บทที่ 18 วิถีพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง!
ผมตื่นสาย! ไอ้ดินก็ไม่ยอมปลุกผม น่าหงุดหงิดจริงๆ เมื่อลงมาข้างล่างก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคย..น้ำเงี้ยว!
สุดท้ายการทำน้ำเงี้ยวที่ฝึกปรือมาก็เป็นหมัน สรุปคือผมไม่ได้ทำ..แต่ไอ้ดินเป็นคนทำซะงั้น
“ตื่นแล้วเหรอลูก มาๆชิมน้ำเงี้ยว” แม่ไอ้ดินเอ่ยทักด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพร้อมกับจูงแขนผมมาที่โต๊ะอาหาร
“ทำไมไม่ให้ผมทำล่ะครับคุณแม่”
“งานครัวไม่เหมาะกับหนูหรอกลูก แม่สงสารมือที่แสนจะบอบบางของหนู” มือที่ผ่านการทำงานมาอย่างหนักของแม่ไอ้ดินจับมือของผมแล้วลูบอย่างอ่อนโยน..โธ่คุณแม่
“แต่ผมสัญญากับคุณแม่ไว้แล้วนะครับ”
“น่าตีจริงๆเชียว แทนตัวเองว่าผมอีกแล้ว” ผมได้แต่ยิ้มแหยๆให้คุณแม่ ไม่ชินสักที อยากจะตีปากตัวเองจริงๆ แม่ไอ้ดินลูบแขนผมด้วยความเอ็นดูก่อนจะให้คำสัญญาอีกครั้ง
“เอาไว้ทำตอนที่แม่ไปหาพู่ที่เชียงใหม่นะ สัญญาว่าจะไปหาถึงที่เลย”
“สัญญาแล้วนะครับ” แล้วผมก็เกี่ยวก้อยสัญญากับแม่ไอ้ดิน..อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ไม่มีความงุนงงใดๆเหมือนครั้งก่อน
“สองแม่ลูกครับ มาทานได้แล้วครับ” ไอ้ดินเอ่ยบอกด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม ซึ่งผมและคุณแม่ก็ยิ้มตามมันไปด้วย พร้อมกับอาการเขินแปลกๆ
“คุณแม่เป็นคนทำเหรอครับ”
“เปล่าจ๊ะแม่เป็นแค่ลูกมือ วันนี้เชฟดินลงมือทำเองจ๊ะ”
“ทำไมไม่ปลุกกู” ผมหันไปเอ็ดมันเบาๆ
“เห็นมึงนอนหลับสบายเลยไม่อยากปลุก เอาน่ารีบๆกินเดี๋ยวจะหายร้อน” ไม่อยากเถียงต่อหน้าคุณแม่เลยก้มหน้ากินอย่างว่าง่าย
ชิมน้ำเงี้ยวที่หน้าตาสีสันเหมือนอิมพอร์ตมาจากเชียงใหม่เข้าไปหนึ่งคำ ก็ต้องรีบเงยหน้าขึ้นมองคนทำซึ่งมันมองผมอยู่ก่อนแล้ว
“อร่อยล่ะสิ” ไม่อยากจะโกหก อร่อยกว่าผมทำซะอีก แม่ง..รสมือของมันดีกว่าของผมจริงๆ สมแล้วที่เป็นพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง!
“คุณพ่อล่ะครับ” ผมไม่ตอบเดี๋ยวไอ้พ่อบ้านดีเด่นเหรียญทองมันจะเหลิง
“พ่ออยู่ที่สวนกล้วยไม้จ๊ะ ไม่ต้องห่วงกินกันเลยลูกเดี๋ยวแม่แบ่งเอาไปให้พ่อที่สวนเอง” จากนั้นคุณนายอรอนงค์ก็หิ้วปิ่นโตที่บรรจุน้ำเงี้ยวไว้ภายในเดินออกจากบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..คุณแม่ดูอารมณ์ดีจังแฮะ
“เออมึง โทรบอกไอ้หมียัง” เมื่อวานก็เบี้ยวมันไปรอบนึงละ
“ไม่อ่ะ ทำนิดเดียวไม่พอกินสำหรับมันหรอก อีกอย่างมันก็เคยกินจนเบื่อละ” ก็จริงของมึง อย่างไอ้หมีต้องทำเท่าขนาดทำโรงทานถึงจะอยู่ท้องมัน!
วันนี้คือวันสุดท้ายที่อยู่บ้านไอ้ดิน พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับเชียงใหม่ไปใช้ชีวิตในดินแดนตะตอนยอนตามเดิม
กิจกรรมในวันนี้คืออาบน้ำให้เจ้าสี่ขาสองตัวที่นอนตัวเปื้อนโคลนอยู่หน้าบ้านไม่รู้ว่าแอบไปเล่นซนที่ไหนมา
ช่างเป็นกิจกรรมที่แอดเวนเจอร์สุดๆ!
