เสื้อกาวน์เก่าๆ.......กับเราสองคน
ตอนที่ 153
แฮปปี้เบิร์ทเดย์ ทู ยู
ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับเรื่องเล่าของเราสองคน
แต่อันที่จริงคงมาจากความขี้เกียจของผมเองที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ว่างมาเขียนเรื่องราวของเจ้าตัวเล็กสักเท่าไหร่
เพราะช่วงนี้ก็เข้าสู่ช่วงสอบของผมอีกแล้วทำไมมีแต่สอบกับสอบนะ
ชีวิตนี้ทำไมเราต้องเอาชีวิตและความเป็นคนของเราไปเทียบกับมาตรฐานค่าวัดต่างๆเสมอๆ ไม่เข้าใจจริงๆ
6 กันยายน
หนึ่งในวันสำคัญในรอบปีเพียงไม่กี่วันที่ผมจำได้นอกจากวันปีใหม่ กับวันสิ้นปี วันเกิดใครๆ
หรือแม้กระทั่งตัวผมเองบางทีกังหลงลืมไปก็มี
แต่วันเกิดคนหนึ่งคนที่ผมจำได้ขึ้นใจและไม่มีวันหลงลืมไปได้เลยก็คือ
วันเกิดของเจ้าตัวเล็กนี่แหละ
ไม่รู้เหมือนกันทำไมผมไม่หลงลืมเหมือนวันเกิดของคนอื่นๆ ทั้งๆที่ผมจะต้องเสียเงินจ่ายเป็นค่าของขวัญคราวละหลายตังค์อยู่เหมือนกันแต่มันกลับรู้สึกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูกแฮะ
อาจจะเพราะรู้โทษทัณฑ์ของการหลงลืมวันเกิดเจ้าตัวเล็กไปแล้วละมั้ง ฮ่าฮ่า
ผมตื่นมาแต่เช้าตรู่เพราะรู้ว่าป่านนี้เจ้าตัวเล็กคงตื่นไปเข้าวัดทำบุญเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เช้าแล้วเป็นแน่
ก่อนที่จะกดโทรออกไปอวยพรวันเกิด วันสำคัญแบบนี้ผมคงต้องรีบทำคะแนนกันหน่อยแล้ว แม้จะรู้ว่าไม่มีคู่แข่งก็ตาม
“แฮปปี้เบิร์ทเดย์คนหน้าตาดี คร้าบบบ” ทันทีที่เจ้าตัวเล็กกดรับสายผมก็รีบหยอดไปหนึ่งดอกทันที
“ขอบคุณคับ นี่ก็กำลังกรวดน้ำอยู่พอดี” เจ้าตัวเล็กตอบกลับมาทำเอาผมตกใจเฮือกเลยเชียว
“อ้าว มากรวดน้ำให้พี่ทำไมละไม่ได้เป็นวิญญาณเร่ร่อนะหน่อย ประะเดี๋ยวเข้าสิงเลยนี่”
“ไม่ได้กรวดน้ำให้พี่ไม้ แต่ตอบไว้ก่อนเพราะเดี๋ยวพี่ไม้ก็จะถามติ๊บอยู่ดีแหละว่านี่ทำอะไรอยู่”
“ออ แต่มาตอบว่ากรวดน้ำพี่เลยนึกว่าแฟนพี่เป็นพวกปากคอเราะร้ายซะแล้ว” ผมตอบ
“บ้าเหรอ ไม่ใช่พวกปากคอเราะร้ายน้า พูดก็เพราะ หน้าตาก็ดีซะขนาดนี้ หาได้ที่ไหนอีกแบบนี้”
อืมม ไม่ได้ปากคอเราะร้ายแต่ปากแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรอะ ทำไมแก้ไม่หายซะทีเลยหว่า
ผมได้แต่คิดอยู่ในใจไม่กล้าปริปากออกมาแต่อย่างใด เพราะรู้ว่าถ้าค้านเรื่องนี้มีหวังโดนเอ็ดแต่เช้าเป็นแน่
“ แล้ววันเกิดปีนี้อยากได้อะไรเป็นของขวัญหรือเปล่า ” ผมถามไปเหมือนทุกปีที่ผ่านมาทั้งๆที่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กไม่เคยเรียกร้องของขวัญอะไรเลยไม่ว่าจะอายุครบกี่ปีก็ตาม
“ อยากได้อาตี๋หล่อๆใส่ห่อแยกน้ำให้ด้วย อ่อ ส่งอีเอ็มเอสมาที่ห้องเลยนะ หรือจะส่งมาแบบพัสดุเก็บเงินปลายทางเลยก็ได้ ”
โห ไม่น่าถามเลยเรา ปีนี้มาแนวฮาเหนือคาดแฮะแฟนเรา
“ อ่อ ก็พอมีนะ พี่ก็ตี๋ได้อยู่แถมหล่อก็เข้าขั้น แต่ไปพร้อมน้ำเลยได้ป่าวอะ อาตี๋รุ่นนี้แยกน้ำไม่ได้ซะด้วยมีแต่แบบขลุกขลิก หรือไม่ก็แบบท่วมท้นไปเลย ”
ผมหยอกเจ้าตัวเล็กไปตามสายก่อนได้รับเป็นเสียงหัวเราะคิกคักเคอะเขินมาจากปลายสาย
“ เอาเป็นว่าวันเกิดปีนี้พี่ขอให้ติ๊บเป็นติ๊บที่มีความสุข สดใส และเป็นที่รักของคนไข้ ของคุณหมอด้วยกันแล้วก็เป็นติ๊บที่น่ารักของพี่แบบนี้ไปตลอดด้วยนะ รักพี่ไปแบบนี้นานๆด้วย ” ผมอ้อล้อไปตามสาย
“ คับ กี่ปีผ่านไปติ๊บก็น่ารักแบบนี้อยู่แล้วละ ความน่ารักมันแทรกตัวอยู่ในลำดับเบสในดีเอ็นเอเรียบร้อยแล้ว แต่จะรักพี่ไม้ไปนานๆนี่ไม่สัญญานะ แต่พูดได้เหมือนเดิมว่าจะรักให้ดีที่สุดนั่นแหละ ”
เจ้าตัวเล็กตอบกลับมาทำเอาผมจุกอีกรอบเลยทีเดียว
หลังจากออดอ้อนขอคะแนน ขอความรักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วผมก็วางสายให้เจ้าตัวเล็กไปเข้าวัดไปทำบุญต่อ
แต่ก็ยังดีที่เจ้าตัวเปรยๆขึ้นมาว่าไม่มีผมอยู่แล้วคิดถึงผมมากเพราะไม่มีคนพาไปเข้าวัดทำบุญหลายๆวัด เหมือนตอนที่ผมพาไปตระเวรทำบุญ
และที่สำคัญไม่มีคนเลี้ยงเค้กไอศครีมในวันเกิดเหมือนทุกปีที่ผ่านมานั่นซิคือประเด็นหลัก
เฮ้อออ ยังไงผมก็ไม่มีวันสำคัญเท่าไอติมอีกแล้วซิน่า
วันนี้ผมได้รับอีเมลล์พร้อมไฟล์รูปจากเมืองไทยในตอนดึกๆของวันก่อนที่ผมจะเข้านอนเหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่านมา
รูปคุณหมอในเสื้อกาวน์หน้าตาบ้องแบ๊วกับไอศกรีมถ้วยเบ้อเร่อร้านประจำและความสนุกสนานที่ฉายแววรอยยิ้มสดใสออกมาได้อย่างชัดเจน
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขสดใสที่เป็นไปตามอารมณ์สนุกสนานและเป็นไปตามวัยที่สดใสร่าเริงแบบนี้
นี่คงเป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่งที่เจ้าตัวเล็กพึงจะมี
ผมเพิ่งมานึกได้ว่าตลอดการคบกันสามปีของเรา ผมช่างเป็นคนรักที่เห็นแก่ตัวเอาเสียเหลือเกินเพราะนานทีปีหนผมจึงจะปล่อยให้ติ๊บได้มีความสุขสนุกสนานไปกับเพื่อนและก็มีความสุขในขณะที่ผมติดสอยห้อยตามไปเป็นผู้ปกครองเสียด้วยซิ บางทีโอกาสแบบนี้อาจจะเป็นความสุขที่ติ๊อยากจะมีบ้างก็ได้
เพราะบางทีคนเราก็ต้องการระยะห่างระหว่างกันเอาไว้บ้าง
ผมคิดในแง่บวกแบบที่เจ้าตัวเล็กสอนแล้วนะแต่ทำไมผมถึงไม่ค่อยจะแฮปปี้เอาเสียเลย
เมื่อคิดว่าเจ้าตัวเล็กมีความสุขตามประสาวัยรุ่นกับเพื่อนๆบ้าง
แต่ผมก็อดที่จะเป็นห่วงกลัวว่าใครจะเข้ามาแทนที่ผมไม่ได้นะซิ