++ Love me Love my cat ++ บทที่22 ที่ใดในโลก (ตอนจบ) [23-12-19] *P.5
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ++ Love me Love my cat ++ บทที่22 ที่ใดในโลก (ตอนจบ) [23-12-19] *P.5  (อ่าน 35848 ครั้ง)

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
“นอนพักก่อนนะ มึงคงเหนื่อย” ไอ้ดินบอกผมหลังจากเราขนสัมภาระเข้ามาในห้องของมันเรียบร้อยแล้ว


“ไม่เหนื่อย กูนอนมาเยอะแล้ว มึงนั่นแหละที่ควรพัก เดี๋ยวกูนวดให้เอามั้ย เซอร์วิสพิเศษ”


“มีเซอร์วิสที่พิเศษมากกว่านวดมั้ย” สาตาวาววับเกิ๊น  จิ้มตาบอดแม่ง!


“ไม่มี! นี่พิเศษสุดแล้ว จะนวดไม่นวด”


“นวดดีเดี๋ยวป๋ามีรางวัล” ดูจากสาตาของป๋าแล้ว..รางวัลนั้นช่างน่ากลัว!


     บ่าของไอ้ดินนั้นค่อนข้างแข็ง คงจะเมื่อยพอดู ระยะทาง641กิโลเมตร พลขับมือวางอันดับสองอย่างผมได้ขับแค่ประมาณ70กิโลเมตร ผมอยากขับอยากให้ไอ้ดินได้พักบ้างแต่มันไม่ยอมให้ผมขับด้วยเหตุผลที่ว่าผมไม่ชินทางเท่ามันนั่งเป็นดอกไม้หน้ารถเคียงคู่มันก็พอ!  ระยะทางอีก571กิโลเมตรจึงเป็นหน้าที่ของพลขับมือหนึ่งอย่างไอ้ดิน


“พอแล้วล่ะ หายเมื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย” ไอ้นี่ก็เวอร์ กูไม่ใช่หมอนวดเทวดาสักหน่อย


“มึงก็นอนพักดิ”


“แล้วมึงจะทำอะไร เบื่อรึป่าว”


“กูจะอ่านหนังสือ” ถึงปิดเทอมยังไงก็ต้องอ่านหนังสือครับ เรียนหมอนี่ไม่ง่ายเลย ถึงจะเป็นหมอสัตว์ก็ตาม


“งั้นเดี๋ยวป๋าให้รางวัลพาไปอ่านหนังสือในที่ดีๆ ป่ะไปกัน”


“เดี๋ยว ใจเย็นให้กูหยิบหนังสือก่อน” ปุ๊บปั๊บอะไรของมัน






“นั้งดีๆเดี๋ยวตก” ไอ้ดินหันมาเอ็ดผมแบบไม่จริงจังนะเพราะผมนั่งซ้อนท้ายจักรยานโดยหันหลังให้กับไอ้ดิน พิงศีรษะกับแผ่นหลังของมันอย่างสบายใจ
 

“ไม่ตกหรอกน่า ออกรถได้โชเฟอร์” จักรยานญี่ปุ่นคันสีขาวที่ตะกร้าหวายหน้ารถอัดแน่นไปด้วยตำราเรียนของผม มีน้ำและขนมอีกเล็กน้อย ส่วนจุดหมายปลายทางที่ไอ้ดินมันจะพาไปนั้นไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะพาไปไหน ถึงบอกผมก็ไม่รู้อยู่ดี เพราะแปลกที่แปลกทางตอนนี้รู้สึกหลงทิศไปหมด ถ้ามันพาผมไปปล่อยผมคงหาทางกลับไม่เจอแน่ๆ
 
จักรยานสีขาวค่อยๆพาเราลัดเลาะไปตามทางเล็กๆที่สองข้างทางเป็นโรงเรือนดอกเบญจมาศและดอกกล้วยไม้ที่บานสะพรั่งสีสันสวยงามและบรรยากาศโดยรอบต็มไปด้วยผีเสื้อตัวเล็กจิ๋วสีขาวนวลที่กำลังบินว่อนไปทั่วบริเวณ
มองแล้วรู้สึกเพลินตา..บรรยากาศดีชะมัด

เมื่อผ่านโรงเรือนดอกไม้ก็จะพบกับโรงเรือนองุ่นที่ห้อยเป็นพวงระย้าสวยน่ากิน

“มึงอยากกินองุ่น”


“ได้สิ” แล้วไอ้ดินก็จอดจักรยานอยู่ที่หน้าโรงเรือนองุ่นซึ่งไม่รู่ว่าสายพันธู์อะไร แต่มันดูน่าอร่อย


“พู่มึงอยู่นิ่งๆนะ”


“อะไร?”


“น่า อย่าพึ่งขยับ” แล้วไอ้ดินล่วงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดถ่ายรูปผมด้วยสายตาอ่อนโยน
..อะไรของมันอยากถ่ายรูปก็ไม่บอก ผมเลยยิ้มแฉ่งชูสองนิ้วให้ซะเลย


“ขยับได้รึยัง”


“อื่อได้ละ อ่ะดูนี่” แล้วมันก็ยื่นมือถือที่ในนั้นมีรูปผมที่เพิ่งถ่ายเมื่อกี้ให้ดู


“เฮ้ย! ตอนนี้มันไปรึยัง” ผมหมายถึงผีเสืื้อตัวเล็กสีขาวนวลตัวนึงที่มันเกาะอยู่บนหัวผม..ไม่รู้สึกตัวเลยแฮะ


“ยังไม่ไปสงสัยมันจะชอบมึง ดูๆไปก็เหมือนมึงติดกิ๊ฟรูปผีเสื้อเลยนะ” พูดซะตุ๊ดเลยกู


“ใครว่ากิ๊ฟติดผม นี่ทูตประจำตัวกูต่างหาก” ผมใช้หน้าจอมือถือส่องดูบนหัว เจ้าผีเสื้อน้อยยังเกาะอยู่ที่เดิม..ดีจัง


“ดูการ์ตูนมากไปป่ะ”


“อิจฉาล่ะสิ”


“หึ เด็กน้อย” แล้วมันก็ขยี้หัวผมเบาๆ ส่งผลให้เจ้าผีเสื้อน้อยบินหนีไป


“มึง ทูตกูบินหนีเลย มึงอิจฉากูจริงๆใช่มะ”


“อืม อิจฉา เพราะกูต่างหากที่เป็นทูตของมึง” มันพูดพร้อมกับโน้มหน้าลงมาจูบบริเวณที่ผีเสื้อน้อยเกาะอยู่เมื่อครู่..เพราะน้ำเสียงและสัมผัสที่อ่อนโยนหรือเป็นเพราะบรรยากาศกันแน่นะที่ทำให้หัวใจผมพองโตอย่างน่าอัศจรรย์ ใครว่าเป็นแฟนกันแล้วความหวานจะลดลง ทฤษฎีนี้ใช้กับไอ้ดินไม่ได้หรอก



‘ อยากหอม ทุกครั้งที่เธอชิดใกล้
กลิ่นกายของเธอช่างมีความหมาย
และตรึงติดภายในใจข้างใน ลึกเข้าไป ’


  ฮัมพลงแบบนี้ คุ้นๆมั้ยครับ แล้วแม่งต้องจอดรถแล้วทำอะไรบ้าๆกับกูแน่

“ไอ้ดินมึงปั่นต่อไปเลยนะแล้วอย่าคิดจอดทำอะไรหื่นๆเหมือนตอนเช้าล่ะ” ต้องดักคอมันไว้ก่อน ว่าแต่มันคงชอบพี่โป้ โยคีย์ เพลย์บอยมากแน่ๆ เพลงที่มันฮัมแต่ละเพลงของพี่โป้ทั้งนั้น เพลย์ลิสต์ที่ฟังในรถอีกน่าจะทุกอัลบั้มของโยคีย์ เพลย์บอย


“ฮ่าๆ รู้ทัน กูไม่ทำอะไรหรอกน่า คืนนี้มีเวลาอีกถมเถ” ทำอะไรมันไม่ได้เลย เกลียดนัก


“ยังไม่ถึงอีกเหรอ มึงจะพากูไปอ่านหนังสือในป่ารึไง” ผมกินองุ่นเกือบหมดพวงก็ยังไม่ถึงที่ที่ไอ้ดินจะพามาสักที และตอนนี้สองข้างทางก็เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่รกทึบดูยังไงก็ป่าชัดๆ


“ใกล้ถึงแล้ว”

     หืม เสียงอะไร? เหมือนเสียงน้ำไหล ศีรษะของผมที่พิงหลังของไอ้ดินอยู่ค่อยๆเอียงหูฟังอย่างตั้งใจกับเสียงที่ได้ยินมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่นานนักจักรยานสีขาวก็หยุดอยู่กับที่ ผมรีบกระโดดลงจากเบาะท้ายของจักรยานแล้วหันหน้าไปยังที่มาของเสียงที่ได้ยิน


ว๊าว สุดยอด ข้างหน้าผมเป็นลำธารเล็กๆที่มีน้ำไหลเอื่อยๆ น้ำใสแจ๋วเดาว่าน้ำคงจะต้องเย็นเจี๊ยบแน่ๆ  ไอ้ดินแม่งโชคดีชะมัด ที่โตมาในบรรยากาศที่ดีสุดๆแบบนี้


“มานั่งนี่สิ” เฮ้ย มีชิงช้าด้วยผมรีบเดินไปนั่งข้างไอ้ดินด้วยความตื่นเต้น


“ดีอ่ะ ไม่คิดว่าจะมีที่แบบนี้ด้วย”


“ชอบมั้ย”


“โคตรชอบอ่ะ ครั้งก่อนไม่เห็นพากูมาเลย”


“ครั้งก่อนเพื่อนมาเยอะไง กูอยากให้ที่นี่เป็นที่พิเศษสำหรับเรา”


“หืม หมายความว่าพวกไอ้หมีไม่เคยมาที่ตรงนี้เหรอ” ที่พิเศษสำหรับเรางั้นเหรอ ดีจัง โอย..หุบยิ้มไม่ได้เลย


“อืม ตอนเด็กๆกูชอบมาเล่นตรงนี้ พอโตมาหน่อยที่ตรงนี้ก็เป็นที่อ่านหนังสือประจำ ความเย็นและเสียงน้ำไหลมันทำให้มีสมาธิอย่างน่าประหลาด กูก็เลยหวงที่ตรงนี้น่ะไม่อยากให้ใครเข้ามายกเว้นมึงคนเดียวเพราะมึงคือคนพิเศษ”


“ขอบคุณนะ” แล้วสัมผัสอ่อนโยนก็ประทับลงมาที่หน้าผากของผมอย่างแผ่วเบาแต่ทว่ามันอบอุ่นไปถึงขั้วหัวใจ


     ผมนั่งอ่านหนังสือที่ชิงช้าไม้ตัวยาวด้วยสมองที่ปลอดโปร่งสุดๆ ส่วนไอ้ดินก็นั่งพิงกับต้นไม้ใหญ่ทอดสายตาไปยังลำธารยาวที่ไม่รู้ว่าจุดจบมันอยู่ที่ไหน หน้าด้านข้างของมันนี่เท่ดีแฮะ นี่ไม่ได้อวยแฟนตัวเองนะ!

แล้วเสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้นมาไม่หยุดหย่อนทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ และมองไปยังที่มาของเสียงที่ตอนนี้กำลังนั่งกดมือถือยิกๆ


“คุยกับใคร?”


“ไอ้หมีน่ะ มันชวนไปร้านในเมืองเย็นนี้กลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนเก่านัดกัน แต่กูไม่ไปหรอก”


“อ้าวทำไมไม่ไปล่ะ นานๆจะเจอเพื่อน”


“กูไม่อยากให้มึงเหนื่อย เดินทางมาทั้งวันแล้ว”


“กูไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย กูก็อยากเจอเพื่อนมึงเหมือนกัน” นอกจากไอ้หมีและไอ้สมใจ ผมก็ไม่รู้จักเพื่อนคนอื่นของมันเลย


“กูก็อยากให้เพื่อนกูรู้จักมึงเหมือนกัน แต่กูห่วงมึงไง”


“มึงห่วงกูมากเกินไปล่ะ เอาเป็นว่าตกลงไปนะ”


“อืม ตามนั้น งั้นกลับบ้านกันแสงเริ่มจะหมดละ”


“โอเค”


     ตะวันบ่ายคล้อยแสงสีส้มยามเย็นทอแสงเป็นประกาย ผีเสือน้อยที่โบยบินเริ่มหาที่เกาะตามยอดหญ้าเป็นที่พักพิงชั้นดีเพื่อรอยคอยแสงตะวันในวันรุ่งขึ้น ส่วนที่พักพิงชั้นดีสำหรับผมก็นักปั่นน่องเหล็กคนนี้นี่ไง!
     





     สองทุ่มตรง ร้านอาหารกึ่งบาร์ในตัวเมืองโคราชที่ไอ้ดินพามาคึกคักไปด้วยผู้คนที่มาฉลองวันศุกร์แห่งชาติที่รอมาทั้งสัปดาห์

“ไอ้ดิน ไอ้พู่ทางนี้” ไอ้หมีแหกปากตะโกนเรียกผมกับไอ้ดินพร้อมกับโบกมือให้อย่างดี๊ด๊า

ในโต๊ะมีผู้ชายทั้งหมดห้าคนนอกจากไอ้หมีและไอ้สมใจอีกสามคนผมก็ไม่รู้จักใคร

“หวัดดีเพื่อน” ผู้ชายอ้วนใส่แว่นทักไอ้ดินก่อนคนแรก


“หวัดดีไอ้หมู พวกมึงนี่พู่กันแฟนกู” มีอึ้งกันไปเล็กน้อยที่จู่ๆก็เปิดตัวผมด้วยคำว่าแฟน ผมก็ไม่คิดว่ามันจะแนะนำกันโต้งๆขนาดนี้ ..ทำตัวไม่ถูกแฮะ


“หวัดดี" ผมโบกมือทักทายทุกคนที่อยู่ในโต๊ะ


“หวัดดีพู่กันเราชื่ออ๊อฟ ยินดีที่ได้รู้จัก” อ๊อฟคือหนุ่มหน้าตี๋ พิมพ์นิยมของสาวๆในยุคนี้เลย


“ส่วนเราชื่อเกมส์ พู่กันนี่ห้าสวยสมคำเล่าลือจริงๆ” ส่วนเกมส์หนุ่มหัวฟู ไม่รู้ว่าฟูธรรมชาติหรือว่าตั้งใจกันแน่ แต่รับรู้ได้ถึงความกวนตีนอย่างเปี่ยมล้น


“อย่าแม้แต่จะคิดนะไอ้เกมส์” ไอ้ดินตอบหน้านิ่ง


“แหม๋ ชมนิดชมหน่อยทำหวง”


“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งตีกันให้กูแนะนำตัวก่อน เราชื่อหมูยินดีที่ได้รู้จักครับ” ส่วนหมูก็หมูสมชื่อจริงๆ


“หวัดดีทุกคนเราชื่อพู่กันนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมแนะนำตัวเองอีกครั้ง


     หมู อ๊อฟ เกมส์เป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกันกับไอ้ดิน ไอ้หมีและไอ้สมใจทั้งสามคนต่างก็ไปเรียนต่อที่กรุงเทพ
ปิดเทอมถึงจะได้รวมตัวกันแบบนี้ แต่ถ้าสังเกตดีๆบนโต๊ะมีแก้วและจานอีกชุดที่ใช้แล้ว แต่ไม่เห็นเจ้าของ หรือว่าจะมีเพื่อนอีกหนึ่งคน แล้วความสงสัยก็หายไปในบัดดล เมื่อผู้หญิงน่ารักโคตรๆคนหนึ่งสวมเดรสสั้นสีฟ้าเดินมานั่งที่ว่างข้างๆไอ้เกมส์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับผม เมื่อเธอเห็นไอ้ดินสายตาเธอก็ลุกวาวขึ้นทันที

“พี่ดิน สวัสดีค่ะ ไม่คิดว่าพี่ก็มาด้วย ดีใจจังที่ได้เจอ เออแล้วคนข้างๆพี่..”


“หวัดดีครีม นี่พี่พู่กันแฟนพี่เอง”


“แฟน!” ผมคร่อมศีรษะเป็นเชิงทักทาย ถึงปากเธอจะยิ้มให้แต่รู้สึกว่าสายตาที่มองมาของเธอมันดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่..


“อึดอัดรึป่าว” ไอ้ดินกระซิบถามผมใกล้ๆ


“ไม่นะ ฟังเพื่อนมึงคุยกันแล้วก็สนุกดี” ในโต๊ะทุกคนคุยกันอย่างออกรสออกชาติเหมือนไม่ได้เจอกันเป็นชาติ ผมที่ไม่ค่อยรู้เรื่องที่พวกมันคุยกันเลยได้แต่นั่งฟังเพลินๆ ส่วนไอ้หมีกับไอ้สมใจที่นั่งอีกด้านหนึ่งของผมก็ชวนคุยเป็นพักๆ พวกมันก็คงจะกลัวผมอึดอัดเหมือนกัน  แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆก็คงอึดอัดกับสายตาของผู้หญิงคนเดียวในโต๊ะที่มองผมเหมือนจะจิกกัด..หรือกูเผลอเหยียบตีนน้องเขาวะ!


“กูไปห้องน้ำ เดี๋ยวมานะ” ผมหันไปบอกไอ้ดินที่กำลังขำกับเรื่องเล่าสมัยวัยเรียนมัธยมของพวกมัน


“ให้กูพาไปมั้ย”


“ไม่ต้อง กูไปเองได้น่าโตแล้ว”

ไอ้นี่ก็ห่วงผมเกิ๊น ทำอย่างกับผมเป็นเด็กห้าขวบ





“พี่พู่ ครีมขอคุยด้วยหน่อยค่ะ” อะไรกัน? ตามมาถึงหน้าห้องน้ำชาย


“ว่าไงครับน้องครีม”


“ครีมแค่อยากรู้ว่าพี่พู่ทำยังไงผู้ชายเพอร์เฟคอย่างพี่ดินถึงตกหลุมผู้ชายแบบพี่”  อะไรของน้องเขาวะ


“พี่ไม่เข้าใจ?”


