3
“ตัวนั้นเหมาะกับลูกมากเลยนะเนี่ย กรี๊ดใส่เสื้อตัวเล็กจริงอะไรจริง ไซส์ใหญ่กว่าแม่นิดดียวเองลูก”
“ที่จริงผมพยายามกินให้เยอะขึ้นแล้วนะครับ แต่ว่ามันก็..แฮะๆ”
“อุ้ย ดีแล้ว ตัวเล็กๆเก็บใส่กระเป๋าสะดวกดี ฮุๆ”
ผ...ผมไม่ใช่หมากระเป๋านะครับคุณแม่...!!
ผมยิ้มกับความอารมณ์ดีของคุณแม่ หลังจากที่เราเดินดูของกันได้พักใหญ่ๆ
ตอนออกมาจากบ้านพี่ไซด์ก็ออกไปแล้วซึ่งถือว่าโชคดีกับผมที่ยังไม่พร้อมจะเพชิญหน้ากับพี่เค้าสักเท่าไหร่นัก แต่ผมไม่มีทางยอมแพ้จนกว่าจะมั่นใจว่าพี่ออกไซด์ไม่ได้รักผมแล้วจริงๆ ถ้าถึงวันนั้นจริงผมก็คง...ยอมถอย
“แม่น่ะนะ ดีใจมากเลยที่ซนกลับมา แม่กำลังกลุ้มใจอยู่เลยว่าใครกันน้าจะมาละลายน้ำแข็งในใจของเจ้าออกไซด์มันได้ แม่ยังจะเราสองคนตอนเด็กๆได้เลยนะ ตอนนั้นสวีทกันจริงๆ ฮุๆ”
“ผมยังไม่มั่นใจเลยครับว่าผมจะทำได้ แต่กลับเป็นคุณแม่ที่มั่นใจแทนผมซะได้”
“แน่นอนจ้ะ คนเราน่ะ ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ ลองให้มันรู้กันสักตั้ง ให้มันรู้ไปว่าเราจะแพ้”
“..จริงด้วยครับ”
“อ้ะ นั่นออกไซด์รึเปล่านั่น”
ผมมองไปตามนิ้วที่คุณแม่ชี้ เห็นร่างสูงที่คุ้นเคยในกางเกงยีนสีดำกับสูทครึ่งตัวมือข้างขวาถูกมือบางควง ผู้หญิงที่ขึ้นนิตยสารบ่อยๆตามแผงที่ผมเห็นกำลังคุยกับพี่ออกไซด์ก่อนจะหันมาเจอผมกับคุณแม่แล้วเดินตรงปรี่เข้ามา
.....พระเจ้าช่างใจร้าย หนีเสือปะเสือตัวเดิมจริงๆ........
“สวัสดีค่ะคุณแม่ บังเอิ้ญบังเอิญนะค่ะ”
เธอไหว้คุณแม่เหมือนผู้หญิงที่ประกวดนางสาวไทยก่อนจะจิกสายตาปลายมองมายังผมที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“อ๋อ นึกว่าใคร หนูพิราพนี่เอง แหมม โตขึ้นนะเราน่ะ”
“เอ่อ หนูมิร่าค่ะ คุณแม่นี่อารมณ์ดีจังเลยนะค่ะ”
ผมหลุดขำเล็กน้อยกับความตลกลึก เอ่อ ไม่ใช่สิ ตลกหลอกด่าของคุณแม่ ผมว่าผู้หญิงคนนั้นก็รู้นะแต่น่าจะพยายามอดกลั้นมากกว่า
“แล้วนั่นใครค่ะ”
ขณะนั้นเองพี่ออกไซด์ก็ปรายตามามองผมก่อนจะไล่มองไปทั่วหน้าแล้วมาหยุดนิ่งที่ริมฝีปากก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น
“นี่แสบซนจ้ะ ลูกชายอีกคนของแม่ คนสำคัญของบ้านเรา แสบซนจ้ะ นี่เพื่อนของออกไซด์ลูก เห็นเกาะ เอ้ย คบกันมานานแล้วล่ะ”
“เราสองคนจะขยับฐานะเป็นแฟนกันแล้วค่ะคุณแม่”
คำพูดฉายแววยินดีนั้นทำให้ผมเงยหน้ามองพี่ออกไซด์เบาๆ นั่นสินะ ผ่านมาเป็นสิบปี ใครจะมานั่งรอผมกันล่ะ
“เหรอจ้ะ โอ้ยย สุดจะตื่นเต้นเลยจ้ะ แต่เดี๋ยวแม่กับแสบซนคงต้องขอตัวก่อนนะจ้ะ ตรงนี้แม่รู้สึกวินเวียนศ๊รษะคล้ายจะเป็นลมอย่างรุนแรง ปวดหัวไม่ไหวจะเคลียเหมือนแมงเม่าบินอยู่ในหัวเป็นพันตัวเลย ป่ะกันเถอะจ้ะ แสบซน ส่วนแกเจ้าออกไซด์ กลับบ้านมาหาฉันด้วย”
พูดจบคุณแม่ก็คว้ามือผมที่ว่างอยู่ออกไปทันทีโดยไม่วายหันไปทำปากขมุบขมิบใส่พี่ออกไซด์
“ฮ่าๆ ดูท่าคุณแม่ไม่ชอบพี่ผู้หญิงคนนั้นเลยนะครับ”
ผมถามขณะที่เราขนของขึ้นรถกันสองคน
“แม่ไม่ได้อคตินะลูก แค่ไม่นิยมผู้หญิงที่แต่งตัวแหวกนู่นแหวกง่ามนู่นง่ามนี่ได้ทุกวัน ย้ำว่าทุกวันนะ แม่เจอทีไรแหวกทุกที แล้วพูดจะจะจับเจ้าออกไซด์อยู่ตลอดเวลา ไอ้ลูกบ้านี่ก็เหมือนกัน แม่ว่าแม่คนนี้หายไปนานแล้วนะ กลับมาคบด้วยกันได้ไงอีกไม่รู้ เห็นแล้วมันหงุดหงิดหยุมหยิมรำคาญหัวใจสุดๆเลย”
“ฮ่ะๆๆ อ่อ ใช่ครับคุณแม่ ออกมาซื้อของกันผมเลยนึกได้ ผมซื้อของฝากจากที่นั่นมาให้ทุกคนเลยครับ ลืมให้เลย เดี๋ยวกลับบ้านไปคุณแม่อย่าลืมทวงผมด้วยนะครับ ไม่งั้นอดน้ำหอมลิมิเตทด้วยนา”
“จริงเหรอจ้ะ พอดีเลย แม่กะจะซื้อขวดใหม่มาพอดี ขอบใจนะลูก”
“ไม่เป็นไรฮะ คุณแม่ช่วยผมมากกว่านั้นอีก”
“จ้า ใครจะไม่รักเนี่ย ก็เราน่ารักสะขนาดนี้”
.................................................................
ผมจัดของที่ซื้อมาวันนี้ลงชั้นต่างๆลงอย่างเป็นระเบียบก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลขนาดโต
….....ปาไปห้าทุ่มแล้วเหรอเนี่ย...................
แน่ล่ะ กลับมาจากซื้อของผมก็เอาของไปให้ทุกคน ยกเว้นของของพี่คาร์บอนที่เป็นแว่นตาหรูกับของพี่ออกไซด์เป็นกล่องสีสันสดใจใบขนาดไม่ใหญ่มากนักที่ถูกล็อคกุญแจอย่าแน่นหนา แน่นอนว่าลูกกุญแจอยู่กับผมเอง ผมห้อยที่คอไว้ตลอด ในกล่องมีของที่ผมหวงที่สุดเก็บไว้ และผมอยากมอบให้คนที่ผมรักรองจากครอบครัว
......ซึ่งก็คือพี่ออกไซด์.........
กอกแกกๆ
เสียงเปิดประตูดังขึ้นจากห้องข้างๆแผ่วๆแต่ถูกปิดลงอย่างรุนแรง ไม่กี่นาทีต่อมาผมก็ได้ยินเสียงคนอ้วกดังโอ้กอ้ากอย่างน่ากลัว
...พี่ออกไซด์!!!......
