มาแล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่หายไปนาน ๆ เพราะว่ามีงานเข้าค่ะ
1. การบ้าน รายงาน และพีเซ็นต์เยอะมาก ๆ เลยค่ะ ไม่มีเวลามาทำเรื่องของน้องพีต่อเลย
2. ไฟล์เรื่องของน้องพีตอนสุดท้ายได้ทำลายตัวเองจากการแฮงค์ของคอมพิวเตอร์
และก็หายไปหมดเลยค่ะ o22ซึ่งก็โชคดีที่เหลือแต่ตอนจบตอนเดียวที่ต้อง "เขียนใหม่"
แต่ก็มาแล้วค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะทุกคนที่ติดตามมาตลอด อย่างที่เคยบอกหล่ะค่ะว่า ถ้าน้องพีมีตัวตนจริง ๆ เค้าคงดีใจที่ผู้อ่านรักและเป็นห่วงเค้าขนาดนี้ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ
ตอนที่ 11
“คุณแจ๊คเราจะมาทันพจมั๊ยอ่ะ” พีร์หันไปถามพลกฤษณ์ขณะที่รีบเร่งมาส่งศิริพจน์ที่สนามบิน
“ทันน่าพี..” เขาตอบไม่ให้พีร์กังวล เพราะลึก ๆ แล้วเขาก็กลัวเหมือนกันว่าจะมาส่งรุ่นน้องไม่ทัน
“ผมกลัวมาไม่ทันอ่ะ”พีร์กระวนกระวาย
“อืม เกทไหนนะ เกทนี่ใช่มั๊ยคุณแจ๊ค” เขาเพื่อความแน่ใจ
“อืม”
พวกเขามองหาศิริพจน์ และก็หันไปเจอชายหนุ่มกับแคทเธอรีนกำลังนั่งรอเวลาอยู่ พลกฤษณ์กับพีร์จึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปทักทาย
“พจจจจจ”
“อ่าว พี พี่แจ๊ค” ศิริพจน์ยิ้มออกมาเพราะดีใจที่คนทั้งสองมาส่ง
“สวัสดีค่ะ” แคทเธอรีนทักทายและยิ้มให้พีร์อย่างเป็นมิตรตามเคย
“พจจจ พีกลัวว่าจะมาส่งพจไม่ทันหน่ะรู้มั๊ย”
“เหรอ..ขอบใจมากนะที่มาส่งผม” เขาบอกกับพลกฤษณ์ต่อ “ขอบคุณนะครับพี่แจ๊ค”
“อะไรกัน พี่ต่างหากที่ต้องขอบใจที่แกอุตส่าห์บินมาเยี่ยม” เขาถามต่อ “แล้วนี่ไปสิงค์โปร์แล้วกลับอังกฤษเลยใช่มั๊ย”
“ใช่ครับพี่ กลับไปเคลียร์ที่นู่นต่อ”
“แล้วนี่ครอบครัวพจล่ะ” พีร์ถาม
“เพิ่งไปเมื่อกี๊นี่หล่ะ”
“อืม”
“พี่ดีใจด้วยนะพจ น้องแคท”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่แจ๊ค”
“พีเองก็ดีใจกับพจนะ พจกับคุณแคทได้แต่งงานกันจริง ๆ แล้ว พีดีใจด้วยนะ” เขาหมายความว่าคนทั้งสองรักกันจริง ๆ และได้อยู่ด้วยกัน
“อืม..ขอบใจนะพี” ศิริพจน์ยิ้มรับ
พวกเขาคุยกันสักพักก็ได้ยินเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง เวลาแห่งการร่ำลาของพวกเขาก็มาถึง
“ผมไปก่อนนะครับพี่แจ๊ค”
“อืม” พลกฤษณ์รับคำและตบไหล่รุ่นน้องอย่างให้กำลังใจ “โชคดีนะ ขอให้ทุกอย่างราบรื่น แต่งงานกันเมื่อไหร่บอกล่ะ คราวนี้พี่ไปกันแน่ ๆ”
“ครับ ขอบคุณครับพี่”
ศิริพจน์กันมาพูดกับพีร์ “คุณอ่ะดูแลตัวเอง และก็เป็นเด็กดีของพี่แจ๊คนะ”
“อืม” พีร์รับคำยิ้ม ๆ คนทั้งสองสวมกอดกันอีกครั้ง ศิริพจน์ลูบผมพีร์ที่อยู่ในอกเบา ๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นก็พบสายตาไม่พอใจของพลกฤษณ์มองเขาอยู่ เขาจึงคลายอ้อมกอดจากตัวพีร์
“เดินทางปลอดภัยนะ พจ คุณแคท”
“ขอบคุณค่ะ ไปก่อนนะคะคุณพีร์ สวัสดีค่ะพี่แจ๊ค” เธออำลาโดยการยกมือไหว้ชายหนุ่มและโบกมือให้พีร์ คนทั้งสองเองก็โบกมือให้กับศิริพจน์และแคทเธอรีนที่เดินเข้าประตูผู้โดยสารขาออกไปเช่นกัน