“ครีมเป็นแฟนเก่าของพี่ดิน เราเคยบกัน”


“แล้ว?” บอกกูเพื่อ!


“ก็ไม่..” เธอไม่ทันพูดจบประโยคผมก็เห็นสายตาเธอชำเลืองไปทางด้านหลังผม ก่อนจะทำการใหญ่โดยการตบหน้าตัวเอง!!


“เฮ้ย! น้อง”


“พู่ทำอะไร” อ่อ อย่างนี้นี่เองที่ชำเลืองมองเมื่อกี้ก็คงเห็นไอ้ดินสินะ เยี่ยม!


“พี่ดิน ช่วยครีมด้วยค่ะ” แล้วน้องนางก็ปรี่ไปซบอกไอ้ดิน


“เป็นอะไรน้องครีม ทำไมเลือดออกล่ะ” ไอ้ดินประคองน้องครีมแล้วพูดด้วยความตกใจ ก่อนจะมองหน้าผมเหมือนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น


“ครีมบอกพี่พู่ว่าครีมเป็นแฟนเก่าพี่ดิน แล้วจู่ๆพี่พู่เค้าก็ตบหน้าครีม” เอาออสก้าไปเลยจ้า บีบน้ำตาอย่างกะสั่งได้ไปเป็นนักแสดงท่าจะรุ่ง แถมแรงดีตบหน้าตัวเองจนปากแตก นี่ถ้าเป็นนักแสดงแล้วไม่รุ่งแนะนำให้ไปเป็นนักวอลเลย์บอล!


“จริงเหรอพู่กัน” น้ำเสียงที่เข้มขึ้นไม่ต่างกับใบหน้าที่ดูผิดหวัง  แต่นั่นมันทำให้ผมผิดหวังมากกว่า อย่าบอกนะว่ามึงเชื่อ?


“มึงคิดว่าคนอย่างกูจะตบหน้าผู้หญิงเพียงเพราะเหตุผลแค่นี้น่ะเหรอ มึงน่าจะรู้จักกูดีนะ”


“มึงจะบอกว่าน้องเขาตบหน้าตัวเองงั้นสิ” คำพูดและสีหน้าของมึงตอนนี้ก็เหมือนกำลังตบหน้ากูเหมือนกัน


“มึงเลือกเอาเองละกันว่ามึงจะเชื่อใคร แต่ถ้ามึงไม่เชื่อกู กูบอกได้คำเดียวว่ากูโคตรผิดหวังในตัวมึง”


"กูต่างหากที่ผิดหวังกับสิ่งที่มึงทำลงไป”


เหมือนฟ้าผ่าลงมาที่กลางใจ ทั้งคำพูดและสายตาของไอ้ดินที่มองผมตอนนี้มันทำให้ผมเจ็บ  เจ็บจนหายใจไม่ออก

            ที่ผ่านมาไอ้ดินมันไม่เคยเชื่อใจผมเลย ไม่เคยเลยจริงๆ



  TBC.

…………………………………………………………………………


แผ่นดินของเรามีทักษะเป็นเลิศหลายด้านเนอะ ไม่ว่าจะเป็นพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง มือตำอันดับหนึ่งแขนจักรกล พลขับมือวางอันดับหนึ่ง นักปั่นน่องเหล็ก  คาดว่าคงจะมีเพิ่มอีกบลาๆตามแต่อิคนเขียนผีบ้ามันจะสรรหามาให้

ว่าแต่..ใครต้มมาม่า!!
  :a5:


 ปล. เพลงพี่โป้ เพราะๆ
 อยากมองเธอในแง่ร้าย https://www.youtube.com/watch?v=G16_V6SGRCc

คืนนี้ขอหอม https://www.youtube.com/watch?v=6AOGxpfgVao
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2018 14:50:32 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :m16: :m16: :m16: ยังไม่ทันไรเรื่อล่มซะแล้ว  :fire: กลับบ้านเรา อย่าอยู่เลย เซ็งแระ  :m16: :m16: :m16:

ออฟไลน์ skykick

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0


 ไม่เอามาม่า   :serius2:





ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :m31: ถ้าไมไม่เชื่อกันอย่างนี้ก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว  :m31:  :m31: โกรธพ่นไฟเผาเลย  :m31:

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ครึ่งวันเต็ม ๆ กับ 15 บทแรก
มีความสุขมากกกกกกกกกกกกกกก
ชอบเรื่อง ชอบสมาชิกทั้งสองครอบครัว ชอบเพื่อน ๆ

แล้วมันคืออะไรกับบทที่ 16
โฮ ... ไม่น่าอ่านก่อนเลย
น่าจะรอให้จบก่อนนนนนนนนนนนนนนนน  :ling1:

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
มันเกิดอะไรขึ้นทำไมดินง่าวอย่างนี้ละ  :m31: :m31: :m31: 

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อย่าดราม่านะ...............ทำไมดินง่าวจัง เชื่อชะนี

ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
บทที่ 17  ที่รัก..ผมขอโทษ



     

     ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล และฝืนพาร่างตัวเองไปยังโต๊ะด้วยขาที่อ่อนแรง

“กู๊ด” ผมเรียกไอ้หมีและบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น 

ไอ้หมีมองผมด้วยสีหน้าตกใจปนสงสัยเพราะถ้าผมเรียกชื่อเล่นจริงๆของมันเมื่อไหร่ นั้นแปลว่าผมไม่ไหวแล้วจริงๆ

“กลับมั้ยมึง ไปค้างบ้านกู” ไม่มีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นมันรับรู้ได้ว่าผมต้องการออกจากที่ตรงนี้ ผมไม่ปฏิเสธพยักหน้าตกลงในทันใด


“พู่กัน” ผมไม่สนคำเรียกของไอ้ดิน เดินออกจากร้านโดยไม่ได้ล่ำลาใครอาจจะเสียมารยาทแต่ถ้าผมอยู่ต่อแม้วินาทีเดียวน้ำตาที่กลั้นไว้คงไหลออกมา

   เมื่อประตูรถปิดลงน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ล่วงหล่นทันที ไม่มีคำพูดใดออกจากปากไอ้หมีมันคงรู้ดีว่าตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะพูด มันเลยปล่อยให้ผมร้องไห้จนสาแก่ใจ

“หมี! จอดรถ กูจะอ้วก” ความรู้สึกปั่นป่วนมวนท้องจู่โจมขึ้นทันทีเมื่อสมองนึกถึงสีหน้าและน้ำเสียงของไอ้ดินนั่นทำให้ผมคิดมากและส่งผลให้ผมอ้วกออกมาในที่สุด..และซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ได้เมา ผมดื่มไปไม่ถึงสองแก้วด้วยซ้ำ


“อ้วกกกกก”  ทรมาน..


“พู่ มึงโอเคมั้ยวะ” ไอ้หมีลูบหลังให้ผมถามด้วยความเป็นห่วง ถ้าจะบอกว่าโอเค ผมคงโกหก


“กูไม่โอเค  มึงกูไม่โอเค” ผมปล่อยโฮออกมาอีกครั้งพร้อมทรุดนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง  สีหน้าและน้ำเสียงผิดหวังของไอ้ดินยังคงชัดเจนในความรู้สึก        เจ็บ..เจ็บจนลุกขึ้นยืนไม่ไหว


“กูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่มึงใจเย็นๆก่อนนะ กูเห็นมึงเป็นขนาดนี้แล้วกูก็ไม่โอเคว่ะ” ไอ้หมีกอดผมที่เนื้อตัวสั่นโยนพร้อมกับปลอบประโลม ความห่วงใยจากเพื่อนยิ่งทำให้น้ำตาผมไหลไม่หยุด


  นั้นน่ะสิ ทำไมผมถึงเสียใจได้ขนาดนี้ คงเพราะรัก ผมรักมันมากจริงๆ  เมื่อรักมากก็เจ็บมากเมื่อมันมองผมในแง่ร้าย




“มึงพร้อมจะเล่าให้กูฟังได้ยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ไอ้หมีถามขึ้นเมื่อรถเคลื่อนตัวอีกครั้งและน้ำตาของผมก็หยุดไหลแล้ว


“น้องครีมมารอกูที่หน้าห้องน้ำ แล้วก็บอกกูว่าเป็นแฟนเก่าไอ้ดิน ตอนแรกกูก็ไม่เข้าใจว่าน้องเขาต้องการอะไร และเหมือนน้องจะเห็นไอ้ดินเดินมาพอดี ก็เลยตบหน้าตัวเองเพื่อสร้างสถานการณ์ว่ากูคือผู้ร้าย”


“ฮะ! ตบหน้าตัวเองเนี่ยนะ”


“อืม พอไอ้ดินเข้ามาก็ฟ้องว่ากูเป็นคนตบหน้าน้องเขา น้องเขาเรียนเอกการละครรึป่าววะ แม่งเล่นเนียนฉิบหาย แถมยังตบปากตัวเองแหกสมกับโดนผู้ชายตบอีกต่างหาก” หึ คิดแล้วก็อยากจะหัวเราะเยาะตัวเอง


“แล้วไง ไอ้ดินก็เชื่อว่ามึงเป็นคนตบงี้เหรอ”


“ก็ใช่น่ะสิ กูบอกว่ากูไม่ได้ทำ แถมยังย้อนกูอีกว่าน้องเขาตบหน้าตัวเองรึไง แต่ที่กูเสียใจคือมันพูดว่ามันผิดหวังในตัวกู แสดงว่ามันเชื่อแบบนั้นจริงๆ ถ้ามึงเป็นไอ้ดินมึงจะคิดยังไง?”


“เฮ้อ มันก็พูดยากว่ะ แว๊บแรกก็อาจจะคิดว่ามึงตบอ่ะนะ แต่มันก็ต้องเคลียร์กันอีกทีไง ยิ่งคนตรงอย่างไอ้ดินแล้วมันมีสิทธิ์ที่มันจะคิดแบบนั้นในตอนแรก แต่เชื่อดิว่าลึกๆแล้วไอ้ดินก็คงไม่ปักใจเชื่อหรอกว่ามึงเป็นคนทำ ตอนนี้มันก็คงหาหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ให้มึงอยู่ในฐานะที่กูเป็นเพื่อนกับมันมาเกือบสิบปีกูเชื่ออย่างนั้นนะ ตอนนี้มึงอย่างเพิ่งคิดมากเดี๋ยวก็เครียดจนอ้วกอีกกูเห็นแล้วใจไม่ดีว่ะ”


   ..ลึกๆมันเชื่อกูงั้นเหรอ?   มันเป็นแบบที่มึงคิดก็ดีสิหมี..





    ผมถึงบ้านไอ้หมีเกือบห้าทุ่ม โดยเจ้าของบ้านเข้านอนกันหมดแล้ว ถือว่าโชคดีเพราะสภาพผมตอนนี้คงไม่เหมาะที่จะทักทายใครสักเท่าไหร่ กลิ่นอ้วกที่เหม็นติดตัวกับร่างที่อ่อนล้าผมจึงไม่ขัดเมื่อไอ้หมีมันบอกให้ผมไปอาบน้ำ 

สายน้ำช่วยให้หัวใจอันหนักอึ้งเบาบางลงได้บ้าง ผมพยายามคิดทบทวนกับเรื่องบ้าๆที่เกิดขึ้น ลองคิดในทางกลับกันถ้าผมเป็นไอ้ดินในสถานการณ์นั้นผมจะคิดยังไง เอาเข้าจริงๆแว๊บแรกผมก็คงคิดไม่ต่างกับไอ้ดิน    ผมพอจะเข้าใจมันจริงอย่างไอ้หมีว่ายิ่งคนตรงอย่างไอ้ดินมันก็คงไม่เมคเซ้นเท่าไหร่ที่น้องครีมจะตบหน้าตัวเอง   
แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องทำสีหน้าผิดหวังแบบนั้นกับผมด้วย มันเหมือนปักใจเชื่อแบบนั้นจริงๆ และนั้นคือสาเหตุที่ทำให้ผมเสียใจในตอนนี้




.....................................................


 
      แผ่นดิน


     หัวใจผมแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นคนที่ผมรักนอนร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน ยิ่งไอ้หมีบอกว่าพู่กันเครียดจนอ้วกนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด ใช่ครับ..ผมผิดเอง ผิดที่ใช้คำพูดทำร้ายจิตใจคนที่ผมรักจนส่งผลให้เขาเสียใจได้มากขนาดนี้  ไม่ใช่ผมไม่เชื่อใจพู่กันแต่สถานการณ์ตอนนั้นผมพูดตามสิ่งที่เห็นโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีซะก่อน..นั้นแหละครับ ผมผิดเอง ผิดทุกอย่าง ผิดที่คิดน้อยไป
ตอนที่พู่กันเดินออกจากร้าน เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าผม นั้นทำให้หัวใจผมชาวาบ ความกลัวที่จะสูญเสียเขาไปเกาะกุมไปทั้งหัวใจ ..ผมมันงี่เง่าสิ้นดี


     เมื่อเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยความจริงกระจ่างว่าพู่กันบริสุทธิ์ เป็นอย่างที่พู่กันบอก น้องครีมตบหน้าตัวเองจริงๆ ซึ่งเหตุผลก็ไร้สาระสิ้นดีเพียงแค่อิจฉาแล้วต้องการเรียกร้องความสนใจจากผม ระหว่างผมกับน้องครีมเราคบกันไม่นานและเราก็เลิกกันนานแล้วแต่ยังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน น้องครีมไม่น่าทำแบบนี้ เพราะผมคงอยู่ในฐานะพี่ชายอีกต่อไปไม่ได้ ต่อจากนี้เราคงเป็นได้แค่เพียงคนรู้จักกันเท่านั้น

     ผมรีบตามมาหาพู่กันที่บ้านไอ้หมีทันที ผมเป็นห่วง อยากอธิบาย อยากขอโทษในสิ่งที่พูดออกไป อยากกอดอยากสัมผัสว่าผมขอโทษและรักเขามากแค่ไหน



    ร่างที่นอนสะอื้นทำให้ผมทนยืนดูไม่ไหว ผมค่อยๆซุกตัวลงในผ้าห่มของคนตัวบางสวมกอดร่างนั้นด้วยความรู้สึกผิดที่มี ถ่ายทอดความรู้สึกลงไปในสัมผัส ไม่มีคำพูดใดๆจากพู่กันแต่แรงสะอื้นนั้นค่อยๆแผ่วลง   ผมจูบซับกลางกระหม่อมอย่างแผ่วเบาสัมผัสเย็นของเส้นผมที่ฉาบไปด้วยไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ ทำให้หัวใจผมหนาวเหน็บเพราะพู่กันนิ่งมาก มากจนไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่..

     น้ำตาของผมค่อยๆไหล มันเป็นน้ำตาของคนที่สำนึกผิด เป็นน้ำตาของคนขาดกลัวที่จะสูญเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ยิ่งนึกภาพสีหน้าผิดหวังและเสียใจของคนในอ้อมกอดนั่นยิ่งทำให้น้ำตาผมยิ่งไหล  ผมทำให้คนที่ผมรักเสียน้ำตา ผมผิดจนไม่น่าให้อภัยแต่คนผิดคนนี้ก็ยังต้องการการให้อภัยสักครั้ง เพราะผมคงทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียพู่กันไป

     เหมือนคนในอ้อมกอดจะรู้สึกถึงหยาดน้ำตาที่หยดสัมผัสโดนตัว  แต่ก็ยังไม่มีคำพูดใดๆ พู่กันค่อยๆพลิกตัวหันมาจากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วที่เย็นเฉียบปาดน้ำตาที่ไหลรินออกให้ผมด้วยมือที่สั่นเทา..

    แสงจันทร์ที่สาดแสงสลัวเข้ามาในห้องที่มืดมิดทำให้ผมเห็นดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาจากนั้นมันก็ค่อยๆไหลอาบแก้มช้าๆ หัวใจผมชาวาบอีกครั้งราวกลับความรู้สึกผิดนี้มันลายล้อมอยู่รอบตัว ผมค่อยๆจูบซับน้ำตาของพู่กันออกให้อย่างอ่อนโยนเพื่อเป็นการสื่อว่าผมขอโทษและผมรักเขา


“ขอโทษ ดอกไม้กูขอโทษ อย่าหนีกูไปไหนนะ ยกโทษให้กูนะ กูรักมึง” คำพูดพรั่งพรูออกมาจากความรู้สึกผิดที่มี 
ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของพู่กัน มีเพียงแต่เรียวแขนที่โอบกอดผมและซุกหน้าลงมาในอ้อมอก
..แต่แค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว การไม่ผลักไสเท่ากับการให้อภัย หัวใจผมอุ่นขึ้นมาอีกครั้งและสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้พู่กันเสียน้ำตาอีกเด็ดขาด เพราะถ้าเป็นแบบนั้นผมคงไม่ให้อภัยตัวเอง..