ถามว่ามาเที่ยวทั้งทีทำไมไม่ออกไปเที่ยวข้างนอก ทั้งผมและไอ้ดินต่างก็ไม่ค่อยชอบเที่ยวที่มีคนพลุกพล่านสักเท่าไหร่ การกลับบ้านมาพักผ่อนทำกิจกรรมที่บ้านถือเป็นการผักผ่อนที่ดีที่สุดแล้ว อีกอย่างบ้านไอ้ดินก็บรรยากาศดีสุดๆอยู่ที่บ้านมันนี่แหละดีแล้ว
“มาเลยเจ้าถุงเงินมาอาบน้ำซะดีๆ ส่วนเจ้าถุงทองนอนรอไปก่อนนะแก” ผมบอกเจ้าสี่ขาทั้งสองตัวที่แกว่งหางสุดสวิงริงโก้
“ดินมึงจับสายยางนะ กูจะถูสบู่ให้เอง”
“รับทราบครับ”
“เฮ้ย! นี่มึงจะอาบน้ำให้หมาหรืออาบน้ำให้กูเนี่ย”
“โทษๆ ถุงเงินอยู่นิ่งๆสิ” เนียนดุหมานะมึง มึงจงใจฉีดน้ำมาทางกูชัดๆ
อาบน้ำให้เจ้าสี่ขาตัวแรกเสร็จด้วยสภาพเปียกมะล่อกมะแล่ก ทั้งโดนเจ้าถุงเงินสะบัดน้ำใส่และไอ้ดินที่ทำเนียนฉีดน้ำใส่ผม
ดูสายตามันสิ ยิ้มกรุ้มกริ่มเดี๋ยวแม่งจกตาบอดซะเลยหนิ
“เดี๋ยวกูจับสายยางเอง มึงถูสบู่ให้ถุงทองบ้าง” ถึงเวลากูเอาคืนบ้างแล้ว หึๆ
“โอ๊ะ ถุงทองอยู่นิ่งๆดูสิพี่ชายแกเปียกหมดแล้ว” แล้วผมก็ยิ้มเจ้าเลห์ให้กับไอ้ดิน หึ มึงเล่นกูก่อนนะ
จากนั้นการอาบน้ำให้หมาก็กลายเป็นสงครามแห่งสายน้ำ คืออะไร? สงกรานต์ย้อนหลังใช่มะ ทั้งหมาทั้งคนเปียกโชกไปหมด
แต่มันก็อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข..
“พอแล้วพู่กันเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก ขึ้นไปอาบน้ำและทำตัวให้แห้งได้แล้ว” ผมไม่สนยังฉีดน้ำใส่มันไม่หยุด
จากนั้นไม่ทันตั้งตัวไอ้ดินก็หยุดผมด้วยการเข้ามาประชิดตัวแล้วกระซิบที่ข้างหู
“เสื้อขาวๆของมึงเปียกจนเห็นหัวนมหมดแล้ว รู้มั้ยมึงกำลังยั่วกูอยู่ ถ้ามึงยังไม่เข้าไปอาบน้ำกูจะจับดูดนมแม่งมันตรงนี้แหละ” ครับ! ผมหยุดเล่นแล้วเข้าบ้านไปอาบน้ำและทำตัวให้แห้งอย่างว่าง่ายทันที
สายตาแม่งอย่างหื่น ขืนดื้อใส่มันมีหวังโดนดูดหัวนมโชว์แน่ๆ!
คิดแล้วก็สยิว เอ้ย! สยอง
เมื่อทำตัวให้แห้งกันทั้งคู่แล้วก็ตั้งใจจะออกไปซื้อของฝาก แต่ยังไม่ทันได้ออกจากบ้าน คุณนายอรอนงค์ก็เข้าบ้านพร้อมกับหิ้วของพะรุงพะรัง ผมกับไอ้ดินปรี่เข้าไปช่วยแทบจะทันที
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะครับแม่” ไอ้ดินช่วยแม่มันถือของถามขึ้นทันที
“ของฝากไงลูก ให้หนูพู่แล้วก็เอาไปฝากบ้านทางนู้นด้วย”
“เยอะจังครับแม่ พู่เกรงใจ จริงๆพวกเรากำลังจะออกไปซื้อออกฝากกันอยู่พอดี”
“จะให้หนูซื้อเองได้ไงล่ะลูก ให้แม่ซื้อให้น่ะถูกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแม่จะแพ็คองุ่นให้เอาไปฝากครอบครัวกับเพื่อนๆพู่ด้วยดีมั้ย ”
“ขอบคุณครับคุณแม่” ผมกอดแม่ไอ้ดินด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริงที่เอ็นดูผม ไม่ได้ประจบประแจงแต่อย่างใด..ดีจังน๊า
และแล้วก็ถึงวันเดินทางกลับเชียงใหม่ เราเดินทางกลับตั้งแต่เช้ามืด โดยทั้งคุณพ่อและคุณแม่มายืนส่งพร้อมเจ้าสี่ขาสองตัวถุงเงิน ถุงทอง และสมาชิกเก่าแก่อีกตัวหนึ่ง
‘เจ้าเสือ’ แมวไทยตัวสีส้มที่อ้วนเกินมาตรฐานแมวไทย..นี่แมวหรือหมูแคระ!