คนทั้งสองเดินมาเรื่อย ๆ โดยที่พลกฤษณ์นั้นไม่พูดอะไร พีร์รับรู้ได้ว่าคนรักนั้นงอนเขาแน่ ๆ จึงถามออกไป
“คุณแจ๊ค เมื่อกี๊งอนผมเหรอ”
พลกฤษณ์ไม่พูดอะไรนอกจากมองพีร์นิ่ง ๆ ถึงแม้เขารู้ว่าคนทั้งสองไม่มีอะไรกันแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่ชอบอยู่ดีเวลาเห็นพีร์กอดกับคนอื่น
“ผมกับพจไม่ได้มีอะไรกันแล้วนะ”
“ก็ผมไม่ชอบอ่า” เขาตอบมาแบบเสียไม่ได้ “เนี่ย รู้มั๊ยว่าตอนผมป่วยอ่ะ ผมยอมให้คนอื่นกอดคุณมาเยอะเลยนะ คราวนี้ผมไม่ยอมจริง ๆ ด้วย”
“โธ่...คุณแจ๊ค” พีร์ยิ้มขำ คนรักของเขาทำไมคิดมากเรื่องนี้ไปได้ “ก็ตอนนี้คุณหายดีแล้วหนิ ใครจะกล้ามายุ่งกับผม”
“ไอ้หยกไงล่ะ” เขาไม่ยอม
“ไม่เอาน่าคุณแจ๊ค....” พีร์ไม่อยากให้เขาน้อยใจ “จำไม่ได้เหรอว่า ตอนที่คุณกลับมาเจอผมตอนเข้าหอ ผมบอกกับคุณว่าไง”
พลกฤษณ์มองคนรักด้วยสีหน้าดีขึ้น
“ตอนนั้นผมพูดจริง ๆ นะ ผมมีความสุขมากเลยนะที่ผมจะมีคุณ”
พลกฤษณ์ยิ้มออก เขาจับมือคนรักเดินไปด้วยกัน จากการที่ได้ยินพีร์พูดอย่างนั้น ทำให้เขาเบาใจไปหลายเรื่อง
คืนนี้เป็นคืนแรกที่พลกฤษณ์จะนอนโดยที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ช่วงหลังมานี้ คนเป็นปู่กับย่าตัดสินใจนำพอลมาอยู่ด้วยเพราะว่ากลัวว่าเด็กน้อยทำให้พีร์ที่ดูแลพลกฤษณ์อยู่แล้วต้องเหนื่อยขึ้นไปอีก พอลจึงไม่ได้มานอนคั่นกลางระหว่างคนทั้งสองอีกต่อไป คนทั้งสองที่ตอนนี้นอนเคียงข้างกันมองหน้ากันยิ้ม ๆ พลกฤษณ์ทำหน้านึกอะไรออกจึงลุกไปหยิบของบางอย่างในห้องแต่งตัวให้พีร์ เขาเดินยิ้นพร้อมถือกล่องเล็ก ๆ มาให้พีร์กล่องหนึ่ง
“อะไรอ่ะคุณแจ๊ค” พีร์สงสัย
“อ่ะนี่” เขายื่นกล่องน้ำหอมให้พีร์ เมื่อเปิดออกมาก็เป็นขวดน้ำหอมสีส้มสดใส
“ให้ผมเหรอ”
พลกฤษณ์พยักหน้า
“ขอบคุณนะ” พีร์ตอบรับอย่างตื่นเต้น “ไปหามาจากไหนเนี่ยะ รู้มั๊ยว่าผมชอบกลิ่นนี้มากเลยนะ แต่เมืองไทยรู้สึกจะไม่เอามาขายแล้ว”
“ใช่ คุณเลยใช้กลิ่นอื่นไงล่ะ”
พีร์มองหน้าพลกฤษณ์อย่างสงสัย “แล้ว คุณรู้ได้ไงว่าผมเคยใช้กลิ่นนี้”
“ก็ ตอนที่ผมเจอคุณครั้งแรกอ่ะ ตอนนั้นคุณใช่น้ำหอมกลิ่นนี้ใช่มั๊ย”
พีร์ทำหน้านึก “เอ...ตอนนั้น ที่งานปีใหม่ของพ่อพจน์ใช่มั๊ย ผมไม่ได้ใช่กลิ่นนี้แล้วหนิ”
“ไม่ใช่” พลกฤษณ์ส่ายหน้าน้อย ๆ “ตอนที่ผมเจอคุณที่ฮ่องกงอ่ะ”
พีร์คิดตามและมองหน้าชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจที่สุด “นี่คุณจำได้ด้วยเหรอคุณแจ๊ค”
“อืม จำได้สิ”
“คุณแจ๊ค....” พีร์พูดไม่ออก
“อืม ผมจำได้ดีเลยนะ ว่าคุณแต่งตัวยังไง กินอะไรบ้าง แล้วก็มองผมยังไง”
พีร์เงียบ แต่ก็อยากฟังชายหนุ่มพูดต่อ
“ไม่รู้สิ ผมมองตามคุณหลังจากที่ลากันแล้ว ผมรู้สึกว่าคุณน่ารักดี”
“เหรอ” พีร์เขิน “อ้วน ๆ กลม ๆ ขาใหญ่ ๆ อย่างผมเนี่ยะนะ”
“อืม ใช่” พลกฤษณ์สมทบ “ไม่ใช่อ้วนธรรมดานะ แถมยังเชิดใส่ผมด้วย แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมถึงได้รู้สึกว่าคุณน่าสนใจดี”
พีร์ยิ้มเขิน นี่แสดงว่าพลกฤษณ์นั้นชอบเขามานานกว่าที่เขาคิดไว้ใช่ไหมนี่
“คุณแจ๊คอ่ะ...”
