ผมไม่ใช่พ่อเด็ก
ตอนที่ ๓๒ ใครเป็นคนกำหนดมา
ให้เราพบและพรากกัน ทดสอบอะไรกับฉัน
-พาย-ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคนผมทำพลาดตรงไหนทำไมไม่บอก ทำไมไม่ใหโอกาสกันบ้าง ผมยอมทำตามข้อตกลงที่ธูปบอกทุกอย่างยอมทุกอย่างทั้งๆที่ชีวิตผมไม่เคยยอมใครแต่เพราะรักผมถึงยอม แล้วทำไมสิ่งที่ผมได้ตอบแทนกลับมาจึงเป็นคำล่ำลาที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมันให้ผมโดยไม่ถามผมสักคำว่าผม้องการหรือเปล่า เดินเข้ามาบอกลากันง่ายๆเหมือนตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยรักกันไม่เคยรู้สึกดีต่อกัน หันหลังเดินจากไปโดยไม่มองผมไม่สนคำอ้อนวอนไม่สนเลยว่าผมจะเจ็บขนาดไหน
ความรักที่ใครคนนึงหยิบยื่นให้ผมมันคือคำลวงคือการแก้แค้นกับสิ่งที่ผมเคยทำไม่ดีกับเขาเอาไว้ เขาไม่เคยรักผมไม่เคยเลยแม้สักนิดที่จะมีผมอยู่ในหัวใจ
เจ็บสัสๆแต่จะโทษใครนอกจากตัวเอง
ดันรักเขาไปทั้งตัวและหัวใจรักโดยไม่คิดว่าเขากำลังหลอกลวง รักโดยไม่คิดว่าเขากำลังทำให้ตายใจเพื่อจะเห็นเราตายช้าๆเพราะคำว่ารัก
อยากไปถามอยากพูดคุยแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่เปิดโอกาสให้กันเลยบอกลากันไปง่ายๆอยากโทรไปเคลียร์ก็ไม่เคยรับโทรศัพท์ ไปหาก็ไม่เจอ เหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการจะเจอหน้ากัน
ทิ้งกันไว้แบบนี้แล้วคิดบ้างไหมว่าชีวิตที่ไม่มีกันและกันเขาจะอยู่ยังไง
หนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านี้..........ผมเร่งเคลียร์งานอยู่ในห้องเพื่อให้เสร็จทันไปรับธูปที่มหาลัยวันนี้เราทั้งคู่นัดเจอกันว่าจะไปดูหนังหลังจากที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมาอาทิตย์นึงเต็มๆโคตรคิดถึงเลยครับ กว่าจะได้คุยกันแต่ละทีฏ้ยากเสียยิ่งกว่าอะไร เหมือนเราสองคนลักลอบคบกันอย่างไงอย่างนั้นที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะไอ้แฝดน้องนรกของธูปนั่นแหละครับ มันขัดขวางทุกอย่างทำเหมือนหมาหวงก้าง ห้ามธูปสารพัดธูปเองก็กลัวน้องชายมันจะเสียใจเลยยอมตามใจ ผมเข้าใจนะพี่น้องรักกันแต่บางครั้งสายตาของไอ้เทียนที่มองเมียผมมันไม่เหมือนสายตาที่มันใช้มองน้องสาวผมเลย