จำได้ว่าที่บ้านไอ้ดินก็เลี้ยงแมว มาตั้งหลายวันก็เพิ่งจะเจอตัวนี่แหละ ไอ้ดินบอกว่าเจ้าเสือเป็นแมวสันโดษ จะปรากฏตัวให้เห็นก็ต่อเมื่อเวลาหิว ดีแท้..มันคงคิดว่าบ้านมันเป็นเซเว่น!
14.15 น. เดินทางกลับถึงบ้านที่เชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ
“อ๊ะ อืออ พี่น้ำเบาๆหน่อย”
“ขอโทษครับ เจ็บเหรอ”
“อื่อ ลึกๆหน่อยครับ”
“อ่า ลึกพอมั้ย”
นี่มันบทสนทนาอะไรกัน บัดสีที่สุด แล้วทำไมไม่ปิดประตูห้องแง้มไว้เพื่อ?!
ผมกับไอ้ดินได้แต่มองหน้ากันเลิกลั่ก เสียงอืออา ยังคงดังไม่หยุด ทนไม่ไหวแล้วเว้ย ผมผลักประตูห้องของไอ้พี่น้ำทันที
“ทำแม่งอะไรกันวะ!” ภาพที่เห็นคือไอ้ปูนนอนตะแคงบนตักไอ้พี่น้ำ ส่วนในมือของไอ้พี่น้ำก็ถือก้านสำลี
ปั๊ดโธ่เอ้ย แม่งแคะหู!
ไอ้ดินได้แต่ขำกับความคิดของผม มึงจะบอกว่าสุดท้ายก็เป็นกูเองที่คิดบัดสีใช่มะ
“อ้าวกลับมาแล้วเหรอ” ไอ้ปูนลุกออกจากตักของไอ้พี่น้ำด้วยความไวแสงแล้วเดินออกมาหาผมทันที ส่วนไอ้พี่น้ำก็เดิมตามออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“ไอ้ดิน ได้ข่าวว่ามึงทำให้น้องกูร้องไห้” นั่นไงกูว่าละว่ามันผิดปกติ สีหน้าของไอ้พี่น้ำไม่มีแววขี้เล่นเหมือนทุกครั้ง นั่นทำให้ไอ้ดินหน้าถอดสี
“ผมขอโทษครับพี่ ผมยอมรับผิดทุกอย่าง” ไอ้ดินยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับน้ำเสียงที่จริงจัง
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เรื่องมันก็จบไปแล้วอย่าไปพูดถึงเลย” คือมันไม่มีอะไรแล้วจริงๆ ผมก็ไม่อยากให้บรรยากาศมันตึงเครียดแบบนี้
“ไม่ได้มันสัญญากับกูไว้ว่าจะไม่ทำให้มึงร้องไห้” มึงจะมาทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีอะไรตอนนี้ แล้วไปสัญญิงสัญญากันตอนไหนวะ
“แล้วมึงจะให้มันทำไง ให้เลิกกับกูงั้นเหรอ”
“...” ไอ้พี่น้ำได้แต่ทำหน้าหงุดหงิด
“มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของความรักรึป่าววะ มันก็ต้องมีสุข มีเศร้า หัวเราะ ร้องไห้เรื่องราวระหว่างทางพวกนี้ไม่ใช่เหรอที่ทำให้ความรักมันเข้มแข็งน่ะ”
“มึงมันเข้าข้างผัว” เอ้า! ไอ้พี่บ้า ผมได้แต่ส่ายหน้าระอา
“กูพูดความจริง มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดแล้วตอนนี้ก็เข้าใจกันดีแล้ว มึงเคยพูดเองนะเรื่องที่บั่นทอนจิตใจไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ กูก็ทำแบบที่มึงบอกไงหรือที่กูทำมันไม่ถูกต้อง?” ตอนที่มันเล่าเรื่องตอนที่เลิกกับแฟนเก่ามันเป็นคนบอกผมเองแท้ๆ
“เออตามนั้น ไอ้ดินมึงอย่าให้มีครั้งที่สองนะไม่งั้นกูจะเอาน้องกูคืน” น้ำสียงและสีหน้ามันจริงจัง นานๆทีจะได้เห็นมันในโหมดนี้
“ครับ” ไอ้ดินรับคำสั้นๆ แต่ทว่าหนักแน่น
“พี่น้ำเป็นพี่ชายที่หวงน้องชายเหมือนกันนะเนี่ย” ไอ้ปูนพูดเพื่อทำลายบรรยากาศที่ตึงเครียดให้ผ่อนคลายลง แต่ทว่า..
