทำหน้าเหมือนกลั้นขำ
“เอาจริงดิ ฮ่าๆ นี่ไม่มีใครบอกอะไรมึงเลยเหรอเนี่ย น่าสงสารจังเลย”พี่ท็อปนั่งลงบนเตียงก่อนจะกวักมือเรียกผมให้ไปหา
“หมายความว่าไงอ่ะ”ผมงงๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาพี่ท็อป ผมนั่งลงข้างอีกฝ่าย
“คิดว่ากูมาหาใครกันหืม”พี่ท็อปมองหน้าผม มุมปากมีรอยยิ้มเผยให้เห็นนิดนึง ผมเริ่มไม่แน่ใจว่ากำลังถูกใครต้มอยู่หรือเปล่า
“เปล่านะ ไม่รู้สิ เพื่อนเล่าให้ฟัง ผมก็แค่ตามน้ำไปงั้นเอง”
“หึหึ เห็นนี่ป่ะ ของใครกัน”พี่ท็อปหยิบสร้อยออกมา ผมเห็นเป็นตะกรุดเงินรูปร่างเหมือนเคยเห็นที่ไหน
“เอ่อ...นั่นใช่ของพ่อผมหรือเปล่า”ผมเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ นั่นมันตะกรุดสาลิกาของพ่อผม ซึ่งเก่ามากแล้ว ทำไมต้องเอามาให้พี่ท็อปด้วยล่ะ
“อือ พอดีว่าพ่อโทรมากูน่ะ บอกว่าอยากเจอ ตอนนั้นกะจะให้พ่อมาหาที่ชลฯก็ไกลไป กูเลยกลับไปที่บ้านดีกว่า แล้วพ่อก็ให้ตะกรุดนี่มา รู้ป่ะความหมายว่าไง”พี่ท็อปยิ้มกว้าง ผมมองอย่างไม่ไว้ใจ ต้องไม่ใช่เรื่องดีแหง
“ไม่อยากรู้แล้ว พอๆ”ผมบอกห้าม พี่ท็อปหัวเราะ
“คราวหลังอย่าไปฟังเพื่อนมึงเลย สงสัยมันคงแกล้งมึงนะ”พี่ท็อปบอก ก่อนจะเก็บตะกรุดไว้ที่อื่นแทน พ่อลงทุนมาหาพี่ท็อปคงมาคุยอะไรด้วยน่ะสิ
“คุยเรื่องอะไรกันเหรอพี่”ผมถาม
“ก็เรื่องของเรานั่นแหละ จำได้ป่ะ ที่กูบอกว่าอยากไปอยู่ที่บ้านมึง กูก็กำลังคิดปรึกษากับแม่ดู ...ก็แค่ความคิดน่ะ”พี่ท็อปเอ่ยก่อนจะมองหน้าผมไปด้วย พี่ท็อปอยากไปอยู่บ้านผมจริงๆน่ะเหรอ ผมยิ้ม
“จริงดิ คงเป็นเรื่องอีกไกลเลยเนอะ”ผมพึมพำ
“เออ กูเห็นมึงชอบ เลยเอามาให้ดู”พี่ท็อปเดินไปที่ด้านนอกระเบียง ผมเดินตามออกไปดู ที่ริมระเบียงมีแคคตัสยิมโนหัวสี หนึ่งกระถางกำลังโตเลย ดอกสีชมพูสวย พี่ท็อปเลี้ยงจนออกดอกหรือไปซื้อมากันนะ
“ของพี่เหรอ”
“ให้มึงต่างหาก”พี่ท็อปบอก ผมมองหน้าอีกฝ่าย
“ขอบคุณครับ”ผมบอก ก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มพี่ท็อปซะเลย ทำตัวน่ารัก
“จะได้คิดถึงกูไง ป่ะ เข้าไปด้านในดีกว่า นี่กูอุตส่าห์ทำโรแมนซ์จองโรงแรมไว้เลยนะ ไหนอ่ะ กำไรของกู”พี่ท็อปพูด นี่คือตัวอย่างของการทำบุญหวังผลสินะ ผมยิ้ม
“ยังเช้าอยู่เลย พี่นี่หื่นทุกเวลา”ผมบอก ก่อนจะเดินสำรวจห้อง แวะไปดูห้องน้ำ มีอ่างให้ลงไปแช่ด้วย อืม แบบนี้ค่อยน่าสนุกขึ้นมาหน่อย แต่แคบไปหน่อย ผมเดินออกมา เห็นพี่ท็อปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าของผมอยู่ เจ้าตัวหยิบเสื้อยืดออกมาดม ทำอะไรโรคจิตจริงๆ
“ทำอะไรพี่”
“แค่ดมว่ากลิ่นเดียวกันหรือเปล่า”พี่ท็อปหัวเราะ ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าตามเดิม แล้วเปิดกระเป๋าอาหารของแม่ออกมาดู แล้วทำหน้าพอใจ
“เยี่ยมไปเลย”เจ้าตัวพูด
ระหว่างนั้นผมขอนอนพักผ่อนสักชั่วโมงสองชั่วโมงเพราะว่าเพลียจากการเดินทาง ก่อนจะหลับผมเห็นพี่ท็อปก็มานอนข้างๆเหมือนกัน เจ้าตัวพูดอะไรสักอย่างที่ผมได้ยินไม่ชัด
...
