ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3  (อ่าน 33875 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
part II


กว่าทั้งสองคนจะตื่นก็ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นมาตรงหัวพอดี นาฬิกาบอกเวลาว่าเป็นเที่ยงวัน แต่เพราะผ้าม่านสีทึบปิดบังด้านนอกเอาไว้จึงทำให้คนที่นอนหลับอยู่นั้นยังคงอยู่ในความฝันต่อไป

 
ติ้ง

ติ้ง

ติ้ง

ติ้ง

เสียงข้อความแชทของโทรศัพท์ที่ดังขึ้นพร้อม ๆ กัน นั้นยังไม่ทำให้คนขี้เซาทั้งสองลุกขึ้น แต่เสียงข้อความแชทที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ไม่หยุดนั้นเริ่มกวนใจ จนทำให้ทั้งควันและไอติมนอนต่อไปไม่ได้เสียแล้ว

“ใครแม่งแชทมาแต่เช้าวะ”

เสียงทุ้มพึมพำแล้วคว้าโทรศัพท์ที่อยู่บนหัวเตียงขึ้นมาเปิดดู เช่นเดียวกับไอติมที่ตื่นแล้วเช่นกัน ดวงตากลม ๆ นั้นยังลืมไม่ขึ้น แต่ก็ควานหาโทรศัพท์บนหัวเตียงแล้วปรือตาขึ้นมาดู

“เที่ยงแล้วต่างหากล่ะ” ไอติมท้วงควันที่ยังทำหน้ายุ่ง แล้วอ่านข้อความเกือบยี่สิบข้อความที่คุยในกลุ่มของพวกเขา

“ช่างมันเหอะ...ไอ้วินทร์กับไอ้พีชนี่เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย”

ควันอ่านข้อความในโทรศัพท์เช่นเดียวกับไอติมที่ก็กำลังอ่านข้อความเหล่านั้นในโทรศัพท์ของตัวเองเงียบ ๆ


Peach. : พวกมึงงงง ไปหาไรกินกันนนนน

Peach. : เงียบ

Peach. : หายไปไหนกันวะ

Peach. : ไม่มีคนอ่านสักคน

Peach. : เที่ยงแล้วนะโว้ย อย่าบอกว่ายังไม่ตื่นสักคน

Peach. : ตื่นเดี๋ยวนี้! กูหิวข้าววววววววว

win : เลิกส่งข้อความมารัว ๆ เหอะ กูจะปาโทรศัพท์ทิ้งอยู่แล้ว

Peach. : ไม่หยุดจนกว่าพวกมึงจะอ่านกันครบ

win : ไม่มีอะไรทำรึไง

Peach. : กูหิวข้าว

win : หาแดกเองไม่เป็นเหรอ

Peach. : ไม่อ่ะ

Peach. : แล้วไอ้ควันกับไอติมหายหัวไปหน่อย อย่าบอกว่ายังไม่มีใครตื่น

win. : กูไม่รู้

Peach. : เห้ย มีคนอ่านมากกว่า 1 คนแล้ว ใครวะ

Peach. : ขึ้นว่าอ่านครบ 3 คนแล้ว เย้

Peach. : พวกมึงไปกินข้าวกัน

SMOKY : กูพึ่งตื่น

I-tim : เหมือนกัน

win : กูก็ด้วย

Peach. : อะไรวะ นี่พวกมึงพึ่งตื่นกันหมดเลยเหรอ

win : เพราะแชทมึงนั้นแหละกูถึงได้ตื่น

SMOKY : กูก็ด้วย

Peach. : จะตื่นเพราะอะไรก็ช่างเถอะ สรุปว่าไปกินข้าวกัน กูอยากกินเนื้อย่าง

I-tim : มึงก็กินแต่เนื้อย่างอ่ะ อ้วนตายพอดี

SMOKY : ที่มาชวนเพราะร้านโปรดของมึงมันมีโปรมา  4 จ่าย 3 อีกแล้วล่ะสิ

Peach. : ใช่ ทำไมมึงแสนรู้จังเชี่ยควัน

win : เหอะ ใครก็รู้หมดนั้นแหละ

Peach. : แล้วสรุปจะไปกับกูมั้ย

win : เออ ไปก็ไป


“ไปมั้ย”

เสียงทุ้มหันมาถามคนที่ยังนั่งนิ่ง ไอติมนิ่งคิดสักพักก่อนจะพยักหน้า

“ไปก็ได้”

SMOKY : กูไป

I-tim : ไปด้วย

Peach. : เย้! ครบแล้ว งั้นเจอกันที่ร้านเลยนะ กูจะขับรถไปจากบ้าน

SMOKY : งั้นเดี๋ยวกูไปกับไอติมแล้วกัน

win : มารับกูด้วย ขี้เกียจขับรถ

SMOKY : เออ อีก 1 ชั่วโมงเจอกัน


หลังจากแชทกลุ่มเงียบไปแล้ว ควันก็หันมามองคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์ต่อ ใบหน้านั้นขะมักเขม้นยิ่งกว่าตอนเรียนวิชาเคมีเสียอีก แต่พอมองเข้าไปในโทรศัพท์กลับพบว่าไอติมกำลังรดน้ำต้นไม้อีกแล้ว

“ติดเกมจริง”

“พูดเหมือนว่ามึงไม่ติดอย่างนั้นแหละ” ไอติมพึมพำแล้วก็ลากผักและผลไม้ที่ปลูกมาเอาไปขายที่ตลาดต่อ

“ก็ไม่ได้เล่นตลอดเวลาเหมือนมึงนี่”

“กูสนุกของกูก็แล้วกัน”

“เด็กติดเกม” ควันพูดอีกครั้ง แล้วอดไม่ได้ที่จะขยี้กลุ่มผมที่มันยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง แกล้งให้ไอติมหน้าหงิกเล่นแล้วก็ลูบกลุ่มผมนุ่มให้กลับมาเป็นทรงเช่นเดิมก่อนจะจ้องมองคนที่ทำหน้าไม่พอใจเสียหน่อย

“มองแบบนี้อยากหาเรื่องรึไง”

“มึงอ่ะ ชอบแกล้งกู”

“แกล้งตรงไหน”

“ก็...”

“แบบนี้เหรอ” ไม่ทันที่ไอติมจะได้บ่น ริมฝีปากร้ายกาจก็พุ่งเข้ามาจูบเร็ว ๆ ก่อนจะผละออกไป เรียกให้ใบหน้าน่ารักนั้นหงิกยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะฟาดมือลงบนท่อนแขนอย่างไม่จริงจังนัก

“เอาแต่จูบกูอยู่นั้นแหละ”

“มึงก็ชอบไม่ใช่เหรอ” ควันถาม แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนที่หดคอหนีอีกครั้ง แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของพวกเขาทั้งสองคนก็ยังชิดกันอยู่ดี

“อืม กูชอบ” ไอติมยอมรับตรง ๆ และไม่ได้หนีคนที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ จนในที่สุดคนตัวเล็กก็โดนดันจนแผ่นหลังติดเตียงโดยที่มีควันเท้าแขนขังตัวเขาเอาไว้อยู่ในอ้อมแขน

“ถ้ามึงชอบ...แล้วกูก็ชอบ...”

“...”

“งั้นเราลองมาเป็น Friend with benefit กันมั้ย”

“Friend with benefit งั้นเหรอ”

“รู้จักมั้ย” ควันถาม เมื่อเห็นใบหน้างง ๆ ของไอติมอีกครั้ง ขนาดแค่ถุงยางยังไม่มีเก็บไว้ในห้อง แล้วไอ้คำว่า Friend with benefit นี่...ควันลืมคิดไปเลยว่าคนตรงหน้าเขามันใสขนาดไหน

“ไม่รู้...เพื่อนกับผลประโยชน์อะไรวะ จะร่วมหุ้นทำธุรกิจกับกูเหรอ?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น...แต่จะพูดอย่างนั้นก็ได้มั้ง...” ควันนิ่งไปสักพัก เมื่อสมองกำลังหาคำนิยามที่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว โดยที่มีคนทำตาใสแป๋วรอฟังเขาพูดต่อ

“...”

“ก็ในเมื่อเราต่างก็พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มึงไม่ได้รังเกียจกู กูก็ไม่ได้รังเกียจมึง...มึงก็ชอบจูบของกู กูก็ชอบที่จะกอดมึง...ชอบที่จะกอดมึงแน่น ๆ...แล้วทำไมเราไม่ลองดูล่ะ”

“...”

“ก็แค่ความสัมพันธ์ทางกาย แค่ fucking buddy ก็แค่นั้น...แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม มึงว่าไง”

เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ไอติมยังคงไม่แน่ใจนักกับข้อเสนอของควัน แต่ก็พอจะรู้แล้วว่าความหมายของคำว่า Friend with benefit มันคืออะไร

หัวสมองประมวลอย่างรวดเร็วถึงผลดีและผลเสียที่จะตามมา...ถ้าเกิดเขายอมรับข้อตกลงนั้น เขาก็ยังจะเป็นเพื่อนกับควันได้ และสัมผัสแปลกใหม่ที่เขาได้เรียนรู้จากควันและก็แอบชื่นชอบมันนั้น เขาก็จะได้ลองลิ้มชิมมันไปอีกเรื่อย ๆ

“ระยะเวลาที่มึงคิดจะลองมันนานแค่ไหนล่ะ” ไอติมถามกลับ

“ก็จนกว่าพวกเราจะเบื่อล่ะมั้ง...หรือไม่ก็ถ้าใครต้องการหยุด อีกคนก็ต้องหยุด”

“งั้นถ้ากู...ตกลง...”

ไอติมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจนัก ดวงตากลมสบตาคนตรงหน้าที่มันพราวระยับ ก่อนจะดันแผ่นอกกว้างอย่างไวเมื่อควันเหมือนจะพุ่งเข้ามากอดเขาให้ได้

“กูยังไม่ได้บอกว่าจะตกลงสักหน่อย”

“แล้วทำยังไงถึงจะตกลง”

“ก่อนที่กูจะยอมรับข้อเสนอมึง กูขอตั้งกฎก่อน”

“ว่ามาสิ”

“ข้อหนึ่ง...ทุกครั้งต้องใส่ถุง”

หลังจากครั้งแรกของเขาที่ควันหลั่งใน ไอติมก็อ่านบทความในอินเตอร์เน็ตดูและพบว่ามันเสี่ยงที่จะติดเชื้อมากแค่ไหน แล้วยิ่งควันที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงขนาดนั้น ไอติมก็แอบจะกลัวไม่ได้ แต่ก็เบาใจลงได้ที่พอไปตรวจมาแล้วไม่พบโรคอะไร

“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวกูซื้อตุนไว้สักห้าโหลเลยดีมั้ย”

“แล้วแต่มึง...ข้อสอง...ห้ามทำรอยบนตัวกู”

“ทำไมล่ะ” ข้อนี้ควันเริ่มจะอิดออด ใบหน้าหล่อนั้นกรอกตาไปมาอย่างไม่แน่ใจ ก็ผิวขาว ๆ แบบนั้น บีบนิดบีบหน่อยก็แดงแล้ว แล้วถ้าเขาเผลอทำอะไรตามใจตัวเองนิด ๆ หน่อย ๆ ผิวของไอติมก็ขึ้นรอยแล้วนะ

“ก็มันนานกว่าจะหาย รอยเก่าของมึงยังไม่หายเลยเนี่ย” ไอติมดึงคอเสื้อให้กว้างออกจนเห็นร่องรอยสีชมพูจาง ๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่ ซึ่งควันที่เห็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแอบชอบใจอยู่คนเดียวก็ต้องยอมเออออไปกับคนตัวเล็ก

“เออ ๆ ไม่ทำรอยก็ไม่ทำ...มีอะไรอีกมั้ย”

“มี”

“ว่ามาสิ”

“ระหว่างที่มึงคิดจะลองเป็น Friend with benefit กับกู มึงห้ามมีความสัมพันธ์ทางกายกับคนอื่นนอกจากกู”

“ดีล”

ควันตอบแทบจะไม่ต้องคิดทันที หลังจากที่มีความสัมพันธ์เกินเลยกับไอติมไปนั้น บอกตามตรงว่าควันแทบจะลืมผู้หญิงในสต็อกหมดทุกคน พูดง่าย ๆ ก็คือเขาติดใจกลิ่นหอม ๆ ตัวขาว ๆ หน้าหวาน ๆ ของเพื่อนตัวเล็กตรงหน้าเสียแล้ว ตอนนี้ไอติมให้เขาทำอะไรเขาก็ยอมทั้งนั้นแหละ

“และถ้าเมื่อไรที่มึงแหกกฎที่กูตั้งขึ้น ตอนนั้นทุกอย่างก็จบ”

“สรุปว่ามึงตกลงแล้วใช่มั้ย”

ควันถามคนที่พึ่งพูดจบ พูดอย่างนี้ก็เหมือนยอมรับข้อตกลงของเขากลาย ๆ นั้นแหละ และเมื่อใบหน้าของเดือนคณะแพทยศาสตร์พยักหน้าเบา ๆ ควันก็อยากร้องตะโกนออกมาดัง ๆ ริมฝีปากได้รูปแทบจะห้ามให้ตัวเองหุบยิ้มไม่ได้ และคว้าคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอดก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปอย่างห้ามใจไม่อยู่

ไอติมได้แต่ยอมรับสัมผัสนั้นแต่โดยดี เขาก็แค่...อยากรู้อยากลองล่ะมั้ง...ถึงผลที่ตามมามันจะดีหรือจะร้ายยังไง ไอติมก็ขอให้มันเป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน...

ดวงกลมหลับลงแล้วเผลอกอดเอวคนตรงหน้าหลวม ๆ เผยอปากออกเล็กน้อยอย่างรู้งาน ให้ควันได้ทำตามอำเภอใจ ก่อนจะลองงับริมฝีปากคนตรงหน้าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และท่าทางอย่างนั้นยิ่งทำให้ควันชอบใจก่อนจะค่อย ๆ สอนให้ไอติมหัดจูบอย่างไม่รีบร้อน


Rrrrrrrrrr


แต่เสียงโทรศัพท์ที่ร้องดังขึ้นก็ทำให้ไอติมสะดุ้ง ก่อนจะผลักควันออกเบา ๆ ใบหน้าหล่อนั้นพันกันจนยุ่งเหยิง ตวัดสายตาไปมองโทรศัพท์เจ้าปัญหาแล้วก็คว้ามาดูอย่างไม่สบอารมณ์


Win MED


“อะไรวะ”

[เสียงเหวี่ยงจังโว้ย เป็นเหี้ยไรของมึง]

“มึงนั้นแหละ มีอะไร”

[เอ้า! นี่แกล้งโง่อยู่รึไง มึงลืมแล้วเหรอว่าจะไปแดกเนื้อย่างไง แล้วนี่ไปรับไอติมยัง กูอาบน้ำเสร็จแล้วนะ]

“เออ เดี๋ยวไปรับ แค่นี้นะ”

[เออ เร็ว ๆ กูหิวจนจะแดกควายได้ทั้งตัวอยู่แล้ว]

ควันตัดสายอย่างหงุดหงิด และบทสนทนาทุกอย่างนั้นไอติมก็ได้ยินอย่างชัดเจน จึงผละตัวออกจากอ้อมกอดของควันก่อนจะเกาแก้มตัวเองเล่นอย่างทำตัวไม่ถูก

“งั้นกูไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน จะได้รีบไปรับไอ้วินทร์ ก่อนจะมันจะกินควายทั้งตัวอย่างที่มันว่า”

ไอติมพูดแล้วก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที ทิ้งควันที่ถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ ไว้บนเตียงเพียงคนเดียวก่อนจะปาโทรศัพท์ทิ้งลงบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์


รู้อย่างนี้ เขาไม่ตอบตกลงไปกินเนื้อย่างแต่แรกหรอก อดกินของหวานเลยโว้ย










ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 9
สถานะที่ชัดเจน




“ฟินจังโว้ยยยย มึงดูเบค่อนของกูดิ ขาวอมชมพู เนื้อแน่นสัส”

เสียงของพีชยังคงไม่หยุดพูดสักทีตั้งแต่เข้ามาในร้าน คีบเนื้อลงกระทะทีก็ร้องออกมาอย่างมีความสุข จากนั้นก็จิ้มน้ำจิ้มเข้าปากคำใหญ่ ต่างจากไอติมที่นั่งต้มแต่ผักกับปลากินอยู่ข้าง ๆ ควัน

“หน้าไอติมมันเหมือนอมทุกข์มากเลยนะ ที่ต้องมานั่งให้ครบ 4 คน จะได้จ่ายราคา 3 คนเนี่ย” วินทร์พูดขำ ๆ แล้วคีบเนื้อที่สุกแล้วเข้าปาก ทุกสายตาบนโต๊ะเลยหันมาจ้องไอติมที่กำลังคีบเนื้อปลาเข้าปากพอดี ก่อนจะอมยิ้มขำกัน

“กินเข้าไปหน่อยเหอะสามชั้นเนี่ย ผอมจนจะปลิวได้อยู่ล่ะมึงอ่ะ” ควันพูด แล้วก็คีบเนื้อสามชั้นมาวางลงบนจานของไอติมที่เต็มไปด้วยผัก วุ้นเส้น และเนื้อปลา

“แต่มันจะ...”

“โอ๊ยยยย มึงไม่อ้วนหรอก แดกสามชั้นหมดถาด มึงยังอ้วนไม่สู้ไอ้พีชเลย”

“อ้าวเชี่ยวินทร์ พูดแบบนี้วอนโดนตีนนี่หว่า” พีชที่นั่งข้างวินทร์นั้นถึงกับยกตะเกียบขึ้นชี้หน้า เรื่องอื่นด่าได้ไม่เป็นไร แต่มาพูดว่าอ้วนอย่างนี้ เขาไม่มีทางยอมหรอก

“ก็มึงอ้วนจริงนี่หว่า กูพูดผิดตรงไหน”

“ไอ้วินทร์! เดี๋ยวเหอะ”

“พวกมึงก็อย่าพึ่งตีกันเถอะ เนื้อจะไหม้หมดแล้วเนี่ย”

ควันห้ามทัพได้ทันก่อนที่เพื่อนของเขาจะตีกันจริง และพอเห็นว่าเนื้อบนเตากำลังจะไหม้อย่างที่ควันว่าจริง ๆ ต่างคนต่างก็คีบเนื้อลงบนจานตัวเองด้วยความรีบร้อนทันที

.

.


กว่าจะกินเสร็จก็ใช้เวลาไปจนครบชั่วโมงที่ร้านกำหนดไว้พอดี ชำระเงินกันเรียบร้อย F4 ของคณะแพทยศาสตร์ที่กำลังเป็นกลุ่มที่ดังสุด ๆ อยู่ในโลกโซเชี่ยลตอนนี้ก็หันมองหน้ากันเมื่อไม่มีโปรแกรมอื่นที่วางเอาไว้หลังจากทานมื้อเช้าควบเที่ยงเสร็จเลย

“ไปไหนต่อดี จะเที่ยวหรือจะแยกย้ายกันกลับเลย” พีชถามทุกคนที่ยังคงลูบท้องกันอยู่

“ไปดูหนังดีมั้ย อยากดูเรื่อง XXX” วินทร์เอ่ยถึงหนังที่กำลังอยู่ในกระแส และพีชก็รีบพยักหน้าทันที

“กูบวก”

“กูขอบายอ่ะ ดูตั้งแต่วันที่มันเข้าโรงแล้ว” ไอติมรีบบอกพีชกับวินทร์...เรื่องนี้เขามาดูกับควันแล้ว แต่เพราะคิดกันปุ๊บปั๊บ เลยออกมาดูหนังรอบดึก จึงไม่ได้ชวนพีชกับวินทร์ด้วย

“อ่าว ถ้าพวกกูดูหนัง แล้วมึงจะเอาไงล่ะติม” วินทร์ถามคนที่ปฏิเสธ ไอติมที่กำลังจะตอบก็หุบปากฉับเมื่อควันที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นบ้าง

“เดี๋ยวกูเดินเที่ยวกับมันดีกว่า พวกมึงสองคนไปดูหนังเถอะ”

“เอางั้นเหรอ”

“เออ...ดูหนังเสร็จแล้วก็บอกแล้วกัน พวกกูจะไปซื้อของรอ”

“โอเค งั้นแยกกันตรงนี้แล้วกัน...มึงรีบไปซื้อตั๋วเถอะ” พีชบอกควันและไอติม ก่อนจะลากวินทร์ไปทางโรงหนังด้วยความรวดเร็ว เพราะรอบที่พวกเขาเล็งไว้ อีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะฉายแล้ว

“จะไปไหนกันดีล่ะ” ไอติมถามเมื่อเหลือกันอยู่แค่สองคนแล้ว

“ซื้อของดิ...กูว่าจะซื้อถุงยาง...โอ๊ย!”

“ทะลึ่ง!”

พูดยังไม่ทันจบประโยค ดวงตากลม ๆ นั้นก็เบิกกว้างก่อนจะหยิกแขนควันจนเขียว กระโดดร้องเหย่ง ๆ อยู่คนเดียว ส่วนคนที่ทำเขาเจ็บนั้นก็รีบเดินหนีไปไกลเสียแล้ว ควันหลุดยิ้มออกมาเพียงคนเดียวก่อนจะรีบวิ่งตามให้ทันไอติม ไม่วายยีกลุ่มผมนิ่มเล่นอย่างชอบใจ แล้วก็ได้รับแรงฟาดลงมาที่แขนเขาให้ได้ร้องอีกครั้ง แต่ทำไมควันกลับมีความสุขเสียอย่างนั้น...

สงสัยเขาจะเป็นพวกชอบความรุนแรงล่ะมั้ง : )





ภายในซุปเปอร์มาร์เก็ต...สองหนุ่มหน้าตาดีที่เดินเข็นรถเข็นอยู่ข้างกัน เรียกให้หลายสายตานั้นมองมาได้ไม่ยาก ก่อนจะแอบซุบซิบกันเงียบ ๆ ว่าชายหนุ่มคู่นี้นั้นเป็นเพื่อนหรือมากกว่าเพื่อนกันแน่

“เจลหล่อลื่น...”

“...”

“ถุงยาง...มึงอยากได้รสอะไร”

คนตัวสูงหันมาถามคนที่ยืนเงียบมาตลอดทางอย่างขอความเห็น ดีที่แถวนี้ไม่มีคนอยู่เลยสักคน ไม่อย่างนั้นไอติมคงจะได้อายมากกว่าเดิมแน่ ๆ

“รสอะไรก็หยิบ ๆ มาเหอะหน่า น่าเกลียด”

พูดเสียงเบา แล้วทำท่าจะเข็นรถเข็นเดินหนีคนที่พูดไม่อายฟ้าอายดิน แต่ควันก็คว้าแขนไว้ได้ทัน ก่อนจะลากไอติมให้เดินกลับมาที่เดิม

“น่าเกลียดตรงไหน หรือจะเอามันหมดทุกรสเลยดีมั้ย” ควันอมยิ้มที่แกล้งให้ไอติมเขินจนหน้าแดงได้สำเร็จ คนตัวเล็กกว่าพูดไม่ออกจึงทำได้แค่ด่าควันด้วยท่าทางเขิน ๆ

“ไอ้บ้า!”

