- 2 -
“
มะ...มึง...มึงว่าไรนะวี...ไหนพูดใหม่ดิ” กลายเป็นกลสิทธิ์หันมาจ้องผมตาโต
บอกให้ผมเล่าใหม่ซะงั้น
“ก็กูกำลังบ่งเสี้ยนตำเล็บออกให้ต้นมันอยู่ เสร็จพอดีมึงก็ดันเปิดประตูเข้ามาชกไอ้ต้น
ตกเตียงไปเลย กูพยายามห้ามมึงก็ไม่ฟัง กูไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ผมพูดกับมันต่อหน้าแม่อีกครั้ง
คราวนี้หน้ากลสิทธิ์มันเหวอไปเลยครับ จากแดงเถือกที่โกรธอยู่ตะกี้ กลายเป็นซีดเผือดยิ้มเจื่อนไปเลย
ผมเริ่มเข้าใจอะไรลางๆ มันหันไปหาแม่หน้ายิ่งเจื่อนเข้าไปใหญ่ เมื่อแม่มองมัน
เหมือนรอให้มันเป็นคนอธิบาย เมื่อหลบไม่ได้..มันก็เริ่มพูดออกมาช้าๆ ว่า
“แหะ!..แหะ!..คงไม่มีไรแล้วครับแม่...ผมเข้าใจผิดไปเอง...คะ..คือ..คือผมคิดว่าไอ้ต้น
มัน..มันตีท้ายครัวผมนะครับ.” พอมันพูดออกมาเท่านั้นแหละ เปลี่ยนเป็นผมกับต้นหน้าเหวอกันเลย
คราวนี้ ไอ้บร้า!...มันคิดได้ไงว่าผมกับไอ้ต้นทำอะไรกันอย่างที่พูด...ถึงไอ้ต้นจะเป็นคนหน้าตาโอเคก็เถอะ
แต่ผมไม่ใช่พวกพิศวาสผู้ชายใครก็ได้นะโว้ย!...เฮ้ย...กลสิทธิ์มันเอาสมองส่วนไหนคิดกันหละเนี๊ยะ!...
ก่อนแม่จะหันไปมองไอ้ต้นที่เกาะหลังท่านแจ มันรีบส่ายหัวพรืดดด!!...ยืนยันอีกครั้งว่ามันบริสุทธิ์
แม่มองหน้าผม...ผมรีบอ้าปากตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด
“ไม่นะแม่...วีไม่ได้เข้ามาทำอะไรกันอย่างนั้นนะ...” ได้ผลท่านเหลือบตาไปมองกล
มันก่อนจะถามมันว่า
“แล้วอะไรทำให้กลคิดแบบนั้นเล่าลูก”
“ก็ผม..อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินตามหาใครก็ไม่เจอ เลยเดินขึ้นมาชั้นบนได้ยินเสียง
เหมือนคนคุยกันในห้องแม่ เลยเดินเข้ามากะจะเคาะเรียก แต่คำพูดที่มันรอดออกมาทำให้ความตั้งใจ
ผมชะงักไป..ยืนฟังนิ่งๆ จนทนไม่ไหวเลือดขึ้นหน้าถึงกระชากประตูเปิดเข้ามาชกต้นมันนะครับ”
มันพูดไปด้วย...เริ่มจะหน้าเจื่อนเข้าไปใหญ่ คิดว่ารู้ตัวแล้วว่าตัวเองเข้าใจผิดไปเต็มๆ
“คำพูดไรว่ะ?..ที่ทำให้มึงเข้าใจกูผิดนะ” ไอ้ห่าต้น..เริ่มกล้าชะโงกหน้าออกมา
ถามกลมันแล้วหละ...กลมันก็เจื่อนหนักเข้าไปใหญ่ เพิ่งเคยเห็นคนหน้าเข้มจะหน้าซีดก็คราวนี้แหละ
“ก็มึงคราง..แล้วยังซู๊ดปาก..บอกว่าเบาๆ หน่อย..เจ็บ..หยุดก่อนวี..แล้ววีดันตอบ
มึงอีกว่า..ทนเอาใกล้เสร็จแล้ว..พวกมึงพูดเยอะกว่านี้แหละ..แต่กูหูอื้อหน้ามืดแล้วตอนนั้น” มันพูดไปด้วย
พร้อมกับอาการหน้าแดงหูแดงขึ้นมาอีกครั้ง ดันมาพูดแบบนี้ต่อหน้าแม่ผม ท่านก็กลั้นขำอมยิ้มอยู่
คงเห็นอาการของกลมันแล้วอดขำไม่ได้อะนะ ส่วนผมกับต้นมองหน้ากัน ทนไม่ไหวขำพรืดออกมา
ต่อหน้าแม่นั่นแหละ..