“อรุณสวัสดิ์” ผมทักทายพร้อมกับจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบาของคนในอ้อมกอด   ผมตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง จะว่าตื่นก็ไม่เชิงเพราะผมนอนไม่ค่อยหลับสักเท่าไหร่


“ตื่นแล้วเหรอ” พู่กันทักด้วยน้ำเสียงงัวเงีย  สงสารจับใจ ดวงตาเรียวสวยตอนนี้มันบวมแดงไปหมด


“ขอโทษนะดอกไม้” ผมเอ่ยขอโทษพร้อมกับเเตะขอบตาที่บวมซ้ำอย่างแผ่วเบา


“มึงก็ร้องไห้เหมือนกัน ” แล้วพู่กันแตะลงมาที่ขอบตาของผมเบาๆ ด้วยสีหน้าเหมือนจะสงสารแต่ก็สมน้ำหน้าอยู่ในที


“รักมึงนะ” มันคือคำพูดที่ผมอยากบอกเขามากที่สุด


“ทำไมถึงยอมเชื่อกูได้ล่ะ ว่ากูไม่ได้ทำ” ไม่รู้ว่าสีหน้าพู่กันตอนนี้เป็นอย่างไรเพราะเจ้าตัวซุกหน้าอยู่กับอ้อมอกของผมไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา


“ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่เอาเหอะพูดไปก็เหมือนกูแก้ตัว กูขอโทษจริงๆที่พูดทำร้ายจิตใจมึง คือกูตั้งใจจะขอดูกล้องวงจรปิด เพราะลึกๆแล้วกูคิดว่ามึงไม่ได้ทำ” ผมตั้งใจจะเรียกพู่กันไปดูกล้องวงจรปิดด้วยกัน แต่เขาดันเดินหนีผมและกลับไปกับไอ้หมี แถมยังติดต่อไม่ได้อีกต่างหาก แต่ก็ไม่แปลกตอนนั้นเขาคงโกรธผมมาก


“ดูแล้วเป็นไงล่ะ”


“ไม่ได้ดู น้องครีมสารภาพออกมาก่อน” ซึ่งก็เป็นอยากที่ผมคิดไว้ว่าคนที่ทำผิดคงไม่กล้าที่จะเห็นสิ่งที่ตัวเองทำลงไปยังไงก็ต้องสารภาพออกมาเอง


“หึ ตลกดีนะผู้หญิงนี่น่ากลัวชะมัด แต่ที่น่ากลัวกว่าก็ผู้ชายที่ตกหลุมพรางนี่แหละ” แล้วพู่กันก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ..ครับ ผมยอมแล้ว


“โธ่ ยังไม่ได้ตกสักหน่อย ยังไงกูก็เชื่อใจมึงนะ แล้วก็ขอโทษอีกครั้งที่พูดไม่ดีกับมึง” ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากขอโทษเพราะผมรู้สึกผิดจริงๆ


“เอาเหอะๆ เลิกขอโทษได้แล้ว เรื่องมันก็จบไปแล้วถือว่าเป็นบทเรียนทำให้ความรักเราเข้มแข็งขึ้นละกัน สิ่งที่กูกลัวที่สุดคืออะไรรู้มั้ย คือการที่มึงไม่เลือกกู แต่ตอนนี้มึงยังอยู่กับกูแค่นี้มันก็พอแล้ว” หัวใจผมอุ่นวาบขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่พู่กันพูดมันคือสิ่งเดียวกับที่ผมกลัวเหมือนกัน


“กูก็กลัวจะเสียมึงไปเหมือนกัน ขอบคุณนะที่ให้อภัยกู  มึงไม่โกรธกูแล้วนะ”


“อืม”


“รักกันเหมือนเดิมใช่มะ”


“เหมือนเดิมเพราะกูไม่เคยคิดที่จะเลิกรักมึงอยู่แล้ว” คำพูดที่หนักแน่นจริงจัง แต่ทว่าใบหน้าของคนพูดขึ้นสีระเรื่อ มองแล้วช่างน่ารัก ..ผมรู้สึกขอบคุณพู่กันจริงๆที่เขารักผมและให้อภัยในสิ่งที่ผมทำลงไป


“ขอบคุณนะดอกไม้ กูก็ไม่คิดที่จะเลิกรักมึงเหมือนกัน” ไม่มีวันที่ผมจะเลิกรักเขาเช่นกัน มีแต่จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ


      ผมบรรจงจูบลงบนเรียวปากสวยอย่างอ่อนโยน รสจูบนี้เต็มไปด้วยคำขอโทษ คำขอบคุณและคำว่ารักที่ล้นปรี่ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่เร่าร้อนเพราะความโหยหา ตั้งแต่กลับมาจากเสม็ดเราก็ยังไม่มีจังหวะรักที่ลึกซึ้งครั้งที่สอง เพราะพู่กันเพิ่งจะหายเจ็บจากจังหวะรักที่เร่าร้อนในครั้งแรก..ของเรา

  ทุกครั้งที่สัมผัสกันมันยากมากที่จะหักห้ามใจครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมสอดลิ้นตักตวงรสสัมผัสของพู่กันด้วยความกระหาย

“อื่อออ พอแล้วเดี๋ยวไอ้หมีก็เข้ามาเห็นหรอก” พู่กันหอบเล็กน้อยพร้อมกับดันผมให้ออกห่างด้วยน้ำเสียงที่อ่อนระทวย


“มันไม่เข้ามาหรอก” แล้วผมก็ครอบครองเรียวปากนั้นอีกครั้งพร้อมกับลูบไล้ผิวขาวเนียนที่ทำให้ผมคลั่งทุกครั้งที่สัมผัส



“เป็นไง พวกมึ....โอ้วววว นี่กูมาขัดจังหวะอะไรรึป่าว”  ไอ้สัดหมี!


“ทำไมไม่เคาะประตูวะ” พู่กันรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความร้อนรนก่อนจะต่อว่าไอ้คนขัดจังหวะ


“ก็นี่บ้านกู เคาะทำไมให้เมื่อย” ไอ้หมีเดินมานั่งปลายเตียงด้วยหน้าตาตีมึน


“มารยาททราม” พู่กันยังแขวะไอ้หมีไม่เลิก


“ปากดีนะมึง รู้งี้กูปล่อยให้มึงนอนจมกองอ้วกก็ดี”


“ขอโทษนะ” พอนึกถึงภาพพู่กันที่ต้องอ้วกเพราะผมซึ่งคงจะทรมานน่าดู ผมก็อดไม่ได้ที่จะขอโทษอีกครั้ง


“พอแล้วน่า” พู่กันหันมาเอ็ดผมอย่างไม่จริงจังนัก


“ดีกันแล้วก็กลับบ้านกับช่อง” แล้วเจ้าบ้านก็ออกปากไล่ด้วยหน้าตาที่ยิ้มกรุ้มกริ่ม ไอ้หมีเองก็คงจะโล่งใจไม่น้อยที่เห็นผมกับพู่กันเข้าใจกันแล้ว


“ไปกินน้ำเงี้ยวด้วยนะเที่ยงนี้” พู่กันหันไปชวนไอ้หมี ผมคิดว่าพู่กันคงลืมเรื่องทำน้ำเงี้ยวไปแล้วซะอีก


“ไปแน่ แม่งจะฟาดให้เรียบ”




   ก่อนจะขึ้นรถไอ้หมีก็ตามมาพูดด้วยความเป็นห่วง

“มึงอย่าทะเลาะกันอีกนะ แม่งกูใจไม่ดี ยังไงมึงก็เพื่อนรักกูทั้งคู่”


“อืมครั้งนี้กูผิดเอง กูจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเพราะกูก็ใจไม่ดีเหมือนกัน”


“อืม เห็นพวกมึงดีกันกูก็ดีใจ ไปๆกลับๆ” จากนั้นมันก็โบกมือไล่ให้พวกผมขึ้นรถ


“ขอบใจมากนะมึง ตอนเที่ยงมาด้วยล่ะ”


“เออ เจอกันๆ”


     เพื่อนในกลุ่มไอ้หมีถือเป็นเพื่อนที่สนิทกับผมมากที่สุด เราเรียนห้องเดียวกันตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม เพิ่งจะมาแยกกันตอนมหา’ลัย เพราะต่างคนต่างเลือกเรียนคณะที่ตัวเองชอบแต่ถึงอย่างนั้นก็มหา’ลัยเดียวกันอยู่ดี  ด้วยความไกลบ้านความสนิทและความเป็นห่วงเป็นใยในแบบเพื่อนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงไม่แปลกที่มันจะเป็นห่วงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพู่กันเพราะพู่กันก็เป็นเพื่อนรักของมันเหมือนกัน..

จะว่าไปถ้าไม่มีไอ้หมีผมกับพู่กันเราก็คงไม่ได้รักกัน ตอนนี้ผมคงทำได้เพียงชะเง้อมองหาพู่กันที่หน้าบ้านของเขาอย่างที่เคยทำตอนที่ยังไม่รู้จักกัน  นอกจากเจ้าเหมียวชบาตัวน้อยที่นำพาให้ผมมาพบพู่กัน อีกหนึ่งคนสำคัญก็ไอ้หมีนี่แหละที่ถือเป็นคิวปิดที่ทำให้ผมและพู่กันได้เจอกันและช่วยให้เราได้รักกัน ผมอยากขอบคุณมันจริงๆ ไว้มีเวลาเหมาะๆเมื่อไหร่ผมจะต้องขอบคุณมันแน่นอน






 
 ทันทีที่เข้าบ้านแม่ผมก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“พู่กัน ทำไมตาบวมแบบนี้ล่ะลูกขึ้นไปพักก่อนะลูก ส่วนแผ่นดินเรามีเรื่องต้องคุยกัน” พู่กันได้ยิ้มแหยๆแล้วรีบขึ้นห้องตามที่แม่บอกทันที..เหลือไว้แต่เพียงผมกับน้ำเสียงที่เย็นเฉียบของแม่

แม่ผมพอจะทราบว่าเราทะเลาะกัน เพราะเมื่อคืนผมโทรมาบอกว่าจะค้างบ้านไอ้หมี เลยบอกเหตุผลไปคร่าวๆ อีกอย่างผมไม่เคยโกหกแม่ 

ผมเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง เหมือนแม่จะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นผมก็โดนสวดยับหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ แต่ผมก็น้อมรับแต่โดยดี เพราะผมผิดจริงๆ



“เป็นไงบ้างมึง แม่ว่าอะไรมั้ย” พู่กันถามอย่างร้อนรนเมื่อผมเข้ามาในห้อง


“ไม่มีอะไร แค่หูชานิดหน่อย”


“ขอโทษนะ เพราะกูทำให้มึงต้องโดนแม่ดุ”


“ขอโทษทำไม กูทำผิดจริงๆก็ต้องโดนดุมันก็สมควรแล้ว ยิ่งทำผิดกับลูกสะใภ้สุดที่รักยิ่งโดนดุเป็นเท่าตัว”


“เพ้อเจ้อ! ลูกสะใภ้อะไรล่ะ” เวลาเขินทีไรต้องโวยวายทุกที..น่ารัก


“ตอนแม่ดุน่ากลัวมากเลยรู้ป่าว จูบปลอบใจผมหน่อยได้มั้ยครับ” ผมแค่อยากอ้อน จริงๆแม่ไม่ได้ดุหรอกแค่บ่นเฉยๆ


“ไม่เอา เดี๋ยวแม่มาเห็น”


“ล็อกห้องแล้ว อีกอย่างบ้านนี้มีมารยาทไม่เหมือนไอ้หมีหรอก”


“มึงทำผิดก็สมควรแล้ว มึงบอกเองนะ”


“โธ่ งั้นกอดก็ได้” ไม่รอให้ปฏิเสธผมสวมกอดพู่กันทันทีแล้วโน้มตัวลงบนเตียง เท่ากับตอนนี้พู่กันอยู่บนตัวผมโดยมีอ้อมแขนผมกักขังไว้


“ปล่อยได้แล้ว จะลงไปทำน้ำเงี้ยว”


“ไม่ต้องทำหรอก แม่สั่งมา”


“ได้ไง ตั้งใจไว้แล้วนะ”


“แม่อยากให้พักก่อนพรุ่งนี้ค่อยทำ ดูสิตายังไม่หายบวมเลย” ผมค่อยๆบรรจงจูบเปลือกตานั้นอย่างแผ่วเบา


“แต่กูเบื่ออ่ะ” ทำหน้ามุ่ยแบบนี้น่าจับกดชะมัด!


“เอาน่า ไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวลงไปกินข้าวกัน”


“ดิน”


“ว่าไงครับ”


“กินข้าวเสร็จแล้วพาไปที่ลำธารได้รึป่าว”


“ได้ครับผม” พู่กันพูดพร้อมถูแก้มคลอเคลียที่ไหล่ผมเหมือนเจ้าเหมียว..อ้อนขนาดนี้ใครจะปฏิเสธลง ถึงไม่ขอผมก็ตั้งใจจะชวนไปที่นั่นอยู่แล้วเพราะคิดว่าเจ้าตัวคงจะชอบที่นั่น







“ปั่นจักรยานไปเหรอลูก ถ้างั้นใส่หมวกด้วยนะลูกแดดร้อน แล้วก็นี่จ๊ะเผื่อหิว” พอแม่รู้ว่าพู่กันจะไปอ่านหนังสือที่ริมลำธารก็เตรียมของว่างให้อย่างกับจะไปปิคนิค เห็นแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้แม่ผมเอ็นดูพู่กันมากจริงๆ


“ขอบคุณครับคุณแม่”


“แล้วก็อย่าอยู่จนถึงเย็นล่ะลูก อากาศตรงนั้นมันเย็นอยู่นานเดี่ยวจะไม่สบาย”


“เห็นแบบนี้พู่กันแข็งแรงนะแม่ ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก”


“ได้ไงล่ะ ใครจะไปถึกเหมือนลูก แล้วก็ปั่นจักรยานดีๆอย่าล้มแล้วได้แผลกลับมาล่ะ”


“คร้าบบ” ผมชักจะเริ่มงงแล้วว่าใครลูกแม่กันแน่!


     พู่กันนั่งซ้อนท้ายจักรยานท่าเดิมเหมือนเมื่อวานโดยนั่งหันหลังแล้วใช้ศีรษะพิงกับแผ่นหลังของผม พร้อมกับฮัมเพลงเบาๆดูมีความสุข คงเพราะพู่กันมองโลกในแง่ดีและไม่ยึดติดกับสิ่งที่ทำให้บั่นทอนจิตใจ เขาจึงอารมณ์ดีได้เร็วแบบนี้

..ในขณะที่ผมยังรู้สึกผิดและอยากพูดขอโทษซ้ำๆ



“กินองุ่นมั้ย?” ผมหันไปถามขณะที่ผ่านโรงเรือนที่ปลูกองุ่น


“กิน!” ถ้าเป็นผลไม้พู่กันไม่มีทางปฏิเสธ ยกเว้นผลไม้จำพวงที่ต้องแกะเปลือกหรือมีน้ำเยอะๆเขาจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นองุ่นที่แค่หยิบเข้าปากแถมองุ่นที่ไร่ผมยังไร้เมล็ดอีกแบบนี้น่ะไม่หวั่น


“มึงเก็บองุ่นไปก่อนนะ เดี๋ยวกูมา”


“จะไปไหน?”


“เออน่า แป๊ปเดียว” จากนั้นผมก็วิ่งไปทางโรงเรือนด้านหลังซึ่งมันเชื่อมกับโรงเรือนดอกเบญจมาศ..ใช่แล้วครับผมกำลังจะไปเก็บดอกไม้



“พวงเดียวจะพอเหรอ”


“อื่อ พอแล้วยังมีน้ำองุ่นที่แม่ทำไว้ให้อีก แค่นี้น้ำตาลก็เยอะแล้ว ว่าแต่มึงไปไหนมา”


“อ่ะให้” ผมยื่นดอกเบญจมาศสีขาวดอกใหญ่ให้กับพู่กัน


“อะไร?” ส่วนคนรับก็รับด้วยสีหน้างงๆ


“ดอกเบญจมาศสีขาวเป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ กูอยากให้มึงเชื่อใจกูได้เลยว่ากูไม่มีวันนอกใจและทิ้งมึงและขอโทษด้วยสำหรับเรื่องเมื่อคืนที่ทำให้มึงเข้าใจผิดคิดว่ากูไม่เชื่อใจมึง แล้วก็นี่” แล้วผมก็ยื่นดอกเบญจมาศสีแดงให้กับพู่กันอีกหนึ่งดอก


“...”


“ดอกเบญจมาศสีแดง เป็นดอกไม้แห่งความรัก  กูรักมึงมากนะพู่กัน” ไม่รู้ทำไมคำบอกรักในครั้งนี้ถึงทำให้ผมน้ำตาคลอ


“กูก็รักมึง ” พู่กันสวมกอดผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


     ความรักที่ผมมีให้กับพู่กันมันมีมากกว่าคำว่า ‘กูรักมึง’ แต่มันไม่สามารถกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้ นอกเสียจากจะกลั่นออกมาเป็นการกระทำที่แสดงต่อกันว่าเรารักเขาแค่ไหน และผมก็จะขออยู่เคียงข้างพู่กันเพื่อแสดงความรักทั้งการกระทำและคำพูด..ตลอดไป






   TBC.

.................................................................................

 แล้วเค้าก็คืนดีกัน  มามง มาม่าอะไรไม่มี๊^^

 ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2018 23:32:15 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เฮ่อเครียดมาหลายวันเลย ดีแล้วๆรักกันๆนะ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
 :mew1: :mew3:
เฮ้ออออออออออออออออออ โล่งใจ
แอบนอยด์มาหลายวันเลย

ไม่มีมาม่าแล้วนะ นะ
หรือถ้ามีก็ให้มีและเคลียร์จบในตอนเดียวนะ นะนะ นะ

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

  เฮ้อ....โล่งอก   :เฮ้อ:

  รักกันๆเหมือนเดิมเนอะ  :กอด1:




ออฟไลน์ skykick

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ดีกันแล้ว รักกันๆ :katai2-1:


ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

บทที่ 18  วิถีพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง!



       

        ผมตื่นสาย!  ไอ้ดินก็ไม่ยอมปลุกผม น่าหงุดหงิดจริงๆ เมื่อลงมาข้างล่างก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคย..น้ำเงี้ยว!
สุดท้ายการทำน้ำเงี้ยวที่ฝึกปรือมาก็เป็นหมัน สรุปคือผมไม่ได้ทำ..แต่ไอ้ดินเป็นคนทำซะงั้น


“ตื่นแล้วเหรอลูก มาๆชิมน้ำเงี้ยว” แม่ไอ้ดินเอ่ยทักด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพร้อมกับจูงแขนผมมาที่โต๊ะอาหาร


“ทำไมไม่ให้ผมทำล่ะครับคุณแม่”


“งานครัวไม่เหมาะกับหนูหรอกลูก แม่สงสารมือที่แสนจะบอบบางของหนู” มือที่ผ่านการทำงานมาอย่างหนักของแม่ไอ้ดินจับมือของผมแล้วลูบอย่างอ่อนโยน..โธ่คุณแม่


“แต่ผมสัญญากับคุณแม่ไว้แล้วนะครับ”


“น่าตีจริงๆเชียว แทนตัวเองว่าผมอีกแล้ว”  ผมได้แต่ยิ้มแหยๆให้คุณแม่ ไม่ชินสักที อยากจะตีปากตัวเองจริงๆ แม่ไอ้ดินลูบแขนผมด้วยความเอ็นดูก่อนจะให้คำสัญญาอีกครั้ง


“เอาไว้ทำตอนที่แม่ไปหาพู่ที่เชียงใหม่นะ สัญญาว่าจะไปหาถึงที่เลย” 


“สัญญาแล้วนะครับ” แล้วผมก็เกี่ยวก้อยสัญญากับแม่ไอ้ดิน..อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ไม่มีความงุนงงใดๆเหมือนครั้งก่อน


“สองแม่ลูกครับ มาทานได้แล้วครับ” ไอ้ดินเอ่ยบอกด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม ซึ่งผมและคุณแม่ก็ยิ้มตามมันไปด้วย พร้อมกับอาการเขินแปลกๆ


“คุณแม่เป็นคนทำเหรอครับ”


“เปล่าจ๊ะแม่เป็นแค่ลูกมือ วันนี้เชฟดินลงมือทำเองจ๊ะ”


“ทำไมไม่ปลุกกู” ผมหันไปเอ็ดมันเบาๆ


“เห็นมึงนอนหลับสบายเลยไม่อยากปลุก เอาน่ารีบๆกินเดี๋ยวจะหายร้อน” ไม่อยากเถียงต่อหน้าคุณแม่เลยก้มหน้ากินอย่างว่าง่าย



     ชิมน้ำเงี้ยวที่หน้าตาสีสันเหมือนอิมพอร์ตมาจากเชียงใหม่เข้าไปหนึ่งคำ ก็ต้องรีบเงยหน้าขึ้นมองคนทำซึ่งมันมองผมอยู่ก่อนแล้ว


“อร่อยล่ะสิ” ไม่อยากจะโกหก อร่อยกว่าผมทำซะอีก แม่ง..รสมือของมันดีกว่าของผมจริงๆ สมแล้วที่เป็นพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง!