พูดจบก็รีบเข็นรถเข็นหนีไปอย่างรวดเร็ว...ควันได้แต่หัวเราะออกมาคนเดียว แล้วก็โกยมันมาทุกรสอย่างที่เขาพูดเอาไว้นั้นแหละ




หลังจากซื้อของใช้จนครบแล้ว ยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงกว่าที่ทั้งวินทร์และพีชจะออกมาจากโรงหนัง ควันกับไอติมจึงตกลงที่จะเดินเข้าร้านหนังสือเพื่อหาอะไรอ่านฆ่าเวลา ควันหยุดยืนอยู่ที่โซนการ์ตูนแล้วไล่หาหนังสือการ์ตูนอยู่เงียบ ๆ ส่วนไอติมนั้นก็แยกออกมาหาหนังสือนิยายสืบสวนที่ตัวเองชอบอ่านอีกโซนหนึ่งแทน

“ควันคะ...ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย”

ในขณะที่กำลังอ่านคำโปรยด้านหลังปกหนังสืออยู่ ไอติมก็เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงหวาน ๆ ที่เรียกชื่อเพื่อนของเขา และเมื่อดวงตากลมมองลอดผ่านหนังสือไปก็เห็นผู้หญิงตัวเล็กน่ารักที่ยืนอยู่ข้างควัน และท่าทางที่พูดคุยอย่างสนิทชิดเชื้อนั้นก็ทำให้ไอติมสนใจได้ไม่ยาก

“ทำไมช่วงนี้เงียบ ๆ ไปล่ะคะ ลืมฟ้าแล้วเหรอ”

“เออ...ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่ง ๆ ขอโทษที”

“งั้นเหรอคะ ฟ้าคิดถึงควันมากเลย พรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันดีมั้ยคะ”

“เออ...”

ไอติมรีบยกหนังสือขึ้นบังหน้าตัวเองทันที เมื่อเห็นว่าควันกำลังสอดสายตามาทางที่เขายืนอยู่ ยืนรออยู่เกือบนาที ไอติมก็ลดหนังสือลงให้ดวงตาของเจ้าตัวนั้นมองไปยังทั้งสองคนได้อีกครั้ง และไอติมก็ได้เห็นช็อตเด็ด เมื่อหญิงสาวคนนั้นเขย่งเท้าเพื่อหอมแก้มควันเร็ว ๆ ก่อนจะเดินออกไป

เพื่อนของเขาเนี่ย สุดยอดจริง ๆ...

“ได้หนังสือที่อยากได้รึเปล่า เราออกไปหาเดินซื้อเสื้อผ้าดีมั้ย” เสียงทุ้มดังขึ้นอยู่ด้านข้าง ไอติมจึงปิดหนังสือในมือลงก่อนจะหันไปมองควันที่ยังมีลอยลิปสติกจาง ๆ อยู่ข้างแก้ม ไอติมจึงหยิบทิชชู่ในกระเป๋า(ที่เขาแอบหยิบออกมาจากร้านเนื้อย่าง)ส่งให้ควัน

“อะไร” ควันขมวดคิ้ว มองกระดาษทิชชู่ยับยู่ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

“ลิปสติกเลอะ” ไอติมบอกเสียงเรียบ แล้วยังหวังดีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องให้ควันได้เห็นว่ามีรอยลิปสติกจาง ๆ ติดอยู่ที่ข้างแก้มจริง

“เช็ดให้หน่อยดิ”

นอกจากจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว ยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ให้ไอติมเช็ดให้อีก เดือนคณะแพทยศาสตร์ได้แต่เบะปากแล้วบ่นงึมงำอยู่คนเดียว แต่ก็ยอมเช็ดรอยลิปสติกบนผิวหน้าของเพื่อนสนิทจนมันสะอาดเหมือนเดิม

“แล้วพรุ่งนี้จะไปเที่ยวกับเธอมั้ยล่ะ”

“ไม่รู้ดิ...บอกฟ้าไปว่าขอคิดดูก่อน”

“แล้วฟ้าเนี่ย...ผู้หญิงคนที่เท่าไรในสต็อคของมึงล่ะ” ไอติมยังคงถามต่อราวกับถามเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไปอะไรทำนองนั้น

“จำไม่ได้”

“เยอะจนจำไม่ได้เลยเหรอ” ไอติมมองอย่างทึ่ง ๆ ก็รู้ว่าเจ้าชู้ แต่ถึงขั้นว่าจำไม่ได้เลย มันจะเกินไปรึเปล่า

“ไม่ใช่เยอะจนจำไม่ได้หรอก”

“อ่าว”

“ก็กูจำได้แค่มึง...คนอื่นกูไม่สนหรอก”

สิ้นคำนั้น ริมฝากได้รูปก็กระตุกยิ้ม ก่อนจะจูงมือเพื่อนตัวเล็กให้เดินออกมาด้วยกัน เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าไอติมจะโดนสตั้นจนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปเสียแล้ว



.

.



หลังจากออกมาจากร้านหนังสือ และเดินเล่นรอเวลาไปอย่างเรื่อยเปื่อย ควันพาไอติมเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น และสุดท้ายทั้งสองคนก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านไอศกรีมชื่อดัง ในช่วงเวลาบ่ายอย่างนี้ ร้านค่อนข้างแน่นจนควันและไอติมต้องยืนรอต่อคิว ในระหว่างนั้นทั้งสองคนก็ดูเมนูไปพลาง ๆ

“กินอะไรดี เอาแบบถ้วยใหญ่แล้วกินด้วยกันดีมั้ย” ควันเสนอ ในขณะที่เปิดหน้าเมนูเลือกไปด้วย

“เอาแบบนั้นก็ได้ กูไม่ซีเรียส”

“งั้นเอาเป็นเซ็ตนี้ดีมั้ย ช็อคโกแลตฟองดู ช็อคโกแลตเยิ้ม ๆ อ่ะ ฟินนนน”

“กูไม่ชอบช็อคโกแลตว่ะ” ไอติมพูดอุบอิบ แล้วพลิกเมนูไปอีกหน้าแทน

“ไม่ชอบเหรอ งั้นเปลี่ยนเมนูก็ได้”

“น้องไอติมนี่นา”

ในขณะที่ควันกับไอติมกำลังเลือกเมนูกันอยู่ เสียงหวาน ๆ ก็เรียกชื่อของไอติมขึ้น ใบหน้าเนียนเงยหน้าขึ้นจากเมนูและก็พบว่าเป็นพี่แจนที่ยิ้มกว้างหลังจากทักเขา และข้าง ๆ พี่แจนนั้นก็คือ...

พี่กร

“อ้าว ไอติมมากินไอติมเหรอเนี่ย” กรพูดยิ้ม ๆ แล้วมองไอติมที่เหมือนจะชะงักไป ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วฉีกยิ้มให้พี่กร

“ครับ”

“พี่กับกรก็กำลังจะหาอะไรกินเหมือนกัน งั้นเรากินไอศกรีมที่นี่เลยเป็นไงกร” แจนถามกรอย่างขอความเห็น ซึ่งกรก็พยักหน้าตกลงทันที

“กินที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะ”

“ถึงคิวของลูกค้าแล้วค่ะ” พนักงานเข้ามาเรียกควันและไอติมพอดี และด้วยความที่เป็นรุ่นน้อง ไอติมจึงต้องเชิญรุ่นพี่ทั้งสองคนเพื่อไม่ให้เสียมารยาท

“พี่กรกับพี่แจนมานั่งที่โต๊ะพวกผมด้วยกันมั้ยครับ”

ชั่ววินาทีนั้น ไอติมหวังว่ากรและแจนอาจจะปฏิเสธ...เพราะบางทีหัวใจของเขาอาจจะยังไม่แข็งแรงมากพอ...

“งั้นพวกพี่รบกวนไอติมกับเพื่อนหน่อยแล้วกันนะ”

แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะไม่สนใจคำขอของเขาเลยสักนิด...





ควันรู้สึกว่าบรรยากาศในร้านไอศกรีมนั้นมันอึมครึมแปลก ๆ...แต่ตรงหน้าเขาที่เป็นแฟนสาวของรุ่นพี่ที่ชื่อกรนั้นก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนไม่มีอะไร...หรือบางทีเขาอาจะรู้สึกไปเองคนเดียวรึเปล่า

“เอาไอศกรีมแบบไหนดี พี่ว่าสั่งเซ็ตใหญ่เอามากินด้วยกันดีมั้ย” พี่แจนถามขึ้นหลังจากที่พนักงานเอาเมนูมาวางให้อีกครั้ง

“ยังไงก็ได้ครับ” ไอติมตอบอย่างเกรงใจ และเขาก็เลือกเมนูที่ควันกำลังชี้ให้ดู ในขณะที่ไอติมกำลังจะเลือกสตรอว์เบอร์รี่ซันเดย์ พี่แจนก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่จำได้ว่าน้องไอติมชอบช็อคโกแลตนี่นา วันที่ไปกินชาบูชิ กรก็ตักไอศกรีมให้น้องนี่”

“อ้อ ใช่” กรพยักหน้า เมื่อนึกไปถึงวันนั้นที่ไอติมกินไอศกรีมรสช็อคโกแลตที่เขาตักให้จนหมดถ้วย

“งั้นเราสั่งช็อคโกแลตฟองดูดีมั้ย มีไอศกรีมหลายลูก แถมกินกันสี่คนน่าจะอิ่มด้วย”

ควันที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับย่นคิ้ว แล้วไหนไอติมบอกเขาว่าไม่ชอบช็อคโกแลต ตอนอยู่หน้าร้านเขาพึ่งเสนอเมนูนี้ไป ไอติมก็ปฏิเสธไปจนเขาต้องหาเมนูใหม่ แต่พอหันไปหาคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ไอติมกลับไม่ค้านรุ่นพี่ทั้งสองแล้วยิ้มเฝื่อน ๆ กลับไปแทน

“เอาช็อคโกแลตฟองดูก็ได้ครับ”

ควันได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ และหลังจากนั้นไอติมก็เงียบลงถนัดตา พูดคุยบ้างก็ตอนที่กรหรือแจนชวนคุยเท่านั้น จนเมื่อช็อตโกแลตฟองดูมาตั้งตรงหน้า ไอติมก็เลือกกินแต่ไอศกรีมโดยที่ไม่แตะต้องช็อคโกแลตเลย...ทุกอย่างอยู่ในสายตาของควันโดยตลอด ซึ่งเขาก็ทำอะไรไปไม่ได้นอกจากนิ่งเงียบ รอให้ออกจากร้านก่อนเถอะ เขาจะถามทุกอย่างที่สงสัยให้หมดเลย

“ทำไมน้องไอติมไม่กินช็อคโกแลตสักคำเลยล่ะ...เดี๋ยวพี่ทำให้” แจนถามอย่างหวังดี เพราะเห็นว่าน้องไม่แตะของที่ตัวเองชอบเลยสักนิด จึงจิ้มก้อนไอศกรีมแล้วจุ่มลงช็อคโกแลตเต็มคำแล้วยื่นมันไปตรงหน้าไอติม

ไอติมอึกอักเล็กน้อย ช็อคโกแลตเข้มข้นอย่างนี้เขายิ่งไม่ชอบ แต่เพราะสายตาคาดหวังของพี่กรที่มองอยู่ ไอติมจึงเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะรับมันไปกินอย่างช่วยไม่ได้

“เป็นไง อร่อยรึเปล่าจ๊ะ”

“ครับ อร่อยครับ”

ไอติมตอบก่อนจะรีบยกน้ำเปล่าขึ้นดื่มจนหมดแก้วเพื่อล้างคราบช็อตโกแลตที่เลอะเต็มปาก พยายามฉีกยิ้มทั้ง ๆ ที่ในใจของเขานั้นอยากจะร้องไห้เต็มทนที่ต้องมาฝืนทำอะไรแบบนี้

“ถ้าชอบ งั้นก็กินเยอะ ๆ นะ” พี่แจนบอกพร้อมรอยยิ้มหวาน ไอติมพยักหน้ารับคำนั้น แล้วกำช้อนตัวเองอยู่นาน และในตอนที่จะจุ่มไอศกรีมลงในช็อคโกแลต ควันก็ดันช้อนของเขาหนีก่อนจะกระซิบบอกเร็ว ๆ

“ไม่ต้องกินแล้ว เดี๋ยวที่เหลือกูจัดการเอง”

“อะ...อืม” ไอติมชักมือกลับทันทีเมื่อควันรีบจุ่มไอศกรีมของตัวเองลงในถ้วยช็อคโกแลต ไอติมจึงแอบหายใจอย่างโล่งอกแล้วนั่งกินไอศกรีมเงียบ ๆ โดยที่กรและแจนก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น




หลังจากออกจากร้านไอศกรีม ควันและไอติมก็ขอตัวแยกออกมาจากรุ่นพี่ทั้งสอง เพราะพีชส่งข้อความมาว่าดูหนังจบแล้ว พวกเขาทั้งสี่คนจึงรวมตัวกันอีกครั้ง ก่อนที่พีชจะแยกตัวเพื่อกลับบ้าน และวินทร์ก็ติดสอยห้อยตามกลับมาด้วย

ตลอดทางที่ไปส่งวินทร์นั้นไอติมเงียบลงจนวินทร์สังเกตได้ ถึงแม้จะสะกิดถามควันเบา ๆ แต่ควันก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอติมเป็นอะไร

ร่างเล็กนั่งเหม่อลอยมองการจราจรบนท้องถนนเงียบ ๆ ในโลกของตัวเอง จนไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าควันส่งวินทร์ถึงที่คอนโดแล้ว และรถ BMW คันสวยนั้นก็พาเขาขับรถออกมาจากเมืองกรุงเทพที่แสนวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงชานเมืองที่ห่างไกลและเงียบสงบ

“เลิกเหม่อได้รึยัง”

“...”

“ไอติม”

“...”

“ไอติม!!”

“ห๊ะ?!”

ร่างเล็กสะดุ้งตัวโยนเมื่อเสียงทุ้มนั้นดังเรียกสติ และเมื่อดวงตาหันออกไปมองนอกรถก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า มีป่าอยู่สองข้างทาง รถที่สวนมาสักคันก็ไม่มี นี่ควันพาเขามาที่ไหนกัน

“มึงพากูมาที่ไหนเนี่ย”

“เป็นอะไร”

“ไม่ได้เป็นอะไร” ไอติมบอกปัด แล้วแสร้งทำเป็นสนใจถนนภายนอก ก่อนจะหันมาหาควันที่ดวงตาคมนั้นดูดุขึ้นเล็กน้อย ไอติมจึงพยายามยิ้มสู้ แล้วถามกลบเกลื่อน “แถวนี้มันตรงไหนเหรอ จะพาออกมาเที่ยวเหรอ”

“ไม่ต้องพยายามเปลี่ยนเรื่องเลย”

“กูไม่ได้...”

“กูเห็นว่ามึงทำตัวแปลก ๆ ตั้งแต่ที่พี่สองคนนั้นมาทักที่หน้าร้านไอศกรีมแล้ว ถ้าไม่โอเคจะชวนเขามานั่งด้วยทำไม”

“กู...”

“แล้วเรื่องช็อคโกแลตอีก ตอนแรกกูก็เสนอเมนูนั้นไปแล้ว มึงก็บอกกูเองว่าไม่ชอบช็อคโกแลต แล้วทำไมพวกพี่เขาถึงบอกว่ามึงชอบช็อคโกแลต ทำไมมึงไม่พูด ไม่ปฏิเสธบ้างวะ กูเห็นแล้วโคตรหงุดหงิดเลย ทำไมมึงถึงยอมเขาแทบทุกอย่างขนาดนั้น”

“...”

เกิดความเงียบขึ้นบนห้องโดยสารพักใหญ่ ไอติมไม่ได้ตอบคำถามที่รัวมาเป็นชุดของควันเลยสักคำถามเดียว ใบหน้าเนียนเบนหน้าออกไปนอกถนนที่เงียบสงบ มือเผลอบีบกันแน่นเมื่อความกดดันค่อย ๆ ก่อขึ้นห้อมล้อมตัวพวกเขาโดยไม่รู้ตัว

“ทำไมไม่ตอบ...แคร์พวกเขาขนาดนั้นเลยเหรอ”

ควันถามอีกครั้งเพราะท่าทางของไอติมในตอนนี้มันทำให้เขาอยากจะเขย่าร่างเล็กให้หลุดคำพูดออกมาบ้าง แต่เขาก็ห้ามตัวเองไว้ได้ทัน ควันสูดดลมหายใจเข้าปอดจนสุดก่อนจะหันมองไอติมอีกครั้ง

“ที่กูถามอย่างนี้เพราะกูเป็นห่วงมึงนะ”

“...”

“ไอติม”

“กูจะแคร์เขายังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของมึงสักหน่อย”


ในที่สุดร่างเล็กก็พูดออกมา และวาจาร้ายกาจนั้นก็ทิ่มแทงควันเสียจนพูดไม่ออก ใบหน้าของไอติมหันกลับมามองควันที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งเพื่อย้ำเตือนควันให้เข้าใจสถานะที่ตนเองยืนอยู่เสียที

“มึงเป็นแค่เพื่อนกู ไม่ต้องห่วงกูขนาดนั้นก็ได้นะควัน”

คำว่าเพื่อนที่ไอติมพูดออกมานั้นราวกับตบหน้าเขาฉาดใหญ่ให้มีสติ ควันจ้องมองคนตัวเล็กที่ดวงตานั้นเข้มแข็งเสียจนเขาไม่สามารถอ่านใจไอติมออก จึงเผลอหัวเราะออกมาเบา ๆ ให้กับตัวเอง ก่อนจะหันกลับไปจ้องมองถนนที่ยังคงไร้รถสักคันราวกับหัวใจของเขาที่มันกลับมาเงียบสงบอีกครั้งหลังจากที่กระวนกระวายใจเพราะเพื่อนตัวเล็กคนนี้

“นั้นสินะ...กูเป็นแค่เพื่อนมึงนี่นา”

“...”

“กูคงจะสำคัญตัวผิดไป ขอโทษที”



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 10
โกรธกันแล้วมีความสุขไหม



ตั้งแต่วันนั้น ไอติมก็แทบจะไม่ได้คุยกับควันเลย...

ไอติมรู้ว่าควันพยายามหลบหน้า รู้ว่าควันพยายามไม่พูดคุยด้วย เวลาอยู่ด้วยกันนั้นก็รู้สึกอึดอัดจนคล้ายจะหายใจไม่ออก ไอติมรู้ว่าควันโกรธที่เขาเผลอพูดอะไรออกไปโดยไม่คิดรักษาน้ำใจเพื่อนที่อุตส่าห์เป็นห่วง ไอติมรู้ว่าตัวเองนั้นผิด แต่จนถึงตอนนี้ไอติมก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเกิดมาไม่เคยต้องง้อใคร เขาจึงทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย


อย่างเช่นวันนี้...


“พันธะโคออดิเนตจะเกิดตรงตำแหน่งระหว่าง...”

เสียงอาจารย์ที่กำลังบรรยายอยู่หน้าห้องนั้น ไม่สามารถเข้าสู่โสตประสาทของไอติมได้เลย เขาหงุดหงิดใจที่ตัวเองไม่มีสมาธิในการเรียนเลยแม้แต่น้อย เพราะใจยังมัวพะวงอยู่ที่ใครบางคน ซึ่งปกติแล้วจะนั่งข้างกันเสมอ แต่วันนี้ควันก็ยังคงนั่งข้างพีชซึ่งอยู่คนละฝั่งกับเขาเลยด้วยซ้ำ

“เดี๋ยวอาจารย์จะหยุดไว้ที่สไลด์นี้นะคะ แล้วคาบหน้าเรามาต่อกันใหม่”

เวลาผ่านไปจนเมื่ออาจารย์ปิดสไลด์ลง ไอติมถึงได้รู้ตัวว่าหมดเวลาลงแล้ว เพื่อน ๆ ในคลาสเริ่มเก็บของและทยอยออกจากห้อง เช่นเดียวกันกับกลุ่มของพวกเขา...ไอติมก็ยังคงแอบมองคนที่นั่งอยู่อีกมุมซึ่งเก็บของเงียบ ๆ พยายามจะหาจังหวะเข้าไปคุยกับควันตรง ๆ แต่ไอติมก็ไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปใกล้ควันได้เลย

“เย็นนี้ไปไหนดีวะพวกเรา” พีชก็ยังเป็นคนเดิมที่มักจะชวนเพื่อน ๆ ไปผ่อนคลายหลังจากเรียนเสร็จ

“ไอติมต้องไปซ้อมใช่มั้ย ไปกินข้าวเย็นกับพวกกูก่อนไปซ้อมได้มั้ยล่ะ” วินทร์หันมาถามคนที่ดูจะมีธุระมากที่สุดในกลุ่ม ซึ่งปกติแล้วไอติมมักจะรีบไปซ้อม แต่วันนี้คนตัวเล็กกลับรีบพยักหน้าตอบตกลงอย่างรวดเร็ว

“ไปด้วย กินอะไรก็ได้ ไปด้วยหมด”

“โอเค งั้นวันนี้ครบองค์ว่ะ กินอะไรดีวะ” วินทร์หันมาถามควันที่ยังยืนเงียบ

“ไปกินกันเถอะ กูจะไปกินกับคนอื่น” ควันตอบเสียงเรียบแล้วเตรียมจะหันไปทางอื่น แต่พีชก็คว้าแขนไว้ได้ทัน

“จะไปกินกับสาวที่ไหนอีกล่ะมึง เอามาแนะนำพวกกูหน่อยสิวะ”

“นั้นไง” ควันชี้ไปทางหญิงสาวที่ยืนรออยู่หน้าห้องเรียน เมื่อเห็นว่าแยม...เพื่อนในคณะที่น่ารักและกำลังป๊อบสุด ๆ ในโลกโซเชี่ยลยิ้มให้พวกเขา ทุกคนก็เข้าใจทันที

“แรงจริง เร็วจริงนะมึง เดี๋ยวนี้คิดจะแดกเพื่อนในคณะแล้วเหรอวะ” วินทร์อดจะพูดเหน็บแนมไม่ได้ พูดไปแล้วก็เริ่มจะรู้สึกอิจฉาควันขึ้นมาหน่อย ๆ ที่มันเปลี่ยนผู้หญิงทุกสัปดาห์เลยก็ว่าได้

“ลองดู...แยมก็น่ารักดี”

“หมั่นไส้ว่ะ จะไปไหนก็ไป พวกกูสามคนไปหาอะไรกินกันเองก็ได้วะ” พีชว่า แล้วผลักควันที่อมยิ้มน้อย ๆ ยามที่ถูกเพื่อนแซว ก่อนที่ร่างสูงจะเดินไปหาหญิงสาวที่กำลังยืนรออยู่ จากนั้นทั้งสองคนจะเดินออกไปพร้อมกัน



ไอติมที่เงียบมาตลอด มองตามแผ่นหลังควันจนหายไปจากกรอบสายตา เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ควรจะต้องรู้สึกยังไง เขาควรที่จะต้องดีใจที่เห็นควันกำลังจะมีความรักครั้งใหม่อีกครั้ง หรือควรจะหมั่นไส้ที่ควันสามารถควงผู้หญิงได้ไม่ซ้ำหน้าเหมือนที่เคยรู้สึกเสมอมา

แต่ทำไมตอนนี้ไอติมถึงอยากจะร้องไห้ออกมาก็ไม่รู้

สงสัยฝุ่นมันเข้าตาแน่ ๆ เลย...