เค้กเองก็เหมือนกันเวลาอยู่กับไอ้เทียนบรรยากาศระหว่างทั้งคู่ดูกดดันแปลกๆไม่เหมือนคนรักกันแต่ก็เหมือนว่ามีเส้นใยแห่งความผูกพันธ์จางๆซ่อนอยู๋ในความสัมพันธ์
"นายครับคุณธูปมาขอพบครับ"
ลูกน้องคนสนิทของผมเคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามารายงานว่าคนที่ผมกำลังคิดถึงตอนนี้เขาอยู่หน้าห้องทำงานของผมนี่เอง
ผมเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่จึงบอกให้เชิญธูปเข้ามา ปิดแฟ้มเอกสารที่อ่านค้างไว้ลุกขึ้นเดินไปหาคนที่เดินเข้ามา ธูปมองหน้าผมนิ่งจ้องหน้าผมไม่พูดอะไร ผมเดินไปกอดธูปทันทีที่ลูกน้องผมปิดประตูและเดินออกไป ธูปเพียงแค่ยืนนิ่งๆให้ผมกอด
"มายังไง" ผมถามก่อนจะจูงมือคนรักมานั่งที่โซฟา
"ขับรถมา" ธูปตอบนิ่งๆผิดกับนิสัยของมัน
"แล้วเลิกเร็วเหรอปกติต้องเลิกหกโมงนี่"
"อืม"
"งั้นรอแป๊ปนะเดี๋ยวพี่ทำงานก่อน" ผมลุกขึ้นเพื่อจะเดินกลับไปที่โต๊ะเร่งทำงานที่ค้างเอาไว้เพื่อออกไปดูหนังกับธูป
"มาวันนี้มีเรื่องจะคุยด้วย"
"เรื่องอะไร" ผมก้มหน้าอ่านเอกสารแต่ก็พูดตอบโต้อีกฝ่ายไปด้วยความสนใจไม่แพ้เอกสารตรงหน้า
"เลิกกันเถอะ"คำสั้นๆสามคำที่พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆออกมาจากปากคนรักทำเอาผมชะงักค้างด้วยไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของคนที่ผมพร่ำบอกรักอยู่ทุกคืน
"มึงพูดเหี้ยอะไร เล่นอะไรธูป!!" ผมเดินไปกระชากแขนคนรักที่นั่งอยู่ที่โซฟา ธูปไม่พูดอะไรเพียงแต่มองหน้าผมด้วยสายตาเหยียดๆ
"กูบอกว่า เลิก กัน เถอะ" เน้นย้ำทีละคำชัดๆเพื่อยืนยันว่าผมไม่ได้ฟังผิด และไม่มีคำว่าพูดเล่นในแววตาคู่สวยนั้น
"กูไม่เลิก" ไม่รู้ว่ามันกำลังเล่นอะไรอยู่แต่แบบนี้ผมไม่สนุกด้วย
"เรื่องของมึง" ธูปตอบแค่นั้นก่อนจะสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของผม แต่เป็นผมเองที่หน่วงรั้งมันเอาไว้ไม่ยอมให้มันจากไปได้อย่างใจคิด
"ปล่อยกู" ธูปโวยวายพร้อมกับเตะต่อยตัวผมอย่างแรง ผมจึงจัดการเหวี่ยงร่างมันลงบนโซฟาก่อนจะคร่อมร่างนั้นไว้
ธูปเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ผมเลยโวยวายและด่ากราดใส่ผมจนทำให้หงุดหงิด
"เงียบแล้วพูดกันดีๆได้ไหมธูป!!"