“คุณพ่อล่ะครับ” ผมไม่ตอบเดี๋ยวไอ้พ่อบ้านดีเด่นเหรียญทองมันจะเหลิง


“พ่ออยู่ที่สวนกล้วยไม้จ๊ะ ไม่ต้องห่วงกินกันเลยลูกเดี๋ยวแม่แบ่งเอาไปให้พ่อที่สวนเอง” จากนั้นคุณนายอรอนงค์ก็หิ้วปิ่นโตที่บรรจุน้ำเงี้ยวไว้ภายในเดินออกจากบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..คุณแม่ดูอารมณ์ดีจังแฮะ


“เออมึง โทรบอกไอ้หมียัง” เมื่อวานก็เบี้ยวมันไปรอบนึงละ


“ไม่อ่ะ ทำนิดเดียวไม่พอกินสำหรับมันหรอก อีกอย่างมันก็เคยกินจนเบื่อละ” ก็จริงของมึง อย่างไอ้หมีต้องทำเท่าขนาดทำโรงทานถึงจะอยู่ท้องมัน!







       วันนี้คือวันสุดท้ายที่อยู่บ้านไอ้ดิน พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับเชียงใหม่ไปใช้ชีวิตในดินแดนตะตอนยอนตามเดิม

 กิจกรรมในวันนี้คืออาบน้ำให้เจ้าสี่ขาสองตัวที่นอนตัวเปื้อนโคลนอยู่หน้าบ้านไม่รู้ว่าแอบไปเล่นซนที่ไหนมา
ช่างเป็นกิจกรรมที่แอดเวนเจอร์สุดๆ!

ถามว่ามาเที่ยวทั้งทีทำไมไม่ออกไปเที่ยวข้างนอก ทั้งผมและไอ้ดินต่างก็ไม่ค่อยชอบเที่ยวที่มีคนพลุกพล่านสักเท่าไหร่ การกลับบ้านมาพักผ่อนทำกิจกรรมที่บ้านถือเป็นการผักผ่อนที่ดีที่สุดแล้ว อีกอย่างบ้านไอ้ดินก็บรรยากาศดีสุดๆอยู่ที่บ้านมันนี่แหละดีแล้ว


“มาเลยเจ้าถุงเงินมาอาบน้ำซะดีๆ ส่วนเจ้าถุงทองนอนรอไปก่อนนะแก” ผมบอกเจ้าสี่ขาทั้งสองตัวที่แกว่งหางสุดสวิงริงโก้


“ดินมึงจับสายยางนะ กูจะถูสบู่ให้เอง”


“รับทราบครับ”


“เฮ้ย! นี่มึงจะอาบน้ำให้หมาหรืออาบน้ำให้กูเนี่ย”


“โทษๆ ถุงเงินอยู่นิ่งๆสิ” เนียนดุหมานะมึง มึงจงใจฉีดน้ำมาทางกูชัดๆ


   อาบน้ำให้เจ้าสี่ขาตัวแรกเสร็จด้วยสภาพเปียกมะล่อกมะแล่ก ทั้งโดนเจ้าถุงเงินสะบัดน้ำใส่และไอ้ดินที่ทำเนียนฉีดน้ำใส่ผม
ดูสายตามันสิ ยิ้มกรุ้มกริ่มเดี๋ยวแม่งจกตาบอดซะเลยหนิ


“เดี๋ยวกูจับสายยางเอง มึงถูสบู่ให้ถุงทองบ้าง” ถึงเวลากูเอาคืนบ้างแล้ว หึๆ


“โอ๊ะ ถุงทองอยู่นิ่งๆดูสิพี่ชายแกเปียกหมดแล้ว” แล้วผมก็ยิ้มเจ้าเลห์ให้กับไอ้ดิน หึ มึงเล่นกูก่อนนะ


   จากนั้นการอาบน้ำให้หมาก็กลายเป็นสงครามแห่งสายน้ำ คืออะไร? สงกรานต์ย้อนหลังใช่มะ ทั้งหมาทั้งคนเปียกโชกไปหมด
แต่มันก็อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข..



“พอแล้วพู่กันเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก ขึ้นไปอาบน้ำและทำตัวให้แห้งได้แล้ว” ผมไม่สนยังฉีดน้ำใส่มันไม่หยุด

  จากนั้นไม่ทันตั้งตัวไอ้ดินก็หยุดผมด้วยการเข้ามาประชิดตัวแล้วกระซิบที่ข้างหู

“เสื้อขาวๆของมึงเปียกจนเห็นหัวนมหมดแล้ว รู้มั้ยมึงกำลังยั่วกูอยู่ ถ้ามึงยังไม่เข้าไปอาบน้ำกูจะจับดูดนมแม่งมันตรงนี้แหละ”  ครับ! ผมหยุดเล่นแล้วเข้าบ้านไปอาบน้ำและทำตัวให้แห้งอย่างว่าง่ายทันที 

สายตาแม่งอย่างหื่น ขืนดื้อใส่มันมีหวังโดนดูดหัวนมโชว์แน่ๆ!       

      คิดแล้วก็สยิว เอ้ย! สยอง




     เมื่อทำตัวให้แห้งกันทั้งคู่แล้วก็ตั้งใจจะออกไปซื้อของฝาก แต่ยังไม่ทันได้ออกจากบ้าน คุณนายอรอนงค์ก็เข้าบ้านพร้อมกับหิ้วของพะรุงพะรัง ผมกับไอ้ดินปรี่เข้าไปช่วยแทบจะทันที


“ซื้ออะไรมาเยอะแยะครับแม่” ไอ้ดินช่วยแม่มันถือของถามขึ้นทันที


“ของฝากไงลูก ให้หนูพู่แล้วก็เอาไปฝากบ้านทางนู้นด้วย”


“เยอะจังครับแม่ พู่เกรงใจ จริงๆพวกเรากำลังจะออกไปซื้อออกฝากกันอยู่พอดี”


“จะให้หนูซื้อเองได้ไงล่ะลูก ให้แม่ซื้อให้น่ะถูกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแม่จะแพ็คองุ่นให้เอาไปฝากครอบครัวกับเพื่อนๆพู่ด้วยดีมั้ย ”


“ขอบคุณครับคุณแม่” ผมกอดแม่ไอ้ดินด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริงที่เอ็นดูผม ไม่ได้ประจบประแจงแต่อย่างใด..ดีจังน๊า






     และแล้วก็ถึงวันเดินทางกลับเชียงใหม่  เราเดินทางกลับตั้งแต่เช้ามืด โดยทั้งคุณพ่อและคุณแม่มายืนส่งพร้อมเจ้าสี่ขาสองตัวถุงเงิน ถุงทอง และสมาชิกเก่าแก่อีกตัวหนึ่ง ‘เจ้าเสือ’ แมวไทยตัวสีส้มที่อ้วนเกินมาตรฐานแมวไทย..นี่แมวหรือหมูแคระ!
จำได้ว่าที่บ้านไอ้ดินก็เลี้ยงแมว มาตั้งหลายวันก็เพิ่งจะเจอตัวนี่แหละ ไอ้ดินบอกว่าเจ้าเสือเป็นแมวสันโดษ จะปรากฏตัวให้เห็นก็ต่อเมื่อเวลาหิว  ดีแท้..มันคงคิดว่าบ้านมันเป็นเซเว่น!





     14.15 น. เดินทางกลับถึงบ้านที่เชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ


“อ๊ะ  อืออ พี่น้ำเบาๆหน่อย” 


“ขอโทษครับ เจ็บเหรอ”


“อื่อ ลึกๆหน่อยครับ”


“อ่า ลึกพอมั้ย”


   นี่มันบทสนทนาอะไรกัน บัดสีที่สุด แล้วทำไมไม่ปิดประตูห้องแง้มไว้เพื่อ?!

ผมกับไอ้ดินได้แต่มองหน้ากันเลิกลั่ก  เสียงอืออา ยังคงดังไม่หยุด ทนไม่ไหวแล้วเว้ย ผมผลักประตูห้องของไอ้พี่น้ำทันที


“ทำแม่งอะไรกันวะ!” ภาพที่เห็นคือไอ้ปูนนอนตะแคงบนตักไอ้พี่น้ำ ส่วนในมือของไอ้พี่น้ำก็ถือก้านสำลี

       ปั๊ดโธ่เอ้ย  แม่งแคะหู!

ไอ้ดินได้แต่ขำกับความคิดของผม  มึงจะบอกว่าสุดท้ายก็เป็นกูเองที่คิดบัดสีใช่มะ 


“อ้าวกลับมาแล้วเหรอ” ไอ้ปูนลุกออกจากตักของไอ้พี่น้ำด้วยความไวแสงแล้วเดินออกมาหาผมทันที ส่วนไอ้พี่น้ำก็เดิมตามออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย 


“ไอ้ดิน ได้ข่าวว่ามึงทำให้น้องกูร้องไห้” นั่นไงกูว่าละว่ามันผิดปกติ สีหน้าของไอ้พี่น้ำไม่มีแววขี้เล่นเหมือนทุกครั้ง นั่นทำให้ไอ้ดินหน้าถอดสี


“ผมขอโทษครับพี่ ผมยอมรับผิดทุกอย่าง” ไอ้ดินยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับน้ำเสียงที่จริงจัง


“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เรื่องมันก็จบไปแล้วอย่าไปพูดถึงเลย” คือมันไม่มีอะไรแล้วจริงๆ ผมก็ไม่อยากให้บรรยากาศมันตึงเครียดแบบนี้


“ไม่ได้มันสัญญากับกูไว้ว่าจะไม่ทำให้มึงร้องไห้” มึงจะมาทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีอะไรตอนนี้ แล้วไปสัญญิงสัญญากันตอนไหนวะ


“แล้วมึงจะให้มันทำไง ให้เลิกกับกูงั้นเหรอ”


“...” ไอ้พี่น้ำได้แต่ทำหน้าหงุดหงิด


“มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของความรักรึป่าววะ มันก็ต้องมีสุข มีเศร้า หัวเราะ ร้องไห้เรื่องราวระหว่างทางพวกนี้ไม่ใช่เหรอที่ทำให้ความรักมันเข้มแข็งน่ะ”


“มึงมันเข้าข้างผัว” เอ้า! ไอ้พี่บ้า ผมได้แต่ส่ายหน้าระอา


“กูพูดความจริง มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดแล้วตอนนี้ก็เข้าใจกันดีแล้ว มึงเคยพูดเองนะเรื่องที่บั่นทอนจิตใจไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ กูก็ทำแบบที่มึงบอกไงหรือที่กูทำมันไม่ถูกต้อง?” ตอนที่มันเล่าเรื่องตอนที่เลิกกับแฟนเก่ามันเป็นคนบอกผมเองแท้ๆ


“เออตามนั้น  ไอ้ดินมึงอย่าให้มีครั้งที่สองนะไม่งั้นกูจะเอาน้องกูคืน” น้ำสียงและสีหน้ามันจริงจัง นานๆทีจะได้เห็นมันในโหมดนี้


“ครับ” ไอ้ดินรับคำสั้นๆ แต่ทว่าหนักแน่น


“พี่น้ำเป็นพี่ชายที่หวงน้องชายเหมือนกันนะเนี่ย” ไอ้ปูนพูดเพื่อทำลายบรรยากาศที่ตึงเครียดให้ผ่อนคลายลง  แต่ทว่า..


“ใครจะอยากให้คนในครอบครัวเสียน้ำตาล่ะจริงมั้ย” ยัง ยังจะดึงเข้าดราม่าอีก


“รักกันทะเลาะกันมันก็เป็นเรื่องปกติของคนสองคนนะพี่น้ำ อีกอย่างไอ้พู่ก็บอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ตอนนี้ก็โอเคแล้ว พี่น้ำก็คงไม่อยากเห็นคนในครอบครัวต้องเครียดเพราะตัวเองจริงมั้ยครับ”


“เฮ้อ ครับพี่เข้าใจแล้ว พอๆจบๆ ทุกอย่างจบด้วยดีก็โอเคแล้ว  งั้นตอนนี้เอาของฝากมาเซ่นกูซะดีๆไอ้น้องเขย”  สุดท้ายน้องพูดไม่ได้ผลต้องเมียพูดสินะ   โอเคชัดเจน 

   คำว่าน้องเขยหลุดออกจากปากแสดงว่าเข้าสู่สภาวะปกติ


“นี่ครับ องุ่นออแกนิคสดๆจากบ้านสวนรักษ์ดินครับ” องุ่นสีสวยถูกเซ่นไว้ข้างหน้าไอ้พี่น้ำ เอ้ย! วางไว้ข้างหน้าไอ้พี่น้ำ


“ปูนเคยชิมแล้วอร่อยจริงๆ ไม่มีเมล็ดด้วย” แล้วไอ้ปูนก็หยิบองุ่นเข้าปากทันที


“ป้อนพี่ทีครับ” เสียงสองของมันนี่ชวนสยองจริงๆ


“พึ่งรู้ว่านอกจากพี่น้ำจะเป็นพี่ชายที่หวงน้องแล้ว ยังเป็นง่อยอีก” ถึงปากไอ้ปูนจะเอ่ยแซวแต่มันก็ยัดองุ่นใส่ปากไอ้พี่น้ำอยู่ดี..ขอย้ำว่ายัดไม่ได้ป้อน


“อืมอร่อย หวาน  แต่หวานไม่เท่าไอติมวนิลาของพี่” แล้วแก้มไอ้ปูนก็แดงระเรื่อ อะไรของพวกมึงไอติมวนิลามาจากไหน?


“นี่ถ้าจะหวานกัน ก็ไปหวานกันไกลๆ ” เห็นหน้าเลี่ยนของไอ้พี่น้ำแล้วอยากจะอ้วก ไม่เข้ากะหนังหน้ามึงเลยสักนิด


“ไอ้น้องขี้อิจฉา เข้าห้องกันน้องปูนพี่อยากชิมไอติมวนิลาแล้ว”


“พี่น้ำ!!” ไอ้ปูนได้แต่ร้องโวยวายเมื่อโดนไอ้พี่น้ำลากเข้าห้อง แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบองุ่นพวงโตเข้าไปด้วย


            ไอติมวนิลาอะไรวะ? ในห้องนอนมันไม่มีตู้เย็นสักหน่อย หรือว่าจะเป็นโค้ดลับ?!


     หรือว่า ว่า....


“พวกมึงได้กันแล้วเหรอ!!!” ผมโพล่งออกไปทันที แต่ไร้เสียงตอบรับ ทั้งสองคนที่หายเข้าไปในห้องต่างพากันเงียบกริบ   
ไม่นะไอ้พี่น้ำมึงจะทำบัดสีกับไอ้ปูนไม่ได้นะ  จู่ๆก็รู้สึกหวงเหมือนแม่หวงลูกสาวที่ต้องออกจากอ้อมอก

  ผมกำลังแนบหูฟังว่าเกิดเหตุการณ์อะไรในห้อง แต่จู่ๆก็มีแรงควายมาดึงผมออก


“ไม่เผือกดิ” กูเกลียดหน้าตายของมึง ไร้ซึ่งอารมณ์มาก ต่างจากกูอยากรู้อยากเห็นหูผึ่งสุดๆ


“คนขี้เสือกติดลบอย่างมึงไม่เข้าใจกูหรอก  เอ๊ะ นี่มึงหลอกด่ากูเหรอ” ผมหันไปว่ามันทันที


“ก็มันเป็นสิทธิ์ของเขาอย่าไปยุ่งเลย ป่ะเข้าห้องกันเถอะ ง่วงแล้วอยากพักขับรถมาทั้งวัน” ไม่พูดเปล่าเอาหัวมาซบที่หัวไหล่ผมเหมือนคนหมดแรง


“เหนื่อยก็เข้าไปพักสิ เกี่ยวอะไรกับกู”  ช่วยไม่ได้มันไม่ยอมให้ผมช่วยขับรถเอง ขาไปยังได้ขับแม้จะแค่70กิโลเมตร แต่ขากลับไอ้พลขับมือวางอันดับหนึ่งสั่งให้นั่งเป็นดอกไม้หน้ารถอย่างเดียว มันบอกแค่มีผมนั่งข้างๆก็เหมือนโดฟกระทิงแดงไป10ขวด!
..เวอร์วังมั้ยล่ะ


“เกี่ยวสิเพราะมึงเป็นดอกไม้ของกู”  อะไรของมัน นับวันยิ่งพูดจาไม่รู้เรื่อง


“ป่ะ เด็กๆเข้าห้อง” ขี้เกียจเถียงเลยเดินเข้าห้องโดยไม่ลืมที่จะเรียกเจ้าเหมียวทั้งสามตัวที่คลอเคลียอยู่ไม่ห่างให้เข้าห้องไปด้วยกัน


“ให้เด็กๆนอนข้างนอกได้มะ” เกลียดสายตา โคตรไม่น่าไว้ใจ


“มึงคิดจะทำอะไรของมึง หยุดคิดอะไรบ้าๆเลยนะ”


“เปล่าสักหน่อย มึงน่ะคิดมากเนาะนู๋ชบา ป่ะเด็กๆเข้าห้อง” แล้วมันก็อุ้มแมวทั้งสามตัวด้วยแขนถึกๆของมันเดินเข้าห้องด้วยหน้าตาตีมึน  ไม่รู้ตอนนี้มันอยู่ในโหมดไหน ตามมันไม่ทันจริงๆครับ

  ..เจ็บหัวง่าว! (แปลว่าปวดกะบาลโคตร)




“พู่กัน”


“หืม”


“เมื่อกี้กูกลัวพี่น้ำมากเลย กลัวเขาไม่ยกโทษให้กูที่ทำให้น้องชายเขาร้องไห้”


“ไอ้พี่น้ำเห็นแบบนั้นมันเป็นคนมีเหตุผลนะ มันไม่งี่เง่าถึงขนาดไม่ยกโทษให้มึงหรอก มันชอบมึงจะตายไม่งั้นมันคงไม่ช่วยมึงจีบกู”


“แต่กูก็รู้สึกผิดอยู่ดีที่ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้ำ”


“มึงไปสัญญากันตอนไหน”


“ความลับ มันเป็นสัญญาของลูกผู้ชายมึงอย่ารู้เลย” อะไรของมึง แล้วกูไม่ใช้ลูกผู้ชายรึไง?