“
ก๊ากกกๆๆๆ...เหี้ยแล้วไงมึงห่ากล....คิดชั่วๆได้นะ..สัด...กูเจ็บนี่หว่า
ก็มีร้องมีซู๊ดปากสิว่ะ!..มึงจะให้กูทนได้ไงเล่า...แล้วที่วีตอบกูนะมันกำลังเอาเข็มทิ่มสะกิดเอาเสี้ยน
ออกให้กูอยู่...สาดมึง...เสือกไม่ดูตาม้าตาเรือเสียก่อน...เสื้อผ้าพวกกูก็ใส่ติดตัวเรียบร้อย
ไม่หัดสังเกตุสักนิด..ซัดกูแบบไม่ฟังใครเลย..ถามสักหน่อยก็ไม่ได้..เล่นเอากูเจ็บตัวฟรี...ซวยชิบเป๋ง...
โดนทั้งเสี้ยน..โดนทั้งเข็ม...โดนทั้งหมัด...วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรของกูกันว่ะนี่” พอได้ทีมันทั้งขำ
ทั้งพูด ทั้งบ่น ไปพร้อมกันหมด ก่อนที่แม่จะปล่อยให้มันฝอยยาวไปกว่านี้ ท่านก็พูดเตือนสติ
กลมันขึ้นมาว่า...
“ลูกโตแล้วนะกล...ไหนบอกว่ารักกันไง...ความรักที่เราทั้งคู่แสดงออกให้แม่และพ่อแม่
ของเราเห็น จนยอมให้โอกาสเราได้คบกันอย่างที่ต้องการ นานถึงสี่ปีแล้วนี่..มันต้องพัฒนา
มากกว่าคำว่ารักคือ
‘เชื่อใจ’ ถ้าหากลูกทั้งสองยังก้าวข้ามคำว่ารักไปถึงคำว่าเชื่อใจกันไม่ได้
แม่คิดว่ามันจะลำบากที่จะอยู่ด้วยกันในอนาคต...เหมือนตอนที่รับปากพ่อแม่ไว้นะ...ที่แม่ห่วงคือ
ลูกยังคุมสติยั้งคิดและยั้งใจให้นิ่งได้ไม่พอ ตรงนี้แหละจะเกิดปัญหาได้ในภายหน้า
หากเชื่อใจกันแล้ว...ทุกอย่างมันจะต้องมาด้วยเหตุผล..สงสัยไม่แน่ใจ..เราต้องหันหน้า
พูดคุยกันก่อนที่จะเอาอารมณ์มาเป็นที่ตั้ง...เพราะเมื่ออารมณ์มันไปก่อนย่อมก่อให้เกิดผลเสีย
มากกว่าผลดี ดูอย่างเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง แม้กลจะบอกว่ามันเล็กน้อยต่อยต้นมันไปแค่หมัดเดียว
แต่ถ้าไม่กลับเอามาคิด...เกิดอนาคตมันไม่ใช่แค่นี้หละ เราลงไม่ลงมือจนเกิดบาดเจ็บล้มตาย
เหมือนในข่าว..เพราะอารมณ์หึงหวงชั่ววูบ กลคิดว่ามันจะแก้ไขได้ไหม...แม่ฝากให้ลูกทั้งสอง
เอาไปคิดดู วีก็เหมือนกัน...อย่างน้อยลูกต้องละเอียดรอบคอบกว่านี้ เมื่อรู้ว่าคนที่รักเรา..
อยู่กินกับเราเค้าเป็นคนนิสัยอย่างไร ทำอะไรควรบอกกล่าวให้เค้ารู้หน่อย หรือไม่ถ้าลูกเปิดประตูทิ้งไว้
ไม่ต้องปิด..เรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น แม่ไม่อยากให้ลูกที่แม่รักทั้งสองคนต้องกลายเป็นข่าวไม่ดีในอนาคต
เพราะพวกเราย่อมรู้อยู่แก่ใจแล้ว เมื่อเลือกจะคบกันแบบนี้ คนเค้าคิดเสมอว่าพวกเราเป็นพวกที่รักแรง
หึงแรง...หากเราพัฒนาจิตใจ..ให้ก้าวข้ามสิ่งที่คนเขาพยายามยัดเยียดให้เราเป็นไม่ได้
เราก็จะครองคู่กันไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง เอาหละแม่ฝากไว้เท่านี้แหละ..เคลียร์กันให้เข้าใจซะ...