ผมรีบวิ่งเข้าผ่านทางประตูเชื่อมต่อไปยังห้องพี่ออกไซด์ที่ประดับตกแต่งด้วยโทนดำเกือบทุกอย่าง ผมมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำที่คาดว่าพี่เค้าน่าจะอ้วกอยู่ด้านใน
ร่าสูงนอนหมดสภาพอยู่ห้างๆก๊อกน้ำ ใบหน้าขาวใสแดงก่ำ เมื่อดมใกล้ๆก็รู้ทันทีเลยว่าพี่ออกไซด์เพิ่งผ่านการดื่มเหล้ามาอย่างหนัก
“พี่ออกไซด์ พี่ออกไซด์ฮะ”
“อืม...ใครน่ะ อ๋อ นายเองเหรอแสบโซนนนนน”
“พี่เมาแล้วครับ มานี่เถอะครับ นอนที่เตียง เดี๋ยวผมเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดให้”
“อืออ...ปวดหัว”
ผมค่อยๆพยุงร่างสูงออกไปอย่างทุลักทุเลลงบนเตียงกว้างก่อนจะรีบลงไปด้านล่างเพื่อหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดมาซับหน้าพี่ออกไซด์ให้สร่างเมา
“อือ..ไม่เอา เอาออกไป”
“แปปเดียวเองครับพี่ออกไซด์ ไม่งั้นจะนอนทั้งปวดหัวหนักๆอย่างนี้แน่ๆ อยู่นิ่งๆเถอะครับ”
ผมค่อยๆไล้ผ้าไปตามหน้าคมอย่างเบาๆ
พอเสร็จผมก็คิดขึ้นได้ที่ไปหยิบกล่องสีสันที่เป็นของขวัญของพี่ออกไซด์มาวางไว้ที่ชั้นวางหนังสือในห้องนี้ หวังว่าพี่เค้าจะชอบนะ
ก่อนจะกลับผมก็เช็ดหน้าพี่ออกไซด์อีกรอบแต่จู่ๆมือแก่งก็เอื้อมมาจับมือผมแล้วกระตุกให้อยู่ด้านล่างโดยมีพี่ออกไซด์ขึ้นคร่อมอยู่ด้านบน
“พ..พี่ออกไซด์..จะทำอะไรอีก ปล่อยผมไปเถอะครับ”
ผมจ้องตาคมเยิ้มๆนั่นอย่างกลัวๆ พี่ออกไซด์โน้มหน้าลงมาเรื่อยๆจนจมูกชิดกับจมูกผม แต่จู่ๆพี่เขาก็เบนหน้าไปข้างๆแล้วหอมแก้มผมแรงๆก่อนจะสูดหายใจที่ต้นคอผม
“พี่...”
“หอม..”
“ครับ?”
“ตัวนาย กลิ่นแปลกๆ...เย็นๆ”
“อ่อ เอ่อ ..”
“แต่.....”
“......”
“หอม...ฉันชอบ สบายดี”
เขากระซิบแล้วพึมพำที่ข้างหูผมก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆแล้วตวัดแขนกว้างให้ผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดส่วนตัวเองก็เอาหน้ามาซุกกับคอผม
“พี่ออกไซด์....ผมจี้ฮะ”
“อยู่นิ่งๆน่า วันนี้ไม่ทำอะไร แต่ถ้าพูดมากล่ะก็ไม่แน่”
“..ก็ได้ครับ”
ใจผมเต้นระรัวอยู่ภายในอกกว้างของพี่ออกไซด์ก่อนจะค่อยๆสงบลงผมก็ผล็อยหลับไปทั้งๆอย่างนั้น จำได้ว่าตัวเองภาวนาขอให้ตื่นมาแล้วยังมีความอบอุ่นแบบนี้เหลือด้วยเถอะ..
..................Your heart’s wall was so high, but my attempt was even higher……………
เช้าวันต่อมา
ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะแสงแดดรำไรจากข้างนอกที่ลอดมาทางช่องว่างของผ้าม่านสีทึบ ก่อนจะขยี้ตาแล้วมองไปรอบๆห้อง
ห้องของพี่ออกไซด์
ผมยิ้มอย่างดีใจที่เมื่อคืนไม่ใช่แค่ความฝัน ก่อนจะต้องหุบยิ้มเมื่อไม่มีแม้แต่เงาของพี่ออกไซด์ข้างๆตัวหรือในห้อง
ไม่มี...ไม่เหลือ....
แม้แต่ความอบอุ่นบนที่นอน พี่ก็ไม่เหลือไว้ให้ผมมีความสุขเลยใช่ไหมครับ
…………the more I climb up at your heart’s wall the more the distance increase………
นี่มันแค่วันเดียวเอง ผมจะไม่มีทางยอมแพ้กับความเย็นชาของพี่หรอก ยังไงๆพี่ก็ต้องย้อมแพ้ให้กับความรักของผมแน่ๆ
.................บางคนก็เลือกที่จะหลอกตัวเอง ดีกว่าต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด โดยไม่ได้คิดว่าผลลัพธ์ที่ได้รับกลับมาน่ะเจ็บสะยิ่งกว่าความจริงสะอีก.....................
..............................................
ตอน 3 มาแล้ว ที่จริงอยากลงรูปตัวละครกับแนะนำตัวละคร แต่มันลงไม่ได้ รูปไม่ขึ้น(แง) ยังไงก็ขอบคุณมากๆทุกความคิดเห็นนะ