..
.
[...สองมันหลับอยู่ครับ...ฮ่ะๆ พ่อก็น่าจะบอกมันสักหน่อย...] ผมตื่นเมื่อได้ยินเสียงของพี่ท็อป ฟังแล้วคงคุยโทรศัพท์กับพ่ออยู่สินะ หึ พ่อนี่ก็ใช่ย่อยเลยนะ มาทำเป็นลับลมคมในกับลูกชาย
[ครับ จะดูแลอย่างดีครับ]
ผมลืมตา เห็นพี่ท็อปนั่งคุยอยู่ตรงโซฟา เจ้าตัวเหลียวหน้ามามองผมแล้วยิ้มให้ คุยกับพ่อไม่นานก็วางสายไป
“พ่อโทรมาหามึง แต่กูรับแทนน่ะ แค่โทรมาถามว่าถึงโรงแรมหรือยัง”พี่ท็อปเดินมาหาผมที่เตียง พ่อก็รู้ด้วยเหรอเนี่ย ผมบิดขี้เกียจ ก่อนจะเข้าไปออเซาะแฟนซะหน่อย
“ใจร้ายจังน้า สนุกล่ะสิได้แกล้งผมน่ะ”ผมบ่น ก่อนจะดึงแขนพี่ท็อปให้ลงมานอนข้างๆผม เจ้าตัวก็ไม่ขัดล้มตัวลงนอนกับผม
“กูไม่รู้นะว่ามึงคิดแบบนั้น ทำไมไม่โทรถามเลยล่ะ”
“ฮึ มันไร้สาระ เรื่องจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ไง”ผมบอก พี่ท็อปจ้องผมตาใส
“ฮึๆ ตลกน่ะมึง ก็คิดมากเหมือนกันไม่ใช่เหรอไง ปากแข็ง”พี่ท็อปดีดหน้าผากผมเบาๆ
“ฮ่ะๆ อือตลกจริงๆนั่นแหละ”ผมว่า แล้วเห็นว่าเจ้าตัวดูแข็งแรงดี อีกอย่างเหมือนว่าหุ่นจะกลับมาฟิตแล้วล่ะ
“เราจะทำอะไรต่อกันดีล่ะ พรุ่งนี้ด้วย”พี่ท็อปเอ่ยขึ้น ขยับมานอนตะแคงมองผมด้วยสายตาละมุนละไม ผมยิ้ม
“ก็...พักผ่อนตามอัธยาศัย อย่างที่บอก เหมือนมาหาพี่แล้วก็พักกายพักใจให้หายคิดถึง”ผมบอก พี่ท็อปมองหน้าผมอยู่เงียบๆ
“สอง มึงจำวันนั้นได้ไหม”
“วันไหน?”ผมถาม พี่ท็อปดูจริงจัง
“วันที่เรา make love กันไง”ผมฟังแล้วนิ่งไป พี่ท็อปเปิดประเด็นมาแบบนี้ กำลังจะสื่ออะไรหรือเปล่า
“อื้ม ครับ พี่อยากจะทำอีกเหรอ”ผมจำได้ว่าวันนั้นพี่ท็อปเป็นคนขับเคลื่อนทุกอย่าง คุมเกมส์แบบเบ็ดเสร็จเลยล่ะ ผมก็ไม่ได้ขัดอะไรหรอก ธรรมชาติมันเป็นแบบนั้น
“กูกำลังคิดว่า อยากได้ห้องสไตล์แบบนั้นบ้าง”ผมคิดตาม ไอ้ห้องไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่มีห้องแบบนั้นไว้ภารกิจโดยเฉพาะแบบนั้นมัน...โคตรแปลก พี่ท็อปดีดนิ้วดังเป๊าะตรงระดับสายตาผมพอดีเหมือนให้ผมกลับมาสนใจอีกฝ่ายต่อ
“ก็ได้ล่ะนะพี่ แต่นั่นไม่ใช่ห้องนอนสินะ”
“มึงจะนอนหลับไหมวะ ถ้าตกแต่งแบบนั้น”พี่ท็อปหัวเราะ ผมก็ไม่คิดว่ามันเสียหายอะไรหรอก
“ฮ่ะๆ ก็ดีนะพี่ พอเห็นห้องแบบนั้นแล้วมันก็ได้ฟีลลิ่งมาเองล่ะมั้ง”ผมพูด เพราะเมคเลิฟครั้งนั้นผมก็ลืมไม่ลง พอได้เห็นอะไรที่มันไปกระตุ้นความคิด ความทรงจำเก่าๆมันก็จะนึกถึงโดยอัตโนมัติ ก็ถือเป็นไอเดียที่ดีสำหรับเอาไว้รื้อฟื้นความจำกันน่ะนะ