มีอะไรอย่าติดค้างกันอีก...เดี๋ยววงเหล้าเย็นนี้จะกลายเป็นสนามมวย แม่ไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น
แม่ขอตัวไปทำปลาต่อ ไว้เผาให้พวกเราเย็นนี้แหละ” พูดจบพวกผมรีบยกมือไหว้ขอโทษแม่
พร้อมกันทั้งสามคน อึ้งไปเลยกับคำสอนสดๆซึ่งๆหน้าในตอนนี้ กลสิทธิ์มันก็สำนึกผิดหน้าเจื่อนไปเลย
ดันอารมณ์ร้อนหุนหันพลันแล่นหึงไม่เข้าเรื่อง ผมเองก็มีส่วนผิดอย่างที่แม่พูด
เพราะคิดไม่ละเอียดจริงๆ น่าจะรู้ว่ากลมันขี้หึง ไม่ต้องรอให้มันพูดหรอก
ดูอย่างคราวของพี่ชายดิ..ไม่ได้อะไรสักหน่อย..ผมเองยังไม่ได้ตกลงคบกับมันเลยด้วยซ้ำ..
มันยังหึงเค้าได้ จะโทษมันก็ไม่ได้...คงต้องเป็นอย่างที่แม่พูด...มีเวลาเราทั้งคู่คงต้องหันหน้าคุยกัน
ให้มากๆ ความเข้าใจ..เชื่อใจเท่านั้น ที่จะนำพาให้ชีวิตคู่ของเราไปตลอดรอดฝั่ง....และเพราะคำสอน
ของแม่ในวันนั้น ทำให้ผมกับกลสิทธิ์รักกันยืนยาวมาจนถึงวันนี้ กว่ายี่สิบเอ็ดปีเข้ามาแล้ว
หลังจากปรับความเข้าใจจับไม้จับมือกอดคอกันแล้ว เพื่อนซี้ทั้งสอง..
กลสิทธ์กับต้น...พิริยะ....ก็ไม่ติดใจไรกันอีก กลับเป็นเรื่องโจ๊กในวงเหล้าเพราะปากไม่มีหูรูด
หลังจากเมากรึ่มได้ทีของ..ต้น พิริยะ...เผากันกระจาย
ประเด็นเมื่อตอนเย็นที่กลมันหน้าแตก แต่งานนี้ขอบอกกลมันไม่ได้แค่หน้าแตกคนเดียว
ผมก็พลอยหน้าระเบิดไปกับปาก..ต้น พิริยะ..ท่ามกลางบรรดานักฟังทั้งหลายรวมถึงน้องชายตัวดีผม
อีกสองคน ที่ขอแม่มาร่วมวงด้วย โดยดื่มได้แค่โค้กไร้แอลกอฮอล์ ซึ่งพวกมันก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ไม่มีใครดื้อเลยน้องผม อีกอย่างคงเห็นผมไม่ดื่มเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าดื่มไม่เป็นนะ.แต่ผมจำเป็นต้องมีสติครบ
ไม่งั้นเดี๋ยวเกิดพวกเมาแล้วขาดคนเคลียร์จะยุ่ง เหลือผมสติดีไว้คนหนึ่งเหอะ..
“
แม่ง...เปิดประตูได้มันไม่พูดพร่ำทำเพลงไรเลย ซัดกูผลั๊ว!..เข้าให้เต็มปลายคาง
หล่นตุ๊บตกเตียงทันที กูนับดาวไม่ทันเลย..เชี้ยกล” เสียงต้น พิริยะ..เล่าเปิดประเด็น ความหน้าแตก
กะเอาฮาให้เพื่อนในวงฟัง ซึ่งได้ผลเพราะพวกแม่งขำกันใหญ่ ถูกอกถูกใจกับลีลาท่าทางประกอบ
ที่ต้น พิริยะ..มีแอ็กชั่นเสริมไปด้วย
“
ฮ่าๆๆๆๆ...ก๊าก!!...มึงเจ็บตัวฟรี...แล้วไมมึงไม่บอกมันไปว่ะ!..ว่ามึงไม่ได้
มีไรกะแฟนมัน” ไอ้ถม....คนซื่อแห่งสุรินทร์ พี่แกทำเป็นคูลูแนะนำว่าควรทำยังไงในตอนนั้น
ผมอยากให้มันอยู่ด้วยจัง...จะได้ให้รู้ว่าพูดง่ายแต่ทำยาก
“กูทันไอ้อ้าปากซะทีไหน...แม่งไม่เว้นช่องให้ตั้งตัวเลย อีกอย่างกูไม่รู้นี่ว่ามันโกรธกู...
เพราะเข้าใจว่ากูเอากับแฟนมัน” ต้น พิริยะ..ยังดำเนินการเป็นนักเล่าเรื่อง..ดึงให้คนฟังอินตามของมัน
ต่อไป เพราะตอนนี้มันเป็นพระเอก ส่วนผู้ร้ายตลอดกาลยอดชายกลสิทธิ์ ที่ไม่เคยได้รับ
บทพระเอกเลยสักครั้งเดียว ตั้งแต่ผมเริ่มนำเรื่องของเรามาลงเล้าจนถึงบัดนี้ กลสิทธิ์ยังไม่เคย
เป็นพระเอก คงอดทนกับบทผู้ร้ายหน้าแตกฝ่ายเดียวต่อไปไม่ไหว พูดแก้ต่างให้กับตัวเองขึ้นมาว่า
“พวกมึงลองมาเป็นกู...แล้วจะรู้ว่าหากเป็นพวกมึง..จะฟิวส์ขาดกันไหม” มาแล้วกลสิทธิ์
ผู้ไม่เคยผิดตลอดกาล ยี่ห้อนี้มีหนึ่งเดียวเท่านั้น เค้าดีจริงๆ...
“แล้วมึงได้ยิน..ไอ้ต้นกับไอ้วีมันพูดว่าไง?” ไอ้คุณชายปราณ เจ็กตี๋แห่งแดนอิสาน
ซักเอาคำพูดที่เป็นจุดระเบิดอารมณ์กลสิทธิ์ นำออกมาตีแผ่ในวงทันที..
“แม่ง...ก็ห่าต้นมันเสือกคราง....อูยยยๆๆ!..วี..เบาๆ หน่อย..ซู๊ดดดๆๆ...กูเจ็บ...สัดวี..
เดี๋ยว..หยุด..หยุดก่อน..ไม่ไหว..พักแป๊ปกูเจ็บ..เล็กนิดเดียว..ทำไมเจ็บอย่างนี้ว่ะ!.” แม่ง!..มันพูด
แบบนี้อ่า...แฟนกูดันตอบไปอีก
“ทนเอานิดนะต้น..กูก็พยายามเบาที่สุดแล้วเนี่ยะ...เล่นเอาเหงื่อแตกเลยเหมือนกัน...
แม่งลึกว่ะ!.” พาเอาทั้งวงขำกลิ้งกันท้องคัดท้องแข็ง ส่วนผมอายจนแทบจะมุดเสื่อดำดินหนีแล้วตอนนี้
ต่อหน้าพวกเพื่อนเหี้ยก็สุดจะทนแล้ว นี่ยังมีน้องผมอีกสองคน แล้วมันทั้งคู่..ทั้งเจ้าวิวเจ้าวุ้น..
เสือกขำกันท้องคัดท้องแข็งกุมท้องตัวงอกันใหญ่ ถูกอกถูกใจที่พี่เขยกำลังเล่าซะงั้น
“พอมึงได้ยินแค่นี่มึงก็เลย กระชากประตูเข้าไปต่อยมันเลยหรือว่ะ?..ไม่ใจร้อน
ไปหน่อยเหรอเพื่อนกู” ไอ้ชาติ..เจ้าชายปากหนักเสือยิ้มยาก แต่งานนี้ผมเห็นมันยิ้มไม่หุบ
ตั้งแต่โจ๊กเรื่องนี้ถูกนำมาตีแผ่จนขณะนี้มันยังขำยิ้มตลอด ถามขึ้นบ้าง
“ใครว่า กูยังทำใจนับหนึ่งถึงสิบ ตัดสินใจอยู่หน้าประตูว่าจะเข้ามากระทืบให้ตายทั้งคู่เลย
หรือจะหันหลังเดินหนีกับสิ่งที่ได้ยิน พวกมันดันพูดโต้ตอบกันต่อนี่สิ....อืม..ต่อเลยว่ะวี...อูยยยๆๆ...
แม่ง...ซู๊ดดดๆๆๆ...เร็วหน่อย...จะออกหรือยังวี..จะออกแล้ว...ทนอีกนิดเดียว..ใกล้แล้ว....ใกล้แล้ว...
อ่า..อึ๊บ!..ออกแล้วว่ะต้น..พรูโล่งซะที...พอถึงคำนี้กูไม่นงไม่นับแม่งแล้ว กระชากประตูได้
กูทะยานเข้าซัดเหี้ยต้นมันก่อนเลยทันที....” กลสิทธิ์เล่าจนเห็นภาพ ชวนให้คิดตามเลยทีเดียว
พวกแม่งขำกันกระจาย ส่วนผมหน้านี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่ต้องพึ่งเหล้า..รับประกันแดงยิ่งกว่าพวกมัน
ที่แดกเหล้าต่างน้ำกันอีก...น้องผมไอ้ตัวแสบสองคนหันมามองหน้าพี่มันหัวเราะสนั่น
ถูกอกถูกใจกับฝีปากการเล่าเรื่องของพี่เขยยิ่งนัก
“
เห้ย!...แล้วทำไมมึงต่อยแต่ไอ้ต้นมันว่ะ!..ไหนตอนแรกมึงบอกจะกระทืบ
ให้ตายทั้งสองคนไง?” ไอ้ถม.คนซื่อ..ยังคงถามด้วยความซื่อของมันต่อ...
“
ไอ้เหี้ยถม...นั่นหนะเมียกู..ต่อให้กูขาดสติขนาดไหน..กูก็ซัดไอ้ชู้ก่อนแหละ..
เอามันให้หมอบ ส่วนเมียกูค่อยว่ากันทีหลัง..ว่าจะซัดด้วยอะไร..ถึงไงกูก็รัก..มึงจะให้กูทำยังไงตอนนั้น...
ถึงกูจะสติหลุด..แต่สามัญสำนึกรู้ว่าคนนี้...เจ็บเพราะกูไม่ได้อีกแล้ว..เป็นไงพระเอกไหม?”
คราวนี้จากที่กำลังขำกันกระจาย
“
ฮ่าๆๆๆ!!!...ก๊ากๆๆ!!..อ๊อกก!..อร๊วกกกๆๆๆ!!!...เลี่ยนสาด”
เปลี่ยนมาโก่งคออ๊วกพร้อมกันทันทีแบบไม่ต้องนัดหมาย เอียนกับความเน่าที่กลสิทธิ์หม้อผมกลางวง
แต่ประทานโทษ..ผมแทบอยากจะหายตัวล่องหนไปเลย ไม่คิดว่าพอเหล้าเข้าปาก
กลสิทธิ์จะด้านเน่าเอาดื้อๆ แบบไม่อายใคร
“
เห้ย!...ถึงจะเน่าแต่ก็ได้อยู่พวก..กูงงนิดหนึ่งว่ะกล..อย่าว่าโง้นงี้เลยนะ...
มึงพูดติดปากว่าไอ้วีเมียมึง..แสดงว่ามึงเป็นผัวมัน...แล้วตอนมึงฟังมันคุยกับกู...มึงเอาสมองส่วนไหน
คิดว่ามันกำลังทำกูอยู่..แล้วกูก็กำลังโดนมันเอาอยู่นะ?..” ไม่ใช่คำถามใครที่ไหนหรอกครับ
ครั้งนี้..ต้น พิริยะ..มันถามเองเลย กำลังกู้ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายที่ถูกกลสิทธิ์ยัดเยียดทางความคิดขณะนั้นว่า...
มันโดนผมเอา..??
“
ห่า!...ตอนนั้นกูไม่คิดลึกละเอียดขนาดนั้นหรอก...ว่ามึงสองคน
ใครจะเป็นผัวเป็นเมีย...ที่แน่ๆสำหรับกูวีมันเมียกู...แต่กูจะไปรู้เหรอะ..ว่ามันมีไรกะคนอื่น
มันอาจจะเกิดอยากเป็นผัวขึ้นมาก็ได้” นรกแสรดดด...งานเข้าผมอย่างจัง...เพราะกลสิทธิ์
เอาเรื่องในมุ้งมาขายซะเกลี้ยง...ไอ้น้องชายผมสองคนอ้าปากหวอ..จ้องพี่เขยตาค้าง
สลับหันมองหน้าผมไปมา...ผมก็ได้แต่แกล้งยกแก้วโค้กขึ้นจิบ เฉหลบสายตาแต่ละคู่
ที่พยายามมองมาอยู่ตอนนี้ โดยกำลังคิดว่ากูนั่งคนเดียว...พวกมึงคือสัมภเวสี....
แต่แล้วผมก็จิตหลุดเมื่อไอ้ต้น พิริยะมันพูดว่า...
“
ห่า.มึงก็นะ...ทีหลังต่อให้ได้ยินมึงก็คิดแง่บวกให้กูหน่อยก็ได้ ถึงจะเจ็บตัว
โดนมึงต่อยฟรีไปเต็มๆ แต่ถ้ามึงคิดบวกว่ากูกำลังเอาไอ้วีอยู่ กูจะไม่เสียความรู้สึกเท่าว่ากูโดนไอ้วีเอา..
ยังหยวนได้เว้ยเพื่อน..”
พระเจ้า!...หมดกัน...เวร..ฟังพวกเหี้ยนี่มันพูดดิ...ทั้งที่ผมนั่งหัวโด่
อยู่ในวงด้วย...แต่มันเล่นพูดข้ามหัวผมไปมายังกะผมเป็นหัวเผือกหัวมันซะงั้น..
“นั่นดิ...ห่ากล...มึงไม่ยุติธรรมเลยนะโว้ย!..ที่ดันไปคิดกับไอ้ต้นมันแบบนั้น...
มึงดูหุ่นเมียมึงกับหุ่นไอ้ห่าต้นมันดิ...มันเสียหายมากนะโว้ย!..ใช่กูเข้าข้างมันนะกล..เป็นกูถ้าเกิด
ไม่มีทางเลือกต้องเอากับวีมันจริงๆ กูยอมก็ได้ว่ะ!...แต่ยังไงกูก็ต้องเป็นผัวมันแน่ๆ
มึงจะให้ถึกๆ ควายๆ อย่างพวกกูไปเป็นเมียไอ้วี ทั้งหล่อทั้งขาวร่างเล็กเนี๊ยะนะ...กูว่าไม่รุ่งว่ะกล...
ที่หลังถ้าจะหึงอะไรคิดให้มันใกล้ความเป็นจริงด้วยก็ดี” เหี้ยถม..คนซื่อ..มึงจะกลายเป็นคนคดในสายตากู
ก็วันนี้แหละ..ฟังมันพูดดิ...พูดออกมาได้ จนผมนายกวี..ถึงกับนั่งบื้อตาโตเป็นใบ้อมบอระเพ็ด
ไปไม่เป็นเลยครับ..คำพูดพวกเหี้ยนี่ ไหงไปๆมาๆ มันดันเอาผมมาเป็นประเด็นหลัก
เรื่องใครเป็นผัวเป็นเมียกันซะงั้น
“เอ่อดิ..กูเห็นด้วยกับไอ้ถมมัน..ใช่ๆ..กูก็ว่างั้น..อืม..เห็นด้วย...” แล้วไอ้พวกที่เหลือ
ก็พากันลงประชามติแสดงความคิดเห็นแบบไม่ต้องร้องขอ มันจะเกินไปแล้วผมกำลังจะจิตหลุด แต่...
“
ผมไม่เห็นด้วย..ผมก็ด้วย..” อ้า...พระเจ้า!..น้องชายผมเจ้าวิวกับเจ้าวุ้น
มันรีบส่งเสียงค้านประท้วงมาทันที เล่นเอาทุกคนหันไปมองพร้อมกันให้พรึบ ไม่เว้นแม้แต่ผม
เพราะงงกับมันว่ามันกำลังจะพูดไรต่อ....???
“พี่ชายผม..จะไปเป็นเมียใครเค้าไปทั่วไม่ได้หรอก..ที่พวกผมรับได้และไม่รังเกียจ
เพราะเรารักพี่วี..แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพี่วีเป็นได้ต้องเมียพี่กลคนเดียว..คนอื่นห้ามโดยเด็ดขาด”
เอ่อ!..จบข่าววิวน้องพี่...แกกำลังทำให้กลสิทธิ์มันยิ้มจนปากฉีกไปถึงหูแล้ว แค่นั้นยังไม่พอ
มันลุกมาหาน้องผมทั้งสองคน กระชากเข้าไปกอดพร้อมกันทั้งสองแขน ก้มจูบขมับน้องผมไปมา
สลับกันทั้งสองคน
“
ฮิ้วววววๆๆๆๆ!!!!....ครอบครัวหรรษา พี่เขยน้องเมีย..เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย.
อิจฉาจริงวุ้ย..พวกมึงว่าไหม...
จริ๊งงงงๆๆๆ...ฮิ้ววววววๆๆๆๆ!!!!” ไม่ผิด..เสียงสัมภเวสี
แซวขึ้นมาทันที แต่ตอนนี้กวี...ไม่สามารถอยู่ต่อได้แล้ว ลุกหนีให้ว่อง คิดได้ตอนนี้
ถึงมันจะสายไปก็ตาม แต่ขืนอยู่ต่อผมว่าไม่ใช่แค่หน้าแม้แต่ร่างผม..มันคงระเบิดเป็นเสี่ยงๆแน่
เพราะผมร้อนฉ่าไปหมดตั้งแต่เส้นผมยันปลายเท้า....
ไอ้พวกบร้า...นรกแสรดดดดด...????
ปล. ที่ค้างไว้...ทำไมเพื่อนในกลุ่มกลถึงพากันกลัวอารมณ์โกรธเหมือนทอร์นาโดของกลสิทธิ์
เพราะพวกมันช่วยกันปิดผมอยู่เรื่องหนึ่ง คือถมมันเคยไปหม้อรุ่นน้องคนหนึ่งที่มักมานั่งข้างสนามบอล
ช่วงเวลามันซ้อม มันไม่รู้ว่าน้องเค้ามีแฟน แล้วจู่ๆวันหนึ่งแฟนน้องเค้าก็พาพวกมารุมยำตีนมัน
หลังห้องน้ำ มันคนเดียวสู้ไม่ได้เลยอ่วมไปเหมือนกัน พอเรื่องนี้รู้ถึงหูกลสิทธิ์ไม่มีใครห้ามไรได้
มันลุยดะไปถึงคณะของแฟนน้องเค้า แค่นั้นไม่เท่าไหร มันเล่นเข้าไปกระทืบเค้าสลบคาห้องเรียน
ซึ่งขณะนั้นอาจารย์ยังไม่เข้าคลาส ปรากฏว่าพวกเพื่อนไอ้นั้น ต้องช่วยกันหามมันไปห้องพยาบาลกันเลย
เรื่องนี้ดังไปทั่วจนถึงขั้นคณะบดีเรียกไปเคลียร์และลงทัณฑ์บนไว้ทั้งสองฝ่าย
เพราะถือว่ามีความผิดทั้งคู่ เหตุการณ์นี้เพื่อนๆในกลุ่มจึงกลัวลูกบ้ากลสิทธิ์
เพราะเห็นกันมากับตาแล้วว่างั้น แต่ผมไม่รู้เรื่องมาก่อน มารู้เอาทีหลังเพราะเกิดความสงสัย
ที่ต้น พิริยะ มันกลัวกลสิทธิ์จนขี้ขึ้นหัว..ตอนวิ่งไปหลบหลังประตูตู้เสื้อผ้านั่นแหละ
ถึงได้ถามจากมันจนได้คำตอบเอาทีหลัง ว่าที่มันไม่กล้าสู้กลสิทธิ์เพราะอะไร
เป็นไงบ้างค่ะ...ตอนพิเศษ..ได้พบความหน้าแตกบวกความฮา
และความน่ารักกับโหมดเน่าของพี่กล และเห็นพี่วีเขินกันพอใจไหม
แถมยังได้สาระคำพูดดีดี ที่แม่พี่วีให้แง่คิดในการใช้ชีวิตอีกด้วยนะค่ะ
หนูชอบที่พี่วีเขียนตอนนี้มากค่ะ...ครบรสจริงๆ
คิดเหมือนกันเปล่า..ไม่ดราม่า..แต่สนุกมีสาระ
พี่วีรับปากจะเขียนตอนพิเศษแบบหวานโรแมนฯ
มาให้อ่านอีกตอน รอไปก่อนนะค่ะ
Luk.