.

.

“ไอติม เป็นอะไรวะ มึงเงียบแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ”

พีชถามอย่างเป็นห่วงในขณะที่กำลังคีบเส้นบะหมี่ไปด้วย ตาก็แอบมองคนที่เขี่ยเส้นก๋วยเตี๋ยวในถ้วยตัวเองไปมา แล้วก็ถอนหายใจซะเสียงดัง จนเขากับวินทร์ยังแอบสะดุ้งและเผลอมองหน้ากันด้วยความสงสัย

“กูเงียบเกินไปเหรอ...โทษที สงสัยคงจะเครียดเรื่องประกวดมากไปหน่อย”

ไอติมยกเรื่องการประกวดมาอ้าง พีชมองเหมือนจะไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้เค้นถามเอาความจริงให้ไอติมอึดอัด แล้วก็คีบลูกชิ้นจากถ้วยของตนมาวางในถ้วยไอติม

“เห็นว่าชอบกิน กูเสียสละลูกชิ้นเนื้อสุดที่รักให้มึงเลยนะ จะได้เลิกเครียดไง”

“ขอบคุณนะ” ไอติมอมยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองคนที่ยังคอยเป็นห่วงเขาอย่างนี้ ต่างจากอีกคนที่คงกำลังจะไปกินอาหารอร่อย ๆ กับคู่เดทในวันนี้...

จู่ ๆ น้ำตามันก็พานจะไหลออกมา ไอติมแค่รู้สึกว่าทำไมเขาต้องแคร์คน ๆ นั้นมากขนาดนี้ด้วย ทำไมต้องสนใจคนที่เขาไม่สนใจเราด้วย...เขาก็แค่เสียใจ แต่ไม่รู้จะระบายทางไหนได้เลย

“ไอ้พีชแบ่งลูกชิ้นให้ มึงซึ้งจนร้องไห้เลยเหรอ” วินทร์ถาม และตอนนั้นเองที่หยดน้ำใสไหลออกจากดวงตากลม

“กูเปล่าสักหน่อย” ไอติมพูดเสียงเบา รีบขยี้ดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อคลออยู่ แม้จะพยายามทำตัวเข้มแข็งมากแค่ไหน ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำตาต้องไหลออกมาด้วย จะร้องไห้ให้คน ๆ นั้นทำไมกัน

“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะลูกพ่อ มาให้กอดหน่อยเร็ว โอ๋ ๆ” วินทร์รีบลูบหลังคนที่น้ำตาไหลไม่หยุด ถึงจะพอเดาสาเหตุได้ว่าที่ไอติมเป็นอย่างนี้ก็เป็นเพราะไอ้ควันที่ทำมึนตึงใส่กันตั้งแต่วันที่ไปกินเนื้อย่าง แต่เขาจะไม่ถามสาเหตุให้เพื่อนทั้งสองไม่สบายใจกันอีก รอเวลาให้พวกมันเคลียร์กันเองดีกว่า ตอนนี้เขาคงทำได้แค่ปลอบใจเพื่อนเท่านั้น

“เดี๋ยวกูสั่งลูกชิ้นเนื้อให้มึงเพิ่มก็ได้ติม มึงไม่ต้องซึ้งใจขนาดนั้น” พีชบอกอย่างเป็นห่วง และยังแสร้งพูดตลกให้ไอติมได้หลุดยิ้ม
ได้ทั้งน้ำตา คนตัวเล็กจึงใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาตัวเองลวก ๆ สูดน้ำมูกซะเสียงดัง แล้วยิ้มจาง ๆ ก่อนจะพูดติดตลกให้คนทั้งโต๊ะได้หัวเราะ

“ไม่ต้องสั่งเยอะก็ได้ เดี๋ยวกูอ้วน ถ้าหน้าบวมตอนประกวดขึ้นมา กูโทษพวกมึงแน่”

.

.

เวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อย ๆ ไอติมทั้งยุ่งกับเรียนและการซ้อมการประกวดไปพร้อม ๆ กัน แทบจะหาเวลานอนไม่ได้ ไหนจะต้องพะวงกับปัญหาคาราคาซังระหว่างเขากับควันอีก สภาพของเดือนคณะแพทยศาสตร์ในตอนนี้จะเรียกว่าซอมบี้ก็ไม่ผิด ใบหน้าที่เคยขาวผ่อง ตอนนี้กลับขาวซีด ใต้ตาคล้ำเพราะอดนอนเป็นเวลาเดือนกว่า

“ไอติม มึงไหวรึเปล่า”

วินทร์ถามคนที่นอนฟุบอยู่ข้าง ๆ ในขณะที่พวกเขาสามคนนั่งอ่านหนังสือกันอยู่ใต้ลานของคณะ ส่วนควันนั้นกลับไปตั้งแต่เลิกคลาสแล้ว

“ปวดหัวจัง” ไอติมพึมพำ แล้วเงยหน้าขึ้นมาจากกองหนังสือ หาวออกมาโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ที่เหลืออยู่น้อยนิด ก่อนจะมองนาฬิกาข้อมือ

“กูคงต้องไปซ้อมแล้วล่ะ ขอตัวก่อนนะ”

“ให้พวกกูไปส่งมั้ย”

พีชถามอย่างไม่แน่ใจ เมื่อเห็นคนตัวเล็กยืนขึ้นแล้วเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่ ไอติมสะบัดหัวสองสามทีเพื่อเรียกสติก่อนจะโบกมือปฏิเสธ

“ไม่ต้องหรอก เดินไปเองได้”

“งั้นก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะ ถึงแล้วส่งข้อความมาบอกพวกกูด้วย”

“โอเค”

อมยิ้มให้เพื่อนที่ยังมองด้วยความเป็นห่วง แล้วกระชับเสื้อกันหนาวที่สวมอยู่ เดินสะพายเป้ไปตามทางจนออกมาจากคณะ...ไอติมเงยหน้ามองท้องฟ้า เมฆสีดำกลุ่มใหญ่ลอยอยู่บนท้องฟ้า อีกไม่นานคงจะฝนตก

เขาดูพยากรณ์อากาศมา เห็นว่าสองสามวันนี้พายุจะเข้า แต่เพราะสะเพร่าจนเกินไป ไอติมเลยไม่ได้พกร่มติดตัวมาได้ จึงรีบสับขาเดินอย่างเร็ว เพื่อที่จะไปที่อาคารที่ใช้ทำกิจกรรมก่อนที่ฝนจะตก

ถ้าเป็นเมื่อก่อนไอติมคงไม่ต้องรีบอย่างนี้ เพราะใครบางคนคงเต็มใจที่จะมาส่งเขาเสมอ...

คิดมาถึงตรงนี้ก็เผลอแค่นยิ้มอยู่คนเดียว...สองอาทิตย์แล้วที่เขากับควันมึนตึงใส่กัน...และถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป ทั้งเขาและควันก็คงจะกลับไปเป็นแค่เพื่อนร่วมคณะก็เท่านั้น...


เปาะแปะ...เปาะแปะ


ไอติมหลุดออกจากภวังค์ เมื่อเสียงฟ้าฝนดังขึ้น หยาดน้ำฝนเทลงมาจากฟากฟ้าจนเขาตั้งตัวไม่ทัน ไอติมรีบยกเสื้อคลุมขึ้นบังหัวเอาไว้ เอากระเป๋ามาสะพายไว้หน้าแล้วพยายามวิ่งไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด

แต่เพราะอาการล้า และเหนื่อยสะสมติดต่อกันมานาน อีกทั้งร่างกายที่อ่อนแอ และอาการครั่นเนื้อครั่นตัวที่รบกวนเขามาได้สามวันแล้วทำเอาไอติมแทบจะวิ่งต่อไม่ไหว ร่างเล็กฝืนวิ่งแม้ว่าร่างกายเริ่มจะต่อต้าน และสุดท้ายขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรงจนทรุดลงกับพื้น ไอติมปวดหัวจนแทบจะระเบิด ดวงตากลมใสที่มันแห้งเหือดพยายามฝืนลืมตา ริมฝีปากร้องเรียกเสียงแผ่วเผื่อว่าจะมีใครที่เดินอยู่บนถนนในเวลาที่ฝนตกหนักอย่างนี้แล้วช่วยพาเขาไปหลบฝนสักหน่อย ไอติมพยายามฝืนตัวเองจนเมื่อเห็นใครบางคนที่อยู่ในชุดนักศึกษาวิ่งมาทางนี้


ไอติมกำลังคิดว่าตัวเองตาฝาดที่มองเห็นควัน...


และก่อนที่ร่างนั้นจะวิ่งเข้ามาใกล้มากกว่านี้ ดวงตากลมก็ปิดลง พร้อมกับสติที่ดับไปในที่สุด...



*



ควันไม่ได้คุยกับไอติมมาสองอาทิตย์แล้ว ถามว่าหงุดหงิดใจมั้ย เขาตอบเลยว่ามาก! ตั้งแต่วันนั้นที่ทะเลาะกัน เขาเงียบ ทำตัวห่างเหินกับมันให้ไอติมได้รู้ว่าเขาโกรธที่มันพูดอย่างนั้น แต่เจ้าตัวก็ทำเฉย ไม่ยอมมาง้อหรือมาขอโทษที่ทำผิดเลยสักนิด แล้วควันจะทำอะไรได้ล่ะ...ในเมื่อทิฐิมันค้ำคออย่างนี้ จะให้เขากลับไปคุยกับมันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นเหรอ...เหอะ! ฝันไปเถอะ

ควันก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอติมจะอดทนได้มากแค่ไหน ถ้าเขายังทำมึนตึง ทำตัวแปลกแยกอย่างนี้ เขาถึงขั้นลองคุยกับแยมที่ทักมาหาเขาทุกวันเผื่อว่าไอติมมันจะมีปฏิกิริยาขึ้นมาบ้าง แต่สุดท้ายมันก็ยังทำเฉย ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนไปได้ สุดท้ายคุยกับแยมได้แค่สามวัน เขาก็บอกกับแยมตรง ๆ ว่าเป็นเพื่อนกันคงจะดีกว่า

พอหลังจากนั้นเขาก็ยังทำตัวเหมือนว่าคุยกับแยมอยู่เช่นเดิม เรียนเสร็จก็รีบกลับให้พวกมันทั้งสามคนเข้าใจว่าเขาไปเดทกับแยม ทั้ง ๆ ที่ความจริงเขากลับมาหมกตัวอยู่ในห้อง เอาแต่นั่งนึกว่าไอติมมันจะมาง้อเขายังไง จะมาง้อเขาเมื่อไร ควันจินตนาการไปสารพัด...แต่ความเป็นจริงแล้วนั้น สองอาทิตย์ที่ผ่านมาควันก็เห็นแค่มันทำหางลู่หูตก ทำเหมือนจะมองเขาด้วยสายตาน้อยใจ มันควรเป็นเขามากกว่ามั้ย ที่ต้องน้อยใจมัน

“เป็นเหี้ยไรของมึง กูเห็นแล้วหงุดหงิดสัส”

ปลายเท้าของแฝดผู้พี่ถีบเข้าเต็ม ๆ กลางหลังของเขา ควันหันไปชูนิ้วกลางใส่คนที่หัวเราะเสียงต่ำ แถมยังผลักหัวเขาอย่างแรงอีก

“ไอ้พี่เลว มึงอย่างรังแกน้องมึงอย่างนี้ดิวะ” ควันแยกเขี้ยว มองคนที่ก็อปปี้หน้าเขากดรอยยิ้มที่เขาคิดว่ามันกวนส้นเท้าเสียเหลือเกิน

“ก็เห็นมึงทำหน้าเหมือนขึ้ไม่ออกตลอดเวลา กูเห็นแล้วรำคาญ” หมอกว่า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วพิมพ์อะไรสักอย่างอย่างรวดเร็ว แล้วเสียงข้อความจากโทรศัพท์เครื่องหรูก็ดังทันที

“ฝนจะตกเหรอวะ” หมอกเงยหน้าถามควันที่นั่งกินองุ่นที่หมอกซื้อมาติดตู้เย็นเอาไว้

“จะไปรู้เหรอวะ” ควันพึมพำ แล้วยอมเดินไปส่องหน้าต่างให้เพราะไอ้พี่เลวมันใช้เท้าดันหลังเขายิก ๆ ให้ไปดูสภาพอากาศให้ และเมื่อส่องดูด้านนอกก็พบเมฆครื้มเริ่มก่อตัวแล้ว

“ว่าไง ฝนจะตกเหรอ”

“เออ กูว่าไม่ถึงชั่วโมงคงตกแน่ ท้องฟ้าข้างนอกโคตรมืด”

“งั้นเดี๋ยวกูมา ไปส่งเพื่อนก่อน” หมอกลุกพรวดพราด คว้ากุญแจรถได้ก็รีบเดินออกไปทันที แต่ควันก็รีบถามเสียก่อน

“ไปส่งเพื่อนคนไหน ว่าที่เมียมึงน่ะเหรอ” ควันถามแล้วเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนัง...เวลานี้มันก็ใกล้จะซ้อมการประกวดแล้วนี่นา

“เออ ว่าที่เมียกูนี่แหละ เดี๋ยวมา”

“กูไปด้วย!” ควันโพล่งอย่างรวดเร็ว ไม่สนดวงตาเรียวที่มันกรอกไปมาให้รู้ว่ารำคาญไอ้ก้างขวางคออย่างเขาจะตายอยู่แล้ว

“เออ จะไปเป็นสัมภเวสีด้วยก็มา กูเบื่อมึงชิบหาย ไอ้ควาย”

ควันยิ้มกริ่ม ไม่ได้สนใจคำด่าทอพวกนั้น รีบปิดไฟในห้องแล้วเดินตามหมอกออกมา...เขาติดรถหมอกที่รับบลูไปส่งที่อาคารที่ใช้ทำกิจกรรมอย่างนี้เป็นอาทิตย์แล้ว...ควันก็ไม่เข้าใจตัวเองหรอกว่าทำไมถึงต้องมา ทำไมดวงตาเจ้ากรรมถึงคอยเอาแต่มองเพื่อนตัวเล็กที่มันมักจะนั่งเล่นอยู่ใต้ลานกิจกรรมเพื่อรอซ้อมอยู่เรื่อย

“ฝากดูแลไอติมมันด้วยนะ”

และทุกครั้ง ควันก็จะพูดอย่างนี้เสมอหลังจากที่หมอกมาส่งบลูถึงที่หน้าอาคาร A แล้ว

“อืม...เดี๋ยวจะตามดูให้ แต่พักนี้ไอติมดูซึม ๆ ยังไงก็ไม่รู้” บลูว่า ในขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถ แล้วเตรียมร่มออกมาเพราะด้านนอกนั้นฝนกำลังตกลงมาอย่างหนัก

“สงสัยมันจะนอนน้อยไปหน่อยแหละมั้ง” ควันพึมพำ มองไปนอกหน้าต่างที่ฝนตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเสียที พอมองไปใต้ลานกิจกรรมที่ปกติไอติมจะมานั่งเล่นก็ยังไม่เห็นคนตัวเล็กของเขา...สงสัยคงจะขึ้นอาคารไปแล้วแหละมั้ง

“อ่อ...งั้นเราไปก่อนนะ ยังไงก็จะดูไอติมให้แล้วกัน” บลูตอบกลับมา หมอกจึงหันไปยิ้มให้ และนั้นทำให้ควันเผลอเบะปากไม่ได้

เหม็นความรักว่ะ!





เวลาห้าโมงครึ่ง ในช่วงฝนตกหนักอย่างนี้ รถในมหาวิทยาลัยนั้นเต็มไปด้วยรถยนต์ที่ติดกันเป็นพรวน ควันได้แต่นั่งแกร่วมองไฟแดงที่เปลี่ยนเป็นไฟเขียว แล้วก็เปลี่ยนเป็นไฟแดงอีกครั้ง วนไปวนมาไม่ต่ำกว่าสามรอบ แต่รถของพวกเขาก็ยังไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด

“สองทุ่มจะออกจากมอได้มั้ย ติดอะไรขนาดนี้วะเนี่ย”

“วันศุกร์ก็งี้แหละ คนรีบกลับบ้าน มึงก็อย่าบ่นไป” หมอกว่า แล้วก็ฮัมเพลงอย่างมีความสุข แหม คนมีความรักอะไร ๆ ก็ดีไปหมดสินะ

เสียงข้อความแชทดังขึ้นพร้อมจอโทรศัพท์ที่สว่างวาบ ควันเหลือบมองหมอกที่หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเปิดดูในขณะที่รถยังติดแหง็กอย่างนี้ ก่อนจะเบือนหน้ามองออกไปยังถนนด้านนอกอย่างเรื่อยเปื่อย

พลันนั้น ดวงตาเจ้ากรรมก็เห็นร่างที่คุ้นเคยวิ่งอยู่ข้างถนนอีกฝั่ง...ในตอนที่ฝนกำลังตกหนักเช่นนี้ คนที่กำลังวิ่งอยู่นั้นไม่ต่างอะไรกับลูกหมาเปียกน้ำเลยสักนิด

“บลูบอกว่าไอติมยังไปไม่ถึงเลย เริ่มซ้อมแล้วด้วย” เสียงของหมอกลอยผ่านหู แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเท่ากับอีกคนที่อยู่ด้านนอก ซึ่งกำลังวิ่งฝ่าฝนอยู่ในตอนนี้

“หมอก...มึงวนรถกลับไปรับไอติมที” ควันพึมพำเมื่อแฝดพี่นั้นเปลี่ยนเกียร์แล้วเริ่มเหยียบคันเร่ง

“มึงจะให้กูวนไปรับ? มึงดูด้วยว่ากว่ากูจะหลุดจากไฟแดงเวรตะไลนี่มาได้มันยากเย็นแค่ – ”

“หมอก! จอดรถ!”

ยังไม่ทันที่หมอกจะพูดจบ ควันก็เบิกตากว้างแล้วสั่งเสียงดัง หมอกที่ตกใจไปด้วยก็รีบเหยียบเบรก โชคดีที่รถคันหลังมาช้าเลยรอดหวุดหวิด หมอกรีบตบไฟเลี้ยวซ้ายแล้วรีบจอดชิดข้างทาง ยังไม่ทันจอดสนิทดี แฝดคนน้องก็รีบเปิดประตูออกไปทั้ง ๆ ที่ฝนตกลงมาห่าใหญ่ หมอกมองด้วยความฉงนใจ และเมื่อมองตามควันที่วิ่งข้ามถนนไปหาใครสักคน เขาก็ต้องเบิกตากว้าง

“เวรล่ะ”

หมอกพึมพำแล้วรีบคว้าร่มก่อนจะเดินตามควันไปหาใครบางคนที่สลบอยู่บนพื้นถนน

ควันตกใจไม่น้อยเมื่อคนที่อยู่ในกรอบสายตา จู่ ๆ ก็ทรุดลงกลับพื้นอย่างน่ากลัว เขาแทบจะทำอะไรไม่ถูก วิ่งฝ่ารถที่กำลังขับมา เพื่อมาดูคนตัวเล็กที่เย็นชืดไปหมด ควันแตะแก้มที่เปียกแล้วตบใบหน้าขาวซีดเบา ๆ เพื่อเรียกสติ แต่คนที่หลับตาพริ้มก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น

“ไอติม...ไอติม...”

“...”

“พาไปที่ห้องเราก่อน มึงอุ้มมา” หมอกบอกควัน ซึ่งควันก็รีบทำตาม ช้อนร่างคนที่สลบเข้ามาในอ้อมกอด โดยที่มีหมอกกางร่มให้ แล้วเดินข้ามถนนไปยังรถของพวกเขาที่จอดเอาไว้

หมอกเปิดประตูด้านหลังแล้วควันก็รีบพาไอติมเข้าไปในรถพร้อมกับกอดคนตัวเล็กที่ไม่ได้สติเอาไว้ หมอกที่รีบมานั่งยังที่คนขับ ปรับอุณหภูมิแอร์ในรถให้เบาที่สุด และรีบกลับคอนโดของพวกเขาทันที...ใจหนึ่งก็เป็นห่วงเพื่อนของควัน อีกใจก็แอบสงสัยกับท่าทางของไอ้น้องชาย เขาไม่เคยเห็นควันแคร์ใครขนาดนี้มาก่อนเลย ไม่เคยเห็นมันทำตัวไม่ถูกในสถานการณ์แบบนี้

แค่เพื่อนกันจริงงั้นเหรอ...

ดวงตาเรียวอันเป็นเอกลักษณ์เหลือบมองน้องชายผ่านกระจกมองหลังเงียบ ๆ เขาเห็นแววตากังวลที่มันฉายชัดออกมา มือสาก ๆ ของมันลูบเส้นผมของคนที่ไม่ได้สติ ก่อนที่มันจะก้มหน้าลงแล้วแตะริมฝีปากลงบนปากซีดนั้นเบา ๆ

อ่า...

สงสัยคงจะไม่ใช่แค่เพื่อนแล้วแหละมั้ง





ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 11
ขอโทษ


หมอกขับรถกลับมาถึงคอนโดของพวกเขาในเวลาไม่ถึงสิบนาที พอรถจอดสนิท ควันก็รีบอุ้มร่างของคนที่ไม่ได้สติมาที่ห้องโดยที่มีหมอกวิ่งตามอยู่ด้านหลัง พอวางลูกหมาเปียกน้ำที่ยังไม่ได้สติลงบนโซฟาได้ หมอกก็เอามือทาบลงบนหน้าผากซีดขาวอย่างลืมตัว และทันใดนั้นมือของเขาก็โดนปัดออกทันที

“เพื่อนมึงตัวร้อน เดี๋ยวกูลงไปซื้อยากับเจลลดไข้ให้แล้วกัน ระหว่างนี้มึงก็เช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อรอให้เสร็จ”

“เออ รีบไปรีบมา” ควันพูดเสียงเบา พึ่งรู้ตัวว่าเมื่อครู่เขาเผลอเปิดเผยความรู้สึกออกมากเกินไปจนหมอกมันยิ้มอย่างมีเลศนัย เขาเลยแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

พอหมอกออกไปแล้ว ควันก็ถอดเสื้อเปียกชื้นของไอติมออก จนทั้งร่างเหลือเพียงชั้นในตัวเดียว ร่างสูงรีบเอาผ้าห่มคลุมร่างของคนที่ยังไม่ได้สติ หยิบเสื้อผ้าที่ช่ำไปด้วยน้ำฝนไปใส่ตะกร้า แล้วกลับมาพร้อมกะละมังและผ้าขนหนูผืนเล็ก

ควันบิดผ้าขนหนูให้หมาด แล้วเริ่มเช็ดใบหน้า จากนั้นก็เช็ดตัวที่เย็นชืดของไอติมอย่างเป็นห่วง เมื่อเรียบร้อยก็ทาแป้งแคร์ให้ทั่วร่างขาวแล้วหาเสื้อยืดกับกางเกงผ้าของเขามาสวมให้กับคนที่ยังไม่ได้สติ หลังจากนั้นไม่นานหมอกก็กลับมาพร้อมถุงยาในมือ

ควันอุ้มร่างคนที่ยังคงหลับใหลขึ้นมา และพาไปนอนลงบนเตียงของเขา จัดแจงให้ไอติมหลับได้สบายแล้วก็ห่มผ้าให้จนถึงคอ จากนั้นก็แย่งถุงยาในมือหมอกมาดู แล้วรีบแกะเจลลดไข้มาแปะลงบนหน้าผากขาวซีด

“กูบอกบลูแล้วว่าไอติมไม่สบาย เดี๋ยวบลูจะบอกที่กองประกวดให้”

“อืม ขอบใจ” ควันพึมพำ แต่สายตายังคงมองคนที่ยังนอนหลับอยู่

“มึงก็ปลุกเพื่อนมึงมากินยาก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกูออกไปทำข้าวต้มให้”

หมอกออกไปแล้ว ควันจึงเขย่าร่างของไอติมเบา ๆ เรียกอยู่นานจนในที่สุดดวงตากลมนั้นก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา

“ไอติม กินยาก่อน”

“คะ...ควัน...เหรอ...” ไอติมถามเสียงแหบแห้ง แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองตอนที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร จึงถามอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้ฝันไป

“อืม กูเอง”

“หะ...หิวน้ำ” ร้องขอน้ำเพราะแสบคอไปหมด ควันจึงรีบเทน้ำอุ่นให้คนป่วย ไอติมรับไปดื่มอึกใหญ่แล้วส่งคืนให้คนที่นั่งอยู่บนเตียง

“กินยาไว้หน่อย ตัวมึงร้อนแล้ว”

ควันไม่รับแก้วน้ำคืน แต่กลับเทน้ำจนเต็มแก้วอีกครั้ง พร้อมทั้งแกะยาในซองวางบนมือไอติม แต่คนตัวเล็กกลับอ้ำอึ้ง ไม่ยอมทำตามที่เขาบอก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของห้อง

“ควัน...”

“อย่าพึ่งพูด กินยาก่อน” ควันรีบบอก เมื่อคนตัวเล็กหลุบตาต่ำ เหมือนจะพูดอะไรออกมา แค่เขาก็รีบห้ามแล้วเตือนคนป่วยอีกครั้ง ไอติมจึงยอมพยักหน้าแล้วกินยาแต่โดยดี

“กินเสร็จแล้ว” ไอติมบอกเหมือนเด็กที่ทำตามคำสั่งผู้ใหญ่ พอจะอ้าปากพูดอีกครั้ง ควันก็ดันคนตัวเล็กให้นอนลง

“กินเสร็จแล้วก็นอนพักซะ เดี๋ยวหมอกมันทำข้าวต้มเสร็จแล้วจะปลุกมากิน”

“แต่...”

“นอนพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวหายไม่ทันประกวดแล้วจะแย่”


.

.


หลังจากนอนหลับไปได้ไม่นาน ไอติมก็ถูกปลุกอีกครั้งเพื่อมากินข้าวต้มหมูกลิ่นหอมฉุย เขาพยายามฝืนกินก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว เวลาล่วงเลยผ่านไปอีกหลายชั่วโมงไอติมจึงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาสวยนั้นมองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้ด้านนอกนั้นท้องฟ้ามืดสนิท ในห้องนั้นมีเพียงแสงจากโคมไฟบนโต๊ะอ่านหนังสือของคนที่กำลังนั่งหันหลังให้เขา หันไปมองนาฬิกาบนหัวเตียงก็พบว่าเข็มสั้นชี้เลขสองแล้ว

ตอนนี้ไอติมรู้สึกดีขึ้นมาก อาการปวดหัวก็ยังคงมีเหลืออยู่แต่ก็ไม่มากเท่าเดิมแล้ว ลองยกมือขึ้นแตะหน้าผากดูก็พบว่าตัวไม่ได้ร้อนเท่าไร เลยลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง แต่เพาะไอ้การขยุกขยิกนั้นเลยทำให้คนที่อ่านหนังสืออยู่หันมาหาคนที่ฟื้นจากไข้แล้ว

“ดีขึ้นแล้วเหรอ”

เสียงทุ้มถามขึ้นแล้วปิดหนังสือลง ควันเลื่อนเก้าอี้มาที่ข้างเตียงซึ่งมีคนป่วยที่เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาแล้วมองเขาตาใสแป๋ว ควันจึงอดไม่ได้ที่จะเขกหัวกลม ๆ นั้นไปหนึ่งที

“โอ๊ย!”

“รู้ว่าตัวเองป่วยแล้วไปวิ่งตากฝนทำไม ไอ้ดื้อ”

“เจ็บนะ” ไอติมลูบหัวตัวเองป้อย ๆ แต่ก็ยอมให้ควันเขกหัวเขาซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะตะครุบมือของควันที่จับบนกระหม่อมของเขาค้างไว้อย่างนั้น

ควันมองคนที่ยังดึงมือเขาให้วางอยู่บนหัวอย่างนั้น ดวงตากลมช้อนมองก่อนจะพึมพำคำหนึ่งขึ้นมา

“ขอโทษ”

“...”

“ขอโทษนะควัน”

“ขอโทษเรื่องอะไร” ควันถามกลับเสียงเรียบ และนั้นก็ทำให้ไอติมหน้าเสียไม่น้อย คนตัวเล็กจึงยอมปล่อยมือของควันลงแล้วก้มหน้าจนชิดอก

“ขอโทษที่วันนั้นพูดไม่ดีออกไป กูผิดเองทุกอย่าง ทั้ง ๆ ที่มึงเป็นห่วงกู แต่กูก็พูดแบบนั้นไปจนมึงโกรธ กูไม่มีอะไรจะแก้ตัวนอกจากคำว่าขอโทษ ที่ไม่รู้ว่ามึงจะยกโทษให้เพื่อนคนนี้หรือเปล่า”

“...”

“แล้วก็ขอบคุณสำหรับเรื่องในวันนี้ด้วย ถ้าไม่ได้มึงกูคงนอนเป็นหมาอยู่ข้างถนนอย่างนั้นต่อไปแน่”

ไอติมบีบมือตัวเองอย่างเครียด ๆ ไม่เคยรู้สึกกดดันอย่างนี้มาก่อนเลย ตอนสารภาพผิดที่แอบหนีแม่ไปเที่ยว เขายังไม่รู้สึกกลัวอย่างนี้มาก่อนเลย แต่ในตอนนี้ไม่รู้เพราะความเงียบของคนตรงหน้าหรือเพราะพลังงานบางอย่างที่มันเริ่มก่อขึ้นรอบตัวพวกเขา ถึงทำให้ไอติมกลัวจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองควันอย่างนี้

และในตอนนั้นเองที่ความอุ่นวาบพุ่งลงกลางใจ เมื่อฝ่ามืออุ่น ๆ ทาบทับลงบนกระหม่อมของเขาอีกครั้งก่อนจะลูบเบา ๆ ไอติมจึงเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยิ้มบาง ๆ ให้เขาก่อนจะผละมือออก

“กูก็รอแค่คำนี้แหละติม...กูรอมันมาสองอาทิตย์แล้ว แล้วก็คิดว่าถ้ามึงยังไม่มาง้อกูสักที กูนี่แหละที่จะไปง้อมึงเอง”

ควันพูดยิ้ม ๆ เขาไม่อยากให้เรื่องระหว่างเขากับไอติมมันเลยเถิดจนกู่ไม่กลับอีกแล้ว เขายังอยากเป็นเพื่อนกับคนตัวเล็กต่อไป...อย่างน้อยได้เป็นแค่เพื่อนก็ยังดีกว่าเป็นแค่คนแปลกหน้าในคณะอยู่แล้ว

“กูขอโทษนะควัน...ขอโทษ”

ไอติมยังคงพูดขอโทษไม่หยุด กระบอกตาร้อนผ่าวจนต้องก้มหน้าชิดอกอีกครั้ง สงสัยยังไม่หายไข้แน่ ๆ ถึงได้รู้สึกอ่อนแออย่างนี้ ไม่อยากให้ควันเห็นเลยว่าเขากำลังจะร้องไห้

“ไม่ต้องพูดขอโทษแล้วนะ ไม่โกรธกันดีกว่า กูไม่ชอบเลยที่เราสองคนเป็นแบบนี้”

ควันยกมือขึ้นกุมแก้มนิ่มทั้งสองข้าง แล้วดันให้ไอติมเงยหน้าขึ้นมามองกัน และตอนนั้นเองที่ดวงตาแดง ๆ นั้นมีน้ำไหลคลอเต็มหน่วย มือใหญ่จึงช่วยเกลี่ยน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

“ร้องไห้ทำไม หืม?” ควันถามเด็กขี้แงเสียงแผ่วเบาอีกทั้งยังเกลี่ยแก้มขาวใสอยู่อย่างนั้น คนตรงหน้าจึงพยายามกลั้นน้ำตาจนจมูกแดง เบะปากอย่างน่ารักโดยไม่รู้ตัว

“คิดถึงมึง”

“กูก็คิดถึงมึง” ควันอมยิ้มเมื่อได้ยินความรู้สึกของไอติมตรง ๆ และเขาก็ไม่ลังเลที่จะบอกความรู้สึกของเขาเช่นกัน

เมื่อได้ยินว่าควันก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา หัวใจดวงน้อยก็อุ่นวาบ ไอติมยกมือขึ้นกุมมือใหญ่ที่จับแก้มเขาไว้อีกชั้น ทั้งห้องนั้นยังคงเงียบ และพวกเขาก็เพียงแค่มองตากันอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ความรู้สึกที่ล้นทะลักอยู่ภายในอกส่งผ่านมือของทั้งคู่เนิ่นนาน

“อยากจูบมึง”

“...”

“ได้รึเปล่า”

คำขอแผ่วเบาของเจ้าของห้องทำคนป่วยหน้าร้อนวูบ ใบหน้าหล่อเหลาที่เคลื่อนใกล้เข้ามานั้นยังยังรอคำอนุญาตจากเพื่อนตัวเล็กอย่างใจเย็น ไอติมไม่ได้พูดอะไรนอกจากหลับตาลงก่อนจะผละมือที่กุมมือของควันไว้แล้วคล้องคอคนที่ขึ้นมานั่งบนเตียงก่อนจะดันเขาให้นอนราบลงแล้วขึ้นคร่อมทับ

ริมฝีปากของคนทั้งสองยังคงไม่บรรจบกัน มีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังสอดประสานและใช้อากาศร่วมกันเพียงแค่นั้น ไอติมหลับตารอสัมผัสที่เขาโหยหา แต่ควันก็ไม่ยอมมอบมันให้เขาเสียที ดวงตากลมจึงลืมขึ้นมองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และเมื่อเขาสบกับดวงตาคมนั้น ควันจึงทาบทับริมฝีปากลงมาในที่สุด

ความนุ่มหยุ่นอันคุ้นเคยค่อย ๆ แตะกันและกัน บดเบียดอย่างละเมียดละไม ควันดูดดึงกลีบปากสวยเบา ๆ ในขณะที่ไอติมก็งับริมฝีปากได้รูปนั้นกลับบ้าง ก่อนจะเปิดปากให้เรียวลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามา เขาหลับตาลงรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ และสัมผัสเหล่านี้ก็ค่อย ๆ ร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ริมฝีปากของคนทั้งสองโรมรันกันไม่ให้ได้พัก จนเมื่อไอติมหายใจไม่ทัน มือเล็กที่คล้องคอควันไว้ก็ดึงกระตุกเสื้อของคนด้านบนกาย ควันจะยอมผละออกอย่างอ้อยอิ่ง

“มึงไม่ได้ลืมข้อตกลงของเราใช่มั้ย” ควันถามไอติมที่ตาปรือ ยังมึนงงเพราะรสจูบ แล้วก้มลงจูบขมับที่เปียกไปด้วยเหงื่อกาฬอย่างแสนรัก

“ไม่ลืมหรอก แต่ว่า...”

“แต่อะไร” ควันก้มลงมองคนที่อิดออด มือเล็กนั้นแตะแก้มเขาเบา ๆ ก่อนจะลูบจนไปถึงคาง

“หนวดมึงยาวแล้วมันทิ่มกู...กูจักจี้”

“งั้นก็โกนหนวดให้หน่อย”

“แต่ตอนนี้มันตีสามแล้ว...กูง่วงแล้วด้วย ปวดหัวอีกแล้วเนี่ย” ไอติมพูดเสียงแผ่ว ได้ยินควันทวงข้อตกลงอย่างนี้ เขาคิดว่าตอนนี้คงไม่ไหวแน่ ๆ เลยต้องรีบหาทางรอดไว้ก่อน

ควันที่เห็นว่าไอติมยังไม่ฟื้นจากไข้เต็มที่ เลยยอมปล่อยให้เจ้ากระต่ายนั้นหลุดมือไปก่อน ก้มหน้าลงแตะกลีบปากแดงอีกครั้งก่อนจะผละออกมาแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้คนป่วยจนถึงคอ ไอติมจึงแอบพรูลมหายใจที่รอดไปได้อย่างหวุดหวิด

“นอนได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้หายป่วย”

“อืม...แล้วมึงล่ะ ไม่นอนเหรอ” ไอติมมองคนที่ลุกจากเตียงไปปิดโคมไฟที่โต๊ะหนังสือ จนทั้งห้องมืดมิดแต่ก็ยังเห็นเงาของคนตัวใหญ่ที่เดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง

“จะนอนแล้วเหมือนกัน เขยิบให้นอนด้วยดิ” ควันดันตัวคนที่นอนกินพื้นที่อยู่กลางเตียงแล้วสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม ไอติมรีบแบ่งที่ให้เจ้าของห้องจนแทบจะตกเตียง และทันใดนั้น ร่างของเขาก็โดนดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนจนได้

“ไม่กลัวติดไข้เหรอ”

“กลัวทำไม กูแข็งแรงจะตาย” ควันพูดเสียงเบา แต่เพราะอยู่ใกล้จนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเต้นของหัวใจ ไอติมจึงได้แต่นอนนิ่ง ๆ ยอมให้ควันกอดอย่างนั้น

เพราะเขาก็รู้สึกดีไม่น้อยในอ้อมกอดที่อบอุ่นเช่นนี้...






ไอติมสะดุ้งตื่นในตอนเช้าเมื่อนาฬิกาปลุกส่งเสียงร้องดัง ร่างเล็กขยับตัวขยุกขยิกอยู่ในอ้อมกอดหลวม ๆ ของคนที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลัง แล้วลุกขึ้นนั่งอย่างมึน ๆ ก่อนจะปิดนาฬิกาปลุกให้มันเงียบเสียงลง

แขนขาวเหยียดจนสุด บิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วขยี้ตาเพื่อให้สร่างจากอาการง่วง ตอนนี้เหมือนว่าเขาจะรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว พิษไข้หายไปหมดเพราะได้พักผ่อนเต็มที่ อีกทั้งยังเปิดใจเคลียร์กับควันแล้วเขาเลยไม่มีอะไรต้องกังวลอีก

เมื่อนึกถึงควัน ไอติมจึงหันกลับไปมองคนที่ยังนอนหลับอยู่ ฝ่ามือก็จับต้นแขนของเจ้าของห้องแล้วเขย่าเบา ๆ ปลุกคนขี้เซาให้ตื่น

“ควันตื่นได้แล้ว”

“อือ...”

“เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันนะควัน”

“ฮื่อ...ง่วง...”

เสียงพึมพำแหบแห้งดังแผ่วเบา ก่อนจะหันหลังให้ไอติมทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาอยู่ ไอติมได้แต่ส่ายหัวอย่างระอาแล้วลุกขึ้นดึงแขนให้ควันตื่น

“อยากให้โกนหนวดให้ไม่ใช่เหรอ ลุกขึ้นได้แล้วควัน”

พอได้ยินอย่างนั้น คนขี้เซาก็เด้งตัวขึ้นจากที่นอนทันที ฝืนความง่วงแล้วยอมเดินตามคนตัวเล็กที่ลากเขาไปห้องน้ำทั้งที่ยังไม่ตื่นสนิทดี เมื่อเข้ามาในห้องน้ำแล้วควันก็ยืนพิงกำแพงมองแผ่นหลังของคนที่หยิบนู้นจับนี้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามาอ่านฉลากด้านหลังอยู่ชั่วครู่ ก็ได้ครีมโกนหนวดของ Kiehl’s อาฟเตอร์เชฟ และมีดโกนใบใหม่ที่ไอติมรื้อออกมาจากในตู้เก็บของ

“มายืนตรงนี้เร็ว”

ไอติมดึงปลายเสื้อคนขี้เซาให้มายืนตรงหน้า แต่เพราะส่วนสูงที่ต่างกันมากพอสมควร ไอติมจึงได้แต่เบะปากที่ไม่สามารถโกนหนวดให้ควันได้อย่างถนัด ควันที่เห็นดังนั้นจึงอุ้มคนตัวเล็กขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ก่อนจะเท้าแขนบนอ่างล่างหน้ากักกั้นไอติมเอาไว้ในอ้อมแขน

“โกนเลยสิ หนวดยาวมากแล้วนะเนี่ย” ควันพูดยิ้ม ๆ มองดวงตาล่อกแล่กของคนตัวเล็กแล้วมันน่ารักเป็นบ้า แค่มีไอติมอยู่ข้าง ๆ อย่างนี้ เขาก็สามารถยิ้มได้โดยไม่มีเหตุผลแล้ว

ควันรู้ว่ามันอันตรายที่กำลังเผลอปล่อยตัวปล่อยใจอย่างนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถห้ามมันไม่ได้จริง ๆ

“งั้นจะโกนแล้วนะ ถ้าบาดก็บอกด้วย”

“อืม”

ควันเท้าแขนรอคนที่หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำแล้วนำมาเช็ดที่ปลายคางเขาเบา ๆ แล้วไล่ไปจนถึงแก้มสากที่เห็นรอยแผลจาง ๆ เช็ดจนทั่วใบหน้าแล้วก็หยิบโฟมโกนหนวดมาบีบจนเต็มมือ ก่อนจะค่อย ๆ ปาดลงไปทั่วบริเวณที่หนวดเขียวครึ้มก่อตัวขึ้นมาอย่างตั้งใจ

“ไม่ได้โกนหนวดนานขนาดไหนแล้วเนี่ย” ไอติมชวนคุย ส่วนมือก็ยังคงปาดครีมไปทั่วสันกราม

“ก็ตั้งแต่ที่ทะเลาะกับมึง เลยไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร”

“หมดหล่อเลย” ไอติมอมยิ้ม แล้วก็เริ่มโกนหนวดโดยทำการโกนตามแนวเส้นขน ค่อย ๆ โกนอย่างเบามือแล้วล้างใบมีดเป็นระยะ ๆ

“แล้ว...กับแยมล่ะ เป็นยังไงบ้าง” จู่ ๆ ก็อยากรู้ความสัมพันธ์ของเพื่อนขึ้นมา ไอติมก็แค่อยากรู้เท่านั้น ไม่มีอะไรแอบแฝงจริง ๆ นะ

“ก็ไม่มีอะไร เลิกคุยกันไปเกือบสองสัปดาห์แล้ว”

“มาเร็ว เคลมเร็วจริง ๆ” ไอติมพึมพำในขณะที่ตั้งใจโกนหนวดไปด้วย

“ไม่ชอบเหรอ...หรืออยากให้กลับไปคุยต่อ” ควันถามลองเชิงเล่น ๆ พอเห็นว่าคนที่โกนหนวดให้อยู่หน้ามุ่ยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขาก็ลอบยิ้มอยู่ในใจเพียงคนเดียว

“ก็เรื่องของมึงสิ...ไม่ต้องชวนคุยแล้ว เดี๋ยวไม่โกนให้เลย”

“ครับ ไม่กวนแล้วก็ได้”

ควันอมยิ้มแล้วมองตามคนที่ตั้งใจโกนหนวดให้เขา พอโกนเสร็จไปหนึ่งรอบก็ล้างโฟมออก แล้วโกนใหม่อีกรอบเพื่อให้กำจัดเส้นขนออกให้หมด จนเมื่อโกนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฝ่ามือขาวจึงไล้ไปทั่วหน้าใบหน้าของควันเพื่อเช็คให้เรียบร้อย เมื่อไม่เหลือเส้นขนพวกนั้นแล้ว ไอติมจึงทาอาฟเตอร์เชฟให้เป็นอันเสร็จ

“เรียบร้อย” ไอ้คนตัวเล็กบอกอย่างนั้น ควันจึงปล่อยให้ไอติมลงมาจากเคาน์เตอร์ก่อนจะส่องกระจกมองผลงานของไอติมชัด ๆ

“โกนจนหมดจดเลย หน้ากูเนียนมากด้วย”

“กูเก่งใช่มั้ยล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้ โกนหนวดให้กูตลอดไปเลยดีมั้ย”


.

.


“ฮัดชิ้ว!!”