“ใครจะอยากให้คนในครอบครัวเสียน้ำตาล่ะจริงมั้ย” ยัง ยังจะดึงเข้าดราม่าอีก
“รักกันทะเลาะกันมันก็เป็นเรื่องปกติของคนสองคนนะพี่น้ำ อีกอย่างไอ้พู่ก็บอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ตอนนี้ก็โอเคแล้ว พี่น้ำก็คงไม่อยากเห็นคนในครอบครัวต้องเครียดเพราะตัวเองจริงมั้ยครับ”
“เฮ้อ ครับพี่เข้าใจแล้ว พอๆจบๆ ทุกอย่างจบด้วยดีก็โอเคแล้ว งั้นตอนนี้เอาของฝากมาเซ่นกูซะดีๆไอ้น้องเขย” สุดท้ายน้องพูดไม่ได้ผลต้องเมียพูดสินะ โอเคชัดเจน
คำว่าน้องเขยหลุดออกจากปากแสดงว่าเข้าสู่สภาวะปกติ
“นี่ครับ องุ่นออแกนิคสดๆจากบ้านสวนรักษ์ดินครับ” องุ่นสีสวยถูกเซ่นไว้ข้างหน้าไอ้พี่น้ำ เอ้ย! วางไว้ข้างหน้าไอ้พี่น้ำ
“ปูนเคยชิมแล้วอร่อยจริงๆ ไม่มีเมล็ดด้วย” แล้วไอ้ปูนก็หยิบองุ่นเข้าปากทันที
“ป้อนพี่ทีครับ” เสียงสองของมันนี่ชวนสยองจริงๆ
“พึ่งรู้ว่านอกจากพี่น้ำจะเป็นพี่ชายที่หวงน้องแล้ว ยังเป็นง่อยอีก” ถึงปากไอ้ปูนจะเอ่ยแซวแต่มันก็ยัดองุ่นใส่ปากไอ้พี่น้ำอยู่ดี..ขอย้ำว่ายัดไม่ได้ป้อน
“อืมอร่อย หวาน แต่หวานไม่เท่าไอติมวนิลาของพี่” แล้วแก้มไอ้ปูนก็แดงระเรื่อ อะไรของพวกมึงไอติมวนิลามาจากไหน?
“นี่ถ้าจะหวานกัน ก็ไปหวานกันไกลๆ ” เห็นหน้าเลี่ยนของไอ้พี่น้ำแล้วอยากจะอ้วก ไม่เข้ากะหนังหน้ามึงเลยสักนิด
“ไอ้น้องขี้อิจฉา เข้าห้องกันน้องปูนพี่อยากชิมไอติมวนิลาแล้ว”
“พี่น้ำ!!” ไอ้ปูนได้แต่ร้องโวยวายเมื่อโดนไอ้พี่น้ำลากเข้าห้อง แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบองุ่นพวงโตเข้าไปด้วย
ไอติมวนิลาอะไรวะ? ในห้องนอนมันไม่มีตู้เย็นสักหน่อย หรือว่าจะเป็นโค้ดลับ?!
หรือว่า ว่า....
“พวกมึงได้กันแล้วเหรอ!!!” ผมโพล่งออกไปทันที แต่ไร้เสียงตอบรับ ทั้งสองคนที่หายเข้าไปในห้องต่างพากันเงียบกริบ
ไม่นะไอ้พี่น้ำมึงจะทำบัดสีกับไอ้ปูนไม่ได้นะ จู่ๆก็รู้สึกหวงเหมือนแม่หวงลูกสาวที่ต้องออกจากอ้อมอก
ผมกำลังแนบหูฟังว่าเกิดเหตุการณ์อะไรในห้อง แต่จู่ๆก็มีแรงควายมาดึงผมออก
“ไม่เผือกดิ” กูเกลียดหน้าตายของมึง ไร้ซึ่งอารมณ์มาก ต่างจากกูอยากรู้อยากเห็นหูผึ่งสุดๆ
“คนขี้เสือกติดลบอย่างมึงไม่เข้าใจกูหรอก เอ๊ะ นี่มึงหลอกด่ากูเหรอ” ผมหันไปว่ามันทันที
“ก็มันเป็นสิทธิ์ของเขาอย่าไปยุ่งเลย ป่ะเข้าห้องกันเถอะ ง่วงแล้วอยากพักขับรถมาทั้งวัน” ไม่พูดเปล่าเอาหัวมาซบที่หัวไหล่ผมเหมือนคนหมดแรง
“เหนื่อยก็เข้าไปพักสิ เกี่ยวอะไรกับกู” ช่วยไม่ได้มันไม่ยอมให้ผมช่วยขับรถเอง ขาไปยังได้ขับแม้จะแค่70กิโลเมตร แต่ขากลับไอ้พลขับมือวางอันดับหนึ่งสั่งให้นั่งเป็นดอกไม้หน้ารถอย่างเดียว มันบอกแค่มีผมนั่งข้างๆก็เหมือนโดฟกระทิงแดงไป10ขวด!
..เวอร์วังมั้ยล่ะ
“เกี่ยวสิเพราะมึงเป็นดอกไม้ของกู” อะไรของมัน นับวันยิ่งพูดจาไม่รู้เรื่อง
“ป่ะ เด็กๆเข้าห้อง” ขี้เกียจเถียงเลยเดินเข้าห้องโดยไม่ลืมที่จะเรียกเจ้าเหมียวทั้งสามตัวที่คลอเคลียอยู่ไม่ห่างให้เข้าห้องไปด้วยกัน
“ให้เด็กๆนอนข้างนอกได้มะ” เกลียดสายตา โคตรไม่น่าไว้ใจ
“มึงคิดจะทำอะไรของมึง หยุดคิดอะไรบ้าๆเลยนะ”
“เปล่าสักหน่อย มึงน่ะคิดมากเนาะนู๋ชบา ป่ะเด็กๆเข้าห้อง” แล้วมันก็อุ้มแมวทั้งสามตัวด้วยแขนถึกๆของมันเดินเข้าห้องด้วยหน้าตาตีมึน ไม่รู้ตอนนี้มันอยู่ในโหมดไหน ตามมันไม่ทันจริงๆครับ
..เจ็บหัวง่าว! (แปลว่าปวดกะบาลโคตร)
“พู่กัน”
“หืม”
“เมื่อกี้กูกลัวพี่น้ำมากเลย กลัวเขาไม่ยกโทษให้กูที่ทำให้น้องชายเขาร้องไห้”
“ไอ้พี่น้ำเห็นแบบนั้นมันเป็นคนมีเหตุผลนะ มันไม่งี่เง่าถึงขนาดไม่ยกโทษให้มึงหรอก มันชอบมึงจะตายไม่งั้นมันคงไม่ช่วยมึงจีบกู”
“แต่กูก็รู้สึกผิดอยู่ดีที่ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้ำ”
“มึงไปสัญญากันตอนไหน”
“ความลับ มันเป็นสัญญาของลูกผู้ชายมึงอย่ารู้เลย” อะไรของมึง แล้วกูไม่ใช้ลูกผู้ชายรึไง?
“เออไม่อยากรู้ด้วยกับพวกมึงหรอก นอนได้แล้ว เลิกนอยด์ เลิกรู้สึกผิด โอเค๊?”
“ก็ได้ครับ ขอหนึ่งจุ๊บจะได้ฝันดี” แล้วผมก็จุ๊บไปที่ปากของมันหนึ่งที ห่มผ้าให้เสร็จสรรพ ไอ้คนในผ้าห่มก็หลับตาพริ้ม..บางทีก็งงนะว่าผมมีแฟนหรือมีลูก!
ผ่านไป2ชั่วโมงไอ้ดินก็ตื่นลุกขึ้นมาทำหน้าที่พ่อบ้านดีเด่นเหรียญทองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“ล้างทำไมวะ มึงไม่ได้กินสักหน่อย” ไอ้ดินกำลังล้างจานที่ไอ้พี่น้ำมันใช้ น่าจะตั้งแต่วันที่ผมไปโคราชซึ่งมันเต็มจนล้นอ่างล้างจาน
“ไม่เป็นไร หน้าที่กูอยู่แล้ว อย่าลืมสิว่ากูอยู่บ้านมึงฟรีๆนะ”
“เดี๋ยวมันก็เคยตัวให้มันทำเองบ้าง อีกอย่างมึงไม่ได้มาอยู่บ้านนี้ในฐานะเบ๊สักหน่อย”
“คิดมากน่า ถือเป็นเซอร์วิสพิเศษละกัน”
“ตามใจมึง” พูดไปก็เท่านั้นครับ ของมันชอบและมันก็เต็มใจ ห้ามไปก็เท่านั้น
“เย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย”
“สเต็ก” จู่ๆก็นึกถึงช่วงแรกๆที่เจอกัน ตอนนั้นไอ้ดินตีมึนผสมเผด็จการที่จะทำสเต็กให้ผมกิน พอย้อนนึกถึงวันนั้นก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเหมือนกัน
“โอเค งั้นเดี๋ยวไปซื้อของกันแล้วแวะเอาของฝากไปให้ที่บ้านใหญ่ด้วย”
ซุปเปอร์มาเก็ตเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ผมมาประจำเพราะใกล้กับที่บ้าน
“นี่เล่นเป็นเด็กๆ เดี๋ยวก็ตก” เมื่อไอ้ดินเริ่มเข็นรถเข็นผมก็กระโดนขึ้นนั่งขอบด้านหน้าของรถเข็นทันที จึงได้รับการเอ็ดกลับมาทันที ..แต่ใครจะสน
“ไม่ตกหรอกน่ามึงก็เข็นดีๆสิ ออกรถได้ Let’go” ไอ้ดินได้แต่ส่ายหน้ากับความเป็นเด็กของผม
“สเต็กไรดี”
“หมูๆ บุตะๆ” ผมชี้นิ้วไปทางเนื้อหมูที่วางเรียงรายไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหนของหมูบ้าง ถึงจะพอทำอาหารเป็นก็ใช่ว่าผมจะรู้!
“โอเค งั้นพอร์คชอปนะ”
“โอเค ว่าแต่พอร์คชอปมันคือส่วนไหนของหมูอ่ะ” เคยสั่งกินบ่อยๆแต่ไม่รู้หรอกว่ามันคือส่วนไหนของหมู นี่ถ้ามันเป็นตรงส่วนตัวเดียวอันเดียว ผมคงกินหรรมหมูไปเกือบร้อยแท่งเป็นแน่แท้!!
“มันคือสันนอกติดกระดูก ถ้าเป็นเนื้อวัวจะเรียกว่าทีโบน”
“อ๋อแบบนี้นี่เอง สมแล้วที่เป็นพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง” ไอ้ดินได้แต่ยิ้มขำๆกับฉายาของมัน
“มันบดเอามั้ย”
“เอา” ตอบแบบไม่ต้องคิดเพราะผมชอบมันบดที่สุด
“งั้นไปแผนกผักกัน”
“มึงอันนี้ด้วย” เมื่อมาถึงแผนกผักผมกระโดดลงจากรถเข็นแล้วหยิบแครอทจิ๋วที่อยู่ในถุงชูให้ไอ้ดินดูทันที
“เบบี้แครอทเหรอ เอาสิ”
“กูว่าเราทำผักอบแทนสลัดผักดีมั้ย”
“แบบนั้นก็ได้ งั้นเชิญเลือกผักตามใจชอบได้เลยครับ” รอยยิ้มละมุนพร้อมกับขยี้หัวผมเบาๆ ทำให้ผมเขินทุกทีสิน่า..
ผักที่ผมเลือกมามีเบเบ้แครอท หน่อไม้ฝรั่ง ฝักทอง มะเขือเทศและหอมแขก ผักสองอย่างหลังผมไม่ได้ชอบหรอกของพ่อบ้านมัน
“พอรึยัง”
“พอแล้วล่ะ มึงล่ะได้ของครบยัง”
“ของคนครบแล้ว เหลือแต่ของเจ้าเหมียว”
“อะไรอาหารยังไม่หมดสักหน่อย”
“ขนม”
จริงๆเล้ย แมวไม่สนใจก็เอาขนมเข้าล่อ เจ้าเหมียวทั้งสามตัวติดไอ้ดินก็เพราะได้กินขนมจากมันนี่แหละ
หลังจากซื้อของเสร็จก็แวะเอาของฝากจากโคราชไปให้ที่บ้านใหญ่..
เมื่อคุณนายรดาเห็นหน้าพวกเราก็ถลาเข้ามากอด..กอดไอ้ดิน ผับผ่าสิ แม่นะแม่
“น้อยใจจังที่แม่ไม่กอดหนูเป็นคนแรก” แกล้งงอนไปงั้นแหละ ดีเสียอีกที่แม่เอ็นดูไอ้ดิน
“ก็พี่ดินเขาเดินมาก่อนไง แม่เลยต้องกอดพี่ดินก่อน แม่รักหนูพู่เหมือนเดิม มาๆให้แม่กอด”
“อายุเท่ากัน เรียกพี่ทำไมล่ะแม่”
“น่าเอ็นดูดีออกหนูพู่กับพี่ดิน ยังไงพี่ดินเขาก็ตัวโตกว่าหนูปกป้องหนูได้เรียกแบบนี้ดูอบอุ่นดีออก เนอะพี่ดิน” ตรรกะอะไรของแม่เนี่ย!
“ครับคุณแม่” เอ้า ไอ้นี่ก็เป็นไปกับเขาอีกคน
“ไปโคราชเป็นไงกันบ้างลูก”
“อากาศดีสุดๆเลยล่ะแม่ หลังบ้านไอ้ดินมีลำธารด้วยอ่ะ” อันนี้อยากอวดสุดๆ
“จริงเหรอ น่าไปจัง”
“ไว้คุณแม่ไปเที่ยวสิครับ ส่วนนี่ก็ของฝากเล็กๆน้อยๆครับ”
“ลำบากเปล่าๆลูก ยังไงก็ขอบใจนะพี่ดิน”
“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ องุ่นกับน้ำองุ่นมาจากที่ไร่ของบ้านผมเองปลูกแบบออแกนิค คุณแม่ลองชิมดูนะครับ”
“น่าทานจังลูก พ่อต้องชอบแน่ๆ” อืมใช่ พ่อน่าจะชอบเพราะแกสายเฮลตี้ ชอบอะไรปลอดสารแบบเกษตรอิทรีย์ หลังบ้านก็ปลูกผักกินเองนะ นี่ถ้ามีที่ดินมากกว่านี้คงปลูกข้าวกินเองเป็นแน่แท้!
“พูดถึงพ่อ แล้วพ่อไปไหนอ่ะแม่”
“ไปประชุมที่คณะ ยังไม่กลับมาเลยแต่เดี๋ยวสักพักคงมา แล้วนี่กินอะไรมารึยังลูก”
“ยังครับแม่ แต่ซื้อของเตรียมทำกับข้าวไว้แล้วครับ”
“งั้นเหรอ ถ้างั้นก็รีบกลับเถอะลูกนี่ก็เย็นแล้ว กว่าจะถึงบ้านกว่าจะทำเสร็จหิวโซกันพอดี” ทั้งสายตาและน้ำเสียงของแม่ปนไปด้วยความเอ็นดู ทำให้ผมสุขใจไม่น้อย รู้สึกโชคดีทุกครั้งเมื่อได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว ทั้งครอบครัวผมเองและครอบครัวไอ้ดิน
เมื่อกลับถึงบ้านไอ้พี่น้ำกับไอ้ปูนก็ออกไปแล้ว เห็นว่าจะไปดูหนังแล้วไอ้พี่น้ำวันนี้ก็จะนอนที่บ้านใหญ่ผมเลยไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อมัน ดีเหมือนกันไม่เปลือง!
“ดินกูจะทำผักอบเองนะ ที่เหลือมึงทำเอง”
“โอเค” ไอ้ดินหันมารับคำง่ายๆแล้วหันไปจัดการกับพอร์คชอปสองชิ้นที่อยู่บนเขียงต่อ
ผักอบนั้นง่ายแสนง่ายไม่จำเป็นต้องมีทักษะในการทำอาหารก็สามารถทำได้
เบบี้แครอทไม่ต้องหั่นแค่ปลอกเปลือก หน่อไม้ฝรั่งก็หั่ยส่วนโคนที่แข็งออก มะเขือเทศและหอมแขกก็หั่น4ส่วน ส่วนฝักทองก็ปลอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำหนาประมาณ1นิ้ว จากนั้นนำผักทั้งหมดใส่ถาด ใส่น้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทย ใบไทม์ ใส่น้ำผึ้งลงไปเล็กน้อยตามสูตรของคุณนายรดา ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน นำเข้าเตาอบ อบที่ไฟอุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮต์ 30นาที
(จะได้อรรถรสมากขึ้นให้นึกเสียงคุณป้าในรายการ กระจก66ด้าน ห้วนสั้นแต่ได้ใจความ!)
ไม่นานสเต็กสำหรับสองที่ ผักอบและมันบดก็พร้อมขึ้นโต๊ะรับประทาน
ทุกอย่างดูราบรื่นปกติ แต่ที่ดูผิดแผกไปก็ไอ้ดินที่แหละ มันปิดไฟครับ! แล้วก็จุดเทียน! ไม่รู้ผีตัวไหนเข้าสิงถึงได้คิดมีอารมณ์อยากจะโรแมนติก
“เปิดไฟเหอะ กูมองไม่เห็น” แสงสลัวๆผมรู้สึกว่ามันกินไม่อร่อยอ่ะ
“ก็มีแสงเทียนแล้วนี่ไง หรือมึงตาบอด” มึงจะสร้างภาพให้โรแมนติกเพื่อ?! ในเมื่อปากมึงมันร้ายขนาดนี้..หมดกัน!
สุดท้ายบรรยากาศโรแมนติกที่ไอ้ดินพยายามสร้างขึ้นก็ถูกทำลายลงราบคาบด้วยน้ำมือ(ตีน)ของเจ้าเหมียวตัวอ้วนสีขาวสองตัว ไม่รู้ว่าวิ่งแตกตื่นอะไรมาจู่ๆจำปีและจำปาก็กระโดดขึ้นบนโต๊ะอาหารส่งผลให้เทียนล้ม
ล้มแล้วยังไง? ไฟไหม้ฟ้าปูโต๊ะยังไงล่ะ ฮะ! ไฟไหม้!!!
ผมมองไอ้ดินที่พยายามดับไฟด้วยความทุลักทุเล จากนั้นมันก็หันไปมองเจ้าเหมียวตัวการเหมือนมันจะบ่นแต่พอเจอสายตากลมโตใส่ซื่อของเจ้าเหมียว มันก็ทำได้เพียงถอนหายใจ
“ฮ่าๆๆๆ” สุดท้ายผมก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว กลับกลายเป็นว่าไอ้ดินก็หัวเราะตามไปด้วย
“ฮ่าๆๆๆ”
“กูบอกมึงแล้วให้เปิดไฟ”
“นั้นน่ะสินะ กูคงไม่เหมาะจะทำอะไรแบบนี้จริงๆ” ไอ้ดินได้แต่เกาหัวตัวเองแก้เก้อ
“เอาน่า แค่ทำกับข้าวด้วยกัน กินด้วยกันแบบนี้สำหรับกูก็โรแมนติกสุดๆแล้ว” ผมคิดแบบนั้นจริงๆนะไม่ได้จะปลอบใจมันแต่อย่างใด
“ดอกไม้ ทำไมมึงน่ารักแบบนี้วะ” จากนั้นมันก็จูบลงมาที่แก้มของผมด้วยความอ่อนโยน
เห็นมะแค่นี่ก็โรแมนติกสุดๆละ ฮิ้วววว
มื้อนี้จบลงด้วยการกินสเต็กท่ามกลางแสงนีออน! สำหรับผมความโรแมนติกมันไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับบรรยากาศเสมอไป จะเป็นที่ไหนก็ได้ขอแค่เรานั่งกินกับคนที่เรารักแค่นั้นมันก็ดีต่อหัวใจสุดๆแล้ว..
จากเหตุการณ์มื้อค่ำ ทำให้คืนนี้ผมเข้านอนด้วยความสุขใจ แต่แล้วความสุขใจก็แปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน!!
“พู่กัน หลับยัง”
“ยัง”
“มึงบอกว่ากูเป็นพ่อบ้านที่ดีใช่ป่ะ”
“อืม ใช่”
“แต่กูว่า..กูยังทำหน้าที่บกพร่อง”
“ยังไง”
“พ่อบ้านที่ดีต้องเก่งทั้งเรื่องงานบ้าน งานครัวและ..เรื่องบนเตียง”
“...”
“ตั้งแต่กลับมาจากเสม็ดเรายังไม่ได้อึ๊บกันเลย..รู้มั้ยพ่อบ้านใจจะขาดแล้ว อีกอย่างใกล้จะเปิดเทอมแล้วด้วยถ้าอึ๊บตอนนี้มึงหายทันก่อนเปิดเทอมแน่นอน คืนนี้ขอนะครับ” .
ในขณะที่ปากมันร้องขอหาเหตุผลมาร้อยแปด แต่มือมันลูบไล้เข้ามาใต้เสื้อของผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วยังไงล่ะ..ระทวยสิครับ
ถ้าจะให้พูดความจริงผมก็ต้องการมันเหมือนกัน..ใช่มันคนเดียวซะที่ไหนที่ใจจะขาด!!
และแล้ว..และแล้วภาพก็ตัดไปที่โคมไฟหัวเตียง เป็นอันรู้กันนะครับ อ่าาา
TBC.………………………………………………………..
มาแล้ววว ช่วงนี้มาลีป่วยค่ะแต่ใจสู้สุดๆ ถอดสายน้ำเกลือปุ๊บรีบมาปั่นบทนี้ทันที
ตามจริงแล้วต้องเป็นคิวของฝรั่งใจ #พี่เบิ้มป้านด แต่ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลในหัวคิดแต่เรื่องแผ่นดินพู่กัน เลยแอบลัดคิวลงเรื่องนี้ก่อน แฮะๆ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ^^