“อืม น้ำหอมเนี่ยะ ผมฝากไต่ก๊อซื้อมานะ ผมก็ชอบกลิ่นนี้นะ ผมว่ามันเหมาะกับคุณดี” พลกฤษณ์ตัดบท เพราะเขาเองก็เขินเหมือนกัน
“ขอบใจนะ” พีร์รับคำ
“เปลี่ยนจากคำขอบใจเป็นอย่างอื่นได้ป่ะ” ชายหนุ่มอ้อน
พีร์รู้งาน เขามองชายหนุ่มอย่างหมั่นไส้ แต่ก็หอมแก้มชายหนุ่มทั้งสองข้าง ชายหนุ่มเองก็เช่นกันที่ก็หอมแก้มคนรักตอบ พวกเขาสวมกอดกันและก็หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างเขิน ๆ และล้มตัวลงนอนโดยที่พลกฤษณ์นั้นซบอกอิ่มของคนรักอย่างมีความสุข
“เอ้ออ ผมเกือบลืม” เขาผละออกมาช้า ๆ “มีหนังสือให้เราไปถ่ายแบบหน่ะพี”
“ถ่ายแบบเหรอ” พีร์ทวนคำอย่างกรุ่นคิด
“อืม ผมว่าน่าสนใจดีนะ เลยมาคุยกับคุณ”
“เหรอ เป็นหนังสือหรืออะไรล่ะ” พีร์ถาม เพราะว่าหลังจากที่พวกเขาสองคนเป็นที่รู้จักของสังคม ก็เป็นที่ต้องการของบริษัทโฆษณา นิตยสาร งานอีเวนท์ และรายการโทรทัศน์มากมาย แต่พีร์กับพลกฤษณ์นั้นไม่สนใจยกเว้นว่าพวกเขาเห็นว่าเหมาะสมจริง ๆ
“ก็นิตยสารอ่ะ ไงดี คือเป็นแนวท่องเที่ยวอ่ะ อารมณ์ฮันนีมูนของคู่รัก ทำนองนั้น”
“เหรอ” พีร์พูดต่อ “เค้าให้เราไปถ่ายแบบให้ ก็แสดงว่าเราจะได้ไปเที่ยวกันใช่มะ”
“อืม” พลกฤษณ์ตอบรับ
“จะดีเหรอคุณแจ๊ค แล้วเค้าบอกยังอ่ะว่าจะให้เราไปที่ไหน”
“เค้ายังไม่กำหนดมานะว่าที่ไหน ผมก็ไม่ได้รับปากเค้าเพราะผมอยากคุยกับคุณก่อน แล้วคุณว่าไงอ่ะ”
พีร์มองหน้าคนรักแบบขอเวลาตัดสินใจ เขาก็ตอบชายหนุ่มทันทีไม่ได้เช่นกัน
“หะ แกเนี่ยะนะ....ไปถ่ายแบบ” เขียวที่ตอนนี้มาช้อปปิ้งกับพีร์ที่ห้างดังแทบไม่เชื่อกับหูว่าพีร์จะไปถ่ายแบบ ไม่ใช่ว่าพีร์รูปร่างหน้าตาไม่ดี แต่เธอรู้ว่าเพื่อนคนนี้ขี้อายแค่ไหน
“ก็ยังไม่ได้รับปากเค้า ชั้นว่ามันก็น่าสนใจดีเลยมาเล่าให้แกฟัง” พีร์ตอบเพื่อน
“ก็ดีนะ คงจะเก๋ดี...ว่าแต่เค้าบอกหรือยังว่าให้ไปถ่ายกันที่ไหน”
“ยังเลย ชั้นกับคุณแจ๊คยังไม่ได้คุยกับทีมงานเค้าเลย แต่ถ้าไปทะเลชั้นไม่ไปจริง ๆ ด้วย เกิดมาก็เห็นแล้ว แถมตอนเรียนก็ชอบไปรับน้องที่ทะเลกันอีก น่าเบื่อชะมัด”
“อืม พอเข้าใจนะ แกก็เป็นสาวใต้ใกล้ทะเลซะขนาดนั้น”เขียวตอบรับ
“แล้วนี่นายแบบเป็นใครล่ะ หล่อมั๊ย ชั้นว่าคงต้องหล่อมากแน่ ๆ เลยไม่งั้นแกคงไม่มาลังเลอย่างนี้หรอก เค้าเอานายแบบหล่อ ๆ มาล่อแกเหรอ”
“บ้า มีที่ไหนล่ะ ก็คุณแจ๊คนี่ไงล่ะ อย่าลืมสิว่าพวกชั้นขายเป็นแพคคู่จ้ะ”
“อ่อ ก็ดีนะคะ ฮันนีมูนกัน สวย ๆ”
“อืมใช่...แล้วว่าแต่แกเถอะค่ะ ท้องห้าเดือนแล้วยังหนีสามีมาช้อปปิ้งได้อีกนะคะ ได้ข่าวว่ามาร์โค่ไม่ให้แกขับรถหนิ แต่นี่แกขับไปรับชั้นที่บ้านเองมันยังไงหะเขียว”
“ก็จะให้ทำไงล่ะ” เขียวพูดเซ็ง ๆ “จะให้ชั้นนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บ้านเหรอ นี่ก็ไม่ยอมให้ชั้นไปช่วยที่ร้านอีกนะ โอเค ชั้นก็ชอบอยู่บ้าน แต่มันก็เบื่อนะ ชั้นก็เลยขับรถชวนแกช้อปปิ้งไง”
“เออ แล้วแกทะเลาะกันบ่อยมั๊ย” พีร์ถาม เพราะว่าเขารู้ดีว่าเขียวนั้นเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมอยู่ใต้อะไรง่าย ๆ เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนอย่างเขียวกับชีวิตแต่งงานมันจะเป็นยังไง
“มีบ้าง” เขียวตอบตรง ๆ “ก็เรื่องทั่ว ๆ ไปหล่ะ”
“เหรอ...”
“อืม”
“แล้วนี่เค้าจะว่าอะไรแกมั๊ยเนี่ยะขับรถมาอย่างนี้”
“แน่น้อนนน” เขียวพูดอย่างไม่สนใจ “แต่ชั้นไม่ได้เอารถเค้ามาขับนะ นี่มันรถชั้น เค้ายึดกุญแจไม่ได้อยู่แล้ว ชั้นรู้ว่าเค้าเป็นห่วง แต่ก็อย่าเวอร์ได้ป่ะ”
“อ่าจ้ะ คุยกันเองก็ละกันเรื่องนั้น ว่าแต่ แกไปอัลตร้าซาวด์น้องในท้องมายังเนี่ยะ ผู้หญิงหรือผู้ชายฮะ”
“ผู้ชายค่า” เขียวพูดต่อ “ก็รู้สึกดีนะคะ ที่มาร์โค่มีฝีมือในการทำ เพราะเค้าบอกว่า ทำลูกชายยากกว่าทำลูกสาว แต่ตอนโดนทำชั้นไม่รู้นะว่ายากหรือเปล่า รู้แค่ว่าสนุกม๊ากก มากค่ะ ฮ่ะ ๆๆๆ”
พีร์ขำเพื่อนที่ปล่อยความทะเล้นทะลึ่งออกมา “แหมนังเขียว ท้องอยู่ก็ยังไม่เลิกแรงอีกนะ แต่ก็ขอให้ลูกหล่อเหมือนพ่อนะจ๊ะ”
“ค่ะ แน่นอน” เธอลูบท้องเบา ๆ พร้อมคุยกับเด็กในครรภ์ “ขอให้หล่อและดีเหมือนพ่อ ฉลาดเหมือนแม่ แต่อย่าเป็นตุ๊ดแบบน้าพีนะจ๊ะลูก”
“นังเขียว!” พีร์ไม่ยอม “อยากคลอดก่อนกำหนดมั๊ยฮะ”
“อ่อลืมไป แกก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันนี่นา...ผู้หญิงยุคใหม่มีไข่ยืนเยี่ยว หุหุหุ”
เขียวไม่พูดอะไรอีกนอกจากจิกหน้าใส่เพื่อน พีร์เองก็ไม่ยอมเหมือนกัน แต่ระหว่างนั้นเขาก็หันไปเห็นศิลาที่ยืนอยู่คนเดียว พีร์เลยนิ่งไป และบอกกับเขียวว่า
“เดี๋ยวชั้นมานะแก”
“อืม” เขียวรับคำ และเดินไปนั่งรอที่ม้านั่ง
พีร์เข้าไปสะกิดศิลาเบา ๆ ให้หันมา ชายหนุ่มมีสีหน้าดีใจเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนเข้ามาทัก
“สวัสดีครับพี่หยก” พีร์ทักทายอย่างสุภาพตามเคย
“ครับ น้องพี” ศิลายิ้ม ๆ เขาดีใจเหลือเกินที่ได้พบกับพีร์อีก
“พี่หยกสบายดีนะครับ แล้วนี่พี่แพรวมาด้วยหรือเปล่าครับเนี่ยะ”
“เปล่าครับ คือ พี่มากับ...” ศิลาอธิบายไม่ถูก แต่ศตวรรษก็เดินเข้ามาพอดี
“คุณหยก...”
พีร์มองหนุ่มตี๋ร่างสมส่วนตรงหน้า เขามองพีร์อย่างเป็นมิตรเช่นกัน และปลีกตัวออกไปให้ศิลาได้คุยกับพีร์ต่อ
“พี่หยกคบกับคุณคนนี้เหรอครับ” พีร์ถามตรง ๆ เพราะด้วยความเป็นเหมือน ๆ กันเลยทำให้ดูออกไม่ยาก
“ครับ..” ศิลาตอบรับยิ้ม ๆ
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจ “เหรอครับ...พีดีใจด้วยนะครับ”
“ขอบคุณครับ”
“อืม พีขอตัวก่อนนะครับ บอกพี่แพรวด้วยนะครับว่าพีคิดถึง”
“ครับ”
“สวัสดีครับ” พีร์ยกมือไหว้ชายหนุ่มและเดินกลับมาหาเพื่อน ศิลามองตามร่างอวบนั้นด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเขายังรักพีร์เหมือนเดิม
ศตวรรษที่เดินมาสมทบมองชายหนุ่มและเด็กหนุ่มที่เดินออกไป เขาถามศิลาว่า
“น้องคนนี้ใช่มั๊ยครับที่คุณเล่าให้ผมฟัง”
ศิลาพยักหน้าเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มมุมปาก
“น่ารักดีนะครับ”
“อืม ครับ” ศิลารับคำ
“คุณชอบคนอวบ ๆ เหรอครับ” ศตวรรษถาม
“ก็ ไม่รู้สิครับ ทำไมเหรอครับหมอ”
“เดี๋ยวผมจะได้ขุนตัวเองให้อ้วนๆ ไงล่ะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ หมอเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว” ศิลาพูดต่อ “ผมชอบที่หมอเป็นตัวหมอนะ”
ศตวรรษเขินเลยตีแขนชายหนุ่มเบา ๆ ศิลายิ้มพร้อมกับยีผมคนรักเล่น คนทั้งสองมองหน้าแล้วยิ้มออกมาพร้อมกันอย่างมีความสุข
“ใครหน่ะแก...ใช่คุณหยกหรือเปล่า” เขียวถามพีร์ที่เดินมาหา เธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่รู้จักศิลาและรู้ว่าเพื่อนของเธอเคยเป็นเด็กฝึกงานที่บริษัทของเขาเพราะว่าปลื้มชายหนุ่ม
“อืม ใช่” พีร์รับคำนิ่ง ๆ เพื่อไม่ให้เพื่อนสงสัย
“ตัวจริงเค้าดูดีมากเลยเนอะ”
“อื้อ..ดูดี”
“แล้วแกเลิกกรี๊ดเค้าหรือยังล่ะ” เขียวถามเพราะเธอรู้ว่าเมื่อก่อนนั้นพีร์นั้นปลื้มชายหนุ่มเอามาก ๆ
“เลิกแล้วหล่ะ ชั้นก็มีของชั้นแล้ว แถมหล่อกว่าตั้งเยอะ ชั้นจะไปสนใจคนอื่นทำไม” พีร์ตอบยิ้ม ๆ
“ก็จริงอ่ะ คุณแจ๊คเค้าเป็นผู้ชายที่หล่อจริง ๆ หล่ะ และก็เป็นคนที่โอเคนะ นิสัยดีและก็รักแกมาก ๆ ด้วย ๆ”
“แน่นอน...แต่ห้ามฟินส์ของชั้นนะ”
“โอ๊ยไม่อยู่แล้ว เผอิญว่าชอบของนอกค่ะ โกยซีหมี่คงจะสู้สปาเกตตี้ไม่ได้หรอกค่ะ ฮ่ะ ๆๆ”
“จ้ะ แม่คนมีผัวฝรั่ง” พีร์ว่าให้
“นังพี ๆๆ”
“หืม อะไร”
“เรื่องถ่ายแฟชั่นของแกเนี่ย ชั้นว่าก็แล้วแต่แกนะ แต่ถ้าเป็นชั้นชั้นก็เซย์เยสล่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ได้ทั้งไปเที่ยว และก็ได้แต่งตัวเก๋ ๆ เป็นนางแบบกันวันนึง แกคิดดูดี ๆ นะพีโอกาสแบบนี้มันไม่ได้มีกันทุกคนนะ”
“อืม ก็จริงของแก แต่ว่า ชั้นเนี่ยะนะ จะไหวเหรอ” พีร์กังวลเพราะความเป็นคนรูปร่างอวบอัดของเขา
“น่าไหวซี่...” เขียวให้กำลังใจเพื่อน
“ขอบใจนะ” พีร์รับคำ เขาได้คำตอบแล้วว่าควรจะรับปากทางโน้นดีหรือไม่
และแล้วพีร์ก็ตกปากรับคำกับนิตยสารสำหรับการถ่ายแฟชั่น โดยทีมงานได้เลือกตัวเมืองเชียงใหม่เป็นสถานที่สำหรับถ่ายทำและแนะนำข้อมูลการท่องเที่ยวสำหรับคู่รักโดยเฉพาะคู่รักกระเป๋าหนักและมีรสนิยม พีร์และพลกฤษณ์ได้เยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ที่ทีมงานเลือกมา เช่น บูทีคโฮเทลสุดล้ำสำหรับคู่รักที่ไม่อยากเหมือนใคร ประตูท่าแพ ชุมชนวัดเกตุ สะพานนวรัฐ และสุดท้ายกับการถ่ายทำบนเรือที่ใช้ล่องชมแม่น้ำปิง โดยพีร์และพลกฤษณ์นั้นดูดีด้วยฝีมือสไตล์ลิสคนเก่งและเสื้อผ้าแบรนเนมสำหรับภาพลักษณ์เรียบหรูดูดีและแฝงความเซ็กซี่เล็ก ๆ สำหรับตัวพลกฤษณ์ ซึ่งโดยปกติเขาก็จัดว่าเป็นชายหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาดีมีเสน่ห์มาก ๆ อยู่แล้ว ยิ่งมาแต่งตัวแบบนี้เขาก็ยิ่งทำให้เขาดูหล่อเทพเข้าไปได้อีก
“คุณแจ๊คเนี่ยหล๊ออ หล่อนะคะ ถ้าหากว่าน้องพีไม่มาด้วยละก็ เจ๊รับรองว่าเสร็จเจ๊แน่ ๆ” ช่างแต่งหน้าเก็บอาการแทบไม่อยู่ขณะที่ช่วยคนทั้งสองแต่งตัว “หนูเบื่อเมื่อไหร่เจ๊ขอนะคะ”
“เอาไปเลยครับ” พีร์รับมุข
“จริงเหรอคะ พูดแล้วอย่าคืนคำนะคะน้องพี”
“นั่นสิ พูดจริงเหรอที่รัก” พลกฤษณ์ที่ตอนนี้เปลือยช่วงบนเข้ามาสมทบเขามิวายเล่นกับช่างแต่งหน้าด้วยการเข้าไปโอบไหล่เจ้าตัว ช่างแต่งหน้านั้นกรี๊ดออกมาอย่างเก็บไม่อยู่ส่วนพีร์นั้นก็ยิ้มขำกับเจ๊ช่างแต่งหน้ามากกว่าจะออกอาการหึงหวง
การทำงานของคนทั้งคู่นั้นราบรื่นดีไม่มีปัญหาทั้งในและนอกสถานที่ พีร์และพลกฤษณ์นั้นถ่ายทอดอารมณ์คู่รักได้ตรงตามโจทย์ที่ทีมงานวางไว้เป็นอย่างดี และด้วยความเป็นคู่รักตัวจริงของคนทั้งคู่นั้นทำให้ทีมงานช่างภาพไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ภาพทุกภาพของคนทั้งสองก็สื่อถึงอารมณ์ของคู่รักที่มีความสุขได้เป็นอย่างดี
และเซตสุดท้ายบนเรือล่องแม่น้ำปิงยามอาทิตย์ใกล้จะตกดิน พีร์และพลกฤษณ์นั้นยังไม่เหนื่อยโดยยังโพสท่าหวาน ๆ ตามการแนะนำของทีมงานช่างภาพ
“นั่นหล่ะครับดีครับดี...น้องพีเงยหน้าขึ้นนึดนึงครับ ดีครับ เยี่ยม”
ช่างภาพยังรัวชัตเตอร์ไปเรื่อยทั้งภาพเดี่ยวและคู่ โดยคนทั้งสองได้รับคำชมไม่ขาดปากจากตากล้อง โดยเฉพาะภาพคู่ที่เสียงเสียงกรี๊ดเบา ๆ จากทีมงานหลังกล้องได้เป็นระยะ ๆ
“ครับ นั่นหล่ะครับดีครับดี โอเคครับน้องพีร์ซบไหล่คุณแจ๊คนิดนึงนะครับ ดีครับ..”
คนทั้งสองโพสท่าหวาน ๆ กันเป็นธรรมชาติ พีร์เปลี่ยนอิริยาบทมาเป็นสบตากับชายหนุ่มในระยะปลายจมูกในมุมย้อนแสง พวกเขามองตากันตามปกติ แต่นั้นทำให้ทีมงานทุกคนกรี๊ดออกเพราะว่าอินกับอารมณ์ของคู่รักที่เห็นตรงหน้า
“ดีครับ ดี สวยมากครับ” ตากล้องยังไม่หยุดรัวชัตเตอร์ และพูดต่อ “โอเคครับ พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว ขอรูปสวย ๆ ส่งท้ายหน่อย..”
พลกฤษณ์ยิ้ม และสัมผัสริมฝีปากคนรักเบา ๆ ในอริยาบทเดิม เพียงเท่านั้น ทีมงานหลังกล้องทุกคนต่างก็แผดเสียงกรี๊ดออกมาจนเรือแทบล่ม
“โอเค ครับ เสร็จแล้ว สวยมากเลย” ช่างภาพกล่าวปิดงาน ทีมงานทุกคนต่างก็กุลีกุจอเข้ามารุมล้อมคู่รักทันที
“ตายแล้ว.....คุณแจ๊คน้ำแม่ปิงกลายเป็นน้ำเชื่อมหมดแล้วนะคะเนี่ยะ”
พลกฤษณ์ยิ้ม ๆ พีร์เองก็เขินมาก ๆ เหมือนกัน
“ขอบคุณคุณแจ๊คและน้องพีร์มากนะคะ” บก.แฟชั่นเข้ามาขอบคุณ “ร่วมงานกับคุณสองคนนี้สนุกดีค่ะ”
“ใช่ค่ะ เนี้ยะ งานเดินเร็วมากเลยนะคะ วันหลังมาถ่ายให้พวกพี่อีกนะคะ”
“ครับ ขอบคุณครับ” พลกฤษณ์กับพีร์ขอบคุณ เขาเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่างานถ่ายแบบจะไม่ยากอย่างที่คิด
3 เดือนต่อมา
“คุณแจ๊ค...รูปนี้คุณหล่อมากเลยอ่า” พีร์กับพลกฤษณ์นั่งดูผลงานของตัวเองด้วยกันในนิตยสารที่ตีพิมพ์แล้วพร้อมกับบทสัมภาสน์พวกเขาในเล่ม
“แล้วตัวจริงไม่หล่อเหรอ”
พีร์มองหน้าคนรักแบบแกล้งหมั่นไส้ “ชิ หลงตัวเอง..เค้ารีทัชเก่งหรอกคุณถึงได้ดูดี”
พลกฤษณ์ยิ้มขำ และดูนิตยสารต่อ เขาพูดกับพีร์ว่า
“เสียดายเนอะเราอยู่เชียงใหม่แค่สามวันเอง เราน่าจะอยู่สักอาทิตย์นึง”
“ไม่เอาอ่ะ เก้งกวางเยอะจะตาย” พีร์ขัดใจเมื่อนึกถึงตอนที่พวกเขาไปเที่ยวกลางคืนกันและมีแต่คนเข้ามารุมล้อมพลกฤษณ์
“ก็ เราก็อยู่กันเฉย ๆ ไง ไม่ได้ไปเที่ยว” เขาพูดต่อ “เอ หรือผมจะไปเปิดโชว์รูมที่นู่นดี คุณว่าไง”
“แล้วแต่คุณอ่ะ คุณว่าไง ผมก็ว่าตาม แต่ก็ทางทีดีทำรีเสริชก่อนดีกว่าเนอะ”
“อื้ม ใช่ๆๆ” เขารับคำ
“อุ๊ย รูปนี้ลงด้วยเหรอเนี่ยะ” พีร์ตกใจเมื่อเห็นรูปรักในแม่ปิงของพวกเขา พลกฤษณ์ยิ้ม ๆ เพราะพอใจในการถ่ายภาพของนิตยสาร
“คุณแจ๊คอ่ะแรง เค้าเขินนะตอนนั้นอ่ะ”
“ก็ทำไมล่ะ สวยดีออกเห็นมั๊ย”
พวกเขามองหน้ากันยิ้ม ๆ พลกฤษณ์ประชิดคนรักเพื่อจะมอบจูบให้แต่ทันใดนั้นมือถือของพีร์ก็ดังขึ้น พีร์ผละจากชายหนุ่มเพื่อกดรับโทรศัพท์เมื่อเห็นว่าใครโทรมา
“ฮัลโหล เขียวเหรอว่าไง”
พลกฤษณ์ส่ายหน้า เขานึกเคืองที่เขียวมาขัดให้เขาหวานกัน
“ไม่ช่ายขรับ นี่ม่าโค่ เองนะ” ภาษาไทยกระท่อนกระแท่นจากคนเป็นสามีของเพื่อนที่โทรแทนทำให้พีร์สงสัย
“ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”
“คือ ตอนนี้เขียวคลอดลูกแล้วหน่ะครับ”
“จริงเหรอครับ!” พีร์ตื่นเต้นดีใจ พลกฤษณ์ก็มองด้วยสายตามีคำถาม
“มีอะไรเหรอที่รัก”
“เขียวออกน้องแล้วคุณแจ๊ค”
“อ่าวเหรอ..” เขาพยักหน้ารับรู้ ไม่นึกเคืองหญิงสาวแล้ว
พีร์พูดโทรศัพท์ต่อเพื่อถามเรื่องโรงพยาบาลและห้องพักฟื้นเพื่อจะไปเยี่ยมเพื่อนสาวของเขา เขาตื่นเต้นนักที่จะเจอกับสมาชิกใหม่ของครอบครัวเพื่อน
“ไงเขียว” พีร์ทักทายหญิงสาวที่หลับเอาแรงบนเตียง ผิวขาวนั้นระเรื่อด้วยเลือดที่สูบฉีด เธอปรับสายตาจนรู้ว่าเป็นใครจึงทักทายเพื่อนตามปกติ
“อ่าว หวัดดีค่ะคุณแจ๊ค พี”
“ตามสบายคุณเขียว เป็นไงมั่งครับเห็นมาร์โค่โทรไปบอกผม ผมก็รีบมากันเลย” พลกฤษณ์เองก็ตื่นเต้นดีใจไม่แพ้กัน
“ก็เมื่อคืนปวดท้องหน่ะค่ะ เลยรู้ว่าคลอดแน่ ก็มาโรงพยาบาล ก็คลอดน้องตอนห้าทุ่มกว่า ๆ หน่ะค่ะ”
“แกคลอดเองหรือว่าผ่าอ่ะ”
“คลอดเองค่าา”
“เหรอ เจ็บมั๊ยอ่ะแก”
“อื้ม..” เขียวพยักหน้า “แต่พอเห็นหน้าลูกแล้วมันลืมเจ็บไปเลยหน่ะ ชั้นเห็นว่าลูกปลอดภัยชั้นก็หายเจ็บแล้ว”
พีร์พยักหน้ารับรู้เขาพอเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นเพศแม่ ณ จุดนี้
“อืม ผมถ่ายวิดิโอไว้ด้วยนะ” มาร์โค่บอกกับคนมาเยี่ยม
“เหรอ เก๋อ่ะ” พีร์ชอบใจ “แล้วนี่น้องไปไหนอ่ะ”
“อ่อ อยู่กับพยาบาลหน่ะ เดี๋ยวสักพักก็มา” มาร์โค่ตอบ
“แล้วครอบครัวแกล่ะเขียว เค้ามาเมื่อไหร่เหรอ”
“ม้าชั้นเพิ่งกลับไปมะกี๊เนี่ย คลาดกับแกแป๊บเดียวเอง”
“เหรอ ดีใจแทนมาม้าแกนะ มีหลานแล้ว”
“อืม...ขอบใจจ้ะ”
พวกเขาคุยกันสักพักพยาบาลก็อุ้มลูกชายของเขียวมา หญิงสาวลูบหน้าลูกชายอย่างรักที่สุด พีร์และพลกฤษณ์นั้นมองทารกน้อยความความเอ็นดู
“โหยย หน้าเหมือนมาร์โค่มากเลยอ่ะแก” พีร์อุทาน
“ก็ตั้งใจทำหนิคะ” เขียวตอบรับ
“แล้วตั้งชื่อกันไว้หรือยังครับเนี่ยะ” พลกฤษณ์ถาม
“ยังเลยครับ ต้องรอพ่อกับแม่ผมก่อนว่าท่านจะว่ายังไง”
พลกฤษณ์กับพีร์ยิ้มให้ครอบครัวตรงหน้า เขามีความสุขไปกับสมาชิกใหม่ผู้เป็นที่รักของครอบครัวของเพื่อน และก็จะเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาที่มีหน้าที่ให้ความรักแกเด็กน้อยผู้เป็นลูกชายของเพื่อนในวันข้างหน้าด้วย
“คุณแจ๊ค ลูกนังเขียวน่ารักเนอะ เห็นแล้วอยากมีลูกมั่งจัง”
“หืม...คุณอยากมีลูกเหรอที่รัก”
พีร์ชะงักทันทีเมื่อนึกถึงความเป็นจริงของพวกเขาที่ไม่ได้เป็นไปตามกฎการสืบพันธุ์ของธรรมชาติ
“เปล่าหน่ะ ผมก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย” พีร์ยิ้มให้ชายหนุ่มแต่ก็ปลอบใจตัวเองไปในที
“ผมรู้นะว่าทุกคนก็อยากมีลูกทั้งนั้นหล่ะ”
“อือหึ”
“ผมเองก็ยังเคยคิดเลยว่าผมก็อยากมีลูกกับเค้าเหมือนกัน”
“เหรอ” พีร์ประหลาดใจเพราะเพิ่งรู้จากชายหหนุ่ม ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มเพลย์บอยอย่างพลกฤษณ์จะมีมุมแบบนี้
“อืม”
“ไม่เชื่อใช่มั๊ยล่ะ”
“ปะ เปล่า..แค่เซอร์ไพร์สนิดหน่อยหน่ะ แต่ว่าเรามีน้องพอลแล้วนี่นา จะไปคิดถึงเรื่องอื่นทำไม ใช่มั๊ยที่รัก”
“อืม..ใช่” พลกฤษณ์หันมองหน้าคนรักอย่างประหลาดใจ “แต่ เมื่อกี๊คุณเรียกผมว่าอะไรนะ”
พีร์เขินไม่พูดต่อ เขาก้มหน้าเขิน ๆ ก่อนจะพูดเบา ๆ “ที่รักไง”
“อะไรนะ”
พีร์รู้ว่าชายหนุ่มยียวนเลยงอนใส่ เขากอดร่างอวบทันทีเพื่อง้อคนแสนงอน พีร์ยิ้มออกที่คนรักโอบกอดเขา
“ไม่เป็นไรหรอกนะครับ อยู่กันสองคนแบบนี้ก็ดีแล้ว ใช่มั๊ยครับ ที่รัก” พีร์บอกพลกฤษณ์ ชายหนุ่มพยักหน้ารับ พร้อมหอมแก้มสองข้างของพีร์แทนคำบอกรักของเขา พีร์เองก็หอมแก้มชายหนุ่มสองข้างเช่นกัน ก่อนจะบอกว่า
“รักนะครับ”
พลกฤษณ์ยิ้มรับคำบอกรักนั้นในใจ ก่อนจะกอดคนรักอีกครั้งและมอบจูบดูดดื่มแทนคำบอกรักของเขา พวกเขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีโซ่ทองมาคล้องใจ แต่ความรักและความผูกพันธ์ของพวกเขาและครอบครัวต่างหากที่ทำให้เขาทั้งสองรักและเข้าใจซึ่งกันและกัน
จบจ้ะ
ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ ทุกคน เจอกันเรื่องหน้า จริง ๆ ค่ะ
อ่อ อยากถามผู้อ่านค่ะ ว่าจากเรื่องของน้องพีนี้ คุณผู้อ่านชอบตัวละครตัวไหนมากที่สุด เพราะอะไร และก็ ฉากที่คุณผู้อ่านประทับใจอ่ะค่ะ อันนี้อยากทราบ ขอบคุณมาก ๆ นะคะสำหรับการติดตาม และความคิดเห็นต่าง ๆ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