หมอกนั่งมองฝาแฝดของตนที่ยังไม่หยุดจามจนถึงตอนนี้ จมูกนั้นแดงแถมยังมีน้ำมูกอีก พึ่งสังเกตว่าไอ้ไรหนวดเขียวๆ ของมันหายไปแล้ว แต่ถึงจะกลับมาหล่อสะอาดสะอ้านแบบเดิม แต่ภาพทุเรศ ๆ ตรงหน้านั้นก็ทำเอาเขาทนไม่ไหวเขาเลยหยิบกล่องกระดาษทิชชู่มาวางตรงหน้ามัน

“จะกินโจ๊กคลุกน้ำมูกรึไง”

“แค่พูดก็จะอ้วกล่ะ”

ควันพึมพำแล้วหยิบทิชชู่มาสั่งน้ำมูก ส่วนไอติมที่นั่งกินโจ๊กอยู่ด้านข้างนั้นกลับหน้าตาสดชื่นกว่าเมื่อวานมาก แถมยังหยิบปาท่องโก๋ที่หมอกอุตส่าห์ซื้อมาให้ควันกินหน้าตาเฉย ส่วนไอ้แฝดของเขาน่ะเหรอ...ก็นั่งหน้าซึมอยู่หน้าถ้วยโจ๊กนั้นไงล่ะ

ควันไม่ได้บอกไอติมว่าเขารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวตั้งแต่ถูกไอติมปลุกแล้ว พอโดนลากไปโกนหนวดก็พยายามต่อสู้กับอาการปวดเมื่อยตามตัว อีกทั้งหัวที่ปวดตุบ ๆ ไม่หยุด จนเมื่อมาอาบน้ำเสร็จ ควันยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม สุดท้ายก็มานั่งซึมอยู่ที่หน้าโจ๊กหมูเด้งอย่างนี้

“บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวจะติดไข้จากกู ไม่เชื่อเอง” ไอติมพูดแล้วหยิบซองยาของเขาขึ้นมาวางให้ควัน และประโยคแปลก ๆ นั้นก็ทำให้หมอกมุ่นหัวคิ้วได้ไม่ยาก

“กูไม่ได้เป็นไข้ กูเป็นหวัด”

“มันก็เหมือน ๆ กันนั้นแหละ อยากกอดกูดีนัก สมน้ำหน้า”

“ก็ตัวมึงนุ่ม แถมหอมด้วย...ฮัดชิ้ว!”

“กินยาลดน้ำมูกเดี๋ยวนี้เลยควัน”

หมอกมองคนสองคนตรงหน้าที่เถียงกันไม่หยุด แต่ถึงเถียงกันอย่างนั้น ไอติมก็ยังหยิบกระดาษทิชชู่แผ่นใหม่ส่งให้ควันรับไปเช็ดน้ำมูกอยู่ดี เขาแอบคลี่ยิ้มตามลำพังก่อนจะก้มลงกินโจ๊กในถ้วยตัวเองบ้าง เห้อ...เห็นพวกมันสองคนแล้วคันหัวใจยุบยิบ ๆ คิดถึงบลูอีกแล้วสิ เมื่อไรจะได้กอด ได้หอมแบบที่ไอ้ควันมันบ้างนะ คิดแล้วก็อิจฉามันโว้ยยยย

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

กลายเป็นว่า สองแฝด กลับไม่ได้เป็นเดือนคณะซะงั้น

แถมดันกลายเป็นคนสำคัญของเดือนคณะทั้งสองคนด้วยจิ  อิอิ

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
กลับมาหวานกันแล้ว แต่ก็ยังหม่นๆหน่วงๆอยู่ดี

ออฟไลน์ mayyiyi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พึ่งได้ตามอ่าน55 จะไม่มีมาม่าใช่ไหม
มันหวานๆในสถานะก้ำกึ่ง

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 12
ที่ปรึกษา


เหตุการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เมื่อวันต่อมาควันและไอติมเดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกันราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าเพื่อนหลาย ๆ คนอาจจะไม่สังเกตว่าเพื่อนสนิทคู่นี้ทำมึนตึงใส่กันมาได้สองอาทิตย์แล้ว แต่ในกลุ่มของพวกเขานั้นรู้ดีว่าอะไรที่มันผิดที่ผิดทางไป มันได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันประกวดดาว – เดือนของมหาวิทยาลัยที่หลายคนจับตามองแล้ว การซ้อมยิ่งเข้มข้นมากขึ้นทุกวัน แต่ถึงกระนั้น ไอติมกลับไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหรือท้อแท้เหมือนช่วงสองอาทิตย์ก่อนเลย

บางที...อาจจะเพราะมีกำลังใจที่ดีรึเปล่า (?)

“พักก่อนแล้วกันนะคะน้อง ๆ ใครอยากจะไปหาอะไรกินก็ไปได้น๊า พี่ให้เวลา 30 นาทีนะค๊า”

พอได้ยินพี่เจตน์ประกาศอย่างนั้น ทุกคนก็ร้องดีใจแล้วสลายตัวอย่างรวดเร็ว ไอติมก็เป็นหนึ่งในนั้น เดินไปหยิบโทรศัพท์แล้วลงจากอาคารมานั่งเล่นที่ลานด้านล่างเงียบ ๆ เพียงคนเดียวเหมือนอย่างเคย พอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นข้อความแจ้งเตือนของใครบางคนก็อดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนจะปลดล็อคโทรศัพท์แล้วส่งข้อความหาคน ๆ นั้นทันที

I-tim : พักเบรกแล้ว รออยู่ที่เดิมนะ

ตอบเสร็จก็ปิดแอพลิเคชั่นไลน์ แล้วเล่นเกมรอเงียบ ๆ จนกระทั่งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ แต่ไอติมก็ไม่ได้เงยหน้ามองเพราะยังติดเกมไม่เลิก เมื่อความเย็นจากขวดชาเขียวแนบลงที่แก้มขาว คนตัวเล็กก็สะดุ้งเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองคนมาใหม่

“แกล้งอีกแล้วนะ...พี่กร”

อ้าปากเตรียมจะบ่นแล้ว แต่พอเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงหน้า ไอติมก็แทบจะกลืนคำพูดทุกอย่างลงคอ เห็นรุ่นพี่ที่ระบายยิ้มบาง ๆ ให้ก่อนจะยื่นขวดชาเขียวที่แนบหน้าเมื่อครู่ให้กับเขา ไอติมจึงรับมาอย่างงง ๆ แล้วยอมเขยิบที่ให้กรนั่งข้าง ๆ แต่สายตาก็ยังคงสอดส่องหาใครอีกคนที่ควรจะมาถึงได้แล้ว

“มองหาใครเหรอ”

“ไม่มีอะไรครับ”

ไอติมบอกปัดแล้วเปิดชาเขียวกินแก้เก้อ ระหว่างเขาและพี่กรยังคงมีแต่ความเงียบที่น่าอึดอัดเช่นเดิม ไอติมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความถึงใครบางคนที่สัญญาไว้แล้วว่าจะมา แต่ก็ยังไม่มาเสียที

I-tim : ยังมาไม่ถึงเหรอ

I-tim : มานั่งรอแล้วนะ ยุงกัดเต็มไปหมดเลย

I-tim : ไม่ต้องมาแล้ว เดี๋ยวเดินไปรอที่ลานจอดรถดีกว่า

ทันทีที่กดส่งข้อความ ก็ขึ้นเครื่องหมายว่าอ่านแล้วทันที ไอติมเลยไม่รอให้อีกฝั่งตอบอะไรกลับมาแล้วเก็บกระเป๋าเข้าโทรศัพท์กางเกง ก่อนจะหันมาทางที่รุ่นพี่นั่งอยู่

“เออ...ผมขอตัวก่อนนะครับพี่กร”

“อ่าว จะไปแล้วเหรอ” รุ่นพี่งงเล็กน้อยที่จู่  ๆ รุ่นน้องก็ลุกขึ้นโดยพลการ แต่ก็ยังยิ้มละไมให้กับไอติมเช่นเดิม

“ครับ ผมจะออกไปหาอะไรกินสักหน่อย แล้วเจอกันที่ด้านบนนะครับ” ไอติมรีบบอกลาแล้วเดินออกมาโดยไม่รอให้กรได้พูดอะไรอีก

คล้อยหลังไอติมไป กรก็ยังคงมีรอยยิ้มจาง ๆ เช่นเดิม...แค่จะมาทักทาย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบก็เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าจนถึงตอนนี้ไอติมก็ยังตีตัวออกห่างจากเขาเช่นเดิม ไม่รู้ว่าใจตอนนี้ของไอติมจะเป็นเช่นไร กรก็ได้แต่หวังว่าสักวันคงจะมีใครที่เข้าไปนั่งในหัวใจของไอติมแทนเขาได้เสียที ถึงวันนั้นไอติมจะยอมรับพี่ชายคนนี้ แล้วกลับมาเป็นน้องชายที่น่ารักเหมือนเมื่อสองปีก่อนได้มั้ยนะ

.

.

ร่างสูงยืนมองคนที่วิ่งกระหืดกระหอบมาทางลานจอดรถที่เขาจอดไว้ได้สักพักแล้ว ความจริงควันมาถึงที่อาคารแห่งนี้ได้ระยะหนึ่งแล้ว กำลังจะเดินไปหาไอติมที่ส่งข้อความเข้ามา แต่สายตาเจ้ากรรมดันมองเห็นใครอีกคนที่เดินเข้าไปทักไอติมเสียก่อน...ควันอยู่ไกลจนมองไม่เห็นว่าคน ๆ นั้นคือใคร จึงได้แต่ยืนนิ่งมองอยู่ในระยะไกล ๆ จนเมื่อโทรศัพท์ของเขาสว่างวาบ พร้อมกับข้อความของเพื่อนตัวเล็กที่ส่งเข้ามา ควันจึงรออยู่ที่ลานจอดรถเงียบ ๆ

“มาแล้วเหรอ ทำไมไม่เข้าไปล่ะ”

คนตัวเล็กเอ่ยปากถามทั้งที่ยังหอบเหนื่อย ควันเลยส่งยิ้มจาง ๆ ให้ก่อนจะยีกลุ่มผมนิ่มอย่างที่ชอบเป็นประจำแล้วตอบคำถามให้กับคนช่างสงสัย “พึ่งมาถึงน่ะสิ” แล้วส่งถุงขนมที่ซื้อติดไม้ติดมือมาตรงหน้า ”เค้กส้ม”

“ขอบใจ กำลังหิวพอดีเลย” ไอติมรับมา แล้วยกกล่องเค้กชิ้นเล็ก ๆ ขึ้นมาส่องดู ก่อนจะดึงแขนควันให้เดินไปที่ตลาดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตึกที่พวกเขาอยู่แทนที่จะกลับไปนั่งที่ลานกว้างเช่นเดิม

“จะไปไหน ไม่กินเค้กหน่อยเหรอ” ควันถาม แต่ก็ยอมเดินตามคนที่คล้องแขนเขาไว้หลวม ๆ แล้วเดินไปด้วยกัน เผลอยิ้มอยู่คนเดียวยามที่เห็นท่อนแขนเล็กที่คล้องอยู่ ก่อนจะพยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้เพียงคนเดียว

“อยากกินอย่างอื่นด้วยไง”

ไอติมไม่ยอมบอกเหตุผลที่แท้จริงว่าที่ไม่ยอมนั่งเล่นอยู่ที่ใต้ลานเป็นประจำนั้นเพราะมีใครอีกคนที่ยังคงอยู่ แถมตอนนี้ไอติมยังสบายใจที่จะได้อยู่กับควันมากกว่า เลยไม่ลังเลที่จะลากควันออกมาด้วยกัน

จนเมื่อมาถึงตลาดที่เปิดไว้สำหรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยยามค่ำคืนแบบนี้ ไอติมซื้อน้ำผลไม้ปั่น ส่วนควันก็ซื้อก๋วยเตี๋ยวไก่มะระมานั่งกินด้วยกัน คนตัวเล็กแกะเค้กส้มออกจากกล่องแล้วนั่งกินอย่างสบายอารมณ์ มองบรรยากาศรอบ ๆ ที่มีนักศึกษาหลายคนที่กำลังเลือกซื้ออาหารอยู่ เหล่าดาว-เดือนหลายคนก็ซื้อข้าวแล้วนั่งกินอยู่ไกล ๆ แอบเห็นว่าบลูกับเพลิงที่นั่งกินข้าวด้วยกันมีรุ่นพี่มาสัมภาษณ์ด้วย ไม่แปลกใจเลย ก็นั้นมันคู่จิ้นของกองประกวดเลยนะ

“เค้กเลอะปาก”

เสียงทุ้มดึงความสนใจของไอติมให้หันกลับมามอง ไม่ทันได้เช็ดตามที่ควันท้วง มือใหญ่ก็เอื้อมมาสัมผัสที่มุมปากของเขาแล้วเช็ดออกให้เบา ๆ สร้างความตกใจให้ไอติมไม่น้อยก่อนจะรีบปัดมือควันออกอย่างรวดเร็ว

“เช็ดเองก็ได้ ไม่เห็นต้องเช็ดให้เลย”

“เขินเหรอ” ควันอมยิ้มแล้วปาดปลายนิ้วของตัวเองที่ยังคงมีแยมรสส้มเลอะอยู่เข้าปากหน้าตาเฉย แต่คนตรงข้ามที่มองมานั้นกลับร้อนวูบที่หน้าอย่างช่วยไม่ได้

“คนเยอะแยะ ไม่เขินก็บ้าแล้ว”

ไอติมพูดเสียงเบา แล้วก้มหน้าก้มตากินเค้กโดยไม่ยอมมองหน้าควันอีกเลย ไม่รู้ทำไมใจมันกระตุกแปลก ๆ โทษควันนั้นแหละที่ชอบแกล้งเขาอย่างนี้ ไม่ดีกับใจเลยจริง ๆ

.

.

“เดี๋ยวเลิกแล้วจะมารับนะ เที่ยงคืนเหมือนเดิมใช่มั้ย”

ควันถามเมื่อพวกเขาทั้งคู่เดินมาถึงลานจอดรถแล้ว ไอติมพยักหน้าหงึกหงักแล้วมองนาฬิกาข้อมือ เมื่อพบว่ายังพอมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อยก่อนที่จะต้องไปซ้อมต่อ

“วันนี้ไม่รู้ว่าจะเลิกเวลาเดิมรึเปล่า ถ้ากองประกวดปล่อยแล้วพวกพี่อาจจะพากูกับน้ำหนึ่งไปซ้อมการแสดงต่อที่คณะ”

“เดี๋ยวจะรอ”

“ไม่ต้องรอหรอก เกรงใจมึงว่ะ เดี๋ยวถ้าเลิกแล้วอาจจะขอติดรถพี่กลับไปส่งที่คอนโดก็ได้” ไอติมบอกอย่างเกรงใจ แต่ถึงกระนั้นควันก็ส่ายหัวแล้วย้ำคำเดิม

“ก็บอกว่าจะรอมารับ ดึกขนาดไหนกูก็จะมารับ”

“งั้นก็ตามใจ เดี๋ยวไลน์ไปหาแล้วกัน”

ไอติมยอมคนดื้อในที่สุด ดันแผ่นหลังกว้างให้เข้าไปนั่งในรถก่อนจะโบกมือไล่แล้วถึงขึ้นไปที่ห้องซ้อมเพราะใกล้ถึงเวลานัดหมายเต็มที

และเมื่อผ่านการซ้อมอันแสนหฤโหดของกองประกวดมาแล้ว แม้จะอยากพักผ่อนสักแค่ไหน แต่ไอติมก็ต้องแบกร่างพัง ๆ มาที่คณะเพื่อซ้อมการแสดงต่ออีก เนื่องจากว่าร้องเพลงได้ห่วยแตกมาก แถมเครื่องดนตรีที่พอจะเล่นได้ก็เป็นเปียโนอีก ถ้าจะให้ไปหาเปียโนสักหลังไปตั้งบนเวทีก็คงเป็นงานยากสำหรับพวกพี่ ๆ สรุปว่าเขาเลยเลือกที่จะเต้นแล้วเอาความน่ารักเข้าสู้แทนดีกว่า

“น้องไอติมไหวมั้ยลูก ถ้าไม่ไหวก็กลับไปพักดีกว่านะ”

“ไหวครับ ยังไงก็ต้องไหว” ไอติมยิ้มให้พี่มิ้นต์ที่เข้ามาทักอย่างเป็นห่วง แล้วเริ่มซ้อมต่อทันที ส่วนน้ำหนึ่งซึ่งเป็นดาวนั้นขอตัวกลับไปพักผ่อนแล้ว เพราะพรุ่งนี้เธอมีเรียนเช้า ส่วนเขาเรียนมีเรียนตอนบ่าย

“นั่งพักเหนื่อยก่อนดีกว่า หักโหมไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะ” พี่กรก็เป็นอีกคนที่ยังอยู่พร้อมกับน้อง ๆ ทุกคน คอยดูการแสดงของไอติม แสดงความคิดเห็นและให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้การแสดงของคณะแพทยศาสตร์ดีที่สุด

“ก็ได้ครับ”

ไอติมยอมเชื่อฟัง แล้วนั่งลงกับพื้นพร้อมนวดขาของตัวเองไปด้วย เห็นความทุ่มเทของเดือนปีนี้แล้ว พี่ ๆ ทุกคนก็อมยิ้มไปตาม ๆ กัน ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็พร้อมสู้ให้ถึงที่สุด

“งั้นเดี๋ยวซ้อมอีกสักรอบก็พอ แล้วกลับไปพักผ่อนดีกว่านะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไปเรียนไม่ทัน” พี่กรเป็นคนตัดสินใจให้ เมื่อเห็นว่าตอนนี้ก็เลยเวลาของเช้าวันใหม่มามากแล้ว พอได้ยินอย่างนั้น ทุกคนจึงพร้อมใจกันลุกขึ้นเพื่อซ้อม จะได้กลับไปพักผ่อนเสียที

หลังจากที่ซ้อมจนเสร็จแล้ว ไอติมก็เดินออกจากห้องสโมสรพร้อมกับพี่ ๆ ตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าแล้ว และเขาก็ยังไม่ได้ส่งข้อความบอกควันเลยว่าให้มารับที่คณะ

“น้องไอติมกลับยังไง เดี๋ยวพี่ไปส่งดีมั้ย” พี่มิ้นต์ถามด้วยหวังดี ไอติมยังไม่ทันจะตอบ เสียงทุ้มดังหลังก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“กลับกับพี่ก็ได้ เดี๋ยวไปส่ง”

“เออ...ไม่เป็นไรดีกว่าครับพี่กร” ไอติมปฏิเสธอย่างเกรงใจ

“แล้วจะกลับยังไง”

“เดี๋ยวให้เพื่อนมารับครับ”

“เรียกเพื่อนมาตอนนี้น่ะเหรอ ไม่ต้องกวนเพื่อนหรอก เดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่า ยังไงก็ทางเดียวกัน”

พอพี่กรพูดอย่างนั้น แล้วไอติมจะทำไงได้นอกจากเดินตามกรไปทางลานจอดรถของคณะ แอบดีใจเงียบ ๆ อยู่คนเดียวที่ได้อยู่กับพี่กรสองต่อสองอย่างนี้ จนลืมโทรศัพท์ที่ตั้งโหมดสั่นเอาไว้จนไม่รู้ว่ามีใครบางคนยังส่งข้อความมาไม่หยุดหย่อน

“เป็นไง มั่นใจรึเปล่า” พี่กรชวนคุย ไอติมจึงหันไปมองคนขับรถในความมืดก่อนจะเอ่ยตอบ

“ก็คิดว่าน่าจะสู้กับคณะอื่นได้อยู่หรอกครับ แต่กลัวว่าจะไปตายรอบตอบคำถามนี่แหละ”

“รอบตอบคำถามมันก็คำถามคล้ายเดิมทุก ๆ ปีนั้นแหละ อาจจะมีสถานการณ์ปัจจุบันเข้ามาแทรกด้วย ซ้อมบ่อย ๆ ก็ไม่น่ามีปัญหา ขอแค่มีสติก็พอ”

“ผมจะพยายามแล้วกันครับ”

ไอติมขอบคุณสำหรับคำแนะนำจากรุ่นพี่ที่ชวนคุยมาตลอดทางเพื่อไม่ให้บรรยากาศในรถมันเงียบจนเกินไป จนไอติมหลงคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ ระหว่างเขาและพี่กรขึ้นมา...ถึงมันจะกลายเป็นอดีตไปแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นอดีตที่งดงามในใจของไอติมเสมอมา

“พี่กรครับ”

“หืม?” รุ่นพี่หนุ่มหันหน้ามาทางรุ่นน้อง รอคอยว่าไอติมจะพูดอะไร คนเป็นน้องลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยคำขอออกไปเสียงแผ่วเบา

“ถ้าผมได้ที่หนึ่ง พี่กรจะมีรางวัลให้ผมรึเปล่า”

“อยากได้อะไรล่ะ ไปเที่ยวดีมั้ย ไอติมเคยบอกว่าอยากไปเที่ยวทะเลนี่นา” หัวใจดวงน้อยอุ่นวาบ เมื่อได้รู้ว่าพี่กรยังจำได้ว่าเขาเคยบอกว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน ใบหน้าน่ารักรีบพยักหน้าแล้วเผยรอยยิ้มสดใสทันที

“ไปเที่ยวทะเลกัน แต่ไปกันแค่เราสองคนได้มั้ยครับ”

“ได้สิ ถ้าได้ที่หนึ่งพี่จะพาไปเที่ยวตามที่สัญญาเลย...ถึงคอนโดล่ะ ลงไปได้แล้ว ถึงห้องก็รีบอาบน้ำนอน เข้าใจมั้ย”

“ครับ ฝันดีนะครับพี่กร”

ไอติมบอกลาเมื่อรถยนต์คันสวยจอดลงที่หน้าคอนโดพอดี โบกมือลาแล้วก็ลงจากรถ ยืนรอจนกรขับรถออกไปจากคอนโดแล้ว ไอติมถึงเดินขึ้นคอนโดไปด้วยหัวใจที่พองโตอย่างบอกไม่ถูก...ถึงจะรู้ว่าพี่กรมีเจ้าของแล้ว แต่หัวใจของเขามันก็ยังคงไม่รักดีเช่นเดิม

เมื่อก้าวเท้าเข้าคอนโดไป ปลายเท้าก็หยุดชะงัก พร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงเปื้อนอยู่บนใบหน้าก็ชะงักค้างด้วยเช่นกัน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยเมื่อเห็นว่าใครที่กำลังยืนพิงกำแพงบริเวณลิฟต์

“ทำไมไม่ยอมตอบข้อความ” เสียงทุ้มถามนิ่ง ๆ มองคนที่เดินผ่านหน้าไปหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์

“โทษที ปิดเสียงไว้เลยไม่ได้เปิดดู” ไอติมบอกแล้วกดลิฟต์ให้เปิดออก เดินเข้าไปในตู้โดยสาร คนตัวสูงก็ก้าวตามเข้ามาทันที

“กูรอไปรับมึงอยู่ มึงก็ไม่ยอมบอกให้ไปรับ เลยมารอที่นี่ แล้วรถคันนั้นที่มาส่งมึงเป็นรถใครล่ะ”

“รถรุ่นพี่”


ติ้ง


ลิฟต์เปิดออกที่ชั้นเป้าหมาย ไอติมเดินนำหน้าจนมาถึงห้องของตัวเอง แตะคีย์การ์ดแล้วประตูก็เปิดออกทันที คนตัวเล็กเปิดไฟในห้องให้สว่างแล้วหันกลับไปมองคนที่เดินตามเข้ามาและปิดประตูทันทีราวกับว่าเป็นเจ้าของห้องอีกคนหนึ่ง

ไอติมไม่ได้สนใจเท่าไรนักว่าควันจะทำอะไร เขาเหนื่อยกับการซ้อมจนอยากจะทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหลับไปให้รู้แล้วรู้รอด เลยหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำทันที ทิ้งควันให้ยืนเคว้งอยู่กลางห้องเพียงคนเดียว สุดท้ายใบหน้าหล่อก็กดยิ้มมุมปากอย่างขบขันให้ตัวเอง

ยอมเดินตามเขาเหมือนหมาไม่มีผิด...นี่มึงกำลังทำอะไรอยู่วะไอ้ควัน



หลังจากอาบน้ำสระผมเสร็จ ไอติมก็หย่อนกายลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แม้ว่าเส้นผมจะยังคงเปียกน้ำแต่เจ้าตัวก็ขี้เกียจจะใส่ใจเลยปล่อยให้ผมมันเปียกอยู่แบบนั้นแล้วเริ่มทาครีมบำรุงหน้าเหมือนกับทุก ๆ วันที่ผ่านมา

แต่วันนี้กลับมีอะไรต่างออกไป เมื่อผ้าขนหนูผืนเล็กที่เขาพาดคอเอาไว้ จู่ ๆ ก็ถูกดึงออกไปก่อนจะวางผมลงบนกลุ่มผมของเขา ไอติมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังผ่านกระจกเงาที่กำลังเช็ดผมให้เขาเงียบ ๆ

“วันนี้ซ้อมเหนื่อยมากมั้ย”

“มาก ๆ เหนื่อยมาก ๆ”

“กูช่วยอะไรมึงได้มั้ย” ควันถามเสียงแผ่ว มองคนที่ละเลงครีมบนใบหน้า โดยเฉพาะอายครีมที่กำลังทาบำรุงรอยคล้ำใต้ตาที่เริ่มปรากฏแล้วอย่าขะมักเขม้น

“มึงก็ช่วยเป็นกำลังใจให้กูไง”

“แค่นั้นพอเหรอ” ควันอมยิ้มบาง ๆ กับคำตอบนั้น จึงลองถามอีกสักนิด เผื่อจะได้รู้ว่าเขาสำคัญกับไอติมมากแค่ไหน...