“เออไม่อยากรู้ด้วยกับพวกมึงหรอก นอนได้แล้ว เลิกนอยด์ เลิกรู้สึกผิด โอเค๊?”


“ก็ได้ครับ  ขอหนึ่งจุ๊บจะได้ฝันดี” แล้วผมก็จุ๊บไปที่ปากของมันหนึ่งที ห่มผ้าให้เสร็จสรรพ ไอ้คนในผ้าห่มก็หลับตาพริ้ม..บางทีก็งงนะว่าผมมีแฟนหรือมีลูก!




ผ่านไป2ชั่วโมงไอ้ดินก็ตื่นลุกขึ้นมาทำหน้าที่พ่อบ้านดีเด่นเหรียญทองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง


“ล้างทำไมวะ มึงไม่ได้กินสักหน่อย” ไอ้ดินกำลังล้างจานที่ไอ้พี่น้ำมันใช้ น่าจะตั้งแต่วันที่ผมไปโคราชซึ่งมันเต็มจนล้นอ่างล้างจาน


“ไม่เป็นไร หน้าที่กูอยู่แล้ว อย่าลืมสิว่ากูอยู่บ้านมึงฟรีๆนะ”


“เดี๋ยวมันก็เคยตัวให้มันทำเองบ้าง  อีกอย่างมึงไม่ได้มาอยู่บ้านนี้ในฐานะเบ๊สักหน่อย”


“คิดมากน่า ถือเป็นเซอร์วิสพิเศษละกัน”


“ตามใจมึง” พูดไปก็เท่านั้นครับ ของมันชอบและมันก็เต็มใจ ห้ามไปก็เท่านั้น


“เย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย”


“สเต็ก” จู่ๆก็นึกถึงช่วงแรกๆที่เจอกัน ตอนนั้นไอ้ดินตีมึนผสมเผด็จการที่จะทำสเต็กให้ผมกิน พอย้อนนึกถึงวันนั้นก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเหมือนกัน


“โอเค งั้นเดี๋ยวไปซื้อของกันแล้วแวะเอาของฝากไปให้ที่บ้านใหญ่ด้วย”






      ซุปเปอร์มาเก็ตเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ผมมาประจำเพราะใกล้กับที่บ้าน


“นี่เล่นเป็นเด็กๆ เดี๋ยวก็ตก” เมื่อไอ้ดินเริ่มเข็นรถเข็นผมก็กระโดนขึ้นนั่งขอบด้านหน้าของรถเข็นทันที จึงได้รับการเอ็ดกลับมาทันที ..แต่ใครจะสน


“ไม่ตกหรอกน่ามึงก็เข็นดีๆสิ   ออกรถได้ Let’go”  ไอ้ดินได้แต่ส่ายหน้ากับความเป็นเด็กของผม


“สเต็กไรดี”


“หมูๆ บุตะๆ” ผมชี้นิ้วไปทางเนื้อหมูที่วางเรียงรายไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหนของหมูบ้าง ถึงจะพอทำอาหารเป็นก็ใช่ว่าผมจะรู้!


“โอเค งั้นพอร์คชอปนะ”


“โอเค ว่าแต่พอร์คชอปมันคือส่วนไหนของหมูอ่ะ” เคยสั่งกินบ่อยๆแต่ไม่รู้หรอกว่ามันคือส่วนไหนของหมู นี่ถ้ามันเป็นตรงส่วนตัวเดียวอันเดียว ผมคงกินหรรมหมูไปเกือบร้อยแท่งเป็นแน่แท้!!


“มันคือสันนอกติดกระดูก ถ้าเป็นเนื้อวัวจะเรียกว่าทีโบน”


“อ๋อแบบนี้นี่เอง สมแล้วที่เป็นพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง” ไอ้ดินได้แต่ยิ้มขำๆกับฉายาของมัน


“มันบดเอามั้ย”


“เอา” ตอบแบบไม่ต้องคิดเพราะผมชอบมันบดที่สุด


“งั้นไปแผนกผักกัน”


“มึงอันนี้ด้วย” เมื่อมาถึงแผนกผักผมกระโดดลงจากรถเข็นแล้วหยิบแครอทจิ๋วที่อยู่ในถุงชูให้ไอ้ดินดูทันที


“เบบี้แครอทเหรอ เอาสิ”


“กูว่าเราทำผักอบแทนสลัดผักดีมั้ย”


“แบบนั้นก็ได้ งั้นเชิญเลือกผักตามใจชอบได้เลยครับ”  รอยยิ้มละมุนพร้อมกับขยี้หัวผมเบาๆ ทำให้ผมเขินทุกทีสิน่า..



    ผักที่ผมเลือกมามีเบเบ้แครอท หน่อไม้ฝรั่ง ฝักทอง มะเขือเทศและหอมแขก ผักสองอย่างหลังผมไม่ได้ชอบหรอกของพ่อบ้านมัน


“พอรึยัง”


“พอแล้วล่ะ มึงล่ะได้ของครบยัง”


“ของคนครบแล้ว เหลือแต่ของเจ้าเหมียว”


“อะไรอาหารยังไม่หมดสักหน่อย”


“ขนม”


จริงๆเล้ย แมวไม่สนใจก็เอาขนมเข้าล่อ เจ้าเหมียวทั้งสามตัวติดไอ้ดินก็เพราะได้กินขนมจากมันนี่แหละ




    หลังจากซื้อของเสร็จก็แวะเอาของฝากจากโคราชไปให้ที่บ้านใหญ่..

เมื่อคุณนายรดาเห็นหน้าพวกเราก็ถลาเข้ามากอด..กอดไอ้ดิน ผับผ่าสิ  แม่นะแม่


“น้อยใจจังที่แม่ไม่กอดหนูเป็นคนแรก” แกล้งงอนไปงั้นแหละ ดีเสียอีกที่แม่เอ็นดูไอ้ดิน


“ก็พี่ดินเขาเดินมาก่อนไง แม่เลยต้องกอดพี่ดินก่อน แม่รักหนูพู่เหมือนเดิม มาๆให้แม่กอด”


“อายุเท่ากัน เรียกพี่ทำไมล่ะแม่”


“น่าเอ็นดูดีออกหนูพู่กับพี่ดิน  ยังไงพี่ดินเขาก็ตัวโตกว่าหนูปกป้องหนูได้เรียกแบบนี้ดูอบอุ่นดีออก เนอะพี่ดิน” ตรรกะอะไรของแม่เนี่ย!


“ครับคุณแม่” เอ้า ไอ้นี่ก็เป็นไปกับเขาอีกคน


“ไปโคราชเป็นไงกันบ้างลูก”


“อากาศดีสุดๆเลยล่ะแม่ หลังบ้านไอ้ดินมีลำธารด้วยอ่ะ” อันนี้อยากอวดสุดๆ


“จริงเหรอ น่าไปจัง”


“ไว้คุณแม่ไปเที่ยวสิครับ ส่วนนี่ก็ของฝากเล็กๆน้อยๆครับ”


“ลำบากเปล่าๆลูก ยังไงก็ขอบใจนะพี่ดิน”


“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ องุ่นกับน้ำองุ่นมาจากที่ไร่ของบ้านผมเองปลูกแบบออแกนิค คุณแม่ลองชิมดูนะครับ”


“น่าทานจังลูก พ่อต้องชอบแน่ๆ” อืมใช่ พ่อน่าจะชอบเพราะแกสายเฮลตี้ ชอบอะไรปลอดสารแบบเกษตรอิทรีย์  หลังบ้านก็ปลูกผักกินเองนะ นี่ถ้ามีที่ดินมากกว่านี้คงปลูกข้าวกินเองเป็นแน่แท้!


“พูดถึงพ่อ แล้วพ่อไปไหนอ่ะแม่”


“ไปประชุมที่คณะ ยังไม่กลับมาเลยแต่เดี๋ยวสักพักคงมา แล้วนี่กินอะไรมารึยังลูก”


“ยังครับแม่ แต่ซื้อของเตรียมทำกับข้าวไว้แล้วครับ”


“งั้นเหรอ ถ้างั้นก็รีบกลับเถอะลูกนี่ก็เย็นแล้ว กว่าจะถึงบ้านกว่าจะทำเสร็จหิวโซกันพอดี” ทั้งสายตาและน้ำเสียงของแม่ปนไปด้วยความเอ็นดู  ทำให้ผมสุขใจไม่น้อย รู้สึกโชคดีทุกครั้งเมื่อได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว ทั้งครอบครัวผมเองและครอบครัวไอ้ดิน






   เมื่อกลับถึงบ้านไอ้พี่น้ำกับไอ้ปูนก็ออกไปแล้ว เห็นว่าจะไปดูหนังแล้วไอ้พี่น้ำวันนี้ก็จะนอนที่บ้านใหญ่ผมเลยไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อมัน ดีเหมือนกันไม่เปลือง!


“ดินกูจะทำผักอบเองนะ ที่เหลือมึงทำเอง”


“โอเค” ไอ้ดินหันมารับคำง่ายๆแล้วหันไปจัดการกับพอร์คชอปสองชิ้นที่อยู่บนเขียงต่อ



    ผักอบนั้นง่ายแสนง่ายไม่จำเป็นต้องมีทักษะในการทำอาหารก็สามารถทำได้
เบบี้แครอทไม่ต้องหั่นแค่ปลอกเปลือก หน่อไม้ฝรั่งก็หั่ยส่วนโคนที่แข็งออก มะเขือเทศและหอมแขกก็หั่น4ส่วน ส่วนฝักทองก็ปลอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำหนาประมาณ1นิ้ว จากนั้นนำผักทั้งหมดใส่ถาด ใส่น้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทย ใบไทม์ ใส่น้ำผึ้งลงไปเล็กน้อยตามสูตรของคุณนายรดา ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน นำเข้าเตาอบ อบที่ไฟอุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮต์ 30นาที
(จะได้อรรถรสมากขึ้นให้นึกเสียงคุณป้าในรายการ กระจก66ด้าน ห้วนสั้นแต่ได้ใจความ!)



   ไม่นานสเต็กสำหรับสองที่ ผักอบและมันบดก็พร้อมขึ้นโต๊ะรับประทาน

ทุกอย่างดูราบรื่นปกติ แต่ที่ดูผิดแผกไปก็ไอ้ดินที่แหละ  มันปิดไฟครับ! แล้วก็จุดเทียน! ไม่รู้ผีตัวไหนเข้าสิงถึงได้คิดมีอารมณ์อยากจะโรแมนติก


“เปิดไฟเหอะ กูมองไม่เห็น” แสงสลัวๆผมรู้สึกว่ามันกินไม่อร่อยอ่ะ


“ก็มีแสงเทียนแล้วนี่ไง หรือมึงตาบอด” มึงจะสร้างภาพให้โรแมนติกเพื่อ?! ในเมื่อปากมึงมันร้ายขนาดนี้..หมดกัน!


   สุดท้ายบรรยากาศโรแมนติกที่ไอ้ดินพยายามสร้างขึ้นก็ถูกทำลายลงราบคาบด้วยน้ำมือ(ตีน)ของเจ้าเหมียวตัวอ้วนสีขาวสองตัว ไม่รู้ว่าวิ่งแตกตื่นอะไรมาจู่ๆจำปีและจำปาก็กระโดดขึ้นบนโต๊ะอาหารส่งผลให้เทียนล้ม


  ล้มแล้วยังไง?  ไฟไหม้ฟ้าปูโต๊ะยังไงล่ะ    ฮะ! ไฟไหม้!!!


   ผมมองไอ้ดินที่พยายามดับไฟด้วยความทุลักทุเล จากนั้นมันก็หันไปมองเจ้าเหมียวตัวการเหมือนมันจะบ่นแต่พอเจอสายตากลมโตใส่ซื่อของเจ้าเหมียว มันก็ทำได้เพียงถอนหายใจ


“ฮ่าๆๆๆ” สุดท้ายผมก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว กลับกลายเป็นว่าไอ้ดินก็หัวเราะตามไปด้วย


“ฮ่าๆๆๆ”


“กูบอกมึงแล้วให้เปิดไฟ”


“นั้นน่ะสินะ กูคงไม่เหมาะจะทำอะไรแบบนี้จริงๆ” ไอ้ดินได้แต่เกาหัวตัวเองแก้เก้อ


“เอาน่า แค่ทำกับข้าวด้วยกัน กินด้วยกันแบบนี้สำหรับกูก็โรแมนติกสุดๆแล้ว” ผมคิดแบบนั้นจริงๆนะไม่ได้จะปลอบใจมันแต่อย่างใด


“ดอกไม้ ทำไมมึงน่ารักแบบนี้วะ” จากนั้นมันก็จูบลงมาที่แก้มของผมด้วยความอ่อนโยน 


           เห็นมะแค่นี่ก็โรแมนติกสุดๆละ  ฮิ้วววว



    มื้อนี้จบลงด้วยการกินสเต็กท่ามกลางแสงนีออน!  สำหรับผมความโรแมนติกมันไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับบรรยากาศเสมอไป จะเป็นที่ไหนก็ได้ขอแค่เรานั่งกินกับคนที่เรารักแค่นั้นมันก็ดีต่อหัวใจสุดๆแล้ว..




   จากเหตุการณ์มื้อค่ำ ทำให้คืนนี้ผมเข้านอนด้วยความสุขใจ แต่แล้วความสุขใจก็แปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน!!


“พู่กัน หลับยัง”


“ยัง”


“มึงบอกว่ากูเป็นพ่อบ้านที่ดีใช่ป่ะ”


“อืม ใช่”


“แต่กูว่า..กูยังทำหน้าที่บกพร่อง”


“ยังไง”


“พ่อบ้านที่ดีต้องเก่งทั้งเรื่องงานบ้าน งานครัวและ..เรื่องบนเตียง”


“...”


“ตั้งแต่กลับมาจากเสม็ดเรายังไม่ได้อึ๊บกันเลย..รู้มั้ยพ่อบ้านใจจะขาดแล้ว  อีกอย่างใกล้จะเปิดเทอมแล้วด้วยถ้าอึ๊บตอนนี้มึงหายทันก่อนเปิดเทอมแน่นอน คืนนี้ขอนะครับ” .

ในขณะที่ปากมันร้องขอหาเหตุผลมาร้อยแปด แต่มือมันลูบไล้เข้ามาใต้เสื้อของผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วยังไงล่ะ..ระทวยสิครับ


  ถ้าจะให้พูดความจริงผมก็ต้องการมันเหมือนกัน..ใช่มันคนเดียวซะที่ไหนที่ใจจะขาด!!


         และแล้ว..และแล้วภาพก็ตัดไปที่โคมไฟหัวเตียง เป็นอันรู้กันนะครับ    อ่าาา






  TBC.

………………………………………………………..

  มาแล้ววว ช่วงนี้มาลีป่วยค่ะแต่ใจสู้สุดๆ ถอดสายน้ำเกลือปุ๊บรีบมาปั่นบทนี้ทันที  :katai4:
  ตามจริงแล้วต้องเป็นคิวของฝรั่งใจ #พี่เบิ้มป้านด  แต่ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลในหัวคิดแต่เรื่องแผ่นดินพู่กัน เลยแอบลัดคิวลงเรื่องนี้ก่อน  แฮะๆ

  ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ^^



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-09-2018 17:59:04 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ skykick

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0


อยากได้พ่อบ้านเหมือนแผ่นดินสักคน  :katai2-1:


ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:

ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
       




บทที่19  ว่าด้วยเรื่องของหมี





      และแล้ววันเปิดภาคเรียนของปีการศึกษาใหม่ก็มาถึง มองสาวๆเฟรซชี่ปีหนึ่งแล้วช่างน่ารักสดใสเหมือนดอกไม้แรกแย้ม แต่พอมองไอ้เพื่อนที่นั่งข้างๆนี่มันดอกไม้เหี่ยวๆดีๆนี่เอง!

สามปีแล้วกับชีวิตนักศึกษาในรั้วมหา’ลัยช่างเร็วดีแท้..ส่วนปณิธานยังคงเหมือนเดิมเก็บแต้มกับสาวๆรุ่นพี่เซ็กซี่ขยี้ใจให้ครบ100คนก่อนเรียนจบ  ฮ่าๆๆ

     ส่วนเรื่องแฟนนะเหรอ ผมไม่สนครับ ไม่อยากมี  ผมไม่คิดจะจริงจังกับใครหรือพร้อมจะดูแลใคร..สำหรับผมแล้วรักแท้ไม่มีจริง! แม้ไอ้พู่หรือใครๆต่างก็บอกว่าผมยังไม่เจอคนนั้นๆต่างหาก   ไม่รู้สิ ผมว่าผมคงไม่เจอ.. มุมมองเรื่องความรักของผมกับไอ้พู่ต่างกันสิ้นเชิงไอ้นั่นเฝ้ารอคอยที่จะมีความรักแม้จะเจ็บมาหลายครั้งแต่ก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่เสมอซึ่งมันก็มีความสุขกับความรักที่มันตามหา..ส่วนความสุขของผมก็นมตู้มๆของสาวๆนี่แหละครับ   ฮ่า




“มึงเห็นหน้าหลานรหัสยังวะ” ไอ้ปูนได้ฤกษเงยหน้าจากมือถือถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเป็นธรรมดาของคนมีความรักครับ ตั้งแต่มันคบกับพี่น้ำโลกของมันก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูหวานมากกว่าของหวานที่มันชอบแดกซะอีก ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องจับมือถือแชทกับหลัวตลอด!   ตั้งแต่มานั่งที่ใต้ตึกคณะมันก็เพิ่งจะเงยหน้าจากจอมือถือนี่แหละ บางทีเห็นแล้วก็น่าหมั่นไส้..แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เพื่อนมีความสุข


“ยังอ่ะ ไม่เห็นโรสว่าไง แต่กูอยากได้หลานรหัสผู้ชายวะ” โรสคือน้องรหัสของไอ้พู่ครับ และเหตุผลที่มันอยากได้หลานรหัสเป็นผู้ชายก็เพราะสายรหัสมันมีแต่ผู้หญิงจึงได้ฉายาว่า สายหวาน เพราะตั้งแต่ถือกำเนิดสายรหัสมันขึ้นมาพี่หมอมุ้ยทวดรหัสของมันคือผู้ชายคนแรกของสายรหัส และมันคือคนที่สอง..ส่วนสายรหัสของผมน่ะเหรอเรียกว่า สายแข็ง เพราะมันตรงข้ามกับสายของไอ้พู่โดยสิ้นเชิง มีแต่ชายฉกรรจ์ล้วนๆ ไม่พวกเนิร์ดแว่นหนาเตอะก็พวกหล่อลากไส้แบบผม ฮ่า  นัดเลี้ยงสายรหัสกันนึงนึกว่าจะไปก่อม็อบกันที่ไหน!


“สายหวานของมึงยังไงก็ได้ผู้หญิงอยู่แล้วล่ะกูขอฟันธง” ผมมั่นใจเลยยังไงสายหวานก็คือสายหวาน


“แต่สายกูผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้นะ ยังไงก็ได้” ไอ้ปูนตอบทั้งๆที่ยังไม่เหน้าจากจอมือถือ   ไอ้พู่บอกว่าพี่น้ำติดไอ้ปูนยิ่งกว่ากาวตราช้าง แต่ผมว่ามันก็พอกันทั้งคู่นั้นแหละ..


“ของมึงควรจะได้ผู้หญิง ถ้าได้ผู้ชายพี่น้ำหึงแน่นอน มึงก็ด้วยไอ้พู่” โดยเฉพาะไอ้ดิน เห็นหน้านิ่งๆแต่แท้จริงแล้วโคตรขี้หึง  ได้ผู้หญิงน่ะดีแล้วจะได้ไม่มีปัญหาตามมา พอมีปัญหากับหลัวทีไรเพื่อนหล่อลากไส้อย่างผมก็ปวดหัวตามไปด้วย!


“เอ้า มึงไม่คิดว่าผู้หญิงจะมาชอบกูบ้างเหรอวะ” กล้าพูดนะไอ้ปูน เหง้าหน้ามึงแบ๊วซะขนาดนี้


“นี่กูจะบอกให้นะ ตั้งแต่พวกมึงมีผัวฟีโรโมนพวกมึงก็เปลี่ยนเป็นดึงดูดแต่พวกเดียวกัน ที่จริงมันก็ดึงดูดมานานแล้วล่ะแต่พวกมึงแม่งไม่รู้ตัว  ไม่เชื่อมึงลองหันไปมองไอ้หน้าตี๋ที่นั่งอยู่โต๊ะใต้ต้นไม่นั่นดิ กูเห็นแม่งแอบมองไอ้ปูนนานละ” แล้วพวกแม่งก็หันพรึ่บไปมองแบบไม่เนียนเล้ย ไอ้หน้าตี๋แม่งก้มหน้าหลบแทบไม่ทัน!


“แค่ไอ้ปูนหรอกที่ดึงดูดแค่เพศเดียวกัน ยังไงกูก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงตั้งสามคนนะเว้ย” มันก็พอกันทั้งคู่ คนนึงน่ารัก คนนึงหน้าสวยจับใส่วิกแม่งเหง้าหน้าก็ผู้หญิงดีๆนี่เอง แต่พวกแม่งไม่รู้ตัวหรอก เพราะมีผมอยู่ด้วยและคอยใช้สรีระอันสูงใหญ่ประดุจนายแบบเป็นไม้กันหมาให้พวกมันอยู่เรื่อยจึงไม่มีชายใดกล้ามาจีบพวกมันไง..พี่น้ำกับไอ้ดินควรจะขอบคุณผมนะเนี่ย   ไม่ได้การละต้องเอาเรื่องนี้ไปเป็นข้ออ้างให้เลี้ยงชาบูสักหน่อยแล้ว  ลาภปากไอ้หมีล่ะงานนี้! 


“นี่พวกมึงตอนเย็นไปร้านพี่มด..    โอ้ย! ” ผมยังพูดไม่จบ จู่ๆก็มีวัตถุบางอย่างร่วงลงมาใส่หัวผม 

   ลูกอม!!  มันคือ ลูกอม  แล้วลูกอมหลากหลายรสก็ร่วงหล่นลงมาอย่างกับห่าฝน!

พวกผมต่างก็พากันแหงนขึ้นมองที่มาของห่าฝนลูกอม  มันมาจากกระเป๋าเป้ของใครคนหนึ่งที่ปิดไม่สนิทหรือไม่ก็ซิปแตก! ที่ยืนพิงกับระเบียงทางเดินชั้นสองซึ่งตรงกับโต๊ะที่เรานั่งพอดิบพอดี


“เฮ้ย!  ลูกอมตก” ผมตะโกนขึ้นบอก แต่ไอ้คนข้างบนมันไม่ได้ยินครับเพราะมันใส่หูฟังยืนพิงระเบียงก้มหน้าอ่านหนังสือในมืออย่างตั้งอกตั้งใจ

แม่งคนห่าอะไรมันจะชอบลูกอมขนาดถึงขั้นพกมาเต็มกระเป๋าได้ขนาดนี้วะ คงจะเป็นพวกชอบแดกหวานเหมือนไอ้ปูนแน่ๆ ซึ่งตอนนี้มันก็เป็นคนเดียวที่ดีด๊ากับปรากฎการณ์ห่าฝนลูกอม!


“ยี่ห้อนี้กูชอบ” ว่าแล้วไอ้ปูนแม่งก็แกะลูกอมแล้วเอาใส่ปากเฉยเลย!


“เฮ้ ลูกอมร่วง ลงมาเก็บด้วย” ไอ้พู่ช่วยตะโกนบอกอีกครั้งและเหมือนเดิมมันยังคงไม่รู้ตัว

ผมจึงตั้งใจปาลูกอมกลับขึ้นไปให้มันรู้ตัว  แล้วก็โดนหัวมันพอดีเป๊ะ  เสี้ยวหน้าที่เห็นเพียงขาแว่นตาสีดำค่อยๆหันกลับมาพร้อมกับดึงหูฟังออกจากหู
“ไอ้ลูกอม  มึงลงมาเก็บลูกอมของมึงเดี๋ยวนี้เลย” ผมชี้หน้าบอกแม่งด้วยความหงุดหงิด  แม่งอย่างกับโปรยทาน  ส่วนไอ้ปูนก็แกะลูกอมใส่ปากไม่หยุดมันน่าดีดปากแตกจริงๆ


   ไอ้เจ้าของลูกอมทำหน้าตกใจเมื่อรู้ตัวว่ามันทำลูกอมเกลื่อนเต็มโต๊ะที่พวกผมนั่ง ก่อนจะรีบวิ่งลงมาด้วยความร้อนรน
ไอ้เจ้าของลูกอมคือเด็กเนิร์ดใส่แว่นตาหนาเตอะ ความสูงพอๆกับไอ้ปูนน่าจะสายพันธุ์เดียวกัน แถมที่คอยังคล้องป้ายชื่อสีฟ้าที่ระบุชื่อและคณะเป็นสัญลักษณ์ที่ดีที่บ่งบอกถึงความเป็นเฟรชชี่

   ‘โอบบุญ  สัตวแพทย์’     อืม..ชื่อเพราะ


“ขอโทษครับพี่” ไอ้ลูกอมยกมือไหว้ขอโทษพร้อมกับรีบเก็บลูกอมใส่กระเป๋า


“รีบๆเก็บเลยไอ้บุญ บ้านมึงเป็นโรงงานผลิตลูกอมรึไง พกมาทำห่าอะไรเยอะแยะนี่มึงพกมากินหรือพกมาขาย” 


“....” มันไม่ตอบครับเพียงแค่ดันกรอบแว่นขึ้นแล้วก้มหน้าก้มตาเก็บลูกอมต่อ


“เอ้า รุ่นพี่ถามไม่ตอบ ไอ้บุญ”


“ผมชื่อโอบบุญครับ” มันเงยหน้าตอบพร้อมสบตาผมนิ่ง  โอ้ววว มึงคือรุ่นน้องคนแรกที่กล้าสบตากูอย่างท้าทาย นี่มึงไม่ได้ดูขนาดตัวกูกับมึงเลยใช่มั้ยไอ้เตี้ย


“ก็ใช่ไง กูอ่านออก แต่กูจะเรียกพยางค์เดียว หรืออยากให้เรียกสองพยางค์ จะได้ชิคๆงี้”


“ป่าวครับ ถ้าจะเรียกพยางค์เดียวควรเรียกว่าโอบครับ”


“กูจะเรียกบุญมีไรป่าว” ผมตอบมันด้วยใบหน้าที่คิดว่าน่าจะกวนประสาทสุดๆ  แต่หน้ามันยังนิ่งครับ


“ไม่มีครับ แต่นั่นชื่อคุณพ่อผม  ถ้าพี่จะคุยกับคุณพ่อเดี๋ยวผมต่อสายให้ครับ” แล้วไอ้เด็กลูกอมก็ล้วงมือถือจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาทำท่าเหมือนจะกดโทรหาคุณพ่อบุญของมันจริงๆ 

ไอ้ห่าเอ้ยยย  ผมได้แต่เกาหัวอย่างหงุดหงิด แม่งซื่อหรือกวนตีนวะ!

ส่วนไอ้เพื่อนสองตัวก็นั่งมองด้วยความสนุกสนานที่นานๆทีจะมีรุ่นน้องกล้าต่อปากต่อคำกับผม แถมยังหน้านิ่งไร้อารมณ์อีกต่างหาก 


“ไม่ต้อง! มึงกวนตีนกูป่ะเนี่ย” ชักเริ่มมีน้ำโห เตะตัดขาสั้นๆนั่นแม่งเลยดีมั้ย


“พี่จะแบ่งลูกอมไปก็ได้นะครับ” อ้าว  ไอ้ห่าไม่สนใจกูแล้วหันไปคุยกับไอ้ปูนเฉยเลย

 
“ได้เหรอ งั้นพี่ขอนะ” ไอ้เพื่อนเวรนี่ก็ตะกละตะกลาม กูขอให้แมงกินฟันมึงผุทั้งปาก!


“ได้ครับ”  ยิ้มเหรอ!  แม่งก็ยิ้มเป็นนี่หว่า


“แต้งกิ้วน๊า  พี่ชื่อปูนสัต’แพทย์ปี3  ยินดีที่ได้รู้จักนะน้องโอบบุญ ”


“ครับพี่ปูน เรียกผมว่าโอบก็ได้ครับ”


“ส่วนพี่ชื่อพู่ยินดีที่ได้รู้จักนะ เอ้ามึงแนะนำตัวกับรุ่นน้องในฐานะรุ่นพี่น่ารักหน่อยดิ๊” แล้วไอ้พู่ก็สะกิดแขนผมยิกๆพร้อมกับใบหน้าที่ชวนให้เตะตัดขาเช่นกัน


“เออๆ หวัดดีกูชื่อกู๊ด ยินดีที่ได้รู้จักไอ้ลูกอม”


“สวัสดีครับ แต่ผมชื่อโอบครับ”


“กูจะเรียกลูกอมมีปัญหาไรมั้ย หรือว่าเป็นชื่อของญาติฝ่ายไหนของมึงอีก”


“แล้วแต่ครับ” มันพูดด้วยไปหน้าเรียบเฉยก่อนจะดันกรอบแว่นขึ้นแล้วเงยหน้ามองผมนิ่ง จนผมต้องเป็นฝ่ายหลบสายตา ผมล่ะเกลียดสายตาเรียวเล็กที่มองผ่านกรอบแว่นแบบเฝ้าสังเกตของมันจริงๆ..ให้ตายเหอะ


“ไม่มีใครเรียกมันว่ากู๊ดหรอก ทุกคนต่างก็เรียกมันว่าหมี” แล้วไอ้ปูก็กระซิบบอก พร้อมกับเกะลูกอมเข้าปากอีกหนึ่งเม็ด กูขอให้ปากมึงเปื่อย!


“ก็เหมาะกับตัวดีนะครับ  อย่างพี่คงจะไม่กู๊ด” อีกแล้วครับพูดพร้อมกับเงยหน้าสบตาผมอย่างท้าทาย


“เดี๋ยวเหอะไอ้แว่น ตัวก็เล็กเท่าลูกหมาอย่าปากดี” ที่คณะไม่ได้มีการรับน้องแบบเคร่งครัดเหมือนคณะอื่นไม่ได้หมายความว่าจะมาปีนเกรียวแบบนี้นะเว้ย  เดี๋ยว..มึงเจอกู


“ตัวเท่าลูกหมาแล้วหนักหัวมึงรึงไง” นั่นไง ไอ้ปูนแม่งหัวร้อนตะโกนใส่หน้าผมพร้อมกับปาลูกอมรสคาราเมลที่มีมากที่สุดในบรรดาลูกอมที่มันร่วงลงมาใส่หัวผม


“กูว่ามึงสักคำรึยัง ร้อนตัวทำห่าไรเนี่ย” แม่งเจ็บเหมือนกันนะเนี่ย ผมได้แต่ลูบหัวตัวเองป้อยๆ


“ไม่รู้แม่ง มึงไม่เข้าใจฮอบบิทอย่างกูหรอก เนอะน้องโอบ ว่าแต่น้องโอบชอบกินของหวานๆเหรอ” อ้าวเปลี่ยนประเด็นเองเฉยเลย ก็ดีกูจะได้ไม่เจ็บตัว


“ครับ ชอบทุกอย่างที่เป็นของหวานเวลาทานแล้วรู้สึกอารมณ์ดีแล้วก็สดชื่นครับ”


“เน๊อะ เหมือนพี่เลย อยากให้น้องโอบมาเป็นหลานรหัสพี่จังจะพาไปกินเค้กอร่อยๆ ว่าแต่รู้รึยังว่าใครเป็นพี่รหัส?”


“ทราบแล้วครับ ชื่อพี่โก้ครับ”  เมื่อได้ยินชื่อโก้ ผมก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ


“โก้ไหน โก้หญิงหรือโก้ชาย” ไอ้พู่รีบถามในสิ่งที่ผมก็สงสัยทันที พร้อมกับส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้ น่าเตะตัดขามาก ณ.จุดๆนี้! 

 
“ผู้ชายครับ” นั้นไง!  ให้มันได้อย่างนี่ซี้   ปีสองมีคนชื่อโก้อยู่สองคน คือน้องโก้สาวหมวยหัวใจฟรุ้งฟริ้งดาวคณะเมื่อปีที่แล้ว กับไอ้โก้ชายหนุ่มสายร็อคผู้มีพี่ตูนเป็นไอดอล และแน่นอนมันเป็นน้องรหัสผม! ซึ่งนั้นหมายความว่า...


“ดีใจด้วยนะ น้องโอบบุญคุณได้หมีปากหมาเป็นลุงรหัส” แล้วไอ้พู่ก็แสดงความยินดีกับไอ้ลูกอมด้วยการตบบ่ามันเบาๆ พร้อมกับหันมาพยักหน้าบอกผมเป็นนัยๆว่าสนุกล่ะงานนี้

“สายกูจะไม่มีผู้หญิงกับเขาใช่มั้ยเนี่ย” ผมได้แต่ยกมือกุมขมับ ส่วนไอ้ลูกอมก็ทำหน้านิ่งไม่แสดงอาการใดๆเมื่อรู้ว่าผมเป็นลุงรหัสของมัน..แต่สายตามันยังคงหรี่มองแบบเฝ้าสังเกตเหมือนเดิม  อยากจับถอดแว่นแล้วแม่งจับถ่างตาให้รู้แล้วรู้รอด!


“ดีเลยหมี เมื้อกี้มึงจะชวนไปร้านพี่มดใช่ป่ะพาน้องโอบไปด้วยสิ” ไอ้พู่เสนอความคิดด้วยใบหน้านึกสนุกทันที


“เออๆงั้นก็ได้  ไอ้ลูกอมเดี๋ยวคืนนี้กูพาไปเลี้ยงเอาเบอร์มึงมา” แล้วผมก็ยื่นมือถือให้มันกดเบอร์ของตัวเอง


“ร้านพี่มดคือร้านอะไรครับ” ไอ้ลูกอมดันกรอบแว่นถามด้วยความสงสัยก่อนจะคืนมือถือให้กับผม


“ร้านเหล้า”


“ผมดื่มเหล้าไม่เป็นแล้วก็ไม่คิดจะดื่มด้วยครับ”


“ว่าแล้วเชียว หน้าคุณหนูอย่างมึงคงแดกนมอุ่นๆก่อนนอน  แล้วก็คงเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำสินะ”


“พี่รู้ได้ไง! แต่ผมเปลี่ยนเวลานอนมาเป็นก่อนเที่ยงคืนเพื่อจะได้มีเวลาอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น” หน้าตาแม่งจริงจังมากเวลาที่มันพูด  พวกผมสามคนได้แต่กระพริบตาปริบๆ ผมก็แซวมั่วซั่วไปงั้นแหละเพราะเหง้าหน้าแม่งได้ ใครจะไปคิดนี่มันลูกคุณหนูเด็กอนามัยของจริงนี่หว่า


“รุ่นพี่เลี้ยงยังไงก็ต้องไป อย่าเยอะมึงอ่ะ ไว้ตอนเย็นกูจะโทรหามึงอีกที”


“เอาน่าน้องโอบ ร้านเหล้าไม่ได้ขายแค่เหล้าสักหน่อย ถ้ามาคืนนี้น้องโอบได้จะได้ชิมบราวนี่ที่อร่อยที่สุดในเมืองมนุษย์” ไอ้ห่าปูนก็พูดเวอร์วัง


“จริงเหรอครับ” เออว่ะ อารมณ์แม่งเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังตีนแววตานี่ลิงโลดสุดๆ  สปีซีส์เดียวกับไอ้ปูนต้องเอาของหวานเข้าล่อสินะ!


“จริงสิ งั้นคืนนี้เจอกันน้า”


“ครับ” แล้วมันก็พยักหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม  เห็นแม่งยิ้มแล้วหมั่นไส้ว่ะ!


   ดี! คืนนี้กูจะเปิดประสบการณ์มึงไอ้ลูกอม รับลองแดกเหล้าอร่อยกว่าแดกลูกอมเป็นไหนๆ  หึหึ





     หกโมงเย็นผมมารับไอ้ลูกอมที่หอใน แม่งสงสัยเหมือนกันลูกคุณหนูขนาดนี้ทำไมถึงอยู่หอในวะ
       
“ไอ้ลูกอม ทางนี้” ผมเปิดกระจกรถตะโกนเรียกไอ้ลูกอมที่เดินออกจากหน้าหอด้วยหน้าตาเด๋อด๋า

ไอ้เด็กแว่น สวมเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายสนูปี้และผองเพื่อน กางเกงขาสั้นเท่าเข่าสีครีมกับรองเท้าแตะรัดส้นสีดำ แม่งดูยังก็ลูกคุณหนู


“พี่กู๊ดสวัสดีครับ” แปลกครับ ถึงมันจะบอกว่าชื่อหมีเหมาะกับตัวผม แต่มันก็ยังเรียกชื่อเล่นจริงๆของผมอยู่ดี


“แดกข้าวยัง”


“ทานแล้วครับ” นี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าแม่งลูกคุณหนู พูดเพราะสัด อยากรู้เหมือนกันว่าตั้งแต่มันเกิดมาเคยพูดคำหยาบบ้างรึป่าว


“ที่ร้านไม่มีกับข้าวขาย อยากแดกอะไรบอก จะได้ซื้อเข้าไปเลยทีเดียว” ผมถามอย่างใจดี ก็มันเป็นหลานรหัสผมนี่น่าก็ต้องดูแลกันสักหน่อย เดี๋ยวจะหาว่า สายแข็ง ของเราแม่งอ่อน


“เค้กครับ” มันตอบกลับมาหน้านิ่ง


“กูหมายถึงข้าว หรือไม่ก็กับแกล้ม”


“ข้าวผมทานแล้ว ผมไม่ดื่มเหล้ากับแกล้มจึงไม่จำเป็น แต่ผมอยากทานเค้กครับ”


“เฮ้อ เค้กก็เค้ก” เท่านั้นแหละครับหน้าเรียบเฉยของมันก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เด็กน้อยเอ้ย!


“ร้านไหนดีครับ” มันหันมาถามด้วยแววตาสดใส


“อ้าว กูจะรู้กับมึงมั้ย” มึงเป็นคนแดกกูจะรู้มั้ยเนี่ย


“ผมมาจากกรุงเทพฯเลยไม่รู้ว่ามีเค้กร้านไหนอร่อยบ้าง ส่วนใหญ่ก็ซื้อตามร้านกาแฟในมหา’ลัยครับ” อ่อ ลูกคุณหนูจากเมืองกรุงนี่เอง


“กูก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ เดี๋ยวพาไปร้านที่ไอ้ปูนมันชอบไปละกันน่าจะอร่อยล่ะนะ” 


   ร้านเค้กแถวๆหน้ามหา’ลัย ผมปล่อยให้ไอ้ลูกอมมันลงไปซื้อเค้กของมันตามสะดวกส่วนผมรอในรถ ก่อนจะโทรจองโต๊ะกับพี่มด เพราะวันนี้วันหวยออกคนน่าจะเยอะจึงรีบโทรจองที่นั่งหน้าเวทีไว้ก่อน

รอไอ้ลูกอมไม่ถึง10นาที มันก็เดินกลับมาที่รถด้วยใบหน้าแป้นแล้นพร้อมกับหิ้วถุงเค้กในมือ..พอใจละสินะ


“เท่าไหร่” เมื่อมันปิดประตูรถผมก็ถามทันที


“??” ส่วนมันก็หันมาทำหน้างงใส่


“ค่าเค้กน่ะเท่าไหร่”


“สามร้อยครับ”


“อ่ะนี่ เลี้ยง” ผมยื่นธนบัตรสีแดงให้มันสามใบ พอมันทำท่าจะปฎิเสธผมก็รีบดักคอมันทันที


“อย่าปฏิเสธ ถือว่าเลี้ยงหลานรหัส”


“ขอบคุณครับ” มันไหว้ขอบคุณก่อนจะควักลูกอมรสคาราเมลที่หวานบาดคอจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเกะใส่ปากแล้วหลับตาพริ้มอย่างอารมณ์ดี  เดี๋ยวเหล้าเข้าปากมึงได้อารมณ์ดีกว่านี้แน่ หึหึ


“ชอบมากเหรอ ไอ้ลูกเนี่ย” อดไม่ได้ที่จะถามครับ แม่งอมได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ


“ครับชอบ ความหวานมันทำให้ผมมีชีวิต” ดูมันตอบ มึงไปพวกน้ำตาลตกรึไงวะ?!


“ไม่ได้แดกแล้วจะตายรึไง”


“ไม่ตายครับแต่ขาดไม่ได้ เอามั้ยครับผมแบ่งให้” แล้วมันก็ยื่นไอ้เจ้าลูกอมเม็ดสีน้ำตาลมาให้ผม


“ไม่อ่ะ อมแล้วแม่งเหนียวคอ แบบเย็นๆอมแล้วชุ่มคอมีมั้ยวะ”


“ไม่มีครับ แบบนั้นมันเผ็ดผมไม่ชอบครับ” แล้วมันก็แกะลูกอมห่อนั้นเข้าปากตัวเองอีกเม็ดนึง  ตอนนี้ในรถคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นหวานของคาราเมล  ชักเลี่ยนล่ะสิ


“งั้นมึงเปิดเอาฮอลล์ตรงเก๊ะหน้ารถมาให้กูหน่อย”  ฮอลล์คูลแบบกล่องสีน้ำเงินก็ถูกยื่นมาให้ จะอมทั้งทีมันก็ต้องอมของเย็นๆชุ่มคอแบบนี้สิ...ค่อยยังชั่วค่อยหายเลี่ยนหน่อย
   





       ร้านโต๊ะกลมในวันหวยออกอัดแน่นไปด้วยผู้คน โดยเฉพาะแฟนคลับที่มารอชมการแสดงมหรสพจากวงเกือบประจำอย่างวงจิปาถะ ที่วันนี้ฟอร์มวงมาเต็มวง นำโดยนักร้องหนุ่มผมยาวพี่สีน้ำเจ้าเก่าเจ้าเดิมเพิ่มเติมคือมีเมียแล้ว!
ตามมาด้วยพี่ต้ามือกลองและพี่ต่อมือกีต้าร์ที่ผ่าเฝือกออกจากแขนแล้วเรียบร้อยและได้ของใหม่เป็นเฝือกขาซึ่งเป็นรางวัลจากสาเหตุเดียวกับแขนหักนั่นก็คือเมา แขนหักแล้วโชว์เท่โดยการเมาแล้วขับมอเตอร์ไซค์ด้วยมือข้างเดียวทำให้รถล้มอีกแล้ว!
ชีวิตพี่แกช่างโลดโผนดีแท้ นี่ขนาดยังไม่เบญจเพสนะ ถ้าเข้าเบญจเพสพี่แกคงใส่เฝือกทั้งตัว!!
ผมค่อนข้างสนิทกับพี่น้ำเลยสนิทกับเพื่อนๆในวงของพี่แกไปด้วยเจอหน้ากันทีไรเป็นอันต้องก๊งเหล้ากันทุกที!

พอเดินมาถึงหน้าร้าน ไอ้ลูกอมก็ยืนเงอะงะไม่ยอมเดินตามมาสักทีผมจึงคว้าข้อมือเล็กๆของมันให้เดิมตามมา  แม่งแขนโคตรเล็กจับแรงมีหวังหัก!


“น้องโอบทางนี้” ไอ้ปูนรีบโบกมือเรียกไอ้ลูกอม ดีใจอย่างกับได้เจอพวกเดียวกัน จะว่าไปก็เหมือนพี่น้องที่พัดพรากกันแต่ชาติปางก่อน ทั้งรูปร่างหน้าตาความชอบก็คล้ายๆกัน ต่างกันตรงที่ไอ้ลูกอมจะหุ่นบางกว่า ส่วนไอ้ปูนเจ้าเนื้อนิดๆยิ่งได้เค้กจากพี่น้ำที่เช้าถึงเย็นถึงขุนจนแก้มย้วยไปถึงตาตุ่ม!


“สวัสดีครับพี่ปูน พี่พู่” ไอ้ลูกอมยกมือไหว้ทักทายรุ่นพี่ทั้งสองคนของมันมัน รวมถึงไหว้ไอ้ดินและพี่น้ำที่ต่างก็นั่งเฝ้าเมียของตัวเอง


“เปลี่ยนแนวแล้วเหรอวะไอ้หมี” พี่น้ำแซวทันทีเมื่อก้นผมหย่อนลงเก้าอี้


“ใช่ที่ไหนล่ะพี่ นี่ไอ้โอบหลานรหัสผมพามาเปิดหูเปิดตาน่ะ”


“อ่อเหรอ นึกว่าเปลี่ยนแนวจากหญ้าแก่มาเป็นหญ้าอ่อนแล้วซะอีก”


“พี่เป็นวัวเหรอครับ” แล้วไอ้ลูกอมก็หันมาถามผมด้วยใบหน้าจริงจัง สาบานว่าโง่จริง ไม่ได้หรอกด่ากู!


“ไม่เผือกดิ นี่แนะนำก่อน พี่ผมยาวเคราดกคนนี้ชื่อพี่น้ำเป็นพี่ชายของไอ้พู่แล้วก็เป็นแฟนของไอ้ปูน  ส่วนไอ้ถึกที่นั่งหน้าหล่อเก๊กขรึมข้างไอ้พู่ชื่อไอ้ดินเพื่อนกูเอง แล้วก็เป็นผัวไอ้พู่มันด้วย” จบคำว่าผัวก็ได้รับเปลือกถั่วเขวี้ยงใส่หัวเป็นรางวัลจากเมียไอ้ดิน..ก็มันจริงนี่หว่าใครถูกจับกดคนนั้นก็ต้องเป็นเมีย อย่างไอ้พู่คงไม่มีปัญญากดไอ้ดินหรอกจริงมะ!?


“สวัสดีครับ” ไอ้ลูกอมไหว้อย่างเป็นทางการอีกครั้งด้วยสีหน้าอึ้งเล็กน้อยเมื่อรู้ว่ารุ่นพี่ของมันทั้งสองคนต่างก็มีแฟนเป็นผู้ชาย


“น้องโอบชิมบราวนีสิ”


“บราวนี่ที่พี่ปูนบอกว่าอร่อยที่สุดในเมืองมนุษย์น่ะเหรอครับ” พอเป็นเรื่องของหวานแววตามันจะเปลี่ยนเป็นเริงร่าทันที


“ใช่แล้ว ชิมๆ”


“รสสัมผัสหนึบๆ หอมช็อกโกแลตแล้วก็หวานกำลังดีอร่อยสุดๆไปเลยครับ  ร้านอยู่ตรงไหนครับผมจะซื้อมาทานบ้าง” เมื่อชิมคำแรกไอ้ลูกอมถึงกับเบิกตาโพลง


“ใช่มั้ยล่ะ  แต่ว่าไม่มีขายหรอกนะ แม่ของพี่พู่เป็นคนทำน่ะ ถ้าวันไหนคุณแม่ทำอีกพี่จะแบ่งมาให้นะ”


“ขอบคุณครับ ผมก็มีเค้กมาฝากเหมือกันครับ” แล้วมันก็ค่อยๆหยิบเค้กออกจากถุงวางบนโต๊ะทีละชิ้น


“ทีรามิสุของร้านsweetsนี่นา ร้านนี้เค้กอร่อยหลายอย่างเลยนะ”


“พี่กู๊ดพาไปซื้อครับบอกว่าเป็นร้านประจำของพี่ปูน”


“มึงนี่ดูแลหลานรหัสดีจริงๆนะหมี” แล้วไอ้พู่ก็หรี่ตาถามอย่างจับผิด แค่พาไปซื้อเค้กแปลกตรงไหน?


“แน่นอน สายกูมันไม่ธรรมดาเว้ย”


“ถ้างั้นก็จัดแจงหาเครื่องดื่มให้หลานมึงหน่อย”


“แดกไร โค้ก?”


“ผมไม่ดื่มน้ำอัดลม ขอน้ำเปล่าก็ได้ครับ” เป็นไงล่ะเจอเด็กอนามัยเข้าไป


“ทำไมไม่แดกน้ำอัดลมวะ” ชอบแดกหวานมันก็ต้องชอบสิ


“มันไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่”   ครับ!


“เหอะ ตลกน่ะมึงอ่ะไม่แดกน้ำอัดลมแต่แดกลูกอม ไม่ดีต่อสุขภาพเหมือนกันนั้นแหละ”


“แต่ผมทานอาหารครบห้าหมู่ ออกกำลังกาย แล้วก็ดูแลช่องปากอย่างดีแปรงฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหาร”

ผมจ้องหน้ามันครับ จ้องไอ้ปากเล็กๆที่มันขยับเถียงไม่หยุด  เถียงกูได้เถียงกูดีจับมอมเหล้าแม่ง!


“แล้วถ้ามีน้ำหวานจะแดกมั้ย”


“ถ้ามีก็ดื่มครับ” ทีอย่างงี้ล่ะไม่ปฎิเสธ


“ดี! งั้นรอแปป” ต้องหาน้ำหวานให้มันครับ จะได้หยอดเหล้าลงไปโดยไม่ผิดสังเกต ไอ้เรื่องแผนชั่วขอให้บอกถนัดนัก








“พี่มดร้านพี่มีน้ำหวานป่ะ”


“มีแต่น้ำแดงเฮลบลูบอย กูเอาไว้ชงให้เจ้าที่อยากได้ก็แบ่งไป” ก็ยังดีวะ แบบนี้ยิ่งเมาง่ายถ้าผสมเหล้าขาวนี่แหล่มเลย นึกแล้วก็ส้มปาก!


แล้วผมก็จัดการชงน้ำแดงโดยหยอดเหล้าลงไปครึ่งฝาเบาๆ ผสมเยอะเดี๋ยวแม่งรู้ตัว   นี่ถึงขั้นลงทุนเปิดเหล้าขวดใหม่แล้วแอบฝากไว้กับพี่มดเลยนะเนี่ย  หึหึ อร่อยเหาะแน่ๆไอ้ลูกอมเอ๋ย


“ลับๆล่อๆนะมึงอ่ะ”


“เอาน่าพี่ถือว่าเปิดประสบการณ์เด็กมัน”


“ดีๆนะมึง อย่าให้มันเมาปลิ้นแล้วอ้วกใส่ร้านกูล่ะ”


“ไม่ต้องห่วงพี่ ยังไงมันก็หลานรหัสผม"


"เมาแล้วก็อย่าจับปล้ำล่ะ"


“ขนลุกพี่ ไม่ไหวๆ” ผมเนี่ยนะปล้ำไอ้ลูกอม ถ้าเป็นรุ่นพี่สาวๆนมตู้มก็ว่าไปอย่าง


“ให้มันจริง ไอ้พวกที่พูดขนลุกแบบมึงสุดท้ายแม่งก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้นกูเห็นมาหลายรายละ”

“ไม่ใช่ผมแน่นอนพี่  กลับโต๊ะก่อนนะพี่เดี๋ยวมันสงสัย” ผมเนี่ยน่ะหลงไอ้ลูกอม ไม่มีทางเกิดขึ้นกับผมแน่นอน ผู้หญิงก็ไม่ใช่ แถมยังห่างไกลสเปคของผมมากโข เป็นรุ่นน้อง นมก็แบน ความเซ็กซี่ก็หามีไม่ดูยังไงๆก็เด็กประถม



  อ่านต่อด้านล่างค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-09-2018 17:53:56 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

“อ่ะน้ำแดง กูอุตส่าห์หามาให้แดกให้หมดล่ะ”


“ขอบคุณครับ”


“เป็นไง” ผมถามด้วยใจระทึกเมื่อมันดื่มน้ำแดงอึกแรกลงคอ


“ผมว่ามันปะแล่มๆ ”


“เพราะลูกอมที่อยู่ในปากมึงรึป่าว” เหล้าแค่ครึ่งฝากลิ่นและรสไม่น่าจะแรงน่า แต่ก็อย่างว่าคนไม่เคยดื่ม ..แถไว้ก่อนล่ะงานนี้


“ก็อาจจะใช่ แต่ก็อร่อยดีครับ” จากนั้นมันก็ชัดน้ำแดงลงไปอีกครึ่งแก้ว เมาแน่ๆล่ะงานนี้ เหล้าบวกทั้งน้ำหวาน เค้ก แล้วก็ลูกอมรสคาราเมลของมัน  ยิ่งคนไม่เคยแดกเหล้ามาก่อนบอกได้คำเดี๋ยวว่าเป๋


เมื่อหมดแก้วหน้ามันก็เริ่มแดงครับ แถมยังยิ้มง่ายอีกต่างหาก


“เอาอีกมั้ย”


“เอา” มันพยักหน้าหงึกๆพร้อมกับยิ้มร่าแถมยังล้วงลูกอมรสคาราเมลในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาอมอีก อยากจะรู้จริงๆว่าในกระเป๋าแม่งยัดลูกอมได้กี่เม็ดวะ!


ผมเดินมาที่เค้าเตอร์บาร์อีกครั้งเพื่อจัดการชงน้ำแดงสูตรพิเศษให้กับไอ้ลูกอม โดยมีไอ้พู่เดินตามมาด้วย


“กูว่าแล้วมึงต้องแอบเติมเหล้าให้น้องมัน”


“แม่งหมั่นไส้อนามัยจัดดีนัก แอบหยอดเหล้าแม่ง”


“เมาเละขึ้นมาดูแลเองนะคร้าบ กูไม่เกี่ยวนะเว้ย”


“เออน่า”


“กูว่ามึงเอาน้ำแดงไปทั้งขวดเลยเหอะ แล้วพรุ่งนี้มึงซื้อมาคืนเจ้าที่กูด้วย” พี่มดพูดพร้อมกับยื่นขวดน้ำแดงมาให้ ไม่รู้ว่าพี่แกพูดจริงหรือว่าประชดกันแน่ แต่น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า


“ไม่เอาพี่ เดี๋ยวแผนแตก” มันเห็นว่าแอบเติมเหล้าก็จบเห่กันพอดีสิ


“มึงถึงขั้นยืมน้ำแดงเจ้าที่เลยเหรอวะ เป็นเอามากนะมึงอ่ะ สนใจน้องมันอยู่รึไง”


“สนใจห่าไร ก็แค่หมั่นไส้ อยากแกล้งอ่ะเข้าใจป่ะ” สนใจเชี่ยไร พูดแล้วก็ขึ้นใส่เหล้าแม่งฝานึงเลยละกัน


“หึๆ  พี่คิดเหมือนผมป่ะ” แล้วไอ้พู่กันหันไปถามไอ้พี่มดที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ต่างกัน 

   
   อะไรของแม่งวะ?!





     กลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง ก็ถึงเวลาที่วง จิปาถะ ขึ้นร้องเพลงพอดี ส่วนไอ้ลูกอมก็แดกเค้กสามชิ้นที่ซื้อมาหมดเกลี้ยงพร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ


“อ่ะแก้วที่สอง รับรองรสดีกว่าแก้วแรก เพราะกูชงให้อย่างตั้งใจ ดื่มให้อร่อยนะหลานรหัส” ปากพูดอย่างใจดีแต่ในใจกูนี่กระหยิ่มยิ้มย่องมาก หึหึ


“ขอบคุณครับ” ครั้งนี้มันยิ้มขอบคุณด้วยครับ จะว่าไปใบหน้าเล็กๆของมันเวลายิ้มก็น่ารักดีนี่หว่า!


 
“สวัสดีครับ พบกับพวกเรา จิปาถะอีกครั้งในวันหวยออก เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปฟังบทเพลงแรกของค่ำคืนนี้กันเลยครับ คนที่ยังไม่รู้ว่าใคร ” เสียงกรี๊ดจากแฟนคลับของพี่น้ำที่ตามมาเชียร์ทุกงวดหวยออก พี่น้ำมอบรอยยิ้มเป็นการทักทาย ก่อนจะโฟกัสสายตาไปที่ไอ้ปูนเพียงคนเดียวต่างฝ่ายต่างส่งสายตาหวานเชื่อมให้แกกันประหนึ่งทั้งร้านมีแค่พวกมึง2คน เห็นแล้วก็หน้าหมั่นไส้!

ส่วนอีกคู่ที่นั่งตรงข้ามผมไอ้ดินกับไอ้พู่ก็นั่งจับมือกันไม่ยอมปล่อย ร้อนตายห่าจับไปได้!

...แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าคนมีความรัก..ผมควรจะอิจฉาดีมั้ยวะ?!



ใครไม่รู้ได้เคยบอกไว้ ว่าในโลกนี้จะมีหัวใจ
อีกใจซ่อนไว้ ให้เราพบอยู่
แต่ทำไมฉันไม่เจอสักที หรือคนอย่างฉันไม่มีเนื้อคู่
แค่อยากจะรู้ว่าใครที่คู่กันกับฉัน


อย่างนั้นเหรอ? ผมไม่เห็นอยากรู้ เพราะคนอย่างผมไม่มีหรอกเนื่อคู่



อยากมีเธอ คนที่อยู่ในความฝัน
ได้มีเธอ คนที่อยู่เคียงข้างฉัน
จับมือนอนคุยทั้งค่ำคืน บอกรักเบาๆ เมื่อยามตื่น
ไม่รู้ว่าจะได้มีสักคนไหม


ก็เคยนะ ตื่นนอนแล้วมีคนนอนอยู่ข้างๆ ด้วยสภาพที่เปลือยเปล่าอีกต่างหากแถมยังไม่เคยซ้ำหน้ากันด้วย!  แต่จับมือนอนคุยกันทั้งคืนนี่ไม่เคย ถึงเตียงก็ซั่มทันทีจะคุยทำไมให้เสียเวลาว่ามั้ย?! 

คืนนี้ก็คงจะเหมือนกันเพราะสาวที่นั่งโต๊ะข้างๆที่สบตากันก็เป็นอันเข้าใจว่าต่างฝ่ายต่างคิดอะไร เมื่อเธอลุกไปเข้าห้องน้ำผมจึงตามไปดีล เป็นอันตกลงคืนนี้เจอกันที่ห้องของเธอ คนนี้ตรงสเปคสุดๆเป็นรุ่นพี่ปี4 นมก็คัพอี ยิ่งอยู่ในชุดลูกไม้รัดติ้วสีดำแม่งเซ็กซี่เป็นบ้า

แล้วอย่างนี้จะให้ผมมีโมเมนต์เหมือนในเพลงได้ยังไง แม่งนึกภาพไม่ออกจริงๆ..คงชาติหน้าตอนบ่ายแก่ๆ!


ใครคือคนนั้น That someone
คนที่ยังไม่เจอสักที Just give me someone
ที่ฉันจะให้คำว่ารักทั้งหมด จากใจที่ฉันมี
แค่ยังไม่เจอว่าเธอนั้นคือใคร
หากเธอคนนั้น That someone
ยังมีอยู่จริงเธออยู่ที่ไหน Just give me someone
แค่เพียงฉันได้มีใครคนหนึ่งคนที่ใช่ อีกนานเท่าไร
จะเจอคนที่ยังไม่รู้ว่าใคร


  ใครคือคนนั้น?????


แล้วหัวเล็กๆของไอ้ลูกอมก็ซบแหมะลงมาที่ไหล่ผมทำให้ผมหลุดออกจากความคิด


“พี่ โผมอยากกลับ สงสัยผมจาไม่สาบาย มึนๆหัวครับ” เหอะ เขาเรียกว่าเมาไอ้เด็กน้อยเอ๋ย เหล้าแค่ฝาครึ่งก็จัดการไอ้เด็กเถียงคำไม่ตกฝากได้ชงักงัน..แต่ผมคิดผิด ยิ่งเมามันยิ่งงอแงครับ


“วงพี่น้ำเพิ่งจะเล่นรีบกลับไปไหนวะ”


“พี่ ปายส่งผมหน่อย อึก” แล้วก็มันผละหัวออกจากไหล่ผมแล้วจ้องหาผมนิ่ง


ไอ้สัด! หน้ามันใกล้กับผมมาก ใกล้จนได้กลิ่นหวานๆจากตัวมัน ซึ่งก็หนีไม่พ้นกลิ่นคาราเมล คงเพราะมันชอบแดกลูกอมรสคาราเมลกลิ่นตัวมันถึงเป็นกลิ่นนี้ 


“วงพี่น้ำลงค่อยกลับ”


“พี่~”


“ไม่ไหวก็ซบลงมาที่ไหล่กู” แล้วหัวเล็กๆก็ซบลงมาที่ไหลผมอีกครั้ง พร้อมกับบ่นพึมพำอะไรของมันก็ไม่รู้

กลิ่นคาราเมลจากตัวมันก็เตะจมูกผมอีกครั้ง  ให้ตาย..กลิ่นกายของมันทำให้ผมเริ่มมึนซะแล้วสิ


“พี่อยากกินลูกอมมม” งอแง!


“ก็แดกดิ”


“หมดแล้วคร้าบ พาโผมไปซื้อหน่อย”


“ตกลงอยากกลับหรืออยากไปซื้อลูกอม”


“...” อ้าวนิ่ง แม่งน็อคไปแล้วครับ หัวที่โงนเงนไปมาจนผมต้องคอยประคอง..แก้มแม่งเนียนฉิบหาย!


“มึงกูว่าพาน้องมันกลับเหอะ เมาไม่ไหวละ” ไอ้พู่บอกผมด้วยความเป็นห่วง


“เมาเหรอ? น้องกินน้ำแดง เอ๊ะ หรือว่า..” ดูเหมือนไอ้ปูนจะยังไม่รู้ว่าน้องชายนอกไส้ที่พลัดพรากกันมานานของมันโดนผมมอมเหล้า


“เออ อย่างที่มึงคิดนั้นแหละ”


“มึงนี่เป็นลุงรหัสที่ชั่วมาก  พาน้องกลับหอเดี๋ยวนี้เลย แล้วก็ดูแลหลานรหัสมึงดีๆด้วย” ห่า เดือดร้อนยิ่งกว่าเป็นหลานรหัสตัวเอง


“เดือดร้อนทำไมเนี่ย มันแค่เมา ดีซะอีกจะได้รู้ว่าแดกเหล้าแล้วจะเป็นยังไง มันไม่มีทางเลี่ยงไปได้ตลอดชีวิตหรอกนะ”


“ข้ออ้าง มึงแค่อยากแกล้งน้องมัน” เออข้อนี้ไม่เถียง


“บ่นจริง  กูพามันกลับก็ได้วะ รำคาญ”


“หมี” แล้วไอ้คนที่นั่งนิ่งมาตลอดอย่างไอ้ดินก็เรียกผมไว้


“อะไร”


“...เปล่า พาน้องกลับดีๆล่ะ” อะไรของแม่ง เหมือนมีเรื่องอยากพูดแต่ก็ไม่พูด แปลก?!



     ผมพาไอ้ลูกอมออกจากร้านโดยการอุ้มท่าเจ้าสาว!  แม่งเมาแล้วหลับลึกฉิบหาย ไอ้ปูนกับไอ้พู่ต่างก็หัวเราะสมน้ำหน้าที่ผมต้องอุ้ม ผู้ชาย ออกร้าน  ส่วนไอ้พี่มดก็ยิ้มแซวประหนึ่งว่าระวังจะเป็นอย่างที่พี่แกพูดไว้..

แต่นั่นไม่สำคัญเท่าสาวที่ดีลไว้แม่งมองผมด้วยความงุนงง  ผมจึงส่งสัญญาณไปว่าเดี๋ยวโทรหานะ เธอจึงยิ้มตอบด้วยใบหน้าที่โคตรเย้ายวนของขึ้นเลยทีเดียวคืนนี้แหละน้องชายคนนี้จะจัดหนักให้ฟ้าเหลืองเลยคอยดู   แต่พอก้มมองคนในวงแขนอารมณ์ตื่นตัวเมื่อกี้ถึงกับอ่อนยวบ นี่มันเด็กน้อยดีๆนี่เอง

ผมรีบขับรถมาส่งไอ้ลูกอมด้วยความเร็วรี่ เพื่อจะรีบกลับไปสานต่อกับสาวชุดลูกไม้สุดเซ็กซี่

“ไอ้ลูกอมตื่น ถึงหอมึงแล้ว”


“...” เงียบครับ


“ไอ้เตี้ย ตื่น"

"...." เงียบเช่นเคย มีเพียงเสียงลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอ


"ไอ้แว่น ตื่น”


“อื่อ” แหนะทำเสียงรำคาญใส่กูอีก

     เขย่าก็แล้ว สะกิดก็แล้ว แม่งไม่ยอมตื่น กูไม่น่าให้มันแดกเหล้าเล้ย ใครจะคิดว่าแม่งจะอ่อนขนาดนี้
นี่กูต้องพามึงกลับห้องกูสินะ ซวยจริงๆกู บอกได้คำเดียว อดสิครับคืนนี้ ลาก่อนพี่สาวคัพอี

เมื่อถึงหอก็ท่าเดิมครับ อุ้มท่าเจ้าสาว ให้ตาย! เดินผ่านสาวที่ใต้หอต่างก็มองกันให้ควัก หมดกัน ภาพพจน์ที่สั่งสมมา!

เมื่อถึงห้องแม่งอยากจะโยนลงบนเตียงแต่พอเห็นปากแดงๆแล้วก็ทำไม่ลง จึงค่อยๆวางคนตัวเด็กลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลพร้อมกับถอดรองเท้าแตะรัดส้นของมันออกให้เสร็จสรรพ...ถถถถถ 

จัดแจงให้มันนอนเรียบร้อยดีแล้วก็ลงไปเอามือถือที่ลืมไว้ในรถ จากนั้นก็โทรหาพี่สาวคัพอี ขอโทษขอโพยที่ไปหาคืนนี้ไม่ได้และขอแก้ตัวไปหาคืนพรุ่งนี้ และคำตอบที่ได้ก็คือเซเยส  แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย ว่าแล้วก็อมฮอลล์สักเม็ด..แม่งเย็นไปถึงตับ สมกับสโลแกนเย็นชดชื่นคู่คนไทยจริงๆ!

กลับขึ้นห้องก็เจอ ไอ้ลูกอมก็นั่งหน้าเอ๋ออยู่กลางเตียง

“พี่ที่นี่ที่ไหนครับ” ฟื้นแล้วสินะมึง


“ห้องกู”


“ทำไมผมไม่รู้ตัวเลยครับ”


“มึงหลับปลุกแม่งไม่ยอมตื่น”


“ขอโทษครับ ผมยังปรับเวลานอนให้นอนดึกยังไม่ค่อยได้ ปกติผมเข้านอนก่อนสี่ทุ่ม แล้วยังรู้สึกมึนหัวอีกเลยหลับไม่รู้ตัว” เหอะเด็กอนามัยบวกความเมาสินะถึงได้หลับลึกขนาดนั้น


“เออๆ งั้นก็นอนที่นี่แหละกูขี้เกียจไปส่งมึงละ”


“พี่”


“อะไรอีก หรือต้องแดกนมก่อนนอนฮะไอ้เด็กอนามัย”


“ครับ” จริงดิ?!


“ในตู้เย็นมาแดกเอง”


“พี่มีแบบไม่เย็นมั้ยครับ”


“เรื่องมากจริงโว้ย ไม่มี มีแต่แบบนี้จะแดกไม่แดกก็ตามแต่”


“พี่~” อยากจะทึ่งหัวตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด จะเรียกกูอะไรนักหนา เมาก็งอแง ตื่นแล้วแม่งงอแงยิ่งกว่า


“ต้องการอะไรอีกครับคุณหนู” ผมกัดฟันพูดอย่างใจเย็น


“ลูกอม” มึงต้องแดกเพื่อมึงจะได้มีชีวิตสินะ ประหนึ่งค่าHpในเกมส์ใช่มะ


“มีฮอลล์อยู่หลังตู้เย็น” หน้าอย่างผมก็มีแต่ฮอลล์คูลนี่แหละ ของหวานๆไม่มีหรอก


“ไม่เอามันเผ็ดครับ” หน้ามุ้ย?!


“เรื่องมาก แดกนมแล้วหุบปากนอนได้แล้ว ขืนพูดอีกกูจะเอาฮอลล์ยัดปากมึง”


“...” มันจ้องหน้าผมนิ่งเหมือนโดนขัดใจ แล้วไอ้เด็กดื้อก็เปิดปากพูดจนได้


“พี่ผม..” ท้าทายใช่มะ ไม่รอให้มันพูดจบผมส่งฮอลล์จากปากผมเข้าปากมันทันที ไอ้ลูกอมก็สู้ครับมันดุนลิ้นส่งฮอลล์คืนกลับเข้ามาในปากผมทันที

  สู้ใช่มะ ได้!

   แล้วสงครามแลกลิ้นโดยมีลูกอมเม็ดสีขาวคั้นกลางก็เกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างส่งลูกอมโดยใช้ปลายลิ้นเป็นอาวุธ
ความเย็นจากเมนโท-ลิบตัส บวกกับความหวานจากโพรงปากของไอ้ลูกอม ทำให้ผมเกิดความรู้สึกประหลาด ใจแม่งเต้นแปลกๆ แถมไอ้ลูกชายก็ตื่นตัวขึ้นอย่างน่าประหลาด เมื่อรู้สึกถึงความคับแน่นตรงหว่างขา ผมจึงรีบผละออกจากอีกฝ่ายทันที

และผมก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ครับเพราะตอนนี้ลูกอมอยู่ในปากผม  ส่วนไอ้คนชนะก็หอบหายใจเข้าปอดถี่รัวด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ


“แดกนมแล้วนอนซะ” ผมพูดเพียงเท่านั้นก็รีบเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการกับสิ่งที่ตื่นตัวขึ้นทันที

ให้ตาย! นี่มันครั้งแรกที่ผมจูบกับผู้ชายถึงแม้จะเรียกว่าจูบไม่เต็มร้อยก็เหอะ ไม่อยากจะยอมรับเลยว่านอกจากจะไม่ขนลุกแล้วแต่มันรู้สึกดีโคตร แถมยังมีอารมณ์กับสัมผัสนั่นอีก เมื่อนึกถึงความหวานจากปากของไอ้ลูกอมลูกชายผมก็ยิ่งแข็งโป๊ก


        ห่าเอ้ย! ไอ้ลูกอมเนี่ยนะ ไม่จริง ไม่จริ๊งงงงงงง!!






  TBC.

…………………………………………………………

..และแล้วเนื้อคู่ของหมีก็ถือกำเนิด!!

ห่างหายไปนานเพราะความป่วย และทำให้ซึ้งกับคำว่าการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐได้อย่างแจ่มแจ้ง
หลังจากบทนี้อาจจะห่างหายไปสักพักเพราะต้องเตรียมตัวขึ้นเขียงผ่าตัด ถ้าหายดีแล้วจะกลับมาปั่นต่อให้อย่างเร็วรี่ค่ะ

ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ จุฟ^^


เพลงเพราะๆที่หมีมันพยายามแย้งทั้งเพลง https://www.youtube.com/watch?v=Zvo5WtzrZxo  คนที่ยังไม่รู้ว่าใคร-No One Else

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-09-2018 17:55:54 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 

 
โอ้ววว สงครามแลกลิ้น    :hao6:





ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด