ตอนที่ 20
“เบื่อคู่นี้จังเลย พอลินกลับมา กับเพื่อนกับฝูงก็ไม่ไปกินข้าวด้วยกันหรอก” เสียงของใครบางคนดังขึ้นเรียกความสนใจจากชายหญิงทั้งสองที่กำลังนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่มุมหนึ่งในโรงอาหารของสำนักพิมพ์ที่คนทั้งคู่ทำงานอยู่
“ก็เพื่อนฝูงแถวนี้ ก็ชอบไปกินข้าวกับแฟน ไม่มีเวลาให้เพื่อนฝูงเหมือนกันไง”
“โอ๊ย จึ๊กเลย” ผู้ชายที่เข้ามาใหม่เมื่อครู่หัวเราะเสียงร่วน
“มาอยู่ตรงนี้นานๆ เดี๋ยวแฟนก็โกรธเอาหรอก นั่นมองผมตาเขียวแล้วน่ะ”
“ลงสีตาผิดสีเฉยๆ เว๊ย! เออๆ งั้นไปก่อน ไม่อยู่กวนเป็น ก.ข.ค.หรอก แต่ เมื่อไหร่แต่งงานกับร่อนการ์ดมาให้ด้วยละ ฮ่าๆ” ผู้ที่เข้ามาเอ่ยแซวเดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะความสะใจ ตุลย์ส่ายหัวเล็กน้อยกับท่าทางของเพื่อนร่วมงานที่ค่อนข้างจะสนิทกว่าคนอื่นๆ
“โทษที อย่าไปสนใจเลย” เสียงทุ้มเอ่ยบอกกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า เธอส่ายหัวเล็กน้อยอย่างไม่ถือสา แต่วินาทีที่ตุลย์ก้มหน้ารับประทานอาหารต่อ ดวงตากลมโตที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างดี กับถูกเคลือบไปด้วยความลังเลและความอึดอัด
อึดอัดที่ต้องทำเหมือนว่า เป็นเพื่อนกันอย่างบริสุทธิ์ใจ ทั้งที่จริงๆ แล้วเปล่าเลย...
“นี่ ตุลย์”
“หื้ม?”
“ตุลย์ไม่คิด...แต่งงาน มีครอบครัวบ้างหรอ?”
“ผมมีครอบครัวแล้วไง มีที่หนึ่ง กับตอนต้นแล้ว”
“แล้ว...ตุลย์ไม่คิดจะมี...ภรรยาหรอ?” เสียงหวานถามแผ่วเบา
ใจนึงก็กลัวว่าคนตรงหน้าจะรู้ว่าเธอกำลังต้องการจะสื่ออะไร แต่อีกใจหนึ่งก็อยากให้เขารู้ๆ ไปเลย ว่าในใจเธอกำลังคิดอะไร เธออยู่ในสภาวะอึดอัดอย่างนี้มาเป็นปีๆ แล้วก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว!
“ก็คิดอยากมี แต่ผมมีลูกแล้ว การตัดสินใจของลูกผมก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง”
“ปะ แปลว่าตุลย์จะแต่งกับใครก็ได้ที่ลูกตุลย์อยากให้แต่งงั้นหรอ?”
“ประมาณนั้น”
“ถ้างั้น...ฉันก็แย่เลยน่ะสิ ต้องถูกวางเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งแน่นอน” พลอยไพลินหัวเราะเสียงแห้งพูดทีเล่น แต่ในใจเอาจริง!
ตุลย์หัวเราะเล็กน้อย “ก็คงอย่างนั้นมั้ง ก็ที่หนึ่งชอบลินจะตายไป”
“...อึก” ริมฝีปากเสียงสดขบเข้าหากันเล็กน้อย รอยยิ้มจางๆ ของคนตรงหน้าเป็นสิ่งที่เธอชอบมาตลอด ไม่ว่าจะเมื่อตอนนี้หรือเมื่อสองปีก่อน
“งั้นมาเล่นเกมกันดีกว่า” เสียงของเด็กผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาในห้วงความคิดพร้อมกับใบหน้าหล่อเหล่าที่ประดับด้วยรอยยิ้มกวนประสาทที่เธอรู้สึกเกลียดจับใจ
“พี่สาวก็แค่ไปสารภาพรักกับพี่ตุลย์ซะ” พรึ่บ!
“ฉันขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะ” หญิงสาวร่างเล็กลุกขึ้นพรวดพราดก่อนจะเดินจ้ำอ้าวออกไปจากโรงอาหารด้วยความร้อนใจ มือของเธอกำเข้ากันแน่นราวกับต้องการให้ความเจ็บปวดกลางฝ่ามือช่วยสลายเสียงของเด็กที่ชื่อ ‘เอส’ ให้หมดสิ้นไป!
ก็แค่สารภาพรัก...ไม่เห็นยาก
อย่างนั้นเหรอ!!
เสียงรองเท้าส้นสูงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ก่อนที่จะหายเข้าไปในห้องน้ำหญิงห้องหนึ่งในบรรดาห้องย่อยที่ถูกแบ่งเรียงกันซ้ายขวา พลอยไพลินทรุดนั่งอย่างแรงบนชักโครกที่ถูกปิดฝาเอาไว้ก่อนจะยกมือขึ้นมากุมขมับที่กำลังปวดตุ๊บๆ
เธอรักผู้ชายคนนี้มาเป็นปีๆ ในเวลาที่เธอพยายามจะกระเทาะหัวใจเขาอย่างใจเย็น ใช้ความอดทนเพื่อจะได้เป็นคนที่ครอบครัวของเขายอมรับ เพื่อที่จะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของคนที่ตัวเองแอบชอบ แต่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาเพียงไม่กี่วัน ก็ล้างความพยายามเป็นปีของเธอได้ในพริบตา! พอเธอคิดจะเริ่มใหม่พร้อมกับความมุ่งมั่นที่เธอจะไม่ชักช้าเหมือนครั้งก่อน เธอจะไม่ยอมแพ้ให้กับใครหน้าไหนอีก แต่กลับมีพวกผิดเพศมาแทรกกลางระหว่างเธอกับตุลย์ ผู้ชายที่ตนหลงรักจนได้!
“ถ้าพี่ชนะ ผมจะไป” ตึง!
เสียงรองเท้าส้นสูงคู่สวยถีบเข้ากับประตูห้องน้ำอย่างจังด้วยความโมโห พลางนึกถึงเมื่อคืนที่เธอกำลังยืนมองยาปลุกที่เพื่อนยัดใส่มือให้ด้วยความลังเล แม้เธอจะอยากได้ตุลย์มาก แต่ในใจก็รู้ผิดชอบชั่วดี เธอไม่คิดจะทำอย่างที่เพื่อนบอก ตั้งใจที่จะเอาไปทิ้งในภายหลังแล้ว แต่เด็กนั่นดันเข้ามาเห็นเสียก่อน!
วินาทีที่เด็กเปรตนั่นบอกให้มาเล่นเกม เป็นวินาทีที่เธอเกลียดคนตรงหน้าตอนนั้นเข้าไส้!
เธอรู้ดีว่าตุลย์ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเธอเลยแม้แต่น้อย ตุลย์แสดงออกชัดเจนทุกครั้งว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาไปมากกว่าคำว่าเพื่อน เธอรู้ดีพอๆ กับที่เอสรู้…
ว่าเกมนี้คนที่แพ้ก็คือเธอ!!
30%
“ฮ้าวววว หวัดดีครับป้าสร้อย” ผมไหว้ทักทายป้าสร้อยที่นั่งป้อนข้าวตอนต้นอยู่ที่พื้นด้านหน้าทีวี
“วันนี้ไม่ไปทำงานหรอลูก?”
“ผมลาออกหมดแล้วครับ เตรียมตัวเป็นเด็กมหา’ลัย” ผมตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง เดินเข้าครัวไปหาน้ำในตู้เย็นกินเล็กน้อย ก่อนจะเดินหายเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ
วันนี้เป็นวันแรกของการว่างงาน มันว่างจริงๆ พอตื่นนอนมาก็รู้สึกว่างเลย ปกติผมตื่นประมาณตีสี่บ้าง หกโมงเช้าบ้างเพื่อไปทำงาน พอไม่มีงานทำ ร่างกายก็ตื่นตั้งแต่ตีสี่อยู่ดี ด้วยความเงียบเหงาแล้วเปล่าเปลี่ยวครับ ผมก็เลยเอาทุกอย่างที่ดูเวลาได้ไปซ่อน แล้วปลุกพี่ตุลย์กับที่หนึ่ง บอกว่าเจ็ดโมงครึ่งแล้ว! พวกนั้นผึ่งลุกขึ้นมา รีบอาบน้ำแต่งตัวติดจรวดจนผมนี่ขำก๊าก แต่พอพี่ตุลย์รู้โดนผมหลอก พี่แกก็คิวผมด้วยสายไปไปหลายที แถมยังสั่งที่หนึ่งให้ผ้านวมมาห่อผมเป็นแยมโรล แล้วนั่งทับไว้
‘พ่อสั่งให้นั่งไว้แบบนี้ เจ็ดโมงแล้วค่อยลุก’
นั่นแหละครับ! ปรากฎผมกับที่หนึ่งก็ต้องอยู่ท่านั้นไปสามชั่วโมง ที่หนึ่งไม่เท่าไหร่ จะนั่ง จะนอน จะยื่น เปลี่ยนท่าทางได้ทุกแบบ ไอ้ตัวผมนี่สิ ขยับไม่ได้ไม่พอ อึดอัดเพราะโดนทับอีก
ก็เค้าเหงานี่ตัว เค้าตื่นมาคนเดียวมันช่างเฟร้งฟร้าง TT
ไปๆ มาๆ ไม่รู้ยังไงครับ หลับ ตื่นมาก็เนี่ยแหละ เก้าโมงได้มั้ง พี่ตุลย์ไปทำงานแล้ว ที่หนึ่งไปโรงเรียนแล้ว ทิ้งผมเอาไว้ให้อยู่กับป้าสร้อยและหมูหนึ่งตัว
แกร๊ก
ผมเดินเกาท้องออกมจากห้องน้ำ ตั้งท่าจะเดินไปหน้าทีวีที่มีเด็กอ้วนตอนต้นที่กำลัง...
เฮ้ย!! มันครับ มันครับ มันกำลังยืน!!
ตอนต้นอายุหนึ่งขวบกำลังเกาะขอบโซฟายืนเว๊ย เขาเรียกอะไรนะ ตั้งไข่ปะ!
“ป้าสร้อยยยยย ตอนต้นมันยืนอะๆๆๆๆ” ผมร้องโวยวายขึ้นมาทันที หันซ้ายแลขวาชี้นิ้วตรงไปที่เด็กอ้วนที่ล้มแผละก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้น แต่มันยังสู้ครับ! มันลุกขึ้นมาเกาะขอบโซฟายืนใหม่! “สู้เขานะแก๊~” ขอแปลงร่างเป็นปอมปอมเชียร์แป๊บ สู้ ฮุ่ย สู้ ฮุ่ย! ผมรีบวิ่งไปหาเด็กอ้วนนั่น ตกมือเปาะแป๊ะให้มันเกาะโซฟาแล้วเดินมาหาผม ดวงตากลมโตประหนึ่งลูกหมูมองผมเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงอ้อแอ้อารมณ์ดี แล้วค่อยขยับตัวช้าๆ เดินเกาะขอบโซฟามาแต่เดินได้เพียงสามก้าวยังไม่ถึงผม ก็โงนเงนๆ แล้วล้มนั่งลงไปอีกหน
“นี่ครั้งแรกเลยนะที่ป้าเห็นตอนต้นเดิน!”
ผมหันมองตามเสียง ก่อนจะเห็นป้าสร้อย ยืนดูอยู่จากในครัวแต่ความสนใจของผมก็กระชากกลับมาที่ตักอย่างไวเมื่อรู้สึกว่ากำลังมีเด็กอ้วนกำลังคลานขึ้นมานั่งอยู่บนตัก
แย๊กกกกกกก เด็ก!!
“ปะ ป้าสร้อย เอาตอนต้นออกให้ผมที TT”
“ป้าอุ้มตอนต้นไม่ได้ตอนต้นจะร้องจ๊า น่าอิจฉานะ ที่ตอนต้นมานั่งตักเองแบบนี้ ขนาดป้าเลี้ยงมาตั้งนานยังไม่ทำเลยนะ ตอนต้นต้องชอบเอสมากแน่ๆ เลย”
ถามผมไหม ว่าผมชอบเหมือนกันหรือเปล่าาา /เสียงระโหยโรยแรง
“มานั่งบนตักฉันทำไมหะ ไม่นิ่ม ไม่น่านั่งหรอกนะอยากจะบอก” ผมพูดกับเด็กอ้วนที่นั่งอยู่บนตักเงยหน้ามองอยู่
“ป้าจำได้ว่าตุลย์เคยบอกว่าเอสไม่ค่อยชอบเด็ก” โซฟาเหนือผมยุบลงไปเพราะป้าสร้อยทรุดตัวลงนั่ง
“ผมไม่ชอบเด็กวัยที่ยังต้องอุ้มอะครับ ตอนม.4 ผมเคยอุ้มน้องของเพื่อน แล้วมันร่วง! ผมก็ไม่แน่ใจว่าผมอุ้มไม่ถูกหรืออะไร เพราะตอนนั้นน้องของเพื่อนมันดิ้นด้วย งอแงด้วย เพื่อนผมนะโกรธเป็นปีๆ เลย ผมสนิทกับมันมากด้วย กว่าจะกลับมาคุยกันอีกก็จบม.5แล้ว แถมไม่สนิทใจกันอีก ผมก็เลยไม่อยากอุ้มเด็ก ไม่อยากยุ่งกับเด็กตั้งแต่นั้นมาเลยครับ”
“อ๋อ กลัวเด็กตก”
“ประมาณนั้นครับ”
“ถ้างั้นลองจับตอนต้นยืนดูไหมละ ถ้าเท้าตอนต้นแตะพื้น ก็ไม่เป็นไรแล้ว” ผมหันมองป้าสร้อยเล็กน้อยสลับกับมองตอนต้นอย่างลังเล เด็กนั่นเองก็เงยหน้ามองผมเช่นกัน “ที่จริงแล้วตอนต้นตั้งไข่ได้เดือนกว่าๆ แล้วนะ ป้าอยากเห็นตอนต้นเดินได้เร็วๆ แต่ว่าป้าฝึกให้เดินไม่ได้ จับตัวทีไรร้องทุกที ไม่รู้ว่าตุลย์ฝึกตอนต้นให้เดินไปถึงไหนแล้ว”
“ผมไม่เคยเห็นพี่ตุลย์ฝึกตอนต้นเดินเลยนะครับ” ผมรีบโพล่งขึ้นมาทันที สิ้นคำพูดของผม ป้าสร้อยก็มีท่าทีตกใจ เคลื่อนตัวลงมานั่งพื้นกับผมด้วย
“จริงหรอ? หรือตุลย์ยังไม่รู้ว่าตอนต้นยืนได้แล้ว?”
“ผมก็ไม่แน่ใจว่าพี่ตุลย์รู้หรือเปล่า...” ผมตอบเสียงเบา แต่ถ้าพี่ตุลย์ไม่รู้นะ หื้มม! เป็นคุณพ่อภาษาอะไรวะเนี่ย
“ถ้างั้นเดี๋ยววันนี้ตอนตุลย์กลับมา ป้าจะบอกแล้วกัน แล้วก็ตอนนี้...” ป้าสร้อยลากเสียงยาวชำเลืองมองมาที่ผม “เอสลองช่วยตอนต้นเดินดูไหม?”
“หา!?”
“ไม่ต้องอุ้มอะไรเลยนะ ไม่ต้องกลัวว่าตอนต้นจะร่วงหรอก เอสก็แค่จับมือของตอนต้นขึ้นนะ แล้วก็พาเขาเดิน คล้ายๆ จับหมาเดินสองขาเลย”
“แต่ว่า ผมว่า...รอให้พี่ตุลย์มาทำดีไหมครับ?”
“กว่าตุลย์จะกลับบ้านก็เย็น ถ้าเราไม่ช่วยกัน กว่าตอนต้นจะเดินอาจจะสามสี่ขวบเลยนะ” ผมเงียบชักลังเล ผมไม่รู้หรอกว่าเด็กควรจะเดินได้ตอนอายุเท่าไหร่ แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยว่าถ้าเกิดเดินช้า จะส่งผลต่อการพัฒนาอะไรด้านอื่นอีกหรอเปล่า “ลองดูนะเอส มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เอสกังวลหรอก...มาอยู่บ้านเขาก็ควรช่วยเจ้าของบ้านเขาบ้างใช่ไหมละ?”
โอ้โห เหตุผลนี้ ถึงกับต้องยอมยกธงขาว
“ก็ได้ครับ ผมจะลองดู แต่ว่าป้าสร้อยต้องช่วยผมนะ!” ผมตอบเสียงดังแต่เต็มไปด้วยความลังเล ป้าสร้อยหัวเราะเล็กน้อย ก่อนที่ลุกขึ้นมาจัดท่าทางให้ผมที่ยังมีท่าทีเก้ๆ กังๆ จับตัวตอนต้นอย่างตั้งใจครั้งแรกทำไมให้ผมรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก ป้าสร้อยให้ผมเริ่มจากการให้เด็กอ้วนเหยียบเท้าผมแล้วผมก็จับมือเอาไว้ก้าวเดินไปจนถึงหน้าประตูแล้วก็เดินกลับด้วยกัน ก่อนจะพัฒนาเป็นให้ตอนต้นก้าวเดินที่พื้นด้วยตนเองโดยมีผมจับมือเอาไว้กันล้มหน้ากระแทกพื้นเป็นคนไร้ดั้งตั้งแต่เด็ก
ภายในห้องคอนโดแคบๆ มีเสียงโวยวายและเสียงเชียร์จากผม เสียงอ้อแอ้ไม่ได้ศัพท์ราวกับสนุกสนานเต็มทีของตอนต้นสลับกับเสียงหัวเราะด้วยความขบขันของป้าสร้อย
จากนาที เป็นชั่วโมง จนผมกล้ามากพอที่จะอุ้มตอนต้นขึ้นมาเล่นซุปเปอร์แมนสลับกับเป็นไอ้แมงมุมคลานไต่อยู่บนกำแพง ผมหัวเราะลั่นเวลาที่เด็กอ้วนนั่นสับสนตอนพาเล่นซุปเปอร์แมนแต่ทำท่าคลาน
“เมื่อวันก่อนป้าดูรายการสักอย่าง เขาบอกว่าเด็กหนึ่งขวบควรจะไปตรวจการพัฒนานะว่าเป็นยังไงบ้าง?”
“ตรวจการพัฒนาที่โรง’บาลหรอครับ?” ผมก้มหน้ามองตอนต้นที่นั่งอยู่บนตัก “ไปโรง’บาลกันไหม?”
“อาา” เด็กนั่นส่งเสียงเล็กน้อยขยับแขนไปมา อะไรของมันวะ? เดาว่า อยากไปได้ไหมเนี่ย
“ถึงตอนต้นอยากจะไป แต่ไปตอนนี้ไม่ได้หรอก เพราะต้องมีพ่อแม่จริงๆ ไปด้วย”
“อ๋อ...” ผมขานรับในลำคอ พยักหน้าหงึกๆ สองสามทีมองหัวบวมๆ ของตอนต้น “ป้าสร้อยครับฝากตอนต้นแป๊บนะ ผมจะไปอาบน้ำ”
“เอ๋ ดะ ได้” ป้าสร้อยเข้ามาหาตอนต้นที่ผมวางไว้บนโซฟาทันทีด้วยท่าทีที่ยังมึนงงกับความรวดเร็วของผม แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้วครับ เข้าห้องนอนคว้าผ้าขนหนูวิ่งปรู๊ดไปเข้าห้องน้ำ
ผมไม่วายหันมาหาตอนต้นทีนึง
“เราจะไปหาพ่อตุลย์กัน!”
ผัวฉันหาย~ เหลือแต่ไฟแช็ก!
เพลงนี้ดังขึ้นในหัวผมเลย ตอนที่มายืนอยู่หน้าสำนักพิมพ์ที่เป็นที่ทำงานของพี่ตุลย์ โดยแขนข้างนึงของผมอุ้มตอนต้นและด้านหลังสะพายเป้ใส่ของจำพวกแพมเพิร์ส ขวดนม ขวดน้ำ ผ้าเช็ดน้ำลายอะไรเทือกๆ นี้ ผมเดินเข้าไปด้านในตึกด้วยท่าทางลังเล ที่นี่ไม่มีคนเดินเข้าออกมากมายเหมือนที่บริษัทอื่นๆ ผมก็เลยโดดเด่นไปโดยปริยาย หน้าตาผมดี สาวๆ เลยมองอันนี้ผมเข้าใจนะ แต่ผมรู้ว่าเกินครึ่งที่มองผมเนี่ย เพราะผมหอบเด็กมาด้วยเนี่ยแหละ ประมาณว่ามาตามเมียกลับบ้านอะไรประมาณนั้น orz
ผมเดินก้มหน้าก้มตาก้าวฉับๆ ตรงไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว ใช้หลังมือเคาะเคาเตอร์สองสามทีเรียกความสนใจจากพนักงานสาวที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ เธอเงยขึ้นมา...
“อ้าววว สวัสดีครับ พี่สาว” ผมส่งยิ้มหวาน เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเจ๊พลอยไพลินที่กำลังตีสีหน้าตึงใส่ก็ทำงานอยู่ที่นี่เหมือนกัน ดวงตากลมโตที่ถูกแต่งแต้มมาอย่างดูจ้องมองตรงมาที่นี่ผมอย่างไม่ค่อยพอใจนักก่อนที่เขาจะกลับไปก้มหน้าเมินใส่ “เน่ สนใจผมหน่อยสิครับ~”
“ฉันไม่ว่างมาเล่นกับเด็ก”
“ก็ไม่ได้จะให้พี่สาวมาเล่นด้วยหรอก แค่จะถามว่าฝ่ายขายอยู่ชั้นไหนครับ?”
“อยากรู้ก็หาเอาเองสิ” คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมายิ้มเยาะใส่ผมที่กำลังขอความช่วยเหลือ
“วันนี้ผมมีธุระจริงๆ ไม่อยากจะมาต่อล้อต่อคำนะครับ” ผมพูดอย่างเริ่มหัวเสีย
นี่ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ตุลย์บอกว่า ให้มาถามฝ่ายประชาสัมพันธ์ว่าฝ่ายขายอยู่ไหน ผมจะไม่เดินมายุ่งด้วยเลย
ก่อนหน้าที่จะถึงผมโทรนัดกับพี่ตุลย์ไว้แล้วครับว่าจะไปหาที่สำนักพิมพ์เพื่อจะพาตอนต้นไปตรวจพัฒนาการด้วยกัน พี่ตุลย์ก็เลยไปลางานครึ่งวัน แต่ผมต้องมาติดอยู่กับป้าพลอยไพลิน (สรรพนามขึ้นอยู่กับความโกรธ) แล้วมันแปลว่าอะไรรู้ไหม มันแปลว่า มันเสียเวลาที่พี่ตุลย์กำลังรออยู่ แล้วก็เสียเวลาที่จะเดินทางไปโรง’บาลด้วย!
“อยากรู้มากก็เดินหาเอาเองสิ ตึกนี่มีไม่กี่ชั้นเอง”
สิบกว่าชั้น! กล้าพูดดด
ผมเคาะนิ้วลงกับเคาเตอร์ด้านหน้าพยายามระงับอารมณ์หงุดหงิดก่อนจะแสร้งยกยิ้มให้อีกครั้ง
“ขอโทษนะครับพี่สาว คือเพิ่งไปสารภาพรักกับพี่ตุลย์มา แล้วโดนหักอกเอาหรอครับ ถึงได้ต้องมาพาลใส่คนอื่นแบบนี้”
“แก...!” คนตรงหน้าลุกผึ่งอย่างโกรธจัด ก่อนจะตระหนักรู้ได้ว่าตนเองเผลอทำอะไรลงไปก็ค่อยๆ ยิ้มออกมาแล้วกลับไปนั่งตามเดิม ทำเหมือนเมื่อกี้ผมแค่ตาฝาดหูแว่วไปเอง โห...แม่ง เรียกผม ‘แก’ เขากับผมนี่สนิทกันขนาดไหนครับ ถึงมาเรียกผมด้วยคำแบบนี้ คนที่จะเรียกผมแบบนี้ได้ มีแต่เพื่อนผู้หญิงตอนอยู่โรงเรียนมัธยม กับหัวหน้าร้านหมูกระทะเฮียเปียวเท่านั้นเว๊ย! “เอส ฉันว่าเรามาเปลี่ยนเกมเล่นกันไหม?”
“หา?” ผมมองใบหน้าสวยที่กำลังยิ้มหวานอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“ก็เกมที่นายเสนอมาเมื่อวานเนี่ย ฉันว่ามันไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่เลย เปลี่ยนมาแบบนี้ดีกว่า
ใครได้ตุลย์ก่อน คนนั้นชนะ คนแพ้ ออกไปจากชีวิตตุลย์ ก็คล้ายๆ กับเกมที่นายเสนอนะ แต่อันนี้น่าจะเร้าใจกว่า”
“ได้...พี่ตุลย์?” ผมทวนคำด้วยความไม่แน่ใจความหมายของคำว่า ‘ได้’
“ใช่ ‘ได้’ สารภาพรักมันก็แค่คำพูดไม่ชัดอะไรหรอก ภาษากายสิชัดกว่า ฉันรู้จักตุลย์ดีพอ คนอย่างตุลย์ถ้ามีอะไรกันแล้ว เขารับผิดชอบแน่!”
ผมจ้องมองคนตรงหน้าเขม็ง สายตาที่มองมาที่ผมเต็มไปด้วยความโลภ รุมหลง ความโลภจนแววตาขุ่นมัวไปหมด ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่านี่เป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมรู้สึก...ขยะแขยง สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะเอาตัวเข้าแลกกับความรัก
“ผมว่าเปลี่ยนเกมไปก็เท่านั้น ยังไงพี่สาวก็ไม่ชนะหรอกครับ” ผมพูดเสียงเรียบ เดินเลี่ยงอีกฝ่ายไปถามที่อยู่ฝ่ายขายจากพนักงานประชาสัมพันธ์คนอื่นที่พร้อมจะตอบคำถามผม เมื่อได้คำตอบตามที่พอใจผมก็กล่าวขอบคุณเล็กน้อยก่อนจะเดินอุ้มตอนต้นตรงไปที่ลิฟท์ ไม่หันมองผู้หญิงที่ชื่อ ‘พลอยไพลิน’ อีกแม้แต่เพียงเวี้ยววินาทีเดียว
ผมไม่คิดจะลงไปเล่นเกมนั่นหรอก ไม่บ้ามากพอที่จะเอาตัวไปแย่งผู้ชายเอาชนะผู้หญิง...หึ ใคร ‘ได้’ พี่ตุลย์ก่อนถึงจะชนะอะนะ โคตรปัญญาอ่อน แต่ถ้าเขาอยากเล่น ผมก็พร้อมเป็นอุปสรรคให้ได้
แล้วเดี๋ยวรู้เลย ว่ามีคนอย่างไอ้เอสเป็นอุปสรรค อย่าว่าแต่จะ ‘ได้’ พี่ตุลย์เลย แต่เส้นผมก็จะไม่ได้แตะ!
TBC
ขอโทษที่เอา 70% มาลงช้า ฮือออออออออออ เมื่อวานไปดูคอนมา กลับมาก็เลยเป็นตายเลยจ๊า แอมโซซอรี่จริงๆ YY
#daddybeloverสปอย
" เอส ไหนบอกว่า ลินติดธุระไม่กลับด้วยไง ไหงเขาถึงทั้งโทรทั้งไลน์ตามขนาดนี้ "
" สวัสดีครับ ผมเป็น...อ่า ลูกพี่ลูกน้องของพี่ตุลย์น่ะครับ กำลังจะเข้ามหา'ลัยก็เลยอาศัยอยู่ด้วยกัน "
" พี่ก็แค่อย่าให้พี่พลอยไพลินมาบ้านพี่ทุกวันอีกก็พอ ^^ "