ธูปยอมสงบลงแต่ก็ยังดิ้นไม่ยอมให้ผมโอบกอดเหมือนเก่าก่อน ผมซบหน้าลงบนไหล่ลาดของคนรักกอ่นจะสอดแขนโอบกอดร่างนั้นเอาไว้เหมอืนกลัวว่ามันจะหายไปถ้าผมปล่อยมือ ตัวผมสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็น กลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อน ความรักมันน่ากลัวแบบนี้เองเหรอผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน
"เลิกกันเถอะนะ ถือว่ากูขอ" ธูปพูดนิ่งๆไม่แสดงท่าทีอื่นใด ไม่มีท่าทีเสียใจ ไม่อาลัยอาวรณ์กับความรักของเราสองคนเลย
"กูไม่เลิก กูทำผิดอะไรธูปบอกกูที" ผมพูดอู้อี้อยู่ตรงซอกคอของคนรัก
"มึงไม่ผิดหรอกแต่กูไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะคบกัน" ผมเงยหน้ามองคนรักให้ชัดๆ ว่าคำพูดที่ได้ยินมันใช่คำพูดที่หลุดออกมาจากปากคนรักผมหรือเปล่า
"ไอ้เทียน" ผมเด้งตัวออกจากอีกฝ่ายทันทีเมื่อจ้องมองในแววตาคู่นั้นที่ไม่มีอะไรเหมือนคนรักผมเลย ถึงแม้หน้าตามันทั้งคู่จะเหมือนกันแต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกันเลยนั้นคือ
"แววตา"คนที่นอนอยู่บนโซฟาเมื่อครู่ลุกขึ้นนั่งก่อนจะหัวเราะออกมา มันมองหน้าผมแล้วพูด "พิสูจน์สิว่ากูไม่ใช่"
"อย่าเล่นลิ้นกับกู" ต่อให้มันเป็นน้องชายคนรักหรือเป็นพ่อของหลานผมก็เถอะ ผมก็ต่อยมันได้เหมือนกันถ้ามันกวนตีนผม
กูไม่ได้เล่นลิ้นกูพูดจริง"
มันยืนขึ้นมาประชันหน้ากับผม เราทั้งคู่จ้องตากันอยู่นานอย่างไม่มีใครยอมใคร จนสุดท้ายผมก็จำได้ว่าเค้กเคยบอกตอนที่ธูปนอนโรงบาลเพราะฝีมือผมว่าไอ้เทียนมีรอยสักที่อกด้านซ้ายของมัน ผมไม่รอช้าเดินไปกระชากเสื้อนักศึกษาของคนตรงหน้าอย่างแรงจนกระดุมขาดมันเองก็คงตกใจทั้งดิ้นทั้งด่าผม สร้างความลำบากให้กับผมอย่างมากในการหาความจริง
แควก!!ผมกระชากเสื้อนักศึกษามันออกมองหารอยสักที่ควรจะมีอยู่บนตัวมันแต่ไม่เจอ กลับเจอรอยจ้ำแดงๆทั่วทั้งร่างขาวตรงหน้า ผมยืนมองร่างกายคนรักก่อนที่ขาจะไร้เรี่ยวแรงทรุดตัวลงตรงหน้าคนๆนี้ เราสองคนไม่มีอไรกันตั้งแต่ที่ครอบครัวธูปมาที่บ้านแล้วรอยคิสมาร์คนั่นมาจากไหน ใครเป็นคนทำ
"เจอสิ่งที่หาไหม" ธูปถามผมเสียงเรียบๆไร้ความรู้สึก
"มึงนอนกับใครมา" ผมเงยหน้าถามมัน "ตอบกูมาใครทำรอยเหี้ยๆนี้บนตัวมึง บอกกูมากูจะไปฆ่ามัน!!"
"กูจะนอนกับใครไม่เกี่ยวกับมึง เราเลิกกันแล้วรู้ไว้แค่นี้" ธูปเดินผ่านผมไปโดนที่เจ้าตัวไม่ได้สวมเสื้อเพราะผมกระชากมันออก
"กูไม่เลิก" ผมลุกขึ้นกอดคนรัก ผมรักมันรักมากผมรู้แค่นี้แต่ทำไมมันไม่รักผมเลย
"ยอมรับความจริงแล้วปล่อยกูได้แล้ว" คำสั่งที่พูดออกมาด้วยเสียงเรียบเฉยมันทำให้ผมเจ็บยิ่งกว่าโดนต่อยหน้าเสียอีก
ธูปดึงมือผมออกจากเอวมันแล้วก้าวเท้าออกจากห้องไปด้วยสภาพแบบนั้น ส่วนผมก็แหกปากโวยวายทำร้ายข้าวของในห้องจนลุกน้องต้องเข้ามาล็อคตัวเอาไว้
ผมเจ็บจนไม่อยากทำอะไรได้แต่นอนอยู๋บนเตียงไม่ว่าใครต่อใครจะเข้ามาสอบถามอาการแต่ผมก็เลือกที่จะเงียบหลับตานอนนิ่งอยู่แบบนั้น จนสุดท้ายทุกคนก็อ่อนใจปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว ผมรู้ว่าทุกคนเป็นห่วงผมแต่ผมแค่อยากอยู่เงียบๆคนเดียวอยากคิดอะไรคนเดียวว่าผมทำพลาดตรงไหน ผมรักมันน้อยลงหรือเปล่า
ผมวางโทรศัพท์ลงบนเตียงหลังจากที่กดโทรหาธูปไปแล้วเจ้าของเบอร์ไม่เคยรับสุดท้ายธูปก็บล็อคเบอร์ผม ผมผิดอะไรวะทำตามข้อตกลงทุกอย่างยอมทุกอย่างเพื่อให้เราสองคนได้คบกันแล้วทำไมสุดท้ายแล้วผมจึงเป็นคนที่ถูกทิ้ง
ทำไมผมต้องเป็นคนที่เสียใจ
ผมสั่งให้ลุกน้องไปตามเฝ้าที่บ้านธูปตามติดธูปเพื่อดูว่าใครคือเจ้าของรอยจูบบนตัวเมียผม ถ้ารู้ว่ามันเป็นใครผมนี่แหละจะฆ่ามันด้วยตัวของผมเอง ทั้งอาทิตย์ผมไม่ได้ไปทำงานเอาแต่ตามสืบเสาะหาเจ้าของรอยจูบนั้นจนไม่เป็นอันทำอะไร
Rrrrrrrrrrrrผมรีบคว้ามือถือขึ้นมากดรับโดยที่ไม่ได้ดูราชื่อคนที่โทรเข้ามาเพราะคิดไว้ว่าคงจะเป็นธูป
"ฮัลโหลธูป มันหายโกรธกูแล้วใช่ไหม"
"พาย เป็นอะไรอ่ะ" เสียงที่ตอบกลับมาทำเอามือผมไร้เรี่ยวแรง
ผมปรับเสียงให้เป็นปกติก่อนจะพูดกับปลายสาย "มิลล์ว่าไง"
"พายเป็นอะไรรึเปล่าพวกบาสบอกว่าติดต่อพายไม่ได้เลย เพื่อนๆเป็นห่วงพายนะ" คำถามห่วงใยถูกส่งมาให้จากปลายสาย ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นมาในใจทันที
"พายไม่เป็นไร ฝากบอกพวกมันด้วยพอดีงานพายมีปัญหาหน่ะ"
"มิลล์เป็นห่วงนะ" "ขอบใจนะมิลล์"
"พาย" ผมจับเสียงผิดปกติจากปลายสายได้ว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ
"มีอะไรรึเปล่ามิลล์"
เสียงจากปลายสายเงียบไปเสียงสะอื้นไห้ดังขึ้นเบาๆใจผมยิ่งกระวนกระวายว่าคนที่อยู่ปลายสายจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ผมลุกขึ้นก่อนจะคว้ากุญแจกระเป๋าสตางค์เพื่อจะออกไปหาคนที่คุยด้วย
"รอก่อนนะเดี๋ยวพายไปหา"
"ไม่ต้องหรอกพาย มิลล์ไม่เป็นไร" "มิลล์รอพายก่อนนะ รอพายอย่าไปไหน มีอะไรเราจะได้ช่วยกันแก้ไขนะมิลล์"
"ฮึก ไม่มีใครช่วยเราได้หรอกพาย ฮึก" เสียงสะอื้นไห้ดังขึ้นจนผมทำอะไรไม่ถูก นึกเป็นห่วงคนตรงหน้าจนลืมเรื่องธูปไปชั่วขณะ
แต่แล้วเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดก็หายไปเมื่อปลายสายบอกถึงสิ่งที่ทำให้เธอร้องไห้เจียนตาย
"เราท้อง!!"-ธูป-ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นพี่พายเงียบหายไปไม่ติดต่อไม่โทรหา เหมือนกับว่าพี่พายไม่เคยมีตัวตนมาก่อน ผมอยากไปหาที่พายแต่ก็ถูกป๊าม๊าห้ามไว้เพราะท่านกลัวว่าผมจะทำผิดกฏที่ท่านตั้งเอาไว้ สุดท้ายผมเลยต้องถามความเป็นไรของพี่พายจากไอ้เทียนที่ไปหาน้องเค้กซึ้งมันเองก็ไม่ค่อยจะบอกอะไรผมมากนักเซ้าซี้ถามมากมันก็เงียบและเดินหนี
"ไปไหนมา" ผมถามเมื่อเห็นไอ้เทียนเดินยิ้มเข้ามาในห้อง
"พาเค้กไปหาหมอ" มันตอบแค่นั้นสั้นๆตามสไตล์ของมัน
อีกไม่นานน้องเค้กก็จะคลอดลูกออกมาแล้ว และก็เข้าช่วงปิดเทอมปีหน้าไอ้เทียนคงไปลงทะเบียนเรียนเหมือนเดิม เรื่องมันดร็อปทำเอาที่บ้านผมแทบระเบิด แต่อย่างน้อยก็ดีกว่ามันหายไปโดยไม่จัดการอะไรเลย แบบนี้ก็ดีที่สุดแล้ว
"หมอว่าไงบ้าง" ผมวางมือถือของผมลงบนเตียงฟังมันเล่าเรื่องลูกเหมือนทุกๆครั้ง
"ก็ดีนะหมอบอกดิ้นเก่ง" มันยิ้มให้ผมก่อนจะพูดต่อ "เทียนมีความสุขมากอ่ะธูป"
ผมยิ้มให้มันก่อนจะบอกมันกลับไป "กูก็มีความสุขเหมือนกัน"
จริงเหรอผมมีความสุขจริงๆหน่ะเหรอ หึ คนรักหายหน้าไปไม่ติดต่อไม่บอกกล่าวทิ้งผมเอาไว้คนเดียวแบบนี้มันเรียกว่าความสุขจริงๆนะเหรอ ผมไม่รู้หรอก ตอนนี้ในหัวผมรุ้แค่ว่าพี่พายหายไปไหนโกรธอะไรผมรึเปล่าเพราะหลังจากที่เรานัดกันว่าจะไปดูหนังผมก็ติดต่อพี่เขาไม่ได้อีกเลย ผมรออยู่มหาลัยนานจนสุดท้ายพี่พายก็ไม่มาและไม่เคยโผล่มาให้เห็นอีกเลย ผ่านเวลามาเป็นวัน เลื่อนเป็นเดือนผมก็ไม่เคยได้ข่าวคราวของพี่พายเลย
อาจจะเป็นเพราะผมมาอยู่ที่บ้านใหม่เนื่องจากร้านที่ป๊าเปิดมีพื้นมากพอจะสร้างบ้านเราจึงขายบ้านเก่าและย้ายมาทันทีที่ร้านและบ้านสร้างเสร็จและพี่พายอาจจะไม่รู้ หรือไม่พี่มันก็อาจจะเบื่อผม เบื่อกฏระเบียบที่ป๊าผมตั้งเอาไว้มันจึงหนีหายไป ไม่รอไม่บอกกล่าวอะไรปล่อยผมทิ้งไว้ให้อยู่กับคำว่าไม่รู้เพียงลำพัง
"เป็นอะไร" ไอเทียนนั่งลงบนเตียงข้างๆผม มันเอื้อมมือมาลุบหน้าผมเบาๆ
"เปล่า"
"อย่ามาโกหกเราเป็นแฝดกันนะธูป"
ผมถอนหายใจดังเฮือกเมื่อนึกถึงเรื่องพี่พายแต่อย่างน้อยเล่าให้ใครสักคนที่เราไว้ใจได้ฟังมันก็ยังดีกว่าเก็บเงียบเอาไว้คนเดียว สองหัวดีกว่าหัวเดียวล่ะวะ
"ก็พี่พายหายไปไม่โทรหากูเลย พอกูโทรไปก็ไม่ติด มึงไปบ้านน้องเค้กเจอมันางป่ะวะ"
ไอ้เทียนยักไหล่ให้ผมก่อนมันจะลุกจากเตียงถอนเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำ มันนุ่งผ้าเช็ดตัวเสร็จก็หันมาพูดกับผม
"ถ้ามันหายไปไม่ติดต่อมาก็แปลว่ามันไม่เลือกธูป คนแบบนี้ธูปจะฝากอนาคตไว้ด้วยเหรอ หนีปัญหาทิ้งคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนกัน"
ไอ้เทียนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม มันยกมือลูบใบหน้าของผมสายตาที่มองมามันอ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง ไอ้เทียนก้มลงมาหอมหน้าผากผมเบาๆก่อนจะผละออกไปและเดินตรงไปเข้าห้องน้ำ
ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทิ้งอะไรไปเรื่อยเปื่อยสารพัดคิดถึงสาเหตุที่พี่พายหายไปคิดถึงวันเก่าๆของเราสองคน คิดจะน้ำตามันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำไมผมอ่อนแอขนาดนี้วะ เขาไม่เอาก็ไม่เห็นจะต้องเสียใจร้องไห้ทำไม มันไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อยก็แค่โดนฟันแล้วทิ้งแค่นั้นเอง
"ร้องไห้ทำไม" ไอ้เทียนถลาเข้ามาหาผมทันทีเมื่อมันเปิดประตูห้องน้ำออกมาเจอผมกำลังนอนขดตัวร้องไห้อยู่บนเตียง
"ฮึก เปล่าฝุ่นมันเข้าตาอ่ะ" ผมโกหก
ไอ้เทียนไม่พูดอะไรมาดึงตังผมให้เข้าไปในอ้อมแขนของมัน มันกอดผมเอาไว้แน่นไม่พูดอะไรปล่อยให้ผมร้องไห้เงียบๆ
"ลืมมันซะ" หลังจากที่ผมร้องไห้สะอื้นจนตัวโยนไอ้เทียนก็พูดในสิ่งที่ผมไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม
"กู ฮึก กูไม่รู้" ไม่รุ้ว่าจะลืมได้ไหม ไม่รู้ว่าจะเลิกคิดถึงเมื่อไหร่
ผมไม่รู้อะไรสักอย่าง
ผมดันตัวออกจากอ้อนแขนของแฝดน้องก่อนจะยกมือเช็ดน้ำตาลวกๆไอ้เทียนเองก็ช่วยผมเช็น้ำตาเช่นกัน ผมมองร่างกายของมันที่ดูต่างจากผมไปมากพอสมควรอยู๋่โน่นป๊าคงใช้งานมันหนัก กล้ามมันเลยปรากฏให้เห็น ก้มมองดูตัวเองแล้วอนาถ ตรอมใจจนตัวจะเหลือแต่โครงกระดูอยู่แล้ว
"ไปแต่งตัวเหอะ" ผมบอกมัน
ไอ้เทียนลุกขึ้นยี้หัวผมก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้ามันหันมามองผมเป็นระยะๆดูมันห่วงผมมาก คงกลัวผมคิดสั้นมั้ง ผมมองมันแต่งตัวแล้วก็สงสัยอะไรบางอย่างที่ครั้งนึงสิ่งนั้นทำให้ผมรอดจากฝ่าตีนของพี่พายและลูกสมุนของมัน
"ไอ้เทียน" ผมเรียกคนที่กำลังยืนใส่กางเกงตรงหน้า
"ว่า"
"รอยสักที่หน้าอกมึงหายไปไหนวะ"
ไอ้เทียนก้มมองที่อกด้านซ้ายของมันก่อนจะหัวเราะออกมา "เทียนไม่เคยสัก"
"ก็น้องเค้กบอกกูว่ามึงมีรอยสักที่อกอ่ะ" ผมยังยืนยันว่าที่ผมรอดจากตีนพี่พายก็เพราะน้องเค้กบอกเองว่าไอ้เทียนมีรอยสักที่อกด้านซ้าย
"อ๋อ" ไอ้เทียนยิ้มก่อนจะเดินกลับมาหาผมที่เตียง "เทียนไม่เคยสักก็ธูปไม่ชอบเทียนจะสักทำไมอ่ะ"
"แล้ว" ผมยังสงสัยอยู่
"แค่เพ้นท์นะ เค้กก็รู้เพราะไปด้วยกันมา"
"อ้าวแล้วทำไมน้องเค้กถึงบอกว่าสักแล้วยังทำท่าเหมือนดีใจเวอรืขนาดนั้นด้วยอ่ะ"
คือใครไม่งงกูงงครับ นี่มันเรื่องอะไรกันวะใครก็ได้บอกผมทีเถอะ คือเอาจริงๆกูตามไม่ทัน
ไอ้เทียนหัวเราะในลำคอเมื่อมันเห็นผมทำหน้าเอ๋อๆไม่เข้าใจที่มันกำลังสื่อสาร มันขยับเข้ามาใกล้ๆผมก่อนจะนั่งลงด้านหลังผมและยกแขนขึ้นโอบกอดผมเอาไว้ มันเอาคางวางลงบนไหล่ผมจับตัวผมเอียงไปเอียงมา ผมเองก็นั่งนิ่งๆให้มันจับเหวี่ยงนั่นแหละ ในหัวกำลังคิดเรื่องที่ผ่านมาด้วยความสับสน
"เรื่องบางเรื่องนะธูปมันมีเหตุผลในการกระทำ บางครั้งสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่มันเป็น"
"ยังไงวะ" ผมหันไปถามมัน เลยถูกมันหอมแก้มให้ฟอดใหญ่ เออคือไม่ต้องจิ้นนะครับผมกับน้องเราทำแบบนี้ด้วยกันตั้งต่เด็กๆแล้ว โตมาก็ยังทำแบบนี้กันอยู่ซึ้งผมมองว่ามันปกติ
"ก็อยากเรื่องรอยสักที่ธูปเข้าใจไง บางครั้งมันอาจจะไม่ใช่ในสิ่งที่เค้กอยากจะบอกและสิ่งที่เค้กสื่อมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ธูปเข้าใจ"
โอเครกูงงหนักกว่าเดิมอีก
"ไม่เข้าใจ"
"อีกไม่นานธูปก็จะเข้าใจเอง แค่รู้ไว้ว่าเทียนทำทุกอย่างเพื่อธูปนะ"
"ยังไงวะกูงง"
"เอาไว้เมือ่ถึงเวลาธูปจะรู้เอง ตอนนี้แค่รู้เอาไว้ว่าเทียนรักธูปมากนะ"
"กูก็รักมึงมากเหมือนกัน"
ผมบอกมันเหมือนทุกครั้งที่เราสองคนพี่น้องบอกรักกัน ในเมื่อมันบอกผมว่าเรื่องบางเรื่องผมจะรู้เองเมื่อถึงเวลา ดังนั้นผมก็ควรรอเวลาเพื่อให้มันเฉลยความจริงทั้งหมด
ใครบางคนบนฟ้าอาจจะอยากทดสอบความรักของผมกับพี่พายก็ได้ว่าเราทั้งคู่รักกันมากไหม และผมจะทำให้คนที่เขียนบททดสอบนั้นรู้คำตอบเองว่าผมรักพี่พายมันมากขนาดไหน
ในเมื่อมันไม่ติดต่อมาผมนี่แหละจะไปหามันเอง จะไปเอาคำตอบจากมันเองว่ามันหายไปไหน