“พอสิวะ ทั้งมึง ทั้งไอ้พีช ไอ้วินทร์ ก็เป็นกำลังใจที่ดีของกูทั้งนั้น” ไอติมพูดพาซื่อ ไม่ได้สังเกตเลยว่ารอยยิ้มบาง ๆ นั้นมันบิดเบี้ยวไปเสียแล้ว

...คนตัวสูงพึ่งนึกได้ว่าเขาไม่ได้รับสิทธิพิเศษอะไรนอกเหนือจากคนอื่นเลย...

“ไอติม”

“หืม” เงยหน้าขึ้นมองคนที่จู่ ๆ ก็เงียบไป ก่อนจะโพล่งชื่อเขาออกมาท่ามกลางความเงียบ ดวงตากลมแป๋วมองอย่างสงสัย แล้ววางครีมตัวสุดท้ายลงบนโต๊ะ

“กูมีเรื่องอยากปรึกษา”

“เรื่องอะไร” ไอติมหันกลับมามองคนที่ยืนซ้อนหลัง ก่อนที่ควันจะถดกายไปนั่งที่ปลายเตียงแทน ใบหน้าหล่อนั้นจริงจังขึ้นมาจนไอติมสังเกตได้ พลอยทำให้เขาตื่นเต้นไปกับเรื่องที่ควันอยากจะปรึกษาด้วย

“ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องของกูหรอกนะ”

“อ่าห๊ะ”

“คือ...เพื่อนกูมันมาปรึกษา แต่กูไม่รู้จะให้คำตอบมันยังไง เลยลองถามมึงดู...เพื่อนกูมันแอบชอบเพื่อนสนิทว่ะ ตอนแรกมันก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าความรู้สึกที่มันมีคืออะไร แต่พอรู้ตัวแล้ว มันก็กลัวว่าถ้ามันบอกความรู้สึกของมันไป ความสัมพันธ์ของมันกับเพื่อนคนนั้นอาจจะไม่เหมือนเดิม มันเลยมาปรึกษากูว่ามันควรจะบอกความรู้สึกของมันให้เพื่อนสนิทมันรู้เลยดีมั้ยว่ามันชอบ”

“แล้วมึงตอบไปว่าอะไรล่ะ” ไอติมถามกลับ อยากรู้เหมือนกันว่าควันตอบไปว่าอะไร

“กูยังไม่ได้ตอบ รอฟังความเห็นมึงก่อน ถ้าเวิร์คกูอาจจะก็อปเหตุผลมึงไปบอกมัน”

“ถ้าเป็นกูเหรอ...ก็คงจะไม่บอกหรอก”

“ทำไมล่ะ” ควันเผลอขมวดคิ้ว แล้วสวนกลับทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของไอติม ยิ่งเห็นว่ารอยยิ้มนั้นมันเศร้าลงไปเล็กน้อย แถมดวงตายังหลุบมองพื้นอีก ควันไม่ชอบใจเลยที่เห็นไอติมทำหน้าแบบนั้น

“เพราะกูคงกลัวผลลัพธ์ที่จะตามมามั้ง...ถ้ามันเป็นเหมือนที่เราคิดก็คงดี แต่ถ้าเกิดว่ามันไม่เป็นไปตามที่หวังล่ะ...แล้วต้องมองหน้ากันไม่ติด ความสัมพันธ์ไม่เป็นเหมือนเดิม...ถ้าเป็นกูก็คงเลือกเก็บความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ในใจดีกว่า”

ใช่...ถ้าวันนั้นเขาไม่ใจกล้าบ้าบิ่นบอกพี่กรออกไปว่าชอบ ทุกวันนี้ไอติมคงจะมองหน้าพี่กรได้สนิทใจกว่านี้ ถึงแม้จะเป็นได้แค่พี่น้อง ถึงแม้ว่าเขาต้องเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้คนเดียวก็ไม่เป็นไร ขอแค่ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมก็คงดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

“กูเข้าใจล่ะ...ขอบคุณสำหรับคำตอบของมึงด้วย”

เสียงทุ้มเรียกสติของไอติมคืนกลับมา ดวงหน้าหวานยิ้มบาง ๆ แล้วลุกขึ้นไปปิดไฟในห้อง ทำให้เหลือเพียงแค่ไฟสีส้มที่หัวเตียงเท่านั้น ก่อนจะเดินมาล้มตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า

“เห้อออออ จะแข่งแล้ว ตื่นเต้นชิบหายเลย เหนื่อยด้วย”

“ถ้าเหนื่อยก็นอนได้แล้ว” ควันในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากพ่อที่กำลังลากไอ้ลูกตัวดีที่ดิ้นไปดิ้นมาให้นอนกับที่ ก่อนจะห่มผ้าให้จนชิดอก แต่แล้วไอ้ตัวเล็กของเขาก็กลิ้งมาหนุนที่ตักเขาแทนหมอน หันหน้าเข้าหาหน้าท้องเขาแล้วโอบเอวไว้หลวม ๆ

“กอดกูดิ อยากให้มึงกอด” เสียงหวานอู้อี้อยู่ในลำคอ แต่ถึงกระนั้นควันก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน ฝ่ามือใหญ่ลูบกลุ่มผมแล้วลากไล้ลงมายังพวงแก้มขาว เกลี่ยเบา ๆ จนคนเหนื่อยล้าถึงกับเคลิ้ม

“มึงทำไมชอบทำให้กูรู้สึกใจสั่นอยู่เรื่อย”

“...”

“ทำไมถึงทำเหมือนให้ความสำคัญกับกู แต่บางครั้งก็ไม่ใส่ใจกูจนเหมือนว่ากูไม่มีตัวตน”

“...”

“กูจะไม่โกรธ จะไม่งอนมึงหรอกนะ เพราะรู้ว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

“...”

“ก็เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น กูจะเรียกร้องอะไรได้ล่ะ”

ควันมองคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนตัก ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าไอติมหลับสนิทไปแล้ว จึงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะยกหัวทุย ๆ ให้ได้นอนบนหมอนใบโตอย่างสบาย ไอติมขยับตัวเล็กนอนเพื่อหามุมสบายของตัวเอง และสุดท้ายควันก็ดึงร่างกายขาวเข้ามาชิดอก ไอติมจึงแน่นิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างนั้น

ดวงตาคมมองอย่างสะท้อนอารมณ์...ถึงเวลาที่จะต้องยอมรับกับตัวเองเสียทีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อไอติมมันมากเกินไป มันมากจนล้นทะลักออกจากอกจนแน่ชัดแล้วว่ามันคืออะไร

สำหรับควัน...มันไม่ใช่แค่คำว่าเพื่อนอย่างที่เคยคิดไว้แล้ว แต่กับไอติมนั้น...ควันไม่รู้เลยว่าไอติมคิดอย่างไร เขาไม่สามารถเดาใจคนตัวเล็กได้เลย

เมื่อคิดถึงคำตอบของไอติมแล้ว...


ถ้าใจของเราตรงกันมันก็คงจะดี

แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ...

ควันตัดสินใจได้แล้วว่าเขาจะขอทำตามคำแนะนำของไอติมดีกว่า เขาไม่อยากเสี่ยงกับความจริงข้อนั้นเลย ถึงจะไม่รู้ว่าคำตอบที่ได้จะออกหัวหรือก้อย แต่ควันขอแค่หลอกตัวเองอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ กับข้อตกลงบ้า ๆ ที่ตั้งขึ้นมาอย่าง Friend with benefits ต่อไปคงจะดีกว่า...

ปล่อยให้ความรู้สึกของเขามันล้นทะลักอยู่ในใจเงียบ ๆ คงจะดีที่สุดแล้ว

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:


ง่า...น่าสงสารควันจัง  เจอคำตอบจากประสบการณ์ตรงของไอติม  เลยทำให้ไปต่อไม่เป็นเลย 

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ mayyiyi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนแรกที่อ่าน นี่คิดว่าจะเป็นไอติมซะอีกที่รักอีกฝ่ายก่อน ทำไมหวยมาลงกับควันแต่ดูๆแล้วควันก็ไม่รักข้างเดียว แต่แค่อีกฝ่ายยังไม่รู้ใจตัวเองจริงๆต่างหาก ลองหันมามองคนข้างๆบ้างนะไอติมมมม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ผิดคาด คิดว่าไอติมจะรักก่อน  :hao5:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
อ่านรวดเดียว สนุกจัง ..

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 13
MY DRAGON


พรุ่งนี้แล้วที่วันที่ทุกคนรอคอยจะมาถึง ถึงจะตื่นเต้นอยู่มาก แต่ไอติมก็เฝ้ารอให้ถึงวันประกวดเสียที หลังจากผ่านพ้นวันประกวดไปทุกอย่างคงจะกลับมาเป็นปกติ คงจะได้เวลาชีวิตกลับคืนมาแล้วเริ่มลุยอ่านหนังสือให้ทันเพื่อน ๆ ที่นำเขาไปหลายโขให้ทันเสียที

“พรุ่งนี้ก็วันประกวดนี่หว่า เดี๋ยวพวกกูจะเตรียมขนดอกไม้ไปให้มึงเลย จะต้องเอารางวัลป๊อปปูล่าร์มาให้ได้!” พีชเงยหน้าขึ้นพูดเมื่อนึกได้ว่าตอนมาเรียน เริ่มเห็นหลาย ๆ คณะตื่นตัวเรื่องการประกวดดาว-เดือนมหา’ลัยในวันพรุ่งนี้กันแล้ว แต่คณะของพวกเขากลับดูจะไม่ค่อยสนใจในเรื่องพวกนี้เสียเท่าไร

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ แค่พวกมึงมาเชียร์กูก็ดีใจแล้ว”

ไอติมยิ้มกว้างทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เขาเหนื่อยสายตัวแทบขาด หลังจากเรียนที่คณะเสร็จก็ต้องไปที่กองประกวดเพื่อซ้อมต่อทันที แต่พอได้รับกำลังใจจากเพื่อน ๆ แล้ว คนตัวเล็กก็ใจฟูขึ้นอีกเป็นกอง

“พรุ่งนี้งานเริ่มกี่โมง กูจะได้ตื่นทัน”

วินทร์ถามบ้าง เป็นที่รู้กันดีว่าถ้าวันหยุดสุดสัปดาห์เมื่อไร วินทร์มันจะนอน 24 ชั่วโมง ไม่เป็นทำอะไรสักอย่าง ถ้าไม่มีธุระอย่าหวังว่าคนอย่างวินทร์จะลุกออกจากที่นอนนุ่ม ๆ เด็ดขาด เลยต้องถามไอติมเผื่อเอาไว้ก่อน

“งานเริ่มหกโมงเย็นอ่ะ”

“โอเค งั้นพรุ่งนี้กูจะนอนถึงห้าโมงเย็นก็พอ แล้วประกวดเสร็จ มึงจะไปเลี้ยงฉลองเลยมั้ย เดี๋ยวไปเปิดโต๊ะไว้รอเลย” วินทร์ถามยิ้ม ๆ ตั้งแต่วันนั้นที่พาไอติมไปเปิดหูเปิดตาเป็นครั้งแรก พวกเขาทั้งสามคนก็ไม่เคยชวนไอติมออกไปร้านเหล้าอีกเลย ไม่อยากทำเด็กมันใจแตกอีกแล้ว ที่ถามก็เพราะแกล้งแซวเฉย ๆ

“เอาจริงเหรอ...อืม...ถ้ากูติดอันดับ 1 – 5 เดี๋ยวเลี้ยงสักโปรดีมั้ย”

“ไม่ต้องเลย ไอ้วินทร์มันพูดเล่น มึงก็แกล้งโง่ไปได้” ควันพูดไม่พอ ยังดีดหน้าผากเขาอีก เรียกเสียงหัวเราะบนโต๊ะได้ไม่ยาก ไอติมจึงได้แต่ลูบหน้าผากไปมาปนสาปแช่งไปด้วย

“พวกมึงก็แกล้งแต่กูอ่ะ แกล้งไม่พอชอบทำร้ายร่างกายกันด้วย”

“อ้าว ลูกมึงงอแงอีกแล้วว่ะเชี่ยวินทร์” ควันยังต่อปากต่อคำไม่หยุด ยิ่งเห็นไอติมเบะปากก็ยิ่งได้ใจ เรียกเสียงหัวเราะทุ้ม ๆ จากวินทร์ได้ไม่ยาก ส่วนพีชก็นั่งส่ายหน้าเบา ๆ ที่ทั้งควันและวินทร์รุมแกล้งไอติมกันอย่างนี้

“ไม่ได้งอแงเว้ย ไม่คุยกับพวกมึงแล้ว”

พูดจบก็หันหน้าหนีอย่างงอน ๆ นี่สาบานเลยว่าไม่ได้งอนจริง ๆ นะ...




*


วันนี้ช่างเป็นวันที่แสนวุ่นวายสำหรับเดือนคณะแพทยศาสตร์เหลือเกิน...

ไอติมแทบจะไม่ได้นอนเลย เขาพึ่งงีบหลับไปได้แค่สองชั่วโมง และสุดท้ายก็ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อรันคิวทุกอย่างอีกครั้งกับกองประกวดในช่วงเช้า ก่อนที่ทางกองประกวดจะปล่อยให้ไปพักผ่อนกันในตอนเที่ยง แต่ใครคิดว่าจะได้พักกันล่ะ

ไอติมถูกลากกลับคณะไปแต่งตัว แต่งหน้าตั้งแต่ช่วงบ่าย ผิวขาวซีดกับขอบตาคล้ำที่ไม่ได้นอนเต็มอิ่มนั้นฉายชัดจนฝ่ายเมคอัพต้องปาดคอนซีลเลอร์กลบใต้ตาแทบไม่ทัน ทรงผมก็ถูกเซ็ทรับกับดวงหน้าอย่างพอเหมาะพอเจาะ ใบหน้าขาวซีดนั้นดูสดใสขึ้นมาทันทีเมื่อลงรองพื้นบาง ๆ และคอนซีลเลอร์เพื่อกลบร่องรอยของความเหนื่อยล้า ทาลิปกลอสให้ดูปากอิ่มราวกับคนสุขภาพดีเป็นอันเสร็จ ไอติมจึงรีบนอนพักเอาแรงก่อนจะต้องลุยต่อในตอนเย็นทันที

และในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อแสงไฟสว่างวาบทั่วฮอลล์ เสียงกรี๊ด เสียงเชียร์ดังกระหึ่มจนพวกเขาที่ยืนเตรียมตัวอยู่ด้านหลังเวทีได้ยินอย่างชัดเจน ไอติมตื่นเต้นจนรู้สึกได้เลยว่าหัวใจตัวเองกำลังเต้นแรงจนแทบจะเด้งออกจากอกอยู่แล้ว และเมื่อก้าวขาขึ้นบนเวทีตามเสียงขานชื่อของพิธีกรเขาก็แทบเบลอไปหมด สมองขาวโพลนจนไม่รับรู้อะไร ได้แต่เดินและฉีกยิ้มไปตามที่เคยซ้อมเท่านั้น

ในระหว่างที่ยืนอยู่บนเวที ดวงตาก็คอยแต่สอดส่องมองไปรอบฮอลล์ เห็นกองเชียร์จากคณะแพทยศาสตร์ที่มาเชียร์ ไอติมก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง และเมื่อมองเยื้องกองเชียร์ไปก็เห็นว่าวินทร์กำลังยืนสูงชะลูดอยู่ด้านหลังแถมยังโบกมือให้ไอติมอีก เดือนคณะแพทยศาสตร์เลยพยักหน้าให้เล็กน้อยเป็นเชิงว่าเห็นแล้ว แต่ควันและพีชไปไหนกันล่ะ?

พอมองไปเยื้อง ๆ วินทร์ ก็เห็นว่าพี่กรก็ยืนอยู่แถวนั้น พี่กรยิ้มบาง ๆ ให้กับเขา และเพียงแค่รอยยิ้มนั้น ไอติมกลับรู้สึกอุ่นวาบขึ้นในหัวใจอย่างประหลาด พอนึกถึงคำสัญญาระหว่างเขาและพี่กรขึ้นมา...ถ้าได้ที่หนึ่งแล้วพี่กรจะพาไปเที่ยวทะเลเพียงแค่สองคน ไอติมก็มีกำลังใจที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้ที่หนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง



เมื่อดาวและเดือนจากทุกคณะถูกแนะนำจนครบแล้ว ช่วงต่อไปก็เป็นช่วงโชว์ความสามารถพิเศษของแต่ละคน ซึ่งไอติมก็พยายามที่สุดให้สมกับที่อดหลับอดนอน ซ้อมมาหลายคืน

“ไงวะ เป็นไงบ้างมึง”

เสียงทักด้านหลังนั้นไอติมจำได้แม่นยำ จึงหันไปยิ้มให้กับวินทร์ที่เดินเข้ามาหา ก่อนจะยิ้มจาง ๆ กลับไป

“ตื่นเต้นสุด ๆ เลย แล้วควันกับพีชล่ะ ทำไมกูไม่เห็นเลย”

ไอติมสงสัยตั้งแต่ตอนที่ยืนอยู่บนเวทีและไม่เห็นเพื่อนทั้งสองคนแล้ว จึงอดที่จะถามไม่ได้ ส่วนวินทร์ได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบเพราะก็ไม่รู้เช่นกัน

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ทั้ง ๆ ที่นัดมาเจอกันอยู่ที่นี่ แต่ก็ยังไม่เห็นมีใครมาสักคน”

“เออ ช่างมันเถอะ งั้นเดี๋ยวกูขอไปเตรียมตัวก่อนแล้วกัน” ไอติมบอกยิ้ม ๆ ถึงจะรู้สึกเสียใจนิด ๆ ที่เพื่อนสนิทอีกสองคนไม่มา แต่เขาก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปให้ดีที่สุด

รอบการแสดงผ่านไปอย่างรวดเร็ว การแสดงของไอติมถึงจะไม่โดดเด่นเท่ากับโชว์ของเพลิงที่รำมวยไทยเปิดซิกแพ็คให้คนกรี๊ดทั่วฮอลล์ หรือโชว์ของบลูที่มานั่งร้องเพลงเล่นกีต้าร์เบา ๆ ให้สาวเคลิ้มแล้วกวาดคะแนนไปท่วมท้น แต่ก็ถือว่าการแสดงโชว์เต้นของเขาก็ผ่านมาได้อย่างหวุดหวิดล่ะนะ

และเมื่อจบรอบการแสดง จนมาถึงช่วงให้ดอกไม้เพื่อวัดคะแนนป็อปปูล่าร์ ไอติมไม่รู้ว่าเขาได้ดอกไม้ไปเยอะแค่ไหน เพราะเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที เขาต้องรีบรับดอกไม้ให้ได้มากที่สุดเพื่อเอาไปให้พี่สตาฟนับจำนวนดอกไม้อีกที แต่ไฮไลท์ของช่วงนี้คงจะหนีไม่พ้นบลูจากคณะวิทยาศาสตร์อีกเช่นเคย ที่มีหมอกคนดังจากคณะนิติศาสตร์หอบดอกไม้ช่อใหญ่มาให้ในนาทีสุดท้ายก่อนที่เวลาจะหมดลง และผู้ที่ชนะไปก็คือเดือนจากคณะวิทยาศาสตร์นั่นเอง

แต่ถึงไอติมจะไม่ได้เข้ารอบโดยอัตโนมัติ แต่ก็ยังสามารถเข้ารอบห้าคนสุดท้ายมาได้ และสิ่งที่จะตัดสินทุกอย่างในคืนนี้ ก็อยู่ในรอบตอบคำถามทั้งหมดแล้ว ถ้าตอบดีก็เตรียมรับตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยไปได้เลย แต่เหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้างเสียเท่าไร เมื่อคำถามที่ไอติมจับได้นั้นค่อยข้างไกลตัว ซึ่งคำถามเกี่ยวกับการเมืองในยุค 4.0 แบบนี้เป็นประเด็นอ่อนไหวแค่ไหนเขาก็พอรู้ ไอติมที่คิดว่าเตรียมตัวมาดีพอแล้วแต่พอตอบคำถามจริง ๆ เขากลับคิดว่าตัวเองตอบไม่ตรงประเด็นสักเท่าไรนัก

และเมื่อถึงช่วงประกาศผล หัวใจของไอติมแทบจะเด้งออกจากอก เมื่อเขาต้องมายืนลุ้นชิงที่หนึ่งระหว่างตัวเองและเพลิงจากคณะนิติศาสตร์ นาทีนั้นไอติมนึกถึงแต่ข้อตกลงของเขากับพี่กรเท่านั้น ถ้าเขาได้ที่หนึ่งพี่กรก็จะพาไปเที่ยวด้วยกันแค่สองคน...

“และเดือนดวงใหม่ในค่ำคืนนี้ได้แก่หมายเลข...M06 น้องเพลิง นายพลพล เพลิงพานิชย์ จากคณะนิติศาสตร์”

แม้จะผิดหวังที่ผลการประกวดออกมาอย่างนั้น แต่ไอติมก็ต้องยอมรับกับการตัดสินและยินดีไปกับเพลิงที่ได้รับตำแหน่งในค่ำคืนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังได้ที่สองกลับมา เพื่อน ๆ ในคณะก็ดีใจกันยกใหญ่แล้ว

“ยินดีด้วยนะไอติม ได้รองเดือนก็เก่งสุด ๆ แล้ว”

“ปีนี้คณะเราได้รองเดือนเลย น้องไอติมสุดยอดมาก”

“ไม่ต้องเสียใจนะจ๊ะ แค่นี้พวกพี่ก็คุยโวได้อีกเป็นปี คณะเรานี่มันดีจริง ๆ”

เสียงให้กำลังของเพื่อน ๆ และพี่ ๆ ทำให้ไอติมยิ้มกว้าง และถ่ายรูปร่วมกับน้ำหนึ่งที่เป็นดาวคู่กัน ก่อนที่จะวินทร์จะเดินเข้ามาหาพร้อมสีหน้าเคร่งเครียด

“มีอะไรวะมึง...มาเซลฟี่กับกูหน่อยเร็ว” ไอติมชวนด้วยรอยยิ้ม รีบหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาแต่วินทร์ก็ดึงแขนไอติมไว้เสียก่อน

“อย่าพึ่งเลย ตอนนี้มีเรื่องด่วน”

“เรื่องด่วนอะไร” ไอติมขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย และความจริงที่ได้รู้จากปากวินทร์ก็ทำให้เขาถึงกับเบิกตากว้าง

“พีชโดนรถชนตอนก่อนที่จะมาเชียร์มึง ตอนนี้ควันกำลังดูแลมันอยู่ มึงจะไปดูไอ้พีชพร้อมกูเลยมั้ย”


.

.


ไม่ต้องตอบคำถามนั้น ไอติมก็กระโดดขึ้นรถมาพร้อมกับวินทร์อย่างรวดเร็ว ขับรถมาไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงคอนโดของพีช พวกเขารีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นที่พีชอยู่ หยุดหอบหายใจอยู่หน้าห้องแล้วก็กดกริ่งไปด้วย

ประตูเปิดออกเผยให้เห็นคนที่มาเปิดประตูให้ พอไอติมเห็นควันที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วก็เผลอเดินเข้าใกล้ก่อนจะคลำตามแขนตามขาคนตัวสูงอย่างลืมตัว

“เฮ้ย เป็นอะไรวะ” ควันถามอย่างงงงวย แต่ก็ยอมยืนนิ่ง ๆ ให้คนตัวเล็กกว่าสำรวจตัวเขาไม่หยุด

“พีชโดนรถชน...แล้วมึงเป็นอะไรรึเปล่า” ไอติมถามอย่างเป็นห่วง เห็นว่ากางเกงยีนส์ตัวเก่งของเพื่อนสนิทนั้นขาดก็แอบตกใจไม่ได้

“กูไม่ได้เป็นอะไร แค่ถลอกนิดหน่อยเอง ไปดูเชี่ยพีชมันก่อนเถอะ”

พูดจบก็จูงมือคนตัวเล็กไปที่กลางห้องโดยที่มีวินทร์มองท่าทางแปลก ๆ ของทั้งสองคนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่อมาถึงโซฟาหน้าทีวีซึ่งมีร่างของเจ้าของห้องนอนดูหนังอยู่ ไอติมมองพีชที่ใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงบอล ที่ข้อศอกขวามีผ้าก็อซแปะเอาไว้ ส่วนเท้าขวาก็เข้าเฝือกอันใหญ่เชียว

“อ่าว งานประกวดจบแล้วใช่มั้ย...แล้วนี่มึงได้ตำแหน่งรองเดือนเหรอวะ”

พีชพยายามลุกขึ้นนั่ง ควันจึงรีบไปช่วยคนเจ็บให้นั่งได้ในท่าที่สบาย ไอติมจึงเห็นว่าที่แขนของพีชนั้นก็ใส่ที่คล้องแขนเอาไว้ด้วย

“ก็อย่างที่มึงเห็นนั้นแหละ แต่ช่างเรื่องของกูเถอะ กูอยากรู้มากกว่าว่ามึงไปทำยังไงถึงได้รถชนอย่างนี้” ตอนนี้ความรู้สึกน้อยใจที่เพื่อนสนิทอย่างควันและพีชไม่ไปเชียร์มันมลายหายไปหมดแล้ว เพราะความเป็นห่วงมันมีมากกว่า

“ก็ตอนที่จะไปเชียร์มึงอ่ะ กูบอกให้ควันมันมารับเพราะกูขี้เกียจขับรถไปเอง พอออกมากับเชี่ยควันแล้วพวกกูก็แวะซื้อของขวัญกะว่าจะไปเซอรไพร์สมึง แล้วตอนกำลังข้ามถนนเชี่ยวินทร์แม่งก็โทรมาพอดี กูไม่ระวังตัวเองนั้นแหละ มัวแต่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายไอ้วินทร์เลยไม่มองทาง รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงควันมันตะโกนอยู่ด้านหลังแล้วมันก็ดึงกูให้ออกมาจากถนนใหญ่ กูเลยล้มลงผิดท่าจนกระดูกข้างในมันบิดรูป ส่วนควันมันก็เข่าถลอก แต่เจ้าของรถที่เกือบชนกูเขาก็ตกใจเหมือนกันเลยพาพวกกูมาส่งโรงพยาบาล เอกซเรย์ดูแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เลยแค่ทำแผล เข้าเฝือกเสร็จ เลยพึ่งกลับมาถึงที่ห้องกูนี่แหละ”

“ก็ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไรมาก กูตกใจแทบแย่ตอนที่วินทร์มันบอกว่ามึงโดนรถชน”

“เอาไว้กูหายเดี้ยงก่อน แล้วมึงอย่าลืมที่สัญญาว่าจะเลี้ยงเหล้ากูน๊า ได้ที่ 2 เลยเว้ยไอ้เตี้ยของเรา” พีชพูดพลางหัวเราะยามที่เห็นใบหน้าของรองเดือนทำหน้ามุ่ยอย่างขัดใจเวลาได้ยินคำแสลงหูที่เพื่อนชอบล้อไอติมตั้งแต่รู้จักกันมา

“เตี้ยตรงไหน เขาเรียกว่าสูงตามมาตรฐานชายไทยเว้ย พวกมึงนั้นแหละที่สูงเหมือนเปรตกันเอง”

“พวกกูอยู่เงียบ ๆ ก็กลายเป็นเปรตเฉยเลย” ควันที่นั่งพิงโซฟาอีกฝั่งพูดท้วงคน(ที่อ้างว่า)สูงตามมาตรฐานชายไทย ก่อนจะลุกขึ้นยืดตัวเต็มความสูง

“กลับได้แล้วเตี้ย กลับพร้อมกูนี่แหละ อยากกลับไปนอนแล้ว” ควันบิดขี้เกียจ แล้วดึงไอติมให้ลุกขึ้นยืนตาม

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวกูดูแลไอ้พีชต่อให้ พวกมึงก็ไปพักผ่อนเถอะ ฝากไปส่งไอติมด้วยแล้วกัน” วินทร์อาสาจะดูแลคนป่วยต่อ ล่ำลากันไม่นาน ควันและไอติมก็เดินออกมาพร้อมกัน

ต่างคนต่างไม่มีคำพูดใด ๆ ในระหว่างทางกลับคอนโดมีเพียงความเงียบที่คุ้นเคย เมื่อได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้ไอติมกลับรู้สึกถึงความปลอดภัยอย่างน่าประหลาด มันไม่เหมือนเวลาที่ได้อยู่กับพี่กรสองต่อสองที่หัวใจเต้นแรงและอึดอัดไปในคราเดียวกัน แต่มันกลับอบอุ่นและสบายใจที่ได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้มากกว่าใครไหน ๆ

ตอนนี้ไอติมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแท้จริงแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อควันนั้นมันคืออะไร...

“ไอติม”

“หืม?” เจ้าของรางวัลรองเดือนมหาวิทยาลัยในปีนี้เงยหน้ามอง พร้อมกับม้วนสายสะพายที่พึ่งแกะออกจากเสื้อลงใส่กล่องเอาไว้ พลางปลดเนคไทไปด้วยระหว่างรอฟังคนตรงหน้าพูด

“งานวันนี้เป็นยังไงบ้าง ขอโทษทีที่ไม่ได้ไปเชียร์เลย” คนตัวสูงเขยิบเข้ามาใกล้อีกนิด จนคนตัวเล็กกว่าสัมผัสได้ถึงไอร้อนของร่างกายใหญ่ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าใกล้กันขนาดนี้ แต่ไอติมก็ไม่ได้คิดจะถอยหนีเลยสักนิด

“ไม่เป็นไรหรอก กูเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ มึงต้องอยู่ดูแลพีชน่ะมันถูกแล้ว” รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่ร่างกายจะถูกรวบเข้าไปกอดจนจมอก ไอติมไม่เข้าใจว่าควันเป็นอะไรแต่ก็ยอมอยู่นิ่ง ๆ ภายในอ้อมกอดนั้นแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า วันนี้เขาเหนื่อยมาทั้งวันจนรู้สึกว่าร่างมันจะพังเสียให้ได้

“ควัน”

“มีอะไร”

“วันนี้กูโคตรเหนื่อยเลยว่ะ ได้นอนไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องซ้อมแล้วก็แข่งเลย กูเกือบทำพลาดตอนเต้นบนเวทีด้วยนะ...แล้วยิ่งรอบตอบคำถามนะ ยากสุด ๆ ไปเลย”

“หลังจากนี้มึงก็จะได้พักแล้วไง ง่วงแล้วล่ะสิ” ควันดึงคนตัวเล็กออกจากอ้อมกอด เห็นใบหน้าที่เหนื่อยล้าใกล้จะหลับเต็มที ควันจึงดึงแขนไอติมให้เดินตามเขาไปจนถึงห้องน้ำ

“ถ้าขี้เกียจอาบน้ำก็แปรงฟันก่อนแล้วค่อยนอน”

“อื้อ” ไอติมรับคำงุบงิบ ทำตามคำสั่งของควันราวกับเป็นเด็ก ก่อนจะหันขวับเมื่อร่างสูงเอ่ยอีกประโยคขึ้นมา

“แต่ถ้ามึงตัวเหม็น คืนนี้กูไม่นอนกอดนะ”

“แล้วแต่มึงเลย กูจะอาบน้ำแล้ว!” พูดเสียงสูงใส่หน้า แถมปิดประตูดังปัง เรียกเสียงหัวเราะทุ้ม ๆ จากคนขี้แกล้งได้เป็นอย่างดี

ควันปล่อยให้ไอติมอาบน้ำ ส่วนตัวเขาก็หยิบหมอนที่โซฟาเข้าไปในห้องนอนเพิ่มอีก ส่วนผ้าห่มน่ะ ผืนเดียวก็พอ และในขณะที่จัดวางหมอนบนเตียงไปพลาง ๆ เสียงข้อความจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของเจ้าของห้องที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงก็ดังขึ้นติด ๆ กัน จนควันอดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาดู

MY DRAGON : ขอโทษที่ตอนเลิกงานพี่ไม่ได้ไปแสดงความยินดีด้วยนะ

MY DRAGON : พอดีพี่กลับออกมาก่อน พึ่งรู้ผลว่าไอติมได้ที่ 2 เก่งมาก ๆ เลย

MY DRAGON : แล้วสัญญาของเราน่ะ พี่ไม่ลืมหรอกนะ ถึงได้ที่ 2 ก็ไม่เป็นไร พี่จะพาไปแน่นอน เตรียมตัวเก็บกระเป๋าได้เลย

ควันวางโทรศัพท์ลงที่เดิมเมื่ออ่านข้อความเหล่านั้นเสร็จ

ใครคือ MY DRAGON ? แล้วจะพาไอติมไปเที่ยวที่ไหนกัน...เรื่องนี้เขาจะต้องรู้ให้ได้แน่นอน

หลังจากที่ไอติมออกจากห้องน้ำแล้ว ควันยังคงจ้องมองการกระทำของคนตัวเล็กที่เดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ แต่ครั้งนี้ที่ไอติมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอง รอยยิ้มเล็ก ๆ ก็ผุดขึ้นที่มุมปากอย่างลืมตัว ก่อนจะจะรีบตอบกลับข้อความเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว

ควันเห็นท่าทางเหล่านั้นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบ ๆ ปล่อยให้ไอติมได้จมอยู่ในโลกส่วนตัวที่ไม่มีเขาอยู่ในนั้น แต่เขาสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่ายังไงเขาก็จะต้องรู้ให้ได้ว่าคน ๆ นั้นคือใคร และปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าควันหวงเหลือเกิน...

หวงรอยยิ้มของไอติม

หวงความรู้สึกของไอติม

หวงทุก ๆ อย่างที่เป็นไอติม

และในชั่ววินาทีนั้น ควันก็ตัดสินใจแล้วว่าเขาควรจริงจังกับทุกอย่างแล้วจริง ๆ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เขารู้สึกไปคนเดียวอีกแล้ว ทุกอย่างมันควรจะชัดเจนเสียที

















ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
จัดการเลยค่ะควันน พี่กรหยุดพยายามก่อนน เขาไม่ได้เห็นพี่เป็นพี่ชายค่ะ รอให้น้องมีแฟนเป็นตัวตนค่อยมาใหม่ ไม่สาย  :ling1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ควันต้องรุกบ้างแล้วหล่ะนะ  เด๋วจะ มคปด ซะก่อน

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตามไทม์ไลน์อีกเรื่อง จะดราม่าหนักขึ้นหลังจากนี้สินะ  :ling3:

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 14
จุดเปลี่ยน


หลายวันมาแล้วที่ควันปล่อยให้ความสงสัยกัดกินจิตใจเขามากขึ้นทุกวัน เขาไม่ได้ถามในสิ่งที่สงสัยกับไอติม เพราะในใจลึก ๆ แล้วต้องยอมรับกับตัวเองว่ากำลังกลัว...

กลัวในสิ่งที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร

“เป็นไรวะ ทำไมมานั่งเหม่อแบบนี้”

เสียงเรียกสติ ทำให้ใบหน้าหล่อได้รูปต้องหันไปมอง เมื่อเห็นว่าพีชซึ่งเดินขากะเผลก ๆ แม้ว่าไม่มีเฝือกแล้วก็ตาม ใช้หนังสือเรียนเคาะหัวเขาเบา ๆ ให้หลุดจากภวังค์ ควันยิ้มยักไหล่ก่อนจะตอบ

“ไม่มีอะไร ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” พูดพลางหยิบแก้วกาแฟที่วางอยู่มาดูดไปอึกใหญ่ ก่อนจะเริ่มอ่านหนังสืออีกครั้ง หลังจากที่ใจลอยไปพักใหญ่

ตอนนี้ควันมานั่งอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟในช่วงบ่าย ซึ่งพอได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศในการอ่านหนังสือ เขาก็พบว่ามันเวิร์คใช้ได้ กลิ่นคั่วกาแฟหอม ๆ นั้นทำให้เขาตื่นตัวอยู่เสมอ เสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ ไม่ได้รบกวนสมาธิในการอ่านหนังสือสักเท่าไร อีกทั้งยังมีแอร์เย็น ๆ แล้วก็ของหวานอีกมากมาย พอพีชรู้ว่าเขาอ่านหนังสืออยู่ที่นี่ เลยตามมาอ่านด้วยกัน

“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอย่างนี้ สอบย่อยวันพรุ่งนี้มึงคงจะได้เต็มแหง ๆ...เอาไรป่ะ เดี๋ยวกูจะไปสั่งที่เค้าน์เตอร์”

“ไม่อยากรังแกคนพิการว่ะ มึงจะเอาไร เดี๋ยวกูเดินไปสั่งให้ดีกว่า”

“ก็ดี...งั้นเอามอคค่าปั่น กับชีสเค้ก”

“อ้วนตายพอดี”

“สัส ทั้งวันกูยังไม่ได้แดกไรสักอย่าง”

“เออ ๆ แซวเล่นเฉย ๆ หน่า ไอ้หัวเห็ด”

ก่อนจะไปสั่งเมนูให้พีชก็ไม่วายตบกลุ่มผมเบา ๆ ทีหนึ่งให้พีชได้หน้าง้ำงอ แต่พอคล้อยหลังแล้ว ใบหน้านั้นกลับมีรอยยิ้มเล็ก ๆ พร้อมกับหัวใจที่เต้นผิดจังหวะไปเสียแล้ว...





หลังจากผ่านการประกวดไปแล้ว ไอติมที่คิดว่าตัวเองจะได้พักผ่อนกลับไม่ได้พักอย่างใจคิด เขาต้องเดินสายออกงานขอบคุณผู้ใหญ่ในมหา’ลัย ไหนจะถ่ายแบบต่าง ๆ อีกมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเบากว่าช่วงการประกวดเยอะ เขาเลยได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนในกลุ่มมากขึ้น และเมื่อนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ปี 1 สอบย่อยในอาทิตย์นี้เสร็จแล้ว ไอติมที่ออกมาจากห้องสอบเป็นคนสุดท้ายจึงเดินมารวมกับกลุ่มเพื่อนที่ยังคงถกเถียงเรื่องข้อสอบที่พึ่งสอบไปไม่เลิก

“มึงตอบข้อสุดท้ายว่าไงวะ โคตรปราบเซียนเลย แต่เชี่ยควันมันบอกว่ามันตอบได้อ่ะ” พีชถามไอติมที่พึ่งออกมาจากห้องสอบ คนตัวเล็กสุดทำหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบในสิ่งที่ตัวเองเขียนใส่กระดาษคำตอบไป

“โหหหห คำตอบเดียวกับควันเลยว่ะ เบื่อพวกเป๊ะว่ะ” พีชถอนหายใจอย่างปลงตกกับข้อสอบที่ผ่านมา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกอดคอไอติมแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มแทน

“เรื่องข้อสอบปล่อยมันไปเถอะ คืนนี้ไปฉลองกันดีกว่าว่ะ ขากูก็ถอดเฝือกแล้ว สอบย่อยก็เสร็จแล้ว มึงอย่าลืมว่ามึงยังไม่ได้เลี้ยงพวกกูเลยน๊าที่มึงได้ตำแหน่งรองเดือนอ่ะเชี่ยเตี้ย”

“เออ จริงด้วย งั้นไปคืนนี้เลยมั้ยล่ะ กูพร้อม” ไอติมไม่ลังเลที่จะตอบตกลง สัญญาไว้ตั้งนานแล้ว  ตอนนี้พีชก็กลับมาเดินได้เป็นปกติ สอบเสร็จ แถมพรุ่งนี้ยังเป็นวันหยุดอีก ไม่มีอะไรลงตัวไปมากกว่านี้อีกแล้ว

“มึงจะเอาจริงเหรอวะ” ควันหันมาถามไอติมเพื่อความแน่ใจ เขาไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรว่าไอ้คนตัวเล็กมันจะเอาตัวรอดได้รึเปล่า

“ก็เอาจริงดิ หรือว่ามึงจะไม่ไป” ไอติมตอบพาซื่อ ไม่เข้าใจว่าควันจะถามอย่างนั้นไปทำไม

“ไปดิวะ ได้กินของฟรี ใครไม่ไปก็โง่ล่ะ”

ร่างสูงพึมพำ ถึงจะไม่อยากให้ไอติมไปในที่อโคจรแบบนั้นอีก แต่ถ้าไอติมยืนยันว่าจะไป แล้วเขาจะห้ามอะไรนอกจากจะต้องไปดูแลไม่ให้มันหลุดรอดสายตาไปได้ล่ะ




เป็นเวลานานแล้วที่ไอติมไม่ได้มาในที่อโคจรอย่างนี้ ก็เพราะติดซ้อมกับกองประกวดเลยไม่มีใครชวนเขามาที่ผับ xxx อีกเลย จนมาวันนี้แหละที่เขาได้มาเปิดหูเปิดตาอีกครั้ง

พีชดูจะตื่นเต้นที่สุดในคืนนี้ที่มีเจ้ามืออย่างไอติมจ่ายไม่อั้น ขวดเบียร์มากกว่าสิบขวดวางเรียงรายบนโต๊ะ แม้ว่าสมาชิกในโต๊ะจะมีเพียงแค่สี่คน แต่ทุกคนก็มั่นใจว่าน้ำเมาทุกขวดในคืนนี้คงจะลงไปอยู่ในท้องทุกคนหมดแน่

“แด่ข้อสอบในวันนี้ เอ้าชนนนนนนน”

แก้วเบียร์ทั้งสี่แก้วกระทบกันจนเกิดเสียง ก่อนที่น้ำมึนเมาจะไหลลงคอราวกับน้ำเปล่า...สายตาคู่คมยังคอยแอบมองคนตัวเล็กข้างกายไม่ห่าง เมื่อเห็นว่าไอติมยังไม่ได้มีท่าทีผิดปกติเขาก็สบายใจ แต่ถึงอย่างนั้น ท่อนแขนแข็งแรงก็แอบประคองเอวคนข้าง ๆ เอาไว้หลวม ๆ อยู่ตลอด

“แด่ตำแหล่งรองเดือนมหา’ลัยของไอติม เอ้าชนนนนน”

แก้วแรกพึ่งยกไปจนหมด แก้วสองก็เตรียมจ่อปากทันที ฝ่ามือหนาจับข้อมือขาวได้ทันก่อนที่แก้วเบียร์ในมือจะไหลลงลำคอเพียวระหงอีกครั้ง ไอติมหันมามองด้วยสายตางุนงง ก่อนจะเอ่ยปากถามคนที่ทำตัวเหมือนเป็นพ่อเขามาตั้งแต่เข้าร้าน

“เป็นอะไร”

“อย่ากินเยอะ เดี๋ยวมึงจะเมา”

“ทำตัวเหมือนเป็นพ่อไปได้อ่ะมึง”

“ก็กูหวังดี”

“มีมึงคุมอย่างนี้ ดูแลกูตอนเมาดี ๆ ล่ะ”

ไอติมยิ้มเผล่ ก่อนจะดึงข้อมือตัวเองออกจากฝ่ามือใหญ่ แถมยังยกเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด แก้มขาว ๆ นั้นขึ้นริ้วแดงจาง แถมยังทิ้งน้ำหนักตัวไปทางร่างสูงใหญ่อีก

“เชี่ยติม มึงอย่าเมาง่ายนะเว้ย ไม่ทันไรก็ซบไอ้ควันมันแล้วเหรอ ลุกมา ๆ แก้วที่สามต้องมา”

พีชดึงร่างของไอติมให้กลับมานั่งตัวตรงอีกครั้ง มือก็เติมเบียร์ให้ไอติมจนเต็มแก้วอีกครั้ง ก่อนที่หัวเห็ดกลม ๆ จะสั่นสะเทือนเพราะแรงตบเบา ๆ จากด้านหลัง

“เพลา ๆ หน่อยมึง อย่ารีบมอมมันขนาดนั้น ไอติมมันไม่ได้คอทองแดงเหมือนมึงนะ”

วินทร์ที่อดไม่ไหวจึงต้องพูดห้ามปรามพีชมันเสียหน่อย ไอ้นี่ก็เลวเหลือเกิน รู้ว่าเพื่อนมันคออ่อน ก็ยังมอมไอติมมันได้ลงคอ

“โหหหหห พูดซะกูดูเป็นคนเลวเลย มอมที่ไหนกัน ไม่มี๊!”

“เสียงสูงเชียวนะสัส”

วินทร์พูดจบก็เทเบียร์ให้พีชจนเต็มแก้ว ก่อนจะชนแก้วกันแค่สองแล้วดื่มอึกใหญ่จนหมดอย่างรวดเร็วไปอีกครั้ง ไอติมยิ้มขำที่เห็นว่าพีชโดนบังคับให้กินเบียร์แทน จนเจ้าตัวเริ่มหน้าแดงบ้างแล้ว แต่ก็ยังยิ้มร่าแล้วกินเบียร์ไม่หยุดหย่อนราวกับดื่มน้ำเปล่า ส่วนไอติมตอนนี้ก็นั่งกินลูกชิ้นทอดเป็นกับแกล้ม นั่งฟังเพลงเพลิน ๆ แล้วก็จิบเบียร์ในแก้วบ้างเป็นครั้งคราว

ส่วนควันที่ยังนั่งอยู่ข้างกาย วันนี้ถ้าไอติมสังเกตไม่ผิด รู้สึกว่าควันดูจะแปลกไปเสียหน่อย เพราะครั้งก่อนหน้านั้น สาว ๆ มากหน้าหลายตาเดินเข้ามาขอเบอร์ ขอไลน์กันเพียบ แถมยังมาชวนไปไหนต่อไหนอีกควันก็ไม่เห็นปฏิเสธ ซ้ำยังต้อนรับอย่างเชิญชวน แต่วันนี้คนตัวสูงกลับนั่งดื่มเบียร์เงียบ ๆ ใครมาทักทายก็ไม่ได้สานต่ออะไรจนพวกเธอทั้งหลายนั้นหน้าจ๋อยกลับโต๊ะไปหลายรายแล้ว

“ขอโทษนะคะ”

ไม่ทันขาดคำ หญิงสาวในชุดเกาะอกสีขาวก็สะกิดที่ไหล่ของควัน แถมยังแทรกตัวเข้ามาตรงกลางระหว่างควันกับไอติมเสียอีก ไอติมจึงได้ยินบทสนทนาของเธอไปด้วย

“มีอะไรครับ”

“ขอไลน์หน่อยได้มั้ยคะ”

เธอแจกรอยยิ้มหวานพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้ ไอติมมองนิ่ง ๆ ก่อนจะปรายสายตากลับมายังโต๊ะของตัวเอง มองพีชที่ตอนนี้ลุกขึ้นเต้นโดยที่มีวินทร์คอยดึงให้นั่งลงอยู่เรื่อย ๆ แต่หูเจ้ากรรมดันได้ยินเสียงควันพูดตอบเสียอย่างนั้น

“คงไม่ได้หรอกครับ ผมกลัวคนหึง”

“ว๊า มีแฟนแล้วเหรอคะ แย่จัง”

“หึ มีแต่ผมอยากเป็นแฟนเขาแหละครับ แต่ไม่รู้ว่าเขาอยากเป็นแฟนกับผมรึเปล่า”

“ใครจะไปใจร้ายปฏิเสธคนหล่อได้ลงคออ่ะ งั้นไม่รบกวนแล้วดีกว่าค่ะ เดี๋ยวแฟนมาเห็นแล้วจะแย่เอา”

เธอว่าอย่างนั้นก่อนจะเดินจากไป ควันจึงหันกลับมาในวงของตัวเองแล้วเทเบียร์ลงในแก้วที่พร่องไปให้เต็ม

“แปลกเนอะ วันนี้ปฏิเสธทุกคนที่เข้ามาทักหมดเลย” เสียงของคนข้าง ๆ ทำเอาควันชะงักไป ก่อนจะหันมามองไอติมที่สายตายังคงจ้องอยู่บนเวทีที่นักร้องกำลังร้องเพลงอยู่ เขาคิดว่าเขาคงไม่ได้หูฝาดไปหรอกใช่มั้ย

“ไม่ชอบที่กูปฏิเสธสาว ๆ งั้นเหรอ”

“เปล่าหนิ มึงจะทำอะไรมันก็เรื่องของมึง กูแค่สงสัยเฉย ๆ”

“หึงกูเหรอ”

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้ควันพลั้งปากถามไปแบบนั้น และก็ได้ผลเมื่อดวงตากลมใสนั้นหันมาสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ และวินาทีนั้นหัวใจไอติมกลับกระตุกราวกับถูกกระชากจากมือที่มองไม่เห็น ใบหน้านั้นชะงักไปสักพักก่อนจะหลบตาควันแล้วเอ่ยตอบอย่างตะกุกตะกัก

“อะ...อะไร...ไม่ได้หึงสักหน่อย”

“มึงหึงกูใช่มั้ย”

“ไม่ได้หึง”

ไอติมยืนยันเสียงแข็งก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทุกคนในโต๊ะมองอย่างงุนงงกับท่าทีอย่างนั้น ก่อนจะเลิกสนใจเมื่อไอติมบอกสาเหตุของท่าทางเหล่านั้น

“ไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมา”

ไอติมพูดรัวเร็ว ก่อนจะรีบลุกออกจากโต๊ะ เขายังไม่เมาเท่าไร และยังมีสติพอที่จะประคับประคองตัวเองให้หลุดออกมาจากสถานการณ์นั้นได้...หึงบ้าบออะไรกัน เขานี่นะจะหึงควัน ก็แค่สงสัยเฉย ๆ ว่าทำไมปฏิเสธผู้หญิงทุกคนก็เท่านั้นแหละ

“ไอติม...เดี๋ยวนี้เข้าผับแล้วเหรอ”

เสียงเรียกพร้อมกับท่อนแขนที่ถูกคว้าเอาไว้ทำให้ไอติมต้องหันกลับไปมองด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าคนที่ทักเขาคือใคร ไอติมก็ต้องอ้าปากค้างอย่างลืมตัว

“พะ...พี่กร”

“ตกใจอะไร พี่ต้องตกใจมากกว่ามั้ยที่เห็นเราที่นี่”

“ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่กรที่นี่เหมือนกันครับ”

“แล้วมากับใคร แล้วนี่จะไปไหนล่ะหืม?”

“มากับเพื่อนครับ ผมกำลังจะไปเข้าห้องน้ำ ว่าแต่พี่กรสบายดีนะครับ สอบเสร็จแล้วใช่มั้ย” ได้โอกาสคุยกับพี่กรอย่างนี้ ไอติมก็เลยถามไถ่ถึงรุ่นพี่เสียบ้าง

“สอบเสร็จแล้ว ก็เลยมาฉลองกับเพื่อนนี่แหละ เสาร์อาทิตย์นี้พี่พอจะว่าง งั้นเราไปเที่ยววันพรุ่งนี้เลยดีมั้ย”

“ไปได้แล้วเหรอครับ ผมนึกว่าพี่จะลืมสัญญาของเราแล้วเสียอีก” ดวงตากลมหลุบต่ำ พี่กรไม่เคยรู้หรอกว่าเขานับวันรอขนาดไหน ตั้งแต่วันประกาศผลที่พี่กรส่งข้อความมาบอกว่าจะพาไปเที่ยว เขาก็รอมันมาโดยตลอด

“จะลืมได้ยังไงล่ะ แต่ปีสามเรียนหนักจะตาย แถมสอบบ่อยอีกไอติมก็น่าจะรู้นี่”

“ถ้างั้นพรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันครับ เดี๋ยวพี่ไม่ว่างอีก ผมกลัวจะได้รอเก้อ”

“โอเค งั้นพรุ่งนี้เจอกันแปดโมงเช้า ไปหัวหินกัน”

“ได้เลย เดี๋ยวผมจะรีบกลับไปจัดกระเป๋าเลยดีกว่า”

ไอติมยิ้มบาง ๆ เมื่อตกลงกับกรได้เสร็จสรรพ และคุยกันอีกนิดหน่อยก็แยกย้ายกัน กรกลับไปที่โต๊ะ ส่วนไอติมก็เดินไปเข้าห้องน้ำตามจุดประสงค์แรกที่เดินออกมาจากโต๊ะ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จและเดินออกมาจากห้องน้ำ ปลายเท้าก็ต้องสะดุดเมื่อเห็นว่าใครกำลังยืนพิงกำแพงอยู่หน้าห้องน้ำ แถมคนตรงหน้ายังสูบบุหรี่อีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ไอติมไม่เคยเห็นเจ้าตัวสูบมันมาก่อนเลย

“มึงสูบบุหรี่ด้วยเหรอวะควัน”

ไอติมถามคนตัวสูงที่ดวงตายังคงเหม่อมองออกไปด้านนอก ควันไม่ได้ตอบอะไร ปล่อยควันบุหรี่ให้ล่องลอยออกมาจนไอติมเผลอเบ้หน้าเพราะไม่ชอบกลิ่นบุหรี่เสียเท่าไร

“ถ้าไม่ตอบ งั้นกูกลับไปรอที่โต๊ะแล้วกัน” คนตัวเล็กกว่าบอกก่อนจะเดินออกมา แต่เพียงแค่ไม่กี่ก้าว เสียงทุ้มด้านหลังก็ดังขึ้น

“MY DRAGON มันคือใครงั้นเหรอ”

คำถามนั้นทำให้ไอติมชะงักก่อนจะหันกลับมามองควันด้วยความแปลกใจ และเมื่อได้สบกับดวงตาคู่คมในตอนนี้ มันทั้งเรียบและไร้ความรู้สึกจนไอติมไม่สามารถอ่านออกได้

“ถามทำไม”

“ก็แค่อยากรู้”

“มึงแอบเปิดแชทกูงั้นเหรอ”

ไอติมเริ่มอยู่ไม่สุข เรื่องที่เขารู้จักพี่กรมานานและแอบรักข้างเดียวมาเนิ่นนานไม่มีใครรู้ เขาเก็บมันไว้เป็นความลับมาโดยตลอด แล้วควันจะรู้จัก MY DDRAGON ได้ยังไง ถ้าควันไม่เปิดแชทของเขาดู

“ก็แค่บังเอิญเห็น...แล้วจะตอบกูได้ยังว่ามันคือใคร คือไอ้พี่กรนั้นรึเปล่าล่ะ”

“มันจะเป็นใครก็เรื่องของกู กูจะกลับไปที่โต๊ะแล้วนะ”

ไอติมตัดบทให้มันจบไป ปลายเท้าหันกลับไปตามทางเดิมที่เคยจากมา แต่ทุกสิ่งก็ไม่ได้เป็นไปอย่างใจคิด เมื่อข้อมือของไอติมถูกฉุดดึงไว้จากคนด้านหลัง อาการยื้อยุดกันอยู่สองคนเรียกให้หลายสายตาของนักท่องราตรีมองมาได้ไม่ยาก ควันจึงโยนบุหรี่ที่ถือไว้ลงในถังขยะก่อนจะลากคนตัวเล็กให้เดินออกมาที่หลังร้านด้วยกัน

“มีอะไรอีก ทำไมต้องลากออกมาด้วยวะ”

ไอติมบ่นอุบ ดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุม และมองบริเวณหลังร้านด้วยความระมัดระวัง...จากทางเดินนี้ เดินไปอีกไม่ไกลก็เป็นลานจอดรถแล้ว แต่ทั้งบริเวณมันก็ยังคงเงียบและเปลี่ยวมากอยู่ดี

“กูถามตรง ๆ นะ ไอ้ดราก้อนกับพี่กรมันคนเดียวกันใช่มั้ย” เสียงทุ้มถามอีกครั้ง ไม่มีความล้อเล่นอยู่ในน้ำเสียง มีแต่ความจริงจังและเครียดขึงจนไอติมสัมผัสได้ แต่กระนั้นคนตัวเล็กก็ยังคงปากแข็ง

“แล้วถ้ากูไม่บอกล่ะ มันเรื่องส่วนตัวของกูนี่นา”

“มึงชอบมันงั้นเหรอไอติม”

ควันไม่สนแล้วว่าไอติมจะปิดบังต่อยังไง ร่างสูงยิงคำถามที่ทำให้เขาเครียดไปตรง ๆ ตั้งแต่รู้ใจตัวเอง เขาไม่เคยหาทางออกให้กับหัวใจเจอเลย แล้วยิ่งได้รู้ความลับของไอติมอย่างนี้ ควันก็เหมือนจะเจอแต่ทางตันมากขึ้นเรื่อย ๆ

“มึงจะมายุ่งอะไรกับชีวิตกูนักหนา”

“...”

“เพื่อนก็อยู่ส่วนเพื่อนสิวะ”

“...”

“เป็นแค่เพื่อน แม่งต้องรู้ทุกเรื่องในชีวิตกูเลยหรือไง”

ไอติมก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว ตั้งแต่มาถามเรื่อง MY DRAGON เขาก็ไม่พอใจแล้วที่ควันมาแอบเปิดแชทดู แล้วยังจะมาไล่บี้เอาความจริงให้ได้ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ยอมตอบ ก็น่าจะรู้ได้แล้วว่าไม่อยากให้รู้ แล้วจะถามไปเพื่ออะไรอีก

“แล้วกูไม่มีสิทธิ์รู้เลยรึไง เพื่อนที่เอากันทุกคืนกับมึงคนนี้ไม่มีสิทธิ์รู้เลยรึไงวะ!”

เสียงทุ้มตะโกนอย่างเหลืออด มือแกร่งผลักร่างเล็กจนชิดกำแพง ไอติมตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อถูกควันตะโกนใส่อย่างนั้น คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามไม่โมโหเพราะเขาก็ไม่อยากทะเลาะกับควันอีกแล้ว ก่อนจะดันอกแกร่งตรงหน้าให้ห่างออก จากนั้นจึงปรับน้ำเสียงให้กลับมาเป็นปกติ

“กูว่ามึงคงเมาแล้ว กลับกันเหอะว่ะ”

“กูถามว่ากูไม่มีสิทธิ์รู้เลยรึไง”

ควันยังคงไม่ยอมปล่อยไอติมไปง่าย ๆ แม้ไอติมจะตัดบทไปดื้อ ๆ แต่ควันก็ถามใหม่อีกครั้ง เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องระหว่างเขากับไอติมมันจะไปสุดอยู่ที่ตรงไหน ตอนนี้ควันรู้แล้วว่าแค่ความสัมพันธ์ทางกายมันคงไม่พอ เขาอยากได้มันมากกว่านี้อีก แต่เหมือนว่าคนตรงหน้าคงจะไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับเขาเลย

“มึงรู้รึเปล่าว่าที่มึงกำลังทำอย่างนี้มันคืออาการหวง มึงจะมาหวงกูแบบนี้ไม่ได้นะควัน มึงก็รู้ว่าสัญญาของเรา...”

“เออ กูรู้”

“...”

“รู้ดีว่ากูหวงมึง อยากมีมึงเก็บไว้แค่คนเดียว กูรู้ว่าไอ้ Friend with Benefit ห่าเหวนั้นมันกำลังทำร้ายกูอยู่”

ควันระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่ทันคิด อาจจะเพราะน้ำเมาที่กำลังกดประสาทเขาเอาไว้ ไม่ทันได้ไตร่ตรอง สิ่งที่อยู่ในใจมันก็พรั่งพรูออกมาเสียหมด และสิ่งที่ได้ยินก็ทำให้ไอติมตกใจอยู่ไม่น้อย

“ควัน...มึงกำลังพูดบ้าอะไรอยู่วะ”

“กูไม่ได้บ้า! กูก็แค่หวงมึง กูแค่คิดถึงมึง กูแค่อยากกอดแต่มึง ใครที่เข้ามากูก็ปฏิเสธไปหมดก็เพราะมึง แล้วมึงเคยคิดเหมือนกูบ้างมั้ยวะ ใจของมึงเคยมีกูอยู่ในนั้นบ้างมั้ย”

ไอติมตัวชาวาบกับสิ่งที่ได้รับรู้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและควันมันถูกผูกด้วยเงื่อนไขบ้า ๆ ที่สร้างขึ้นมาด้วยกัน เขาพอใจกับความสุขทางกายที่ควันมอบให้ เวลาไหนที่คิดถึงพี่กรก็มีควันกอดเขาไว้ เวลาไหนที่พี่กรเผลอทำร้ายจิตใจเขาด้วยความรักและความเอาใจใส่พี่แจน ไอติมก็มีควันที่คอยอยู่เคียงข้างให้ลืมความเจ็บได้ชั่วคราว

เพราะเห็นควันเป็นตัวแทนของใครบางคนมาตลอด ไอติมเลยไม่รู้สักนิดว่าใจของควันได้เปลี่ยนไปเสียแล้ว

และนั้นเป็นสัญญาณเตือนว่าเรื่องราวระหว่างเขาและควันมันกำลังจะจบอย่างนั้นเหรอ...


“ควัน...มึงรู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่...ทุกอย่างมันจะจบถ้าความรู้สึกของใครสักคนเปลี่ยนไป มึงก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ”

“ช่างแม่งมันสิ กูไม่สนแล้ว ถ้ากูไม่ยอมจบแล้วจะทำไม”

ควันโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจร้อนกระทบใบหน้าของไอติมก่อนที่จมูกโด่งจะคลอเคลียพวงแก้ม สันกราม และสุดท้ายริมฝีปากของทั้งคู่ก็บรรจบกัน...

ริมฝีปากร้อนผ่าวค่อย ๆ ทาบทับ ก่อนจะใช้ลิ้นดันเข้าไปในโพรงปากหวานอย่างคุ้นเคย ลิ้นร้อนกวาดเอาความหวานทั่วทั้งโพรงปากมาเป็นของตัวเอง เสียงดูดดุนดังขึ้นในความเงียบ ควันจูบจนไอติมแทบจะหมดลมหายใจคาอก ก่อนจะผละออกมาเมื่อมือขาวทุบเขาเบา ๆ เพื่อให้ปล่อยให้เป็นอิสระ

“กูไม่อยากเป็นเพื่อนกับมึงแล้วว่ะติม”

“...”

“กูไม่อยากรู้แล้วด้วยว่าไอ้เหี้ยนั้นมันเป็นใคร กูไม่สนแล้วว่ามึงจะชอบใคร กูรู้แค่ว่ากูชอบมึง...ชอบมึงมากจริง ๆ ให้กูจีบมึงได้มั้ย”

คำสารภาพของควันมันทำให้ไอติมตกใจไม่น้อย เขาไม่คิดว่าควันจะรู้สึกกับเขามากขนาดนี้ และไอติมก็คิดว่าเรื่องราวระหว่างเขาและควันมันไม่ควรบานปลายไปมากกว่านี้ ทุกอย่างมันเริ่มที่เพื่อนมันก็ควรจะเป็นแบบนั้นต่อไป...สำหรับไอติม ควันคือเพื่อนที่ดีที่สุดแล้ว และเขาก็ไม่อยากเสียควันไป ไอติมจึงคิดว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกไปมันคือทางเลือกที่ดีที่สุด คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าจนสุดก่อนจะตัดสินใจพูดมันออกมา

“แต่กูไม่ได้ชอบมึง”

“...”

“ขอโทษนะ แต่กูมีคนที่กูชอบอยู่แล้ว และคน ๆ นั้นไม่ใช่มึง”

คำพูดราวกับมีดแหลมแทงลงที่อกนั้น แม้จะพอรู้ว่าผลลัพธ์ที่ได้มันคงจะเป็นแบบนี้ แต่พอได้ยินมันจากปากไอติมจริง ๆ ความเจ็บปวดที่ตอกย้ำในจิตใจมันมากมายกว่าที่เขาคิดเหลือเกิน ใบหน้าหล่อเรียบสนิท มองคนตัวเล็กที่มองเขากลับอย่างไม่วางตา

“มึงคิดว่าคำพูดของมึงจะทำให้กูยอมปล่อยมึงไปง่าย ๆ งั้นเหรอ”

“...”

“มึงรู้รึเปล่าว่านิสัยกูเป็นยังไง...ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วที่กูอยากได้อะไรก็ต้องได้ และกูก็เป็นคนหวงของมากด้วย”

“แล้วจะมาบอกกูทำไมวะ”

ไอติมแสร้างถามแม้ว่าจะพอเดาความนัยนั้นได้ ข้อมือที่ถูกจับไว้ในเจ็บจนแทบร้าว แต่ไอติมก็ยังคงกลั้นเสียงร้องเอาไว้ และในตอนนั้นเขาเริ่มก็ฉุกคิดได้ว่าการที่ตัดสินใจบอกปฏิเสธไปนั้น หรือบางทีมันอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิด...

“หึ จะได้รู้ไงว่ากูไม่มีทางปล่อยมึงไปง่าย ๆ หรอก...พรุ่งนี้จะไปเที่ยวกับมันงั้นเหรอ...งั้นคืนนี้นอนให้กูเอาจนถึงพรุ่งนี้เช้าเลยคงจะดีกว่า”
 


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ง่า......สงสารควันอ่ะ

ออฟไลน์ junlifelove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไอติม...เฮ้อออ ทำอะไรคิดถึงใจควันบ้างไหมเนี่ย คิดจะเอาเค้ามาแทนคนอื่นแบบนี้ไม่ดีเลย
สงสารควัน  :mew4:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
จิ้มมมมมม  :z13: ตามมาจากหมอกบลูค่ะ
------------------------

โอ้ จากเรื่องนั้นดูเหมือนสงสารไอติม แต่พอมาดูดีๆ นี่มันคือ...

 :katai1: สงสารควันแทบไม่ทันเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด